Share

บทที่2

Penulis: Owen Jones
last update Terakhir Diperbarui: 2024-10-29 19:42:56
2 การตื่นรู้

ทุกอย่างเริ่มต้นตอนที่เธอยังอยู่ในวัยเตาะแตะ เธอถูกทิ้งให้อยู่กับยายในตอนกลางวันเพราะทั้งพ่อและแม่ของเธอทำงาน ตาและยายของเธอมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม คือสามีออกไปทำงานส่วนภรรยาอยู่บ้านและทำทุกอย่างที่สรรหามาทำได้ในบ้านที่ลูก ๆ แต่งงานและออกจากบ้านไปแล้ว คุณนายไวท์ไม่เคยมีเพื่อนของตัวเอง ทุกคนที่เธอรู้จักเป็นเพื่อนของสามี หรือไม่ก็ภรรยาของเพื่อนสามี ดังนั้นเมื่อเขาเสียชีวิต คุณนายไวท์จึงไม่มีเพื่อนเลยสักคน

มีอยู่หลายครั้งที่คุณนายไวท์คิดว่าเธอรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเพราะความเบื่อและความอ้างว้างเดียวดาย

การได้ดูแลเมแกนในช่วงกลางวันและในช่วงกลางคืนบ้างเป็นบางครั้งจึงเปรียบเสมือนของขวัญจากพระเจ้า คุณนายไวท์อยากจะบอกใครต่อใครว่ามันทำให้เธอไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แต่หลายปีต่อมาเมแกนมักจะสงสัยว่ายายของเธอมาช้าไปหรือเปล่าที่จะหยุดยั้งไม่ให้กระบวนการเริ่มขึ้น

สิ่งแรกที่บ่งชี้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นตอนที่เมแกนเป็นเด็กทารก เมแกนเริ่มหยิบของเล่นและสิ่งต่าง ๆ ด้วยมือซ้ายซึ่งเป็นลางร้ายสำหรับคุณนายไวท์ ตอนแรกคุณนายไวท์เพียงแค่ย้ายของมาใส่มือขวาของเมแกนแล้วพูดว่า “มือซ้ายร้าย มือขวาดี” แต่หลังจากหลายสัปดาห์ผ่านไป เมื่อเมแกนยังไม่ “เรียนรู้” วิธีทำสิ่งต่าง ๆ อย่างถูกต้อง เธอก็จะโดนตีมือซ้ายพร้อมด้วยการตักเตือนว่ามือข้างนั้นไม่ดี

หลังจากถูกฝึกฝนอย่างเข้มงวดด้วยทฤษฎีการเรียนรู้ของปาฟลอฟ 1 เมแกนก็เรียนรู้ที่จะใช้มือขวาเหมือนที่เด็กคนไหนๆ ก็จะต้องทำ ยายของเมแกนรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่เธอตอบสนองต่อการฝึก วันหนึ่งเธอจึงประกาศข่าวดีด้วยความรู้สึกมีชัยกับลูกสาวของเธอซึ่งไม่ได้สังเกตเห็นว่าตอนนี้เมแกนหยิบของด้วยมือขวาเท่านั้น ในขณะที่ก่อนหน้านี้เธอชอบใช้มือซ้าย

ซูซาน แม่ของเมแกนไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย เธอรู้ว่าแม่ของเธอมี 'วิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แปลก' และปล่อยให้เธอใช้วิธีเหล่านั้นตามใจชอบ อย่างไรก็ตาม เธอจำไม่ได้ว่าแม่เคยใช้วิธีเหล่านั้นฝึกฝนตัวเธอด้วยหรือเปล่า และถ้าแม่ไม่ได้ทำเช่นนั้น เธอก็คงจะเป็นคนที่แตกต่างไปจากตอนนี้ อย่างแรกเลย เธอคงจะเป็นคนถนัดซ้าย

ซูซานไม่ได้บอกโรเบิร์ตผู้เป็นสามีของเธอว่าเมแกนเกิดมาพร้อมกับแนวโน้มที่จะใช้มือซ้าย แต่ถูกเขา 'ทุบตี' เค้นความจริงจนเธอต้องบอก เนื่องจากตัวเขาเองเป็นคนถนัดซ้ายและมีภูมิต้านทานต่อความเชื่องมงายแบบโบราณที่สูงกว่าเธอมาก เขาจะต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ เหตุผลหนึ่งที่คุณนายไวท์ไม่ยอมรับโรเบิร์ตก็เพราะเขาถนัดซ้าย แต่เธอคิดว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะช่วยชีวิตเขาและวิญญาณของเขา

เธอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้ซูซานตกหลุมรักและแต่งงานกับโรเบิร์ตได้ง่าย ๆ เธอดุด่าซูซาน ห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน หยุดให้เงินค่าขนมอันน้อยนิด และแม้กระทั่งขังเธอไว้ในตู้เก็บไม้กวาดใต้บันได

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกสาวของฉันจะทำตัวแบบที่แกทำ” เธอมักจะตะโกนพร้อมกับฟาดประตูตู้เมื่อเดินผ่านไป “ฉันว่าต้องมีการสับเปลี่ยนตัวที่โรงพยาบาลแน่ ๆ ฉันไม่มีทางมีลูกสาวอย่างแกหรอก”

ซูซานนั้นโชคดี ที่บ้านของพวกเธอมีห้องเก็บถ่านหินใต้ดินไม่ใช่หลุมถ่านหิน แต่เธอรู้สึกว่าตู้เก็บไม้กวาดก็น่าหวาดกลัวไม่แพ้กันแม้เธอจะเป็นวัยรุ่นก็ตาม เพราะคุณนายไวท์บอกลูกสาวของเธอว่าในนั้นอาจจะมี ‘ภูติผีและปีศาจ’ อยู่ก็ได้ และด้วยเหตุผลเดียวกันนั้นเมแกนจึงไม่ชอบห้องดังกล่าว คูณนายไวท์แนะนำให้ซูซานนั่งเงียบ ๆ ที่มุมห้องและคลุมศีรษะไว้ ‘เพื่อที่ภูติผีและปีศาจจะได้มองไม่เห็นเธอ’

เมื่อเมแกนหัดพูด คุณนายไวท์จึงถือว่าเป็นชัยชนะของตนเอง เธอไม่ได้ให้เครดิตซูซานหรือว่าโรเบิร์ตในเรื่องนี้แม้แต่น้อย โดยบอกเพื่อนๆ ของเธอว่าคนที่เรียกว่า ‘พ่อแม่สมัยใหม่’ นั้นไม่มีเวลาให้ลูก และถ้าไม่ใช่เพราะปู่ย่าตายายล่ะก็ คนรุ่นถัดไปจะต้อง ‘ปํญญาอ่อนโดยสิ้นเชิง’

คนส่วนใหญ่ที่รู้จักคุณนายไวท์รู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไร ถ้าไม่พยักหน้าแสดงความเห็นด้วย พวกเขาก็จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หรือไม่ก็รีบไปเสีย หากว่าทำได้ บทสนทนามักเป็นไปในทำนองนี้

“โอ... คุณนายไวท์คะ ฉันแน่ใจว่าคุณกำลังทำงานยิ่งใหญ่ที่ช่วยลูกสาวของคุณด้วยการคำนึงถึงหนูน้อยเมแกน... ปีนี้ต้นบีโกเนียเป็นอย่างไรบ้างคะ”

และด้วยเหตุนั้น หนูน้อยเมแกนจึงถูกทอดทิ้งให้อยู่กับความไม่อยู่กับร่องกับรอยของยายเธอ เนื่องจากคุณไวท์ไม่อยู่บนโลกเพื่อคอยตรวจสอบจินตนาการของเธออีกต่อไปแล้ว และปรากฏว่าจินตนาการเหล่านั้นก็ไม่ถูกต้องเสียด้วย บางครั้ง ขณะนั่งอยู่บนพื้นตรงเท้าของนางไวท์ เมแกนก็จะยื่นของเล่นให้ 'คุณตา'

ตอนแรกคุณนายไวท์คิดว่าหนูน้อยสับสน เธอสันนิษฐานว่า 'ปู่และย่า' ทำให้หลานตัวน้อยของเธอสับสน ดังนั้นเมื่อรู้ว่ากลยุทธ์นี้เคยใช้ได้ผลมาก่อน ทุกครั้งที่เมแกนยื่นของเล่นออกมาและพูดว่า 'คุณตา' เธอจึงหยิบมันและพูดว่า 'คุณยาย' จากนั้น เมื่อเริ่มหมดหวังมากขึ้นเธอจึงพูดว่า 'คุณยายต่างหากล่ะเมแกนไม่ใช่คุณตา!' แล้วตีขาเมแกนเบา ๆ

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าการทำให้เมแกนเรียกเธอว่า 'คุณยาย' และไม่ใช่ 'คุณตา' ยากกว่าการทำให้เธอใช้มือขวาเสียอีก ไม่ว่าเธอจะลองใช้วิธีใดก็ตาม แถมเมแกนยังพูดถึง 'แมว' ตัวหนึ่งและเห็นได้ว่าเธอลูบอากาศและหัวเราะคิกคัก

เมื่อเมแกนเริ่มเรียกเจ้า 'แมว' ว่า 'โฮก' คุณนายไวท์คิดว่ามันคือจินตนาการแบบเด็ก ๆ ที่มีมากล้น แต่การเอ่ยอ้างถึง 'คุณตา' ยังคงทำให้เธอรำคาญใจ วันหนึ่ง เธอถามซูซานว่าเมแกนเรียกพ่อแม่ของโรเบิร์ตว่าอะไร

“โอ...เมแกนน่ารักมาก เธอเรียกพวกเขาด้วยคำภาษาเวลช์ว่า ‘เนนกับเทด’ ที่แปลว่าปู่กับย่าค่ะ พวกเขาอยากให้เราส่งเมแกนไปเรียนในโรงเรียนเวลช์เมื่อเธอโตพอ แต่หนูกับโรเบิร์ตยังไม่แน่ใจเลย แม่คิดว่าไงคะ”

คุณนายไวท์หวังว่าเมแกนจะไปโรงเรียนคาทอลิก แต่เธอรู้ว่าโอกาสอันมีค่านั้นมีเพียงน้อยนิด เพราะโรเบิร์ตผู้ถนัดซ้าย ‘เชื่อว่าเด็ก ๆ ไม่ควรถูกบังคับให้นับถือศาสนาในขณะที่พวกเขาอายุยังน้อย...ไม่ว่าศาสนาใด ๆ ก็ตาม’ โธ่! เขาจะไปรู้อะไรเล่า คนถนัดซ้ายจะไปรู้อะไรกัน

แต่เธอพูดว่า “จะส่งเมแกนไปเรียนที่ไหนก็ระวังให้มากละกัน เธอไม่ควรให้เมแกนไปโรงเรียนสมัยใหม่ชุ่ยๆ โรงเรียนที่ครูซึ่งถนัดซ้ายไม่สอนเรื่องการเคารพผู้อื่น หรือไม่มีระเบียบวินัยที่ดีแบบสมัยเก่า ไม่อย่างงั้นเธอคงได้เห็นเมแกนขวางหูขวางตาคนในครอบครัวก่อนที่เธอจะเรียนมัธยมแน่” เธอหวังว่าคำสำคัญอย่างคำว่า ‘ถนัดซ้าย’ ‘เคารพ’ และ ‘ระเบียบวินัย’ จะกระตุ้นให้ซูซานตอบสนองในทางที่เธอต้องการ แต่เธอเกรงว่าจะสูญเสียลูกสาวให้กับความคิดงี่เง่าของโรเบิร์ตเกี่ยวกับการถนัดซ้ายไปเสียแล้ว

สิ่งเดียวที่เธอพยายามทำได้ในตอนนี้คือหยุดยั้งความเสื่อมทรามในตัวเมแกน ความเสื่อมทรามที่โรเบิร์ตและลูกสาวของเธอยอมให้ปะทุออกมาจากเมแกนที่อ่อนหวาน น่าสงสาร ทว่าหัวอ่อน คุณนายไวท์อยากลองขังเธอไว้ใต้บันไดมานานแล้ว แต่เธอรู้ว่าถ้าโรเบิร์ตรู้ มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้รับอนุญาตให้อยู่กับเมแกนตามลำพัง และนั่นจะทำให้ทั้งคู่แย่ลง

แต่ในใจลึก ๆ แล้ว คุณนายไวท์ตระหนักดีว่าเธอจะแย่ลงกว่าเดิมอีกมากและอาจไม่มีชีวิตรอดนอกสถานพักฟื้นผู้ป่วย

Bab terkait

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่3

    3 ผู้ช่วยตัวน้อยของแม่ เมื่อเมแกนอายุห้าขวบ เธอเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลและได้พบเจอยายของเธอน้อยลงมาก หลายคนพูดว่านั่นส่งผลดีต่อเมแกน แต่ยายของเธอไม่มีความสุขนัก เธอเสียสติและเสียชีวิตหกเดือนต่อมา บรรดาแพทย์ไม่รู้สาเหตุที่คุณนายไวท์เสียชีวิต แต่เชื่อกันว้าเธอเสียชีวิตเพราะความอ้างว้าง แน่นอน เมแกนรู้แค่ว่ายายของเธอ ‘จากไป’ แต่เหตุการณ์นั้นไม่ได้มีความสำคัญมากมายสำหรับเธอ ไม่ใช่เพราะเธอ ‘ยังเด็ก’ หรือไม่แคร์ ก็แค่มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตในการรับรู้โลกของเมแกนเท่านั้น...โลกที่เธออาศัยอยู่ มันไม่ยุติธรรมที่จะบอกว่าโลกของเมแกนไม่ใช่โลกที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ตลอดหกปีหรือราว ๆ นั้นเท่าที่เธอจำได้ เธอไม่เคยเชื่อว่าผู้คนเสียชีวิต เธอรู้ว่าร่างกายน่ะตาย...แหงอยู่แล้ว! แมวและนกของเธอตายและครอบครัวของเธอก็ฝังพวกมันไว้ในกล่องในสวน แม้กระทั่งตอนนั้น เธอก็รู้ว่าพ่อแม่ของเธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชีวิตและความตาย เพราะสำหรับเมแกนแล้วมันไม่มีความแตกต่างที่แท้จริง เอาล่ะ จริงอยู่ที่เธอไม่ได้เห็นสัตว์เลี้ยงทุกตัว อีกหลังจากที่พวกมันตาย เธอไม่ได้เห็นเจ้ากระต่ายลอปปี้ลักส์ หรือเจ้าโกลดี้ นก

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่4

    4 แรงบันดาลใจ เมื่อเมแกนเริ่มไปโรงเรียนและพ้นจากการดูแลที่น่าคลางแคลงใจของยาย เธอก็รวมตัวกับเด็กคนอื่น ๆ ประมาณสิบกว่าคนที่สถานรับเลี้ยงเด็กที่เธอรัก เธอชื่นชอบมิสซิสวิลเลียมส์ซึ่งเป็นครูประชั้นของเธอเป็นพิเศษ มิสซิสวิลเลียมส์ช่างแสนดี เธอเป็นเหมือนอากาศสดชื่นรองมาจากยายของเธอ มิสซิสวิลเลียมส์นั้นอาวุโสพอที่จะเป็นย่าหรือยายได้แล้ว เมแกนคิดและเธอก็ท้วมอวบและร่าเริง เธอชอบร้องเพลงขณะทำสิ่งที่เธอหลงใหล ซึ่งก็คือการดูแลเด็กเล็ก ๆ ทุกสิ่งเรียบร้อยดีสำหรับมิสซิสวิลเลียมส์ตราบใดที่ไม่มีความรุนแรง ปัญหาคือบางครั้งก็มีความรุนแรงเกิดขึ้น มันผ่านมาไม่นานมากนัก ครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอซึ่งก็แค่หกปีเท่านั้น ตอนนั้นเธอมองเห็นสีของผู้คนได้ไม่ชัดเจน แต่บางครั้งเธอก็มองเห็นแสงสีแดงและเทาวาบขึ้นและไม่กี่วินาทีต่อมาก็จะมีคนโดนเด็กที่โกรธตบตี ในปีแรกนั้นเอง เธอได้เรียนรู้ที่จะอยู่ห่างจาก เด็ก ๆ ที่มีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์รุนแรงแปรปรวน แสงของมิสซิสวิลเลียมส์เป็นสีเหลืองทองและอบอุ่นเสมอ เมแกนคิดว่าเธอชอบเข้าไปใกล้ชิดมิสซิสวิลเลียมส์เพื่อผสานรวมสีกับเธอ มิสซิสวิลเลียมส์และพ่อของเธอคือคน

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่5

    5 เพื่อนบ้าน เด็ก ๆ ในถนนเดียวกันเข้ากันได้ดีกับเมแกนและเมแกนก็เข้ากับพวกเขาได้ดีเช่นกัน เธอเล่นตั้งเตและวิ่งไล่จับกับเด็กผู้หญิงสองสามคน เธอชอบนอนค้างที่บ้านเพื่อนและแม้กระทั่งให้คนอื่นมานอนค้างที่บ้านในบางครั้งเวลาที่แม่อารมณ์ดี เธอชอบใช้คอมพิวเตอร์และชอบเล่นเฟซบุ๊กเป็นพิเศษ ในความคิดของคนส่วนใหญ่ เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงวัยสิบสองปีธรรมดา ๆ อันที่จริง คนส่วนใหญ่คิดว่าเธอขี้หงุดหงิดน้อยกว่าเด็กส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน เด็กส่วนใหญ่จำไม่ได้ว่าเธอเคยถามว่าพวกเขามองเห็นแสงรอบตัวผู้คนหรือได้ยินเสียงพูดต่าง ๆ บ้างหรือไม่ เพราะเธอเฉลียวฉลาดในการกลบเกลื่อนด้วยการพูดว่า “เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวของคนอื่นไหมจิล อย่างเวลาที่เธอมองฉัน เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวฉันไหม” “ไม่เห็นหรอก... เธอพูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย” “ไม่รู้สิ... อาจจะเป็นแสงแดดเข้าตาฉัน หรือไม่ก็เป็นเพราะฉันปวดหัว...” อย่างไรก็ดี บางคนก็จับได้และคลางแคลงสงสัยว่าเธอมีอิทธิพลต่อลูกหลานของพวกเขา ปกติแล้วบทสนทนาจะไม่ไปไกลกว่านั้น และเมแกนจะระวังตัวเป็นพิเศษเวลาอยู่ใกล้พ่อแม่เหล่านั้นเพื่อให้พวกเขาสงสัยน้อยลง ทว่าเธอพูดกับคุณนาย

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่6

    6 เพื่อนของเมแกน ครั้งนี้ สัมผัสบนต้นขาของเมแกนหนักหน่วงกว่าเดิมและเธอก็ยิ้มอยู่ข้างในเสื้อ เธอปล่อยมือจากน่องข้างซ้ายแล้วลูบเจ้าสัตว์ที่อยู่ข้างกาย ไม่มีความรู้สึกทางกายภาพว่าเธอได้สัมผัสขน แต่ความรู้สึกของการได้หลอมรวมกับเพื่อนนั้นแท้จริงอย่างยิ่ง เสียงครางที่ดังอยู่ตอนนี้ก็จริงแท้เช่นกัน เสียงครางทุ้มต่ำที่ดังลั่นของเสือตัวหนึ่ง “โฮก” เมแกนพูด ฉันรู้ว่าเธอต้องมา” เจ้าเสือร่างใหญ่ทิ้งตัวลงบนขาของเมแกนแล้วบดเบียดเธอกับผนัง “เจ้าขนนุ่มตัวโต ขอบคุณนะ เพื่อนที่แสนพิเศษของฉัน” เสียงครางดังกว่าเดิมและเธอรู้สึกได้ว่าเจ้าเสือนอนหงายท้องกลิ้งตัวไปมา เมแกนลูบอกของมันและตบเบา ๆ เธอมองลอดเสื้อกันหนาวและมองเห็นลายสีดำ เหลือง และขาวบนตัวเพื่อนร่างใหญ่โตที่มีอายุมากที่สุดของเธอได้อย่างชัดเจน “เป็นยังไงบ้าง สาวน้อย สนุกไหม ที่นี่มีเด็กดี เด็กดี เธอเป็นเด็กดีไม่ใช่รึไง” โฮกครางแล้วก็ครางอีก เมแกนมองเห็นแสงที่เคยเป็นเพื่อนของเธอได้ แต่มันเป็นเหมือนแสงที่ออกมาจากไฟสำหรับติดในห้องนอนตอนกลางคืนมากกว่าแสงจากโคมไฟ เมแกนดีใจมากที่โฮกมา แต่โฮกไม่สามารถปกป้องเธอจากแมงมุมและแมลงอื่นๆ ได้

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่1

    1 ทางเลือกของฮ็อบสัน เมแกนถูกขังอยู่ในห้องเก็บถ่านหินใต้ดินอีกครั้งพร้อมทั้งน้ำตาที่ปริ่มจวนเจียนจะไหล เธออายุแค่สิบสองปีและเธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงทำสิ่งที่เลวร้ายเช่นนี้กับเธอ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วหกครั้ง แต่เธอคิดว่ามันเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้นเลย พ่อของเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย เธอไม่เคยบอกเขา และเธอแน่ใจว่าแม่ก็ไม่เคยพูดอะไรเช่นกัน เธอกับแม่มีข้อตกลงที่รู้กันอยู่ในใจว่าต่างคนต่างจะไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง แต่เธอกลับมาที่นี่อีกครั้ง นั่งอยู่ในห้องใต้ดินท่ามกลางความสกปรกและฝุ่นผงกับสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไรที่กำลังจ้องมองเธออยู่ เธอไม่รู้ตัวหรอก ในนั้นมืดสนิทและเธอต้องใช้ความเข้มแข็งทั้งหมดที่มีเพื่อกลั้นน้ำตาและไม่ขอร้องให้แม่ปล่อยเธอออกไป แต่เธอเคยลองทำเช่นนั้นในโอกาสอื่น ๆ และแม่ของเธอก็เรียกร้องให้เธอทำสิ่งที่ไม่มีเหตุผลเพื่อเป็นเงื่อนไขในการปล่อยตัวเธอ เงื่อนไขที่เธอรู้ว่าไม่สามารถทำได้แม้จะพยายามอย่างสุดความสามารถ บางครั้งดูเหมือนว่าเธอเป็นคนเดียวที่จริงจังกับข้อตกลง แม้เธอจะไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตาก็เริ่มไหลอาบแ

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29

Bab terbaru

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่6

    6 เพื่อนของเมแกน ครั้งนี้ สัมผัสบนต้นขาของเมแกนหนักหน่วงกว่าเดิมและเธอก็ยิ้มอยู่ข้างในเสื้อ เธอปล่อยมือจากน่องข้างซ้ายแล้วลูบเจ้าสัตว์ที่อยู่ข้างกาย ไม่มีความรู้สึกทางกายภาพว่าเธอได้สัมผัสขน แต่ความรู้สึกของการได้หลอมรวมกับเพื่อนนั้นแท้จริงอย่างยิ่ง เสียงครางที่ดังอยู่ตอนนี้ก็จริงแท้เช่นกัน เสียงครางทุ้มต่ำที่ดังลั่นของเสือตัวหนึ่ง “โฮก” เมแกนพูด ฉันรู้ว่าเธอต้องมา” เจ้าเสือร่างใหญ่ทิ้งตัวลงบนขาของเมแกนแล้วบดเบียดเธอกับผนัง “เจ้าขนนุ่มตัวโต ขอบคุณนะ เพื่อนที่แสนพิเศษของฉัน” เสียงครางดังกว่าเดิมและเธอรู้สึกได้ว่าเจ้าเสือนอนหงายท้องกลิ้งตัวไปมา เมแกนลูบอกของมันและตบเบา ๆ เธอมองลอดเสื้อกันหนาวและมองเห็นลายสีดำ เหลือง และขาวบนตัวเพื่อนร่างใหญ่โตที่มีอายุมากที่สุดของเธอได้อย่างชัดเจน “เป็นยังไงบ้าง สาวน้อย สนุกไหม ที่นี่มีเด็กดี เด็กดี เธอเป็นเด็กดีไม่ใช่รึไง” โฮกครางแล้วก็ครางอีก เมแกนมองเห็นแสงที่เคยเป็นเพื่อนของเธอได้ แต่มันเป็นเหมือนแสงที่ออกมาจากไฟสำหรับติดในห้องนอนตอนกลางคืนมากกว่าแสงจากโคมไฟ เมแกนดีใจมากที่โฮกมา แต่โฮกไม่สามารถปกป้องเธอจากแมงมุมและแมลงอื่นๆ ได้

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่5

    5 เพื่อนบ้าน เด็ก ๆ ในถนนเดียวกันเข้ากันได้ดีกับเมแกนและเมแกนก็เข้ากับพวกเขาได้ดีเช่นกัน เธอเล่นตั้งเตและวิ่งไล่จับกับเด็กผู้หญิงสองสามคน เธอชอบนอนค้างที่บ้านเพื่อนและแม้กระทั่งให้คนอื่นมานอนค้างที่บ้านในบางครั้งเวลาที่แม่อารมณ์ดี เธอชอบใช้คอมพิวเตอร์และชอบเล่นเฟซบุ๊กเป็นพิเศษ ในความคิดของคนส่วนใหญ่ เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงวัยสิบสองปีธรรมดา ๆ อันที่จริง คนส่วนใหญ่คิดว่าเธอขี้หงุดหงิดน้อยกว่าเด็กส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน เด็กส่วนใหญ่จำไม่ได้ว่าเธอเคยถามว่าพวกเขามองเห็นแสงรอบตัวผู้คนหรือได้ยินเสียงพูดต่าง ๆ บ้างหรือไม่ เพราะเธอเฉลียวฉลาดในการกลบเกลื่อนด้วยการพูดว่า “เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวของคนอื่นไหมจิล อย่างเวลาที่เธอมองฉัน เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวฉันไหม” “ไม่เห็นหรอก... เธอพูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย” “ไม่รู้สิ... อาจจะเป็นแสงแดดเข้าตาฉัน หรือไม่ก็เป็นเพราะฉันปวดหัว...” อย่างไรก็ดี บางคนก็จับได้และคลางแคลงสงสัยว่าเธอมีอิทธิพลต่อลูกหลานของพวกเขา ปกติแล้วบทสนทนาจะไม่ไปไกลกว่านั้น และเมแกนจะระวังตัวเป็นพิเศษเวลาอยู่ใกล้พ่อแม่เหล่านั้นเพื่อให้พวกเขาสงสัยน้อยลง ทว่าเธอพูดกับคุณนาย

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่4

    4 แรงบันดาลใจ เมื่อเมแกนเริ่มไปโรงเรียนและพ้นจากการดูแลที่น่าคลางแคลงใจของยาย เธอก็รวมตัวกับเด็กคนอื่น ๆ ประมาณสิบกว่าคนที่สถานรับเลี้ยงเด็กที่เธอรัก เธอชื่นชอบมิสซิสวิลเลียมส์ซึ่งเป็นครูประชั้นของเธอเป็นพิเศษ มิสซิสวิลเลียมส์ช่างแสนดี เธอเป็นเหมือนอากาศสดชื่นรองมาจากยายของเธอ มิสซิสวิลเลียมส์นั้นอาวุโสพอที่จะเป็นย่าหรือยายได้แล้ว เมแกนคิดและเธอก็ท้วมอวบและร่าเริง เธอชอบร้องเพลงขณะทำสิ่งที่เธอหลงใหล ซึ่งก็คือการดูแลเด็กเล็ก ๆ ทุกสิ่งเรียบร้อยดีสำหรับมิสซิสวิลเลียมส์ตราบใดที่ไม่มีความรุนแรง ปัญหาคือบางครั้งก็มีความรุนแรงเกิดขึ้น มันผ่านมาไม่นานมากนัก ครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอซึ่งก็แค่หกปีเท่านั้น ตอนนั้นเธอมองเห็นสีของผู้คนได้ไม่ชัดเจน แต่บางครั้งเธอก็มองเห็นแสงสีแดงและเทาวาบขึ้นและไม่กี่วินาทีต่อมาก็จะมีคนโดนเด็กที่โกรธตบตี ในปีแรกนั้นเอง เธอได้เรียนรู้ที่จะอยู่ห่างจาก เด็ก ๆ ที่มีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์รุนแรงแปรปรวน แสงของมิสซิสวิลเลียมส์เป็นสีเหลืองทองและอบอุ่นเสมอ เมแกนคิดว่าเธอชอบเข้าไปใกล้ชิดมิสซิสวิลเลียมส์เพื่อผสานรวมสีกับเธอ มิสซิสวิลเลียมส์และพ่อของเธอคือคน

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่3

    3 ผู้ช่วยตัวน้อยของแม่ เมื่อเมแกนอายุห้าขวบ เธอเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลและได้พบเจอยายของเธอน้อยลงมาก หลายคนพูดว่านั่นส่งผลดีต่อเมแกน แต่ยายของเธอไม่มีความสุขนัก เธอเสียสติและเสียชีวิตหกเดือนต่อมา บรรดาแพทย์ไม่รู้สาเหตุที่คุณนายไวท์เสียชีวิต แต่เชื่อกันว้าเธอเสียชีวิตเพราะความอ้างว้าง แน่นอน เมแกนรู้แค่ว่ายายของเธอ ‘จากไป’ แต่เหตุการณ์นั้นไม่ได้มีความสำคัญมากมายสำหรับเธอ ไม่ใช่เพราะเธอ ‘ยังเด็ก’ หรือไม่แคร์ ก็แค่มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตในการรับรู้โลกของเมแกนเท่านั้น...โลกที่เธออาศัยอยู่ มันไม่ยุติธรรมที่จะบอกว่าโลกของเมแกนไม่ใช่โลกที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ตลอดหกปีหรือราว ๆ นั้นเท่าที่เธอจำได้ เธอไม่เคยเชื่อว่าผู้คนเสียชีวิต เธอรู้ว่าร่างกายน่ะตาย...แหงอยู่แล้ว! แมวและนกของเธอตายและครอบครัวของเธอก็ฝังพวกมันไว้ในกล่องในสวน แม้กระทั่งตอนนั้น เธอก็รู้ว่าพ่อแม่ของเธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชีวิตและความตาย เพราะสำหรับเมแกนแล้วมันไม่มีความแตกต่างที่แท้จริง เอาล่ะ จริงอยู่ที่เธอไม่ได้เห็นสัตว์เลี้ยงทุกตัว อีกหลังจากที่พวกมันตาย เธอไม่ได้เห็นเจ้ากระต่ายลอปปี้ลักส์ หรือเจ้าโกลดี้ นก

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่2

    2 การตื่นรู้ ทุกอย่างเริ่มต้นตอนที่เธอยังอยู่ในวัยเตาะแตะ เธอถูกทิ้งให้อยู่กับยายในตอนกลางวันเพราะทั้งพ่อและแม่ของเธอทำงาน ตาและยายของเธอมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม คือสามีออกไปทำงานส่วนภรรยาอยู่บ้านและทำทุกอย่างที่สรรหามาทำได้ในบ้านที่ลูก ๆ แต่งงานและออกจากบ้านไปแล้ว คุณนายไวท์ไม่เคยมีเพื่อนของตัวเอง ทุกคนที่เธอรู้จักเป็นเพื่อนของสามี หรือไม่ก็ภรรยาของเพื่อนสามี ดังนั้นเมื่อเขาเสียชีวิต คุณนายไวท์จึงไม่มีเพื่อนเลยสักคน มีอยู่หลายครั้งที่คุณนายไวท์คิดว่าเธอรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเพราะความเบื่อและความอ้างว้างเดียวดาย การได้ดูแลเมแกนในช่วงกลางวันและในช่วงกลางคืนบ้างเป็นบางครั้งจึงเปรียบเสมือนของขวัญจากพระเจ้า คุณนายไวท์อยากจะบอกใครต่อใครว่ามันทำให้เธอไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แต่หลายปีต่อมาเมแกนมักจะสงสัยว่ายายของเธอมาช้าไปหรือเปล่าที่จะหยุดยั้งไม่ให้กระบวนการเริ่มขึ้น สิ่งแรกที่บ่งชี้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นตอนที่เมแกนเป็นเด็กทารก เมแกนเริ่มหยิบของเล่นและสิ่งต่าง ๆ ด้วยมือซ้ายซึ่งเป็นลางร้ายสำหรับคุณนายไวท์ ตอนแรกคุณนายไวท์เพียงแค่ย้ายของมาใส่มือขวาของเมแกนแล้วพูดว่

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่1

    1 ทางเลือกของฮ็อบสัน เมแกนถูกขังอยู่ในห้องเก็บถ่านหินใต้ดินอีกครั้งพร้อมทั้งน้ำตาที่ปริ่มจวนเจียนจะไหล เธออายุแค่สิบสองปีและเธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงทำสิ่งที่เลวร้ายเช่นนี้กับเธอ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วหกครั้ง แต่เธอคิดว่ามันเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้นเลย พ่อของเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย เธอไม่เคยบอกเขา และเธอแน่ใจว่าแม่ก็ไม่เคยพูดอะไรเช่นกัน เธอกับแม่มีข้อตกลงที่รู้กันอยู่ในใจว่าต่างคนต่างจะไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง แต่เธอกลับมาที่นี่อีกครั้ง นั่งอยู่ในห้องใต้ดินท่ามกลางความสกปรกและฝุ่นผงกับสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไรที่กำลังจ้องมองเธออยู่ เธอไม่รู้ตัวหรอก ในนั้นมืดสนิทและเธอต้องใช้ความเข้มแข็งทั้งหมดที่มีเพื่อกลั้นน้ำตาและไม่ขอร้องให้แม่ปล่อยเธอออกไป แต่เธอเคยลองทำเช่นนั้นในโอกาสอื่น ๆ และแม่ของเธอก็เรียกร้องให้เธอทำสิ่งที่ไม่มีเหตุผลเพื่อเป็นเงื่อนไขในการปล่อยตัวเธอ เงื่อนไขที่เธอรู้ว่าไม่สามารถทำได้แม้จะพยายามอย่างสุดความสามารถ บางครั้งดูเหมือนว่าเธอเป็นคนเดียวที่จริงจังกับข้อตกลง แม้เธอจะไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตาก็เริ่มไหลอาบแ

DMCA.com Protection Status