หลังจากเยว่อันหนิงส่งจดหมายลับไปที่จวนสกุลเฉินเรียบร้อยนางก็ไม่ได้อยู่รอดูละครฉากสำคัญนั้นต่อ รีบเร่งเดินทางออกจากเมืองเทียนติ่งด้วยเส้นทางลับที่คนของหุบเขาไร้เงาเท่านั้นที่รู้ในทันทีเมื่อคล้อยหลังนางไม่ถึงครึ่งก้านธูปประตูเมืองก็ถูกปิดตายจากคำสั่งขององค์รัชทายาท มีทหารจำนวนหนึ่งคุ้มกันประตูเมืองอย่างแน่นหนาส่วนเรื่องนอกเหนือแผนการจ้างวานฆ่าในค่ำคืนนี้ที่เยว่อันหนิงดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องล้วนเรียกว่าเป็นหมากในกระดานของนางสกุลเฉินเป็นจวนทางทหารย่อมไม่มีอำนาจบุกค้นจวนโดยไม่มีป้ายคำสั่งจากฮ่องเต้ แต่ที่นางเลือกส่งจดหมายไปหยั่งเชิงเพราะอยากรู้ว่าที่ชาวบ้านร่ำลือกันว่าคนสกุลเฉินภักดีต่อฝ่าบาทและแผ่นดินเป็นจริงกี่ส่วนเหตุผลสำคัญอีกหนึ่งที่เยว่อันหนิงต้องการยืมมือสกุลเฉินคือจัดการลงโทษคุณหนูสกุลซุย หากบุกค้นจวนซุยจริงและให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านได้ เยว่อันหนิงเดาว่าต้องมีสักคนที่เปิดโปงจิตใจโหดเหี้ยมของซุยผิงผิงให้นางได้รับโทษที่ใช้อำนาจรังแกคนอื่นเป็นแน่"ครั้งนี้เจ้าเหมือนยิงเกาทัณฑ์ครั้งเดียวได้นกหลายตัว"เสียนต้วนอี้กล่าวชมสตรีที่กลับมาถึงหุบเขาไร้เงาได้หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว"กำจัดค
"ยาลบความจำ""ยาลบความจำ! เจ้าคิดว่าบนโลกนี้จะมียาชนิดนี้ด้วยหรือ"เยว่อันหนิงส่ายหัวน้อย ๆ พลางตอบ"ไม่มี""แล้วเจ้ายังจะคิดค้นเนี่ยนะ"ยี่ซูมองสหายตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจความคิดนางหรือว่าลึก ๆ แล้ว เยว่อันหนิงไม่ได้อยากล้างแค้นให้ตระกูลนางจึงอยากใช้ยาตัวนี้เพื่อลบความทรงจำเลวร้ายนั่นให้สิ้น"เพราะไม่มีถึงได้อยากลอง"ก็ถูกของนาง หากไม่คิดค้นขึ้นมา ยาแบบนี้จะให้หล่นลงมาจากฟ้าหรือไร ยี่ซูนี่ช่างถามไม่รู้จักคิด"แต่เรามียาลืมเลือนของผู้เฒ่าฝูแล้วนี่ เหตุใดเจ้าต้องคิดค้นยาลบความทรงจำนั้นขึ้นมาอีก"นั่นสิ!หากฟังจากชื่อยาแล้ว ยาลืมเลือนที่นางมีก็ช่วยลบความทรงจำได้หมือนกัน"เพราะไม่เหมือนกัน ยาลืมเลือนใช้ได้ผลเพียงแค่ชั่วขณะ พอหมดฤทธิ์ ทุกอย่างที่เคยเห็นเคยลืมก็จะกลับมา""อ้อ เป็นเช่นนี้เอง เจ้าจะใช้มันเองหรือ"หลังจากเข้าใจความแตกต่างของยาทั้งสองยี่ซูจึงรีบถามออกไป"เหตุใดข้าต้องใช้"อ้าว! ในเมื่อเป็นยาลบความทรงจำ เยว่อันหนิงไม่ใช้เองแล้วจะให้ผู้ใดใช้กัน"แล้วเจ้าจะเอาไปใช้ประโยชน์อันใด งานของเราคือนักฆ่า ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ยาลบความทรงจำกับตัวเองและคนที่กำลังจะตายพวกนั้น"มือแน่งน้อยของเ
"คำนับประมุขกู่เหนียง ท่านเรียกข้าเข้าพบมีเรื่องอันใดเจ้าคะ"ทันทีที่เยว่อันหนิงเดินเข้ามายังที่พักของประมุขกู่เหนียง นางก็ไม่รีรอเร่งถามถึงเหตุผลที่ถูกตามตัวในครั้งนี้ โดยข้างกายมีเสียนต้วนอี้ยืนอยู่เป็นเพื่อน"นั่งก่อนเถิด ข้ามีเรื่องหารือกับพวกเจ้า"คำว่า 'พวกเจ้า' ทำให้เยว่อันหนิงรู้ชะตาต่อจากนี้คงต้องมีตัววุ่นวายอย่างเสียนต้วนอี้ตามติดนางเป็นแน่"นี่คือ?"ผู้ที่แย่งถามคือบุรุษรูปงามเพียงคนเดียวในห้องนี้เยว่อันหนิงมองเทียบเชิญสีแดงมีตัวอักษร 'มู่' ประทับตราโดดเด่นอยู่จึงหยิบขึ้นมาดู"หน่วยข่าวที่แฝงตัวอยู่ในเมืองเทียนติ่งส่งมา"เสียนต้วนอี้พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมชะเง้อคอมองตัวอักษรที่เขียนอยู่ในเทียบเชิญในมือเยว่อันหนิง"ท่านประมุขต้องการให้พวกข้าปะปนเข้าไปสังหารผู้ใด"ในเมื่อไม่มีสานส์นจากปรโลก เยว่อันหนิจึงไม่เข้าใจเจตนารมย์ของประมุขกู่เหนียงในครั้งนี้"เจ้าก็เห็นแล้วมิใช่หรือ สกุลมู่ต้องการหาคู่ครองให้กับบุตรีเขา"ก็ใช่ว่าไม่เห็น ในเมื่อเนื้อในเทียบเชิญเขียนเอาไว้ว่า'สกุลมู่ขอเชิญบุรุษที่ผ่านพิธีสวมกวานแล้วทุกท่านเข้าคัดเลือกเป็นคู่ครองคุณหนูมู่อานจิ่วบุตรีเพียงคนเดียวของสกุลมู
"แม้จะไม่คล่องมือ หากแต่นำมาจับอีกครั้งย่อมไม่เป็นปัญหา""ดี! ข้าจะให้ต้วนอี้ปลอมเป็นหัวหน้าคณะดนตรี นำนักแสดงและนางรำเข้าไปร่วมงานในครั้งนี้""เป็นเพียงหัวหน้าคณะดนตรีจะได้ไม่เตะตาผู้อื่น"กู่เหนียงพนักหน้าให้กับความฉลาดที่เยว่อันหนิงวิเคราะห์ความคิดตนราวมานั่งอยู่ในใจ"แต่จะดีหรือท่านประมุขถ้าให้ผู้อื่นเห็นหน้าตาอาหนิงของข้า โอ๊ย!"เสียนต้วนอี้ถึงกับตัวงอเมื่อถูกศอกแหลม ๆ ของเยว่อันหนิงกระทุ้งเข้าลิ้นปี้ให้"ข้าคือข้า มิใช่ของของผู้ใด"เสียงเรียบนิ่งเอ่ยบอก หากแต่แววตาของนางกลับสามารถทำให้บุรุษตัวสูงใหญ่ใจวูบโหวงได้"ข้าพูดผิดไป ข้าพูดผิดไป"เสียนต้วนอี้ยกมือขึ้นตบมุมปากตนที่ปากเสียสองครั้ง ก่อนจะทำท่าเม้มปากเป็นเส้นตรงบอกคนที่ยังใช้สายตาอาฆาตให้รู้ว่าเขาจะไม่ปริปากสุนัขนี้ขัดการหารือครั้งนี้อีก"ที่จริงข้าเองก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เจ้าล่ะ จะยอมเสี่ยงหรือไม่"แม้ตัวตนในฐานะนักฆ่าบุปผาเบญจมาศของเยว่อันหนิงยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แต่หากประมาทไปนิดเดียวก็อาจจะทำให้ความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไป"ชีวิตข้ายังเหลืออะไรให้กลัวอีกเจ้าคะ"น้ำเสียงเจ็บแค้นปะปนออกมาอยู่หลายส่วนแค้นโชคชะตา
"ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคุณชายจากหนแห่งต่าง ๆ มาเข้าร่วมงานมากถึงเพียงนี้"ซ่างฮ้วนเอ่ยกับแม่ทัพน้อยที่นั่งร่ำสุราอยู่ข้าง ๆแม้เดิมทีที่นั่งของเฉินเจียนหลางถูกจัดวางไว้ใกล้กับที่นั่งของมู่ตงหยวนที่ที่เป็นของผู้ที่ชนะการแข่งขันในครั้งนี้ ทว่าเฉินเจียนหลางกลับปฎิเสธด้วยอ้างว่าตนคุยไม่เก่งเกรงว่าจะทำให้แขกคนสำคัญคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ตรงนั้นอึดอัดใจจึงขอปลีกตัวออกมานั่งที่ลานกว้างด้านซ้ายของเวทีการแสดงดนตรีกับรองแม่ทัพซ่างฮ้วนแทน"เจ้าคิดอย่างไรกับสิ่งที่เห็น"เฉินเจียนหลางถามเสียงเรียบพลางมองการแสดงดนตรีตรงหน้าไปอย่างไม่ได้ใส่ใจ"ดนตรีไพเราะ นางรำงดงามยิ่ง"หากแต่สิ่งที่ซ่างฮ้วนตอบสหายสนิทกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาถาม จากนั้นเสียงดังเหมือนถูกมดกัดของซ่างฮ้วนจึงดังขึ้น"เจ้าตีข้าทำไม"มือแกร่งลูบเอวหนาที่ถูกประทุษร้ายราวกับเจ็บปวดยิ่ง ก่อนจะมองเคืองผู้ที่ทำร้ายตนเบา ๆ"ข้าหมายถึงเจ้าคิดเช่นไรกับการจัดงานในวันนี้"เมื่อเฉินเจียนหลางอธิบายรายละเอียดแบบเจาะลึก คนที่มัวแต่ชมการแสดงบนเวทีจึงทำปากขมุบขมิบด่าทอไม่ออกเสียงแล้วเอ่ยตอบ"ดูจากการแต่งกายของบางคนน่าจะไม่ใช่คนในเมืองเทียนติ่ง เจ้าดูนั่น คุณชายรูป
การแข่งขันผ่านไปแล้วสามด่าน ตอนนี้มีผู้ชนะมาถึงรอบนี้สามคนรวมเสียนต้วนอี้ที่ได้ป้ายหยกด้วย"คุณชายทั้งสามมากความสามารถจริง ๆ ด่านนี้เป็นด่านที่คุณชายหย่งอวี้ฉางอาจจะได้เปรียบเล็กน้อยเพราะเป็นการประชันดนตรี"เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบบริเวณเมื่อพ่อบ้านฟงจูแจ้งกติกาในด่านรองสุดท้ายจบ"ข้ามาเล่น ๆ มิได้จริงจัง ไฉนเลยถึงบังเอิญเช่นนี้"เสียนต้วนอี้ที่วันนี้มาในนามหย่งอวี้ฉางถึงกับพึมพำกับตนเองในโชคชะตาที่แสนราบรื่นในวันนี้ใครจะไปคิดว่าการปลอมเป็นคณะดนตรีจะทำให้เขาไม่ต้องลงมือทำอะไรจนได้ผ่านเข้ามาถึงรอบรองสุดท้ายง่ายดายเช่นนี้"นี่คือพิณที่คุณชายทั้งสามต้องใช้แสดงความสามารถในด่านนี้ หากคุณชายท่านใดบรรเลงเพลงแล้วได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมมากที่สุดผู้นั้นจะได้เข้าสู่รอบสุดท้าย เชิญทุกท่านจับไม้เพื่อเลือกลำดับการแสดง"เสียนต้วนอี้ภาวนาในใจขอให้ผู้ชนะในด่านนี้ไม่ใช่ตน ทว่าหากจะแสดงฝีมือแบบเล่น ๆ เกรงว่าจะถูกจับผิดนี่สิ เป็นถึงหัวหน้าคณะ แต่กลับไม่มีฝีมือเกี่ยวกับดนตรีได้เยี่ยงไร"ข้าได้ที่หนึ่ง"จู้เมิ่งจ๋าน หลานชายของจู้เจิงคือหนึ่งในสองคนที่เข้ารอบมาถึงด่านนี้ยกไม้ที่แต้มลำดับหนึ่งให้ทุกคนในงานดู
"ไม่ทราบแม่นางผู้นี้หลงทางมาหรือไร"ก้าวออกห่างจากหน้าห้องของมู่อานจิ่วได้ไม่ถึงห้าก้าวก็ถูกคนที่สะกดรอยตามตั้งแต่ต้นทักเข้า เยว่อันหนิงถึงกับใจหายใจคว่ำแต่พอตั้งสติได้นางจึงรีบกระชับผ้าสีแดงผืนบางที่ปกปิดใบหน้าตั้งแต่ส่วนจมูกลงมาไว้ให้มิดชิดแล้วหันหน้าเผชิญกับเสียงทุ้มนั้น"คำนับคุณชาย ข้าน้อยเป็นนางรำของคณะดนตรีเซียงหย่ง บังเอิญว่าหาทางไปห้องน้ำมิเจอเลยเดินไปเรื่อย ๆ เจ้าค่ะ"เยว่อันหนิงทำตัวนอบน้อมปนหวาดกลัวคนที่สวมชุดเสื้อด้านนอกสีดำทับตัวในสีแดงเลือดนก ท่าทางสง่าผ่าเผยแถมยังรูปหล่อปานภาพวาดทวยเทพในนิยายที่นางเคยอ่านมา"ข้าก็ว่าอยู่ เดินตามแม่นางมาได้หลายเค่อดูเหมือนกำลังมองหาอะไร ที่แท้ก็ต้องการเข้าห้องน้ำนี่เอง"นี่นางถูกสะกดรอยตามหรือ?เป็นไปได้เช่นไรที่นางไม่รู้สึกตัวถึงฝีเท้าคนผู้นี้สักนิด"ไม่ทราบว่าคุณชายท่านนี้พอจะบอกทางแก่ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ อีกประเดี๋ยวข้าต้องกลับไปเตรียมตัวขึ้นเวทีร่ายรำแล้ว"เยว่อันหนิงไม่กล้าสบตาบุรุษรูปงามที่อยู่ตรงหน้า นางกลัวว่าจะถูกคนผู้นี้จับพิรุธได้ เพราะเมื่อครู่แค่มองแวบเดียวนางก็เห็นความช่างสังเกตในสายตาคมคู่นั้นของเขาแล้ว"เดิมทีข้าเองก็เป็น
ในที่สุดสิ่งที่เสียนต้วนอี้ภาวนาก็ไม่เป็นดั่งใจหวังเมื่อพ่อบ้านฟงจูประกาศผลผู้ชนะในด่านรองสุดท้ายนี้"ยินดีกับคุณชายหย่งอวี้ฉางที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย"เสียงปรบมือดังขึ้น มีทั้งพอใจและไม่พอใจส่วนที่พอใจเห็นจะเป็นแขกคนอื่นที่ไม่รู้แผนการของมู่ตงหยวนที่วางหมากไว้แล้ว ส่วนฝ่ายที่ไม่พอใจเห็นจะเป็นใต้เท้าจู้เจิงที่หลานชายพ่ายแพ้ได้อันดับสามจนแทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี"ก่อนการประลองด่านสุดท้าย ขอเชิญคุณหนูมู่อานจิ่วปรากฎตัวตรงหน้าด้วยขอรับ"กริยาอ่อนช้อย การก้าวย่างที่เป็นกุลสตรีอย่างไร้ที่ติของมู่อานจิ่วดึงดูดสายตาแขกเหรื่อในงานได้อย่างชะงักนิ่งใบหน้าสวยรูปไข่ที่แสนเรียวนวล แต่งแต้มผงชาดสีอ่อน ๆ ขัดกับริมฝีปากสีแดงระเรื่อขึ้นมาหนึ่งระดับรับกับดวงตาสุกประกายอย่างไร้เดียงสาอาภรณ์สีอ่อนกลีบดอกเหมยพริ้วบางยามต้องลม ใครได้ยลคงเคลิ้มคิดว่าเป็นเทพธิดาลงมาจุติหากแต่สิ่งที่บรรยายมาทั้งหมดไม่สามารถดึงดูดสายตาของคนเพียงคนเดียวได้เท่าสตรีในชุดนางรำที่กำลังถือพิณขนาดกะทัดรัดรูปจันทร์เสี้ยวที่ยืนอยู่บนเวทีเตรียมรอแสดง"สมแล้วที่เป็นคุณหนูมู่ งดงามประหนึ่งเทพธิดามาจุติ"เสียงคุณชายท่านหนึ่งที่ตกรอบ
"เห็นทีเราจะได้ร่วมละครฉากสนุกแล้วละ"เสียนต้วนอี้กระซิบเบา ๆ ให้เยว่อันหนิงได้ยินคนถูกชักชวนให้คุยกลับยืนนิ่ง สายตาคู่สวยมองไปยังบุรุษรูปงามทางด้านขวามือที่เอาแต่จ้องนางตาไม่กะพริบมาเป็นชั่วยามแล้ว"เจ้าว่าเรื่องนี้แม่ทัพน้อยผู้นั้นจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่"เสียนต้วนอี้มองตามสายตาสหายที่จ้องเฉินเจียนหลางอยู่จึงรีบถามความเห็นขึ้นเยว่อันหนิงทำเพียงหันกลับมามองทางมู่ตงหยวนที่จ้องคนของคณะดนตรีด้วยสายตาเหมือนตอนนั้น...ตอนที่อ่านราชโองการเลือดให้ตระกูลของนาง"ไม่"นางตอบเพียงสั้น ๆ"ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือ"หากแต่เสียนต้วนอี้กลับยังสงสัยแม่ทัพที่ยืนห่างพวกเขาเพียงสามคนกั้น"ข้ามิได้บอกว่าไม่เกี่ยวข้อง"เยว่อันหนิงได้ยินเสียงพึมพำนั้นจึงอธิบายคำตอบของนางต่อ"เจ้าหมายความว่า...""ที่ข้าตอบเจ้าเพราะข้าดูชายผู้นั้นไม่ออก"หายากนักที่มือสังหารอย่างเยว่อันหนิงที่สามารถคาดเดานิสัยผู้อื่นได้เพียงการมองผ่านแววตาของอีกคนเอ่ยปากว่าไม่สามารถเดาเฉินเจียนหลางผู้นี้ได้ว่าตกลงแล้วเขาเป็นคนดีหรือเลว"ขนาดเจ้ายังไม่มั่นใจ เห็นทีคงต้องอยู่ให้ห่างจากคนผู้นี้แล้ว"เสียนต้วนอี้ลอบมองบุรุษที่ยังคงยืนกอดอกพิ
"เจ้าจับคนร้ายได้แล้วหรือ"ทันทีที่มาถึงโถงปีกซ้ายของจวน มู่ตงหยวนรีบซักไซ้คนของตนอย่างร้อนใจ"หม่าเย่าไร้ความสามารถ ตอนนี้ท่านหมอทั้งสองตรวจพิษจากอาหารที่ใช้เลี้ยงแขกรวมถึงสำรับส่วนตัวที่จัดไว้สำหรับคุณหนูอานจิ่วแล้ว ไม่พบพิษแม้นิดเดียวขอรับ"ตุ้บ!เสียงตบโต๊ะเสียงดังสะท้อนไปทั้งห้องโถง กงจิ่นซวนมององครักษ์ที่รายงานความคืบหน้าด้วยความผิดหวัง"ไม่ได้เรื่อง! นึกไม่ถึงว่าจวนสกุลมู่จะเลี้ยงคนที่ไร้ความสามารถเช่นนี้ไว้!"หม่าเย่ารีบคุกเข่าสำนึกผิด"ข้าน้อยไร้ความสามารถ ขอท่านเสนาบดีกงลงโทษด้วย!""ท่านพ่อตา หม่าเย่าเป็นลูกน้องฝีมือดีที่สุดของข้า เขาคงทำสุดความสามารถแล้ว ท่านพ่อตาโปรดเมตตาให้โอกาสเขาอีกครั้ง...""เจ้านี่เป็นคนเช่นไร บุตรสาวนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องยังจะเป็นห่วงองครักษ์ที่ไร้ความสามารถปกป้องนายอีก!"กงจิ่นซวนตำหนิเสียงฉุน สายตาที่มองมู่ตงหยวนมีแต่ความผิวหวังและดูแคลน นั่นเพราะเดิมทีเขามิได้ถูกคอกับมู่ตงหยวนสักเท่าใด หากมิเห็นแก่กงจิ๋วจื่อบุตรสาวเสน่หามู่ตงหยวนจนถึงขั้นเอ่ยตัดขาดกับตนหากมิได้แต่งเขาเข้าสกุลกงมีหรือกงจิ่นซวนจะยอมรับมู่ตงหยวนเป็นเขยเช่นทุกวันนี้"ท่านเสนากงโปรดระง
การประลองเพลงดาบผ่านมาครึ่งก้านธูป ตอนนี้จะใช้กฎสามกระบวนท่าสยบคู่แข่งไม่ได้แล้ว ในเมื่อเสียนต้วนอี้ยอมเสียหน้าเรื่องอื่นได้ แต่หากเป็นการประลองกระบี่เขาสู้ไม่ถอย บัดนี้กระบวนท่าที่สามจบลงแล้วยังไม่มีผู้ใดยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่าย ทำให้ต้องปล่อยให้กระบวนท่าที่สี่ดำเนินต่อไป"เรื่องประลองฝีมือสู้ไม่ถอยจริง ๆ"เยว่อันหนิงส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นสหายสนิทฟาดฟันกับซ่างฮ้วนอย่างไม่มีใครยอมใครนางรู้สึกเหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องตนจนเสียวสะท้านไปทั้งแผ่นหลัง จวบจนสายตาคู่สวยสบเข้ากับบุรุษที่บังเอิญพบที่หน้าพักมู่อานจิ่วกำลังมองนางอย่างไม่คลาดสายตา'เหตุใดสายตาของเจ้าถึงได้ดูคุ้นตาเช่นนี้'เฉินเจียนหลางถามตนเองหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ที่เขาเอาแต่จ้องมองนางรำผู้นี้ เขารู้สึกว่านางผู้นี้กับสตรีที่สวมหมวกผ้าที่หออี้เฉิงหลันคือผู้เดียวกัน หากแต่ไม่อาจด่วนสรุปได้ว่าจริงอย่างที่ลางสังหรณ์บอกเขาหรือไม่ เฉินเจียนหลางจึงไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น คอยจับตาดูเยว่อันหนิงอย่างไม่คลาดสายตาหากแต่ยิ่งมอง ยิ่งสบตานาง เขากลับรู้สึกว่านี่ไม่ใช่สายตาที่เพิ่งพานพบ"ฝีมือคุณชายทั้งสองสูสีกันจริง ๆ"เสียงพูดคุยจากรอ
ในที่สุดสิ่งที่เสียนต้วนอี้ภาวนาก็ไม่เป็นดั่งใจหวังเมื่อพ่อบ้านฟงจูประกาศผลผู้ชนะในด่านรองสุดท้ายนี้"ยินดีกับคุณชายหย่งอวี้ฉางที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย"เสียงปรบมือดังขึ้น มีทั้งพอใจและไม่พอใจส่วนที่พอใจเห็นจะเป็นแขกคนอื่นที่ไม่รู้แผนการของมู่ตงหยวนที่วางหมากไว้แล้ว ส่วนฝ่ายที่ไม่พอใจเห็นจะเป็นใต้เท้าจู้เจิงที่หลานชายพ่ายแพ้ได้อันดับสามจนแทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี"ก่อนการประลองด่านสุดท้าย ขอเชิญคุณหนูมู่อานจิ่วปรากฎตัวตรงหน้าด้วยขอรับ"กริยาอ่อนช้อย การก้าวย่างที่เป็นกุลสตรีอย่างไร้ที่ติของมู่อานจิ่วดึงดูดสายตาแขกเหรื่อในงานได้อย่างชะงักนิ่งใบหน้าสวยรูปไข่ที่แสนเรียวนวล แต่งแต้มผงชาดสีอ่อน ๆ ขัดกับริมฝีปากสีแดงระเรื่อขึ้นมาหนึ่งระดับรับกับดวงตาสุกประกายอย่างไร้เดียงสาอาภรณ์สีอ่อนกลีบดอกเหมยพริ้วบางยามต้องลม ใครได้ยลคงเคลิ้มคิดว่าเป็นเทพธิดาลงมาจุติหากแต่สิ่งที่บรรยายมาทั้งหมดไม่สามารถดึงดูดสายตาของคนเพียงคนเดียวได้เท่าสตรีในชุดนางรำที่กำลังถือพิณขนาดกะทัดรัดรูปจันทร์เสี้ยวที่ยืนอยู่บนเวทีเตรียมรอแสดง"สมแล้วที่เป็นคุณหนูมู่ งดงามประหนึ่งเทพธิดามาจุติ"เสียงคุณชายท่านหนึ่งที่ตกรอบ
"ไม่ทราบแม่นางผู้นี้หลงทางมาหรือไร"ก้าวออกห่างจากหน้าห้องของมู่อานจิ่วได้ไม่ถึงห้าก้าวก็ถูกคนที่สะกดรอยตามตั้งแต่ต้นทักเข้า เยว่อันหนิงถึงกับใจหายใจคว่ำแต่พอตั้งสติได้นางจึงรีบกระชับผ้าสีแดงผืนบางที่ปกปิดใบหน้าตั้งแต่ส่วนจมูกลงมาไว้ให้มิดชิดแล้วหันหน้าเผชิญกับเสียงทุ้มนั้น"คำนับคุณชาย ข้าน้อยเป็นนางรำของคณะดนตรีเซียงหย่ง บังเอิญว่าหาทางไปห้องน้ำมิเจอเลยเดินไปเรื่อย ๆ เจ้าค่ะ"เยว่อันหนิงทำตัวนอบน้อมปนหวาดกลัวคนที่สวมชุดเสื้อด้านนอกสีดำทับตัวในสีแดงเลือดนก ท่าทางสง่าผ่าเผยแถมยังรูปหล่อปานภาพวาดทวยเทพในนิยายที่นางเคยอ่านมา"ข้าก็ว่าอยู่ เดินตามแม่นางมาได้หลายเค่อดูเหมือนกำลังมองหาอะไร ที่แท้ก็ต้องการเข้าห้องน้ำนี่เอง"นี่นางถูกสะกดรอยตามหรือ?เป็นไปได้เช่นไรที่นางไม่รู้สึกตัวถึงฝีเท้าคนผู้นี้สักนิด"ไม่ทราบว่าคุณชายท่านนี้พอจะบอกทางแก่ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ อีกประเดี๋ยวข้าต้องกลับไปเตรียมตัวขึ้นเวทีร่ายรำแล้ว"เยว่อันหนิงไม่กล้าสบตาบุรุษรูปงามที่อยู่ตรงหน้า นางกลัวว่าจะถูกคนผู้นี้จับพิรุธได้ เพราะเมื่อครู่แค่มองแวบเดียวนางก็เห็นความช่างสังเกตในสายตาคมคู่นั้นของเขาแล้ว"เดิมทีข้าเองก็เป็น
การแข่งขันผ่านไปแล้วสามด่าน ตอนนี้มีผู้ชนะมาถึงรอบนี้สามคนรวมเสียนต้วนอี้ที่ได้ป้ายหยกด้วย"คุณชายทั้งสามมากความสามารถจริง ๆ ด่านนี้เป็นด่านที่คุณชายหย่งอวี้ฉางอาจจะได้เปรียบเล็กน้อยเพราะเป็นการประชันดนตรี"เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบบริเวณเมื่อพ่อบ้านฟงจูแจ้งกติกาในด่านรองสุดท้ายจบ"ข้ามาเล่น ๆ มิได้จริงจัง ไฉนเลยถึงบังเอิญเช่นนี้"เสียนต้วนอี้ที่วันนี้มาในนามหย่งอวี้ฉางถึงกับพึมพำกับตนเองในโชคชะตาที่แสนราบรื่นในวันนี้ใครจะไปคิดว่าการปลอมเป็นคณะดนตรีจะทำให้เขาไม่ต้องลงมือทำอะไรจนได้ผ่านเข้ามาถึงรอบรองสุดท้ายง่ายดายเช่นนี้"นี่คือพิณที่คุณชายทั้งสามต้องใช้แสดงความสามารถในด่านนี้ หากคุณชายท่านใดบรรเลงเพลงแล้วได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมมากที่สุดผู้นั้นจะได้เข้าสู่รอบสุดท้าย เชิญทุกท่านจับไม้เพื่อเลือกลำดับการแสดง"เสียนต้วนอี้ภาวนาในใจขอให้ผู้ชนะในด่านนี้ไม่ใช่ตน ทว่าหากจะแสดงฝีมือแบบเล่น ๆ เกรงว่าจะถูกจับผิดนี่สิ เป็นถึงหัวหน้าคณะ แต่กลับไม่มีฝีมือเกี่ยวกับดนตรีได้เยี่ยงไร"ข้าได้ที่หนึ่ง"จู้เมิ่งจ๋าน หลานชายของจู้เจิงคือหนึ่งในสองคนที่เข้ารอบมาถึงด่านนี้ยกไม้ที่แต้มลำดับหนึ่งให้ทุกคนในงานดู
"ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคุณชายจากหนแห่งต่าง ๆ มาเข้าร่วมงานมากถึงเพียงนี้"ซ่างฮ้วนเอ่ยกับแม่ทัพน้อยที่นั่งร่ำสุราอยู่ข้าง ๆแม้เดิมทีที่นั่งของเฉินเจียนหลางถูกจัดวางไว้ใกล้กับที่นั่งของมู่ตงหยวนที่ที่เป็นของผู้ที่ชนะการแข่งขันในครั้งนี้ ทว่าเฉินเจียนหลางกลับปฎิเสธด้วยอ้างว่าตนคุยไม่เก่งเกรงว่าจะทำให้แขกคนสำคัญคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ตรงนั้นอึดอัดใจจึงขอปลีกตัวออกมานั่งที่ลานกว้างด้านซ้ายของเวทีการแสดงดนตรีกับรองแม่ทัพซ่างฮ้วนแทน"เจ้าคิดอย่างไรกับสิ่งที่เห็น"เฉินเจียนหลางถามเสียงเรียบพลางมองการแสดงดนตรีตรงหน้าไปอย่างไม่ได้ใส่ใจ"ดนตรีไพเราะ นางรำงดงามยิ่ง"หากแต่สิ่งที่ซ่างฮ้วนตอบสหายสนิทกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาถาม จากนั้นเสียงดังเหมือนถูกมดกัดของซ่างฮ้วนจึงดังขึ้น"เจ้าตีข้าทำไม"มือแกร่งลูบเอวหนาที่ถูกประทุษร้ายราวกับเจ็บปวดยิ่ง ก่อนจะมองเคืองผู้ที่ทำร้ายตนเบา ๆ"ข้าหมายถึงเจ้าคิดเช่นไรกับการจัดงานในวันนี้"เมื่อเฉินเจียนหลางอธิบายรายละเอียดแบบเจาะลึก คนที่มัวแต่ชมการแสดงบนเวทีจึงทำปากขมุบขมิบด่าทอไม่ออกเสียงแล้วเอ่ยตอบ"ดูจากการแต่งกายของบางคนน่าจะไม่ใช่คนในเมืองเทียนติ่ง เจ้าดูนั่น คุณชายรูป
"แม้จะไม่คล่องมือ หากแต่นำมาจับอีกครั้งย่อมไม่เป็นปัญหา""ดี! ข้าจะให้ต้วนอี้ปลอมเป็นหัวหน้าคณะดนตรี นำนักแสดงและนางรำเข้าไปร่วมงานในครั้งนี้""เป็นเพียงหัวหน้าคณะดนตรีจะได้ไม่เตะตาผู้อื่น"กู่เหนียงพนักหน้าให้กับความฉลาดที่เยว่อันหนิงวิเคราะห์ความคิดตนราวมานั่งอยู่ในใจ"แต่จะดีหรือท่านประมุขถ้าให้ผู้อื่นเห็นหน้าตาอาหนิงของข้า โอ๊ย!"เสียนต้วนอี้ถึงกับตัวงอเมื่อถูกศอกแหลม ๆ ของเยว่อันหนิงกระทุ้งเข้าลิ้นปี้ให้"ข้าคือข้า มิใช่ของของผู้ใด"เสียงเรียบนิ่งเอ่ยบอก หากแต่แววตาของนางกลับสามารถทำให้บุรุษตัวสูงใหญ่ใจวูบโหวงได้"ข้าพูดผิดไป ข้าพูดผิดไป"เสียนต้วนอี้ยกมือขึ้นตบมุมปากตนที่ปากเสียสองครั้ง ก่อนจะทำท่าเม้มปากเป็นเส้นตรงบอกคนที่ยังใช้สายตาอาฆาตให้รู้ว่าเขาจะไม่ปริปากสุนัขนี้ขัดการหารือครั้งนี้อีก"ที่จริงข้าเองก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เจ้าล่ะ จะยอมเสี่ยงหรือไม่"แม้ตัวตนในฐานะนักฆ่าบุปผาเบญจมาศของเยว่อันหนิงยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แต่หากประมาทไปนิดเดียวก็อาจจะทำให้ความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไป"ชีวิตข้ายังเหลืออะไรให้กลัวอีกเจ้าคะ"น้ำเสียงเจ็บแค้นปะปนออกมาอยู่หลายส่วนแค้นโชคชะตา
"คำนับประมุขกู่เหนียง ท่านเรียกข้าเข้าพบมีเรื่องอันใดเจ้าคะ"ทันทีที่เยว่อันหนิงเดินเข้ามายังที่พักของประมุขกู่เหนียง นางก็ไม่รีรอเร่งถามถึงเหตุผลที่ถูกตามตัวในครั้งนี้ โดยข้างกายมีเสียนต้วนอี้ยืนอยู่เป็นเพื่อน"นั่งก่อนเถิด ข้ามีเรื่องหารือกับพวกเจ้า"คำว่า 'พวกเจ้า' ทำให้เยว่อันหนิงรู้ชะตาต่อจากนี้คงต้องมีตัววุ่นวายอย่างเสียนต้วนอี้ตามติดนางเป็นแน่"นี่คือ?"ผู้ที่แย่งถามคือบุรุษรูปงามเพียงคนเดียวในห้องนี้เยว่อันหนิงมองเทียบเชิญสีแดงมีตัวอักษร 'มู่' ประทับตราโดดเด่นอยู่จึงหยิบขึ้นมาดู"หน่วยข่าวที่แฝงตัวอยู่ในเมืองเทียนติ่งส่งมา"เสียนต้วนอี้พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมชะเง้อคอมองตัวอักษรที่เขียนอยู่ในเทียบเชิญในมือเยว่อันหนิง"ท่านประมุขต้องการให้พวกข้าปะปนเข้าไปสังหารผู้ใด"ในเมื่อไม่มีสานส์นจากปรโลก เยว่อันหนิจึงไม่เข้าใจเจตนารมย์ของประมุขกู่เหนียงในครั้งนี้"เจ้าก็เห็นแล้วมิใช่หรือ สกุลมู่ต้องการหาคู่ครองให้กับบุตรีเขา"ก็ใช่ว่าไม่เห็น ในเมื่อเนื้อในเทียบเชิญเขียนเอาไว้ว่า'สกุลมู่ขอเชิญบุรุษที่ผ่านพิธีสวมกวานแล้วทุกท่านเข้าคัดเลือกเป็นคู่ครองคุณหนูมู่อานจิ่วบุตรีเพียงคนเดียวของสกุลมู