จากวันที่เขาประสบอุบัติเหตุเขาต้องอยู่โรงพยาบาลเกือบเดือนค่า ใช้จ่ายก็หลายแสนอยู่ ที่สําคัญตํารวจก็ยังจับคู่กรณีไม่ได้ คุณตํารวจคิดว่าคู่ กรณีน่าจะเป็นคนต่างชาติที่มาท่องเที่ยวและก็กลัวความผิดเลยรีบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว.. งานที่ทําเขาก็ไม่ต้องไปทําอีกต่อไปเพราะว่าเขา โดนไล่ออกแล้ว.. เรื่องราวมรสุมชีวิตของเขามันเป็นเรื่องที่ทุเรศสิ้นดี.. ภาระทุกอย่างเลยต้องมาตกอยู่ที่ปาล์มแค่คนเดียว.. เขาสงสารปาล์มแต่ ปาล์มเองบอกให้เขาไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเพียงแค่เขาสู้ และอยู่กับปาล์ม.. ปาล์มก็พร้อมที่จะทําทุกอย่างเพื่อให้เขากลับมาเดินได้เหมือนกัน.. ตอน นี่เขาก็อยู่บ้านมาเกือบสามเดือนแล้ว.. ช่วงนี่ปาล์มไม่ค่อยกลับมาอยู่บ้านเท่าไรเห็นว่าต้องท่างานเยอะเลยต้องไปอยู่ห้องพักของทางที่ท่างานที่เจ้า นายเป็นคนจัด ให้เพราะมัน ใกล้และสะดวกในการเดินทาง.. ซึ่งมันก็จริงอย่างที่ปาล์มพูดเอาไว้.. แต่ปาล์มก็แวะมาหาเขานะ หลังเลิกงานก็จะแวะ มาหาเขาทุกวัน และก็จะกลับช่วง 6 โมงเย็นเป็นประจํา
"วันนี่ปาล์มได้กินข้าวรึยังเนี่ย.. หน้าตาไม่ดีเลย เป็นอะไร? ปวดหัวเหรอ? พักผ่อนเพียงพอไหมปาล์ม” วันนี้ปาล์มดูไม่ดีเลยอ่ะ เป็นอะไรรึเปล่านะหรือว่าทำงานหนักเกินไป… เขาอยากแบ่งเบาภาระปาล์มแล้ว เขาสงสารปาล์มมากๆเลยที่จะต้องทำงานคนเดียวและไหนจะต้องเจียดเงินเดือนของตัวเองมาจ่ายค่าใช้จ่ายในเรื่องต่างๆ ปาล์มในตอนนี้มีภาระหน้าที่ที่หนักหนาเกินตัวไปแล้วนะ.. เขาจะทำยังไงดี…
“ไม่เป็นไร เราไม่เป็นไร ตัวล่ะ วันนี้ทำกายภาพเป็นยังไงบ้าง.. ยังเจ็บที่เข่าอยู่ไหม?” เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไร วันนี้เธอรู้สึกเพลียมากๆ เธอเหนื่อย เธอบอกไม่ถูก
“ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะแล้ว.. เราเป็นห่วงตัวนะปาล์มถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน… เราเหลือกันแค่สองคนนะปาล์ม.. ” งานก็ไม่มีทำภาระทุกอย่างมาตกอยู่ที่ปาล์มคนเดียวเขาสงสารปาล์ม เขาอยากจะแข็งเพื่อที่เขาจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของปาล์มให้ได้มากที่สุด.. ตอนนี้เขาทำได้แค่พยายามทำให้ตัวเองแข็งแรงเร็วๆเพื่อที่ปาล์มจะได้ไม่ต้องมาเป็นห่วงเขา
“ปาล์ม.. เรากลับบ้านกันไหม? ที่นี่ค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพมันสูงมากๆเลยนะ.. เรากลับไปอยู่บ้านของพวกเรากันไหม? ” เขาคิดเรื่องนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วเพราะตั้งแต่ที่เขาป่วยเขาก็แอบเห็นค่าใช้จ่ายต่างๆนาๆที่ปาล์มจะต้องจ่ายเพื่อเขาแล้วมันทำให้เขาสงสารปาล์มขึ้นไปอีก เขาไม่รู้หรอกว่าปาล์มทำเรื่องกู้ยืมในบริษัทเท่าไร และที่บริษัทนั้นเขาคิดค่าต่างค่าดอกเบี้ยกับปาล์มยังไง.. เขาเป็นห่วงปาล์ม..
“เรื่องนี้ขอคิดดูก่อนนะไปป์ เรายังต้องทำงาน เรายังต้องใช้หนี้ที่บริษัทน่ะเราหวังว่าตัวจะเข้าใจเรานะไปป์..” เธอมีเหตุผลมากกว่านั้น.. แต่เหตุผลนั้นเธอไม่สามารถพูดกับไปป์ได้เรื่องนี้เธอจะต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด.. ไม่เป็นไรเพื่อไปป์เธอทำได้เพื่อน้องชายฝาแฝดของเธอเธอยอมทำทุกอย่าง..
“เราแล้วแต่ปาล์มนะปาล์มว่ายังไงเราก็ว่าตามนั้น.. กินข้าวด้วยกันก่อนไหมวันนี้เราทำต้มข่าไก่ด้วย.. ” เขาทำได้แค่นี้จริง เขาทำได้แค่ทำมื้อค่ำไว้รอปาล์ม.. ช่วงนี้ปาล์มมากินข้าวที่บ้านบ่อยเขาเลยเลือกที่จะซื้อของสดติดตู้เย็นเอาไว้เผื่อวันไหนปาล์มแวะมาปาล์มจะได้กินกับข้าวฝีมือเขายังไงล่ะ..
“อืม.. ก็ดีนะ งั้นเดี๋ยวเราไปจัดโต๊ะเลยนะ..”
“ได้ๆ งั้นเราไปดูต้มข่าไก่ก่อนนะ ทำตั้งแต่สี่โมงเย็นน่ะ ตอนนี้น่าจะเข้มข้นพอดีเลยล่ะ เราใส่เลือดลงไปด้วยของชอบตัวเราจำได้.. ถ้าพรุ่งนี้มา.. เราจะทำข้าวมันไก่ให้กินนะ เรามีสูตรน้ำจิ้มแล้ว…” สิ่งที่เขาชอบที่สุดก็คือการทำอาหาร ปาล์มเองก็ทำกับข้าวเก่งเพราะแม่และพ่อของพวกเราท่านเคยเปิดร้านข้าวแกงมาก่อน บ้านที่กรุงเทพฯหลังนี้ท่านเก็บหอมรอมริบทีละนิดทีละหน่อยซื้อมันเอาไว้ โชคดีของพวกเขาที่ไม่ต้องเช่าบ้านอยู่แต่ก็อย่างว่า ค่าน้ำค่าไฟ และไหนจะค่าโทรศัพท์ต่างๆนาๆ มันก็มีมาก บางครั้งก็ต้องปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน.. ทุกอย่างจะต้องใช้เงินดังนั้นเขาจึงอยากจะชวนปาล์มกลับไปอยู่บ้านเราอีกหลังเพราะอย่างน้อยค่าครองชีพก็น่าจะถูกกว่าที่นี่เยอะ.. แต่เขาก็แล้วแต่ปาล์ม ปาล์มอยู่ที่ไหนเขาก็จะอยู่ที่นั่น.. เพราะเราคือแฝดกันเราเกิดมาพร้อมกัน เราก็จะต้องไปทุกที่ด้วยกัน…
โอ้ก….นี่เป็นเสียงของปาล์มที่ทุกเช้าหลังตื่นนอนเขาจะได้ยินเสมอ.. เขาและปาล์มได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านเก่าของเราแล้ว.. บรรยากาศเก่าๆที่เขายังคงจำได้สมัยช่วงในวัยเด็ก.. การที่ปาล์มอ้วกมันเกิดจากปาล์มท้อง… แต่ปาล์มท้องกับใครนั้นเขาไม่รู้เลย.. ปาล์มไม่ยอมเล่า ปาล์มไม่บอกเขาก็ไม่ถาม.. ถ้าปาล์มอยากบอกเจ้าตัวก็คงจะบอกเองนั่นแหละเรื่องนี้เขาจึงไม่บังคับถาม.. เขาไม่อยากทำให้ปาล์มเสียใจไปมากกว่านี้.. เพราะสิ่งที่เขาคิดเอาไว้น่ะเหรอ.. เขาคิดว่าปาล์มเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อให้เขาได้รักษาตัว.. เขาจะต้องดูแลปาล์มให้ดีที่สุดเท่าที่น้องชายคนนึงจะทำได้…“ไหวไหมตัว? กินน้ำก่อน..” สิ่งที่เขารู้ก็คือปาล์มท้องและได้ลูกแฝด.. ก็ไม่แปลกนะเพราะเราสองคนก็เป็นฝาแฝดกันดังนั้น้ถ้าปาล์มจะท้องลูกแฝดมันก็คือเรื่องปกติ.. ตอนนี้เขาอยากจะเจอหลานแฝดแล้วสิเขาอยากรู้เหมือนกันว่าหน้าตาจะออกมาจะหน้าหยิกขนาดไหน..“เราโอเคไปป์ ทำไมดื้อกับแม่แบบนี้นะ.. ” เธอเลือกที่จะหนีออกมาจากผู้ชายใจร้ายคนนั้นให้เร็วที่สุด.. เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะมีลูกเขาไม่ต้องการผูกมัดกับเธอ เขามีคนของเขาอยู่แล้ว.. มันผิดที่เธอ ผิดที่เธอแพ้ยาคุมยี่ห่อน
ช่วงนี้เขาช่วยดูแลเจ้าก้อนกลมสองก้อนที่กำลังดื้อและน่าฟัดเอามากๆเลยล่ะ ถึงแม้จะเหนื่อยแต่เขาก็เต็มใจช่วยนะเพราะแค่ปาล์มคนเดียวที่ต้องออกไปหาเงินมันก็หนักมากแล้วเขาสงสารปาล์มนะ ปาล์มเลือกที่จะเข้าป่ากับป้าๆน้าๆในหมู่เข้าป่าไปหาของป่าและเห็ด.. เขาสงสารปาล์ม เขาอยากจะแบ่งเบาภาระของปาล์มบ้างแต่เขาก็ไม่สามารถออกไปไหนได้เขาเลยขอเลือกที่จะทำงานง่ายๆผ่านบ้าน และสิ่งที่เขาคิดก็คือทำอาหารขาย และให้ลงขายผ่านอินเตอร์เน็ตเอา เขาเองก็พอมีเงินเก็บนิดๆหน่อย และข้าวของเครื่องใช้ที่จะต้องทำมันก็ไม่แพงมาก เขาเลยคิดว่าเขาจะหารายได้พิเศษเสริมเพื่อมาช่วยปาล์มสักนิด… “ปาล์ม.. นั่งพักก่อนนะ กินน้ำใบเตยเย็นๆก่อนเราทำเอาไว้ให้ตัวโดยเฉพาะเลยนะ.. ” เพียงแค่เขาได้ยินเสียงป้าๆน้าๆเขาก็รีบพาเจ้าก้อนกลมสองก้อนออกมานอกบ้านเพื่อมารอคนเป็นแม่ทันที.. ดูสิเพียงได้ยินเสียงคนเป็นแม่ก็กระดี๊กระด๊ากันใหญ่ และนับวันเจ้าสองก้อนกลมหลานรักของเขาผิวพรรณและสีผมออกแนวไปทางลูกครึ่งเสียขนาดนี้.. ตกลงแล้ว.. ใครเป็นพ่อของหลานเขานะ… “ ขอบคุณนะไปป์ แตงโม ตังเม.. ดื้อไหมครับ ดื้อกับน้าไปป์ไหมครับ…” “ แมะ แมะ…” สองพี่น้องได้แต่อมยิ้ม
แต่ละวันมันช่างผ่านไปรวดเร็วเหมือนกันนะจะว่าไปหลังจากที่เขาตัดสินใจที่จะเริ่มทำงานหาเงินตอนนี้ก็เวลาก็ล่วงเลยเข้าเดือนที่สามแล้ว รายได้ก็ดีขึ้นกว่าเดิมมากเลยทีเดียว เมื่อก่อนที่บ้านตู้เย็นยังเป็นหลังเล็กๆใส่ของได้ไม่มากตอนนี้เป็นเป็นหลังใหม่แล้วและสามารถกักตุนของสดต่างๆได้มากขึ้น.. และเขาสามารถซื้อวัตถุดิบอย่างอื่นได้เพื่อมาทำของขาย วันนี้เขาเลือกทำซูชิทอดและวางไส้หลังจากทอดและหั่นผ่าตรงกลางให้มันแยกออกจากกัน และนำไส้ต่างๆที่เขาคิดว่าน่าจะเข้ากันลงไปวางตรงกลางและราดด้วยซอสในฉบับของเขา“ แตงโม ตังเม.. กินไหมเอ่ย.. มาๆมาลองชิมให้น้าก่อนนะครับ..” หนูทดลองตัวดีคือเจ้าก้อนกลมของเขานี่แหละ เจ้าสองคนนี้มักจะคอยชิมอาหารต่างๆให้กับเขาอยู่ตลอดเวลาถ้าเมื่อไรเจ้าสองคนนั้นคายทิ้งนั่นก็หมายความว่า… หยุดทำเพราะมันไม่อร่อยและเขาก็จะต้องปรับปรุงและแก้ไขรสชาติไปจนกว่าเจ้าสองก้อนกลมจะกิน ถ้าเมื่อไรที่เจาสองก้อนกลมกินหมดนั่นหมายความว่าอาหารของเขาผ่านแล้ว“ กิน.. กิน…”หึหึ.. อ้วนเอ้ย.. จะอวบอ้วนไปถึงไหนกันนะเจ้าสองก้อนเอ้ย.. ให้ตายสิเจ้าเด็กสองคนนี้นับวันยิ่งน่ารักและน่าเอ็นดูขึ้นไปอีก เมื่อก่อนเขาก็หลงห
วันแล้ววันเล่าตอนแรกเขาก็คิดว่าคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นพ่อของเจ้าสองก้อนกลมจะล้มเลิกความคิดไปเพราะหลังจากที่เขาเจอในวันนั้นคนพวกนั้นก็หายหน้าไปเลยสองสามวันเขาก็เลยคิดว่าคงจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีกต่อไปแต่ที่ไหนได้… สองคนนั้นกลับมาอีกครั้งและก็มาคอยป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านของเขาเรื่องนี้เขาเองก็ลืมเล่าให้ปาล์มฟังเพราะเขาคิดว่าคนพวกนั้นไม่น่าจะมาอีกเพราะคนที่อ้างตัวว่าเป็นพ่อเจ้าสองก้อนกลมหายหน้าไปเลยและไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขาอีก แต่พอสามวันผ่านไปเท่านั้นแหละ..“คุณมาแบบนี้คุณต้องการอะไรกันแน่…” มันจะเกินไปแล้วนะ เพียงแค่ปาล์มออกไปข้างนอกกับป้าๆน้าๆในหมู่บ้านพ่อของก้อนกลมก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาแตงโมและตังเมทันที วันนี้เขาถือขนมมาเยอะมาก ขนมที่เด็กสามารถกินได้ อันที่จริงมันก็ดีนะเพราะเด็กๆจะได้กินอะไรที่แปลกใหม่บ้างแต่เขาก็ไม่อยากจะทำให้เด็กทั้งสองคนเคยตัวจนไม่ยอมกินข้าวกินน้ำน่ะสิ ดีที่เขายังไม่ได้สอนให้เจ้าสองก้อนกลมเรียกเขาว่าพ่อไม่งั้นเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกกับปาล์มว่ายังไงดี“ต้องการลูกและเมียไงถามโง่ๆ ไอ้ณุช่วยพาน้าของลูกกูไปหาปลากินหน่อยเผื่อจะฉลาดขึ้นมาบ้าง พ่อมาหาลูก ผัวมาหาเมีย
สวัสดีวันที่น่าเบื่อสำหรับผม… อ๋อ ผมชื่อไปป์ อายุ 26 ปี เป็นพนักงานบัญชีทั่วไปที่ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งนึงที่ทำมาได้นานสองปีแล้ว.. ชีวิตประจำวันผมก็ได้ทำงานทำงานและก็ทำงานไปเรื่อยๆ ชีวิตก็วนลูปอยู่แบบนี้ประจำนั่นแหละ“ ไปป์ ช่วยเอาเอกสารชุดนี้ไปช่วยตรวจให้หน่อยสิ.. ฝากด้วยนะ…” นั่นไง.. งานที่เขาไม่จำเป็นต้องทำมันก็จะถูกส่งมาให้เขาทำเช่นนี้อยู่เสมอ เขาก็อยากจะปฏิเสธบ้างแต่เขาก็ไม่กล้าทำ.. ดังนั้นเขาก็เลยต้องทำแทนทุกคนแต่ก็ไม่เป็นไรหรอกถือว่าเป็นการฝึกงานและเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเองไปในตัว เรื่องแบบนี้เขาจะมาจมปรักอยู่แต่กับความรู้ที่ตัวเองเคยเรียนมาก็ไม่ได้เพราะโลกสมัยนี้ถ้าทำได้หลายอย่างมันก็ยังดีกว่าทำเป็นแค่อย่างเดียวประเภทเดียวจริงไหม?“ครับเดี๋ยวไปป์จะดูให้นะครับ…” ตึกตึกตึก….“ไปป์.. ไปป์ควรปฏิเสธบ้างนะ งานตัวเองยังเหลืออีกตั้งเยอะยังจะไปเอางานคนอื่นมาทำเพิ่มอีกเหรอ? น่าเบื่อ…” หึหึหึ…“งั้นมิ้นเอาไปช่วยไหมล่ะจะได้เสร็จเร็วๆ ว่าแต่.. นี่จะเที่ยงแล้วเราไปหาอะไรกินกันเถอะ ” ตลอดเลยนะมิ้นเนี่ยแต่เขาก็เข้าใจได้นะเพราะว่ามิ้นเป็นห่วงเขาหรอกมิ้นเลยดุ แต่ก็อย่างที่บอกถ้าทำได้หลายอย่าง
“ปาล์ม.. ให้เราไปส่งที่หน้าบริษัทไหม? รถเราซ่อมเสร็จแล้วนะ ไปไหมๆ ” กว่ารถเขาจะซ่อมเสร็จก็เป็นอาทิตย์เลยล่ะ เครื่องอยู่ๆมันก็ดับ และที่สำคัญดับบนสะพานสูงด้วยน่ะสิ.. เขานะคิดว่าไม่น่าจะรอดเพราะมันดันไปดับที่เลนส์กลางเลยล่ะดีที่เขาเร่งมาถึงตรงนั้นได้และเขาก็สามารถพาตัวเองไปยังเลนส์นอกสุดของถนนไม่งั้นนะเขาคงจะโดนรถชนเข้าให้… และค่าเสียหายในการซ่อมครั้งนี่ก็ปาไป 5 พันบาท “ไม่เป็นไรตัว วันนี้เจ้านายผ่านมาแถวนี้น่ะเจ้านายเราเลยให้ติดรถไปด้วย… ไปป์ตัวต้องขับรถระวังๆนะรู้ไหม? อย่าซิ่งให้มากนะเราเป็นห่วงรู้ไหม? ” “จ้าๆๆ รู้แล้วจ้า เราจะขับระวังๆนะ ปาล์มตัวก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ตัวผอมไปมากเลยนะรู้ไหม.. กินให้มันเยอะๆหน่อยสิเราเป็นห่วง เรามีกันแค่สองคนนะปาล์ม.. รักนะ เป็นห่วงตัวมากๆด้วยนะรู้ไหม?” ทั้งชีวิตเขาก็มีแค่ปาล์มนี่แหละที่เป็นครอบครัวที่เหลือของเขา เพราะพ่อและแม่ของเราสองคนได้เสียไปแล้ว แม่เสียด้วยโรคมะเร็ง พ่อของเขาก็ตรอมใจเพราะท่านรักแม่มากๆไม่นานพ่อก็เสียชีวิตตามไป ไม่นานเลยนะ เขาเองก็อยากจะมีความรักแบบนี้นะ ความรักที่พ่อมีให้แม่.. ความรักที่แบบความรักที่ใครๆก็มองออกว่าพ่อของเขารั
ติ๊ด…. ติ๊ด….เสียงอะไรนะ.. เสียงที่เขากำลังได้ยินนั่นมันคือเสียงอะไรกันแน่… แล้วทำไม.. เขารู้สึกเจ็บไปทั้งตัวแบบนี้ล่ะ.. ติ๊ด… ติ๊ด….“โอ้ย….” “ฟื้นแล้วค่ะ คนไข้ฟื้นแล้ว.. ”ตึกตึกตึก….เสียงเอะอะของคนที่อยู่รอบตัวทำให้เขาพยายามที่จะลืมตามองแต่ทำไมมันหนักแบบนี้นะ.. มันเจ็บทั้งตัวและยังขยับไม่ได้อีก… เขาอยู่ที่ไหนกันและเขาเป็นอะไรกันแน่…ตึกตึกตึก….“อย่าพึ่งขยับครับ.. ขอให้หมอตรวจเช็คร่างกายคุณก่อนนะครับ…”และนั่นก็เป็นประโยคแรกที่เขาได้ยิน.. เขาเป็นอะไรนั้นตอนแรกเขาก็ไม่รู้แต่เมื่อเขาตั้งสติได้เขาก็พอจับใจความได้ว่าเขานั้นอยู่ที่โรงพยาบาล.. เขาประสบอุบัติเหตุ.. ใช่สิเขาประสบอุบัติเหตุ.. แต่เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าเขาไปโดนอะไรมา เขาเจออะไรกันแน่…ก๊อกๆๆ“ ขออนุญาตค่ะ.. คนไข้เจ็บตรงไหนบ้างไหมคะนอกจากที่ขา..” “ ไม่ครับ.. ไม่เจ็บตรงอื่นครับ.. ว่าแต่.. ผมไปเจออะไรมากันแน่ครับ…” ดูแล้วเขาน่าจะขาหักเข้าให้.. แต่ไม่มีอาการปวดหัวหรือว่าเจ็บต้นคออย่างที่คุณหมอท่านกังวล.. โชคดีที่เขาใส่หมวกกันน๊อคเอาไว้มันเลยทำให้หัวของเขาไม่กระแทกจนได้รับความบาดเจ็บที่คอและหัว แต่ก็นะ.. ขาของเขาหักจนต้องใส่
วันแล้ววันเล่าตอนแรกเขาก็คิดว่าคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นพ่อของเจ้าสองก้อนกลมจะล้มเลิกความคิดไปเพราะหลังจากที่เขาเจอในวันนั้นคนพวกนั้นก็หายหน้าไปเลยสองสามวันเขาก็เลยคิดว่าคงจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีกต่อไปแต่ที่ไหนได้… สองคนนั้นกลับมาอีกครั้งและก็มาคอยป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านของเขาเรื่องนี้เขาเองก็ลืมเล่าให้ปาล์มฟังเพราะเขาคิดว่าคนพวกนั้นไม่น่าจะมาอีกเพราะคนที่อ้างตัวว่าเป็นพ่อเจ้าสองก้อนกลมหายหน้าไปเลยและไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขาอีก แต่พอสามวันผ่านไปเท่านั้นแหละ..“คุณมาแบบนี้คุณต้องการอะไรกันแน่…” มันจะเกินไปแล้วนะ เพียงแค่ปาล์มออกไปข้างนอกกับป้าๆน้าๆในหมู่บ้านพ่อของก้อนกลมก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาแตงโมและตังเมทันที วันนี้เขาถือขนมมาเยอะมาก ขนมที่เด็กสามารถกินได้ อันที่จริงมันก็ดีนะเพราะเด็กๆจะได้กินอะไรที่แปลกใหม่บ้างแต่เขาก็ไม่อยากจะทำให้เด็กทั้งสองคนเคยตัวจนไม่ยอมกินข้าวกินน้ำน่ะสิ ดีที่เขายังไม่ได้สอนให้เจ้าสองก้อนกลมเรียกเขาว่าพ่อไม่งั้นเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกกับปาล์มว่ายังไงดี“ต้องการลูกและเมียไงถามโง่ๆ ไอ้ณุช่วยพาน้าของลูกกูไปหาปลากินหน่อยเผื่อจะฉลาดขึ้นมาบ้าง พ่อมาหาลูก ผัวมาหาเมีย
แต่ละวันมันช่างผ่านไปรวดเร็วเหมือนกันนะจะว่าไปหลังจากที่เขาตัดสินใจที่จะเริ่มทำงานหาเงินตอนนี้ก็เวลาก็ล่วงเลยเข้าเดือนที่สามแล้ว รายได้ก็ดีขึ้นกว่าเดิมมากเลยทีเดียว เมื่อก่อนที่บ้านตู้เย็นยังเป็นหลังเล็กๆใส่ของได้ไม่มากตอนนี้เป็นเป็นหลังใหม่แล้วและสามารถกักตุนของสดต่างๆได้มากขึ้น.. และเขาสามารถซื้อวัตถุดิบอย่างอื่นได้เพื่อมาทำของขาย วันนี้เขาเลือกทำซูชิทอดและวางไส้หลังจากทอดและหั่นผ่าตรงกลางให้มันแยกออกจากกัน และนำไส้ต่างๆที่เขาคิดว่าน่าจะเข้ากันลงไปวางตรงกลางและราดด้วยซอสในฉบับของเขา“ แตงโม ตังเม.. กินไหมเอ่ย.. มาๆมาลองชิมให้น้าก่อนนะครับ..” หนูทดลองตัวดีคือเจ้าก้อนกลมของเขานี่แหละ เจ้าสองคนนี้มักจะคอยชิมอาหารต่างๆให้กับเขาอยู่ตลอดเวลาถ้าเมื่อไรเจ้าสองคนนั้นคายทิ้งนั่นก็หมายความว่า… หยุดทำเพราะมันไม่อร่อยและเขาก็จะต้องปรับปรุงและแก้ไขรสชาติไปจนกว่าเจ้าสองก้อนกลมจะกิน ถ้าเมื่อไรที่เจาสองก้อนกลมกินหมดนั่นหมายความว่าอาหารของเขาผ่านแล้ว“ กิน.. กิน…”หึหึ.. อ้วนเอ้ย.. จะอวบอ้วนไปถึงไหนกันนะเจ้าสองก้อนเอ้ย.. ให้ตายสิเจ้าเด็กสองคนนี้นับวันยิ่งน่ารักและน่าเอ็นดูขึ้นไปอีก เมื่อก่อนเขาก็หลงห
ช่วงนี้เขาช่วยดูแลเจ้าก้อนกลมสองก้อนที่กำลังดื้อและน่าฟัดเอามากๆเลยล่ะ ถึงแม้จะเหนื่อยแต่เขาก็เต็มใจช่วยนะเพราะแค่ปาล์มคนเดียวที่ต้องออกไปหาเงินมันก็หนักมากแล้วเขาสงสารปาล์มนะ ปาล์มเลือกที่จะเข้าป่ากับป้าๆน้าๆในหมู่เข้าป่าไปหาของป่าและเห็ด.. เขาสงสารปาล์ม เขาอยากจะแบ่งเบาภาระของปาล์มบ้างแต่เขาก็ไม่สามารถออกไปไหนได้เขาเลยขอเลือกที่จะทำงานง่ายๆผ่านบ้าน และสิ่งที่เขาคิดก็คือทำอาหารขาย และให้ลงขายผ่านอินเตอร์เน็ตเอา เขาเองก็พอมีเงินเก็บนิดๆหน่อย และข้าวของเครื่องใช้ที่จะต้องทำมันก็ไม่แพงมาก เขาเลยคิดว่าเขาจะหารายได้พิเศษเสริมเพื่อมาช่วยปาล์มสักนิด… “ปาล์ม.. นั่งพักก่อนนะ กินน้ำใบเตยเย็นๆก่อนเราทำเอาไว้ให้ตัวโดยเฉพาะเลยนะ.. ” เพียงแค่เขาได้ยินเสียงป้าๆน้าๆเขาก็รีบพาเจ้าก้อนกลมสองก้อนออกมานอกบ้านเพื่อมารอคนเป็นแม่ทันที.. ดูสิเพียงได้ยินเสียงคนเป็นแม่ก็กระดี๊กระด๊ากันใหญ่ และนับวันเจ้าสองก้อนกลมหลานรักของเขาผิวพรรณและสีผมออกแนวไปทางลูกครึ่งเสียขนาดนี้.. ตกลงแล้ว.. ใครเป็นพ่อของหลานเขานะ… “ ขอบคุณนะไปป์ แตงโม ตังเม.. ดื้อไหมครับ ดื้อกับน้าไปป์ไหมครับ…” “ แมะ แมะ…” สองพี่น้องได้แต่อมยิ้ม
โอ้ก….นี่เป็นเสียงของปาล์มที่ทุกเช้าหลังตื่นนอนเขาจะได้ยินเสมอ.. เขาและปาล์มได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านเก่าของเราแล้ว.. บรรยากาศเก่าๆที่เขายังคงจำได้สมัยช่วงในวัยเด็ก.. การที่ปาล์มอ้วกมันเกิดจากปาล์มท้อง… แต่ปาล์มท้องกับใครนั้นเขาไม่รู้เลย.. ปาล์มไม่ยอมเล่า ปาล์มไม่บอกเขาก็ไม่ถาม.. ถ้าปาล์มอยากบอกเจ้าตัวก็คงจะบอกเองนั่นแหละเรื่องนี้เขาจึงไม่บังคับถาม.. เขาไม่อยากทำให้ปาล์มเสียใจไปมากกว่านี้.. เพราะสิ่งที่เขาคิดเอาไว้น่ะเหรอ.. เขาคิดว่าปาล์มเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อให้เขาได้รักษาตัว.. เขาจะต้องดูแลปาล์มให้ดีที่สุดเท่าที่น้องชายคนนึงจะทำได้…“ไหวไหมตัว? กินน้ำก่อน..” สิ่งที่เขารู้ก็คือปาล์มท้องและได้ลูกแฝด.. ก็ไม่แปลกนะเพราะเราสองคนก็เป็นฝาแฝดกันดังนั้น้ถ้าปาล์มจะท้องลูกแฝดมันก็คือเรื่องปกติ.. ตอนนี้เขาอยากจะเจอหลานแฝดแล้วสิเขาอยากรู้เหมือนกันว่าหน้าตาจะออกมาจะหน้าหยิกขนาดไหน..“เราโอเคไปป์ ทำไมดื้อกับแม่แบบนี้นะ.. ” เธอเลือกที่จะหนีออกมาจากผู้ชายใจร้ายคนนั้นให้เร็วที่สุด.. เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะมีลูกเขาไม่ต้องการผูกมัดกับเธอ เขามีคนของเขาอยู่แล้ว.. มันผิดที่เธอ ผิดที่เธอแพ้ยาคุมยี่ห่อน
จากวันที่เขาประสบอุบัติเหตุเขาต้องอยู่โรงพยาบาลเกือบเดือนค่า ใช้จ่ายก็หลายแสนอยู่ ที่สําคัญตํารวจก็ยังจับคู่กรณีไม่ได้ คุณตํารวจคิดว่าคู่ กรณีน่าจะเป็นคนต่างชาติที่มาท่องเที่ยวและก็กลัวความผิดเลยรีบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว.. งานที่ทําเขาก็ไม่ต้องไปทําอีกต่อไปเพราะว่าเขา โดนไล่ออกแล้ว.. เรื่องราวมรสุมชีวิตของเขามันเป็นเรื่องที่ทุเรศสิ้นดี.. ภาระทุกอย่างเลยต้องมาตกอยู่ที่ปาล์มแค่คนเดียว.. เขาสงสารปาล์มแต่ ปาล์มเองบอกให้เขาไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเพียงแค่เขาสู้ และอยู่กับปาล์ม.. ปาล์มก็พร้อมที่จะทําทุกอย่างเพื่อให้เขากลับมาเดินได้เหมือนกัน.. ตอน นี่เขาก็อยู่บ้านมาเกือบสามเดือนแล้ว.. ช่วงนี่ปาล์มไม่ค่อยกลับมาอยู่บ้านเท่าไรเห็นว่าต้องท่างานเยอะเลยต้องไปอยู่ห้องพักของทางที่ท่างานที่เจ้า นายเป็นคนจัด ให้เพราะมัน ใกล้และสะดวกในการเดินทาง.. ซึ่งมันก็จริงอย่างที่ปาล์มพูดเอาไว้.. แต่ปาล์มก็แวะมาหาเขานะ หลังเลิกงานก็จะแวะ มาหาเขาทุกวัน และก็จะกลับช่วง 6 โมงเย็นเป็นประจํา "วันนี่ปาล์มได้กินข้าวรึยังเนี่ย.. หน้าตาไม่ดีเลย เป็นอะไร? ปวดหัวเหรอ? พักผ่อนเพียงพอไหมปาล์ม” วันนี้ปาล์มดูไม่ดีเลยอ่ะ เป็นอะไรรึเปล
ติ๊ด…. ติ๊ด….เสียงอะไรนะ.. เสียงที่เขากำลังได้ยินนั่นมันคือเสียงอะไรกันแน่… แล้วทำไม.. เขารู้สึกเจ็บไปทั้งตัวแบบนี้ล่ะ.. ติ๊ด… ติ๊ด….“โอ้ย….” “ฟื้นแล้วค่ะ คนไข้ฟื้นแล้ว.. ”ตึกตึกตึก….เสียงเอะอะของคนที่อยู่รอบตัวทำให้เขาพยายามที่จะลืมตามองแต่ทำไมมันหนักแบบนี้นะ.. มันเจ็บทั้งตัวและยังขยับไม่ได้อีก… เขาอยู่ที่ไหนกันและเขาเป็นอะไรกันแน่…ตึกตึกตึก….“อย่าพึ่งขยับครับ.. ขอให้หมอตรวจเช็คร่างกายคุณก่อนนะครับ…”และนั่นก็เป็นประโยคแรกที่เขาได้ยิน.. เขาเป็นอะไรนั้นตอนแรกเขาก็ไม่รู้แต่เมื่อเขาตั้งสติได้เขาก็พอจับใจความได้ว่าเขานั้นอยู่ที่โรงพยาบาล.. เขาประสบอุบัติเหตุ.. ใช่สิเขาประสบอุบัติเหตุ.. แต่เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าเขาไปโดนอะไรมา เขาเจออะไรกันแน่…ก๊อกๆๆ“ ขออนุญาตค่ะ.. คนไข้เจ็บตรงไหนบ้างไหมคะนอกจากที่ขา..” “ ไม่ครับ.. ไม่เจ็บตรงอื่นครับ.. ว่าแต่.. ผมไปเจออะไรมากันแน่ครับ…” ดูแล้วเขาน่าจะขาหักเข้าให้.. แต่ไม่มีอาการปวดหัวหรือว่าเจ็บต้นคออย่างที่คุณหมอท่านกังวล.. โชคดีที่เขาใส่หมวกกันน๊อคเอาไว้มันเลยทำให้หัวของเขาไม่กระแทกจนได้รับความบาดเจ็บที่คอและหัว แต่ก็นะ.. ขาของเขาหักจนต้องใส่
“ปาล์ม.. ให้เราไปส่งที่หน้าบริษัทไหม? รถเราซ่อมเสร็จแล้วนะ ไปไหมๆ ” กว่ารถเขาจะซ่อมเสร็จก็เป็นอาทิตย์เลยล่ะ เครื่องอยู่ๆมันก็ดับ และที่สำคัญดับบนสะพานสูงด้วยน่ะสิ.. เขานะคิดว่าไม่น่าจะรอดเพราะมันดันไปดับที่เลนส์กลางเลยล่ะดีที่เขาเร่งมาถึงตรงนั้นได้และเขาก็สามารถพาตัวเองไปยังเลนส์นอกสุดของถนนไม่งั้นนะเขาคงจะโดนรถชนเข้าให้… และค่าเสียหายในการซ่อมครั้งนี่ก็ปาไป 5 พันบาท “ไม่เป็นไรตัว วันนี้เจ้านายผ่านมาแถวนี้น่ะเจ้านายเราเลยให้ติดรถไปด้วย… ไปป์ตัวต้องขับรถระวังๆนะรู้ไหม? อย่าซิ่งให้มากนะเราเป็นห่วงรู้ไหม? ” “จ้าๆๆ รู้แล้วจ้า เราจะขับระวังๆนะ ปาล์มตัวก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ตัวผอมไปมากเลยนะรู้ไหม.. กินให้มันเยอะๆหน่อยสิเราเป็นห่วง เรามีกันแค่สองคนนะปาล์ม.. รักนะ เป็นห่วงตัวมากๆด้วยนะรู้ไหม?” ทั้งชีวิตเขาก็มีแค่ปาล์มนี่แหละที่เป็นครอบครัวที่เหลือของเขา เพราะพ่อและแม่ของเราสองคนได้เสียไปแล้ว แม่เสียด้วยโรคมะเร็ง พ่อของเขาก็ตรอมใจเพราะท่านรักแม่มากๆไม่นานพ่อก็เสียชีวิตตามไป ไม่นานเลยนะ เขาเองก็อยากจะมีความรักแบบนี้นะ ความรักที่พ่อมีให้แม่.. ความรักที่แบบความรักที่ใครๆก็มองออกว่าพ่อของเขารั
สวัสดีวันที่น่าเบื่อสำหรับผม… อ๋อ ผมชื่อไปป์ อายุ 26 ปี เป็นพนักงานบัญชีทั่วไปที่ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งนึงที่ทำมาได้นานสองปีแล้ว.. ชีวิตประจำวันผมก็ได้ทำงานทำงานและก็ทำงานไปเรื่อยๆ ชีวิตก็วนลูปอยู่แบบนี้ประจำนั่นแหละ“ ไปป์ ช่วยเอาเอกสารชุดนี้ไปช่วยตรวจให้หน่อยสิ.. ฝากด้วยนะ…” นั่นไง.. งานที่เขาไม่จำเป็นต้องทำมันก็จะถูกส่งมาให้เขาทำเช่นนี้อยู่เสมอ เขาก็อยากจะปฏิเสธบ้างแต่เขาก็ไม่กล้าทำ.. ดังนั้นเขาก็เลยต้องทำแทนทุกคนแต่ก็ไม่เป็นไรหรอกถือว่าเป็นการฝึกงานและเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเองไปในตัว เรื่องแบบนี้เขาจะมาจมปรักอยู่แต่กับความรู้ที่ตัวเองเคยเรียนมาก็ไม่ได้เพราะโลกสมัยนี้ถ้าทำได้หลายอย่างมันก็ยังดีกว่าทำเป็นแค่อย่างเดียวประเภทเดียวจริงไหม?“ครับเดี๋ยวไปป์จะดูให้นะครับ…” ตึกตึกตึก….“ไปป์.. ไปป์ควรปฏิเสธบ้างนะ งานตัวเองยังเหลืออีกตั้งเยอะยังจะไปเอางานคนอื่นมาทำเพิ่มอีกเหรอ? น่าเบื่อ…” หึหึหึ…“งั้นมิ้นเอาไปช่วยไหมล่ะจะได้เสร็จเร็วๆ ว่าแต่.. นี่จะเที่ยงแล้วเราไปหาอะไรกินกันเถอะ ” ตลอดเลยนะมิ้นเนี่ยแต่เขาก็เข้าใจได้นะเพราะว่ามิ้นเป็นห่วงเขาหรอกมิ้นเลยดุ แต่ก็อย่างที่บอกถ้าทำได้หลายอย่าง