รินยืนมองร่างของซอลที่ไม่เห็นชัดนักผ่านกระจกห้องน้ำบานใหญ่เกือบสิบนาทีได้ และถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน
“ถึงฉันจะอยากมีชีวิตรอด แต่ทำไมต้องเป็นร่างของเธอด้วยซอล”
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะเริ่มคุ้นชินกับร่างและชื่อของซอลที่ถูกเรียกไปแล้ว เพราะนี่ก็ผ่านมาเกือบเดือนที่เธออยู่โรงพยาบาลแห่งนี้ ที่เธอต้องอยู่นานหน่อยเพราะแผลจากการที่ออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากหมอต้องรอดูอาการเพราะแผลเปิดกว้างและเกิดการติดเชื้อ แต่แปลกที่เธอที่อยู่ในร่างรินมาเกือบเดือนนอกจากพ่อกับผู้จัดการซอลและผู้ชายคนนั้นแล้วก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเลยแม้แต่คนเดียว จนกระทั่งวันหนึ่ง คนที่มาเยี่ยมเธอคือน่านน้ำ ทำให้เธอแปลกใจอยู่ไม่น้อย ซอลไม่สนิทกับเพื่อนเธอขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะร่วมงานกันอยู่บ่อยครั้ง
วันนั้นน่านน้ำแค่มาส่งของเยี่ยมไข้และบอกว่ายายของริน ซึ่งก็คือยายของเธอได้ย้ายไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัดแล้ว ตอนนั้นเธอทั้งเสียใจและดีใจ เสียใจที่จะไม่ได้กอดยายอีกและดีใจที่อย่างน้อยมีคนดูแลยายแทนตัวเอง
“จนกว่าเธอจะกลับมาทวงร่างคืน ฉันจะดูแลร่างของเธอเป็นอย่างดีเพื่อขอบคุณที่อย่างน้อยทำให้ฉันได้มีชีวิตอยู่ต่อ” รินได้แต่สัญญากับร่างไร้วิญญาณของซอล ต่อจากนี้ไปจะไม่มีรินอีก รินดาได้ตายไปแล้วเหลือเพียงซอลนางเอกผู้แสนดี
“นึกว่าเป็นลมตายในห้องน้ำแล้วซะอีก”
ซอลหันไปมองประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของชายที่เธอมองหน้าไม่ชัด ที่คอยดูแลตัวเองมาตลอดเดือน เขาเป็นใครกันนะถ้าเปิดผ้าออกเธอจะรู้จักหรือเปล่า?
“คุณเปิดประตูห้องน้ำคนไข้แบบนี้ไม่มีมารยาทเลยนะคะ ฉันเป็นผู้หญิงถ้าเผื่อเกิดแก้ผ้าอยู่จะทำยังไง?”
“มีอะไรให้น่ามอง?”
ซอลได้แต่ถอนหายใจ ถึงเธอจะไม่อยากยอมรับแต่จะบอกว่าร่างนี้ไม่น่ามองมันก็ยังไงอยู่ สำหรับเธอแล้วนอกจากตัวเองก็คิดว่าร่างนี้ที่อาศัยอยู่สวยและน่ามองสุดแล้ว
“เหอะ!! คุณนะจะมาตามเฝ้าอะไรฉันนักหนา คุณกับฉันเราเป็นอะไรกันเหรอ?” ฉันที่เธอหมายถึงก็คือซอลนั่นแหละ
“เฮ้อ~ ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ แต่ที่ฉันตามมาดูแลบ่อย ๆ เพราะพ่อของเธอขอร้องมา ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเธอใครจะอยากมาตามผู้หญิงแบบเธอ”
รอยส์บ่นอย่างไม่จริงจังนัก ไม่รู้ทำไมช่วงนี้เขาถึงพูดกับเด็กคนนี้มากกว่าแต่ก่อน ถ้าเป็นแต่ก่อนนะเขาคงแทบไม่อยากเฉียดเข้าใกล้หรือเพราะอีกฝ่ายป่วยอยู่เหรอ?
ผู้หญิงแบบเธอ…ซอลก็เป็นผู้หญิงที่ดีหนิ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงดูไม่ชอบเธอกันนะ?
“ถ้างั้นวันหลังก็ไม่ต้องมานะคะ เพราะฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาตาม…คุณช่วยออกไปก่อนได้ไหมฉันจะทำธุระส่วนตัว?”
รอบนี้รอยส์ออกไปตามที่ซอลบอกโดยไม่อิดออดแม้แต่น้อย
“เฮ้อ~ คนรอบตัวเธอนี้มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ”
มือเรียวสวยเริ่มถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกาย และนั่นทำให้รินในร่างของรซอลเผลอมองกระจก และเห็นร่างสะท้อนของซอลอีกครั้ง
ยัยนี่สวยเกินไปหรือเปล่านะ ดูแล้วคงจะไม่ศัลยกรรมเลย…แต่เธอก็เหลาแค่คางหนิ นอกนั้นก็ไม่ได้ทำเหมือนกัน
แม้จะมองร่างนี้อยู่ทุกวันแต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะชมรูปร่างหน้าตาของคนที่ตัวเองเข้ามาสิงร่างอยู่ หลังจากนั้นเธอก็อาบน้ำชำระร่างกายและสวมเสื้อผ้าที่พ่อของซอล ไม่สิพ่อของเธอเตรียมไว้ให้มาใส่ในวันนี้ ที่เป็นวันออกจากโรงพยาบาลของเธอ นอนอุดอู้ กิน ๆ นอน ๆ มาเป็นเดือนนึกว่าจะเป็นง่อยไปแล้ว
“จะได้ออกจากโรงพยาบาลอารมณ์ดีขนาดนั้น”
“เฮ้ย~~~ผี...เฮ้ย...ไม่ใช่ผี คน!!”
ท่าทีที่ซอลตกใจมันทำให้รอยส์ถึงกับหลุดขำ เด็กคนนี้เวลาไม่ทำตัวเหมือนคุณหนูผู้สูงศักดิ์มันก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นเยอะ
“ฉันเป็นคนไม่ใช่ผี”
“ก็คุณทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนผีหนิ”
“ฮ่า ๆ จะกลับกันเลยหรือเปล่า”
“กลับ?”
คำถามของรอยส์ทำให้รินทำหน้างง
“ใช่กลับ! ฉันจะเป็นคนไปส่งเธอกลับบ้านเอง เพราะคุณอาท่านมีงานด่วนเลยมารับไม่ได้” รอยส์อธิบาย
“อ่อ ค่ะ” รินพยักหน้าเข้าใจ
“เธอก็อย่าไปโกรธพ่อล่ะ”
“ทำไมต้องโกรธด้วยคะ? ไม่ใช่เด็กแล้วสักหน่อยที่ต้องให้พ่อแม่คอยรับส่ง ที่จริงคุณแค่บอกที่อยู่ให้ฉัน ฉันก็กลับเองได้แล้วแค่นั่งรถแท็กซี่”
“อวดเก่งจริง ๆ นะเดี๋ยวนี้ ทั้งที่แต่ก่อนอ้อนให้ฉันไปส่งทุกวัน” รอยส์ลุกขึ้นยืนจากโซฟาก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาสะพายไว้บนหลัง
“ไม่ได้อวดเก่งค่ะ ฉันขอกระเป๋าถือคืนด้วย” ซอลที่เห็นอีกฝ่ายเอากระเป๋าตัวเองไปถือก็รีบบอกอย่างถือดี
“เดินมาเงียบ ๆ ก็พอ ฉันกลัวว่าเธอจะบ่นว่าหนักแล้วทำอ่อนแอเพราะอยากอยู่โรงพยาบาลต่อ”
“ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น อีกอย่างคนบ้าอะไรจะอยากอยู่โรงพยาบาลนาน ๆ”
“ที่ต้องทำแบบนั้นเพราะเธออยากอยู่ใกล้ฉันไง” รอยส์ไม่พูดเฉย ๆ เขาก้าวขายาวของตัวเองเข้าไปประชิดร่างบาง นั่นทำให้คนตัวเล็กกว่ามีท่าทีอึดอัดก่อนจะผลักอีกฝ่ายออก
“คุณนี่ท่าทางจะเป็นโรคบางอย่างนะคะ”
“โรคอะไร?”
“โรคหลงตัวเองไง ตรวจบ้างนะจะได้ไม่ต้องคิดว่าคนนั้นคนนี้อยากอยู่ใกล้ตัวเอง อ่อแล้วเรื่องตาของฉันไหนว่าหายดีแล้ว ทำไมยังต้องพันผ้าไว้คะ?”
“เดี๋ยวฉันถอดให้ นั่งลงสิ”
ความจริงเพื่อนสนิทหมอที่ดูแลก็จะแกะนานแล้วแหละ แต่เป็นเขาเองที่บอกว่าอย่าเพิ่ง
“ก็ดีค่ะ ถ้างั้นรบกวนด้วยนะคะ”
ซอลนั่งลงบนเตียงคนไข้อีกครั้งก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวเข้ามาใกล้ มือของเขาเอื้อมไปด้านหลังถอดที่ล็อกผ้าออก ผ้าผืนบางค่อย ๆ หมุนออกจากตาอย่างช้า ๆ ไม่นานดวงตาคู่สวยก็มองเห็นคนตรงหน้าอย่างเต็มตา เขาหล่อมาก หล่อแบบที่หาตัวจับได้ยากขนาดพระเอกหรือดาราที่เธอเคยร่วมงานด้วยยังไม่ดูหล่อและมีเสน่ห์ขนาดนี้เลย ยิ่งมีเขามีรอยสักที่คอกับแขนเลยทำให้ดูหล่อแบบแบด ๆ
[มิน่าอีตาคนนี้ถึงได้ดูหลงตัวเองขนาดนั้น ที่แท้ก็หล่อมากนี่เอง]
“มองขนาดนี้ฉันหล่อมากเหรอ?”
สีหน้าของซอลตอนนี้ทำให้รอยส์อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เป็นครั้งแรกเลยไหมนะที่เธอกล้าสบตากับเขานานขนาดนี้
“เหอะ!” ซอลไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แค่ทำเสียงเหมือนไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “จะไปได้หรือยังคะ?”
“โอเคงั้นไปกันเถอะ”
หลังจากที่รอยส์หันหลังเดินออกไปก่อน ซอลก็ใช้มือจับหัวใจของร่างนี้ดูทำไมหัวใจมันเต้นรัวขนาดนี้นะ
[บ้าเอ๊ย...ยัยรินแกไม่เคยอ่อนไหวกับผู้ชายมาก่อนนะถึงเขาจะแบดตรงสเปกแกก็เถอะ]
หลังจากที่ตั้งสติได้ซอลก็รีบก้าวขาเดินตามรอยส์ออกไปที่ลานจอดรถ ก่อนจะเห็นร่างสูงยืนรอที่ข้างรถบีเอ็มคันหรูสีดำเงา
ต้องขอยอมรับเลยว่าผู้ชายคนนี้หล่อจริง ตัวก็สูง หุ่นก็ดี หน้าตาก็หล่อเหลาเป็นดาราหรือนายแบบได้เลยนะ
“จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม?” รอยส์ตะโกนถามคนที่หยุดยืนอยู่ไม่ยอมเดินมาสักที
“จะเร่งอะไรนักหนา ไปตอนนี้แหละค่ะ”
[เอาน่ายัยริน ต่อไปนี้แกจงใช้ชีวิตเป็นซอลให้ดีที่สุดอย่างน้อยก็ก่อนที่จะหายไปจากโลกนี้วันไหนก็ไม่รู้ แกคือซอล จำไว้แกคือซอล]
คฤหาสน์ตระกูลวัลพิทักษ์วงศ์ษา“ถึงแล้วลงไปสิ” รอยส์บอกคนที่กำลังนั่งอ้าปากค้างมองบ้านของตัวเอง ไม่ยอมลงไปสักที“นี่มันบ้านหรือพระราชวัง จะใหญ่ไปไหน”ซอลมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าอย่างอึ้ง ๆ ที่นี่เหมือนบ้านในละครที่เธอเคยเล่นเลย มิน่าล่ะคนต่างตั้งฉายาให้เจ้าของร่างนี้นางฟ้าหรือไม่ก็เจ้าหญิง ที่แท้ก็เป็นลูกมหาเศรษฐีเกิดมาบนกองเงินกองทองนี่เอง“เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่บ้างเลยเหรอ?”รอยส์ถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ แต่ตามที่เขาให้หมอเก่งสุดในโรงพยาบาลตรวจโดยละเอียดแล้ว ผลการเอกซเรย์ทุกอย่างปกติดีนี่ มันแปลกมากนะที่เรื่องของตัวเองจำไม่ได้ แต่เรื่องของคนอื่นกลับจำได้หมด“ไม่! สมองฉันคงกระทบกระเทือนมั้ง ขนาดตายังเกือบมองไม่เห็นเลย” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย เพราะเธอไม่ค่อยถูกชะตากับเจ้าของร่างคนเก่ามันก็เลยไม่แปลกหรอกที่เธอไม่เคยรู้เรื่องของร่างนี้นอกจากชื่อและต้องทำงานเข้าฉากกันวันไหนบ้าง เธอเลยเลือกที่จะโกหกแต่ก็คิดอยู่แล้วว่าเขาคงไม่เชื่อหรอก“ช่างเถอะฉันแค่สงสัยน่ะว่าเธอเปลี่ยนไปเหมือนคนละคนเลย”[ก็คนละคนไงล่ะ]“ก็ไม่รู้สิ คุณก็ให้หมอที่โรงพยาบาลตัวเองตรวจฉันอีกทีดีไหม?” ซอลทำหน้าตาก
“เฮ้อ~ รอดตายไปอีกหนึ่งวัน” หลังจากที่ซอลกินข้าวเสร็จเธอก็เดินกลับขึ้นมาที่ห้องนอนเล็กอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มเดินดูนั่นดูนี่และไปเจอเข้ากับสมุดไดอารี่สีขาวเล่มหนา เธอหยิบมันเดินมาก่อนจะโน้มตัวลงนอนแล้วค่อยเปิดอ่านทีละหน้า“ไหนขอดูสิว่ามีอะไรพอที่จะให้ฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอเพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า”8 เมษายน 2557แม่คะทำไมแม่ถึงมาจากซอลไป ซอลไม่อยากอยู่กับคนพวกนี้เลย พวกเขาไม่เคยคิดว่าซอลเป็นคนในครอบครัวเลยสักครั้งดูเหมือนว่าแม่ของซอลจะเสียไปแล้วก่อนที่พ่อจะแต่งงานใหม่กับแม่เลี้ยงสินะ6 มี.ค. 2558แม่คะวันนี้หนูได้ทาบทามเป็นนักแสดงจากแมวมองด้วย แต่ว่าดูเหมือนคุณน้าริสาจะไม่พอใจเลย แบบนี้หนูยังจะได้เป็นนักแสดงหรือเปล่าคะสายตาของรินในร่างซอลอ่านบันทึกไปทีละหน้าดูเหมือนว่าชีวิตนางเอกสาวที่เธอเคยรู้จักผ่านการแสดงและหน้าสื่อจะไม่ใช่แบบที่เห็นเลยสินะ4 พ.ค. 2559วันนี้หนูมีเพื่อนมาคุยด้วยนะคะแม่ เธอเข้ามาทักบอกว่าดูโฆษณาที่หนูเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ด้วย แต่ว่าพอเธอไปคุยกับคุณพิ้งค์ก็ไม่กลับมาคุยกับหนูอีก หนูจะมีเพื่อนหรือเปล่าคะ?ยิ่งอ่านเนื้อหาในนี้มันยิ่งทำให้เธอจมดิ่ง แต่เท่าที่อ่านมาแล้วจับใจคว
ปัง!เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นอย่างแรงหลังจากที่ซอลพูดจบ นอกจากจะมีคนโกรธอย่างพิ้งค์กับแม่เลี้ยง สีหน้าของพ่อกับคนใช้ที่ดูเหมือนจะไม่เชื่อหูของตัวเองก็ทำเอาเธออดขำไม่ได้จริง ๆ“ซอลพูดอะไรนะลูก?”อัฐที่ไม่อยากให้ลูกสาวมีปัญหารีบปราม ถึงเขาจะเป็นพ่อและเจ้าของบ้านหลังนี้แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านตลอดเวลา และนั่นก็เป็นเหตุผลให้ลูกสาวถูกกดขี่ข่มเหง เขารู้ดีแต่พอถามเพราะอยากจัดการให้เรียบร้อย ลูกสาวก็มักจะปฏิเสธบอกว่าไม่มีอะไร“ซอลพูดผิดเหรอคะพ่อ? ก็เธอเป็นแค่ผู้อาศัยไม่ใช่สายเลือดเดียวกับซอลสักหน่อย จะมารู้ใจกันเหมือนสายเลือดเดียวกันได้ยังไง”เป็นอีกครั้งที่คำพูดของซอลทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างอึ้ง ซึ่งต่างจากคนที่พูดกลับทำท่าทางไม่สนใจอะไรเลยสักนิด ยังคงกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย“คุณคะ ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย ช่วยไปที่ห้องทำงานกับฉันที” ริสารีบเรียกสามีของตัวเองเพราะตอนนี้เธอรู้สึกโกรธมาก“แต่เรากินข้าวกันอยู่นะ” อัฐพูดโต้กลับไป“นั่นสิคะแม่เลี้ยง ยังกินข้าวกันอยู่เลยจะรีบคุยอะไรขนาดนั้น”“แต่ฉันอยากคุยตอนนี้!!”“เหอะ! งั้นซอลว่าพ่อไปเถอะค่ะ ดูท่าทางแม่...เลี้ยง! คงจะมีเรื่องร้อนรนใจมากจริง
“เฮ้อ~ อยู่ที่นี่มาสองวันนอกจากทะเลาะกับคนที่บ้านหลังนี้แล้วไม่มีอะไรสนุกให้ทำเลยหรือไง” เสียงบ่นพึมพำของคนที่กำลังนอนอยู่เปลไกวกับสมุดไดอารี่ 1 เล่มดังขึ้น “จริงสิ! หาคอนแท็กต์ผู้จัดการซอลหน่อยแล้วกัน ได้คุยครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่อยู่โรงพยาบาล”เพราะพ่อของซอลบอกทางต้นสังกัดไว้ว่าเธอป่วยหนักสภาพร่างกายและจิตใจยังไม่คงที่งดคุยกับคนนอก งดรับงาน งดให้สัมภาษณ์แล้วขู่อะไรไปเธอก็ไม่รู้ เลยทำให้ไม่มีใครกล้าโทรหรือแม้กระทั่งนักข่าวโผล่มา เธอค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดการหน้าแอคเคาท์ไอจีของซอลที่เปิดไว้และก็เจอจริง ๆ067444-×××× DeeDyพอได้สิ่งที่ต้องการมาเธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ของชายหนุ่มที่ให้ไว้คราวก่อนออกมากดโทร ไม่นานปลายสายก็รับ(สวัสดีค่ะดีดี้บริษัทดาวิ้งพูดค่ะ)“ซอลพูดนะคะ”(กรี๊ดดดด น้องซอลคนดีของพี่ พี่คิดถึงหนูเหลือเกิน)เสียงกรี๊ดอย่างดีใจจากปลายสายทำให้ซอลต้องรีบยกโทรศัพท์ออกจากหูตัวเอง ขืนเอาแนบหูมีหวังแก้วหูระเบิดพอดี“ใจเย็นพี่”(พี่ขอโทษจ๊ะ น้องซอลมีอะไรหรือเปล่าหายดีหรือยัง)“หายแล้วค่ะ พี่ดีดี้งานของซอลพวกถ่ายละครหรือโฆษณาที่เคยรับไว้ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”(อ่อ เรื่องละครไม่มีปั
หลังจากที่ซอลคุยกับแม่นมอยู่สักพักก็สั่งให้คนของพ่อที่คอยตามดูแลเธอไปส่งท่านพัก เพราะไม่อยากลำบากให้ท่านเดินทางกลับเอง เลยทำให้ตอนนี้เหลือแค่เธอกับเขาสองคน“คุณหิวหรือยังคะ นี่ก็เที่ยงแล้ว?”“อืม ออกไปกินข้างนอกกันไหม?”คำถามของรอยส์ทำให้ซอลหยุดคิดสักพักหนึ่ง แต่เธอก็เลือกที่จะอยู่บ้านเพราะอยากทำคลิปอัปลงโซเซียล“ไม่ดีกว่าค่ะฉันว่าจะลงมือทำเอง คุณสนใจอยากกินหรือเปล่าคะ?”“เอาสิ” แม้จะแปลกใจที่ซอลบอกว่าจะทำอาหารแต่เขาก็เลือกที่จะตอบรับ“งั้นเดี๋ยวคุณเข้ามานั่งรอข้างในก่อนนะคะ”ซอลเปิดประตูบ้านต้อนแขกที่มาเยือนตั้งแต่เช้า ก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบาย ๆ เสื้อยืดรัดรูปกับกางเกงยีนขาสั้นแล้วมีผ้ากันเปื้อนสวมทับไว้รอยส์ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วตรงเข้าไปยืนมองซอลในชุดผ้ากันเปื้อนอย่างสงสัย เพราะเท่าที่เคยได้ยินมาเธอทำอาหารไม่เป็นหนิ แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่แค่ทำเป็นธรรมดา แต่น่าจะทำเก่งเลยก็ว่าได้“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่าเธอทำอาหารเป็นด้วย” รอยส์กอดอกพิงกับประตูห้องครัวเล็กมองคนที่กำลังทำอาหารอยู่อย่างตั้งใจ“คุณยังไม่รู้อะไรอีกหลายเรื่องในชีวิตซอลคนใหม่คนนี้...อ๊ะ! จริงสิคุณพอถ่าย
วัดพวงมาลัยที่ถูกร้อยขึ้นอย่างประณีตถูกวางไว้ที่หน้าอัฐิของผู้ที่ล่วงลับไปไร้ร่างและวิญญาณ ซอลยืนมองรูปของตัวเองที่ติดอยู่บนอัฐิมันไม่มีทางที่ใครเห็นตัวเองตายแล้วทนได้หรอกนะ“ซอล…ซอล! เธอโอเคหรือเปล่า?” รอยส์ที่เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของหญิงสาวก็รีบถามขึ้นทันที“ค่ะโอเคฉันไม่เป็นอะไร”แม้จะตอบออกไปแบบนั้น แต่ความรู้สึกเธอตอนนี้มันไม่โอเคเลย มันพะอืดพะอมมาก อาจจะเพราะความเครียดสะสม แม้ตัวเธอจะทำเหมือนปล่อยวางได้ แต่ความจริงแล้วทุกคืนเธอไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักครั้ง พอหลับตาลงก็นึกถึงแต่ภาพงานศพของตัวเอง ฝันถึงการตายและคิดถึงยายอยู่ตลอดเวลา“เราไปกันเถอะ”แม้คนที่รอยส์ถามไปจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่เขาคิดว่าอาการเธอตอนนี้มันดูไม่ไหวเอาซะเลย รอยส์ใช้มือจับที่ต้นแขนของซอลแล้วดึงให้ลุกขึ้น นั่นทำให้หญิงสาวที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเซไปข้างหน้าจนเกือบจะล้ม ดีนะที่มีมือของเขาพยุงไว้ก่อน“ทำอะไรน่ะ ถ้าฉันล้มหัวฟาดพื้นหน้าเสียโฉมไปจะทำยังไง?”“ฉันว่าก่อนที่เธอจะล้มหัวฟาด เธอจะเป็นลมก่อนน่ะสิ กลับกันเถอะ”“แต่ว่า...”ท่าทางอิดออดของคนตัวเล็กมันทำให้รอยส์ถอนหายใจยาวก่อนจะตัดสินใจอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาไว้ในอ้
“หายไปไหนกันมาทั้งวันเหรอ?”ซอลมองพิ้งค์ที่ยืนกอดอกพูดกับตัวเองเสียงแข็งด้วยแววตาเหนื่อยหน่าย ท่าทางผู้หญิงคนนี้ก็ชอบรอยส์เหมือนกันสินะ และก็ดูเหมือนฝ่ายชายจะมีเสน่ห์ต่อผู้หญิงตระกูลนี้เหลือเกิน จนเธออดที่จะมองคนที่กำลังเดินลงมาจากรถอย่างหมั่นไส้ไม่ได้“พี่รอยส์พาซอลไปที่ไหนมาเหรอคะ? ไม่ชวนพิ้งค์บ้างเลย นาน ๆ ทีพิ้งค์ก็อยากไปเที่ยวบ้าง ซอลก็อยากไปเที่ยวกับเราใช่หรือเปล่า?”โอ้โห~~~ สุดยอด สมกับเป็นดาราไหนพี่ดีดี้บอกว่ายัยนี่เล่นแข็งออกจะเก่ง ตีสองหน้าเก่งฉิบ “พอดีพี่พาซอลไปทำธุระที่เคยสัญญาไว้ว่าจะทำให้ซอลก่อนออกจากโรงพยาบาลน่ะ แล้วคุณอารู้เลยขอให้พี่พาไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ด้วย เลยพากันไปห้างต่อก็ไม่ถือว่าไปเที่ยวอะไร” รอยส์ตอบหญิงสาวตามความจริง“ที่จริงถ้าซอลยังไม่อยากขับรถเองให้บอกพิ้งค์ได้นะ อย่าลืมสิว่าตัวเองเป็นดารา ถ้าเป็นข่าวมาจะแย่ อีกอย่างพี่รอยส์ก็คงเหนื่อยไหนจะงานที่โรงพยาบาล ไหนจะงานที่คลับ” “ไม่เป็นไรพี่เต็มใจ” รอยส์บอกออกไปทันทีที่พิ้งค์พูดจบซอลได้ยินแบบนั้นถึงกับยิ้มอย่างพอใจ เพราะสีหน้าที่กำลังแสดงบทพี่สาวที่แสนดีได้ฟังคำพูดของรอยส์ก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่ก็แค่แวบหนึ่งก่อน
2 วันถัดมา“ไปกินรังแตนที่ไหนมาทำไมหน้าบึ้งตึงแบบนั้น” รอยส์ที่กำลังขับรถอยู่เหลือบมองคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้เขาวันนี้ แต่ตุ๊กตาตัวนี้หน้าบูดบึ้งจนเขาอดแซวไม่ได้“ฉันบอกแล้วไงว่าคุณไม่จำเป็นต้องมารับหรอก”ซอลกอดอกเบือนหน้าหนีไปอีกฝั่ง เมื่อเช้ารอยส์โทรหาเธอถามว่าจะให้มารับหรือเปล่า เพราะพ่อของเธอโทรไปบอกเขาว่าวันนี้เธอจะไปกองถ่าย พอได้ยินคำถามเธอก็รีบปฏิเสธทันที อีกฝ่ายก็ตอบเหมือนจะเข้าใจแต่ใครจะไปคิดล่ะว่าพอเปิดประตูบ้านรอยส์ก็นั่งรออยู่บนเก้าอี้ไม้หน้าบ้าน แถมยังนั่งจิบกาแฟชิลอย่างน่าหมั่นไส้อีก ไม่เข้าใจเลยถ้าจะทำตามใจตัวเองแบบนี้จะโทรถามเธอทำไม“อ่าว...ก็ฉันนึกว่ามันเป็นการประชดแบบซีรีส์ที่ฉันเคยดูเวลานางเอกอยากให้พระเอกทำอะไรให้ก็จะชอบพูดตรงกันข้ามซะอีก”คนที่นั่งทำท่าไม่พอใจอยู่แล้วตวัดหางตาไปมองอีกฝ่ายด้วยแววตาแข็งกร้าว“ฉันก็เป็นนางเอกไม่เห็นจะแสดงบทงี่เง่าแบบที่คุณพูดเลยและอีกอย่างคุณก็ไม่ใช่พระเอกสักหน่อย”“มันก็ใช่ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยากเป็นพระเอกที่แสนดีกับทุกคนหรือใจโลเลด้วย ฉันอยากเป็นตัวร้ายที่โฟกัสแค่...เธอคนเดียว”ไม่เพียงแค่พูดแต่รอยส์ยังใช้สองแขนวางบนพวงมา
4 เดือนต่อมากองถ่ายซีรี่ย์Write Love"ฉันขอโทษเทีย...ฉันขอมอบความตายนี้ให้กับเธอ ที่มอบซื่อสัตย์กับคำว่าเพื่อนของเราตลอด""ไม่นะแอล อย่าทำอะไรโง่ๆ เด็ดขาด!!"ไม่คำใดๆ ออกจากปากของแอลมีเพียงแค่รอยยิ้มที่ตอนเด็กพวกเธอเคยยิ้มให้กันครั้งแรกส่งมา เทียพยายามจะก้าวขาเข้าไปหาเพื่อนที่อยู่ขอบหน้าต่างของโรงพยาบาล ตอนนี้เธอให้อภัยแอลแล้วเพียงแค่ช่วยเพื่อนได้เธอยอมลืมเรื่องราวทั้งหมด"ม่ายยยยยยย!!"ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไม่ส่งถึงเพื่อนเลยสักนิดเพราะร่างเล็กตอนนี้เดินถอยหลังไปอีกนิดก่อนจะทิ้งตัวลงไปกับอากาศ"ฉันรักเธอนะเทีย แต่ถ้าชาติหน้ามีจริงเธออย่ามาเจอเพื่อนเลวๆ อย่างฉันเลย...ขอให้รักกันนานๆ " ไม่นานร่างที่ลอยอยู่บนอากาศก็ร่วงลงสู่พื้น ร่างที่กระแทกอาบไปด้วย ดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยน้ำตาค่อยดับวูบลงไปกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณและจิตใจ"คัตตตตต!! ปิดกองได้""เฮ้~"เสียงโห่ร้องอย่างดีใจของทีมงานและเหล่ารักแสดงที่ร่วมกันทำให้ซีรี่ย์เรื่องนี้ดังขึ้นเมื่อผู้กำกับสั่งปิดกอง"ซอลยินดีที่ได้ร่วมทำการแสดงกับทุกคนนะคะ"ซอลที่กำลังยืนให้ทีมงานในกองถ่ายเช็ดเลือดปลอมที่ใช้ประกอบฉากออก พูดกับผู้กำกับและนักแสดง
ยังไม่ทันที่ศิวาจะได้ตอบโต้อะไรตอบ ก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมาทำเอาเขาตกใจมากยิ่งเห็นว่าคุณที่พูดคือนักข่าวที่ตัวเองเพิ่งเจอไปเมื่อวาน"ซอลทำไมถึงมีคนอื่น นี่หลอกพี่มาเหรอฮะ!!"ศิวาที่กำลังตกใจและโกรธหันไปเล่นงานซอลแทน ทำเอาดีดี้รีบเข้าไปขวางเพราะกลัวว่าดาราหนุ่มจะทำอะไรไม่ดีเข้า"มะ...ไม่ใช่นะคะ ซอลไม่คิดแบบนั้นฮืออออ" ซอลแสร้งทำเป็นตกใจจับชายเสื้อของดีดี้ด้วยมือที่สั่นเทา"น้องซอลไม่ได้คิดจะทำแบบที่คุณพูดเลยสักนิด ที่เชิญนักข่าวมาก็เพราะจะลบเรื่องในที่คลับ แต่ทุกอย่างมันจบแล้วคุณศิวา ดูท่าทางคุณนักข่าวจะได้สิ่งที่จะเอาไปตีพิมพ์ต่อสาธารณชนแล้ว" ดีดี้พูดอย่างหมั่นไส้ ตัวเองเลวแท้ๆ กับจะมาให้น้องซอลของเธอรับผิดชอบ"ผมขอตัวเลยนะครับ ถ้าวันหลังผมคงจะมีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณใหม่นะครับ" พูดจบนักข่าวก็เดินออกไปทันที ส่วนศิวาก็ตกใจแล้วรีบวิ่งตามออกไป"เดี๋ยวครับคุณนักข่าว อย่าลงเลยนะครับ คุณต้องการเท่าไหร่เดี๋ยวผมเซ็นเช็คให้เลย""จะติดสินบนผมเหรอคุณดาราคนดัง แต่ผมไม่ค่อยชอบเงินเท่าไหร่ ขอตัวครับ"ดูเหมือนว่าการเจรจาครั้งนี้จะล้มเหลว เขาเลยเลือกจะเดินกลับมาในห้องเพื่อขอร้องให้ซอล แต่พอเข้ามาเห็นเธอก
แสงแดดยามสายทำให้ร่างบางของคนที่ถูกกอดไว้ทั้งคืนค่อยขยับตัว เธอค่อยๆ ดึงแขนใหญ่ที่กอดตัวเองออกจากตัวเบาๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น พอหลุดจากแขนแล้วเธอก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระคาบเหงื่อไคลจากกิจกรรมหนักหน่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ""ตื่นแล้วเหรอคะ ซอลทำให้พี่รอยส์ตื่นหรือเปล่า""ไม่เลยครับ...นี่ก็แปดโมงแล้วเดี๋ยวพี่ขออาบน้ำก่อนแล้วจะพาไปส่งที่บ้านนะครับ""งั้นเดี๋ยวซอลโทรศัพท์หาคุณพ่อดีหน่อย ป่านนี้ท่านคงเป็นห่วงแล้ว""เมื่อคืนตอนซอลหลับพี่โทรไปบอกท่านแล้วครับว่าซอลจะได้ตรวจกับหมอตอนเช้าเลยนอนที่โรงพยาบาล"หน้าตาเรียบเฉยของคนเจ้าแผนการทำเอาซอลอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้"คนจอมวางแผน"ติ้ง!! ยังไม่ทันที่จะได้ตอบโต้กันต่อเสียงข้อความโทรศัพท์ของซอลก็ดึงความสนใจ เธอเดินไปหยิบมาเปิดดูพอเห็นว่าเป็นชื่อใครก็ถึงกับยิ้มมุมปากอย่างพอใจ"เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ""ค่ะ"Siwa : ซอลครับช่วยพี่หน่อย ตอนนี้พี่กำลังเดือดร้อน พี่ขอโทษเรื่องตอนนั้นSiwa : อ่านแล้วตอบหน่อยครับ ซอลจะช่วยพี่ไหมนะครับ ถ้ามีอะไรให้พี่ทำ พี่ยอมทำตามทุกอย่างที่ซอลบอกข้อความที่ปรากฏทำให้ซอลถึงกับยิ้มออกมาอย่างพ
“อ๊ะ... อ๊า” เสียงครางลั่นไปทั่วห้องนอนกว้างแขนของซอลยกขึ้นมาโอบรอบคอของร่างสูงพร้อมกับขยุ้มเส้นผมสีดำเพื่อระบายความเสียว ดวงตาหวานหยาดเยิ้มที่มีความปรารถนาไม่ต่างกันจ้องมองกันและกัน“จ๊วบบบ จ๊วบบ!”รอยส์ก้มลงไปหยอกเย้ากับยอดอกสวยสลับซ้ายขวาอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย เขาต้องอดทนตั้งแต่ตอนอยู่ห้องนั่งเล่นแล้ว ไม่สิต้องบอกว่าอยู่ในรถแล้วต่างหากและตอนนี้มันก็อยากระบายเต็มที“อือ อ๊า ยะ...อย่าแกล้งกันสิคะ” เมื่อโดนคนที่คร่อมอยู่ด้านบนปลุกปั่นอารมณ์โดยการหยอกล้อเล่นกับยอดอก ร่างเล็กก็เริ่มกระตุกเล็กน้อยแผ่นหลังบางแอ่นขึ้นรับเมื่อถูกตวัดลิ้นโลมเลียไปรอบๆ ยอดอก รอยส์ไล่ริมฝีปากของเขาพรมจูบไปตามร่างกายของคนที่ตัวเองรักทุกสัดส่วนไม่ว่าจะเป็นลำคอ ไหล่ อก ลงมาจนถึงหน้าท้องขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนลงต่ำครอบครองกลีบสวยไว้ด้วยปากตัวเอง“อ๊ะ...อ๊า...พี่รอยส์”ซอลปรือตาขึ้นมองรอยส์ด้วยความเสียวซ่าน ใบหน้าของคนตรงหน้าทำให้รอยส์ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทำไมเขาถึงหลงเด็กคนนี้มากมายขนาดนี้กันนะ มันเป็นคำถามที่รอยส์ไม่สามารถให้คำตอบตัวเองได้ ปากจูบไล่ซึมซับความหอมหวานไปตามร่างกายหอมหวานมันทำให้เขาแทบคลั่ง .. มันช
คฤหาสน์ตระกูลศิลาวรรณรัตน์ซอลมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าอย่างอึ้ง ๆ ที่นี่ใหญ่กว่าบ้านของซอลอีก เหมือนบ้านในละครที่เธอเคยแสดงเลย“จำที่นี่ได้หรือเปล่าครับ”“ไม่ค่ะ”รอยส์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะขนาดครอบครัวตัวเองเธอยังแทบจำไม่ได้ คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องของที่นี่“พ่อกับแม่ของพี่น่าจะยังไม่เดินทางไปสนามบิน เราไปไหว้ท่านก่อนดีกว่า”“ค่ะ...ว่าแต่คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่รอยส์จะไปไหนเหรอคะ?”“เห็นว่าจะบินไปงานแต่งลูกสาวเพื่อนสนิท คงจะพรุ่งนี้ถึงกลับ” พอพูดถึงเวลาแล้วรอยส์ก็มองคนข้าง ๆ ด้วยแววตาบางอย่างทำเอาซอลถึงกับเบือนหน้าหนี เขาที่เห็นคนทำท่าทางเฉไฉก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความเอ็นดู “งั้นเราลงกันเลยไหมครับ”เขาเลือกที่จะเดินลงจากรถก่อนแล้วอ้อมมาเปิดประตูฝั่งตรงข้าม จากนั้นเขาก็พาแขกที่ตัวเองอยากรับเชิญมากที่สุดเข้าไปในบ้านเป็นจังหวะเดียวกับพ่อ แม่ของเขากำลังจะออกไปข้างนอก“พ่อกับแม่จะไปแล้วเหรอครับ”“อ้าวรอยส์พอดีว่าเลื่อนไฟลต์บินเข้ามาเร็วขึ้นนะ...ตายแล้วหนูซอลเหรอลูก” เพียงฟ้ามองคนที่เดินตามลูกชายมา พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบทักทายด้วยความดีใจ“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า” ซอลรีบยกมือ
เช้าวันถัดมาบรรยากาศภายในห้องอาหารของบ้านเต็มไปด้วยความตึงเครียด ถ้าจะมีใครอารมณ์ดีคงจะมีแค่ซอลคนเดียว“พิการก็ไปอยู่ในที่ของตัวเองสิ” พิ้งค์ที่ยังโกรธเรื่องที่ถูกแย่งห้องนอนไปอดพูดแขวะไม่ได้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ทำให้อีกฝ่ายสนใจเธอเลยสักนิด มีแค่แม่ของเธอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รีบสะกิดไว้เพราะกลัวพ่อเลี้ยงเดินเข้ามาได้ยิน“คุณพยาบาลวันนี้มีอะไรให้กินบ้างคะ”“วันนี้มีข้าวต้มกุ้ง กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา ทอดมันกุ้งแล้วก็ผัดคะน้าหมูกรอบค่ะ” พยาบาลพิเศษที่ถูกส่งมาดูแลพูดรายการอาหารที่อยู่บนโต๊ะทุกเมนูอย่างละเอียด“อ่า~ วันหลังคงต้องให้พ่อสั่งให้เชฟเพิ่มเมนูปลาเข้าไปเยอะ ๆ แล้วเผื่อจะมีคนฉลาดขึ้นมาหน่อย”“อี!!”พิ้งค์ที่ได้ยินคำเหน็บแนมถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ นอกจากพิ้งค์แล้วริสาและพีชก็แปลกใจไม่ต่างกัน ปกติพี่สาวคนนี้ไม่ได้มินิสัยที่จะต่อปากต่อคำกับใครนิ ดูเหมือนว่าที่แม่กับพี่พิ้งค์บอกเธอว่าพี่ซอลไม่เหมือนเดิมคงจะเป็นเรื่องจริง[ถ้าเปลี่ยนไปแล้วรู้จักปกป้องตัวเองมากขึ้นคงดี]“มีเรื่องอะไรกันเหรอ”ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในบ้านหลังนี้จะทำให้สงครามเล็กๆ ที่กำลังปะทุสงบลงได้ทันที“เป
“คุณคะ! พิ้งค์บอกไม่ได้ทำ คุณก็เชื่อลูกหน่อยเถอะค่ะ ลูกเครียดแล้วนะคะคุณ” ริสาที่เห็นลูกสาวตัวสั่นด้วยความกลัวก็รีบปกป้องทันที เธอสะกิดลูกสาวถ้าเห็นท่าทางไม่ดีก็คงต้องใช้แผนเดิมเพื่อเรียกความสงสารจากสามี“แต่ซอลไม่ได้โกหกนะคะพ่อ พ่อก็รู้ว่าซอล...ไม่ใช่คนแบบนั้นอึก! ฮืออออออ”“ไม่ร้องนะลูก ริสาพาพิ้งค์ออกไปก่อนส่วนเรื่องห้องนอนยังไง พิ้งค์ก็ไปนอนข้างห้องพีชนั่นแหละ”“กรี๊ดดดดดดดด!!”เสียงร้องของพิ้งค์ดังขึ้น ความจริงเธอก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ต่อหน้ารอยส์หรอกเพราะกลัวเขามองไม่ดี แต่เธอก็ไม่อยากแพ้ยัยซอล“คุณอัฐลูกชักแล้ว รีบบอกว่าจะไม่แย่งห้องไปให้ซอลสิคะ”“พอ!! ไม่มีใครแย่งอะไรทั้งนั้นแหละ ดีเลยรอยส์ก็อยู่อาฝากหาหมอเก่ง ๆ รักษาพิ้งค์หน่อยนะ พาไปรักษาตัวมันจะดีกว่ามาแย่งห้องนอนกันไปมาคุณว่าอย่างนั้นไหมริสา...ซอลเดี๋ยวพ่อพาไปห้องลูกนะ” อัฐช้อนร่างของลูกสาวไปนั่งบนรถวิวแชร์ที่รอยส์เตรียมไว้ให้ ก่อนจะพาออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจภรรยากับลูกเลี้ยงอีก“คุณอาริสาตอนนี้ดูท่าทางอาการน้องพิ้งค์น่าจะดีขึ้นแล้ว แต่ผมจะส่งหมอที่เก่งสุดมารักษาให้นะครับ...ผมขอตัว”รอยส์พูดจบก็เดินตามเจ้าของบ้านกับลูกสาวออกไ
“ทำอะไรกันอยู่เหรอลูก”อัฐที่เปิดประตูเดินเข้ามาเห็นรอยส์ทำกำลังทำท่าเหมือนประคองลูกสาวเลยทำด้วยความสงสัย“คือหนูไม่อยากทำตัวเป็นภาระ เลยตั้งใจให้พี่รอยส์ลองประคองเดินดูน่ะค่ะพ่อ”“โถ่~ ลูกหนูไม่ใช่ภาระเลย เดี๋ยวอีกสักหน่อยแม่บ้านคงจัดห้องเสร็จ ตอนนี้พักอยู่ที่นี่ไปก่อนลูก รอยส์มีเรื่องจะคุยกับอาใช่ไหมไปคุยกันที่ห้องทำงานอาดีกว่า พอดีอามีเอกสารโครงการเกี่ยวกับคนตาบอดให้ดูด้วย...ซอลอยู่คนเดียวได้หรือเปล่าลูก” อัฐหันไปถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง“ได้ค่ะพ่อ”“งั้นเดี๋ยวพ่อรีบกลับมานะลูก”หลังจากที่พ่อกับรอยส์เดินออกไป ซอลก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดูข่าวช่วงนี้ไม่ว่าจะสื่อไหนก็เล่นข่าวของเธอทั้งนั้น ยิ่งโดยเฉพาะการตามหาตัวคนที่วางยาเธอถึงขั้นพาดพิงดาราหลายคนจนต้องออกมาปฏิเสธ แต่ทำไมไม่มีใครสงสัยศิวาบ้างนะก็นะวงการนี้มันก็ประมาณนี้อยู่แล้ว ใครแสนดีต่อหน้าหน่อยก็คิดว่าเขาเป็นคนดี เธอก็ไม่ได้เหมารวมทุกคนหรอกบางคนก็ดีจริง แต่บางคนก็เลวโดยสันดาน“คงต้องปั่นข่าวขึ้นมาก่อนลงคลิปเสียงแล้วแบบนี้”……………“ผมต้องขอบคุณ คุณอาแทนผู้ป่วยทุกคนด้วยนะครับ ที่ช่วยจัดทำโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา”
ตระกูลวัลพิทักษ์วงศ์ษา“สวัสดีครับคุณอาริสา”พอรอยส์กับซอลที่นั่งอยู่บนรถเข็นเห็นว่าแม่เลี้ยงของหญิงสาวมายืนรออยู่หน้าบ้านเขาก็รีบยกมือไว้ทันที“ไหว้พระเถอะรอยส์...ซอล!! เป็นยังไงบ้างลูก โถ่~คนดีถึงจะตาบอดแต่แม่ก็จะอยู่ข้างๆ หนูนะ ถ้ามีอะไรให้แม่ช่วยบอกแม่ได้เลยหนูก็เหมือนลูกสาวของแม่คนหนึ่ง”ริสาพูดพร้อมกับตีหน้าเศร้าทำเหมือนห่วงซอลจริงๆ แต่คำพูดของแม่เลี้ยงทำให้คนที่อยู่ในร่างของลูกเลี้ยงอดขำไม่ได้[แสดงได้ห่วยทั้งแม่ ทั้งลูกเลย]“ขอบคุณคุณแม่นะคะ”พอถูกเรียกว่าแม่ริสาถึงกับถลึงตามองตาอย่างไม่พอใจ เธอเกลียดเด็กคนนี้เข้าไส้เพราะเด็กคนนี้ถึงทำให้ของที่เป็นของลูกสาวไม่ได้เท่าที่จะควร แต่ถึงจะไม่ชอบยังไงเธอก็พยายามเก็บอารม์[มันน่าจะตายตามแม่ของมันไป ขอให้แกตาบอดไปชั่วชีวิต]“ซอลมาแล้วเหรอลูก รอยส์อาขอบใจนะที่ช่วยเป็นธุระพาน้องกลับบ้าน”“ไม่เป็นไรเลยครับ เรื่องแค่นี้เองอีกอย่างผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณอาด้วยครับ”ซอลขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัยเพราะเธอกำลังคิดว่าเรื่องที่รอยส์จะปรึกษาพ่อคืออะไรกัน คงจะไม่ใช่เรื่องเขาเคยพูดกับเธอหรอกนะ“ได้หลาน เดี๋ยวอาพาน้องไปพักที่ห้องก่อนนะ”“ครับ”“คุณพ่