Share

บทที่4

Author: Owen Jones
last update Last Updated: 2022-12-21 17:36:21
4 แรงบันดาลใจ

เมื่อเมแกนเริ่มไปโรงเรียนและพ้นจากการดูแลที่น่าคลางแคลงใจของยาย เธอก็รวมตัวกับเด็กคนอื่น ๆ ประมาณสิบกว่าคนที่สถานรับเลี้ยงเด็กที่เธอรัก เธอชื่นชอบมิสซิสวิลเลียมส์ซึ่งเป็นครูประชั้นของเธอเป็นพิเศษ มิสซิสวิลเลียมส์ช่างแสนดี เธอเป็นเหมือนอากาศสดชื่นรองมาจากยายของเธอ

มิสซิสวิลเลียมส์นั้นอาวุโสพอที่จะเป็นย่าหรือยายได้แล้ว เมแกนคิดและเธอก็ท้วมอวบและร่าเริง เธอชอบร้องเพลงขณะทำสิ่งที่เธอหลงใหล ซึ่งก็คือการดูแลเด็กเล็ก ๆ ทุกสิ่งเรียบร้อยดีสำหรับมิสซิสวิลเลียมส์ตราบใดที่ไม่มีความรุนแรง ปัญหาคือบางครั้งก็มีความรุนแรงเกิดขึ้น

มันผ่านมาไม่นานมากนัก ครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอซึ่งก็แค่หกปีเท่านั้น ตอนนั้นเธอมองเห็นสีของผู้คนได้ไม่ชัดเจน แต่บางครั้งเธอก็มองเห็นแสงสีแดงและเทาวาบขึ้นและไม่กี่วินาทีต่อมาก็จะมีคนโดนเด็กที่โกรธตบตี ในปีแรกนั้นเอง เธอได้เรียนรู้ที่จะอยู่ห่างจาก

เด็ก ๆ ที่มีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์รุนแรงแปรปรวน

แสงของมิสซิสวิลเลียมส์เป็นสีเหลืองทองและอบอุ่นเสมอ เมแกนคิดว่าเธอชอบเข้าไปใกล้ชิดมิสซิสวิลเลียมส์เพื่อผสานรวมสีกับเธอ มิสซิสวิลเลียมส์และพ่อของเธอคือคนที่ดีที่สุดในโลกที่เมแกนรู้จักที่จะผสมรวมด้วย ปัญหาเดียวก็คือ พวกเขาไม่พูดถึงเรื่องที่มองเห็นแสงมีสี เธอไม่มีใครให้ถามคำถามและคาดหวังที่จะได้รับคำตอบที่จริงจัง เพราะเธอรู้ดีกว่าทุกคนที่เธอรู้จัก เธอฉลาดพอที่จะรู้ด้วยว่าเธอมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ค่อนข้างน้อย

เมแกนไม่ได้เกลียดใครสักคนที่เธอเคยข้องเกี่ยวด้วยในชีวิตที่เพิ่งเกิดมาไม่นาน ทว่าจนถึงตอนนี้ในชีวิตของเธอมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ตอนนั้น ความรู้สึกที่เธอมีต่อยายปนเปคละเคล้ากันแต่เธอก็ไม่เคยเกลียดยาย เธอไม่เคยเกลียดแม่เช่นกัน เธอมักเกิดแรงกระตุ้นให้รู้สึกสงสารแม่เมื่อแม่โมโหเธอ เธออยากปลอบแม่และบอกว่าการมองเห็นแสงต่างๆ ไม่ใช่ปัญหาและการมองไม่เห็นก็ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน เธอรู้แล้วว่าคนที่แปลกแยกคือตัวเธอเอง ไม่ใช่แม่ อยากไรก็ตาม เธอยังคงไม่รู้คำตอบว่าเหตุใดแม่ของเธอจึงหวาดกลัวมากนัก

วาซินฮินชาเคยพูดเรื่องนั้นหลายครั้ง

“หนูน้อยเมแกน” เขาบอกเธอ “เธอมีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ เธอเป็นคนหนึ่งในจำนวนน้อย คนส่วนใหญ่จะไม่มีวันแม้แต่เข้าใกล้การจุติของพลังต่าง ๆ ที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ ในขณะที่บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อจะได้สัมผัสเศษเสี้ยวของสิ่งที่เธอจะสามารถทำได้ อันที่จริง เศษเสี้ยวของสิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ด้วยซ้ำ

“พลังต่าง ๆ ที่เธอมี ผู้ชายและผู้หญิงทุกคนสามารถมีได้ถ้าพวกเขาแสวงหา แต่เธอกับฉันโชคดีพอที่ได้เกิดมาพร้อมกับพลังเหล่านั้น เมแกนตัวน้อย นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก เพราะฉะนั้นเธอจะต้องใช้พรสวรรค์ของเธอช่วยเหลือผู้คน ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือตัวเอง เมื่ออายุมากขึ้น เธอจะพบว่าการช่วยเหลือผู้อื่นนำรางวัลมาให้ และบางครั้งรางวัลนั้นก็เป็นสิ่งที่เธอต้องการ แม้ว่าอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอหวังไว้เสมอไป”

“การจะค้นพบความสุขที่แท้จริง เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งที่ผู้อื่นสามารถมอบให้และไม่หวังอะไรมากกว่านั้นนะเมแกน อย่ากดดันคนอื่นและอย่าคาดหวังมากเกินไป จะดีกว่ากันมากถ้าเธอไม่คาดหวังอะไรเป็นการตอบแทน เพราะบางคนจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอได้ช่วยเหลือเขาและคนอื่น ๆ จะอิจฉาเธอ

“แต่จำไว้นะว่าทุกสิ่งที่เธอและทุกคนทำจะได้รับการบันทึกไว้ และไม่มีใครสามารถลบหรือว่าเปลี่ยนบันทึกนี้ได้ ทุกคนจะได้รับผลตอบแทนตามบัญชีนั้น อย่าลืมทำให้ยอดสะสมของเธออยู่ในด้านดี แล้วในระยะยาวเธอจะได้รับผลตอบแทนเป็นความสุข และในระยะยาวสิ่งเดียวที่สำคัญก็คือความสุข

“มีคำเรียกบัญชีนี้อยู่หลายคำ แต่ในโลกตะวันตก เธอจะได้ยินคำว่าเวรกรรมหรือกรรมบ่อยที่สุด

“เรียนรู้ที่จะสนุกกับชีวิต เพราะว่ามันช่างยืนยาวนัก”

“ฉันรู้ว่าเธออยากเรียนรู้เกี่ยวกับพลังเหล่านี้ ความสามารถในการรับรู้ที่เธอมี นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาหาเธอ เธอจะคิดว่าฉันเป็นครูของเธอก็ได้ แต่ฉันอยากใช้คำว่า ‘ผู้ชี้นำ’มากกว่า ฉันคือผู้ชี้นำด้านจิตวิญญาณของเธอ แต่ฉันไม่ใช่ผู้ชี้นำหลักของเธอ เขาหรือเธอคนนั้นจะเปิดเผยตัวตนกับเธอเมื่อพร้อมที่จะทำเช่นนั้น หรือเมื่อเธอพร้อมที่จะเข้าใจ เพราะเมื่อนักเรียนพร้อม ครูจะปรากฏตัว

“จำไว้นะเมแกน เพราะว่ามันสำคัญมาก” ‘เมื่อนักเรียนพร้อม ครูจะปรากฏตัว’ เพราะที่จริงแล้ว เราพร้อมเสมอที่จะช่วยคนที่ต้องการก้าวหน้า เราพยายามช่วยคนที่ยังคงอยู่ในความมืดสนิทด้วยเหมือนกัน แต่กว่าคนคนหนึ่งจะอยากเข้าใจจริงๆ หรือตื่นรู้ คำพูดของเราก็แทบจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเสมอ

“เพราะฉะนั้น ถ้าเธอสงสัยขึ้นมาล่ะก็ เพียงแค่คิดถึงคำถามตอนที่พักผ่อน แล้วโลกจะเงียบสงบอยู่ภายในตัวเธอ แล้วฉันจะพยายามมาอธิบายเมื่อฉันมาได้ ฉันอยู่ใกล้แค่เอื้อมเสมอ อย่าลืมซะล่ะ เธอไม่เคยโดดเดี่ยวและคนอื่นทุกคนก็เช่นกัน

“แต่จะว่าไปก็มีข้อจำกัดในสิ่งที่เราสามารถทำเพื่อช่วยเหลือคนอื่นนะ ฉันจะอธิบาย แล้วเธอจะเห็นว่ามันมีข้อจำกัดทางกายภาพ ไม่เกี่ยวกับการกระทำของเรา

“เธอมีคำถามต่าง ๆ อย่างเช่น ‘เวลาที่ฉันเห็นสีเหลืองอยู่รอบหัวใครสักคนมันแปลว่าอะไร’ เธอเคยถามแบบนั้นไม่ใช่หรือไง

“ใช่ค่ะ วาซินฮินชา”

“ปัญหาก็คือ ดวงตามนุษย์นั้นไม่สมบูรณ์แบบ...เมแกน มันเสื่อมสภาพ ถดถอย จนบางคนต้องสวมแว่นตา และด้วยเหตุนั้น สีที่เธอเรียกว่า ‘สีเหลือง’ คนอื่นอาจจะเรียกว่า ‘สีทอง’ สีที่เธอเรียกว่า ‘สีเขียว’ คนอื่นอาจะเรียกว่า ‘สีน้ำตาล’ เรามีคำสำหรับเรียกอาการนี้ว่าตาบอดสี แต่ก็อีกนั่นแหละ ฉัน หรือว่าเรา ไม่ได้มองเห็นด้วยตาเลยแม้แต่น้อย ฉันมีร่างที่เธอเห็น เพราะมันคือการจุติหรือร่างกายสุดท้ายบนโลกของฉัน ฉันจึงอยู่ในรูปร่างนี้เพื่อที่เธอจะได้จำฉันได้และไม่กลัว

“สักวันหนึ่งเธออาจจะได้เห็นฉันในแบบที่ฉันเป็นจริง ๆ แต่แม้แต่เธอก็ยังไม่พัฒนาไปไกลถึงขั้นนั้น แล้วฉันจะอธิบายถึงสีที่เธออาจจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำไปยังไงดีล่ะ การบอกเธอถึงความหมายของสีเหลืองจะช่วยอะไรได้ในเมื่อสิ่งที่เธอพูดถึงแท้จริงแล้วเป็นสีทอง

“เธอมีพรสวรรค์ที่ดีเลิศ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้งาน เธอจะต้องเขียนคู่มือใช้งานเอง เหมือนที่เราทุกคนเคยต้องทำและยังคงทำอยู่ เพราะในจักรวาลมีพลังมากมายกว่าที่มนุษย์โลกที่อยู่ในขั้นพัฒนาจะสามารถใช้ได้

“คิดถึงสิ่งที่ฉันพูดไปนะเมแกน แล้วเธอจะเข้าใจ เธอเป็นเด็กฉลาด เธอจะเรียนรู้เพราะว่าเธออยากที่จะเรียนรู้ และฉันจะช่วยเธอเท่าที่ทำได้ภายใต้ขีดจำกัดตามธรรมชาติที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ เพราะว่ามีหลักและกฎธรรมชาติที่เราต้องปฏิบัติตามและการละเลยอาจนำอันตรายมาให้”

เมแกนอยากเล่าให้พ่อของเธอใจจะขาดว่าวาซินฮินชาพูดว่าอะไรบ้างตอนที่พ่อถามเธอเมื่อวันก่อน แต่เมื่อคิดอีกทีเธอก็เปลี่ยนใจ วาซินฮินชาพูดถึงเรื่องนักเรียนกับครู แต่เธอไม่รู้สึกว่าคำถามของพ่ออยู่ในประเภทที่วาซินฮินชาหมายถึง และถึงอย่างไรเธอก็รู้สึกว่ายังไม่รู้มากพอที่จะเป็นครูอยู่ดี

พ่อแม่ของพ่อเธอ เนนกับเทด เป็นคนลึกซึ้ง แต่พวกเขาก็ไม่พูดอะไรมากนักเกี่ยวกับสิ่งใดก็ตามที่สำคัญมาก พวกเขาเคยทำฟาร์มก่อนที่จะขายทิ้งเพื่อเกษียณเพราะโรเบิร์ตไม่แสดงความสนใจในการทำฟาร์มแม้แต่น้อย แล้วใครจะตำหนิเขาได้ล่ะ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ตำหนิเพราะรู้ดีว่าการทำฟาร์มแกะนั้นงานหนักขนาดไหน พวกเขารู้ว่าโรเบิร์ตควรทำงานในออฟฟิศในเมืองมากกว่าและพวกเขาก็ดีใจด้วยเช่นกันที่เขาทำงานที่นั่น

สำหรับเมแกนนั้น พวกเขารักและเอาใจใส่เธอมาก เมแกนเป็นแก้วตาดวงใจตัวน้อย ๆ ของพวกเขา แต่พวกเขาไม่เคยแสดงความสนใจต่อภาวะทางจิตวิญญาณของเธอแม้แต่น้อย หรือสังเกตเห็นว่าเธอ ‘ไม่ค่อยเหมือน’ เด็กเล็กคนอื่น ๆ พวกเขาเชื่อในการทำงานหนัก เชื่อในพระเจ้า และการสนใจในเรื่องของตัวเอง

และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำมาตลอดชีวิต

Related chapters

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่5

    5 เพื่อนบ้าน เด็ก ๆ ในถนนเดียวกันเข้ากันได้ดีกับเมแกนและเมแกนก็เข้ากับพวกเขาได้ดีเช่นกัน เธอเล่นตั้งเตและวิ่งไล่จับกับเด็กผู้หญิงสองสามคน เธอชอบนอนค้างที่บ้านเพื่อนและแม้กระทั่งให้คนอื่นมานอนค้างที่บ้านในบางครั้งเวลาที่แม่อารมณ์ดี เธอชอบใช้คอมพิวเตอร์และชอบเล่นเฟซบุ๊กเป็นพิเศษ ในความคิดของคนส่วนใหญ่ เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงวัยสิบสองปีธรรมดา ๆ อันที่จริง คนส่วนใหญ่คิดว่าเธอขี้หงุดหงิดน้อยกว่าเด็กส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน เด็กส่วนใหญ่จำไม่ได้ว่าเธอเคยถามว่าพวกเขามองเห็นแสงรอบตัวผู้คนหรือได้ยินเสียงพูดต่าง ๆ บ้างหรือไม่ เพราะเธอเฉลียวฉลาดในการกลบเกลื่อนด้วยการพูดว่า “เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวของคนอื่นไหมจิล อย่างเวลาที่เธอมองฉัน เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวฉันไหม” “ไม่เห็นหรอก... เธอพูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย” “ไม่รู้สิ... อาจจะเป็นแสงแดดเข้าตาฉัน หรือไม่ก็เป็นเพราะฉันปวดหัว...” อย่างไรก็ดี บางคนก็จับได้และคลางแคลงสงสัยว่าเธอมีอิทธิพลต่อลูกหลานของพวกเขา ปกติแล้วบทสนทนาจะไม่ไปไกลกว่านั้น และเมแกนจะระวังตัวเป็นพิเศษเวลาอยู่ใกล้พ่อแม่เหล่านั้นเพื่อให้พวกเขาสงสัยน้อยลง ทว่าเธอพูดกับคุณนาย

    Last Updated : 2022-12-21
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่6

    6 เพื่อนของเมแกน ครั้งนี้ สัมผัสบนต้นขาของเมแกนหนักหน่วงกว่าเดิมและเธอก็ยิ้มอยู่ข้างในเสื้อ เธอปล่อยมือจากน่องข้างซ้ายแล้วลูบเจ้าสัตว์ที่อยู่ข้างกาย ไม่มีความรู้สึกทางกายภาพว่าเธอได้สัมผัสขน แต่ความรู้สึกของการได้หลอมรวมกับเพื่อนนั้นแท้จริงอย่างยิ่ง เสียงครางที่ดังอยู่ตอนนี้ก็จริงแท้เช่นกัน เสียงครางทุ้มต่ำที่ดังลั่นของเสือตัวหนึ่ง “โฮก” เมแกนพูด ฉันรู้ว่าเธอต้องมา” เจ้าเสือร่างใหญ่ทิ้งตัวลงบนขาของเมแกนแล้วบดเบียดเธอกับผนัง “เจ้าขนนุ่มตัวโต ขอบคุณนะ เพื่อนที่แสนพิเศษของฉัน” เสียงครางดังกว่าเดิมและเธอรู้สึกได้ว่าเจ้าเสือนอนหงายท้องกลิ้งตัวไปมา เมแกนลูบอกของมันและตบเบา ๆ เธอมองลอดเสื้อกันหนาวและมองเห็นลายสีดำ เหลือง และขาวบนตัวเพื่อนร่างใหญ่โตที่มีอายุมากที่สุดของเธอได้อย่างชัดเจน “เป็นยังไงบ้าง สาวน้อย สนุกไหม ที่นี่มีเด็กดี เด็กดี เธอเป็นเด็กดีไม่ใช่รึไง” โฮกครางแล้วก็ครางอีก เมแกนมองเห็นแสงที่เคยเป็นเพื่อนของเธอได้ แต่มันเป็นเหมือนแสงที่ออกมาจากไฟสำหรับติดในห้องนอนตอนกลางคืนมากกว่าแสงจากโคมไฟ เมแกนดีใจมากที่โฮกมา แต่โฮกไม่สามารถปกป้องเธอจากแมงมุมและแมลงอื่นๆ ได้

    Last Updated : 2022-12-21
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่1

    1 ทางเลือกของฮ็อบสัน เมแกนถูกขังอยู่ในห้องเก็บถ่านหินใต้ดินอีกครั้งพร้อมทั้งน้ำตาที่ปริ่มจวนเจียนจะไหล เธออายุแค่สิบสองปีและเธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงทำสิ่งที่เลวร้ายเช่นนี้กับเธอ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วหกครั้ง แต่เธอคิดว่ามันเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้นเลย พ่อของเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย เธอไม่เคยบอกเขา และเธอแน่ใจว่าแม่ก็ไม่เคยพูดอะไรเช่นกัน เธอกับแม่มีข้อตกลงที่รู้กันอยู่ในใจว่าต่างคนต่างจะไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง แต่เธอกลับมาที่นี่อีกครั้ง นั่งอยู่ในห้องใต้ดินท่ามกลางความสกปรกและฝุ่นผงกับสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไรที่กำลังจ้องมองเธออยู่ เธอไม่รู้ตัวหรอก ในนั้นมืดสนิทและเธอต้องใช้ความเข้มแข็งทั้งหมดที่มีเพื่อกลั้นน้ำตาและไม่ขอร้องให้แม่ปล่อยเธอออกไป แต่เธอเคยลองทำเช่นนั้นในโอกาสอื่น ๆ และแม่ของเธอก็เรียกร้องให้เธอทำสิ่งที่ไม่มีเหตุผลเพื่อเป็นเงื่อนไขในการปล่อยตัวเธอ เงื่อนไขที่เธอรู้ว่าไม่สามารถทำได้แม้จะพยายามอย่างสุดความสามารถ บางครั้งดูเหมือนว่าเธอเป็นคนเดียวที่จริงจังกับข้อตกลง แม้เธอจะไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตาก็เริ่มไหลอาบแ

    Last Updated : 2022-12-21
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่2

    2 การตื่นรู้ ทุกอย่างเริ่มต้นตอนที่เธอยังอยู่ในวัยเตาะแตะ เธอถูกทิ้งให้อยู่กับยายในตอนกลางวันเพราะทั้งพ่อและแม่ของเธอทำงาน ตาและยายของเธอมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม คือสามีออกไปทำงานส่วนภรรยาอยู่บ้านและทำทุกอย่างที่สรรหามาทำได้ในบ้านที่ลูก ๆ แต่งงานและออกจากบ้านไปแล้ว คุณนายไวท์ไม่เคยมีเพื่อนของตัวเอง ทุกคนที่เธอรู้จักเป็นเพื่อนของสามี หรือไม่ก็ภรรยาของเพื่อนสามี ดังนั้นเมื่อเขาเสียชีวิต คุณนายไวท์จึงไม่มีเพื่อนเลยสักคน มีอยู่หลายครั้งที่คุณนายไวท์คิดว่าเธอรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเพราะความเบื่อและความอ้างว้างเดียวดาย การได้ดูแลเมแกนในช่วงกลางวันและในช่วงกลางคืนบ้างเป็นบางครั้งจึงเปรียบเสมือนของขวัญจากพระเจ้า คุณนายไวท์อยากจะบอกใครต่อใครว่ามันทำให้เธอไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แต่หลายปีต่อมาเมแกนมักจะสงสัยว่ายายของเธอมาช้าไปหรือเปล่าที่จะหยุดยั้งไม่ให้กระบวนการเริ่มขึ้น สิ่งแรกที่บ่งชี้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นตอนที่เมแกนเป็นเด็กทารก เมแกนเริ่มหยิบของเล่นและสิ่งต่าง ๆ ด้วยมือซ้ายซึ่งเป็นลางร้ายสำหรับคุณนายไวท์ ตอนแรกคุณนายไวท์เพียงแค่ย้ายของมาใส่มือขวาของเมแกนแล้วพูดว่

    Last Updated : 2022-12-21
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่3

    3 ผู้ช่วยตัวน้อยของแม่ เมื่อเมแกนอายุห้าขวบ เธอเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลและได้พบเจอยายของเธอน้อยลงมาก หลายคนพูดว่านั่นส่งผลดีต่อเมแกน แต่ยายของเธอไม่มีความสุขนัก เธอเสียสติและเสียชีวิตหกเดือนต่อมา บรรดาแพทย์ไม่รู้สาเหตุที่คุณนายไวท์เสียชีวิต แต่เชื่อกันว้าเธอเสียชีวิตเพราะความอ้างว้าง แน่นอน เมแกนรู้แค่ว่ายายของเธอ ‘จากไป’ แต่เหตุการณ์นั้นไม่ได้มีความสำคัญมากมายสำหรับเธอ ไม่ใช่เพราะเธอ ‘ยังเด็ก’ หรือไม่แคร์ ก็แค่มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตในการรับรู้โลกของเมแกนเท่านั้น...โลกที่เธออาศัยอยู่ มันไม่ยุติธรรมที่จะบอกว่าโลกของเมแกนไม่ใช่โลกที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ตลอดหกปีหรือราว ๆ นั้นเท่าที่เธอจำได้ เธอไม่เคยเชื่อว่าผู้คนเสียชีวิต เธอรู้ว่าร่างกายน่ะตาย...แหงอยู่แล้ว! แมวและนกของเธอตายและครอบครัวของเธอก็ฝังพวกมันไว้ในกล่องในสวน แม้กระทั่งตอนนั้น เธอก็รู้ว่าพ่อแม่ของเธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชีวิตและความตาย เพราะสำหรับเมแกนแล้วมันไม่มีความแตกต่างที่แท้จริง เอาล่ะ จริงอยู่ที่เธอไม่ได้เห็นสัตว์เลี้ยงทุกตัว อีกหลังจากที่พวกมันตาย เธอไม่ได้เห็นเจ้ากระต่ายลอปปี้ลักส์ หรือเจ้าโกลดี้ นก

    Last Updated : 2022-12-21

Latest chapter

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่6

    6 เพื่อนของเมแกน ครั้งนี้ สัมผัสบนต้นขาของเมแกนหนักหน่วงกว่าเดิมและเธอก็ยิ้มอยู่ข้างในเสื้อ เธอปล่อยมือจากน่องข้างซ้ายแล้วลูบเจ้าสัตว์ที่อยู่ข้างกาย ไม่มีความรู้สึกทางกายภาพว่าเธอได้สัมผัสขน แต่ความรู้สึกของการได้หลอมรวมกับเพื่อนนั้นแท้จริงอย่างยิ่ง เสียงครางที่ดังอยู่ตอนนี้ก็จริงแท้เช่นกัน เสียงครางทุ้มต่ำที่ดังลั่นของเสือตัวหนึ่ง “โฮก” เมแกนพูด ฉันรู้ว่าเธอต้องมา” เจ้าเสือร่างใหญ่ทิ้งตัวลงบนขาของเมแกนแล้วบดเบียดเธอกับผนัง “เจ้าขนนุ่มตัวโต ขอบคุณนะ เพื่อนที่แสนพิเศษของฉัน” เสียงครางดังกว่าเดิมและเธอรู้สึกได้ว่าเจ้าเสือนอนหงายท้องกลิ้งตัวไปมา เมแกนลูบอกของมันและตบเบา ๆ เธอมองลอดเสื้อกันหนาวและมองเห็นลายสีดำ เหลือง และขาวบนตัวเพื่อนร่างใหญ่โตที่มีอายุมากที่สุดของเธอได้อย่างชัดเจน “เป็นยังไงบ้าง สาวน้อย สนุกไหม ที่นี่มีเด็กดี เด็กดี เธอเป็นเด็กดีไม่ใช่รึไง” โฮกครางแล้วก็ครางอีก เมแกนมองเห็นแสงที่เคยเป็นเพื่อนของเธอได้ แต่มันเป็นเหมือนแสงที่ออกมาจากไฟสำหรับติดในห้องนอนตอนกลางคืนมากกว่าแสงจากโคมไฟ เมแกนดีใจมากที่โฮกมา แต่โฮกไม่สามารถปกป้องเธอจากแมงมุมและแมลงอื่นๆ ได้

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่5

    5 เพื่อนบ้าน เด็ก ๆ ในถนนเดียวกันเข้ากันได้ดีกับเมแกนและเมแกนก็เข้ากับพวกเขาได้ดีเช่นกัน เธอเล่นตั้งเตและวิ่งไล่จับกับเด็กผู้หญิงสองสามคน เธอชอบนอนค้างที่บ้านเพื่อนและแม้กระทั่งให้คนอื่นมานอนค้างที่บ้านในบางครั้งเวลาที่แม่อารมณ์ดี เธอชอบใช้คอมพิวเตอร์และชอบเล่นเฟซบุ๊กเป็นพิเศษ ในความคิดของคนส่วนใหญ่ เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงวัยสิบสองปีธรรมดา ๆ อันที่จริง คนส่วนใหญ่คิดว่าเธอขี้หงุดหงิดน้อยกว่าเด็กส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน เด็กส่วนใหญ่จำไม่ได้ว่าเธอเคยถามว่าพวกเขามองเห็นแสงรอบตัวผู้คนหรือได้ยินเสียงพูดต่าง ๆ บ้างหรือไม่ เพราะเธอเฉลียวฉลาดในการกลบเกลื่อนด้วยการพูดว่า “เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวของคนอื่นไหมจิล อย่างเวลาที่เธอมองฉัน เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวฉันไหม” “ไม่เห็นหรอก... เธอพูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย” “ไม่รู้สิ... อาจจะเป็นแสงแดดเข้าตาฉัน หรือไม่ก็เป็นเพราะฉันปวดหัว...” อย่างไรก็ดี บางคนก็จับได้และคลางแคลงสงสัยว่าเธอมีอิทธิพลต่อลูกหลานของพวกเขา ปกติแล้วบทสนทนาจะไม่ไปไกลกว่านั้น และเมแกนจะระวังตัวเป็นพิเศษเวลาอยู่ใกล้พ่อแม่เหล่านั้นเพื่อให้พวกเขาสงสัยน้อยลง ทว่าเธอพูดกับคุณนาย

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่4

    4 แรงบันดาลใจ เมื่อเมแกนเริ่มไปโรงเรียนและพ้นจากการดูแลที่น่าคลางแคลงใจของยาย เธอก็รวมตัวกับเด็กคนอื่น ๆ ประมาณสิบกว่าคนที่สถานรับเลี้ยงเด็กที่เธอรัก เธอชื่นชอบมิสซิสวิลเลียมส์ซึ่งเป็นครูประชั้นของเธอเป็นพิเศษ มิสซิสวิลเลียมส์ช่างแสนดี เธอเป็นเหมือนอากาศสดชื่นรองมาจากยายของเธอ มิสซิสวิลเลียมส์นั้นอาวุโสพอที่จะเป็นย่าหรือยายได้แล้ว เมแกนคิดและเธอก็ท้วมอวบและร่าเริง เธอชอบร้องเพลงขณะทำสิ่งที่เธอหลงใหล ซึ่งก็คือการดูแลเด็กเล็ก ๆ ทุกสิ่งเรียบร้อยดีสำหรับมิสซิสวิลเลียมส์ตราบใดที่ไม่มีความรุนแรง ปัญหาคือบางครั้งก็มีความรุนแรงเกิดขึ้น มันผ่านมาไม่นานมากนัก ครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอซึ่งก็แค่หกปีเท่านั้น ตอนนั้นเธอมองเห็นสีของผู้คนได้ไม่ชัดเจน แต่บางครั้งเธอก็มองเห็นแสงสีแดงและเทาวาบขึ้นและไม่กี่วินาทีต่อมาก็จะมีคนโดนเด็กที่โกรธตบตี ในปีแรกนั้นเอง เธอได้เรียนรู้ที่จะอยู่ห่างจาก เด็ก ๆ ที่มีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์รุนแรงแปรปรวน แสงของมิสซิสวิลเลียมส์เป็นสีเหลืองทองและอบอุ่นเสมอ เมแกนคิดว่าเธอชอบเข้าไปใกล้ชิดมิสซิสวิลเลียมส์เพื่อผสานรวมสีกับเธอ มิสซิสวิลเลียมส์และพ่อของเธอคือคน

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่3

    3 ผู้ช่วยตัวน้อยของแม่ เมื่อเมแกนอายุห้าขวบ เธอเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลและได้พบเจอยายของเธอน้อยลงมาก หลายคนพูดว่านั่นส่งผลดีต่อเมแกน แต่ยายของเธอไม่มีความสุขนัก เธอเสียสติและเสียชีวิตหกเดือนต่อมา บรรดาแพทย์ไม่รู้สาเหตุที่คุณนายไวท์เสียชีวิต แต่เชื่อกันว้าเธอเสียชีวิตเพราะความอ้างว้าง แน่นอน เมแกนรู้แค่ว่ายายของเธอ ‘จากไป’ แต่เหตุการณ์นั้นไม่ได้มีความสำคัญมากมายสำหรับเธอ ไม่ใช่เพราะเธอ ‘ยังเด็ก’ หรือไม่แคร์ ก็แค่มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตในการรับรู้โลกของเมแกนเท่านั้น...โลกที่เธออาศัยอยู่ มันไม่ยุติธรรมที่จะบอกว่าโลกของเมแกนไม่ใช่โลกที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ตลอดหกปีหรือราว ๆ นั้นเท่าที่เธอจำได้ เธอไม่เคยเชื่อว่าผู้คนเสียชีวิต เธอรู้ว่าร่างกายน่ะตาย...แหงอยู่แล้ว! แมวและนกของเธอตายและครอบครัวของเธอก็ฝังพวกมันไว้ในกล่องในสวน แม้กระทั่งตอนนั้น เธอก็รู้ว่าพ่อแม่ของเธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชีวิตและความตาย เพราะสำหรับเมแกนแล้วมันไม่มีความแตกต่างที่แท้จริง เอาล่ะ จริงอยู่ที่เธอไม่ได้เห็นสัตว์เลี้ยงทุกตัว อีกหลังจากที่พวกมันตาย เธอไม่ได้เห็นเจ้ากระต่ายลอปปี้ลักส์ หรือเจ้าโกลดี้ นก

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่2

    2 การตื่นรู้ ทุกอย่างเริ่มต้นตอนที่เธอยังอยู่ในวัยเตาะแตะ เธอถูกทิ้งให้อยู่กับยายในตอนกลางวันเพราะทั้งพ่อและแม่ของเธอทำงาน ตาและยายของเธอมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม คือสามีออกไปทำงานส่วนภรรยาอยู่บ้านและทำทุกอย่างที่สรรหามาทำได้ในบ้านที่ลูก ๆ แต่งงานและออกจากบ้านไปแล้ว คุณนายไวท์ไม่เคยมีเพื่อนของตัวเอง ทุกคนที่เธอรู้จักเป็นเพื่อนของสามี หรือไม่ก็ภรรยาของเพื่อนสามี ดังนั้นเมื่อเขาเสียชีวิต คุณนายไวท์จึงไม่มีเพื่อนเลยสักคน มีอยู่หลายครั้งที่คุณนายไวท์คิดว่าเธอรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเพราะความเบื่อและความอ้างว้างเดียวดาย การได้ดูแลเมแกนในช่วงกลางวันและในช่วงกลางคืนบ้างเป็นบางครั้งจึงเปรียบเสมือนของขวัญจากพระเจ้า คุณนายไวท์อยากจะบอกใครต่อใครว่ามันทำให้เธอไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แต่หลายปีต่อมาเมแกนมักจะสงสัยว่ายายของเธอมาช้าไปหรือเปล่าที่จะหยุดยั้งไม่ให้กระบวนการเริ่มขึ้น สิ่งแรกที่บ่งชี้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นตอนที่เมแกนเป็นเด็กทารก เมแกนเริ่มหยิบของเล่นและสิ่งต่าง ๆ ด้วยมือซ้ายซึ่งเป็นลางร้ายสำหรับคุณนายไวท์ ตอนแรกคุณนายไวท์เพียงแค่ย้ายของมาใส่มือขวาของเมแกนแล้วพูดว่

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่1

    1 ทางเลือกของฮ็อบสัน เมแกนถูกขังอยู่ในห้องเก็บถ่านหินใต้ดินอีกครั้งพร้อมทั้งน้ำตาที่ปริ่มจวนเจียนจะไหล เธออายุแค่สิบสองปีและเธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงทำสิ่งที่เลวร้ายเช่นนี้กับเธอ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วหกครั้ง แต่เธอคิดว่ามันเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้นเลย พ่อของเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย เธอไม่เคยบอกเขา และเธอแน่ใจว่าแม่ก็ไม่เคยพูดอะไรเช่นกัน เธอกับแม่มีข้อตกลงที่รู้กันอยู่ในใจว่าต่างคนต่างจะไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง แต่เธอกลับมาที่นี่อีกครั้ง นั่งอยู่ในห้องใต้ดินท่ามกลางความสกปรกและฝุ่นผงกับสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไรที่กำลังจ้องมองเธออยู่ เธอไม่รู้ตัวหรอก ในนั้นมืดสนิทและเธอต้องใช้ความเข้มแข็งทั้งหมดที่มีเพื่อกลั้นน้ำตาและไม่ขอร้องให้แม่ปล่อยเธอออกไป แต่เธอเคยลองทำเช่นนั้นในโอกาสอื่น ๆ และแม่ของเธอก็เรียกร้องให้เธอทำสิ่งที่ไม่มีเหตุผลเพื่อเป็นเงื่อนไขในการปล่อยตัวเธอ เงื่อนไขที่เธอรู้ว่าไม่สามารถทำได้แม้จะพยายามอย่างสุดความสามารถ บางครั้งดูเหมือนว่าเธอเป็นคนเดียวที่จริงจังกับข้อตกลง แม้เธอจะไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตาก็เริ่มไหลอาบแ

DMCA.com Protection Status