*** คุณเคยคิดไหมว่าวันหนึ่งถ้าตายตัวเองจะไปไหน คงไม่มีใครคิดถึงเรื่องนั้นเพราะทุกคนต่างอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปนานแสนนาน เช่นเดียวกันเธอก็คิดแบบนั้น แต่เมื่อวันหนึ่งต้องถึงวันเปลี่ยนแปลงเธอก็ต้องยอมรับมันให้ได้***
กองถ่ายละคร พิษรักร้าย
บรรยากาศภายในห้องใหญ่ดูตึงเครียดเมื่อร่างบางของคนที่ดูเย่อหยิ่งเดินเข้ามา เสียงหัวเราะและเสียงทีวีที่ดังค่อย ๆ ลดความดังลงเมื่อเห็นดวงตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด วนิดาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแม้เธอจะมาทีหลังโดยการจับคู่ของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แต่ยังไงตอนนี้เธอก็คือเมียที่ถูกต้อง ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ยืนทำตัวสั่นอยู่ตรงนั้นคือผู้หญิงที่สามีเธอรัก เมื่อหญิงสาวคนนั้นมองมาที่เธอ แววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของคนที่เป็นเมียเก็บไม่ได้ทำให้เธอสงสารเลยสักนิด
วนิดาก้าวเท้าเข้าไปใกล้พลอยด้วยท่าทางคุกคามอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่!?” น้ำเสียงของวนิดามีความโกรธแสดงออกมาอย่างชัดเจน ขณะที่สองมือกำเข้าหากันแน่นเตรียมพร้อมสำหรับการกระทำที่รุนแรง
“คะ...คุณนิดาอย่าเข้าใจผิดนะคะ คือพี่เอกไม่สบายแล้ว...” พลอยพยายามที่จะอธิบายความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง
“แล้วอะไร! แล้วแกก็เลยถือโอกาสเข้ามาในพื้นที่ของฉันเหรอฮะ ฉันบอกแกหลายครั้งแล้วใช่ไหม ที่ฉันยอมทนให้แกอยู่ทุกวันนี้เพราะเอกเขาสัญญาว่าจะให้คนอย่างแกอยู่ที่ของตัวเองไม่มาวุ่นวายกับฉัน ฉันถึงไม่ทำอะไรแกจนถึงทุกวันนี้...แล้วนี่แกโผล่มาทำไม!!?”
นอกจากจะไม่รอฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแล้ว เธอพุ่งตัวไปข้างหน้ากระชากผมสวยจนอีกฝ่ายต้องแหงนหน้าขึ้นเพราะความเจ็บปวด
มือเล็กพนมเข้าหากันหวังให้วนิดาเห็นใจ แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะมือของวนิดาตบหน้าของเธออย่างแรง เสียงตบดังไปทั่วห้อง จนทำให้บุคคลที่สามที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้เดินมาได้ยิน
“ทำบ้าอะไรของเธอนิดา!!?”
เสียงตะคอกของชายผู้เป็นสามีทำให้วนิดายิ่งเดือดดาลมากกว่าเดิม แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะท่าทีที่สามีปกป้องหญิงสาวอีกคนมันทำให้เธอเจ็บแทบจะกระอักเลือดตาย
เธอเลือกที่จะสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ส่วนพลอยก็ไม่ต่างกัน เธอไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ เธอกับลูกรู้ดีว่าที่ของตัวเองมันอยู่ตรงไหน ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่คิดอยากเข้ามาแทนที่ของวนิดา
แม้หลายครั้งเธอจะน้อยใจในโชคชะตาทั้งที่เธอมาก่อนกลับได้เป็นแค่เมียในความลับ น้ำตาใสก็ไหลอาบแก้มทั้งเจ็บร่างกายและเจ็บใจในโชคชะตา ชายคนรักก็ได้แค่เพียงดึงเธอมากอดเพื่อปลอบโยน
“คัตตตต!!”
เสียงดังของผู้กำกับการแสดงดังขึ้นหลังจากที่นักแสดงในฉากถ่ายทอดบทบาทของตัวละครผ่านความรู้สึกของตัวเองผ่านแล้ว หลังจากนั้นนักแสดงหลักทุกคนก็ได้เริ่มรับการดูแลจากคนในกองถ่าย
“ริน! ซอลขอโทษนะที่ทำให้ต้องถ่ายหลายเทคเลย”
ซอล หรือ ศิรินันท์ วัลพิทักษ์วงศ์ษา นางเอกแนวหน้าของเมืองไทยที่ได้รับบทพลอยนางเอกของเรื่องพิษรักร้ายในเวลานี้ เดินมาขอโทษนางร้ายในเรื่องอย่าง ริน หรือ รินดา เวียงผาสุข นางร้ายของเรื่อง ที่ได้รับฉายานางร้ายหน้าสวยด้วยความเกรงใจ ส่วนคนที่ถูกขอโทษแบบรินก็ได้แต่ถอนหายใจยาว
เธอไม่ชอบผู้หญิงตรงหน้าเลยจริง ๆ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดีแสนดีก็ตาม
“ไม่เป็นไร คนที่เจ็บตัวก็ไม่ใช่ฉันอยู่แล้วถ้าเป็นฉากนี้อย่างมากฉันก็แค่เจ็บมือ แต่ก็นะ วันหลังเธอก็ช่วยทำตัวมีสติในการทำงานหน่อย คำว่ามืออาชีพน่ะ เข้าใจหรือเปล่า?”
พอพูดจบรินก็ปลีกตัวเดินออกจากตรงนั้นทันทีเพราะคิวถ่ายของเธอหมดแล้ว
เธอไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้เลยจริง ๆ เหมือนเป็นนางเอกตลอดเวลา บอบบางจนดูไร้เรี่ยวแรงและดูแสนดีจนเกินไป
แต่เพราะต้องไปออกรายการบันเทิงที่นัดสัมภาษณ์เธอไว้ต่อเลยต้องมานั่งแต่งหน้าทำผมใหม่
เพล้ง!!
ขวดเครื่องแต่งหน้าราคาแพงถูกปาลงบนพื้นด้วยความโมโห ใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความโกรธของนางร้ายเบอร์หนึ่งของประเทศ มองช่างแต่งหน้าและช่างทำผม ที่นั่งตัวสั่นอยู่บนโซฟา
“พวกเธอตั้งใจใช่ไหม รู้ไหมการที่ทำแบบนี้มันอาจจะทำให้เธอทั้งสองคนตกงานได้ทันทีเลยนะ ไม่สิติดคุกได้เลยต่างหาก”
รินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกดดัน หลังจากที่พยายามสงบสติอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองมาเป็นเวลานาน
...ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้นะเหรอ?
เพราะหลายนาทีก่อนหน้า แม่สาวช่างหน้าช่างผมสองคนของกองถ่ายพากันวางแผนที่จะแกล้งเธอ ด้วยการนำผงขมิ้นที่เธอแพ้ขั้นรุนแรงมาเทใส่ลงบนครีมบำรุงผิวของเธอน่ะสิ
“พวกเราขอโทษจริง ๆ นะคะ คือพวกเราแค่อินกับละครเมื่อคืน”
“อินกับละคร!!” คนที่ได้รับคำตอบแบบนั้นกลับคืนมาถึงกับโมโห เหตุผลที่เธอเกือบตายเป็นเพราะละครหลังข่าวที่เธอได้รับบทนางร้ายงั้นเหรอ
“ขอโทษนะคะคุณริน อย่าเอาเรื่องพวกเราเลย เราสองคนมีพ่อแม่กับลูกต้องคอยดูแล ถ้าถูกไล่ออกตอนนี้คงพากันอดตายกันทั้งครอบครัว”
“มีแค่พวกเธอเท่านั้นเหรอที่ลำบาก รู้ไหมว่าฉันสามารถแจ้งความจับพวกเธอข้อหาพยายามฆ่าได้เลยนะ ฉันมีใบรับรองจากแพทย์ว่าแพ้ขมิ้นขั้นรุนแรง ถ้าเกิดฉันกับผู้จัดการไม่ได้กลิ่นแล้วเผลอใช้มันขึ้นมาจริง ๆ ฉันตายได้เลยนะ ถึงเวลานั้นจริงพวกเธอรับผิดชอบไหวไหม?”
“คือ...”
“รินไม่ต้องเสียเวลาคุยหรอก ฉันว่าจับส่งตำรวจเลยดีกว่า” น่านน้ำผู้จัดการสาวและยังเป็นเพื่อนสนิทของนางร้ายที่เธอดูแลอยู่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองไม่แพ้กัน
“เดี๋ยวก่อนน้ำ!”
แต่ยังไม่ทันที่น่านน้ำจะหยิบโทรศัพท์ออกมา รินก็รีบห้ามไว้ก่อน ทำให้คนที่ถูกห้ามถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย
อย่าบอกนะว่าเพื่อนคนนี้ของเธอจะไม่เอาเรื่อง มันไม่ใช่นิสัยของอีกฝ่ายเลยสักนิด
“มีอะไร?”
“ปล่อยไปเถอะ”
“ห๊ะ!! บ้าไปแล้วเหรอไง!! ยัยพวกนี้คิดจะฆ่าแกเลยนะ จะปล่อยพวกมันไปทำไม?”
ตอนนี้น่านน้ำโกรธยัยสองคนที่ก่อเรื่องและโกรธเพื่อนของตัวเองมาก จะยังเอาชีวิตของตัวเองไปแขวนบนเส้นด้ายกับคนพวกนี้อีกทำไม มันไม่ใช่นิสัยของเธอเลยสักนิด
“แต่ฉันยังไม่ตายไง แต่ถ้าเราแจ้งความขึ้นมาอาจจะมีคนตายจริง ๆ ก็ได้”
“โอ๊ยยยย!! งั้นตามใจแกแล้วกัน ส่วนพวกเธอสองคนออกไปซะ ถ้าเห็นว่ามาป้วนเปี้ยนใกล้รินอีก ฉันไม่ยอมง่าย ๆ แน่”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ”
พอเห็นว่าดาราสาวไม่เอาเรื่องแล้วทั้งสองคนก็รีบวิ่งออกจากห้องพักส่วนตัวทันทีเพราะกลัวว่าถ้าขืนอยู่นานคู่กรณีจะเปลี่ยนใจ
“ฉันไม่เข้าใจแกเลย ทำไมยังยอมให้คนพวกนั้น ถ้าวันดีคืนดีพวกนั้นมันบ้าทำเรื่องพวกนี้อีกล่ะ?”
“เอาน่ะ ตอนนี้มันยังไม่มีอะไร แต่ถ้าฉันแจ้งจับพวกเธออาจจะมีคนตายจริง ๆ ก็ได้”
”อย่าบอกนะ ว่าอยากเล่นบทนางเอกกับเขาบ้าง แต่อย่าเลยถ้าแกเป็นนางเอกเหมือนยัยซอลผู้แสนดี ฉันจะลาออกจากการเป็นผู้จัดการแกทันที”
คำพูดของเพื่อนทำเอารินถึงกับอดขำไม่ได้ เธอเนี่ยนะนางเอก ไม่ว่าจะในจอหรือนอกจอเธอก็เป็นนางร้ายในสายตาคนอื่นอยู่แล้ว
“เอาเถอะ! ปล่อยไปทำบุญทำทานบ้างเผื่อวันหนึ่งฉันเกิดตาย สวรรค์จะเห็นความดีครั้งนี้แล้วให้ฉันเกิดใหม่...มา ๆ แต่งหน้าให้ฉันหน่อย ขืนออกไปให้สัมภาษณ์ช้า เดี๋ยวก็เขียนข่าวว่าให้ฉันเป็นคนชอบสายอีก”
“ยังไม่ชินกับข่าวพวกนี้อีกเหรอ ล่าสุดแกก็ถูกโยงว่าเป็นมือที่สามระหว่างศิวากับแม่นางเอกซอลอะไรนั่นหนิ แต่ว่านะ ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบศิวา แล้วทำไมแกยังไปเดตกับเขาอีก?”
น่านน้ำอดที่จะบ่นคนในปกครองตัวเองไม่ได้ นึกถึงเรื่องนี้ทีไรเธอจะเป็นบ้าแล้ว โดนทั้งเจ้านายด่า โดนทั้งนักข่าวคอยตามจี้เรื่องข่าวที่เกิดขึ้น อีกหน่อยเธอคงจะเป็นบ้าจริง ๆ
“เดตอะไรกันล่ะ วันนั้นฉันแค่พายายไปตรวจสุขภาพ แต่ดันไปเจอศิวาที่โรงพยาบาลระหว่างรอยายตรวจ แล้วเขาออกปากว่าอยากเลี้ยงกาแฟฉันสักแก้วจะให้ปฏิเสธก็ยังไงอยู่”
“จริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าแกรักเขาแล้วอยากใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดกันเหรอ?”
พอได้ยินคำว่ารักรินถึงกับถอนหายใจยาว เธอพูดได้เต็มปากเลยว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกรักพ่อดาราหนุ่มคนนั้นเลยสักนิด ไม่ใช่สเปกเลย
อีกอย่าง เธอไม่อยากคบกับคนในวงการเดียวกันหรอกนะเพราะขี้เกียจมีข่าวเลิกราเหมือนคู่อื่น
“ไม่มีทาง! ฉันขอพูดอย่างเต็มปากเลยว่าตัวเองไม่รู้สึกพิศวาสอะไรเลยสักนิด”
“จ้า ๆ วันแถลงข่าวก็พูดแบบนี้แล้วกันนะ”
หลังจากนั้นก็มีทีมงานมาเรียกรินไปเข้าฉาก ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ยกเว้นสายตาของทีมงานที่มองเธออย่างไม่พอใจอยู่ตลอด
“คัต!! เอาล่ะเลิกกองได้ ขอบคุณนักแสดงทุกท่านด้วยนะครับ”
เสียงสัญญาณจากผู้กำกับมือทองทำให้ทีมงานต่างพากันโห่ร้องอย่างดีใจ เพราะฉากนี้ถ่ายทำเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มเพราะเป็นฉากที่ถูกเพิ่มคิวอย่างกะทันหัน ทำให้ทั้งนักแสดงและทีมงานต่างพากันกดดันกันหมด
“น้องรินไปดื่มกับพวกพี่ไหม?”
รินหันไปมองคนที่มาชวน เธอเป็นรุ่นพี่นักแสดงในค่ายเดียวกันกับเธอ อีกฝ่ายเป็นคนที่เฟรนด์ลีมาก ไม่ค่อยถือตัวหรือเห็นคนอื่นเป็นคู่แข่งตลอดเวลา เธอเลยสบายใจที่จะคบหาด้วย
“ได้สิคะพี่ฝัน รินกำลังเหนื่อย ๆ อยากดื่มพอดี แต่ว่าเราจะไปดื่มที่ไหนกันดีคะ?”
“งั้นไปดื่มที่บาร์คอนโดพี่แล้วกัน ที่นั่นปลอดภัยจากนักข่าว” ฝันพูดอย่างเข้าใจหญิงสาว ตอนนี้รุ่นน้องเธอคนนี้เจอข่าวฉาวรุมเร้าแทบทุกด้านจากนักข่าว คงจะไม่ค่อยอยากไปที่พลุกพล่านเท่าไหร่
“ดีเลยค่ะ รินไม่อยากเจอนักข่าวพอดี”
“โอเคงั้นเดี๋ยวพี่ส่งโลเคชันให้นะ”
“ได้เลยค่ะ”
HIT Bar“น้องรินรู้เรื่องที่ค่ายหนังใหญ่จากเกาหลีจะมาลงทุนทำหนังที่ไทยหรือเปล่า?” ฝันมองข้อความที่ทางต้นสังกัดใหญ่ตัวเองส่งมาก่อนจะถามหญิงสาวที่นั่งดื่มอยู่ข้าง ๆ“ไม่ค่ะ รินเพิ่งได้ยินจากพี่ฝันเลย” รินตอบพร้อมกับยิ้มอ่อนให้ ความจริงเธอสังกัดที่เธออยู่มันก็แค่บริษัทขนาดเล็ก ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน มีดีหน่อยคือได้เธอมาเป็นดาราในสังกัด“พี่ว่าน้องรินควรไปนะ บทเหมาะกับน้องรินมาก...เอางี้เดี๋ยวพี่ส่งบทตัวละครหลักให้แต่อย่าไปบอกใครนะว่าเป็นพี่ที่บอก” “ได้เลยค่ะ พี่ฝันก็รู้รินไม่ใช่พวกปากสว่าง”“นั่นสิ ถ้ารินเป็นคนแบบนั้น พี่คงไม่คบด้วยนานขนาดนี้” ฝันยิ้มอย่างอ่อนโยน นอกจากซอลแล้วก็มีรินนี่แหละที่เธอรู้สึกเอ็นดูและคบหาด้วยในวงการ แต่ถึงแบบนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้สนิทกันแม้แต่นิดเดียว อาจจะเพราะด้วยทั้งคู่มีนิสัยที่ต่างกันอย่างสุดขั้วเหมือนสีขาวกับสีดำหรือกลางวันกับกลางคืนเลยก็ว่าได้ครืด~ ครืด~ “พี่ฝันเดี๋ยวรินขอรับสายก่อนนะคะ” รินเห็นชื่อของเพื่อนสนิทบนหน้าจอโทรศัพท์ก็ได้แต่ถอนหายใจยาว วันนี้หลังจากแยกกันเป็นครั้งที่ 3 แล้วนะที่ยัยเพื่อนคนนี้โทรหาเธอ“ว่าไง แกมีอะไรกับฉันอีก?” (ยัยรินยังไม่
ห้องผู้ป่วย SS-5092 (นางสาวศิรินันท์ วัลพิทักษ์วงศ์ษา)“อาต้องขอบคุณหลานมากนะที่หาหมอเก่ง ๆ มาช่วยน้อง”อัฐหรืออัฐธา วัลพิทักษ์วงศ์ษา ประธานบริษัทผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าพูดพร้อมกับมองลูกสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความห่วงใย แต่เขาไม่รู้เลยว่าเสียงพูดของตัวเองทำให้ร่างบางของคนที่กำลังนอนหลับอยู่ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรำคาญใจ[ใครมาพูดอะไรตรงนี้เนี่ย รำคาญคนจะนอน]“ไม่เป็นไรครับคุณอา มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ต้องหาหมอเก่งมาช่วยผู้ป่วย”[หมอเหรอ...อะไร หมอผีอีกหรือเปล่า อย่าบอกนะว่ายายพาหมอผีมาที่บ้านอีกแล้ว ยายนะยาย...แต่ว่าทำไมเธอถึงไม่มีเสียงพูดออกมาเลยล่ะ แล้วทำไมตาของเธอถึงได้พร่ามัวแบบนี้]“แค่ก ๆ น้ำ ขอ...น้ำหน่อย” เสียงแหบแห้งของคนที่อยู่บนเตียงทำให้ชายต่างวัยสองคนที่คุยกันอยู่หันไปมอง“คุณอาอย่าเพิ่งครับ น้องยังดื่มตอนนี้ยังไม่ได้” ชายหนุ่มที่ความรู้ทางการแพทย์มาบ้างรีบห้าม ก่อนจะกดกริ่งเรียกหมอกับพยาบาลเมื่อเห็นว่าคนไข้ฟื้นขึ้นมา“ซอลเป็นยังไงบ้าง มันเกิดอะไรขึ้นเล่าให้พ่อฟังสิลูก?”คนที่ถูกเรียกก็ลืมตาขึ้นมองช้า ๆ ตอนนี้ตาของเธอพร่ามัวไปหมดจนไม่เห็นใคร ราวกับว่าไม่ได้ใช้สา
“คุณพยาบาลฉันอยากเข้าห้องน้ำ ช่วยพยุงหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”“ได้ค่ะ”พยาบาลสาวรีบเข้าไปพยุงตัวหญิงสาวลงจากเตียง เธอแอบเผลอมองหน้าคนไข้อย่างไม่รู้ตัว และอดที่จะคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้สวยมาก สวยแบบที่ผู้หญิงด้วยกันเองแบบเธออดอิจฉาไม่ได้ แล้วไหนจะผมสีดำสนิทริมฝีปากสีชมพูอ่อน แม้ว่าตอนนี้ตาของเธอจะถูกผ้าพันไว้ก็ไม่ทำให้ความสวยลดน้อยลงเลยสักนิด[ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้เป็นนางเอกดัง อิจฉาจริง ๆ เลยเกิดใหม่ฉันจะได้แบบนี้ไหม?]“คุณพยาบาล...คุณพยาบาลคะ”“คะ...มีอะไรหรือเปล่าคะ?” พยาบาลสาวรีบเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา“ถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันเข้าไปข้างในเองก็ได้”“อ่อ...มันจะดีเหรอคะ ตอนนี้สายตาของคุณซอลยังไม่ค่อยดีให้ฉันพาเข้าไปดีกว่านะคะ” พยาบาลสาวพูดด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรค่ะ”คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด เพราะมีคนเรียกเธอว่าซอลอีกแล้ว คนพวกนี้รู้จักแต่แม่นางเอกดังหรือไงเธอก็นางร้ายชื่อดังเหมือนกันนะแต่รินก็เลือกที่จะไม่สนใจแล้วใช้สายตาที่เลือนรางมองผ่านผ้าบางที่ถูกพันไว้รอบดวงตาแล้วค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ“กรี๊ดดดดดด!!!”ภาพเลือนรางของคนที่สะท้อนอยู่อีกฝั่งของกระจกทำให้ห
4 วันต่อมา“ซอลจำพ่อได้หรือยังลูก?”คนที่มีเพียงวิญญาณในร่างของซอลได้แต่ถอนหายใจ จะจำได้ยังไงแค่หน้าตาของคนที่เป็นพ่อหญิงสาวเจ้าของร่าง[จะจำได้ยังไงล่ะ ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณลุง]“เอ่อคือ...ฉันจำได้แค่ว่าตัวเองถูกทำร้าย จริงสิคุณลุง…ไม่สิคุณพ่อหรือว่าพอจะรู้ข่าวนางร้ายชื่อรินขับรถตกสะพานบ้างหรือเปล่าคะ?”รินได้แต่หลอกถามเรื่องตัวเองจากพ่อของซอล เธอได้แต่เพียงหวังว่ามันจะเหมือนบทละครที่เคยเล่น พอเกิดอุบัติเหตุระหว่างตัวเอกทั้งสองฝ่ายแล้วจะสลับร่างกัน“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อสองวันก่อนมีนักข่าวไปดักรอที่หน้าบ้านถามถึงเรื่องอาการป่วยของลูก” อัฐบอกลูกสาวกับเหตุการณ์ที่เจอมา“คือระ…คือซอลขอยืมโทรศัพท์ของคุณพ่อได้หรือเปล่าคะ?”“แต่หมอห้ามลูกใช้สายตานะ” คนเป็นพ่อรีบบอกอย่างเป็นห่วงนั่นเลยทำหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงได้แต่ถอนหายใจยาว“ถ้างั้นช่วยเปิดข่าวของดาราที่ชื่อริน รินดาให้ฟังหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”ถึงจะสงสัยว่าทำไมลูกสาวถึงได้สนใจข่าวผู้หญิงคนนี้นักแต่อัฐก็เลือกที่จะไม่ถามแล้วกดเข้าแอปพลิเคชันสีแดงก่อนจะพิมพ์ตามที่ลูกสาวบอก‘เป็นที่น่าสะเทือนใจของวงการบันเทิงเป็นอย่างมากเมื่อรินหรื
รินยืนมองร่างของซอลที่ไม่เห็นชัดนักผ่านกระจกห้องน้ำบานใหญ่เกือบสิบนาทีได้ และถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน“ถึงฉันจะอยากมีชีวิตรอด แต่ทำไมต้องเป็นร่างของเธอด้วยซอล”ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะเริ่มคุ้นชินกับร่างและชื่อของซอลที่ถูกเรียกไปแล้ว เพราะนี่ก็ผ่านมาเกือบเดือนที่เธออยู่โรงพยาบาลแห่งนี้ ที่เธอต้องอยู่นานหน่อยเพราะแผลจากการที่ออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากหมอต้องรอดูอาการเพราะแผลเปิดกว้างและเกิดการติดเชื้อ แต่แปลกที่เธอที่อยู่ในร่างรินมาเกือบเดือนนอกจากพ่อกับผู้จัดการซอลและผู้ชายคนนั้นแล้วก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเลยแม้แต่คนเดียว จนกระทั่งวันหนึ่ง คนที่มาเยี่ยมเธอคือน่านน้ำ ทำให้เธอแปลกใจอยู่ไม่น้อย ซอลไม่สนิทกับเพื่อนเธอขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะร่วมงานกันอยู่บ่อยครั้งวันนั้นน่านน้ำแค่มาส่งของเยี่ยมไข้และบอกว่ายายของริน ซึ่งก็คือยายของเธอได้ย้ายไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัดแล้ว ตอนนั้นเธอทั้งเสียใจและดีใจ เสียใจที่จะไม่ได้กอดยายอีกและดีใจที่อย่างน้อยมีคนดูแลยายแทนตัวเอง“จนกว่าเธอจะกลับมาทวงร่างคืน ฉันจะดูแลร่างของเธอเป็นอย่างดีเพื่อขอบคุณที่อย่างน้อยทำให้ฉันได้มีชีวิตอยู่ต่อ” รินได้แต่สัญญากับร่าง
คฤหาสน์ตระกูลวัลพิทักษ์วงศ์ษา“ถึงแล้วลงไปสิ” รอยส์บอกคนที่กำลังนั่งอ้าปากค้างมองบ้านของตัวเอง ไม่ยอมลงไปสักที“นี่มันบ้านหรือพระราชวัง จะใหญ่ไปไหน”ซอลมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าอย่างอึ้ง ๆ ที่นี่เหมือนบ้านในละครที่เธอเคยเล่นเลย มิน่าล่ะคนต่างตั้งฉายาให้เจ้าของร่างนี้นางฟ้าหรือไม่ก็เจ้าหญิง ที่แท้ก็เป็นลูกมหาเศรษฐีเกิดมาบนกองเงินกองทองนี่เอง“เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่บ้างเลยเหรอ?”รอยส์ถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ แต่ตามที่เขาให้หมอเก่งสุดในโรงพยาบาลตรวจโดยละเอียดแล้ว ผลการเอกซเรย์ทุกอย่างปกติดีนี่ มันแปลกมากนะที่เรื่องของตัวเองจำไม่ได้ แต่เรื่องของคนอื่นกลับจำได้หมด“ไม่! สมองฉันคงกระทบกระเทือนมั้ง ขนาดตายังเกือบมองไม่เห็นเลย” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย เพราะเธอไม่ค่อยถูกชะตากับเจ้าของร่างคนเก่ามันก็เลยไม่แปลกหรอกที่เธอไม่เคยรู้เรื่องของร่างนี้นอกจากชื่อและต้องทำงานเข้าฉากกันวันไหนบ้าง เธอเลยเลือกที่จะโกหกแต่ก็คิดอยู่แล้วว่าเขาคงไม่เชื่อหรอก“ช่างเถอะฉันแค่สงสัยน่ะว่าเธอเปลี่ยนไปเหมือนคนละคนเลย”[ก็คนละคนไงล่ะ]“ก็ไม่รู้สิ คุณก็ให้หมอที่โรงพยาบาลตัวเองตรวจฉันอีกทีดีไหม?” ซอลทำหน้าตาก
“เฮ้อ~ รอดตายไปอีกหนึ่งวัน” หลังจากที่ซอลกินข้าวเสร็จเธอก็เดินกลับขึ้นมาที่ห้องนอนเล็กอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มเดินดูนั่นดูนี่และไปเจอเข้ากับสมุดไดอารี่สีขาวเล่มหนา เธอหยิบมันเดินมาก่อนจะโน้มตัวลงนอนแล้วค่อยเปิดอ่านทีละหน้า“ไหนขอดูสิว่ามีอะไรพอที่จะให้ฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอเพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า”8 เมษายน 2557แม่คะทำไมแม่ถึงมาจากซอลไป ซอลไม่อยากอยู่กับคนพวกนี้เลย พวกเขาไม่เคยคิดว่าซอลเป็นคนในครอบครัวเลยสักครั้งดูเหมือนว่าแม่ของซอลจะเสียไปแล้วก่อนที่พ่อจะแต่งงานใหม่กับแม่เลี้ยงสินะ6 มี.ค. 2558แม่คะวันนี้หนูได้ทาบทามเป็นนักแสดงจากแมวมองด้วย แต่ว่าดูเหมือนคุณน้าริสาจะไม่พอใจเลย แบบนี้หนูยังจะได้เป็นนักแสดงหรือเปล่าคะสายตาของรินในร่างซอลอ่านบันทึกไปทีละหน้าดูเหมือนว่าชีวิตนางเอกสาวที่เธอเคยรู้จักผ่านการแสดงและหน้าสื่อจะไม่ใช่แบบที่เห็นเลยสินะ4 พ.ค. 2559วันนี้หนูมีเพื่อนมาคุยด้วยนะคะแม่ เธอเข้ามาทักบอกว่าดูโฆษณาที่หนูเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ด้วย แต่ว่าพอเธอไปคุยกับคุณพิ้งค์ก็ไม่กลับมาคุยกับหนูอีก หนูจะมีเพื่อนหรือเปล่าคะ?ยิ่งอ่านเนื้อหาในนี้มันยิ่งทำให้เธอจมดิ่ง แต่เท่าที่อ่านมาแล้วจับใจคว
ปัง!เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นอย่างแรงหลังจากที่ซอลพูดจบ นอกจากจะมีคนโกรธอย่างพิ้งค์กับแม่เลี้ยง สีหน้าของพ่อกับคนใช้ที่ดูเหมือนจะไม่เชื่อหูของตัวเองก็ทำเอาเธออดขำไม่ได้จริง ๆ“ซอลพูดอะไรนะลูก?”อัฐที่ไม่อยากให้ลูกสาวมีปัญหารีบปราม ถึงเขาจะเป็นพ่อและเจ้าของบ้านหลังนี้แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านตลอดเวลา และนั่นก็เป็นเหตุผลให้ลูกสาวถูกกดขี่ข่มเหง เขารู้ดีแต่พอถามเพราะอยากจัดการให้เรียบร้อย ลูกสาวก็มักจะปฏิเสธบอกว่าไม่มีอะไร“ซอลพูดผิดเหรอคะพ่อ? ก็เธอเป็นแค่ผู้อาศัยไม่ใช่สายเลือดเดียวกับซอลสักหน่อย จะมารู้ใจกันเหมือนสายเลือดเดียวกันได้ยังไง”เป็นอีกครั้งที่คำพูดของซอลทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างอึ้ง ซึ่งต่างจากคนที่พูดกลับทำท่าทางไม่สนใจอะไรเลยสักนิด ยังคงกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย“คุณคะ ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย ช่วยไปที่ห้องทำงานกับฉันที” ริสารีบเรียกสามีของตัวเองเพราะตอนนี้เธอรู้สึกโกรธมาก“แต่เรากินข้าวกันอยู่นะ” อัฐพูดโต้กลับไป“นั่นสิคะแม่เลี้ยง ยังกินข้าวกันอยู่เลยจะรีบคุยอะไรขนาดนั้น”“แต่ฉันอยากคุยตอนนี้!!”“เหอะ! งั้นซอลว่าพ่อไปเถอะค่ะ ดูท่าทางแม่...เลี้ยง! คงจะมีเรื่องร้อนรนใจมากจริง
4 เดือนต่อมากองถ่ายซีรี่ย์Write Love"ฉันขอโทษเทีย...ฉันขอมอบความตายนี้ให้กับเธอ ที่มอบซื่อสัตย์กับคำว่าเพื่อนของเราตลอด""ไม่นะแอล อย่าทำอะไรโง่ๆ เด็ดขาด!!"ไม่คำใดๆ ออกจากปากของแอลมีเพียงแค่รอยยิ้มที่ตอนเด็กพวกเธอเคยยิ้มให้กันครั้งแรกส่งมา เทียพยายามจะก้าวขาเข้าไปหาเพื่อนที่อยู่ขอบหน้าต่างของโรงพยาบาล ตอนนี้เธอให้อภัยแอลแล้วเพียงแค่ช่วยเพื่อนได้เธอยอมลืมเรื่องราวทั้งหมด"ม่ายยยยยยย!!"ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไม่ส่งถึงเพื่อนเลยสักนิดเพราะร่างเล็กตอนนี้เดินถอยหลังไปอีกนิดก่อนจะทิ้งตัวลงไปกับอากาศ"ฉันรักเธอนะเทีย แต่ถ้าชาติหน้ามีจริงเธออย่ามาเจอเพื่อนเลวๆ อย่างฉันเลย...ขอให้รักกันนานๆ " ไม่นานร่างที่ลอยอยู่บนอากาศก็ร่วงลงสู่พื้น ร่างที่กระแทกอาบไปด้วย ดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยน้ำตาค่อยดับวูบลงไปกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณและจิตใจ"คัตตตตต!! ปิดกองได้""เฮ้~"เสียงโห่ร้องอย่างดีใจของทีมงานและเหล่ารักแสดงที่ร่วมกันทำให้ซีรี่ย์เรื่องนี้ดังขึ้นเมื่อผู้กำกับสั่งปิดกอง"ซอลยินดีที่ได้ร่วมทำการแสดงกับทุกคนนะคะ"ซอลที่กำลังยืนให้ทีมงานในกองถ่ายเช็ดเลือดปลอมที่ใช้ประกอบฉากออก พูดกับผู้กำกับและนักแสดง
ยังไม่ทันที่ศิวาจะได้ตอบโต้อะไรตอบ ก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมาทำเอาเขาตกใจมากยิ่งเห็นว่าคุณที่พูดคือนักข่าวที่ตัวเองเพิ่งเจอไปเมื่อวาน"ซอลทำไมถึงมีคนอื่น นี่หลอกพี่มาเหรอฮะ!!"ศิวาที่กำลังตกใจและโกรธหันไปเล่นงานซอลแทน ทำเอาดีดี้รีบเข้าไปขวางเพราะกลัวว่าดาราหนุ่มจะทำอะไรไม่ดีเข้า"มะ...ไม่ใช่นะคะ ซอลไม่คิดแบบนั้นฮืออออ" ซอลแสร้งทำเป็นตกใจจับชายเสื้อของดีดี้ด้วยมือที่สั่นเทา"น้องซอลไม่ได้คิดจะทำแบบที่คุณพูดเลยสักนิด ที่เชิญนักข่าวมาก็เพราะจะลบเรื่องในที่คลับ แต่ทุกอย่างมันจบแล้วคุณศิวา ดูท่าทางคุณนักข่าวจะได้สิ่งที่จะเอาไปตีพิมพ์ต่อสาธารณชนแล้ว" ดีดี้พูดอย่างหมั่นไส้ ตัวเองเลวแท้ๆ กับจะมาให้น้องซอลของเธอรับผิดชอบ"ผมขอตัวเลยนะครับ ถ้าวันหลังผมคงจะมีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณใหม่นะครับ" พูดจบนักข่าวก็เดินออกไปทันที ส่วนศิวาก็ตกใจแล้วรีบวิ่งตามออกไป"เดี๋ยวครับคุณนักข่าว อย่าลงเลยนะครับ คุณต้องการเท่าไหร่เดี๋ยวผมเซ็นเช็คให้เลย""จะติดสินบนผมเหรอคุณดาราคนดัง แต่ผมไม่ค่อยชอบเงินเท่าไหร่ ขอตัวครับ"ดูเหมือนว่าการเจรจาครั้งนี้จะล้มเหลว เขาเลยเลือกจะเดินกลับมาในห้องเพื่อขอร้องให้ซอล แต่พอเข้ามาเห็นเธอก
แสงแดดยามสายทำให้ร่างบางของคนที่ถูกกอดไว้ทั้งคืนค่อยขยับตัว เธอค่อยๆ ดึงแขนใหญ่ที่กอดตัวเองออกจากตัวเบาๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น พอหลุดจากแขนแล้วเธอก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระคาบเหงื่อไคลจากกิจกรรมหนักหน่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ""ตื่นแล้วเหรอคะ ซอลทำให้พี่รอยส์ตื่นหรือเปล่า""ไม่เลยครับ...นี่ก็แปดโมงแล้วเดี๋ยวพี่ขออาบน้ำก่อนแล้วจะพาไปส่งที่บ้านนะครับ""งั้นเดี๋ยวซอลโทรศัพท์หาคุณพ่อดีหน่อย ป่านนี้ท่านคงเป็นห่วงแล้ว""เมื่อคืนตอนซอลหลับพี่โทรไปบอกท่านแล้วครับว่าซอลจะได้ตรวจกับหมอตอนเช้าเลยนอนที่โรงพยาบาล"หน้าตาเรียบเฉยของคนเจ้าแผนการทำเอาซอลอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้"คนจอมวางแผน"ติ้ง!! ยังไม่ทันที่จะได้ตอบโต้กันต่อเสียงข้อความโทรศัพท์ของซอลก็ดึงความสนใจ เธอเดินไปหยิบมาเปิดดูพอเห็นว่าเป็นชื่อใครก็ถึงกับยิ้มมุมปากอย่างพอใจ"เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ""ค่ะ"Siwa : ซอลครับช่วยพี่หน่อย ตอนนี้พี่กำลังเดือดร้อน พี่ขอโทษเรื่องตอนนั้นSiwa : อ่านแล้วตอบหน่อยครับ ซอลจะช่วยพี่ไหมนะครับ ถ้ามีอะไรให้พี่ทำ พี่ยอมทำตามทุกอย่างที่ซอลบอกข้อความที่ปรากฏทำให้ซอลถึงกับยิ้มออกมาอย่างพ
“อ๊ะ... อ๊า” เสียงครางลั่นไปทั่วห้องนอนกว้างแขนของซอลยกขึ้นมาโอบรอบคอของร่างสูงพร้อมกับขยุ้มเส้นผมสีดำเพื่อระบายความเสียว ดวงตาหวานหยาดเยิ้มที่มีความปรารถนาไม่ต่างกันจ้องมองกันและกัน“จ๊วบบบ จ๊วบบ!”รอยส์ก้มลงไปหยอกเย้ากับยอดอกสวยสลับซ้ายขวาอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย เขาต้องอดทนตั้งแต่ตอนอยู่ห้องนั่งเล่นแล้ว ไม่สิต้องบอกว่าอยู่ในรถแล้วต่างหากและตอนนี้มันก็อยากระบายเต็มที“อือ อ๊า ยะ...อย่าแกล้งกันสิคะ” เมื่อโดนคนที่คร่อมอยู่ด้านบนปลุกปั่นอารมณ์โดยการหยอกล้อเล่นกับยอดอก ร่างเล็กก็เริ่มกระตุกเล็กน้อยแผ่นหลังบางแอ่นขึ้นรับเมื่อถูกตวัดลิ้นโลมเลียไปรอบๆ ยอดอก รอยส์ไล่ริมฝีปากของเขาพรมจูบไปตามร่างกายของคนที่ตัวเองรักทุกสัดส่วนไม่ว่าจะเป็นลำคอ ไหล่ อก ลงมาจนถึงหน้าท้องขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนลงต่ำครอบครองกลีบสวยไว้ด้วยปากตัวเอง“อ๊ะ...อ๊า...พี่รอยส์”ซอลปรือตาขึ้นมองรอยส์ด้วยความเสียวซ่าน ใบหน้าของคนตรงหน้าทำให้รอยส์ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทำไมเขาถึงหลงเด็กคนนี้มากมายขนาดนี้กันนะ มันเป็นคำถามที่รอยส์ไม่สามารถให้คำตอบตัวเองได้ ปากจูบไล่ซึมซับความหอมหวานไปตามร่างกายหอมหวานมันทำให้เขาแทบคลั่ง .. มันช
คฤหาสน์ตระกูลศิลาวรรณรัตน์ซอลมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าอย่างอึ้ง ๆ ที่นี่ใหญ่กว่าบ้านของซอลอีก เหมือนบ้านในละครที่เธอเคยแสดงเลย“จำที่นี่ได้หรือเปล่าครับ”“ไม่ค่ะ”รอยส์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะขนาดครอบครัวตัวเองเธอยังแทบจำไม่ได้ คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องของที่นี่“พ่อกับแม่ของพี่น่าจะยังไม่เดินทางไปสนามบิน เราไปไหว้ท่านก่อนดีกว่า”“ค่ะ...ว่าแต่คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่รอยส์จะไปไหนเหรอคะ?”“เห็นว่าจะบินไปงานแต่งลูกสาวเพื่อนสนิท คงจะพรุ่งนี้ถึงกลับ” พอพูดถึงเวลาแล้วรอยส์ก็มองคนข้าง ๆ ด้วยแววตาบางอย่างทำเอาซอลถึงกับเบือนหน้าหนี เขาที่เห็นคนทำท่าทางเฉไฉก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความเอ็นดู “งั้นเราลงกันเลยไหมครับ”เขาเลือกที่จะเดินลงจากรถก่อนแล้วอ้อมมาเปิดประตูฝั่งตรงข้าม จากนั้นเขาก็พาแขกที่ตัวเองอยากรับเชิญมากที่สุดเข้าไปในบ้านเป็นจังหวะเดียวกับพ่อ แม่ของเขากำลังจะออกไปข้างนอก“พ่อกับแม่จะไปแล้วเหรอครับ”“อ้าวรอยส์พอดีว่าเลื่อนไฟลต์บินเข้ามาเร็วขึ้นนะ...ตายแล้วหนูซอลเหรอลูก” เพียงฟ้ามองคนที่เดินตามลูกชายมา พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบทักทายด้วยความดีใจ“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า” ซอลรีบยกมือ
เช้าวันถัดมาบรรยากาศภายในห้องอาหารของบ้านเต็มไปด้วยความตึงเครียด ถ้าจะมีใครอารมณ์ดีคงจะมีแค่ซอลคนเดียว“พิการก็ไปอยู่ในที่ของตัวเองสิ” พิ้งค์ที่ยังโกรธเรื่องที่ถูกแย่งห้องนอนไปอดพูดแขวะไม่ได้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ทำให้อีกฝ่ายสนใจเธอเลยสักนิด มีแค่แม่ของเธอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รีบสะกิดไว้เพราะกลัวพ่อเลี้ยงเดินเข้ามาได้ยิน“คุณพยาบาลวันนี้มีอะไรให้กินบ้างคะ”“วันนี้มีข้าวต้มกุ้ง กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา ทอดมันกุ้งแล้วก็ผัดคะน้าหมูกรอบค่ะ” พยาบาลพิเศษที่ถูกส่งมาดูแลพูดรายการอาหารที่อยู่บนโต๊ะทุกเมนูอย่างละเอียด“อ่า~ วันหลังคงต้องให้พ่อสั่งให้เชฟเพิ่มเมนูปลาเข้าไปเยอะ ๆ แล้วเผื่อจะมีคนฉลาดขึ้นมาหน่อย”“อี!!”พิ้งค์ที่ได้ยินคำเหน็บแนมถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ นอกจากพิ้งค์แล้วริสาและพีชก็แปลกใจไม่ต่างกัน ปกติพี่สาวคนนี้ไม่ได้มินิสัยที่จะต่อปากต่อคำกับใครนิ ดูเหมือนว่าที่แม่กับพี่พิ้งค์บอกเธอว่าพี่ซอลไม่เหมือนเดิมคงจะเป็นเรื่องจริง[ถ้าเปลี่ยนไปแล้วรู้จักปกป้องตัวเองมากขึ้นคงดี]“มีเรื่องอะไรกันเหรอ”ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในบ้านหลังนี้จะทำให้สงครามเล็กๆ ที่กำลังปะทุสงบลงได้ทันที“เป
“คุณคะ! พิ้งค์บอกไม่ได้ทำ คุณก็เชื่อลูกหน่อยเถอะค่ะ ลูกเครียดแล้วนะคะคุณ” ริสาที่เห็นลูกสาวตัวสั่นด้วยความกลัวก็รีบปกป้องทันที เธอสะกิดลูกสาวถ้าเห็นท่าทางไม่ดีก็คงต้องใช้แผนเดิมเพื่อเรียกความสงสารจากสามี“แต่ซอลไม่ได้โกหกนะคะพ่อ พ่อก็รู้ว่าซอล...ไม่ใช่คนแบบนั้นอึก! ฮืออออออ”“ไม่ร้องนะลูก ริสาพาพิ้งค์ออกไปก่อนส่วนเรื่องห้องนอนยังไง พิ้งค์ก็ไปนอนข้างห้องพีชนั่นแหละ”“กรี๊ดดดดดดดด!!”เสียงร้องของพิ้งค์ดังขึ้น ความจริงเธอก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ต่อหน้ารอยส์หรอกเพราะกลัวเขามองไม่ดี แต่เธอก็ไม่อยากแพ้ยัยซอล“คุณอัฐลูกชักแล้ว รีบบอกว่าจะไม่แย่งห้องไปให้ซอลสิคะ”“พอ!! ไม่มีใครแย่งอะไรทั้งนั้นแหละ ดีเลยรอยส์ก็อยู่อาฝากหาหมอเก่ง ๆ รักษาพิ้งค์หน่อยนะ พาไปรักษาตัวมันจะดีกว่ามาแย่งห้องนอนกันไปมาคุณว่าอย่างนั้นไหมริสา...ซอลเดี๋ยวพ่อพาไปห้องลูกนะ” อัฐช้อนร่างของลูกสาวไปนั่งบนรถวิวแชร์ที่รอยส์เตรียมไว้ให้ ก่อนจะพาออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจภรรยากับลูกเลี้ยงอีก“คุณอาริสาตอนนี้ดูท่าทางอาการน้องพิ้งค์น่าจะดีขึ้นแล้ว แต่ผมจะส่งหมอที่เก่งสุดมารักษาให้นะครับ...ผมขอตัว”รอยส์พูดจบก็เดินตามเจ้าของบ้านกับลูกสาวออกไ
“ทำอะไรกันอยู่เหรอลูก”อัฐที่เปิดประตูเดินเข้ามาเห็นรอยส์ทำกำลังทำท่าเหมือนประคองลูกสาวเลยทำด้วยความสงสัย“คือหนูไม่อยากทำตัวเป็นภาระ เลยตั้งใจให้พี่รอยส์ลองประคองเดินดูน่ะค่ะพ่อ”“โถ่~ ลูกหนูไม่ใช่ภาระเลย เดี๋ยวอีกสักหน่อยแม่บ้านคงจัดห้องเสร็จ ตอนนี้พักอยู่ที่นี่ไปก่อนลูก รอยส์มีเรื่องจะคุยกับอาใช่ไหมไปคุยกันที่ห้องทำงานอาดีกว่า พอดีอามีเอกสารโครงการเกี่ยวกับคนตาบอดให้ดูด้วย...ซอลอยู่คนเดียวได้หรือเปล่าลูก” อัฐหันไปถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง“ได้ค่ะพ่อ”“งั้นเดี๋ยวพ่อรีบกลับมานะลูก”หลังจากที่พ่อกับรอยส์เดินออกไป ซอลก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดูข่าวช่วงนี้ไม่ว่าจะสื่อไหนก็เล่นข่าวของเธอทั้งนั้น ยิ่งโดยเฉพาะการตามหาตัวคนที่วางยาเธอถึงขั้นพาดพิงดาราหลายคนจนต้องออกมาปฏิเสธ แต่ทำไมไม่มีใครสงสัยศิวาบ้างนะก็นะวงการนี้มันก็ประมาณนี้อยู่แล้ว ใครแสนดีต่อหน้าหน่อยก็คิดว่าเขาเป็นคนดี เธอก็ไม่ได้เหมารวมทุกคนหรอกบางคนก็ดีจริง แต่บางคนก็เลวโดยสันดาน“คงต้องปั่นข่าวขึ้นมาก่อนลงคลิปเสียงแล้วแบบนี้”……………“ผมต้องขอบคุณ คุณอาแทนผู้ป่วยทุกคนด้วยนะครับ ที่ช่วยจัดทำโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา”
ตระกูลวัลพิทักษ์วงศ์ษา“สวัสดีครับคุณอาริสา”พอรอยส์กับซอลที่นั่งอยู่บนรถเข็นเห็นว่าแม่เลี้ยงของหญิงสาวมายืนรออยู่หน้าบ้านเขาก็รีบยกมือไว้ทันที“ไหว้พระเถอะรอยส์...ซอล!! เป็นยังไงบ้างลูก โถ่~คนดีถึงจะตาบอดแต่แม่ก็จะอยู่ข้างๆ หนูนะ ถ้ามีอะไรให้แม่ช่วยบอกแม่ได้เลยหนูก็เหมือนลูกสาวของแม่คนหนึ่ง”ริสาพูดพร้อมกับตีหน้าเศร้าทำเหมือนห่วงซอลจริงๆ แต่คำพูดของแม่เลี้ยงทำให้คนที่อยู่ในร่างของลูกเลี้ยงอดขำไม่ได้[แสดงได้ห่วยทั้งแม่ ทั้งลูกเลย]“ขอบคุณคุณแม่นะคะ”พอถูกเรียกว่าแม่ริสาถึงกับถลึงตามองตาอย่างไม่พอใจ เธอเกลียดเด็กคนนี้เข้าไส้เพราะเด็กคนนี้ถึงทำให้ของที่เป็นของลูกสาวไม่ได้เท่าที่จะควร แต่ถึงจะไม่ชอบยังไงเธอก็พยายามเก็บอารม์[มันน่าจะตายตามแม่ของมันไป ขอให้แกตาบอดไปชั่วชีวิต]“ซอลมาแล้วเหรอลูก รอยส์อาขอบใจนะที่ช่วยเป็นธุระพาน้องกลับบ้าน”“ไม่เป็นไรเลยครับ เรื่องแค่นี้เองอีกอย่างผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณอาด้วยครับ”ซอลขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัยเพราะเธอกำลังคิดว่าเรื่องที่รอยส์จะปรึกษาพ่อคืออะไรกัน คงจะไม่ใช่เรื่องเขาเคยพูดกับเธอหรอกนะ“ได้หลาน เดี๋ยวอาพาน้องไปพักที่ห้องก่อนนะ”“ครับ”“คุณพ่