Home / โรแมนติก / เล่ห์โอบรัก / บทที่ 4 นางแบบจำเป็น - 50%

Share

บทที่ 4 นางแบบจำเป็น - 50%

last update Last Updated: 2025-03-17 16:00:03

มัลลิกาฟังจบก็เบิกตากว้างพร้อมกับยกนิ้วชี้เข้าหาตัวแล้วพูดราวกับไม่เชื่อหูตัวเองว่า

"หนูเนี่ยนะคะ! คุณป้าจะให้หนูเป็นนางแบบลิปสติกหรือคะ"

"ใช่จ้ะ ป้าคิดว่าหนูน่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว หนูรู้ตัวไหมว่าหนูมีปากที่สวยมาก ความจริงแล้วหนูก็สวยไปทั้งหน้านั่นแหละ ขอโทษนะจ๊ะหนูมะลิ ขอป้าถอดแว่นหนูออกหน่อย"

ไม่พูดเปล่า ภคินีถือวิสาสะถอดแว่นสายตาอันใหญ่ของมัลลิกาออก จากนั้นก็ปัดผมที่ตกลงมาบดบังบางส่วนของใบหน้าออกไปแล้วเอามือกุมแก้มเนียนใสทั้งสองข้างของหญิงสาวเอาไว้พลางจับหันไปทางซ้ายและขวาอย่างเบามือ

"หนูพราวก็ว่าพี่มะลิสวยค่ะ หนูพราวชอบพี่มะลิ คุณพ่อก็บอกว่าชอบพี่มะลิเหมือนกัน" พราวนภายิ้มกว้างพลางพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับผู้เป็นย่า

"จริงหรือลูก คุณพ่อบอกว่าชอบพี่มะลิหรือ"

ภคินีถามอย่างตื่นเต้น ตอนแรกตนนึกว่าบุตรชายคงจะสนใจสาวข้างบ้านแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าตาน่ารักจึงอดแซวเล่นตามประสาหนุ่มโสดที่เห็นสาวถูกใจไม่ได้ แต่พอได้ยินหลานสาวพูดแบบนี้ตนก็มั่นใจแล้วว่าภาวินตั้งใจจะจีบมัลลิกาจริง ๆ เสียแล้ว

"ใช่ค่ะ คุณพ่อยังให้หนูพราวมาบอกพี่มะลิด้วยนะคะว่าคุณพ่ออยากเลี้ยงแมวค่ะ" ครั้นพอเด็กน้อยพูดถึงตรงนี้ ผู้ใหญ่ทั้งสามคน ณ ที่นั้นต่างก็มีสีหน้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

มัลลิกานั้นหน้าแดงก่ำจนถึงลำคอเพราะรู้ดีว่าแมวที่ชายหนุ่มพูดถึงนั้นหมายถึงอะไร ส่วนภคินีก็ขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเพราะไม่เข้าใจว่าแมวมาเกี่ยวอะไรกับการที่บุตรชายสนใจหญิงสาวตรงหน้า ขณะที่คนต้นเรื่องนั้นได้แต่หัวเราะไหล่สั่นด้วยความขบขันจนต้องเอามือกุมท้อง

"แมว! พ่อหนูบอกว่าอยากเลี้ยงแมวหรือลูก แล้วทำไมต้องมาบอกพี่มะลิด้วยล่ะ" ผู้เป็นย่าเอ่ยปากถามหลานสาวอย่างสงสัย แต่หญิงสาวกลับชิงพูดขึ้นก่อนอย่างร้อนตัว

"คือ...คือว่าหนูเคยคุยกับพี่วินเรื่องอยากจะเลี้ยงแมวแต่ที่บ้านไม่ให้เลี้ยงค่ะ ก็...เท่านั้นเอง" หญิงสาวยิ้มแหยให้ผู้อาวุโสกว่าก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังยืนเอามือกุมท้องแล้วหัวเราะแบบไม่มีเสียงจนหน้าแดงก่ำ

ตาลุงบ้านี่ยังอุตส่าห์จำเรื่องแมวได้อีกนะ!

"จริงสิ แล้วหนูต้องขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ก่อนไหม ความจริงแค่ทาลิปสติกแล้วถ่ายแต่หน้าเองจ้ะเพราะเราอยากให้ลูกค้าได้เห็นสีจริงของลิปเวลาที่ทาบนปาก"

ภคินีต้องถามเรื่องนี้ก่อนให้แน่ใจ แม้เป็นเพื่อนบ้านกันมาไม่นานเท่าไรแต่ตนก็พอรู้มาบ้างว่าบิดามารดาของมัลลิกานั้นค่อนข้างหวงบุตรสาวไม่น้อย

"มันจะดีหรือคะ ไม่กลัวลิปขายไม่ออกหรือถ้าเอาหนูไปเป็นแบบ หนูว่าหาคนสวย ๆ มาถ่ายไม่ดีกว่าหรือ"

หญิงสาวพูดอย่างเกรงใจพร้อมกับยิ้มจืดเจื่อน ไม่กล้าหันไปมองหน้าคนที่เมื่อครู่แอบยืนหลบมุมหัวเราะแต่ตอนนี้กำลังเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

"แหม พูดอะไรอย่างนั้น เดี๋ยวตีตายเลยหนูมะลิเนี่ย ทำไมดูถูกตัวเองอย่างนั้นเล่า ไม่เชื่อสายตาป้าหรือ ป้าอยู่วงการนี้มานานหลายปีตั้งแต่เอเอ็นเอสยังไม่เป็นที่รู้จัก ป้าบอกว่าหนูเหมาะสมก็คือเหมาะสมจริง ๆ ใช่ไหมตาวิน"

ประโยคหลังภคินีหันไปถามบุตรชายที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนโซฟาอีกตัวโดยมีพราวนภานั่งอยู่บนตัก

"คุณแม่ว่ายังไงผมก็ว่าตามนั้นครับ เนอะหนูพราว" เขาก้มหน้าลงพยักพเยิดกับบุตรสาว พราวนภาเองก็พยักหน้าหงึกหงักตามบิดา

"ถ้ากลัวคุณพ่อคุณแม่จะว่า ป้าไปคุยให้ไหมจ๊ะ"

ภคินีพูดไปก็มองสำรวจใบหน้ารูปไข่ของมัลลิกาพลางคิดว่าจะลงรองพื้นเบอร์ไหน เขียนคิ้ววาดขอบตาอย่างไรถึงจะดึงเสน่ห์ของหญิงสาวตรงหน้าออกมาให้มากที่สุด

คนถูกถามครุ่นคิดด้วยความลังเลใจ จะว่าไปแล้วเรื่องแค่นี้บิดามารดาของเธอไม่ว่าอะไรแน่นอนเพราะไม่ใช่การทำเรื่องเสื่อมเสีย แต่เธอประหม่าและหวาดหวั่นอยู่ในใจลึก ๆ มากกว่า ด้วยเพราะรู้ตัวดีว่าตนไม่ใช่คนสวย เธอมองตัวเองในกระจกทุกวันย่อมรู้ว่าตนหน้าตาอย่างไร หากเทียบกับเบญญาภาญาติทางฝั่งบิดาที่ตนไม่ค่อยกินเส้นคนนั้นแล้ว มัลลิกายอมรับว่ารูปลักษณ์ของตนสู้ลูกพี่ลูกน้องผู้นั้นไม่ได้เลย

ความสามารถในการรับรู้จิตใจคนอื่นของมัลลิกานั้น ถึงแม้จะมีข้อดีตรงที่เป็นเหมือนสัญญาณเตือนภัยทำให้หญิงสาวรู้จักระมัดระวังตัวในการคบหาคนอื่น แต่ข้อเสียของมันก็มีเช่นกัน นั่นก็คือบางครั้งคนที่เธอไว้ใจหรือให้ความสนิทสนมด้วยกลับลอบด่าหรือเหยียดหยามดูแคลนเธออยู่ในใจ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้มัลลิกาเสียใจและเสียความรู้สึกหลายต่อหลายครั้ง

ฉะนั้น หากครั้งนี้เธอยอมเป็นนางแบบให้กับบริษัทแล้วผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นอย่างที่คิด หรือค่อนไปทางติดลบ คนในบ้านหลังนี้จะลอบต่อว่าเธอในใจหรือเปล่า และหากเป็นเช่นนั้นจริง เธอจะกล้ามาเล่นกับพราวนภาโดยแสร้งปั้นหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวได้หรือ

"แม่ โทรศัพท์มาแน่ะ"

เสียงพิทยาตะโกนเรียกภรรยามาจากห้องทำงาน ภคินีได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้นแล้วหันไปขยิบตาให้บุตรชายกับหลานสาวรับช่วงเกลี้ยกล่อมนางแบบจำเป็นคนนี้ต่อ

คล้อยหลังมารดาแล้วภาวินจึงมองมัลลิกา เห็นเธอก้มหน้างุดราวกับเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติแล้วก็อดขำไม่ได้ คิดแล้วก็แปลก หากเป็นหญิงสาวคนอื่นคงจะยินดีที่จะได้เป็นนางแบบของเครื่องสำอางแบรนด์ดัง แต่คนตรงหน้ากลับครุ่นคิดหนักราวกับว่าเขากำลังชวนเธอหนีออกจากบ้านอย่างไรอย่างนั้น

"หนูพราวขา คุณพ่ออยากกินเมล่อนที่คุณย่าหั่นแช่ไว้ในตู้เย็นจังเลย หนูไปเอามาให้คุณพ่อหน่อยได้ไหมคะ"

ชายหนุ่มก้มลงพูดกับบุตรสาวอย่างอ่อนโยน เด็กน้อยขานรับเสียงใสพร้อมกับกระโดดลงจากตักเขาแล้วเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที

เมื่อพราวนภาออกไปแล้วในห้องนั่งเล่นนี้จึงมีเพียงภาวินกับมัลลิกาเท่านั้น ชายหนุ่มเปลี่ยนมานั่งแทนที่มารดา หญิงสาวเงยหน้ามองเขาแว่บหนึ่งแล้วก็รีบผินหน้าไปมองทางอื่น รู้สึกทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันที

"หนูกลัวคุณพ่อจะว่าเอาหรือ" เขาลองถามหยั่งเชิงดูเพราะอยากรู้ว่าเธอกังวลอะไร แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าช้า ๆ พลางถอนหายใจแผ่วก่อนพูดว่า

"คุณพ่อไม่ว่าหรอกค่ะ แต่หนูแค่กลัวว่าตัวเองจะทำให้สินค้าของบริษัทพี่ขายไม่ออกมากกว่า หนูไม่สวย แต่งหน้าไม่ขึ้นหรอกค่ะ"

ประโยคหลังนี้เธอเคยถูกเบญญาภากับปรีชญาพูดใส่หน้ามาแล้วหลายครั้ง เบญญาภานั้นสามารถหาเรื่องมาติเธอได้ตลอดเพราะไม่ถูกกันมาตั้งแต่เด็ก ส่วนปรีชญานั้นแม้ภายนอกจะบอกเธอด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงใจเหมือนเพื่อนเตือนเพื่อน ทว่าภายในใจนั้นกลับดูแคลนเธออย่างไม่มีชิ้นดี แม้จะรู้อยู่ว่าที่ทั้งสองคนนั้นพูดกับตนแบบนี้ก็เพราะไม่ชอบเห็นใครดีกว่า แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกแย่และเสียความมั่นใจในตัวเองอยู่ดี

"มะลิ...ฟังพี่นะ ผู้หญิงทุกคนมีความสวยอยู่ในตัวด้วยกันทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับว่าคน ๆ นั้นจะดึงความสวยที่ตัวเองมีอยู่ออกมาได้รึเปล่า บางคนตาสวย บางคนปากสวย บางคนผมสวย บางคนผิวสวย บางคนก็สวยที่นิสัยและจิตใจ บางคนก็สวยที่สมอง แต่ละคนก็มีความสวยที่แตกต่างกันออกไป บนโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบที่สุด และก็ไม่มีใครขี้เหร่ที่สุดด้วย ถ้าหนูคิดว่าตัวเองสวย คิดว่าตัวเองมีดี หนูก็จะเป็นคนสวยและมีดีให้อวด แต่ถ้าหนูเอาแต่มองตัวเองในแง่ลบ แถมยังพูดกับตัวเองว่าฉันไม่สวย ฉันแต่งหน้าไม่ขึ้น หนูก็จะเป็นแบบนั้นไปตลอดเพราะหนูสะกดจิตตัวเองไว้อย่างนั้น จริงไหม"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 4 นางแบบจำเป็น - 75%

    มัลลิกาเงยหน้ามองภาวินพลางคิดตามที่เขาพูด จากนั้นคำพูดชื่นชมจากคนอื่นก็ผุดขึ้นมาในหัวประโยคแล้วประโยคเล่า เพียงแต่ทุกครั้งที่มีคนชมเธอมักจะบอกตัวเองเสมอว่าเขาชมไปตามมารยาท เธอไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นชมเลยแม้แต่น้อย จะว่าไปแล้วเธอก็มีข้อเสียที่แก้ไม่หาย นั่นคือเธอไม่เคยเก็บคำชมของคนอื่นมาใส่ใจ แต่คำต่อว่าดูแคลนทั้งหลายเธอกลับจำฝังหัว"ก็ถูกของพี่นะคะ" เธอยิ้มบาง ๆ ให้เขา ชายหนุ่มก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน"หนูแค่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งตรงนี้พี่อยากให้หนูคิดใหม่ทำใหม่ ใครจะพูดอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจ แค่เรารู้จักตัวเองดีก็พอ หนูรู้ไหมว่าในสายตาของพี่ หนูเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่ง"ทันทีที่เขาพูดจบ มัลลิกาก็รู้สึกหน้าร้อนวูบ ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าหน้าเธอคงแดงก่ำจนลามมาถึงลำคอแล้วเป็นแน่ และริมฝีปากก็คอยแต่จะคลี่ยิ้มอยู่ร่ำไป แม้ว่าเธอจะพยายามฝืนไว้อย่างสุดความสามารถก็ตามภาวินมองคนที่กำลังเขินจนทำอะไรไม่ถูกอย่างเอ็นดู ใจนึกอยากจะหยอดคำหวานอีกสักประโยคสองประโยคแต่ก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะมองเขาเป็นพวกปากหวานก้นเปรี้ยว สุดท้ายจึงได้แต่เก็บคำพูดเหล่านั้นทดไว้ในใจ อี

    Last Updated : 2025-03-17
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 4 นางแบบจำเป็น - 100%

    "นี่หนูมะลิจ้ะ นางแบบลิปสติกคนใหม่ของเอเอ็นเอส"ภคินีแนะนำพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของแบรนด์ด้วยสีหน้าเต็มใจนำเสนอเต็มที่ จันทร์เจ้ามองหญิงสาวที่ดูอ่อนวัยกว่าตนแล้วยิ้มให้อย่างจริงใจ"น่ารักดีค่ะคุณแม่ หน้าใสมากเลย ยังเรียนอยู่ใช่ไหมคะ" จันทร์เจ้าเรียกภคินีว่าคุณแม่ตามอย่างชินดนัย"หนูเรียนอยู่ปีสี่ค่ะ" มัลลิกาตอบอย่างนอบน้อมกึ่งขัดเขินที่ถูกชมซึ่งหน้าชินดนัยกับจันทร์เจ้านั่งคุยสัพเพเหระกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ขอตัวเพราะเกรงว่าจะไม่ทันรอบชมภาพยนตร์ ครั้นพอแขกไปแล้ว ภคินีจึงหันมาให้ความสนใจกับนางแบบจำเป็นตรงหน้าทันที"โอเคจ้ะ ก่อนอื่นต้องเตรียมผิวหน้าก่อน" พูดพลางหยิบขวดเคลนเซอร์กับสำลีมาถือไว้แล้วหันไปบอกบุตรชายว่า"ไปเตรียมกล้องสิตาวิน ไม่ใช่ว่าแบตหมดแล้วต้องมานั่งรอชาร์จนะ""คร้าบ คุณแม่" ภาวินยิ้มบาง ๆ พร้อมกับลุกขึ้นทันที เข้าใจดีว่าที่มารดาไล่ให้เขาไปเตรียมกล้องถ่ายรูปนั้นเป็นเพราะเกรงว่ามัลลิกาจะเขินที่ต้องมาแต่งหน้าต่อหน้าผู้ชายคล้อยหลังบุตรชายแล้ว ภคินีจึงเริ่มลงมือทีละขั้นตอนโดยมีพราวนภานั่งมองตาแป๋วด้วยความสนใจอยู่ข้าง

    Last Updated : 2025-03-18
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 5 ญาติตัวดี - 35%

    มัลลิกาหลับตานิ่งตอนที่ภาวินแต้มลิปสติกลงบนริมฝีปาก เธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง และยิ่งไม่กล้าสบตากับเขา ใจนึกอยากให้เขาแต่งหน้าให้เธอเสร็จเร็ว ๆ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้าจนหญิงสาวอยากคิดว่าเขาจงใจยืดเวลาให้นานขึ้นเพื่อแกล้งเธอเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นขัดจังหวะทำให้มัลลิกาสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นทันทีซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ภาวินแต่งหน้าให้เธอเสร็จแล้วเช่นกัน หญิงสาวรีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมากดรับสายเมื่อเห็นว่าผู้ที่โทร. เข้ามาคือนฤเบศร์ผู้เป็นพ่อเลี้ยง"ค่ะคุณพ่อ"ภาวินปล่อยให้มัลลิกาคุยโทรศัพท์ส่วนตนก็หันมาหาบุตรสาวที่กำลังนั่งรอให้ตนแต่งหน้าให้อย่างใจจดใจจ่อ เขาเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ มารดาของเขาถูกใจเหลือเกินที่หลานสาวรักสวยรักงามแบบนี้ระหว่างที่ชายหนุ่มแต่งหน้าให้พราวนภา มัลลิกาก็วางสายจากบิดาแล้วนั่งมองเขาใช้ปลายพู่กันค่อย ๆ แต้มบนริมฝีปากเล็ก ๆ ของบุตรสาว มือไม้ของเขาดูคล่องแคล่วมาก เธอไม่ค่อยเห็นผู้ชายแท้ ๆ จะเชี่ยวชาญเรื่องการใช้แปรงแต่งหน้าและเครื่องสำอางเท่าไร ส่วนใหญ่คนที่

    Last Updated : 2025-03-18
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 5 ญาติตัวดี - 70%

    "อุ๊ย ที่บ้านโทร. ตามอีกแล้ว หนูไปก่อนนะคะ...ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูเดินออกไปเอง บ๊ายบายค่ะหนูพราว เสาร์หน้าเจอกันนะคะ"มัลลิกาโบกมือให้เพื่อนตัวน้อยแล้วเดินออกจากห้องไปไม่เร็วนักเพราะยังเจ็บหัวเข่าอยู่ เธอเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงรั้วบ้านของตัวเองแล้วจึงเปิดซองสีน้ำตาลนั้นออกดู จากนั้นก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นธนบัตรใบสีเทาอยู่ในนั้นปึกหนึ่งจึงลองนับจากในซองเพราะไม่กล้าหยิบออกมาด้านนอก"โห! ตั้งสองหมื่นแน่ะ ถ่ายรูปแค่นี้เองเนี่ยนะ"มัลลิกายืนมองรถบัสสองชั้นที่จอดเรียงรายหน้าอาคารเรียนด้วยแววตาระยิบระยับ บรรดานักเรียนในชุดลูกเสือและเนตรนารีเดินกันขวักไขว่ เสียงจอแจหยอกล้อพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้นทำให้หญิงสาวอดนึกไปถึงตอนที่ตนเป็นนักเรียนมัธยมต้นไม่ได้ขณะที่มัลลิกายืนรอน้องชายอยู่กับมารดาและพ่อเลี้ยงนั้น ก็มีเด็กผู้ชายตัวผอมเก้งก้างคนหนึ่งเดินสะพายเป้ใบใหญ่มาทางนี้ หญิงสาวอมยิ้มมองน้องชายต่างบิดาที่อายุห่างกันเก้าปี เธอรอจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินมาถึงรถจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าที่คอของนฤบดินทร์มีรอยแผลครูดเป็นทางยาวประมาณหนึ่งฝ่

    Last Updated : 2025-03-18
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 5 ญาติตัวดี - 100%

    "ไอ้ดิน!" มัลลิกาเบิกตากว้างอ้าปากค้างเพราะถือว่าเรื่องใหญ่ไม่น้อย จากนั้นก็กวาดตามองสภาพของน้องชายตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า จึงพบว่าใบหน้าขาวใสนั้นมีเพียงรอยขีดข่วนและรอยฟกช้ำเล็กน้อยที่ตอนแรกเธอนึกว่าเกิดจากกิจกรรมการเข้าฐานของลูกเสือสำรอง แผลที่ชัดเจนที่สุดก็มีแค่รอยครูดที่คอ นอกนั้นก็ไม่มีส่วนใดที่จะมองออกว่าไปต่อยตีกับคนอื่นมา"แกทำเขาหนักขนาดนั้น แต่แกเจ็บตัวแค่นี้เนี่ยนะ"นฤบดินทร์ยักไหล่แล้วเบ้ปากก่อนพูดว่า"ก็บอกแล้วว่ามันสู้ผมไม่ได้ เก่งแต่ปากก็แบบนี้แหละ"มัลลิกากุมขมับทันทีเพราะเรื่องแบบนี้หากบิดามารดารู้เข้าคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ และที่สำคัญก็คือทางนี้ต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้คู่กรณีอีกด้วยครั้นพอคิดถึงเรื่องเงิน หญิงสาวก็นึกขึ้นได้ว่าตนมีเงินก้อนหนึ่งจากการเป็นนางแบบลิปสติก บางทีเธออาจใช้เงินนั้นจ่ายให้อีกฝ่ายก็เป็นได้"โอเค ถ้าทางโรงเรียนส่งจดหมายเรียกผู้ปกครอง แกก็เอามาให้พี่ก็แล้วกัน พี่จะโดดเรียนไปพบอาจารย์ฝ่ายปกครองกับแกเอง"แผลที่ขาของมัลลิกาดีขึ้นเล็กน้อย แม้จะยังรู้สึกเจ็บหัวเข่าบ้างเวลาที่

    Last Updated : 2025-03-18
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 6 หนูก็สู้คนนะ - 25%

    หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ มัลลิกา ปรีชญา และตติยะก็เดินกลับเข้าไปในมหาวิทยาลัยเพราะอรุณวตีกับเพลงพิณส่งข้อความมาบอกว่ารออยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ ตติยะเรียนบริหารธุรกิจชายหนุ่มจึงแยกตัวเดินไปอีกทางโดยมีปรีชญาหยุดยืนมองตามแผ่นหลังของเขาไปตลอดมัลลิกาเห็นปรีชญามองตามตติยะตาละห้อยจึงเดินดุ่ม ๆ ไปข้างหน้าไม่สนใจอีกฝ่าย จึงไม่รู้ว่าขณะที่ตนตั้งหน้าตั้งตาเดินหนีปรีชญานั้น ตติยะหันมองกลับมาที่ตน แต่ชายหนุ่มเห็นเพียงหญิงสาวอีกคนที่ส่งยิ้มมาให้ เขาจึงยิ้มตอบไปตามมารยาทแล้วหันหน้ากลับไปตามเดิมปรีชญาได้แต่ข่มความไม่พอใจไว้แล้วเดินตามหลังคนที่ตนเกลียดไปช้า ๆ เธอไม่เข้าใจว่ามัลลิกามีดีตรงไหน เพราะหากเทียบรูปร่างหน้าตากันแล้ว เธอมั่นใจว่าตนมีดีกว่าอีกฝ่าย ตั้งแต่ปีหนึ่งจนกระทั่งบัดนี้ เธอมีผู้ชายทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่มาตามจีบไม่เคยขาด ในขณะที่มัลลิกาแทบไม่เคยมีผู้ชายคนไหนชายตามอง ยกเว้นตติยะ และตติยะก็เป็นผู้ชายที่เธอหมายปองแต่เขากลับไม่เคยเหลียวแลเลยสักครั้ง"ไงยะแม่นางแบบลิปสติกคนใหม่ ต๊าย...ถ้าฉันไม่เห็นกับตานี่ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่าผู้หญิงคนนั้นคือหล่อนน่ะน

    Last Updated : 2025-03-19
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 6 หนูก็สู้คนนะ - 50%

    "จริงหรือ ทำไมล่ะ" ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยราวกับต้องการจับผิดคำพูดของเธอ"จริงสิ ตาลก็น่าจะรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่เราเป็นยังไง ในสายตาของพวกท่าน เราก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กอายุสิบสี่สิบห้าหรอก ดีไม่ดี ต่อให้เราทำงานแล้วท่านก็เห็นเราเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ"ตติยะส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมกับแค่นยิ้มพูดเสียงอ่อน"นั่นสินะ พ่อกับแม่ของมะลิหวงเธออย่างกับอะไรดี"...ก่อนเรียนจบ ฉันต้องเอาเธอมาเป็นของฉันให้ได้ มะลิ......ถ้าฉันเห็นเธอคบกับคนอื่นเมื่อไร ฉันเอาเธอตายแน่...มัลลิกาแทบลืมหายใจเมื่ออ่านความคิดสุดท้ายของเขา เธอหลุบตาลงมองมือตนเองก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนเคาะกระจกรถฝั่งคนขับก๊อก ๆ ๆครั้นพอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าผู้ที่มาเคาะคือภาวิน มัลลิกาก็ยิ้มด้วยความดีใจราวกับเจอผู้ช่วยชีวิต โชคดีที่เวลานั้นตติยะหันไปมองคนเคาะพอดีจึงไม่ทันเห็นว่าหญิงสาวยิ้มกว้างแค่ไหน เธอรีบชักมือออกมาจากมือของชายหนุ่มแล้วพูดรัวเร็ว"คุณอาข้างบ้านเราเองตาล เขาสนิทกับคุณพ่อเรามากเลย คงสงสัยว่าทำไมมีรถจอดอยู่หน

    Last Updated : 2025-03-19
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 6 หนูก็สู้คนนะ - 75%

    "หนูรู้จักกับตาลมาตั้งแต่ปีสองค่ะ รู้จักกันเพราะเจอกันบ่อยในห้องสมุดของมหา’ลัย เพื่อน ๆ บอกว่าเขาชอบหนูถึงได้พยายามมาให้เห็นหน้าบ่อย ๆ แต่ปัญหาคือมีเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งเขาชอบตาลมาก ก็เลยทำให้เพื่อนคนนั้นไม่ค่อยสนิทใจกับหนูเท่าไร หนูก็เลยพยายามแสดงออกให้ตาลรู้ว่าหนูคิดกับเขาแค่เพื่อน แต่ว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีปัญหาเลยนะคะ ดูเขาก็เข้าใจว่าหนูไม่คิดอะไร มีวันนี้แหละที่หนูรู้สึกว่า...ตาลเขาแปลก ๆ"มัลลิกาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ภาวินเข้าใจ เป็นเพราะเธออ่านใจคนอื่นได้จึงทำให้รู้ว่าเนื้อแท้ของตติยะไม่ใช่คนสุภาพอย่างที่เห็น"แปลกยังไง" ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ"หนูก็อธิบายไม่ถูกค่ะ เมื่อก่อนหนูคิดว่าเขาเป็นคนเรื่อย ๆ สบาย ๆ มีปัญหาอะไรก็ยิ้มไว้ก่อน แต่วันนี้จู่ ๆ เขาก็เหมือนคนไม่อยู่กับร่องกับรอยยังไงก็ไม่รู้ เหมือนคนเอาแต่ใจที่คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้" เธอยกข้อมือข้างที่ถูกตติยะบีบไว้แน่นตอนอยู่ในรถขึ้นมาดูก่อนพูดต่อ"เมื่อกี้เขาบีบข้อมือหนูแน่นเหมือนโมโหที่ไม่ได้ดั่งใจเขาจนหนูกลัวเลยละ เมื่อก่อนเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะคะ นี่ถ้าหนูไปเล่าให้เพื่อนในกล

    Last Updated : 2025-03-19

Latest chapter

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 24 พ่อตากับลูกเขย - บทส่งท้าย

    มัลลิกานั่งแช่อยู่ในสระว่ายน้ำส่วนตัว หญิงสาวยกแขนขึ้นวางบนขอบสระแล้วเอาคางเกยไว้ สองตาทอดมองผืนน้ำสีฟ้าสุดลูกหูลูกตาอย่างผ่อนคลาย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกำลังก้าวลงน้ำมาเช่นกัน จากนั้นแผ่นหลังของเธอก็ถูกทาบทับด้วยแผงอกหนั่นแน่นตามมาด้วยอ้อมแขนที่กอดรัดเอวไว้ และมีริมฝีปากอุ่นร้อนตามมาพรมจูบไปทั่วลาดไหล่"ชอบที่นี่ไหม" เสียงทุ้มเอ่ยถามชิดริมหู หญิงสาวห่อไหล่ตามสัญชาตญาณเพราะรู้สึกจั๊กจี้"ชอบค่ะ น้ำสีสวยมากเลย อากาศดีด้วยไม่ร้อนอย่างที่คิด" ทั้งที่ตอนนี้เธออยู่กลางแจ้งท่ามกลางแสงแดดอ่อน แต่กลับไม่ร้อนเหมือนแดดเมืองไทย"ชอบก็ดีแล้ว พี่นวดให้นะ เดินทางมาถึงเหนื่อย ๆ"ภาวินขันอาสาอย่างเอาใจ เขานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วค่อย ๆ บีบนวดต้นแขน หัวไหล่ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับนวดวนเวียนอยู่แต่ก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นสองก้อนที่อยู่ด้านหน้า บั้นท้ายก็ถูกสิ่งนั้นของเขาบดเบียดอย่างเป็นจังหวะ"ฮื้อ...พี่วินเนี่ยมือซนตลอดเลย" หญิงสาวครางเบา ๆ เมื่อเขาล้วงเข้าไปในชุดว่ายน้ำชิ้นบนแล้วใช้นิ้วหมุนวนปลายยอดอย่างปลุกเร้าภาวินมองไปรอบด้

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 100%

    ภาวินมองคนที่นั่งหลับมาตลอดทางด้วยสายตารักใคร่ วันนี้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับเธอทั้งวัน ได้นอนกกกอดเธอไว้ในอ้อมแขนจนเขาแทบสำลักความสุข เขารู้ว่าตนยังไม่อิ่มแต่ก็ต้องรีบพาหญิงสาวกลับกรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้ค่ำเกินไปชายหนุ่มจอดรถหน้าบ้านมัลลิกาในตอนหัวค่ำ ก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์บอกมารดาของเธอแล้วว่าจะพาหญิงสาวแวะกินมื้อเย็นแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน จึงไม่ห่วงว่าเธอจะถูกบิดามารดาดุ"มะลิ ถึงบ้านแล้วครับ" เขาสะกิดมัลลิกาเบา ๆ หญิงสาวตื่นขึ้นแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างงัวเงีย"ถึงบ้านหนูแล้ว หรือจะไปนอนบ้านพี่ดี" เจ้าตัวหันมาค้อนใส่เขาทันทีก่อนจะเปิดประตูลงไปยืนข้างรถแล้วโบกมือให้ แต่สภาพของเธอเหมือนคนยังไม่ตื่นดี เขาจึงอดไม่ไหวอีกต่อไป หัวเราะออกมาในที่สุด"ตื่นได้แล้ว หลับมาตลอดทางยังไม่พออีกหรือแม่คุณ" เขาถามกลั้วหัวเราะ เธอยู่หน้าใส่เขาแล้วพูดว่า"เพราะใครล่ะ" จากนั้นหญิงสาวก็หันหลังเดินจากไป เขามองจนเธอเข้าบ้านแล้วจึงขับเลยไปที่บ้านของตัวเองบ้างบิดามารดาของภาวินนั่งดูข่าวภาคค่ำอยู่ในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาแล้วนั่งบนโซฟาอีกตัว อ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 70%

    "ใส่ทำไม พี่อยากอ่อยคนแถวนี้นี่นา" ไม่พูดเปล่า แต่เขายังแบมือมาทางเธอราวกับต้องการให้วางมือลงไปบนมือของเขามัลลิกายื่นมือไปวางลงบนมืออุ่นข้างนั้น ชายหนุ่มกระตุกเบา ๆ หญิงสาวจึงทรุดนั่งข้างกายเขาแต่โดยดี"เย็น ๆ ค่อยกลับเนอะ หรือจะค้างดี" ภาวินถามพลางนวดมือให้เธอไปด้วย จึงทำให้มัลลิการับรู้ความในใจของชายหนุ่มอีกจนได้...พี่แค่อยากพาหนูมาผ่อนคลาย เห็นอุดอู้อยู่ในบ้านเป็นเดือน ๆ..."พี่ก็โทร. ไปขอคุณพ่อให้หนูสิคะ" เธอแกล้งหยอกเขาเล่น แต่ภาวินกลับคิดจะทำจริง ๆ"ก็ได้นะ พี่มีเบอร์คุณพ่อของหนูอยู่"ชายหนุ่มทำท่าจะยืนขึ้น หญิงสาวจึงรีบกอดแขนเขาไว้ทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะโทรศัพท์ไปขออนุญาตกับบิดาของตนจริง ๆ"ไม่เอา! พี่ก็รู้อยู่ว่าคุณพ่อไม่อนุญาตหรอก ขืนโทร. ไปมีหวังโดนจี้ให้กลับบ้านตอนนี้แน่" พูดจบเธอก็ถูกเขากอดไว้แล้วเอนตัวลงนอนไปด้วยกัน โดยที่หญิงสาวนอนเอาหูแนบอกฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอยู่ข้างใน"บ้านก็ติดกันอย่างนั้น ยังไงก็หนีพี่ไม่พ้นหรอก"เขาปัดผมของเธอออกจากลาดไหล่แล้วใช้มือลูบต้นแขนเปลือยเปล่าของหญิงสาวไปมา ผิ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 35%

    มัลลิการักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอีกสองอาทิตย์ก็ได้กลับบ้าน แผลที่แก้มเริ่มไม่เจ็บเท่าไรแล้ว แต่แผลที่ถูกกระจกบาดและแผลถลอกพอตกสะเก็ดกลับดูน่ากลัวจนมัลลิกาไม่กล้าส่องกระจกดูหน้าตัวเอง หญิงสาวยังเดินด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องอาศัยไม้ค้ำช่วยพยุง ในแต่ละวันเธอจึงได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้าน ภาวินจึงนึกสนุกด้วยการนำเครื่องสำอางมาให้หญิงสาวได้ลองหัดแต่งหน้าโดยแนะนำให้เธอเริ่มศึกษาจากยูทูบช่วงอาทิตย์แรกมัลลิกายังใช้แปรงและอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเก้กังเพราะไม่เคยใช้ แต่พออาทิตย์ถัดมาหญิงสาวก็เริ่มคล่องขึ้น และเริ่มสนุกกับการแปลงโฉมใบหน้าของตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ เธอเริ่มเข้าเว็บไซต์ และติดตามแฟนเพจที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ครีมหรือโลชั่นยี่ห้อไหนที่โด่งดังเรื่องช่วยลบรอยแผลเป็น เธอก็คลิกสั่งออนไลน์เพื่อเอามาลองใช้หลายยี่ห้อมัญชุดานั่งมองบุตรสาวที่กำลังทดลองสีลิปสติกกับข้อมือของตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม เมื่อก่อนมัลลิกาไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เพราะชอบคิดว่าตนไม่สวย แต่งไปก็ไม่มีใครดู แต่พอแม่สาวน้อยของเธอเริ่มมีความรักก็เริ่มหัดดูแลตัวเองมากขึ้น หนำซ้ำยังดูมีความสุขดีด้วย

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 100%

    มัลลิกายังคงไม่ยอมออกจากผ้าห่ม แต่เสียงสะอื้นนั้นไม่มีแล้ว ราวกับเจ้าตัวกำลังชั่งใจว่าจะโผล่หน้าออกมาคุยกับเขาดีหรือไม่"ถ้าอย่างนั้น พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม" ชายหนุ่มเอื้อมมือไปวางบนศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนพูดต่อ"ถ้าหากว่าคนที่ถูกรถชนเป็นพี่ คนที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้เป็นพี่ และพี่ต้องมีแผลเป็นบนหน้าบ้าง หนูจะบอกเลิกพี่รึเปล่า หนูจะเลิกรักพี่แล้วหันไปคบคนอื่นไหม"คนนอนคลุมโปงส่ายหน้าไปมาแล้วตอบ "ไม่ ทำไมหนูต้องทำอย่างนั้น"ภาวินยิ้มออกทันที "ใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมพี่ต้องทำอย่างนั้นล่ะครับ"ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงไปจูบบริเวณที่คาดว่าน่าจะเป็นหน้าผากของหญิงสาวผ่านทางผ้าห่ม"หนูพราวถามหาพี่มะลิทุกวันเลย ไว้วันเสาร์นี้พี่จะพาหนูพราวมาเยี่ยมด้วยนะ"พอพูดถึงพราวนภา คนในผ้าห่มก็เลิกผ้าออก เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและเปลือกตาบวมจากการร้องไห้เมื่อครู่ เจ้าตัวสูดน้ำมูกทีหนึ่งแล้วถาม"หนูพราวเป็นยังไงบ้างคะ หนูผลักแรงขนาดนั้นไม่รู้หัวเข่ากระแทกพื้นจนเป็นแผลรึเปล่า"ภาวินมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนเชื่อม ตัวเองเป็นอย่างนี้ยังอุตส่าห์ถามถึงคนอื่

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 70%

    มัลลิกาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น แม้จะคาดเดาไว้อยู่แล้วแต่ก็อดใจหายและเศร้าอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ ถึงปรีชญาจะทำไม่ดีกับเธอไว้มากมาย แต่อย่างไรเสียก็ยังเคยคบหากันอย่างสนิทสนมมาก่อน"ทำไมตาลเขาต้องทำอย่างนั้นคะคุณพ่อ""เขาป่วยเป็นโรคหลายบุคลิกน่ะ ตอนนี้ถึงจะจับตัวได้แล้วแต่ก็ยังดำเนินคดีอะไรไม่ได้ เพราะต้องให้เขารักษาจนอาการดีขึ้นก่อน""อ้าว เขาไม่ติดคุกหรือ แล้วถ้าเขาออกมาขับรถไล่ชนหนูอีกล่ะคะ" มัลลิกาถามหน้าตื่น คิดในใจว่าถ้าโดนชนอีกครั้งคงไม่มีชีวิตรอดแน่นอน"พ่อก็ห่วงเรื่องนี้อยู่ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะกักตัวเขาไว้รักษาอาการแบบไหน พ่อกลัวว่าเขาจะปล่อยให้มันไปรักษาที่บ้านแล้วมันก็จะออกมาก่อเรื่องอีก""แย่จัง...แล้วตกลงเจอแพตที่ไหนคะ"เธออยากรู้ว่าตติยะลงมือกับปรีชญาแบบไหน และทำอย่างไรจึงสามารถซ่อนศพไว้ได้นานขนาดนั้นโดยที่ไม่มีใครหาเจอ"ศพลอยมาติดกับกอผักตบข้างวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาน่ะ แต่ผลการชันสูตรบอกว่าตายเพราะถูกบีบคอจนขาดอากาศหายใจ"นฤเบศร์เล่าให้บุตรสาวฟังไปตามความจริงโดยไม่คิดปิดบัง เพราะคนที่เป็นทั้งเหยื่อและฆาตกรก

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 35%

    ความเจ็บปวดรวดร้าวที่แผ่ลามไปทั่วร่างราวกับทุกชิ้นส่วนของร่างกายกำลังถูกจับแยกออกจากกันทำให้คนที่หลับใหลไปหลายวันในห้องผู้ป่วยวิกฤติค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่น เปลือกตาหนักอึ้งเปิดปรือขึ้นอย่างยากลำบาก กลิ่นอันเป็นลักษณะเฉพาะของโรงพยาบาลทำให้คนที่เพิ่งตื่นจากฝันรู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ไหนเสียงครางแผ่วเล็ดลอดออกจากลำคอ รู้สึกเจ็บไปทั้งตัวจนไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหนบ้าง มัลลิกาพยายามมองไปรอบด้าน แต่เพราะนอนสลบไปหลายวันสายตาจึงยังปรับระยะได้ไม่ดีนัก จนเธอต้องยกมือข้างหนึ่งที่ไม่เจ็บเท่าไรขึ้นมาวางทาบที่เปลือกตาทั้งสองข้างตามความเคยชินทว่าตอนที่เอามือปิดตานั้น หญิงสาวสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่บนผิวแก้มข้างซ้ายของตน เธอทั้งเจ็บทั้งตึงบริเวณนี้จึงลองวางมือทาบลงไปบนสิ่งที่ติดอยู่บนแก้มอะไรน่ะ ผ้าปิดแผลหรือ ทำไมใหญ่จัง...มัลลิกาขมวดคิ้วมุ่น พยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ล่าสุดที่ตนพอจะจำได้อยู่เป็นนาน เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนนั่งเล่นอยู่ที่สวนสาธารณะของหมู่บ้านกับภาวิน นั่งดูพราวนภาตีแบดมินตัน และหลังจากนั้น...จำได้แล้ว! เธอถูกรถชนนั่นเองตอน

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 21 ความจริงที่พูดไม่ได้ - 100%

    นฤเบศร์ขับรถไปส่งภรรยาที่บ้าน จากนั้นก็ขับต่อไปยังโรงพยาบาลทางจิตเวชที่ตติยะถูกกักตัวไว้เพื่อทำการทดสอบสภาพจิต เมื่อไปถึงเขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าตนขอเข้าเยี่ยม เจ้าหน้าที่จึงพาเขาไปนั่งรออยู่ในห้องห้องหนึ่ง จากนั้นไม่นาน ตติยะก็เดินเข้ามาในห้องโดยไร้เครื่องพันธนาการร่างกาย แต่มีเจ้าหน้าที่ชายคอยตามประกบอยู่สองคนนฤเบศร์มองคนที่กำลังยกมือไหว้ตนด้วยสายตาเย็นชา จนกระทั่งตติยะนั่งลงแล้วเขาจึงเอ่ยปากพูด"ดูท่าทางสุขสบายดีนะ""ผมไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะครับ ผมไม่ได้ทำ ผมรักมะลิจะตายใคร ๆ ก็รู้ คุณอาลองไปถามเพื่อนของเธอดูก็ได้ ผมไม่มีทางทำร้ายมะลิแน่นอน ไอ้คนที่ทำ...""มันก็คือมึงนั่นแหละ!"นฤเบศร์ตบโต๊ะเสียงดังอย่างเหลืออดจนตติยะสะดุ้ง เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาใกล้เพราะเกรงว่าเขาจะทำอันตรายผู้ต้องหา นฤเบศร์จึงหันไปบอกกับสองคนนั้น"ผมไม่ทำอะไรมันหรอกไม่ต้องห่วง แม้ว่าผมอยากจะฆ่ามันให้ตายคามือก็เถอะ" จากนั้นก็หันมาเล่นงานตติยะต่อด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว"มึงมันฉลาดดีนี่ ฆ่าคนมาเท่าไรแล้วล่ะ พอโดนจับได้ก็มาบอกว่าเป็นโรคจิตจำอะไ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 21 ความจริงที่พูดไม่ได้ - 70%

    "แกไม่ต้องห่วงแม่ดากับหนูมะลิหรอกนะ แม่รับปากว่าจะทำตามที่แกขอเอาไว้ แม่เลี้ยงหนูมะลิมาตั้งหลายปีแม่ก็รักมะลิเหมือนหลานแท้ ๆ นั่นแหละ"มัลลิการ้องไห้ออกมาทันทีเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นจากโฉมฉาย"คุณย่าขา หนูก็รักคุณย่านะคะ"ครั้นพอหญิงสาวร้องไห้ออกมา จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดทรมานไปทั้งร่างราวกับร่างกายกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แขนขาหนักอึ้งกระดิกไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ขมับทั้งสองข้างจากน้ำตาที่ไหลกลิ้งลงไปรวมกันอยู่ตรงนั้น และที่สำคัญ นอกจากจะเจ็บไปทั่วทั้งตัวแล้วมัลลิกายังรู้สึกว่าบนใบหน้าซีกหนึ่งปวดตุบ ๆ อยู่ตลอดเวลาเหมือนเมื่อครั้งที่ตนตกจากต้นไม้แล้วหัวเข่าเป็นแผล เพียงแต่ครั้งนี้เจ็บกว่านั้นมากนักพิษจากบาดแผลและความเจ็บปวดที่ได้รับ ทำให้สติสัมปชัญญะของมัลลิกาค่อย ๆ เลือนไปจนทุกอย่างดับวูบไปอีกครั้ง"หลายวันแล้วนะเบศร์ ทำไมยายหนูยังไม่ฟื้นสักที" มัญชุดาได้แต่ยืนมองบุตรสาวที่ยังหลับใหลอยู่บนเตียงคนไข้ ร่างกายมีบาดแผลและร่องรอยฟกช้ำไปทั่วร่าง ขาข้างหนึ่งต้องใส่เฝือก สายน้ำเกลื

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status