Share

เมแกนกับสัมผัสพิศวง
เมแกนกับสัมผัสพิศวง
Author: Owen Jones

บทที่1

Author: Owen Jones
last update Huling Na-update: 2022-12-21 17:36:21
1 ทางเลือกของฮ็อบสัน

เมแกนถูกขังอยู่ในห้องเก็บถ่านหินใต้ดินอีกครั้งพร้อมทั้งน้ำตาที่ปริ่มจวนเจียนจะไหล เธออายุแค่สิบสองปีและเธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงทำสิ่งที่เลวร้ายเช่นนี้กับเธอ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วหกครั้ง แต่เธอคิดว่ามันเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้นเลย พ่อของเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย เธอไม่เคยบอกเขา และเธอแน่ใจว่าแม่ก็ไม่เคยพูดอะไรเช่นกัน

เธอกับแม่มีข้อตกลงที่รู้กันอยู่ในใจว่าต่างคนต่างจะไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง แต่เธอกลับมาที่นี่อีกครั้ง นั่งอยู่ในห้องใต้ดินท่ามกลางความสกปรกและฝุ่นผงกับสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไรที่กำลังจ้องมองเธออยู่

เธอไม่รู้ตัวหรอก ในนั้นมืดสนิทและเธอต้องใช้ความเข้มแข็งทั้งหมดที่มีเพื่อกลั้นน้ำตาและไม่ขอร้องให้แม่ปล่อยเธอออกไป แต่เธอเคยลองทำเช่นนั้นในโอกาสอื่น ๆ และแม่ของเธอก็เรียกร้องให้เธอทำสิ่งที่ไม่มีเหตุผลเพื่อเป็นเงื่อนไขในการปล่อยตัวเธอ เงื่อนไขที่เธอรู้ว่าไม่สามารถทำได้แม้จะพยายามอย่างสุดความสามารถ

บางครั้งดูเหมือนว่าเธอเป็นคนเดียวที่จริงจังกับข้อตกลง

แม้เธอจะไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตาก็เริ่มไหลอาบแก้มอีกครั้งจนเป็นสายน้ำที่มองไม่เห็นไหลผ่านฝุ่นผงบนใบหน้าของเธอ ชะล้างผงถ่านหินให้ตกลงมาบนชุดนักเรียน มันหนักหนาเกินไป...หนักหนาเกินไปจริงๆ คนที่เข้าใจเธอดีเหลือเกินกลับทำตัวโหดร้ายต่อลูกสาวคนเดียวของตนเองได้อย่างไร

เมแกนสะดุ้งโหยงโดยไม่รู้ตัวเมื่อแม่ของเธอจงใจกระแทกเครื่องดูดฝุ่นเข้ากับประตูขณะที่เธอเดินผ่านไป ไม่มีแสงเล็ดลอดเข้ามาแม้เศษเสี้ยวที่จะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้เลย เมแกนจึงทำสิ่งที่รู้สึกว่าช่วยเธอได้มากที่สุดและตะกายกองถ่านหินขึ้นไปที่ผนัง จากนั้นก็ไปทางขวาจนกระทั่งเจอมุมห้อง

เมื่ออยู่ตรงนั้นแล้วเธอก็พันกระโปรงยาวไว้รอบขาเพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งใดคืบคลานเข้ามาใต้เสื้อผ้าและสอดกระโปรงไว้ใต้ร่างของเธอ เธอติดกระดุมเสื้อทุกเม็ด ดึงถุงเท้าขึ้น ดึงเสื้อกันหนาวขึ้นเหนือศีรษะแล้วหดมือเข้าไปในแขนเสื้อ เมแกนรู้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ปลอดภัยจากสิ่งใดก็ตามที่อาศัยอยู่ในห้องเก็บถ่านหินใต้ดิน เธอไม่ได้กังวลเรื่องผีและอะไรทำนองนั้น แม้ว่านั่นจะเป็นปัญหาจริง ๆ ก็ตาม แต่เมแกนไม่ชอบพวกแมลงที่ไต่อยู่บนตัวเธอและแค่คิดว่าโดนกัดและดูดเลือด เธอก็ทนไม่ได้แล้ว เธอเกลียดแมงมุมด้วยเหมือนกัน แต่เมแกนรู้ว่าร่างของเธอที่ห่อหุ้มด้วยชุดนักเรียนจนเหมือนดักแด้เหลือผิวหนังเหนือถุงเท้าไม่เกินสองสามนิ้วที่แมลงน่าขยะแขยงสามารถเข้าถึง พูดแบบเป๊ะๆ ก็คือสองสามตารางนิ้วที่ด้านข้างเพราะแขนของเธอกอดน่องแนบกับต้นขาไว้แน่น

เธอหวังว่าจะหยุดร้องไห้สะอึกสะอื้นได้แม้เพียงชั่วครู่ แต่เธอรู้ว่าในที่สุดเธอก็จะหยุดร้องไห้ในขณะที่รอการปล่อยตัว เธอรู้ด้วยเช่นกันว่านั่นจะเป็นเมื่อไร...ประมาณห้าโมงครึ่ง เพื่อให้เธอมีเวลาครึ่งชั่วโมงในการทำความสะอาดร่างกายก่อนที่พ่อจะกลับมาจากที่ทำงาน

เมแกนเข้าใจว่าทำไมแม่ของเธอถึงทำเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะเธอกลัวแต่เมแกนไม่ แม่ของเธอกลัวแทนลูกสาวตัวเองและต้องการทำให้เธอหวาดกลัวเหมือนที่ตนเองรู้สึก ปัญหาคือเมแกนไม่ได้กลัวและไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ต้องกลัว เธอพยายามอธิบายให้แม่ฟังเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว แต่แม่ก็ได้แต่ทำให้เธอหุบปากทั้งแบบเปรียบเปรย หรือไม่ก็หุบจริง ๆ อย่างเช่นในตอนนี้

พ่อแม่ของเธอเป็นชาวคาทอลิกทั้งคู่ แต่แม่ของเธอเป็นคาทอลิกที่เคร่งครัดมาก ส่วนพ่อของเธอเคร่งครัดน้อยกว่าหน่อย แม่ของเมแกนหวาดกลัวชีวิตหลังความตาย แต่เธอบอกว่าไม่ได้กลัวชีวิตหลังความตายของตัวเอง เพราะคิดว่าเธอเป็นชาวคาทอลิกที่ดีและเธอมีที่บนสวรรค์อย่างแน่นอน ตราบใดที่เธอยังคงทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ตามความคิดของเมแกน ปัญหาก็คือ แม่คิดว่าหน้าที่ส่วนหนึ่งของเธอคือการขังลูกสาวไว้ในห้องเก็บถ่านหินที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เมแกนอยู่ที่นั่นในตอนนี้

พ่อของเธอก็เป็นชาวคาทอลิกโดยกำเนิดเช่นกัน แต่ไม่เคร่งครัดเท่าแม่ เขาเชื่อว่าหากผู้คนต้องการเสี่ยงที่จะถูกสาปแช่งชั่วนิรันดร์ นั่นก็เป็นเรื่องพวกเขา เขาห่วงใยจิตวิญญาณของตัวเองและของคนที่เขารัก แต่เขาเชื่อว่าคนเรามีอิสระในการเลือกอยู่บ้างเหมือนกัน แม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ

เมแกนรักทั้งพ่อและแม่ แม้ว่าแม่จะทำสิ่งที่ไม่ดีกับเธอก็ตาม เพราะถึงแม้เธอจะอายุน้อย แต่เธอก็ตระหนักดีว่าในใจของแม่อยากให้เธอได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุด เธอพยายามที่จะรักพวกเขาทั้งสองอย่างเท่าเทียมกัน แต่ในความคิดของเมแกน ปัญหาก็คือ แม่ของเธอไม่มีครูที่ดี หรือไม่ก็กลัวเกินกว่าที่จะเชื่อตา หู หรือประสาทสัมผัสของตัวเอง

เมแกนไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร เธอรู้แค่ว่าเธอมีและคนอื่นๆ ก็มีเหมือนกัน แต่ว่าแม่ของเธอไม่ยอมรับสิ่งเหล่านั้น แม่จึงไม่อยากจะเชื่อว่าคนอื่น ๆ ก็มีเช่นเดียวกัน “ที่สำคัญ” แม่เคยพูดกับเธอ “แม่อายุสามสิบสี่แต่ลูกอายุแค่สิบสอง แม่เรียนที่โรงเรียนคาทอลิกในขณะที่ลูกไปแค่โรงเรียนทั่วไปแบบสหนิกาย”

เห็นได้ชัดว่าแม่ของเธอไม่ได้มีปัญหาใด ๆ กับระบบการศึกษาแบบทั่วไปแต่เธอเอ่ยคำว่า 'สหนิกาย’ ออกมา เมแกนไม่เคยเข้าใจว่าปัญหาคืออะไร เธอเคยเจอทั้งคนดีและคนไม่ดี คนฉลาดและคนที่ไม่ค่อยฉลาด คนที่รู้ตัวและไม่ค่อยรู้ตัวจากเกือบทุกศาสนา

แม่ของเธออยู่ในประเภทจิตใจดี ฉลาด และค่อนข้างรู้ตัว

พ่อของเธอเป็นคนดี ฉลาด และรู้ตัวพอสมควร

เมแกนตัดสินว่าตัวเธอเป็นคนดี ค่อนข้างฉลาด และรู้ตัวมาก

นั่นคือปัญหาของเธอ นั่นคือเหตุผลที่เธอถูกขังอยู่ในมุมของหลุมถ่านหินสีดำซึ่งเป็นไปได้ว่ามีสารพัดสิ่งคืบคลานทั่วตัวเธอในวินาทีนี้ เธอตัวสั่นระริกเมื่อคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา แต่ตอนนี้เธอหยุดร้องไห้ฟูมฟายแล้วอย่างที่เธอรู้ว่าในที่สุดเธอก็จะหยุด

เธอรู้ว่าเธอมีสองทางเลือก

เธออาจบอกพ่อว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอลับหลังเขาและทำให้เกิดปัญหาซึ่งอาจนำไปสู่การหย่าร้าง หรือเธอถูกพาตัวไปให้คนอื่นดูแล หรือเธออาจแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้ตัวเหมือนที่เธอทำอยู่ตามปกติ

เมแกนได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ต้องทำเมื่อเธอถูกขังอยู่ในห้องใต้ดิน คือการคิดถึงสิ่งอื่น และสิ่งที่เธอชอบคิดถึงมากที่สุดก็คือเพื่อน ๆ ของเธอ เธอไม่ได้มีเพื่อนมากมายแต่พวกเขาเป็นคนพิเศษสำหรับเธอ เพื่อนคนโปรดของเธอคือปู่ของเธอเอง วาซินฮินชา และแมวของเธอ

เธอหลับตา พยายามผ่อนคลาย และพยายามจินตนาการว่าพวกเขายืนอยู่ตรงหน้าหรือนั่งอยู่ข้างๆ เธอ การทำเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจอยู่เสมอ เธอจึงทำทุกครั้งเมื่อเสียใจ มันคือเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ในการรับมือเมื่อชีวิตดูเหมือนจะไร้ความยุติธรรม

เมแกนคิดว่าเธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเสียดสีกับต้นขาและได้ยินเสียงเบาๆ ที่ดังอู้อี้เพราะถูกเสื้อกันหนาวของเธอกันไว้

เธอตัวแข็งทื่อไปชั่วครู่

Kaugnay na kabanata

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่2

    2 การตื่นรู้ ทุกอย่างเริ่มต้นตอนที่เธอยังอยู่ในวัยเตาะแตะ เธอถูกทิ้งให้อยู่กับยายในตอนกลางวันเพราะทั้งพ่อและแม่ของเธอทำงาน ตาและยายของเธอมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม คือสามีออกไปทำงานส่วนภรรยาอยู่บ้านและทำทุกอย่างที่สรรหามาทำได้ในบ้านที่ลูก ๆ แต่งงานและออกจากบ้านไปแล้ว คุณนายไวท์ไม่เคยมีเพื่อนของตัวเอง ทุกคนที่เธอรู้จักเป็นเพื่อนของสามี หรือไม่ก็ภรรยาของเพื่อนสามี ดังนั้นเมื่อเขาเสียชีวิต คุณนายไวท์จึงไม่มีเพื่อนเลยสักคน มีอยู่หลายครั้งที่คุณนายไวท์คิดว่าเธอรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเพราะความเบื่อและความอ้างว้างเดียวดาย การได้ดูแลเมแกนในช่วงกลางวันและในช่วงกลางคืนบ้างเป็นบางครั้งจึงเปรียบเสมือนของขวัญจากพระเจ้า คุณนายไวท์อยากจะบอกใครต่อใครว่ามันทำให้เธอไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แต่หลายปีต่อมาเมแกนมักจะสงสัยว่ายายของเธอมาช้าไปหรือเปล่าที่จะหยุดยั้งไม่ให้กระบวนการเริ่มขึ้น สิ่งแรกที่บ่งชี้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นตอนที่เมแกนเป็นเด็กทารก เมแกนเริ่มหยิบของเล่นและสิ่งต่าง ๆ ด้วยมือซ้ายซึ่งเป็นลางร้ายสำหรับคุณนายไวท์ ตอนแรกคุณนายไวท์เพียงแค่ย้ายของมาใส่มือขวาของเมแกนแล้วพูดว่

    Huling Na-update : 2022-12-21
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่3

    3 ผู้ช่วยตัวน้อยของแม่ เมื่อเมแกนอายุห้าขวบ เธอเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลและได้พบเจอยายของเธอน้อยลงมาก หลายคนพูดว่านั่นส่งผลดีต่อเมแกน แต่ยายของเธอไม่มีความสุขนัก เธอเสียสติและเสียชีวิตหกเดือนต่อมา บรรดาแพทย์ไม่รู้สาเหตุที่คุณนายไวท์เสียชีวิต แต่เชื่อกันว้าเธอเสียชีวิตเพราะความอ้างว้าง แน่นอน เมแกนรู้แค่ว่ายายของเธอ ‘จากไป’ แต่เหตุการณ์นั้นไม่ได้มีความสำคัญมากมายสำหรับเธอ ไม่ใช่เพราะเธอ ‘ยังเด็ก’ หรือไม่แคร์ ก็แค่มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตในการรับรู้โลกของเมแกนเท่านั้น...โลกที่เธออาศัยอยู่ มันไม่ยุติธรรมที่จะบอกว่าโลกของเมแกนไม่ใช่โลกที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ตลอดหกปีหรือราว ๆ นั้นเท่าที่เธอจำได้ เธอไม่เคยเชื่อว่าผู้คนเสียชีวิต เธอรู้ว่าร่างกายน่ะตาย...แหงอยู่แล้ว! แมวและนกของเธอตายและครอบครัวของเธอก็ฝังพวกมันไว้ในกล่องในสวน แม้กระทั่งตอนนั้น เธอก็รู้ว่าพ่อแม่ของเธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชีวิตและความตาย เพราะสำหรับเมแกนแล้วมันไม่มีความแตกต่างที่แท้จริง เอาล่ะ จริงอยู่ที่เธอไม่ได้เห็นสัตว์เลี้ยงทุกตัว อีกหลังจากที่พวกมันตาย เธอไม่ได้เห็นเจ้ากระต่ายลอปปี้ลักส์ หรือเจ้าโกลดี้ นก

    Huling Na-update : 2022-12-21
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่4

    4 แรงบันดาลใจ เมื่อเมแกนเริ่มไปโรงเรียนและพ้นจากการดูแลที่น่าคลางแคลงใจของยาย เธอก็รวมตัวกับเด็กคนอื่น ๆ ประมาณสิบกว่าคนที่สถานรับเลี้ยงเด็กที่เธอรัก เธอชื่นชอบมิสซิสวิลเลียมส์ซึ่งเป็นครูประชั้นของเธอเป็นพิเศษ มิสซิสวิลเลียมส์ช่างแสนดี เธอเป็นเหมือนอากาศสดชื่นรองมาจากยายของเธอ มิสซิสวิลเลียมส์นั้นอาวุโสพอที่จะเป็นย่าหรือยายได้แล้ว เมแกนคิดและเธอก็ท้วมอวบและร่าเริง เธอชอบร้องเพลงขณะทำสิ่งที่เธอหลงใหล ซึ่งก็คือการดูแลเด็กเล็ก ๆ ทุกสิ่งเรียบร้อยดีสำหรับมิสซิสวิลเลียมส์ตราบใดที่ไม่มีความรุนแรง ปัญหาคือบางครั้งก็มีความรุนแรงเกิดขึ้น มันผ่านมาไม่นานมากนัก ครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอซึ่งก็แค่หกปีเท่านั้น ตอนนั้นเธอมองเห็นสีของผู้คนได้ไม่ชัดเจน แต่บางครั้งเธอก็มองเห็นแสงสีแดงและเทาวาบขึ้นและไม่กี่วินาทีต่อมาก็จะมีคนโดนเด็กที่โกรธตบตี ในปีแรกนั้นเอง เธอได้เรียนรู้ที่จะอยู่ห่างจาก เด็ก ๆ ที่มีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์รุนแรงแปรปรวน แสงของมิสซิสวิลเลียมส์เป็นสีเหลืองทองและอบอุ่นเสมอ เมแกนคิดว่าเธอชอบเข้าไปใกล้ชิดมิสซิสวิลเลียมส์เพื่อผสานรวมสีกับเธอ มิสซิสวิลเลียมส์และพ่อของเธอคือคน

    Huling Na-update : 2022-12-21
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่5

    5 เพื่อนบ้าน เด็ก ๆ ในถนนเดียวกันเข้ากันได้ดีกับเมแกนและเมแกนก็เข้ากับพวกเขาได้ดีเช่นกัน เธอเล่นตั้งเตและวิ่งไล่จับกับเด็กผู้หญิงสองสามคน เธอชอบนอนค้างที่บ้านเพื่อนและแม้กระทั่งให้คนอื่นมานอนค้างที่บ้านในบางครั้งเวลาที่แม่อารมณ์ดี เธอชอบใช้คอมพิวเตอร์และชอบเล่นเฟซบุ๊กเป็นพิเศษ ในความคิดของคนส่วนใหญ่ เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงวัยสิบสองปีธรรมดา ๆ อันที่จริง คนส่วนใหญ่คิดว่าเธอขี้หงุดหงิดน้อยกว่าเด็กส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน เด็กส่วนใหญ่จำไม่ได้ว่าเธอเคยถามว่าพวกเขามองเห็นแสงรอบตัวผู้คนหรือได้ยินเสียงพูดต่าง ๆ บ้างหรือไม่ เพราะเธอเฉลียวฉลาดในการกลบเกลื่อนด้วยการพูดว่า “เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวของคนอื่นไหมจิล อย่างเวลาที่เธอมองฉัน เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวฉันไหม” “ไม่เห็นหรอก... เธอพูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย” “ไม่รู้สิ... อาจจะเป็นแสงแดดเข้าตาฉัน หรือไม่ก็เป็นเพราะฉันปวดหัว...” อย่างไรก็ดี บางคนก็จับได้และคลางแคลงสงสัยว่าเธอมีอิทธิพลต่อลูกหลานของพวกเขา ปกติแล้วบทสนทนาจะไม่ไปไกลกว่านั้น และเมแกนจะระวังตัวเป็นพิเศษเวลาอยู่ใกล้พ่อแม่เหล่านั้นเพื่อให้พวกเขาสงสัยน้อยลง ทว่าเธอพูดกับคุณนาย

    Huling Na-update : 2022-12-21
  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่6

    6 เพื่อนของเมแกน ครั้งนี้ สัมผัสบนต้นขาของเมแกนหนักหน่วงกว่าเดิมและเธอก็ยิ้มอยู่ข้างในเสื้อ เธอปล่อยมือจากน่องข้างซ้ายแล้วลูบเจ้าสัตว์ที่อยู่ข้างกาย ไม่มีความรู้สึกทางกายภาพว่าเธอได้สัมผัสขน แต่ความรู้สึกของการได้หลอมรวมกับเพื่อนนั้นแท้จริงอย่างยิ่ง เสียงครางที่ดังอยู่ตอนนี้ก็จริงแท้เช่นกัน เสียงครางทุ้มต่ำที่ดังลั่นของเสือตัวหนึ่ง “โฮก” เมแกนพูด ฉันรู้ว่าเธอต้องมา” เจ้าเสือร่างใหญ่ทิ้งตัวลงบนขาของเมแกนแล้วบดเบียดเธอกับผนัง “เจ้าขนนุ่มตัวโต ขอบคุณนะ เพื่อนที่แสนพิเศษของฉัน” เสียงครางดังกว่าเดิมและเธอรู้สึกได้ว่าเจ้าเสือนอนหงายท้องกลิ้งตัวไปมา เมแกนลูบอกของมันและตบเบา ๆ เธอมองลอดเสื้อกันหนาวและมองเห็นลายสีดำ เหลือง และขาวบนตัวเพื่อนร่างใหญ่โตที่มีอายุมากที่สุดของเธอได้อย่างชัดเจน “เป็นยังไงบ้าง สาวน้อย สนุกไหม ที่นี่มีเด็กดี เด็กดี เธอเป็นเด็กดีไม่ใช่รึไง” โฮกครางแล้วก็ครางอีก เมแกนมองเห็นแสงที่เคยเป็นเพื่อนของเธอได้ แต่มันเป็นเหมือนแสงที่ออกมาจากไฟสำหรับติดในห้องนอนตอนกลางคืนมากกว่าแสงจากโคมไฟ เมแกนดีใจมากที่โฮกมา แต่โฮกไม่สามารถปกป้องเธอจากแมงมุมและแมลงอื่นๆ ได้

    Huling Na-update : 2022-12-21

Pinakabagong kabanata

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่6

    6 เพื่อนของเมแกน ครั้งนี้ สัมผัสบนต้นขาของเมแกนหนักหน่วงกว่าเดิมและเธอก็ยิ้มอยู่ข้างในเสื้อ เธอปล่อยมือจากน่องข้างซ้ายแล้วลูบเจ้าสัตว์ที่อยู่ข้างกาย ไม่มีความรู้สึกทางกายภาพว่าเธอได้สัมผัสขน แต่ความรู้สึกของการได้หลอมรวมกับเพื่อนนั้นแท้จริงอย่างยิ่ง เสียงครางที่ดังอยู่ตอนนี้ก็จริงแท้เช่นกัน เสียงครางทุ้มต่ำที่ดังลั่นของเสือตัวหนึ่ง “โฮก” เมแกนพูด ฉันรู้ว่าเธอต้องมา” เจ้าเสือร่างใหญ่ทิ้งตัวลงบนขาของเมแกนแล้วบดเบียดเธอกับผนัง “เจ้าขนนุ่มตัวโต ขอบคุณนะ เพื่อนที่แสนพิเศษของฉัน” เสียงครางดังกว่าเดิมและเธอรู้สึกได้ว่าเจ้าเสือนอนหงายท้องกลิ้งตัวไปมา เมแกนลูบอกของมันและตบเบา ๆ เธอมองลอดเสื้อกันหนาวและมองเห็นลายสีดำ เหลือง และขาวบนตัวเพื่อนร่างใหญ่โตที่มีอายุมากที่สุดของเธอได้อย่างชัดเจน “เป็นยังไงบ้าง สาวน้อย สนุกไหม ที่นี่มีเด็กดี เด็กดี เธอเป็นเด็กดีไม่ใช่รึไง” โฮกครางแล้วก็ครางอีก เมแกนมองเห็นแสงที่เคยเป็นเพื่อนของเธอได้ แต่มันเป็นเหมือนแสงที่ออกมาจากไฟสำหรับติดในห้องนอนตอนกลางคืนมากกว่าแสงจากโคมไฟ เมแกนดีใจมากที่โฮกมา แต่โฮกไม่สามารถปกป้องเธอจากแมงมุมและแมลงอื่นๆ ได้

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่5

    5 เพื่อนบ้าน เด็ก ๆ ในถนนเดียวกันเข้ากันได้ดีกับเมแกนและเมแกนก็เข้ากับพวกเขาได้ดีเช่นกัน เธอเล่นตั้งเตและวิ่งไล่จับกับเด็กผู้หญิงสองสามคน เธอชอบนอนค้างที่บ้านเพื่อนและแม้กระทั่งให้คนอื่นมานอนค้างที่บ้านในบางครั้งเวลาที่แม่อารมณ์ดี เธอชอบใช้คอมพิวเตอร์และชอบเล่นเฟซบุ๊กเป็นพิเศษ ในความคิดของคนส่วนใหญ่ เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงวัยสิบสองปีธรรมดา ๆ อันที่จริง คนส่วนใหญ่คิดว่าเธอขี้หงุดหงิดน้อยกว่าเด็กส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน เด็กส่วนใหญ่จำไม่ได้ว่าเธอเคยถามว่าพวกเขามองเห็นแสงรอบตัวผู้คนหรือได้ยินเสียงพูดต่าง ๆ บ้างหรือไม่ เพราะเธอเฉลียวฉลาดในการกลบเกลื่อนด้วยการพูดว่า “เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวของคนอื่นไหมจิล อย่างเวลาที่เธอมองฉัน เธอเห็นแสงรอบ ๆ หัวฉันไหม” “ไม่เห็นหรอก... เธอพูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย” “ไม่รู้สิ... อาจจะเป็นแสงแดดเข้าตาฉัน หรือไม่ก็เป็นเพราะฉันปวดหัว...” อย่างไรก็ดี บางคนก็จับได้และคลางแคลงสงสัยว่าเธอมีอิทธิพลต่อลูกหลานของพวกเขา ปกติแล้วบทสนทนาจะไม่ไปไกลกว่านั้น และเมแกนจะระวังตัวเป็นพิเศษเวลาอยู่ใกล้พ่อแม่เหล่านั้นเพื่อให้พวกเขาสงสัยน้อยลง ทว่าเธอพูดกับคุณนาย

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่4

    4 แรงบันดาลใจ เมื่อเมแกนเริ่มไปโรงเรียนและพ้นจากการดูแลที่น่าคลางแคลงใจของยาย เธอก็รวมตัวกับเด็กคนอื่น ๆ ประมาณสิบกว่าคนที่สถานรับเลี้ยงเด็กที่เธอรัก เธอชื่นชอบมิสซิสวิลเลียมส์ซึ่งเป็นครูประชั้นของเธอเป็นพิเศษ มิสซิสวิลเลียมส์ช่างแสนดี เธอเป็นเหมือนอากาศสดชื่นรองมาจากยายของเธอ มิสซิสวิลเลียมส์นั้นอาวุโสพอที่จะเป็นย่าหรือยายได้แล้ว เมแกนคิดและเธอก็ท้วมอวบและร่าเริง เธอชอบร้องเพลงขณะทำสิ่งที่เธอหลงใหล ซึ่งก็คือการดูแลเด็กเล็ก ๆ ทุกสิ่งเรียบร้อยดีสำหรับมิสซิสวิลเลียมส์ตราบใดที่ไม่มีความรุนแรง ปัญหาคือบางครั้งก็มีความรุนแรงเกิดขึ้น มันผ่านมาไม่นานมากนัก ครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอซึ่งก็แค่หกปีเท่านั้น ตอนนั้นเธอมองเห็นสีของผู้คนได้ไม่ชัดเจน แต่บางครั้งเธอก็มองเห็นแสงสีแดงและเทาวาบขึ้นและไม่กี่วินาทีต่อมาก็จะมีคนโดนเด็กที่โกรธตบตี ในปีแรกนั้นเอง เธอได้เรียนรู้ที่จะอยู่ห่างจาก เด็ก ๆ ที่มีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์รุนแรงแปรปรวน แสงของมิสซิสวิลเลียมส์เป็นสีเหลืองทองและอบอุ่นเสมอ เมแกนคิดว่าเธอชอบเข้าไปใกล้ชิดมิสซิสวิลเลียมส์เพื่อผสานรวมสีกับเธอ มิสซิสวิลเลียมส์และพ่อของเธอคือคน

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่3

    3 ผู้ช่วยตัวน้อยของแม่ เมื่อเมแกนอายุห้าขวบ เธอเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลและได้พบเจอยายของเธอน้อยลงมาก หลายคนพูดว่านั่นส่งผลดีต่อเมแกน แต่ยายของเธอไม่มีความสุขนัก เธอเสียสติและเสียชีวิตหกเดือนต่อมา บรรดาแพทย์ไม่รู้สาเหตุที่คุณนายไวท์เสียชีวิต แต่เชื่อกันว้าเธอเสียชีวิตเพราะความอ้างว้าง แน่นอน เมแกนรู้แค่ว่ายายของเธอ ‘จากไป’ แต่เหตุการณ์นั้นไม่ได้มีความสำคัญมากมายสำหรับเธอ ไม่ใช่เพราะเธอ ‘ยังเด็ก’ หรือไม่แคร์ ก็แค่มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตในการรับรู้โลกของเมแกนเท่านั้น...โลกที่เธออาศัยอยู่ มันไม่ยุติธรรมที่จะบอกว่าโลกของเมแกนไม่ใช่โลกที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ตลอดหกปีหรือราว ๆ นั้นเท่าที่เธอจำได้ เธอไม่เคยเชื่อว่าผู้คนเสียชีวิต เธอรู้ว่าร่างกายน่ะตาย...แหงอยู่แล้ว! แมวและนกของเธอตายและครอบครัวของเธอก็ฝังพวกมันไว้ในกล่องในสวน แม้กระทั่งตอนนั้น เธอก็รู้ว่าพ่อแม่ของเธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชีวิตและความตาย เพราะสำหรับเมแกนแล้วมันไม่มีความแตกต่างที่แท้จริง เอาล่ะ จริงอยู่ที่เธอไม่ได้เห็นสัตว์เลี้ยงทุกตัว อีกหลังจากที่พวกมันตาย เธอไม่ได้เห็นเจ้ากระต่ายลอปปี้ลักส์ หรือเจ้าโกลดี้ นก

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่2

    2 การตื่นรู้ ทุกอย่างเริ่มต้นตอนที่เธอยังอยู่ในวัยเตาะแตะ เธอถูกทิ้งให้อยู่กับยายในตอนกลางวันเพราะทั้งพ่อและแม่ของเธอทำงาน ตาและยายของเธอมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม คือสามีออกไปทำงานส่วนภรรยาอยู่บ้านและทำทุกอย่างที่สรรหามาทำได้ในบ้านที่ลูก ๆ แต่งงานและออกจากบ้านไปแล้ว คุณนายไวท์ไม่เคยมีเพื่อนของตัวเอง ทุกคนที่เธอรู้จักเป็นเพื่อนของสามี หรือไม่ก็ภรรยาของเพื่อนสามี ดังนั้นเมื่อเขาเสียชีวิต คุณนายไวท์จึงไม่มีเพื่อนเลยสักคน มีอยู่หลายครั้งที่คุณนายไวท์คิดว่าเธอรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเพราะความเบื่อและความอ้างว้างเดียวดาย การได้ดูแลเมแกนในช่วงกลางวันและในช่วงกลางคืนบ้างเป็นบางครั้งจึงเปรียบเสมือนของขวัญจากพระเจ้า คุณนายไวท์อยากจะบอกใครต่อใครว่ามันทำให้เธอไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แต่หลายปีต่อมาเมแกนมักจะสงสัยว่ายายของเธอมาช้าไปหรือเปล่าที่จะหยุดยั้งไม่ให้กระบวนการเริ่มขึ้น สิ่งแรกที่บ่งชี้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นตอนที่เมแกนเป็นเด็กทารก เมแกนเริ่มหยิบของเล่นและสิ่งต่าง ๆ ด้วยมือซ้ายซึ่งเป็นลางร้ายสำหรับคุณนายไวท์ ตอนแรกคุณนายไวท์เพียงแค่ย้ายของมาใส่มือขวาของเมแกนแล้วพูดว่

  • เมแกนกับสัมผัสพิศวง   บทที่1

    1 ทางเลือกของฮ็อบสัน เมแกนถูกขังอยู่ในห้องเก็บถ่านหินใต้ดินอีกครั้งพร้อมทั้งน้ำตาที่ปริ่มจวนเจียนจะไหล เธออายุแค่สิบสองปีและเธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงทำสิ่งที่เลวร้ายเช่นนี้กับเธอ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วหกครั้ง แต่เธอคิดว่ามันเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้นเลย พ่อของเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย เธอไม่เคยบอกเขา และเธอแน่ใจว่าแม่ก็ไม่เคยพูดอะไรเช่นกัน เธอกับแม่มีข้อตกลงที่รู้กันอยู่ในใจว่าต่างคนต่างจะไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง แต่เธอกลับมาที่นี่อีกครั้ง นั่งอยู่ในห้องใต้ดินท่ามกลางความสกปรกและฝุ่นผงกับสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไรที่กำลังจ้องมองเธออยู่ เธอไม่รู้ตัวหรอก ในนั้นมืดสนิทและเธอต้องใช้ความเข้มแข็งทั้งหมดที่มีเพื่อกลั้นน้ำตาและไม่ขอร้องให้แม่ปล่อยเธอออกไป แต่เธอเคยลองทำเช่นนั้นในโอกาสอื่น ๆ และแม่ของเธอก็เรียกร้องให้เธอทำสิ่งที่ไม่มีเหตุผลเพื่อเป็นเงื่อนไขในการปล่อยตัวเธอ เงื่อนไขที่เธอรู้ว่าไม่สามารถทำได้แม้จะพยายามอย่างสุดความสามารถ บางครั้งดูเหมือนว่าเธอเป็นคนเดียวที่จริงจังกับข้อตกลง แม้เธอจะไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตาก็เริ่มไหลอาบแ

DMCA.com Protection Status