“ก็ตองสวยเซ็กซี่น่ะสิ นี่ถ้าตองลองไปเทสหน้ากล้องแคสงานอะไรสักอย่าง หนูบัวว่าตองต้องได้เป็นนางแบบแหงๆ แต่เป็นนางแบบเพลย์บอยนะ” บัวบุษราเอ่ยยิ้มๆ ล้อเลียนให้เพื่อนรักสบายใจขึ้น
“ขอบใจนะเพื่อนรัก เหมือนจะชมและให้กำลังใจ..” ตวิษาส่งค้อนหน้าง้ำ
“ก็ตองน่ะสวยเซ็กซี่โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ผู้ชายก็หลงแล้วไม่รู้ตัวเลยเหรอ ไอ้ใบหน้าแบบนี้เขาเรียกว่าใบหน้าเชื้อเชิญและหุ่นๆ สะบึมๆ อกอึ๋มๆ อกเป็นอก เอวเป็นเอวแบบนี้ก็ยั่วใจซะจนคนมองแทบถอนสายตาไม่ได้ไงล่ะ”
“แต่ตองก็ไม่เคยแต่งตัวล่อตะเข้เลยนะตองก็รัดหน้าอกตลอด แล้วอีกอย่าง ตองก็ไม่กล้าที่จะใส่เสื้อผ้าที่เปิดเผยเนื้อตัวขนาดที่ผู้ชายเห็นแล้วต้องวิ่งเข้าใส่เสียหน่อยแค่กระโปรงยีนส์กับเสื้อยืดพอดีตัวธรรมดาเหมือนหนูบัวตองยังไม่กล้าใส่เลยกลัวถูกฉุด” ตวิษาพูดติดตลกเมื่อรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นและมองหน้าบัวบุษราอย่างพินิจพิเคราะห์
“อย่างหนูบัวนี่น่าจะเจอบ่อยกว่าตอง ไม่ยักจะเจอ”
“เพราะหนูบัวมีแหวนหมั้นเป็นเกราะไง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเจอนะ ก็มีเหมือนกันแต่ก็เหมือนตองแหละ เอาตัวรอดได้ แต่หนูบัวก็ไม่วางใจหรือไว้ใจใครหรอก แดนิชสอนไว้ว่าต้องเอาตัวรอดยังไงและต้องหนักแน่นเข้มแข็งแค่ไหน ตองยังมีครอบครัวที่อบอุ่นแต่หนูบัวไม่มีใครเลยนอกจากแดนิช” บัวบุษราเอ่ยแผ่วเบาในตอนท้าย ใบหน้าขาวนวลดูหม่นลงจน ตวิษาใจเสียและคิดว่าตนเองทำให้เพื่อนไม่สบายใจ
“หนูบัวตองขอโทษ ตองไม่ได้ตั้งใจจะให้หนูบัวรู้สึกเศร้านะ”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้หนูบัวไม่ใช่คนอ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
บัวบุษรายิ้มให้เพื่อนรักก่อนจะช่วยกันทำขนมให้แล้วเสร็จและชักชวนตวิษาไปพักด้วยชั่วคราว ส่วนแดนิชนั้นก็ดีใจที่ตวิษามาพักด้วย เพราะเขาเองอยู่กันสองคนกับบัวบุษราในห้องชุดสุดหรูก็เงียบเหงาเช่นกัน การมีเพื่อนเพิ่มขึ้นก็ดีไปอีกแบบ และที่สำคัญเขาก็ชอบพออัธยาศัยของตวิษาไม่น้อย...
“คุณแม่ขา เราจะไปอยู่ข้างนอกกันจริงๆ ใช่ไหมค้า เย้ๆ ๆ หนูบัวดีใจจังเลย..” หนูบัววิ่งวนรอบกายมารดาอย่างดีใจจนออกนอกหน้าในขณะที่ทั้งสามกำลังเตรียมเก็บข้าวของที่จะนำติดตัวไปแค่เพียงไม่กี่ชิ้นนั้นลงกระเป๋า...
“แหม ดีใจใหญ่เลยเหรอหนูบัว” คุณยายมาศขยี้ผมนุ่มของหลานน้อยอย่างเอ็นดู
สามชีวิตจัดเรียงข้าวของใส่กระเป๋าล้อลากใบใหญ่ และเก็บของเก่าบางชิ้นที่เป็นของคุณยายใส่ในหีบไม้ใบเก่าคร่ำคร่าซึ่งคุณยายใช้เก็บข้าวของสำคัญๆ และกระเป๋าใบเป้ใหญ่ของหนูบัวที่อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าและของเล่นที่หนูน้อยเองก็หยิบใส่กระเป๋าไปเพียงชิ้นที่ตนรักเท่านั้น เพราะคุณแม่ของเธอบอกว่า
“เราอาจจะได้อยู่ห้องเช่าเล็กๆ และอาจจะไม่มีที่สำหรับเก็บของเล่นของหนูบัว”
“นี่พวกแกแม่ลูกตัวเสนียดกำลังจะขนข้าวของ ของบ้านฉันไปไหน” เสียง คุณสายสนม ภรรยาคนที่สองของคุณไพศาลซึ่งเป็นยังคงดูงดงามสวยสดแม้วัยเฉียดใกล้สี่สิบ ดวงตากร้าวจิกมองทั้งสามแม่ลูกอย่างหยามหยัน ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดบิดเบ้จนน่ากลัวว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าจะเป็นอัมพาต
“เอ่อ.. คือบุษกับลูก และคุณแม่จะขอย้ายออกไปอยู่ข้างนอกค่ะคุณสอง” บุษบาเอ่ยอย่างนอบน้อมร่างกายบอบบางสั่นระริกหวาดกลัวผู้หญิงตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“ก็ดีรู้จักเจียมเนื้อเจียมตนเอาลูกชู้ออกไปอยู่ให้ห่างหูห่างตาคุณพี่ก็ดี” คำว่าลูกชู้ที่ออกมาจากปากสีสดนั้น หนูบัวไม่ค่อยเข้าใจนักว่ามันหมายความว่าอย่างไรแต่เธอรับรู้ได้ถึงความเกลียดชังของ คุณสอง ที่มีต่อเธอกับแม่ และรับรู้ได้ถึงความเสียใจของมารดาเพราะตอนนี้ แม่บุษของเธอกำลังน้ำตาอาบแก้ม
“บุษ เรารีบเก็บของเถอะลูก” เสียงแผ่วๆ ของคุณยายมาศดังขึ้นร่างผอมบางกำลังพับผ้าใส่หีบนั้นดูสงบนิ่ง จนผู้มาใหม่ที่ตั้งใจมาระรานก็นึกเกรงเพราะรู้ดีว่าคุณยายมาศนั้นเป็นที่เคารพรักของ “คุณแม่ใหญ่” ผู้เป็นเอกและมีอำนาจเหนือใครในบ้านจันทรโสภากุลเพียงไร
“คุณแม่คะ มันอาจจะเอาสมบัติของคุณพ่อติดไม้ติดมือไปก็ได้นะคะดูสิหีบใบเบ้อเร่อ นังลูกชู้นั่นลูกจันเคยเห็นคุณแม่ใหญ่ให้ของมันบ่อยๆ” เสียงแหลมปรี๊ดของเด็กสาววัยสิบสองนามว่า สิริจันทร์ กระซิบกระซาบกับผู้เป็นมารดาด้วยความริษยาเด็กน้อยที่นั่งกอดตุ๊กตาหมีน่ารักมองเธอด้วยแววตาหวาดหวั่น ระคนเกลียดชังอย่างที่เด็กๆ มักแสดงออกมาอย่างเปิดเผยยิ่งทำให้สองแม่ลูกแทบเต้นเร่าด้วยไฟริษยา แม้ว่ามารหัวใจอย่างบุษบาและลูกสาวกำลังจะกระเด็นออกไปจากบ้านหลังนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไพศาลจะกลับมาสนใจไยดีเธอกับบุตรสาวอย่างที่เธอคาดหวังไว้เพราะเธอรู้ดีว่าเพราะอะไร
คุณไพศาลมีภรรยาถึงห้าคน และมีบุตรชายหญิงทั้งหมดรวมทั้งหนูบัวด้วยก็เจ็ดคน แต่บรรดาภรรยาทั้งห้าของคุณไพศาลนั้น มีเพียงภรรยาสี่คนเท่านั้นที่มีลูกกับคุณไพศาล ส่วนภรรยาหลวงหรือคุณแม่ใหญ่นั้นไม่มีลูกกับคุณไพศาล และในจำนวนภรรยาทั้งห้าคนนั้น คุณไพศาลนั้นรักและเทิดทูนคุณแม่ใหญ่มากกว่าใครแต่คนที่คุณไพศาลรักสุดใจนั้นก็คือบุษบา ภรรยาคนที่ห้าซึ่งอายุห่างกันเกือบยี่สิบปี เมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้ทีไร คุณสายสนมมักจะทนไม่ได้ ดวงใจที่ร้อนด้วยเพลิงริษยานั้นก็ลุกโชนทุกครั้งไป...
“คุณแม่คะ ทำไมเงียบไปล่ะคะ” เด็กสาวถามมารดาเสียงขุ่นขณะเดินกลับเรือนของตน
“แม่กำลังคิดลูกว่าจะจัดการมันให้เด็ดขาดยังไงดี” คุณสายสนมบอกบุตรสาวแล้วมองไปยังบ้านหลังน้อยด้วยแววตาที่กร้าวและเยียบเย็น
ตอนที่4.“จะไปจริงๆ หรือแม่บุษ ไม่คิดทบทวนอีกสักรอบหรือไม่ก็รอให้คุณใหญ่กลับมาก่อนดีไหมค่อยไป” น้ำเสียงนุ่มนวลและเอื้ออาทรพร้อมกับดวงตางดงามอ่อนโยนมองมาที่ทั้งสามแม่ลูกที่นั่งพับเพียบอยู่เบื้องหน้า“คุณแม่ใหญ่” หรือ คุณสายสุนีย์ จันทรโสภากุล ภรรยาหลวงผู้เป็นใหญ่ที่สุดในอาณาจักรจันทรโสภากุลและคุณสายสุนีย์คือผู้เป็นศูนย์รวมอำนาจใน “ตึกจันทร์” แม้จะอายุล่วงเลยมาสี่สิบปีแล้วแต่ใบหน้าสวยหวานของนางนั้นยังคงเค้าความงดงามไม่สร่างซาและนางก็ยังเป็น พี่สาวแท้ๆ ของ คุณสายสนมด้วยตึกจันทร์ ตึกทรงไทยผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบตะวันซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นที่งดงามลงตัวปลูกสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ จนเมื่อถึงคราวเปลี่ยนแปลงทางการปกครองตึกจันทร์ได้ตกทอดมาเป็นสมบัติของตระกูลจันทรโสภากุล“บุษคิดดีแล้วค่ะคุณท่าน ขอให้บุษไปเถอะนะคะ” บุษบาบอกกล่าวแก่คุณแม่ใหญ่เสียงเจือสะอื้นพลางมองนางอย่างวิงวอนและคุณแม่ใหญ่ก็เพียงแต่พยักหน้าด้วยดวงใจที่ตีบตันไม่แพ้กัน นางรู้ดีว่าเหตุใดภรรยาคนสุดท้องของคุณไพศาลจึงอยากจะไปจากที่นี่ แม้นางจะรู้ถึงความจริงว่าที่มาที่ไปของเรื่องอัปยศที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนนั้นเป็นเช่
..บทนำ..“แม่คะ เราไปอยู่ข้างนอกกันไม่ได้เหรอคะหนูบัวไม่อยากอยู่ที่นี่ หนูบัวเกลียดที่นี่ เราไปอยู่ข้างนอกกันนะคะแม่ นะคะๆ” เสียงใสๆ ของเด็กหญิงวัยห้าขวบเอ่ยขึ้นกับมารดาซึ่งเป็นหญิงสาวใบหน้าเรียวหวานดวงตากลมโตงดงามนั้นตอนนี้ดูแห้งผากไร้แววสดใสอย่างที่ควรจะเป็น“อดทนนิดเดียวนะจ๊ะลูกรัก แค่อีกนิดเดียวเท่านั้น” บุษบา บอกลูกน้อยของเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเสมอมา แม้น้ำเสียงนั้นจะสั่นเครือเพราะกลั้นเสียงสะอื้นในอก และทุกๆ ครั้งที่ “หนูบัว” ถามผู้เป็นมารดา หนูน้อยก็มักจะได้ยินคำๆ นี้เสมอๆ รอ รออะไร.. มารดาของเธอรออะไรหนอ“หนูบัว” เด็กหญิงตัวเล็กบอบบางราวแก้วใส ใบหน้าน่ารัก ดั่งตุ๊กตากระเบื้องแสนสวย ผิวขาวผ่องอมชมพู ดวงตากลมโตและเรือนผมสีน้ำตาลเข้มงดงาม เงยหน้ามองมารดาที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งตัวยาวตัวเก่าใต้ต้นดอกปีบที่ออกดอกขาวสะพรั่งเต็มต้นซึ่งมีกลีบบางใสร่วงโรยอยู่บนผืนหญ้า กลิ่นหอมระรวยนั้นช่างให้ความรู้สึกอ่อนหวาน และโดดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน...ดวงตากลมโตใสแจ๋วมองไปยังทิศทางที่มารดามองแล้วใจดวงน้อยพลันรู้สึกหดหู่ และไม่เคยอยากเฉียดไปใกล้สถานที่แห่งนั้นเลยแม้สักครั้ง “ตึกจันทร์” สถานที่ที่มา
ตอนที่1.“แดนิช แดนิช ดูสิๆ ๆ หนูบัวได้ตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ ริโอ และไปในช่วงงานเทศกาล คาร์นิวัลด้วย” เสียงร้องบอกอย่างตื่นเต้นดังออกมาจากริมฝีปากอิ่มสวยสีชมพูระเรื่อของสาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปีนามว่า หนูบัว หรือ บัวบุษรา จันทรโสภากุล สาวน้อยรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นอรชร ใบหน้ารูปไข่นวลใส ประดับด้วย คิ้วเรียวงามดังวาด ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มระยับพราวยามแย้มยิ้ม จมูกโด่งเล็กนั้นเป็นสันสวย รับกับริมฝีปากอวบอิ่มระเรื่อด้วยวัยสาว ผมสีน้ำตาลเข้มเงางามยาวประบ่านั้นก็ดูอ่อนนุ่มน่าสัมผัส กอปรกันแล้วบัวบุษรานั้น นับว่าเป็นสาวน้อยสวยสดทีเดียว“แล้วไงจ๊ะหนูบัว ไม่นึกบ้างเหรอว่า นี่มันอาจจะเป็นการหลอกลวงก็ได้ ไอ้ที่หนูบัวส่งฝาเครื่องดื่มยี่ห้อดังไปชิงรางวัลตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ – ริโอ เนี่ยนะ ยายบ๊อง แดนคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อว่าบริษัทนี้มันจะแจกจริงอย่างว่า” แดนิช หรือ แดนไทย จงเจริญชัยชนะกุล ชายหนุ่มคนเดียวที่เธอรู้จักไว้ใจและสนิทสนมกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยพูดขึ้นพลางลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานหันมามองใบหน้าสวยใสหาตัวจับยากของสาวน้อยวัยใส และเป็นคนรักของตนอย่างเพ่งพิศราวผู้ใหญ่มองเด็กหญิงวัยสามขวบอ
ตอนที่2.“ไอว่ามันก็แปลกๆ นะบันนี่” ไซม่อนเอ่ยขึ้นบ้างหลังจากที่เขาฟังเรื่องราวของบัวบุษราหรือที่เขามักเรียกเธอว่า บันนี่ จากปากแดนิชมาก่อนหน้านี้และเขาก็พอจะมีความรู้และข้องเกี่ยวกับงานด้านธุรกิจการบินอยู่บ้าง เพราะครอบครัวของเขาที่อเมริกานั้น พี่ชาย น้องสาว และบิดานั้นก็ทำงานอยู่ในสายการบินที่มีชื่อเสียงของโลก“โธ่ ไซม่อนก็เป็นพวกวิตกจริตตามแดนิชอีกแล้ว ทำไมไม่คิดบ้างว่านี่คือโชคดีของหนูบัว เนี่ยหนูบัวอุตส่าห์กินชาเขียวยี่ห้อนี้มาเป็นปีๆ เพราะอยากไปริโอฯ อยากไปงานคาร์นิวัลและอยากจะไปถ่ายรูปกับพระเยซู Christ of Redeemer แบบว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมเลยนะ ไม่เอาแล้วไม่คุยกับตาแก่สองคนนี้แล้วไปเปิดร้านขายของดีกว่า”ว่าแล้วสาวน้อยหน้าใสก็เดินหน้างอออกไปจากห้องพักของคอนโดสุดหรูที่เธอพักอาศัยอยู่กับแดนิชมาเกือบสามปี ในฐานะ คู่หมั้น ของแดนไทย นับตั้งแต่เธอสูญเสียมารดาและคุณยายผู้แสนดีเมื่อห้าปีก่อนบัวบุษราเดินเรื่อยๆ มาตามทางคอนกรีตใต้ตึกหรูแห่งนี้อย่างสบายใจชมนกชมไม้ไปเรื่อย และนึกชื่นชมเจ้าของศูนย์การค้า และอาคารพาณิชย์แห่งนี้ว่าออกแบบตกแต่งสถานที่ได้อย่างลงตัวและสวยนัก แม้ว่าจังหวัดที่เธอ