งานแต่งงานของฉันกับกู้โย่วอัน จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีต่อมาซีเหอเพื่อนสาวคนสนิท เป็นเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวให้กับฉัน เหมือนกับที่พวกเราเคยสัญญากันไว้ตอนเด็ก ๆ ฉันไม่ได้แจ้งกับเพื่อน ๆ และญาติ ๆ ที่เมืองเฉินให้รับรู้เลยสักคนแต่ก็ไม่รู้ว่าข่าวแพร่กระจายออกไปได้อย่างไรในวันแต่งงาน จู่ ๆ พ่อกับโจวจินหนานก็เดินทางมากู้โย่วอันมาถามความคิดเห็นจากฉันช่างแต่งหน้ากำลังแต่งหน้าให้ฉันอยู่ ฉันเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว มองเห็นว่าที่สามีของตนเองอยู่ในกระจกเจ้าสาวต้องแต่งหน้าเข้มสักหน่อย เพราะฉะนั้นตัวฉันเองที่อยู่ในกระจก จึงดูแตกต่างออกไปจากปกติเล็กน้อยดูเหมือนว่าในเรือนหอ กู้โย่วอันจะตั้งใจปลูกดอกวสันต์ซีฝูเอาไว้ให้ฉันโดยเฉพาะกำลังบานสะพรั่งอยู่อย่างเขินอาย ทั้งอ่อนช้อยงดงามและน่าประทับใจส่วนกู้โย่วอันที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีดำ ก็ยิ่งดูหล่อเหลาน่าหลงใหลพวกเราสบตากัน ในขณะที่สบตากันนั้น ดวงตาของทั้งสองต่างแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“ฉันไม่อยากเจอพวกเขาค่ะ”กู้โย่วอันพยักหน้าโดยไม่ลังเล : “ได้ งั้นพี่จะให้คนเชิญพวกเขาออกไปนะ”“ค่ะ”เรื่องเก่า ๆ และคนเก่า ๆ ตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นและไม่อยา
งานแต่งในวันนั้นหรูหราอย่างยิ่ง และยังโรแมนติกที่สุดด้วยโจวจินหนานกับเฉินเหวินโจว ไม่อาจเหยียบเข้ามาในงานแต่งได้แม้แต่ครึ่งก้าว แต่พวกเขากลับมีความคิดที่ตรงกันว่าจะไม่ยอมจากไปเพียงแต่ เฉินเหวินโจวไม่อาจยืนหยัดจนงานแต่งสิ้นสุดลงได้จู่ ๆ เขาก็หัวใจวาย ถูกรถฉุกเฉินส่งตัวไปที่โรงพยาบาล แม้จะยื้อชีวิตเอาไว้ได้ แต่ยังคงนอนหมดสติอยู่ส่วนเขา ยืนรอจนกระทั่งงานแต่งสิ้นสุดลงไม่รู้ว่าเพราะอะไร ซีเหอเพื่อนสนิทของรั่วถังถึงไม่เคยบล็อกเขาเพราะฉะนั้น เขาจึงเห็นงานแต่งแทบทั้งหมด ในโมเมนต์วีแชตของซีเหอโจวจินหนานรู้ก่อนจะถึงงานแต่งแล้วว่า เจ้าบ่าวของรั่วถังคือกู้โย่วอันเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยคนหนึ่งของเธอ เยี่ยมยอดมาก เธอเคยเอ่ยชมเขาอยู่หลายครั้งตอนนั้นพวกเขายังมีสถานะไม่ชัดเจน ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อเขาก็จะรู้สึกหึงหวงเพราะฉะนั้นภายหลังรั่วถังจึงไม่ได้เอ่ยถึงเขาอีก และจงใจที่จะตีตัวออกห่างกู้โย่วอันแต่กลับคิดไม่ถึงว่า ไป ๆ มา ๆ สุดท้ายรั่วถังก็แต่งงานกับเขาอยู่ดีในฐานะที่เป็นผู้ชายด้วยกัน โจวจินหนานแทบจะมองออกตั้งแต่แวบแรกว่ากู้โย่วอันรักเธอมากจริง ๆ ในภาพทุกภาพ ในคลิ
“รุ่นพี่คะ ฉันตัดสินใจได้แล้วค่ะ”ฉันยืนอยู่หน้ากระจก มองดูตัวเองที่ทั้งซูบซีดและผอมแห้งในนั้นที่จริงแล้วการตัดสินใจเรื่องสำคัญสักอย่างในชีวิต ก็ไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น“รั่วถัง......เธอจะตอบตกลงแต่งงานกับฉันไหม ?”น้ำเสียงหนักแน่นของกู้โย่วอันดังมาจากปลายสายจู่ ๆ ฉันก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อยพยักหน้าเบา ๆ ในขณะที่น้ำตากำลังไหลรินลงมา : “ฉันตกลงค่ะ”“รั่วถังเธอรู้หรือเปล่า ? ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย ฉันเฝ้ารอวันนี้มาตลอดเลยนะ”ไม่รู้ว่าตัวฉันที่อยู่ในกระจก มีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากตั้งแต่เมื่อไร“รอฉันอีกครึ่งเดือนนะคะ ฉันจะจัดการธุระทางนี้ให้เรียบร้อย”“ได้ รั่วถัง พี่จะรอเธอเสมอ”เพิ่งวางสายโทรศัพท์ จู่ ๆ ประตูห้องของฉันก็ถูกผลักเข้ามาจาดด้านนอกอย่างแรง“รั่วถัง” พ่อส่งเสียงกระแอมอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย“น้องสาวของลูกสุขภาพไม่ดี ห้องของลูกหันเข้าหาแสงแดด พวกลูกลองสลับห้องกันดูสักสองสามวันดีไหม ?”แม่เลี้ยงรีบเอ่ยปาก : “เหล่าเฉิน อย่าไปรบกวนคุณหนูใหญ่เลยค่ะ”ซ่งยางยางเองก็แสดงท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจ : “จริงด้วยค่ะ คุณพ่อ หนูไม่เป็นไรค่ะ อย่าทำให้พี่ต้องรู้สึกไม่พอใจเพรา
ดูเหมือนพ่อจะดีใจมากที่ฉันรู้เหตุรู้ผลแม่เลี้ยงเองก็ยิ้มอย่างพึงพอใจหลังจากพวกเขาออกไปแล้ว ซ่งยางยางกลับยังคงยืนอยู่“พี่คะ ให้ฉันช่วยพี่เก็บของเถอะนะคะ”เธอยืนอยู่ตรงหน้าฉันด้วยท่าทีว่านอนสอนง่ายเป็นที่สุดขณะที่กวาดสายตามองดูรอบห้อง กลับไม่อาจหลบซ่อนแววตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มได้“ฉันเองก็ไม่คิดว่าคุณพ่อจะเห็นด้วยกับการสลับห้องของเรา”“พี่คะ พี่คงโกรธฉันมากเลยใช่ไหมคะ?”“ยังไงซะ ฉันก็เพิ่งจะแย่งพี่จินหนานไป แล้วนี่ก็ยังจะแย่งห้องนอนที่พี่พักอาศัยมาเป็นสิบปีอีก”ฉันไม่อยากสนใจเธอ จึงหันหลังกลับไปหยิบกระเป๋าเดินทางจู่ ๆ ซ่งยางยางกลับส่งเสียงร้อง ‘โอ๊ย’ ออกมา และล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง“พี่คะ......”ตอนที่เธอล้มลง แขนกระแทกเข้ากับมุมโต๊ะพอดี ทำให้เกิดรอยช้ำ“เฉินรั่วถัง เธอกำลังทำอะไร !”ไม่รู้ว่าโจวจินหนานขึ้นมาด้านบนตั้งแต่เมื่อไรจึงเห็นยางยางล้มลงเข้าพอดีเขาตรงปรี่เข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ แล้วอุ้มซ่งยางยางขึ้นอย่างระมัดระวัง“พี่จินหนาน ฉันไม่เป็นไรค่ะ พี่เขาไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ”ซ่งยางยางร้องไห้น้ำตาไหลริน พลางฝืนยิ้มออกมาทั้งที่กำลังเจ็บ : “ไม่เจ็บหรอกค่ะพี่จิ
จู่ ๆ ซ่งยางยางกลับร้องไห้ขึ้นมา: “พี่จินหนาน อย่าทะเลาะกับพี่เพราะฉันเลยนะคะ”“ฉันไม่เป็นไรค่ะ พี่โกรธฉัน ก็สมควรแล้ว......”ซ่งยางยางส่งเสียงร้องกระซิก ๆ ออกมา ราวกับว่าได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างที่สุดสุดท้ายสายตาที่โจวจินหนานจ้องมองฉัน ก็เย็นชาลงอย่างสมบูรณ์“เธออิจฉาที่ฉันชอบยางยาง”“อิจฉาที่ฉันทำดีกับเขา”“อิจฉาที่ทุกคนต่างก็รักใคร่เอ็นดูเขา”“เฉินรั่วถัง เธอไม่ใช่เธอคนเดิมนานแล้ว”“เธอในตอนนี้ ผิดเพี้ยนไปนานแล้ว ไม่ใช่หรือไง?”พอเขาพูดจบ ก็อุ้มซ่งยางยางหันหลังเดินจากไปฉันมองดูร่างของพวกเขาที่เดินห่างออกไปไกลจู่ ๆ ก็พบว่า ไม่รู้น้ำตาของตัวเองแห้งเหือดลงตั้งแต่เมื่อไรเป็นแบบนี้ก็ดีช่วงที่ผ่านมา ฉันร้องไห้เพราะโจวจินหนานไปหลายครั้งแล้วต่อไป ฉันคงไม่มีทางเจ็บปวดใจ และเสียน้ำตาเพราะเขาอีกแล้วจริง ๆ ตอนดึก จู่ ๆ ในกลุ่มเพื่อนก็คึกคักขึ้นมาโจวจินหนานส่งข้อความประโยคหนึ่งลงในกลุ่ม“จู่ ๆ ก็อยากแต่งงานขึ้นมา ทำไงดี?”ในกลุ่มเกิดความโกลาหลขึ้นทันที“พี่จินหนาน ในที่สุดพี่ก็จะแต่งงานกับถังรั่วแล้ว”“ควรเปลี่ยนคำเรียกเป็นพี่สะใภ้แล้วสิ”ทุกคนในกลุ่มเริ่ม@ฉัน :
เพิ่งออกจากกลุ่ม สายโทรศัพท์จากโจวจินหนานก็โทรเข้ามา“เฉินรั่วถัง เธอมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”“ที่ไหน ?”“เธอรู้ดี ที่เก่า”“มีธุระอะไรเหรอ ?”“มาขอโทษรั่วรั่ว”“ทำไมต้องขอโทษด้วย ?”“จู่ ๆ เมื่อกี้เธอก็ออกไปจากกลุ่ม เธอรู้ไหมว่าคนอื่น ๆ จะมองเขายังไง ?”โจวจินหนานน้ำเสียงแข็งกร้าว แต่ก็ทรงพลังอย่างเต็มเปี่ยมด้วย“ฉันไม่อยากให้ใครมาทำลายชื่อเสียงของรั่วรั่ว”“ฉันเป็นฝ่ายขอบเขา ต้องการยกย่องเขาออกหน้าออกตา”“เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ควรถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สาม เพราะความเลิ่นเล่อและหุนหันพลันแล่นของเธอ”แม้จะรู้ดีว่าการกระทำของเขา ไม่มีผลกระทบอะไรต่ออารมณ์ของฉันนานแล้วแต่ทว่าตอนนี้ กลับรู้สึกโมโหจนแน่นอกนิ้วมือของฉันที่จับโทรศัพท์อยู่สั่นไหวเล็กน้อยตอนที่เอ่ยปากพูด น้ำเสียงก็สั่นเครือ : “โจวจินหนาน นายจะรังแกคนอื่นแบบนี้ไม่ได้”“นายมีสิทธิ์อะไรมารังแกฉันแบบนี้ ?”“นายเป็นฝ่ายนอกใจก่อน ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันถึงขนาดแสดงความยินดีกับพวกนาย มันยังไม่พออีกหรือไง ?”ฉันฝืนข่มไม่ให้น้ำตาไหลรินออกมาและกลับมีเสียงสะอื้นเจือปนอยู่ในน้ำเสียงจู่ ๆ สายโทรศัพท์ก็เงียบลงไปพักหนึ่ง
ซ่งยางยางย้ายมาอยู่ที่ห้องของฉันส่วนฉัน กลับไม่ได้ย้ายไปที่ห้องของเธอแต่หาห้องรับแขกห้องหนึ่งอยู่เป็นการชั่วคราวก่อนเครื่องนอนที่คนรับใช้เตรียมไว้ให้ฉันทั้งเย็นและชื้นฉันจึงนอนหลับโดยสวมเสื้อผ้าเอาไว้ยังไงซะก็เหลืออีกแค่ไม่กี่วันแล้วหากผ่านไปได้ ทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์แล้วแต่เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันเพิ่งตื่นและเดินลงมาจากชั้นบนก็มองเห็นห้องโถงด้านข้าง ที่มีรูปที่ระลึกและเครื่องเซ่นไหว้ของแม่วางอยู่กระจัดกระจายไปหมดรูปถ่ายของแม่ถูกโยนลงบนพื้น กรอบรูปแตกละเอียด มีรอยเท้าเหยียบอยู่บนรูปถ่ายเต็มไปหมดแม่ที่แต่เดิมอมยิ้มเล็กน้อย กลับดูเหมือนกำลังหันมาร้องไห้กับฉันส่วนของเซ่นไหว้ก็กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น และสุนัขตัวโปรดของซ่งยางยาง ก็กำลังแทะเล็มอาหารอยู่ซ่งยางยางยืนอยู่ด้านข้าง ปรบมือชื่นชมฉันยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกว่าเลือดทั่วทั้งร่างกายกำลังพุ่งปรี๊ดขึ้นไปบนหัวสติสัมปชัญญะทั้งหมดที่มี ความคิดทุกอย่างที่พยายามฝืนข่มเอาไว้ หมดสิ้นไปแล้วฉันฟาดแจกันลงไปที่สุนัขตัวนั้นราวกับคนเสียสติสุนัขตัวน้อยตกใจจนวิ่งหนีไป ซ่งยางยางส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมา เศษแจกันบาดเข้าที
กลางดึก จู่ ๆ ฉันก็ถูกปลุกขึ้นเพราะเสียงร้องไห้และกรีดร้องตอนที่ลุกขึ้น ประตูห้องก็ถูกคนถีบเข้ามาจากด้านนอกแล้วแม่เลี้ยงร้องไห้และพุ่งตรงเข้ามา ฉันยังไม่ทั้งได้ตั้งสติ ใบหน้าก็ถูกตบอย่างแรงไปหลายฉาดแล้ว“ทำไมเธอถึงใจร้ายขนาดนี้ ?”“ตอนกลางวันทำร้ายเธอจนบาดเจ็บแล้ว ยังคิดจะฆ่าเธออีกเหรอ ?”แม่เลี้ยงซบลงร้องไห้ที่อกของคุณพ่อ : “เขารู้ทั้งรู้ว่ายางยางแพ้ลูกท้อ ยังจงใจสาดน้ำลูกท้อเอาไว้บนหมอนอีก”“เขาคิดที่จะฆ่าลูกสาวของเราชัด ๆ”“เอาละ หยุดร้องไห้ได้แล้ว โชคดีที่ยางยางกินยาได้ทันเวลา เลยไม่เป็นอะไรมาก”พ่อปลอยโยนเธออย่างอ่อนโยน พลางหันมองฉันด้วยความโมโห : “รั่วถัง ลูกทำให้พ่อผิดหวังมากจริง ๆ”“พรุ่งนี้ลูกย้ายออกไปซะเถอะนะ”“ถ้าให้ลูกอยู่ในบ้านต่อไป ก็มีแต่จะทำให้ครอบครัวของเราต้องวุ่นวาย”เสียงร้องไห้ของแม่เลี้ยงหยุดลงในทันทีฉันจ้องมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เดิมที เขาเป็นคนในครอบครัวที่สนิทที่สุดในโลกสำหรับฉันเขาเคยรักฉันที่สุด ฉันเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาเคยเป็นแก้วตาดวงใจของเขาแต่ภายหลัง ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วดูเหมือนฉันจะเป็นนางเอกอับโชคในนิยาย ค่อย ๆ หมดสิ้นท
งานแต่งในวันนั้นหรูหราอย่างยิ่ง และยังโรแมนติกที่สุดด้วยโจวจินหนานกับเฉินเหวินโจว ไม่อาจเหยียบเข้ามาในงานแต่งได้แม้แต่ครึ่งก้าว แต่พวกเขากลับมีความคิดที่ตรงกันว่าจะไม่ยอมจากไปเพียงแต่ เฉินเหวินโจวไม่อาจยืนหยัดจนงานแต่งสิ้นสุดลงได้จู่ ๆ เขาก็หัวใจวาย ถูกรถฉุกเฉินส่งตัวไปที่โรงพยาบาล แม้จะยื้อชีวิตเอาไว้ได้ แต่ยังคงนอนหมดสติอยู่ส่วนเขา ยืนรอจนกระทั่งงานแต่งสิ้นสุดลงไม่รู้ว่าเพราะอะไร ซีเหอเพื่อนสนิทของรั่วถังถึงไม่เคยบล็อกเขาเพราะฉะนั้น เขาจึงเห็นงานแต่งแทบทั้งหมด ในโมเมนต์วีแชตของซีเหอโจวจินหนานรู้ก่อนจะถึงงานแต่งแล้วว่า เจ้าบ่าวของรั่วถังคือกู้โย่วอันเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยคนหนึ่งของเธอ เยี่ยมยอดมาก เธอเคยเอ่ยชมเขาอยู่หลายครั้งตอนนั้นพวกเขายังมีสถานะไม่ชัดเจน ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อเขาก็จะรู้สึกหึงหวงเพราะฉะนั้นภายหลังรั่วถังจึงไม่ได้เอ่ยถึงเขาอีก และจงใจที่จะตีตัวออกห่างกู้โย่วอันแต่กลับคิดไม่ถึงว่า ไป ๆ มา ๆ สุดท้ายรั่วถังก็แต่งงานกับเขาอยู่ดีในฐานะที่เป็นผู้ชายด้วยกัน โจวจินหนานแทบจะมองออกตั้งแต่แวบแรกว่ากู้โย่วอันรักเธอมากจริง ๆ ในภาพทุกภาพ ในคลิ
งานแต่งงานของฉันกับกู้โย่วอัน จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีต่อมาซีเหอเพื่อนสาวคนสนิท เป็นเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวให้กับฉัน เหมือนกับที่พวกเราเคยสัญญากันไว้ตอนเด็ก ๆ ฉันไม่ได้แจ้งกับเพื่อน ๆ และญาติ ๆ ที่เมืองเฉินให้รับรู้เลยสักคนแต่ก็ไม่รู้ว่าข่าวแพร่กระจายออกไปได้อย่างไรในวันแต่งงาน จู่ ๆ พ่อกับโจวจินหนานก็เดินทางมากู้โย่วอันมาถามความคิดเห็นจากฉันช่างแต่งหน้ากำลังแต่งหน้าให้ฉันอยู่ ฉันเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว มองเห็นว่าที่สามีของตนเองอยู่ในกระจกเจ้าสาวต้องแต่งหน้าเข้มสักหน่อย เพราะฉะนั้นตัวฉันเองที่อยู่ในกระจก จึงดูแตกต่างออกไปจากปกติเล็กน้อยดูเหมือนว่าในเรือนหอ กู้โย่วอันจะตั้งใจปลูกดอกวสันต์ซีฝูเอาไว้ให้ฉันโดยเฉพาะกำลังบานสะพรั่งอยู่อย่างเขินอาย ทั้งอ่อนช้อยงดงามและน่าประทับใจส่วนกู้โย่วอันที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีดำ ก็ยิ่งดูหล่อเหลาน่าหลงใหลพวกเราสบตากัน ในขณะที่สบตากันนั้น ดวงตาของทั้งสองต่างแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“ฉันไม่อยากเจอพวกเขาค่ะ”กู้โย่วอันพยักหน้าโดยไม่ลังเล : “ได้ งั้นพี่จะให้คนเชิญพวกเขาออกไปนะ”“ค่ะ”เรื่องเก่า ๆ และคนเก่า ๆ ตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นและไม่อยา
‘คุณพ่อ’ ที่ปกติแล้วเอ็นดูเธอที่สุด กลับไม่เหลียวมองเธอเลยสักครั้งเขาโบกมือ ราวกับกำลังไล่ยุงไล่แมลงวันที่น่ารังเกียจออกไปให้พ้น ๆ สั่งให้คนไล่สองแม่ลูกออกไปจากบ้านตอนที่ก้าวออกจากประตูใหญ่ ซ่งยางยางยังไม่ยอมตัดใจเธอกอดเสาประตูเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ตะโกนด้วยเสียงแหบพร่า : “โจวจินหนาน......พี่จะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้ พี่ทำไม่ได้ ฉันท้องแล้ว เด็กเป็นลูกของพี่ พี่ต้องรับผิดชอบฉัน !”สุดท้ายเธอตะโกนจนผมเผ้ารุงรัง ราวกับหญิงเสียสติ“จินหนาน ?” เฉินเหวินโจวหันกลับไปมองเขาโจวจินหนานรู้สึกสะอิดสะเอียนจนพูดไม่ออก อยากจะหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออกตอนนั้นเขาหลงรักผู้หญิงที่น่ารังเกียจแบบนี้ได้ยังไงนะ“ลุงเฉิน”โจวจินหนานเดินตรงเข้าไป มองดูชายชราตรงหน้าที่ผมขาวไปกว่าครึ่งแล้ว : “ผมไม่เคยแตะต้องเธอเลย”“ผมสาบานได้ ผมไม่เคยแตะต้องเธอมาก่อนเลย”“งั้นก็ดี งั้นก็ดี” เฉินเหวินโจวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก แล้วโบกมืออีกครั้งบอดี้การ์ดลากตัวทั้งสองคนออกไป เสียงตะโกนโห่ร้อง เสียงเอะอะโวยวายเหล่านั้นก็หายเงียบไปดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า ปกคลุมคฤหาสน์หลังใหญ่สายตาของทั้งสองคนจ้องมองไปที่ดอกวสั
ภายหลังรบกวนจนกระทั่งเพื่อนบ้านโทรแจ้งนิติบุคคลของอาคารเขาถึงได้รู้จากฝ่ายนิติบุคคลว่า เฉินรั่วถังย้ายออกไปตั้งนานแล้ว และอะพาร์ตเมนต์หลังนี้ เธอก็ไหว้วานให้นิติบุคคลช่วยประกาศขายแล้วเธอย้ายไปไหนนะ ? มิหนำซ้ำเธอยังไม่อยู่ในเมืองจิงอีก ? เธอยังจะกลับมาอีกไหม ? จะกลับมาเมื่อไร ? โจวจินหนานไม่รู้อะไรเลยเขามีเพียงความรู้สึกเดียวที่เกิดขึ้นในส่วนลึกของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุดราวกับปีศาจที่แอบอยู่ในมุมมืด กำลังจะเขมือบเขาเข้าไปเขาสูญเสียเฉินรั่วถังไปแล้วบางทีเขาอาจต้องสูญเสียเฉินรั่วถังไปตลอดชีวิต สูญเสียไปอย่างสมบูรณ์เรื่องมากมายที่สองแม่ลูกซ่งยางยางเคยวางแผนใส่ร้ายเฉินรั่วถังก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็ถูกเปิดโปงออกมาจนหมดแม้แต่คนรับใช้ของตระกูลเฉิน ต่างก็ก้าวออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคุณหนูใหญ่ของพวกเขาวันที่สองแม่ลูกถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลเฉิน ดูอเนจอนาถอย่างยิ่งราวกับสุนัขตกน้ำ ถูกคนรุมทำร้ายโจวจินหนานยืนอยู่ท่ามกลางพุ่มดอกวสันต์ที่กำลังเหี่ยวเฉาในสวนดอกไม้ จู่ ๆ ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมาดอกวสันต์แม้เหี่ยวเฉาไปแล้ว ก็ยังผลิบานใหม่ได้อีกครั้งแต่คนบ
“ฉันแพ้ลูกท้อจริง ๆ ค่ะ คุณพ่อเองก็รู้”“เรื่องที่เฉินรั่วถังสั่งให้คนรับใช้ในบ้าน ทาน้ำลูกท้อเอาไว้บนเตียงของฉัน ก็เป็นคุณพ่อเองที่สืบรู้......”ซ่งยางยางกุมใบหน้าร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยใจอย่างที่สุด“ยังจะแก้ตัวอีกเหรอ !”จู่ ๆ โจวจินหนานก็เดินตรงเข้ามาหนึ่งก้าว แล้วกำคอเสื้อของซ่งยางยางเอาไว้แน่นเขารูปร่างสูงใหญ่ ทำให้ตอนนี้คล้ายกับว่าซ่งยางยางถูกหิ้วจนตัวลอยขึ้นมา“พี่จินหนาน......พี่รีบปล่อยฉันเร็วเข้า ฉันหายใจไม่ออกแล้ว”โจวจินหนานก้มหน้าลงมองเธอ ใบหน้าอันหล่อเหลาค่อย ๆ บูดบึ้ง : “ซ่งยางยาง เธอลืมไปแล้วหรือเปล่าว่า ที่เธอใช้อยู่คือน้ำหอมที่รั่วถังชอบที่สุด”“และเป็นน้ำหอมที่ฉันเคยซื้อให้เขานับครั้งไม่ถ้วน”“เพียงแต่ภายหลังฉันลืมไปแล้ว......”จู่ ๆ โจวจินหนานก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา ลืมที่เขาหลงลืมมีมากเกินไปเขาลืมไปแล้วว่าหลายปีที่ผ่าน ความหลงใหลและความรักที่เฉินรั่วถังมีให้เขา ลึกซึ้งเพียงใดเขาลืมความรักที่มีให้แก่กันระหว่างพวกเขาในตลอดสามปีที่ผ่านมา และลืมไปว่าเธอเฝ้ารอวันที่จะได้แต่งงานกับเขาขนาดไหนเขาลืมไปแล้วว่าตอนที่เลิกกัน เฉินรั่วถังหลั่งน้ำตาเงียบ ๆ ต
ตอนนี้สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าของโจวจินหนาน ทั้งหมดคือสายตาที่เฉินรั่วถังจ้องมองเขาเป็นครั้งสุดท้ายสงบนิ่ง ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง เป็นแค่ผู้สัญจรที่ผ่านไปมา ที่ไม่มีความสำคัญอะไรในชีวิตของเธอจู่ ๆ โจวจินหนานก็กระเด้งตัวขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไปด้านนอก ซ่งยางยางก็ผลักประตูเข้ามาอย่างกะทันหัน“พี่จินหนาน”ซ่งยางยางยังคงมีรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนแอและขี้อายเช่นเดิมดวงตาทรงอัลมอนด์คู่งาม ดูแวววาวอยู่เสมอ ราวกับจะหลั่งน้ำตาออกมาได้ทุกเมื่อทำให้ง่ายที่คนอื่นจะคิดว่าเธอถูกใครรังแกมา“ทำไมพี่ถึงดื่มหนักขนาดนี้อีกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็บ่นว่าปวดหัวอีก”ซ่งยางยางเดินตรงเข้าไป คว้าแขนของเขาเอาไว้ น้ำเสียงอ่อนโยนและแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างที่สุดโจวจินหนานกำลังจะอ้าปากพูด แต่กลับได้กลิ่นของน้ำหอมที่คุ้นเคยหัวใจของเขาเต้นตึกตักทันที มือที่แต่เดิมกำลังจะผลักซ่งยางยางออกไป กลับหยุดชะงักลง“ทำไมถึงหอมขนาดนี้ ?”น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันของโจวจินหนาน ทำให้ซ่งยางยางทั้งรู้สึกเขินอายและตื่นเต้น“นี่ใช่ยี่ห้อคราวก่อนไหม ?”รอยยิ้
จินหนาน ถ้านายยังดื่มต่อไปอีก ยังอยากมีชีวิตอยู่อีกไหม?”“รู้ไหมว่าช่วงนี้ทุกคนต่างก็เป็นห่วงนายมาก ?”เพื่อนกดขวดเหล้าเอาไว้ แล้วพูดเตือนสติด้วยความหวังดี : “เมื่อกี้ซ่งยางยางโทรมา เธอกำลังจะมารับนายกลับแล้ว หยุดดื่มได้แล้ว ตกลงไหม ?”จู่ ๆ โจวจินหนานก็รู้สึกรังเกียจชื่อซ่งยางยางขึ้นมาอย่างถึงที่สุดเขาผลักเพื่อนออกไป แล้วโยนขวดเหล้าลงบนพื้นอย่างแรง“ใครใช้ให้พวกนายโทรหาเธอ ? ฉันใช้ให้เธอมาหรือไง ?”“เธอเป็นแฟนของนายนะ ถ้าไม่หาเธอแล้วจะหาใครล่ะ”“เธอเป็นแฟนฉันซะที่ไหน ?”โจวจินหนานหัวเราะเยาะ : “แฟนของฉันคือใคร พวกนายยังไม่รู้แก่ใจอีกเหรอ ?”บรรดาเพื่อน ๆ ต่างหันมองหน้ากัน : “จินหนาน นายลืมไปแล้วหรือเปล่าว่า นายกับถังถังเลิกกันแล้ว......”“จริงด้วย นายยังเคยพูดไว้ในกลุ่มเลยว่า ให้พวกเราเรียกซ่งยางยางว่าพี่สะใภ้”“ก่อนที่ถังถังจะออกจากกลุ่ม ยังแสดงความยินดีกับพวกนายด้วย”“นายกับซ่งยางยางกำลังจะหมั้นกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ?”“จะไม่มีการหมั้นหมาย”โจวจินหนานสั่งให้คนเปิดเหล้าเพิ่มอีกขวด“จินหนาน นายดื่มอีกไม่ได้แล้ว......”“นายคิดว่าฉันจะฟังคำเตือนของพวกนายหรือไง ?”“ใ
“รุ่นพี่......”“ฉันไม่ได้กำลังฝันอยู่ เธอคือถังถัง เธอคือเฉินรั่วถัง ใช่ไหม ?”จู่ ๆ กู้โย่วอันก็จับใบหน้าของฉันเอาไว้ระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ แม้แต่หายใจก็รดกันดวงตาของเขาฉาบไปด้วยความเมา ทั้งสับสน ทั้งงุนงง ทั้งเหลือเชื่อ และมีความขมขื่นที่ไม่อาจพูดออกมาได้แฝงอยู่“กู้โย่วอัน”“พี่ไม่ได้ฝันไปค่ะ”“ฉันเอง ฉันคือเฉินรั่วถัง......”ฉันยังไม่ทันจะพูดจบ รอยจูบอันอบอุ่นก็ตกลงบนริมฝีปากของฉันเป็นรอยจูบที่แผ่วเบามาก อ่อนโยนอย่างที่สุดฉันยังไม่ทันตั้งสติกลับมาได้ กู้โย่วอันกลับปล่อยมือจากฉันแล้วคิดว่าความประหลาดใจบนใบหน้าของฉัน และความตื่นตระหนกในแววตา ถูกเขาสังเกตเห็นเข้าแล้วเขาจับมือฉันไว้ แล้วดึงฉันให้นั่งลงตรงที่นั่งให้ดีรสสตาร์ตแล้ว กู้โย่วอันลดฉากกั้นภายในรถลงมาพื้นที่คับแคบทำให้ฉันรู้สึกประหม่าแต่กู้โย่วอันกลับปล่อยมือฉัน“ไม่ต้องกลัวนะ ถังถัง”“ฉันไม่ทำอะไรเธอในที่แบบนี้หรอก”เขายกมือขึ้น จัดระเบียบทรงผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยของฉัน : “ถังถัง ฉันจะอดทนรอจนกว่าจะถึงคืนแต่งงานของเรานะ”ฉันก้มหน้าลง ใบหน้าร้อนผ่าวจนมีสีแดงก่ำ พักใหญ่ถึงได้หันมองเขา แล้วขารับว่า ‘อ
เมื่องานเลี้ยงจบลง ฉันก็มารอกู้โย่วอันอยู่ที่โถงด้านล่างจู่ ๆ เพื่อนที่เมืองจิงก็โทรศัพท์เข้ามา“ถังถัง สองสามวันนี้ยุ่งอะไรอยู่เหรอ ไม่เห็นหน้าเธอเลย”“มีธุระส่วนตัวจ้องจัดการนิดหน่อยน่ะ”“งั้นอีกเดี๋ยวออกมาสังสรรค์กันหน่อยสิ”ฉันหัวเราะ : ไม่ล่ะ พวกเธอสังสรรค์กันไปเถอะ”“นี่ ถังถัง อย่าเพิ่งวางสายนะ คือว่าอย่างนี้......”“เฮ้อ ที่จริงแล้วเป็นจินหนาน คืนนี้จินหนานอารมณ์ไม่ดี ดื่มจนเมาไปแล้ว ใครเตือนก็ไม่ยอมฟัง”“ถ้าเธอไม่ติดธุระอะไรละก็ มาดูเขาหน่อยสิ กลัวว่าถ้าเขาดื่มต่อไป จะมีเลือดออกในกระเพาะอีก”“พวกเธอโทรหาซ่งยางยางเถอะ”“ถังถัง จินหนานเพิ่งจะไล่ซ่งยางยางกลับไป”“พวกเราทุกคนดูออกว่าในใจของเขายังมีเธออยู่ เขาคงนึกเสียใจขึ้นมาแล้ว”“พอได้แล้วจ้าวเซิน ฉันกับเขาเลิกกันแล้ว”ฉันถือโทรศัพท์ไว้ในมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ : “ต่อไป เรื่องของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้ว พวกเธอเองก็ไม่ต้องโทรมาหาฉันแล้ว”ฉันเพิ่งจะพูดจบ ก็มีเสียงดังก้องเข้ามาในหูดูเหมือนโทรศัพท์ของจ้าวเซินจะถูกคนอื่นแย่งไปแล้วฉันไม่อยากสนใจเรื่องพวกนี้ กำลังจะกดวางสายเสียงของโจวจินหนานก็ดังขึ้นมา“เ