ร่างหนาใหญ่ผุดลุกอย่างรวดเร็ว ดวงตากวาดมองเรือนร่างเกือบเปลือยขาวผ่องอยู่ในแสงไฟอย่างกระหายอยาก ไฟปรารถนาลามเลียไปทั่วกายอย่างรวดเร็ว ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม โน้มตัวลงไปมอบจุมพิตบนเรียวปากนุ่มสองริมฝีปากพานพบกันบดคลึงส่งมอบความหวานให้อย่างฉ่ำชื่นใจ ปลายลิ้นสากระคายค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปลองลิ้มชิมรสหวานในโพรงปากนุ่ม ดุนดันหยอกล้อกับปลายลิ้นเล็กๆ อย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล มือใหญ่ค่อยตวัดเอาผ้าโพกศีรษะออกจากศีรษะกัญญาพัชรมาคลุมศีรษะตัวเองอย่างรวดเร็ว ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้แก้มเนียนนุ่มเห่อแดงด้วยเลือดฝาดสาว“อืม...ได้กำลังใจหวานๆ แบบนี้ รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลยละ” ร่างหนาใหญ่เดินไปหยิบเอาเสื้อผ้ามาส่งให้กัญญาพัชร ก่อนที่จะไปหยิบสวมใส่ของตัวเอง ก่อนจะเดินไปจับจูงมือเรียวพาเดินออกไปนอกกระโจมอย่างรวดเร็วฟารฮานรีบวิ่งตามปิยาพัชรไปติดๆ แต่ก็ไม่ทัน เพราะเมื่อเขาเข้าไปในห้องได้นั้นร่างบอบบางก็เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว จนเข้าได้แต่งุนงง เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ก็ยังดีๆ กันอยู่นี่นา แต่ทำไมตอนนี้ปิยาพัชรทำเหมือนกับโกรธจนไม่อยากมองหน้าเขา หรือว่าเขาจะคิดมากไปเอง แต่ไม่นะ...ร่างหนาใหญ่เดินวนไปเวียนมา
“อืม...” ฟารฮานถามออกไปด้วยความหวาดหวั่นและหนักใจ ไม่ใช่ไม่อยากให้ปิยาพัชรไป แต่ถ้าการไปของหญิงสาวนำเอาภัยมาสู่ตัวเอง เขาก็ไม่อยากจะเสี่ยง เพราะพวกศัตรูที่คอยดักทำร้ายเขาและทุกคนที่อยู่รายรอบ ไอ้เจ้าพวกนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในมุมมืด ส่วนเขาอยู่ในมุมสว่าง จะไปไหนมาไหนพวกมันย่อมตามติดและทำร้ายคนที่รักได้“คุณฟารฮานไม่ไว้ใจมัดหมี่กับจันตีใช่ไหมคะ กลัวพวกเราสองคนจะหนีไปหรือคะ” ปิยาพัชรถามเสียงเศร้า ใบหน้าหม่นหมอง อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายวัน ฟารฮานน่าจะมองนิสัยของเธอออกแล้ว แต่นี่เขากลับ...“ไม่ใช่นะมัดหมี่ เพียงแต่ฉันอยากไปด้วยน่ะ แต่ช่วงนี้ฉันงานยุ่งมากเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าจะปลีกเวลาไปกับมัดหมี่ได้หรือเปล่าน่ะซิ”ฟารฮานรีบเลี่ยงตอบไปอย่างที่คิดว่าน่าจะทำให้ปิยาพัชรเชื่อ และหาทางทำให้หญิงสาวไม่เบื่อและเซ็งจนเกินไปนัก แต่ไอ้การที่จะให้เขาปล่อยหญิงสาวไปกับจันฑีราสองคนนั้นบอกเลยว่า...ไม่ความอบอุ่นผุดขึ้นในหัวใจดวงน้อย เมื่อคนที่อยู่ใกล้เป็นห่วงเป็นใย มือเล็กเรียวจับมือหนามาจับเอาไว้แนบใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานๆ ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับ“ให้มัดหมี่กับจันตีไปที่ทำงานด้วยได้ไหมคะ”สิ้นค
“ว่าไงล่ะจันตี จะบอกได้หรือยังว่าเป็นอะไร หึงฉันใช่ไหม”“ถ้าใช้แล้วจะทำไมล่ะตาบ้า...”‘อ๊าย...ฉันพูดออกไปได้ยังไงกันละนี่ ตายแล้วยัยจันตีแกนี่หน้าไม่อายจริงๆ โหย...แล้วทีนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันละนี่ ฮือๆ ...’จันฑีรารีบดึงมือเรียวออกจากมือใหญ่มาปิดปาก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรงเหมือนกับจะทะลุออกมาจากอก ใบหน้ากลายเป็นสีพีชสุกเบี่ยงหนี ยิ่งเห็นดวงตาคมดุคู่นั้นเป็นประกายแพรวพราวระยิบระยับก็ทำให้เธอทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเอามือเอาไม้ไปวางไว้ตรงไหน“อ้าว...แล้วจะมาอายทำไมล่ะจันตี ก็แค่บอกว่าเธอชอบฉัน เอ๊ะ...ไม่ใช่ ต้องบอกว่า เธอรักฉันใช่ไหม ไม่เห็นจะน่าอายอะไรเลยนี่นา”อึ๋ย...ตาบ้า ยังจะเอาความรักของคนอื่นมาล้อเล่นอีกแน่ะ มันน่าทุบให้กระอักเลือดเลย แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น สาวกล้าที่กลายเป็นสาวน้อยขลาดกลัวไปเสียแล้วในตอนนี้ ใบหน้าขาวได้แต่หลบสายตาคมดุมองลงเบื้องล่างแทน“ว่าไงจันตี บอกได้หรือยังคนดี…รักฉันน่ะ” อินซอฟถามกลั้วแววตายิ้มๆ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ อยากจะร้องตะโกนให้ดังลั่นบ้านอย่างคนมีความสุข ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะลงตัวได้ง่ายถึงเพียงนี้ เมื่อต้องรอให้หญิงสาวที่ปากแข็งเหลือเ
“พอก่อนนะอินซอฟ คุยกันให้เสร็จก่อน ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆ นะ”แม้กายจะเริ่มเป็นใจไปกับความปรารถนาที่ถูกปลุกเร้า แต่จันฑีราก็ยังไม่ยอมให้สิ่งเหล่านั้นพรากเอาสติไปจากเธอได้“หืม...คุยเรื่องอะไรอีกล่ะ” ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนประทับบนเนินทรวงขาวอวบอิ่ม ใบหน้าคมแหงนหงายขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมสบกับดวงตากลมโตที่เป็นประกายเว้าวอนและไม่แน่ใจในตัวเอง“จะโกรธฉันได้ลงจริงๆ หรือคนดี” ปลายมือใหญ่ขยับลากไล้ไปบีบนวดหยอกล้อหน้าท้องแบนราบเรียบ บางครั้งก็ขยับบีบนวดลำขาเรียวยาว“อุ๊ย!! ไม่นะอินซอฟ คุยกันก่อนซิ” มือเรียวจับมือใหญ่ให้อยู่กับที่ด้วยหัวใจเต้นเหมือนกลองเพล “เรื่อง...”เสียงนุ่มหวานหายไปเพราะปากอิ่มถูกปิดทับด้วยริมฝีปากหนาอุ่นร้อน ปลายลิ้นสากระคายสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากนุ่ม ซอกซอนหาความหวานนุ่มไปทั่วโพรงปากเล็ก ดุนดันหยอกล้อพัวพันกับปลายลิ้นเล็กๆ อีกทั้งมือใหญ่ลากไล้บีบนวดไปตามเรือนกายเนียนและนุ่มเหมือนกับไหมชั้นดีอาภรณ์ตัวสวยเนื้อนุ่มลื่นเคลื่อนหลุดหายจากเรือนกายบอบบาง เหลือเพียงผ้าชิ้นเล็กปกปิดบางส่วนเอาไว้เท่านั้น มือใหญ่ขยับเคลื่อนบีบนวดสะโพกหนั่นแน่นสลับบีบนวดต้นขายาวเรียว และค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหา
“จ๋า...รักฉันไหมคนดี” เรียวลิ้นอุ่นชื้นแทรกลึกหายใจสุดกายาหญิง“ระ...รัก...รัก...” ใบหน้าขาวสวยแหงนหงายไปด้านหลัง มือเล็กเรียวขยับเคลื่อนไหวไปตามลาดไหล่ แผ่นหลังและอกกว้างจนได้พบกับตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลไหม้ ปลายนิ้วเล็กๆ กดคลึงลากไล้วนเวียน “ฉะ...ฉันรักนาย...”สิ้นคำพูดหวานนุ่ม สองมือใหญ่จับพลิกเรือนกายบอบบาง เข่ามนวางบนโซฟา สองมือใหญ่วางทับบนมือเล็กเรียว เรือนกายแข็งแกร่งและร้อนผ่าวเคลื่อนไหวทายทักกุหลาบดอกโต ก่อนที่มันจะถูกความอุ่นร้อนและคับแน่นดูดกลืนเข้าไปจนหมดจันฑีรากัดริมฝีปากสลับอ้าอู้ส่งเสียงร้องครางหวานเชื่อมออกมาอย่างทานทนกับความปั่นป่วน เสียวซ่านและรัญจวนใจ สั่นระริกจากทั้งเรือนกายลามไปถึงปลายเท้า สองมือจิกกำมือใหญ่อย่างแรงริมฝีปากนาบไปบนผิวเนื้อตามไขสันหลังเนียนนุ่ม ซุกไซ้ซอกคอระหง สองมือใหญ่ค่อยๆ ดึงออกจากมือเล็ก ข้างหนึ่งขยับเคลื่อนหาเนินเนื้ออวบอิ่มและเต่งตึง มือที่ลากไปทิ้งความร้อนผ่าวเหมือนกับไฟไว้ทั่วทุกหนแห่ง ก่อนจะเข้าครอบครองปทุมถันอวบอิ่ม ปลายนิ้วขยับนวดและกดคลึงปลายเม็ดถันหนักสลับเบา อีกข้างก็เคลื่อนหาเกสรดอกรักและเมื่อพบอินซอฟก็ไม่รอช้าที่จะสัมผัสปมเสน่หา“อินซอ
ใบหน้าขาวสวยเห่อแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตจ้องแผงอกกว้างด้วยความรักจากหัวใจโดยไม่รู้ตัว เมื่อเขาโยนผ้าขนหนูในมือทิ้งไป มือเรียวก็ยื่นไปหาแขนกำยำดึงร่างหนาให้เอนตัวลงบนเตียงนอนเหมือนกับคนที่โดนสะกดจิตรอยยิ้มแต้มบนใบหน้าคร้ามแกร่ง ดวงตาคมกริบกวาดมองไปตามสัดส่วนเรือนกายอรชร ลากไล้มือหนาเคลื่อนไปตามเรือนกายบอบบาง ครอบครองและเคล้าคลึงปทุมถันอวบอิ่มหนักหน่วงสลับแผ่วเบา ปลายนิ้วยาวลากไล้วนเวียนรอบปลายยอดถันสีเข้มที่ดุนดันเนื้อผ้าขึ้นมาให้เขาหยิบเล่น ใบหน้าคมค่อยๆ โน้มลง ริมฝีปากอุ่นร้อนประทับบนเนินทรวงสล้างข้างหนึ่ง และขยับเคลื่อนไปอีกข้างอย่างเชื่องช้าพลางขบเม้มปลายยอดทับทิมผลนุ่มแผ่วเบาและนุ่มนวลสองแขนเรียวขยับขึ้นไปโอบรอบลำแกร่ง ปลายนิ้วยาวเรียวซอกซอนพัวพันกับผมเส้นผมหนานุ่ม กายอรชรสั่นไหว ริมฝีปากขบเม้ม แผ่นหลังเนียนขยับขึ้นจากพื้นเตียง ขณะกดรั้งศีรษะทุยแนบชิดกับทรวงอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น“คุณฟารฮาน...”เรียวลิ้นอุ่นชื้นละเลียดไล้ดุนดันรอบป้านบัวตูมจนเสื้อตัวน้อยเปียกชื้น ใบหน้าคมละจากทับทิมผลนุ่ม “ต้องการอะไรจ๊ะมัดหมี่” มือใหญ่ขยับเคลื่อนลงไปตามเรือนกายอวบอิ่ม ปลายนิ้วลากไล้วนเวียนรอบสะดือบุ๋ม
มือเล็กขยับไล้ไปตามความแข็งแกร่งแต่อ่อนนุ่มและร้อนผ่าวแผ่วเบาและนุ่มนวล ริมฝีปากและปลายลิ้นเล็กก็ไม่ยอมห่างจากตุ่มไตแข็งๆ ซึ่งนูนเด่นอยู่บนอกกว้าง สองแรงแข็งขันขยับและกลืนกินกายแกร่ง จนฟารฮานถึงกับต้องเปล่งเสียงร้องครางแผ่วเบา“มะ...มัดหมี่จ๋า...อย่าเร่งมากซิคนดี” สะโพกสอบขยับเคลื่อนตามมือเล็กๆ ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปประทับจุมพิตร้อนผ่าวบนเนินดอกรัก อีกทั้งมือใหญ่ละจากบีบนวดต้นขาเรียวยาวและสะโพกกลมมน ส่งปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ตามรอยแยกกลีบบุปผานุ่ม เคลื่อนเข้ากดคลึงเกสรสวาทฉ่ำนุ่มจนน้ำผึ้งอุ่นๆ ไหลซึมปากบ่อปลายลิ้นสากระคายตวัดยื่นออกมาแตะแต้มดอกรักหวานนุ่ม แรกเริ่มก็เพียงแค่แผ่วเบา แต่เมื่อได้ลิ้มรสน้ำผึ้งฝาดหวานก็ยิ่งให้ขยับเคลื่อนลากไล้ไปตามรอยแยกกลีบดอกและเคล้าคลึงเกสรดอกรักรัวเร็วและถี่ยิบ บ้างสอดแทรกลิ้นร้อนเหมือนไฟไปในเส้นทางอุ่นร้อน“คุณฟารฮาน...” ปิยาพัชรที่ไม่ทันได้ตั้งตัวส่งเสียงหวีดร้องดังลั่น เรือนกายอรชรกระตุกไหว น้ำค้างฝาดหวานเอ่อล้นไหลซึมออกมาเป็นสายหายเข้าไปในอุ้งปากหนาจนหมดสิ้นฟารฮานหัวหมุนคว้างกับความหวานเชื่อมราวกับได้เจอน้ำทิพย์บนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า ที่ตกลงมาให้มนุษย์ค
“อืม...” แม้ฟารฮานอยากจะยืดเวลาแห่งความสุขไปอีกยาวนาน แต่ทว่าความอบอุ่นและคับแน่นที่บีบรัดรอบเรือนกายอยู่ก็ทำให้เขาทนไม่ไหวใบหน้าคมคร้ามบูดเบี้ยว ลมหายใจหอบกระเส่า สะโพกสอบขยับเคลื่อนหนักหน่วงและถี่ยิบ ชักชวนแม่มัดหมี่น้อยไปท่องเที่ยวบนดินแดนแห่งความฝัน ไฟพิศวาสเร่าร้อนหล่อหลอมให้สองกายรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงร้องสอดประสานจนเกือบจะเป็นเสียงเดียวกัน สายธารอุ่นร้อนเอ่อล้นไหลล้นซึมออกมาจากปากบ่อน้ำผึ้งฉ่ำหวานกายใหญ่ฟุบลงหายใจแรงเร็วบนสองปทุมถันอวบอิ่ม เพราะรู้ว่าเขาใหญ่และหนัก คงจะทำให้ปิยาพัชรอึดอัด เลยขยับพลิกให้กายบอบบางอยู่เหนือ ปลายนิ้วยาวใหญ่ลูบไล้ลำแขนเรียวยาวที่โอบรอบลำคอแกร่งและเคลื่อนไปตามส่วนอื่นๆ ที่มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ เกาะอยู่ กดซับให้อย่างแผ่วเบา ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ตอนนี้ขอเวลาพักกายให้มีแรงพลัง เพื่อที่จะรักแม่สาวน้อยไม่ประสา แต่ตอบสนองความต้องการของเขาอย่างร้อนแรงจนหัวหมุน แผ่นหลังกว้างแสบยิบๆ จากรอยเล็บที่กดลงไปปิยาพัชรยังคงรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเธอยังล่องลอยอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน จนไม่อยากที่กลับไปเจอกับสิ่งเลวร้ายที่ผ่านเข้ามาใน
“พาหม่อมฉันกลับมาอีกทำไม หม่อมฉันไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย คนหลอกลวง”“ถ้าไม่ใจร้ายและหลอกลวงอีก จะอยู่ด้วยไหมล่ะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มและเว้าวอนทำเอาคนที่พยายามจะใจแข็งถึงกับสั่นระรัว ด้วยรู้ชะตาตัวเองดีตั้งแต่ถูกจับได้นั่นแหละว่าอาจหนีไม่พ้นอ้อมแขนใหญ่นี้ไปตลอดชีวิต“จะรู้ได้ไง พระองค์จะไม่หลอกหม่อมฉันอีก ทั้งพี่ทั้งน้องช่างวางแผนและเจ้าเล่ห์เหลือเกินนี่”“ใช้หัวใจแลกหัวใจไง”“เชอะ...คนอย่างองค์นาสเซอร์ ประมุขผู้ครองแคว้นซัลจาร์บาเมีย ชายหนุ่มที่มีผู้หญิงนับสิบอ๋อ...นับร้อยมากกว่าคอยถวายตัวเป็นข้ารองบาทน่ะหรือจะยอมหยุดอยู่ที่ผู้หญิงอย่างหม่อมฉันเพียงคนเดียว เชื่อตายละ” กัญญาพัชรยังคงปากแข็งแม้ใจจะยอมผ่อนตามไปเกือบจะครึ่งแล้ว“อ้าว...ทำไมล่ะ เราแตกต่างกับชายหนุ่มคนอื่นอย่างไร ถึงจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียวไม่ได้น่ะ ผู้หญิงไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไปในชีวิตนะมัดหวาย สำหรับเราเมื่อเราพบคนที่ใช่ เราก็พร้อมที่จะหยุดทุกอย่างไว้ที่เธอคนนั้นเพียงคนเดียว และตอนนี้เราก็คิดว่าเราพบนางคนนั้นของเราแล้ว”หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ ไม่เป็นจังหวะ นาสเซอร์หมายถึงเธอใช่ไหม ‘ไม่นะมัดหวาย แกอย่าลืมซิว่าเขาหลอกลว
“ไม่ใช่หรอกมัดหมี่ ถ้าเพียงแค่ความต้องการของผู้ชายคนหนึ่ง ฉันว่าเขาไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก” ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม มือใหญ่จับมือเล็กเรียวมาวางบนแผงอกกว้างตรงที่มีหัวใจกำลังเต้นอยู่“สิ่งที่ฉันทำด้วยความเจ้าเล่ห์และร้ายกาจก็จริง แรกเริ่มมาจากเพียงแค่ความปรารถนาก็จริง แต่สิ่งหนึ่งนับจากวันแรกที่ฉันได้ครอบครองความบริสุทธิ์ของสาวน้อยคนนั้น มันเป็นคำสั่งมาจากหัวใจทั้งสิ้น” สองมือใหญ่จับรั้งใบหน้าขาวสวยให้จ้องเข้าไปในดวงตาคมกริบ“ฉันอยากจะบอกให้มัดหมี่รู้เหมือนกัน ฉัน...รัก...มัดหมี่”ปิยาพัชรแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้าง หากว่าไม่ถูกจับรั้งไว้ศีรษะทุยคงจะส่ายบอกว่าไม่เชื่อและไม่จริง แต่คำพูดที่หนักแน่น ดวงตาที่มั่นคงดุจดังภูเขาหินที่ไม่อาจพังทลายลงมาได้ ไม่ว่าจะเจอพายุร้ายเพียงใดเป็นคำตอบที่ชัดเจน และที่สำคัญคือหัวใจของเธอมันก็เลือกที่จะเชื่อคำพูดนั้นซะด้วยสองแขนเรียวโอบรอบกายแข็งแกร่ง “จริงๆ นะคะ คุณฟารฮานพูดจริงๆ นะคะ ไม่ได้หลอกให้มัดหมี่ดีใจเล่นนะคะ”“จริงซิ ฉันจะโกหกมัดหมี่ทำไมล่ะ เพราะรัก ฉันเลยต้องวางแผนการร้ายทุกอย่าง เพื่อส่งแม่สาวจอมหว
“แสดงว่าพวกนายรู้แผนการของเราทุกอย่างเลยใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมถึงไม่ขัดขวางตั้งแต่ต้น”“เอาเป็นว่าฉันจะเล่าให้เธอฟังวันหลังนะ แต่วันนี้ขอฉันลงโทษคนที่ทำให้ใจเสียก่อนละกัน”ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง “เสียใจด้วยนะอินซอฟ เผอิญว่าวันนี้เครื่องซักผ้ามันดันเกิดแอ๊กซิเดนท์ ทำงานไม่ได้อ่ะ”จันฑีราหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ ยิ่งได้เห็นใบหน้าเสียอารมณ์ของอินซอฟก็ยิ่งอยากแกล้งยั่วเย้าให้หนักขึ้นอีก แต่รู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เธอหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ ย่อมจะต้องถูกเขาเอาคืนจนอาจจะลุกจากเตียงไม่ได้เพราะความเพลียมือเล็กจับแขนใหญ่วางยาวแนบไปกับพื้นเตียง พร้อมกับวางศีรษะลงไปนอนหนุน อีกมือก็จับแขนใหญ่มาพาดรอบเรือนกายเล็ก กายบางขยับจนแนบชิดกับเรือนกายใหญ่ นับจากวันนี้ชีวิตที่เคยมีเคยอยู่คนเดียวได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาเติมเต็มด้วยความรักและความอบอุ่น“ขอบใจนะอินซอฟที่รักฉัน เมื่อก่อนที่ฉันเคยทำร้ายและทำไม่ดีกับนายไว้ ขอให้นายยกโทษและให้อภัยฉันด้วยนะ ฉันสัญญาว่าต่อไปนี้ฉันจะทำตัวดีๆ และรักนายให้มากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำ
“จะไปไหนล่ะมัดหมี่...” แขนแข็งแกร่งสอดเข้าระหว่างเอวเล็กคอดและดึงเข้าหาตัว ศีรษะทุยโน้มลงกระซิบเบาๆ ข้างใบหูนุ่ม น้ำเสียงกึ่งกระเซ้าและยั่วเย้า“รู้ไหมว่าโทษของคนที่คิดหนีฉันน่ะมันร้ายแรงมากนะ”“ปล่อยน้องสาวฉันนะนายฟารฮาน” แม้จะห้อยต่องแต่งอยู่บนร่างสูงใหญ่ แต่กัญญาพัชรก็ไม่วายส่งเสียงแว้ดๆ ใส่ฟารฮาน สองมือยันแผ่นหลังกว้างเพื่อจะได้นำเอาตัวเองลงไปขัดขวาง“ฉันว่าเธอเอาตัวให้รอดพ้นจากพี่ชายฉันก่อนดีกว่านะมัดหวาย ก่อนที่จะมาช่วยเหลือคนอื่นเขาน่ะ” ฟารฮานตอบกลับด้วยน้ำเสียงยิ้มๆ คิ้วคมเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้นสูงเป็นจังหวะ“ไปกันเถอะมัดหมี่ เรามีเรื่องที่จะต้องคุยเหมือนกัน”“ว้าย!!” สองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายลอยขึ้นจากพื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว “ทำอะไรก็ไม่รู้คุณฟารฮานน่ะ”“ก็พาคนที่กล้าหนีฉันไปลงโทษไง” ใบหน้าคมโน้มลงจนจมูกโด่งคมประชิดติดแก้มนุ่ม“บ้า...” ปิยาพัชรส่งค้อนให้คนพูดวงโตด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงฟารฮานไม่ได้โกรธเคืองเธอแม้แต่น้อยนิด อาจมีน้อยใจบ้าง แต่ถ้าอธิบายให้ฟังเขาก็พร้อมที่จะเข้าใจ“โว้ย...ปล่อยฉันนะคนบ้า คนเฮ็งซวย ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็ง รัง
ยามราตรีที่ท้องฟ้ามีแสงดาวส่องนำทาง สามร่างเดินตามกันไปอย่างรีบเร่ง โดยมีร่างสูงโปร่งเดินนำและร่างบอบบางอีกสองร่างเดินตามไปติดๆ ศีรษะทุยสอดส่ายเหลียวซ้ายแลขวา ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ถึงแม้จะรู้ว่าคืนนี้นาสเซอร์ ฟารฮาน และอินซอฟกำลังอยู่ร่วมการประชุมในการกำหนดนโยบายของแคว้นว่าจะให้เดินไปในทิศทางใดหลังจากนี้ แต่ใครจะรู้เล่าเกิดว่าคนหนึ่งคนใดเกิดสงสัยในพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ และกระซิบกระซาบที่เธอและน้องๆ ทั้งสองคนมีมีหลายครั้งที่ร่างโปร่งบางหยุดยืนและหันไปจะเอ่ยปากถามสองสาวที่ตามมาด้วยว่าตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมที่จะตามเธอไปน่ะ แต่พอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใยของสองสาวก็ทำให้พูดไม่ออก ใจจริงกัญญาพัชรไม่ได้อยากชวนปิยาพัชรและจันฑีราหนีไปด้วย แต่เพราะความเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของสองสาว ที่ไม่รู้ว่าจะต้องโดนหางเลขจากคนที่ไม่หวังดีด้วยเมื่อไหร่ มันก็ทำให้เธอต้องคะยั้นคะยอชักแม่น้ำทั้งห้าให้สองสาวเดินทางหลบหนีกลับบ้านด้วย อีกทั้งเมื่อน้องสาวทั้งสองคนรู้ว่าเธอจะหนีกลับ ทั้งสองก็ไม่ยอมให้เธอต้องเดินทางเพียงลำพังปิยาพัชรและจันฑีราเดินตามกัญญาพัชรไปด้วยใจที่เจ็บปวดและหวาดกลัว
“อ้าว...พี่มัดหวายหลับแล้วละแก” ปิยาพัชรที่เล่าเรื่องของตัวเองจ๋อยๆ ด้วยความดีใจและสุขล้นหยุดอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตแปรเปลี่ยนเป็นหมองเศร้าลง เธอเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่สาวฟังแทบทั้งหมด ยกเว้นเรื่องที่เธอตกเป็นของฟารฮานแล้วและเรื่องถูกปองร้ายหมายเอาชีวิต“ใจเย็นๆ นะแก ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานอินซอฟจะต้องหาคนที่คิดร้ายกับแกเจอ” จันฑีรายกมือขึ้นตบบ่ากว้างของเพื่อนรักเบาๆ เธอเองก็เป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าปิยาพัชร แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่ากัญญาพัชรมีอาการดีขึ้น ความเหนื่อยจากการเดินทางไกลก็เริ่มประท้วง ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าหาวหวอดๆ ดวงตาก็เริ่มที่จะหรี่ลง“ฉันไม่ไหวแล้วแก ขอนอนกอดพี่มัดหวายก่อนนะ” ร่างบอบบางคลานขึ้นไปบนเตียงนอนใหญ่ เอนตัวนอนแนบชิดร่างกัญญาพัชร“เฮ้ย...ไม่เอาซิแก ฉันนอนด้วย” ปิยาพัชรบอก เพราะเธอก็เหนื่อยและเพลียเหมือนกัน ร่างบอบบางรีบเอนตัวลงอิงแอบแนบซบกับร่างพี่สาว แขนเรียวยาวพาดไปโอบร่างโปร่งไว้ แต่ด้วยความไม่ระมัดระวังทำให้ปลายมือไปถูกเอาที่บาดแผล ทำให้คนที่หลับอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ และเจ็บปวดเล็กน้อย“ขอมัดหมี่นอนด้วยนะพี่มัดหวาย คิดถึง อยากนอนกอดพี่” ปิยาพัชรบอกเสียงหว
“ยานี่จะช่วยให้เจ้าดีขึ้นและหายดีในเร็ววันนะ” แม้จะไม่หมดทั้งถ้วยแต่ยาที่เข้าไปจะทำการขับพิษที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายกัญญาพัชรให้ออกมาอย่างช้าๆ และหมดในที่สุด มือใหญ่ปิดปากเรียวยาวไม่ให้หญิงสาวพ่นยากลับออกมาจนกว่ายาทั้งหมดจะหายเข้าไปในกาย“อือ...” สองมือเล็กเรียวยกขึ้นจิกทึ้งดึงมือใหญ่ออกจากใบหน้า เจ็บจนน้ำตาเล็ดออกมาจากกระบอกตากับเรี่ยวแรงที่ชายหนุ่มกดลงไป และยังฝืดๆ และเหม็นเน่ากับสิ่งที่ได้ไหลเข้าสู่ร่างกาย“อดทนนิดมัดหวาย อีกไม่นานเจ้าก็หายแล้วคนดี ยานี้จะเป็นยารักษาให้เจ้าหายจากอาการบาดเจ็บและพิษร้ายที่เข้าสู่ร่างกายนะคนดี”“พิษร้ายหรือเพคะ หมายความว่า...”“ใช่ คมมีดที่บาดลงไปในเนื้อของเจ้าอาบด้วยยาพิษร้ายแรง ถ้าเป็นเราอาจจะเพียงแค่หมดแรง จนกลายเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิตได้ แต่กับเจ้ามันทำให้เจ้าเกือบจะจากเราไปตลอดชีวิต...รู้ไหม”“แต่หม่อมฉันว่ามันก็คงดีกว่าตื่นมาเป็นตัวตลก เป็นผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งในสายตาของพระองค์ไม่ใช่หรือเพคะ” กัญญาพัชรเอ่ยถามอย่างน้อยอกน้อยใจ หลายครั้งที่เธอลืมตาตื่นมาแล้วก็มีเพียงแค่ความเงียบของห้อง และยังมีคนแปลกหน้าที่คอยทำอะไรกับร่างกายก็ไม่รู้ จับพ
“มัดหมี่ทำใจดีๆ และฟังฉันให้ดีนะ” ร่างหนานั่งลงหน้าปิยาพัชรด้วยร้อนรนกระวนกระวายใจและหวาดหวั่น กลัวหญิงสาวจะรับไม่ได้กับข่าวที่จะได้ยินต่อไปนี้ แต่ถึงจะกลัวเพียงใดเขาก็จำเป็นต้องบอกให้หญิงสาวได้รับรู้ สองมือใหญ่จับรั้งมือเล็กเรียวและบีบเบาๆ“ค่ะ มีอะไรหรือคะคุณฟารฮาน” หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเหลือเกิน แล้วเมื่อครู่อินซอฟที่เดินตามหลังมาติดๆ ก็มีสีหน้าไม่แตกต่างกันเลยสักนิด“เราต้องเดินทางไปแคว้นซัลจาร์บาเมียอย่างด่วนที่สุด”“อืม...ก็ไม่เห็นจะแปลกนี่คะ คุณฟารฮานเป็นคนที่นั่น เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านก็ไม่เห็นแปลก”ปิยาพัชรตอบกลับ แม้จะใจหายๆ ที่ต้องจากชายหนุ่มไป แต่ก็เข้าใจว่ากัญญาพัชรอาจจะทำงานเสร็จแล้ว หรือไม่ฟารฮานก็ต้องเดินทางไปเพราะงาน แต่เขาจะต้องกลับมาอีก“ไม่ใช่อย่างนั้นนะมัดหมี่...มัดหวายบาดเจ็บ”“พะ...พี่มัดหวายบาดเจ็บ” สองมือเรียวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งยื่นไปจับแขนใหญ่และเขย่าแรงๆ“ตอนนี้พี่มัดหวายเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหน ใครเป็นคนทำ และบาดเจ็บได้ยังไง มีใครดูแลพี่มัดหวายอยู่” หญิงสาวถามยาวน้ำเสียงสั่นเทาน้ำตาอุ่นร้อนไหลอา
“แน่ใจหรือองค์ประมุขนาสเซอร์ ว่าพระองค์จะเอาชีวิตรอดจากคนของเราได้น่ะ ในเมื่อตอนนี้คนของเราล้อมสถานที่จัดงานในวันนี้ไว้หมดแล้ว” เจ้ากรมมหาดไทยเอ่ยถาม ถึงแม้แผนการที่วางไว้จะผิดพลาดไปบ้าง แต่ยังไงเขาก็ยังมีไม้ตายซ่อนอยู่และนาสเซอร์ก็คิดไม่ถึงแน่“ได้ซิท่านเจ้ากรมมหาดไทย” ชายหนุ่มที่เข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มหลายคนที่ถูกมัดและลากมาเป็นพรวน“ตอนนี้ข้างนอกนั้น คนที่ท่านวางไว้ถ้าไม่ตายก็หลบหนีไป บ้างก็ถูกจับอย่างเจ้าพวกนี้ไง” กาซิมเอ่ยพูดอย่างหัวเสีย เพราะคนที่หายไปบางคนจะเป็นตัวการใหญ่ๆ นับรองจากเจ้ากรมมหาดไทยและเจ้ากรมการคลังเลยทีเดียว แต่เขาก็ยังเชื่อว่าเจ้าพวกนั้นจะต้องคอยแอบซุ่มอยู่เพื่อที่จะทำให้แผนการสำเร็จลง อาจไม่ใช่วันนี้แต่ก็เชื่อว่าในไม่นานแน่ เพราะถ้าปล่อยให้เนิ่นนานไปเขาและทุกคนที่ยังจงรักภักดีจะต้องตามจับตัวมาลงโทษได้“นาสเซอร์ระวัง...” มือเรียวข้างหนึ่งผลักร่างหนาใหญ่ให้ออกห่างและเอาตัวเองเข้าไปรับปลายมีดแหลมคมที่พุ่งมาจากผู้หญิงร่างอวบอัดซึ่งยืนอยู่ในระยะกระชั้นชิดและอีกมือก็สวนหมัดหลุนๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะหันตัวหลบแล้วแต่ปลายมีดก็ยังถากแขนเรียวยาวไปแต่กัญญาพัชรก็ไม่มี