“ไอว่ามันก็แปลกๆ นะบันนี่” ไซม่อนเอ่ยขึ้นบ้างหลังจากที่เขาฟังเรื่องราวของบัวบุษราหรือที่เขามักเรียกเธอว่า บันนี่ จากปากแดนิชมาก่อนหน้านี้และเขาก็พอจะมีความรู้และข้องเกี่ยวกับงานด้านธุรกิจการบินอยู่บ้าง เพราะครอบครัวของเขาที่อเมริกานั้น พี่ชาย น้องสาว และบิดานั้นก็ทำงานอยู่ในสายการบินที่มีชื่อเสียงของโลก
“โธ่ ไซม่อนก็เป็นพวกวิตกจริตตามแดนิชอีกแล้ว ทำไมไม่คิดบ้างว่านี่คือโชคดีของหนูบัว เนี่ยหนูบัวอุตส่าห์กินชาเขียวยี่ห้อนี้มาเป็นปีๆ เพราะอยากไปริโอฯ อยากไปงานคาร์นิวัลและอยากจะไปถ่ายรูปกับพระเยซู Christ of Redeemer แบบว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมเลยนะ ไม่เอาแล้วไม่คุยกับตาแก่สองคนนี้แล้วไปเปิดร้านขายของดีกว่า”
ว่าแล้วสาวน้อยหน้าใสก็เดินหน้างอออกไปจากห้องพักของคอนโดสุดหรูที่เธอพักอาศัยอยู่กับแดนิชมาเกือบสามปี ในฐานะ คู่หมั้น ของแดนไทย นับตั้งแต่เธอสูญเสียมารดาและคุณยายผู้แสนดีเมื่อห้าปีก่อน
บัวบุษราเดินเรื่อยๆ มาตามทางคอนกรีตใต้ตึกหรูแห่งนี้อย่างสบายใจชมนกชมไม้ไปเรื่อย และนึกชื่นชมเจ้าของศูนย์การค้า และอาคารพาณิชย์แห่งนี้ว่าออกแบบตกแต่งสถานที่ได้อย่างลงตัวและสวยนัก แม้ว่าจังหวัดที่เธออาศัยอยู่นี้จะไม่ใช่เมืองใหญ่เช่นกรุงเทพมหานครแต่ที่นี่ก็มีครบทุกอย่างเหมือนกันกับกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า โรงหนัง ไนต์คลับ สถานเริงรมย์ และสิ่งที่เอื้ออำนวยความสะดวกทุกอย่าง
และที่นี่ก็คือที่ที่ทำให้เธอรู้สึกเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง ที่ที่ไม่มีใครที่รู้จักเธอ ที่ที่ไม่มีใครคอยตามหลอกหลอนและคอยยัดเยียดในสิ่งที่เธอแสนจะรังเกียจและเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงมัน...
“เฮ้.. หนูบัว วันนี้เธอมาเปิดร้านสายนะตองรอหนูบัวตั้งนานแน่ะนี่ว่ากำลังจะโทร.ตามเลยเชียว” เสียงใสๆ ของ ตอง หรือ ตวิษา ดังขึ้น ตวิษาสาวน้อยตาคมใบหน้าสะสวยไม่แพ้บัวบุษรา ตวิษามีผิวสีน้ำนวลเนียนและรูปร่างอวบอิ่มไปทั้งเนื้อทั้งตัวดูสวยเย้ายวนเซ็กซี่แม้จะอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนแสนธรรมดาเก่าปอนก็ตาม
“หนูบัวก็ว่าจะโทร. บอกตองอยู่เชียวแต่มาก็ดีเลยมาช่วยเปิดร้านซะดีๆ ดูสิหนุ่มๆ มารอซื้อกาแฟกันเป็นแถวแล้ว” บัวบุษราบอกเพื่อนรักเสียงใสพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจทักทายบรรดาลูกค้าหนุ่มๆ สามคนที่เตร็ดเตร่รออยู่หน้าร้านซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้าประจำที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะ น้องแบงก์ พี่สัญ ลุงชม แหมมาแต่เช้าเลยมารอซื้อกาแฟกับขนมชั้นไปฝากป้าสายหรือจ๊ะลุงชมขา” ตวิษาเอ่ยปากทักทายลูกค้าประจำอย่างคุ้นเคยและได้รอยยิ้มเขินๆ ตอบกลับมาสองสาวช่วยกันเปิดร้าน “บัวบุษรา” โดยมีอีกสองหนุ่มคอยช่วยเหลืออย่างเป็นกันเอง
ร้านบัวบุษรา เป็นร้านขายขนมไทยและกาแฟสดเล็กๆ ขนาดหนึ่งคูหา ที่ตั้งอยู่ภายในอาคารพาณิชย์ห้าชั้นที่แบ่งเป็นโซนๆ มีทั้งห้างสรรพสินค้า สำนักงาน และร้านรวงต่างๆ มากมายรวมไปถึงคอนโดหรูและห้องพักอาศัยซึ่งก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก
ร้านขนมของบัวบุษรา นั้นเป็นร้านขายขนมไทยซึ่งจะมีทั้งขนมไทยและเบเกอรี่ ที่บัวบุษราทำเองทั้งหมด อีกทั้งรูปแบบหน้าตาขนมของเธอก็เป็นเอกลักษณ์สวยงามและแปลกใหม่ แม้จะเป็นเพียงขนมไทยธรรมดา เช่น ขนมเปียกปูน ขนมชั้น ทองหยิบทองหยอด หรือขนมไทยอื่นๆ และมีเครื่องดื่มประเภทชากาแฟไว้บริการอีกด้วย นอกจากรสชาติขนมและเครื่องดื่มจะเป็นที่ถูกปากแล้วบรรยากาศในร้านก็ดูงดงามแสนสบายด้วยการออกแบบตกแต่งที่ลงตัว ที่สำคัญเจ้าของร้านก็สวยน่ารักและอัธยาศัยดีมีรอยยิ้มแสนหวานประดับอยู่บนใบหน้าเสมอจนไม่น่าแปลกใจที่มักจะมีลูกค้าหนุ่มๆ แวะเวียนมาเป็นลูกค้าประจำ
“ตองมีอะไรให้หนูบัวช่วยเหลือหรือเปล่า” บัวบุษราเอ่ยขึ้นเมื่อได้เวลาปิดร้าน เวลาห้าโมงเย็นของทุกวัน หรือหากวันไหนมีลูกค้าติดพัน อาจจะเปิดถึงหนึ่งทุ่ม และตอนนี้เธอก็กำลังง่วนอยู่กับการอบขนมในห้องครัวหลังร้าน
“ตองถูกไล่ออกจากผับเมื่อคืนนี้” ตวิษาบอกเพื่อนรักเสียงเบาใบหน้าที่เปื้อนยิ้มมาทั้งวันหม่นลง บัวบุษราวางงานในมือทรุดนั่งลงตรงหน้าเพื่อนรักพลางเอื้อมมือไปตบเบาๆ ที่มือบางของตวิษาอย่างปลอบประโลม
“ตองมาทำงานกับหนูบัวก็ได้ เพราะน้องที่มาช่วยที่ร้านเพิ่งลาออกไปเมื่อสองวันก่อน ตอนนี้หนูบัวก็มีผู้ช่วยแค่คนเดียว อีกอย่างตอนนี้ทางร้านก็ลงตัวแล้วแดนิชก็ให้หนูบัวเป็นเจ้าของร้านโดยเต็มตัวมาตั้งแต่ต้นปีแล้วด้วย ตอนนี้หนูบัวเป็นเถ้าแก่เนี้ยแล้วนะจะบอกให้” เธอบอกเพื่อนรักเสียงใส และมันก็ทำให้ใบหน้าหมองๆ ของตวิษาดีขึ้น
“จริงเหรอหนูบัว ทำไมไม่เห็นบอกตองบ้างเลย”
“ก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไง แต่พอดีช่วงต้นปีงานเยอะทำขนมส่งแทบไม่ทัน ตองมาทำงานกับหนูบัวนะ”
“แหม.. ไม่ชวนก็ว่าจะมาขอเกาะหนูบัวอยู่เหมือนกัน” ตวิษาบอกเสียงใสใบหน้าสวยคมยิ้มละไม ซึ่งมันทำให้ใบหน้าที่มีเครื่องหน้าเย้ายวนนั้นดูงดงามจนผู้หญิงด้วยกันยังอดอิจฉาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคิ้วเรียวโก่งได้รูป ดวงตากลมโตสวยคมพราวระยับดำสนิท จมูกโด่งเป็นสันได้รูปจนบัวบุษราเองยังนึกค่อนขอดเสมอว่าจมูกตวิษาโด่งราวทำนบกั้นน้ำ และริมฝีปากสีเรื่อที่ดูเหมือนกว้างยามยิ้มแต่ทว่ามันดูอวบอิ่มและเย้ายวนโดยที่ตวิษาไม่ต้องชม้ายชายตาให้เมื่อย รอยยิ้มนั้นก็เหมือนเชิญชวนโดยที่เป็นไปเองตามธรรมชาติ บัวบุษราเองไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตวิษาถึงได้เปลี่ยนงานบ่อยๆ
“ปัญหาเดิมๆ ปัญหาทางเพศอีกล่ะสิ” บัวบุษราคาดเดาส่ายหน้ายิ้มๆ
“ก็จะอะไรอีกล่ะ ทำไมนะตองไปทำงานที่ไหนก็มีแต่พวกบ้ากามจ้องแต่จะงาบเรื่อยเลยเรารึสวยก็ไม่สวยปากก็กว้างซะขนาดนี้ แต่งตัวรึก็มิดชิดไม่เคยสักครั้งที่จะแต่งตัวสวยเซ็กซี่เหมือนหนูบัว แต่เจอปัญหาทางเพศประจำ” ตวิษาบ่นงึมงำๆ อย่างหัวเสียกับเหตุการณ์ที่เธอมักเจอบ่อยๆ
ตวิษา เป็นสาวน้อยจากภาคใต้และครอบครัวค่อนข้างจะยากจน เธอจึงหยุดเรียนแค่ชั้นมัธยมหกแล้วเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ และลงเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงไปด้วย ซึ่งที่นี่เองทำให้เธอทั้งสองพบกัน แต่ด้วยความที่เธอต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย และอีกทั้งยังต้องส่งเสียน้องๆ ทางบ้านอีกสองคนในขณะที่บิดามารดานั้นก็สูงวัยขึ้นทำให้ ตวิษารับงานหลายที่ ทั้งงานร้านอาหาร พนักงานทำความสะอาดหรือแม้แต่เด็กล้างจาน เธอทำหมดทุกงานที่สุจริต เธอไม่เคยเกี่ยงแต่ทุกๆ ครั้งก็มักจะมีปัญหากับนายจ้างหรือไม่ก็ลูกค้าที่เป็นผู้ชายตลอดหรือบางทีก็เป็นบรรดาภรรยาของผู้ชายเหล่านั้นที่เป็นนายจ้าง ด้วยปัญหาทางเพศ ใช่เธอมักบอกกับตัวเองเช่นนี้เสมอว่าปัญหาที่เจอบ่อยๆ นั้นเป็นปัญหาทางเพศ เพราะตวิษามักถูกลวนลามจากบรรดามนุษย์เพศชายไม่ว่าจะไปทำงานที่ไหนก็มักมีผู้ชายทั้งหนุ่มและแก่มาเสนอสิ่งต่างๆ ให้ยามพบเห็นเธอทำงานงกๆ ในร้านอาหารหรือกำลังทำความสะอาดสำนักงานอยู่ บางคนก็พยายามลวนลามเอาเปรียบเธอต่างๆ นานา
ตอนที่3.“ก็ตองสวยเซ็กซี่น่ะสิ นี่ถ้าตองลองไปเทสหน้ากล้องแคสงานอะไรสักอย่าง หนูบัวว่าตองต้องได้เป็นนางแบบแหงๆ แต่เป็นนางแบบเพลย์บอยนะ” บัวบุษราเอ่ยยิ้มๆ ล้อเลียนให้เพื่อนรักสบายใจขึ้น“ขอบใจนะเพื่อนรัก เหมือนจะชมและให้กำลังใจ..” ตวิษาส่งค้อนหน้าง้ำ“ก็ตองน่ะสวยเซ็กซี่โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ผู้ชายก็หลงแล้วไม่รู้ตัวเลยเหรอ ไอ้ใบหน้าแบบนี้เขาเรียกว่าใบหน้าเชื้อเชิญและหุ่นๆ สะบึมๆ อกอึ๋มๆ อกเป็นอก เอวเป็นเอวแบบนี้ก็ยั่วใจซะจนคนมองแทบถอนสายตาไม่ได้ไงล่ะ”“แต่ตองก็ไม่เคยแต่งตัวล่อตะเข้เลยนะตองก็รัดหน้าอกตลอด แล้วอีกอย่าง ตองก็ไม่กล้าที่จะใส่เสื้อผ้าที่เปิดเผยเนื้อตัวขนาดที่ผู้ชายเห็นแล้วต้องวิ่งเข้าใส่เสียหน่อยแค่กระโปรงยีนส์กับเสื้อยืดพอดีตัวธรรมดาเหมือนหนูบัวตองยังไม่กล้าใส่เลยกลัวถูกฉุด” ตวิษาพูดติดตลกเมื่อรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นและมองหน้าบัวบุษราอย่างพินิจพิเคราะห์“อย่างหนูบัวนี่น่าจะเจอบ่อยกว่าตอง ไม่ยักจะเจอ”“เพราะหนูบัวมีแหวนหมั้นเป็นเกราะไง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเจอนะ ก็มีเหมือนกันแต่ก็เหมือนตองแหละ เอาตัวรอดได้ แต่หนูบัวก็ไม่วางใจหรือไว้ใจใครหรอก แดนิชสอนไว้ว่าต้องเอาตัวรอดยังไงและต้อ
ตอนที่4.“จะไปจริงๆ หรือแม่บุษ ไม่คิดทบทวนอีกสักรอบหรือไม่ก็รอให้คุณใหญ่กลับมาก่อนดีไหมค่อยไป” น้ำเสียงนุ่มนวลและเอื้ออาทรพร้อมกับดวงตางดงามอ่อนโยนมองมาที่ทั้งสามแม่ลูกที่นั่งพับเพียบอยู่เบื้องหน้า“คุณแม่ใหญ่” หรือ คุณสายสุนีย์ จันทรโสภากุล ภรรยาหลวงผู้เป็นใหญ่ที่สุดในอาณาจักรจันทรโสภากุลและคุณสายสุนีย์คือผู้เป็นศูนย์รวมอำนาจใน “ตึกจันทร์” แม้จะอายุล่วงเลยมาสี่สิบปีแล้วแต่ใบหน้าสวยหวานของนางนั้นยังคงเค้าความงดงามไม่สร่างซาและนางก็ยังเป็น พี่สาวแท้ๆ ของ คุณสายสนมด้วยตึกจันทร์ ตึกทรงไทยผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบตะวันซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นที่งดงามลงตัวปลูกสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ จนเมื่อถึงคราวเปลี่ยนแปลงทางการปกครองตึกจันทร์ได้ตกทอดมาเป็นสมบัติของตระกูลจันทรโสภากุล“บุษคิดดีแล้วค่ะคุณท่าน ขอให้บุษไปเถอะนะคะ” บุษบาบอกกล่าวแก่คุณแม่ใหญ่เสียงเจือสะอื้นพลางมองนางอย่างวิงวอนและคุณแม่ใหญ่ก็เพียงแต่พยักหน้าด้วยดวงใจที่ตีบตันไม่แพ้กัน นางรู้ดีว่าเหตุใดภรรยาคนสุดท้องของคุณไพศาลจึงอยากจะไปจากที่นี่ แม้นางจะรู้ถึงความจริงว่าที่มาที่ไปของเรื่องอัปยศที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนนั้นเป็นเช่
..บทนำ..“แม่คะ เราไปอยู่ข้างนอกกันไม่ได้เหรอคะหนูบัวไม่อยากอยู่ที่นี่ หนูบัวเกลียดที่นี่ เราไปอยู่ข้างนอกกันนะคะแม่ นะคะๆ” เสียงใสๆ ของเด็กหญิงวัยห้าขวบเอ่ยขึ้นกับมารดาซึ่งเป็นหญิงสาวใบหน้าเรียวหวานดวงตากลมโตงดงามนั้นตอนนี้ดูแห้งผากไร้แววสดใสอย่างที่ควรจะเป็น“อดทนนิดเดียวนะจ๊ะลูกรัก แค่อีกนิดเดียวเท่านั้น” บุษบา บอกลูกน้อยของเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเสมอมา แม้น้ำเสียงนั้นจะสั่นเครือเพราะกลั้นเสียงสะอื้นในอก และทุกๆ ครั้งที่ “หนูบัว” ถามผู้เป็นมารดา หนูน้อยก็มักจะได้ยินคำๆ นี้เสมอๆ รอ รออะไร.. มารดาของเธอรออะไรหนอ“หนูบัว” เด็กหญิงตัวเล็กบอบบางราวแก้วใส ใบหน้าน่ารัก ดั่งตุ๊กตากระเบื้องแสนสวย ผิวขาวผ่องอมชมพู ดวงตากลมโตและเรือนผมสีน้ำตาลเข้มงดงาม เงยหน้ามองมารดาที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งตัวยาวตัวเก่าใต้ต้นดอกปีบที่ออกดอกขาวสะพรั่งเต็มต้นซึ่งมีกลีบบางใสร่วงโรยอยู่บนผืนหญ้า กลิ่นหอมระรวยนั้นช่างให้ความรู้สึกอ่อนหวาน และโดดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน...ดวงตากลมโตใสแจ๋วมองไปยังทิศทางที่มารดามองแล้วใจดวงน้อยพลันรู้สึกหดหู่ และไม่เคยอยากเฉียดไปใกล้สถานที่แห่งนั้นเลยแม้สักครั้ง “ตึกจันทร์” สถานที่ที่มา
ตอนที่1.“แดนิช แดนิช ดูสิๆ ๆ หนูบัวได้ตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ ริโอ และไปในช่วงงานเทศกาล คาร์นิวัลด้วย” เสียงร้องบอกอย่างตื่นเต้นดังออกมาจากริมฝีปากอิ่มสวยสีชมพูระเรื่อของสาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปีนามว่า หนูบัว หรือ บัวบุษรา จันทรโสภากุล สาวน้อยรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นอรชร ใบหน้ารูปไข่นวลใส ประดับด้วย คิ้วเรียวงามดังวาด ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มระยับพราวยามแย้มยิ้ม จมูกโด่งเล็กนั้นเป็นสันสวย รับกับริมฝีปากอวบอิ่มระเรื่อด้วยวัยสาว ผมสีน้ำตาลเข้มเงางามยาวประบ่านั้นก็ดูอ่อนนุ่มน่าสัมผัส กอปรกันแล้วบัวบุษรานั้น นับว่าเป็นสาวน้อยสวยสดทีเดียว“แล้วไงจ๊ะหนูบัว ไม่นึกบ้างเหรอว่า นี่มันอาจจะเป็นการหลอกลวงก็ได้ ไอ้ที่หนูบัวส่งฝาเครื่องดื่มยี่ห้อดังไปชิงรางวัลตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ – ริโอ เนี่ยนะ ยายบ๊อง แดนคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อว่าบริษัทนี้มันจะแจกจริงอย่างว่า” แดนิช หรือ แดนไทย จงเจริญชัยชนะกุล ชายหนุ่มคนเดียวที่เธอรู้จักไว้ใจและสนิทสนมกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยพูดขึ้นพลางลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานหันมามองใบหน้าสวยใสหาตัวจับยากของสาวน้อยวัยใส และเป็นคนรักของตนอย่างเพ่งพิศราวผู้ใหญ่มองเด็กหญิงวัยสามขวบอ