Share

บทที่ 2

Penulis: น้ำค้างแข็งตก
ดูเหมือนพ่อจะดีใจมากที่ฉันรู้เหตุรู้ผล

แม่เลี้ยงเองก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ

หลังจากพวกเขาออกไปแล้ว ซ่งยางยางกลับยังคงยืนอยู่

“พี่คะ ให้ฉันช่วยพี่เก็บของเถอะนะคะ”

เธอยืนอยู่ตรงหน้าฉันด้วยท่าทีว่านอนสอนง่ายเป็นที่สุด

ขณะที่กวาดสายตามองดูรอบห้อง กลับไม่อาจหลบซ่อนแววตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มได้

“ฉันเองก็ไม่คิดว่าคุณพ่อจะเห็นด้วยกับการสลับห้องของเรา”

“พี่คะ พี่คงโกรธฉันมากเลยใช่ไหมคะ?”

“ยังไงซะ ฉันก็เพิ่งจะแย่งพี่จินหนานไป แล้วนี่ก็ยังจะแย่งห้องนอนที่พี่พักอาศัยมาเป็นสิบปีอีก”

ฉันไม่อยากสนใจเธอ จึงหันหลังกลับไปหยิบกระเป๋าเดินทาง

จู่ ๆ ซ่งยางยางกลับส่งเสียงร้อง ‘โอ๊ย’ ออกมา และล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง

“พี่คะ......”

ตอนที่เธอล้มลง แขนกระแทกเข้ากับมุมโต๊ะพอดี ทำให้เกิดรอยช้ำ

“เฉินรั่วถัง เธอกำลังทำอะไร !”

ไม่รู้ว่าโจวจินหนานขึ้นมาด้านบนตั้งแต่เมื่อไร

จึงเห็นยางยางล้มลงเข้าพอดี

เขาตรงปรี่เข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ แล้วอุ้มซ่งยางยางขึ้นอย่างระมัดระวัง

“พี่จินหนาน ฉันไม่เป็นไรค่ะ พี่เขาไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ”

ซ่งยางยางร้องไห้น้ำตาไหลริน พลางฝืนยิ้มออกมาทั้งที่กำลังเจ็บ : “ไม่เจ็บหรอกค่ะพี่จินหนาน”

“ห้อเลือดแล้ว ยังจะพูดว่าไม่เจ็บอีก”

โจวจินหนานหันมองรอยแผลบนแขนขาวผ่องของเธอ สายตาเต็มไปด้วยความสงสาร

แต่พอเขาหันมามองฉัน สายตากลับเย็นชาลงทันที ราวกับมีน้ำค้างแข็งปกคลุมอยู่

“เฉินรั่วถัง เธอไม่พอใจอะไรก็มาลงกับฉัน”

“เธออย่าทำร้ายยางยาง เขาน่าสงสารมากพอแล้ว”

“ไม่เหมือนเธอ เกิดมาก็ได้เป็นคุณหนูใหญ่ที่สูงส่ง ไม่รู้จักความลำบากของชีวิตมนุษย์เลยสักนิด”

ฉันคิดว่าเขาไม่มีผลอะไรกับอารมณ์ของฉันอีกแล้ว

และฉันก็คิดว่า ฉันคงไม่มีทางเสียน้ำตาให้โจวจินหนานอีกแม้แต่หยดเดียวแล้ว

แต่สุดท้ายฉันเองก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง

ฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูน และไม่ได้มีจิตใจที่มั่นคงแข็งแกร่ง

เพื่อนเล่นที่เติบโตมาด้วยกันแต่เด็ก

ผู้ชายที่คบกันมาสามปี

เพียงแค่ไม่กี่วัน กลับหันไปหลงรักเด็กสาวที่อ่อนเยาว์นุ่มนวลกว่า

และมองฉันเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดที่ชั่วร้าย

ฉันไม่อยากร้องไห้ ถึงขนาดว่าอยากหัวเราะออกมาเสียด้วยซ้ำ

แต่ท่อน้ำตากลับบวมเป่งขึ้นมาจนรู้สึกปวด

“โจวจินหนาน พวกเรารู้จักกันมาตั้งหลายปี ฉันเป็นคนยังไง นายยังไม่รู้ดีอีกเหรอ?”

โจวจินหนานขมวดคิ้วเล็กน้อย

สายตาของเขาตกมาอยู่บนใบหน้าของฉัน ดูเหมือนแววตาจะอ่อนโยนลงเล็กน้อย
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 3

    จู่ ๆ ซ่งยางยางกลับร้องไห้ขึ้นมา: “พี่จินหนาน อย่าทะเลาะกับพี่เพราะฉันเลยนะคะ”“ฉันไม่เป็นไรค่ะ พี่โกรธฉัน ก็สมควรแล้ว......”ซ่งยางยางส่งเสียงร้องกระซิก ๆ ออกมา ราวกับว่าได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างที่สุดสุดท้ายสายตาที่โจวจินหนานจ้องมองฉัน ก็เย็นชาลงอย่างสมบูรณ์“เธออิจฉาที่ฉันชอบยางยาง”“อิจฉาที่ฉันทำดีกับเขา”“อิจฉาที่ทุกคนต่างก็รักใคร่เอ็นดูเขา”“เฉินรั่วถัง เธอไม่ใช่เธอคนเดิมนานแล้ว”“เธอในตอนนี้ ผิดเพี้ยนไปนานแล้ว ไม่ใช่หรือไง?”พอเขาพูดจบ ก็อุ้มซ่งยางยางหันหลังเดินจากไปฉันมองดูร่างของพวกเขาที่เดินห่างออกไปไกลจู่ ๆ ก็พบว่า ไม่รู้น้ำตาของตัวเองแห้งเหือดลงตั้งแต่เมื่อไรเป็นแบบนี้ก็ดีช่วงที่ผ่านมา ฉันร้องไห้เพราะโจวจินหนานไปหลายครั้งแล้วต่อไป ฉันคงไม่มีทางเจ็บปวดใจ และเสียน้ำตาเพราะเขาอีกแล้วจริง ๆ ตอนดึก จู่ ๆ ในกลุ่มเพื่อนก็คึกคักขึ้นมาโจวจินหนานส่งข้อความประโยคหนึ่งลงในกลุ่ม“จู่ ๆ ก็อยากแต่งงานขึ้นมา ทำไงดี?”ในกลุ่มเกิดความโกลาหลขึ้นทันที“พี่จินหนาน ในที่สุดพี่ก็จะแต่งงานกับถังรั่วแล้ว”“ควรเปลี่ยนคำเรียกเป็นพี่สะใภ้แล้วสิ”ทุกคนในกลุ่มเริ่ม@ฉัน :

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 4

    เพิ่งออกจากกลุ่ม สายโทรศัพท์จากโจวจินหนานก็โทรเข้ามา“เฉินรั่วถัง เธอมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”“ที่ไหน ?”“เธอรู้ดี ที่เก่า”“มีธุระอะไรเหรอ ?”“มาขอโทษรั่วรั่ว”“ทำไมต้องขอโทษด้วย ?”“จู่ ๆ เมื่อกี้เธอก็ออกไปจากกลุ่ม เธอรู้ไหมว่าคนอื่น ๆ จะมองเขายังไง ?”โจวจินหนานน้ำเสียงแข็งกร้าว แต่ก็ทรงพลังอย่างเต็มเปี่ยมด้วย“ฉันไม่อยากให้ใครมาทำลายชื่อเสียงของรั่วรั่ว”“ฉันเป็นฝ่ายขอบเขา ต้องการยกย่องเขาออกหน้าออกตา”“เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ควรถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สาม เพราะความเลิ่นเล่อและหุนหันพลันแล่นของเธอ”แม้จะรู้ดีว่าการกระทำของเขา ไม่มีผลกระทบอะไรต่ออารมณ์ของฉันนานแล้วแต่ทว่าตอนนี้ กลับรู้สึกโมโหจนแน่นอกนิ้วมือของฉันที่จับโทรศัพท์อยู่สั่นไหวเล็กน้อยตอนที่เอ่ยปากพูด น้ำเสียงก็สั่นเครือ : “โจวจินหนาน นายจะรังแกคนอื่นแบบนี้ไม่ได้”“นายมีสิทธิ์อะไรมารังแกฉันแบบนี้ ?”“นายเป็นฝ่ายนอกใจก่อน ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันถึงขนาดแสดงความยินดีกับพวกนาย มันยังไม่พออีกหรือไง ?”ฉันฝืนข่มไม่ให้น้ำตาไหลรินออกมาและกลับมีเสียงสะอื้นเจือปนอยู่ในน้ำเสียงจู่ ๆ สายโทรศัพท์ก็เงียบลงไปพักหนึ่ง

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 5

    ซ่งยางยางย้ายมาอยู่ที่ห้องของฉันส่วนฉัน กลับไม่ได้ย้ายไปที่ห้องของเธอแต่หาห้องรับแขกห้องหนึ่งอยู่เป็นการชั่วคราวก่อนเครื่องนอนที่คนรับใช้เตรียมไว้ให้ฉันทั้งเย็นและชื้นฉันจึงนอนหลับโดยสวมเสื้อผ้าเอาไว้ยังไงซะก็เหลืออีกแค่ไม่กี่วันแล้วหากผ่านไปได้ ทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์แล้วแต่เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันเพิ่งตื่นและเดินลงมาจากชั้นบนก็มองเห็นห้องโถงด้านข้าง ที่มีรูปที่ระลึกและเครื่องเซ่นไหว้ของแม่วางอยู่กระจัดกระจายไปหมดรูปถ่ายของแม่ถูกโยนลงบนพื้น กรอบรูปแตกละเอียด มีรอยเท้าเหยียบอยู่บนรูปถ่ายเต็มไปหมดแม่ที่แต่เดิมอมยิ้มเล็กน้อย กลับดูเหมือนกำลังหันมาร้องไห้กับฉันส่วนของเซ่นไหว้ก็กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น และสุนัขตัวโปรดของซ่งยางยาง ก็กำลังแทะเล็มอาหารอยู่ซ่งยางยางยืนอยู่ด้านข้าง ปรบมือชื่นชมฉันยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกว่าเลือดทั่วทั้งร่างกายกำลังพุ่งปรี๊ดขึ้นไปบนหัวสติสัมปชัญญะทั้งหมดที่มี ความคิดทุกอย่างที่พยายามฝืนข่มเอาไว้ หมดสิ้นไปแล้วฉันฟาดแจกันลงไปที่สุนัขตัวนั้นราวกับคนเสียสติสุนัขตัวน้อยตกใจจนวิ่งหนีไป ซ่งยางยางส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมา เศษแจกันบาดเข้าที

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 6

    กลางดึก จู่ ๆ ฉันก็ถูกปลุกขึ้นเพราะเสียงร้องไห้และกรีดร้องตอนที่ลุกขึ้น ประตูห้องก็ถูกคนถีบเข้ามาจากด้านนอกแล้วแม่เลี้ยงร้องไห้และพุ่งตรงเข้ามา ฉันยังไม่ทั้งได้ตั้งสติ ใบหน้าก็ถูกตบอย่างแรงไปหลายฉาดแล้ว“ทำไมเธอถึงใจร้ายขนาดนี้ ?”“ตอนกลางวันทำร้ายเธอจนบาดเจ็บแล้ว ยังคิดจะฆ่าเธออีกเหรอ ?”แม่เลี้ยงซบลงร้องไห้ที่อกของคุณพ่อ : “เขารู้ทั้งรู้ว่ายางยางแพ้ลูกท้อ ยังจงใจสาดน้ำลูกท้อเอาไว้บนหมอนอีก”“เขาคิดที่จะฆ่าลูกสาวของเราชัด ๆ”“เอาละ หยุดร้องไห้ได้แล้ว โชคดีที่ยางยางกินยาได้ทันเวลา เลยไม่เป็นอะไรมาก”พ่อปลอยโยนเธออย่างอ่อนโยน พลางหันมองฉันด้วยความโมโห : “รั่วถัง ลูกทำให้พ่อผิดหวังมากจริง ๆ”“พรุ่งนี้ลูกย้ายออกไปซะเถอะนะ”“ถ้าให้ลูกอยู่ในบ้านต่อไป ก็มีแต่จะทำให้ครอบครัวของเราต้องวุ่นวาย”เสียงร้องไห้ของแม่เลี้ยงหยุดลงในทันทีฉันจ้องมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เดิมที เขาเป็นคนในครอบครัวที่สนิทที่สุดในโลกสำหรับฉันเขาเคยรักฉันที่สุด ฉันเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาเคยเป็นแก้วตาดวงใจของเขาแต่ภายหลัง ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วดูเหมือนฉันจะเป็นนางเอกอับโชคในนิยาย ค่อย ๆ หมดสิ้นท

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 7

    ที่เหลือ ก็คือของขวัญสารพัดที่โจวจินหนานมอบให้ฉันตลอดสามปีที่ผ่านมามีทั้งของเล่นแปลกใหม่ที่น่าสนใจและยังมีเครื่องประดับที่ล้ำค่าฉันเลือกของที่มีราคาแพงเหล่านั้นออกมา เตรียมให้เพื่อนสนิทเก็บรักษาเอาไว้แทนฉันก่อนรอให้ฉันไปจากเมืองจิงแล้ว ค่อยให้เธอเอาไปคืนให้กับโจวจินหนานแทนฉันทำแบบนี้ จึงจะถือว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีอะไรติดค้างต่อกันส่วนของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีราคา ที่เอามาใช้หลอกให้ฉันมีความสุขพวกนั้นฉันก็ไม่ลังเลที่จะเอามันทั้งหมดใส่ถุงไปโยนทิ้งเมื่อก่อนแม้แต่พวงกุญแจชิ้นเล็ก ๆ ฉันก็มองมันเป็นของล้ำค่าแต่ทว่าตอนนี้ พอต้องทิ้งมันไป ฉันกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิดหลังจากจัดการของทั้งหมดนี้แล้ว ฉันก็บรรจงห่อรูปถ่ายที่ระลึกของแม่ ไว้ในช่องแยกของกระเป๋าเดินทางแล้วก้าวเดินออกจากบ้านที่ฉันอยู่อาศัยมานับสิบปีโดยไม่หันกลับไปมองตอนที่ก้าวออกจากประตูใหญ่ รถของโจวจินหนานก็ขับเข้ามาพอดีฉันไม่แม้แต่จะหันมองแต่จู่ ๆ รถก็ขับเข้ามาจอดข้าง ๆ ฉันกระจกที่นั่งแถวหลังเลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาและสง่างามของโจวจินหนานสายตาของฉันกวาดผ่านไปอย่างเย็นชา ส่วนฝีเท้าก็ไม่ได้หยุ

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 8

    อย่างไรเสียเมื่อก่อน ไม่ว่าฉันจะเสียใจแค่ไหน ก็เป็นฉันเองที่ยินดีจะเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ ให้เขาหันกลับมามอง เขาชินกับสิ่งนี้ไปนานแล้วทุกคนรอบข้างเขาต่างก็พูดว่า ชาตินี้ฉันไม่มีทางขาดเขาได้เขาเองก็เชื่ออย่างสนิทใจฉันเตรียมลากกระเป๋าเดินทางจากไปน้ำเสียงอ่อนหวานของซ่งยางยางก็ดังขึ้นมา“พี่จินหนาน พี่มาแล้วเหรอคะ”เธอปรี่เข้าไป คล้องแขนของโจวจินหนานเอาไว้แน่น ร่างกายกว่าครึ่งแนบชิดเข้ามา“อาการแพ้ดีขึ้นสักนิดหรือยัง ?”โจวจินหนานปัดปอยผมออกจากหน้าผากของเธอ แล้วตรวจดูอย่างละเอียด“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ” ซ่งยางยางเงยหน้าขึ้น ยิ้มจนคิ้วโก่ง : “พี่จินหนานคะ อย่าไปโกรธพี่เขาเลยนะคะ”ขณะที่พูด เธอก็กอดแขนของโจวจินหนานแล้วเขย่าเบา ๆ “ที่จริงแล้วต้องโทษที่ฉันไม่ได้เรื่องเอง ถ้าไม่ใช่เพราะสุขภาพของฉันไม่ดี คุณพ่อก็คงไม่ให้ฉันสลับห้องกับพี่หรอกค่ะ”“พี่เองก็คงจะไม่โกรธฉัน......”“เรื่องนี้จะโทษเธอได้ยังไง เขาเองต่างหากที่จิตใจคับแคบ”โจวจินหนานหันมองฉัน จงใจโอบซ่งยางยางไว้ในอ้อมอก“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ ผิวหน้าของเธอเพิ่งจะหายดี อย่าให้ถูกลมพัดเข้า”“อืม”ฉันมองดูพวกเขาสองคนที่ปร

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 9

    เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้วโจวจินหนานกลับยังไม่ประกาศให้เริ่มต้นงานเลี้ยงวันเกิดเขานั่งอยู่บนโซฟา เล่นไฟแช็กที่อยู่ในมือด้วยสีหน้าเรียบเฉยทำเพียงยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลาเป็นระยะ ๆ และปลดล็อกหน้าจอมือถือเป็นระยะ ๆ “พี่จินหนาน” ซ่งยางยางกัดริมฝีปาก เขย่าแขนเสื้อของเขาเบา ๆ “พี่ก็ดึกมากแล้ว ทุกคนหิวกันหมดแล้วค่ะ......”โจวจินหนานหันมองเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่น่าแปลกที่รอยยิ้มนั้น กลับดูเหมือนไม่ได้ปรากฏออกมาทางสายตา“คงเป็นเธอที่หิวมากกว่า”เขาหยิกแก้มของซ่งยางยาง แล้วพูดหยอกล้อออกมาหนึ่งประโยค“ฉันหิวจะตายอยู่แล้วค่ะ อยากรีบกินเค้กจะแย่แล้ว”ซ่งยางยางฉวยโอกาสซบเข้าไปในอ้อมอกเขาโจวจินหนานได้กลิ่นหอมจาง ๆ บางอย่าง แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยมากเขาผงะไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ ว่า : “เธอใช้น้ำหอมอะไรเหรอ ?”“ฉันหยิบมาลวก ๆ จากห้องแต่งตัวในบ้านน่ะค่ะ”ซ่งยางยางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย : “ทำไมเหรอคะพี่จินหนาน ไม่หอมเหรอคะ ?”โจวจินหนานส่ายหน้า : “หอมมากเลย”ดูเหมือนนั่นจะเป็นกลิ่นของน้ำหอมที่เฉินรั่วถังใช้เป็นประจำเพียงแต่เขานึกไม่ออกไปชั่วขณะ ว่าเป็นของยี่ห้ออะไรตอนที่ทุ

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 10

    หลังจากที่ฉันเดินทางมาถึงเมืองแห่งใหม่ ก็ไม่ได้ติดต่อกับกู้โย่วอันในทันทีแต่ไปพบกับซีเหอ เพื่อนที่สนิทมากที่สุดตอนเรียนมหาวิทยาลัยก่อนฉันต้องการแบ่งปันความลับนี้กับเธอแต่ฉันก็ยังคิดไม่ออกในทันทีว่า ควรจะอธิบายให้เธอฟังยังไงดีแต่คิดไม่ถึงว่า ซีเหอจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้ฉัน ทำให้ได้พบกับกู้โย่วอันเขาสวมชุดสูทสีดำ ยืนอยู่ตรงประตูห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวบนแขนมีเสื้อคลุมสีเดียวกันพาดอยู่ไฟทางเดินด้านหลังเขาตกกระทบลงบนจิตรกรรมฝาผนังที่งามวิจิตร ฉายแสงและเงาที่สวยงามออกมาส่วนเขายืนอยู่ด้านนอกของแสงเงา แต่กลับดูเหมือนทุกสรรพสิ่งรอบข้าง กำลังช่วยขับให้เขาดูโดดเด่นไม่เจอกันหลายปี ดูเหมือนเขาจะหล่อเหลาและสุขุมยิ่งกว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัยเสียอีกไม่เจอกันหลายปี ดูเหมือนว่าฐานะของเขาในตอนนี้ คือคู่หมั้นของฉันแล้วแก้มของฉันแดงระเรื่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวก้มหน้าก้มตา นิ้วมือกำชายกระโปรงลูกไม้เอาไว้แน่นแม้แต่แผ่นหลังก็มีเหงื่อซึมออกมาส่วนซีเหอกลับเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างที่สุด : “เทพกู้ พี่มาได้ยังไงเนี่ย ?”“คืนนี้ฉันมาเจรจาธุรกิจที่นี่ เห็นเพื่อนเก่าเข้าพอดี ก็เลยมาโดยไม่ไ

Bab terbaru

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 20

    งานแต่งในวันนั้นหรูหราอย่างยิ่ง และยังโรแมนติกที่สุดด้วยโจวจินหนานกับเฉินเหวินโจว ไม่อาจเหยียบเข้ามาในงานแต่งได้แม้แต่ครึ่งก้าว แต่พวกเขากลับมีความคิดที่ตรงกันว่าจะไม่ยอมจากไปเพียงแต่ เฉินเหวินโจวไม่อาจยืนหยัดจนงานแต่งสิ้นสุดลงได้จู่ ๆ เขาก็หัวใจวาย ถูกรถฉุกเฉินส่งตัวไปที่โรงพยาบาล แม้จะยื้อชีวิตเอาไว้ได้ แต่ยังคงนอนหมดสติอยู่ส่วนเขา ยืนรอจนกระทั่งงานแต่งสิ้นสุดลงไม่รู้ว่าเพราะอะไร ซีเหอเพื่อนสนิทของรั่วถังถึงไม่เคยบล็อกเขาเพราะฉะนั้น เขาจึงเห็นงานแต่งแทบทั้งหมด ในโมเมนต์วีแชตของซีเหอโจวจินหนานรู้ก่อนจะถึงงานแต่งแล้วว่า เจ้าบ่าวของรั่วถังคือกู้โย่วอันเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยคนหนึ่งของเธอ เยี่ยมยอดมาก เธอเคยเอ่ยชมเขาอยู่หลายครั้งตอนนั้นพวกเขายังมีสถานะไม่ชัดเจน ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อเขาก็จะรู้สึกหึงหวงเพราะฉะนั้นภายหลังรั่วถังจึงไม่ได้เอ่ยถึงเขาอีก และจงใจที่จะตีตัวออกห่างกู้โย่วอันแต่กลับคิดไม่ถึงว่า ไป ๆ มา ๆ สุดท้ายรั่วถังก็แต่งงานกับเขาอยู่ดีในฐานะที่เป็นผู้ชายด้วยกัน โจวจินหนานแทบจะมองออกตั้งแต่แวบแรกว่ากู้โย่วอันรักเธอมากจริง ๆ ในภาพทุกภาพ ในคลิ

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 19

    งานแต่งงานของฉันกับกู้โย่วอัน จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีต่อมาซีเหอเพื่อนสาวคนสนิท เป็นเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวให้กับฉัน เหมือนกับที่พวกเราเคยสัญญากันไว้ตอนเด็ก ๆ ฉันไม่ได้แจ้งกับเพื่อน ๆ และญาติ ๆ ที่เมืองเฉินให้รับรู้เลยสักคนแต่ก็ไม่รู้ว่าข่าวแพร่กระจายออกไปได้อย่างไรในวันแต่งงาน จู่ ๆ พ่อกับโจวจินหนานก็เดินทางมากู้โย่วอันมาถามความคิดเห็นจากฉันช่างแต่งหน้ากำลังแต่งหน้าให้ฉันอยู่ ฉันเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว มองเห็นว่าที่สามีของตนเองอยู่ในกระจกเจ้าสาวต้องแต่งหน้าเข้มสักหน่อย เพราะฉะนั้นตัวฉันเองที่อยู่ในกระจก จึงดูแตกต่างออกไปจากปกติเล็กน้อยดูเหมือนว่าในเรือนหอ กู้โย่วอันจะตั้งใจปลูกดอกวสันต์ซีฝูเอาไว้ให้ฉันโดยเฉพาะกำลังบานสะพรั่งอยู่อย่างเขินอาย ทั้งอ่อนช้อยงดงามและน่าประทับใจส่วนกู้โย่วอันที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีดำ ก็ยิ่งดูหล่อเหลาน่าหลงใหลพวกเราสบตากัน ในขณะที่สบตากันนั้น ดวงตาของทั้งสองต่างแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“ฉันไม่อยากเจอพวกเขาค่ะ”กู้โย่วอันพยักหน้าโดยไม่ลังเล : “ได้ งั้นพี่จะให้คนเชิญพวกเขาออกไปนะ”“ค่ะ”เรื่องเก่า ๆ และคนเก่า ๆ ตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นและไม่อยา

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 18

    ‘คุณพ่อ’ ที่ปกติแล้วเอ็นดูเธอที่สุด กลับไม่เหลียวมองเธอเลยสักครั้งเขาโบกมือ ราวกับกำลังไล่ยุงไล่แมลงวันที่น่ารังเกียจออกไปให้พ้น ๆ สั่งให้คนไล่สองแม่ลูกออกไปจากบ้านตอนที่ก้าวออกจากประตูใหญ่ ซ่งยางยางยังไม่ยอมตัดใจเธอกอดเสาประตูเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ตะโกนด้วยเสียงแหบพร่า : “โจวจินหนาน......พี่จะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้ พี่ทำไม่ได้ ฉันท้องแล้ว เด็กเป็นลูกของพี่ พี่ต้องรับผิดชอบฉัน !”สุดท้ายเธอตะโกนจนผมเผ้ารุงรัง ราวกับหญิงเสียสติ“จินหนาน ?” เฉินเหวินโจวหันกลับไปมองเขาโจวจินหนานรู้สึกสะอิดสะเอียนจนพูดไม่ออก อยากจะหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออกตอนนั้นเขาหลงรักผู้หญิงที่น่ารังเกียจแบบนี้ได้ยังไงนะ“ลุงเฉิน”โจวจินหนานเดินตรงเข้าไป มองดูชายชราตรงหน้าที่ผมขาวไปกว่าครึ่งแล้ว : “ผมไม่เคยแตะต้องเธอเลย”“ผมสาบานได้ ผมไม่เคยแตะต้องเธอมาก่อนเลย”“งั้นก็ดี งั้นก็ดี” เฉินเหวินโจวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก แล้วโบกมืออีกครั้งบอดี้การ์ดลากตัวทั้งสองคนออกไป เสียงตะโกนโห่ร้อง เสียงเอะอะโวยวายเหล่านั้นก็หายเงียบไปดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า ปกคลุมคฤหาสน์หลังใหญ่สายตาของทั้งสองคนจ้องมองไปที่ดอกวสั

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 17

    ภายหลังรบกวนจนกระทั่งเพื่อนบ้านโทรแจ้งนิติบุคคลของอาคารเขาถึงได้รู้จากฝ่ายนิติบุคคลว่า เฉินรั่วถังย้ายออกไปตั้งนานแล้ว และอะพาร์ตเมนต์หลังนี้ เธอก็ไหว้วานให้นิติบุคคลช่วยประกาศขายแล้วเธอย้ายไปไหนนะ ? มิหนำซ้ำเธอยังไม่อยู่ในเมืองจิงอีก ? เธอยังจะกลับมาอีกไหม ? จะกลับมาเมื่อไร ? โจวจินหนานไม่รู้อะไรเลยเขามีเพียงความรู้สึกเดียวที่เกิดขึ้นในส่วนลึกของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุดราวกับปีศาจที่แอบอยู่ในมุมมืด กำลังจะเขมือบเขาเข้าไปเขาสูญเสียเฉินรั่วถังไปแล้วบางทีเขาอาจต้องสูญเสียเฉินรั่วถังไปตลอดชีวิต สูญเสียไปอย่างสมบูรณ์เรื่องมากมายที่สองแม่ลูกซ่งยางยางเคยวางแผนใส่ร้ายเฉินรั่วถังก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็ถูกเปิดโปงออกมาจนหมดแม้แต่คนรับใช้ของตระกูลเฉิน ต่างก็ก้าวออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคุณหนูใหญ่ของพวกเขาวันที่สองแม่ลูกถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลเฉิน ดูอเนจอนาถอย่างยิ่งราวกับสุนัขตกน้ำ ถูกคนรุมทำร้ายโจวจินหนานยืนอยู่ท่ามกลางพุ่มดอกวสันต์ที่กำลังเหี่ยวเฉาในสวนดอกไม้ จู่ ๆ ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมาดอกวสันต์แม้เหี่ยวเฉาไปแล้ว ก็ยังผลิบานใหม่ได้อีกครั้งแต่คนบ

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 16

    “ฉันแพ้ลูกท้อจริง ๆ ค่ะ คุณพ่อเองก็รู้”“เรื่องที่เฉินรั่วถังสั่งให้คนรับใช้ในบ้าน ทาน้ำลูกท้อเอาไว้บนเตียงของฉัน ก็เป็นคุณพ่อเองที่สืบรู้......”ซ่งยางยางกุมใบหน้าร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยใจอย่างที่สุด“ยังจะแก้ตัวอีกเหรอ !”จู่ ๆ โจวจินหนานก็เดินตรงเข้ามาหนึ่งก้าว แล้วกำคอเสื้อของซ่งยางยางเอาไว้แน่นเขารูปร่างสูงใหญ่ ทำให้ตอนนี้คล้ายกับว่าซ่งยางยางถูกหิ้วจนตัวลอยขึ้นมา“พี่จินหนาน......พี่รีบปล่อยฉันเร็วเข้า ฉันหายใจไม่ออกแล้ว”โจวจินหนานก้มหน้าลงมองเธอ ใบหน้าอันหล่อเหลาค่อย ๆ บูดบึ้ง : “ซ่งยางยาง เธอลืมไปแล้วหรือเปล่าว่า ที่เธอใช้อยู่คือน้ำหอมที่รั่วถังชอบที่สุด”“และเป็นน้ำหอมที่ฉันเคยซื้อให้เขานับครั้งไม่ถ้วน”“เพียงแต่ภายหลังฉันลืมไปแล้ว......”จู่ ๆ โจวจินหนานก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา ลืมที่เขาหลงลืมมีมากเกินไปเขาลืมไปแล้วว่าหลายปีที่ผ่าน ความหลงใหลและความรักที่เฉินรั่วถังมีให้เขา ลึกซึ้งเพียงใดเขาลืมความรักที่มีให้แก่กันระหว่างพวกเขาในตลอดสามปีที่ผ่านมา และลืมไปว่าเธอเฝ้ารอวันที่จะได้แต่งงานกับเขาขนาดไหนเขาลืมไปแล้วว่าตอนที่เลิกกัน เฉินรั่วถังหลั่งน้ำตาเงียบ ๆ ต

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 15

    ตอนนี้สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าของโจวจินหนาน ทั้งหมดคือสายตาที่เฉินรั่วถังจ้องมองเขาเป็นครั้งสุดท้ายสงบนิ่ง ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง เป็นแค่ผู้สัญจรที่ผ่านไปมา ที่ไม่มีความสำคัญอะไรในชีวิตของเธอจู่ ๆ โจวจินหนานก็กระเด้งตัวขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไปด้านนอก ซ่งยางยางก็ผลักประตูเข้ามาอย่างกะทันหัน“พี่จินหนาน”ซ่งยางยางยังคงมีรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนแอและขี้อายเช่นเดิมดวงตาทรงอัลมอนด์คู่งาม ดูแวววาวอยู่เสมอ ราวกับจะหลั่งน้ำตาออกมาได้ทุกเมื่อทำให้ง่ายที่คนอื่นจะคิดว่าเธอถูกใครรังแกมา“ทำไมพี่ถึงดื่มหนักขนาดนี้อีกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็บ่นว่าปวดหัวอีก”ซ่งยางยางเดินตรงเข้าไป คว้าแขนของเขาเอาไว้ น้ำเสียงอ่อนโยนและแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างที่สุดโจวจินหนานกำลังจะอ้าปากพูด แต่กลับได้กลิ่นของน้ำหอมที่คุ้นเคยหัวใจของเขาเต้นตึกตักทันที มือที่แต่เดิมกำลังจะผลักซ่งยางยางออกไป กลับหยุดชะงักลง“ทำไมถึงหอมขนาดนี้ ?”น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันของโจวจินหนาน ทำให้ซ่งยางยางทั้งรู้สึกเขินอายและตื่นเต้น“นี่ใช่ยี่ห้อคราวก่อนไหม ?”รอยยิ้

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 14

    จินหนาน ถ้านายยังดื่มต่อไปอีก ยังอยากมีชีวิตอยู่อีกไหม?”“รู้ไหมว่าช่วงนี้ทุกคนต่างก็เป็นห่วงนายมาก ?”เพื่อนกดขวดเหล้าเอาไว้ แล้วพูดเตือนสติด้วยความหวังดี : “เมื่อกี้ซ่งยางยางโทรมา เธอกำลังจะมารับนายกลับแล้ว หยุดดื่มได้แล้ว ตกลงไหม ?”จู่ ๆ โจวจินหนานก็รู้สึกรังเกียจชื่อซ่งยางยางขึ้นมาอย่างถึงที่สุดเขาผลักเพื่อนออกไป แล้วโยนขวดเหล้าลงบนพื้นอย่างแรง“ใครใช้ให้พวกนายโทรหาเธอ ? ฉันใช้ให้เธอมาหรือไง ?”“เธอเป็นแฟนของนายนะ ถ้าไม่หาเธอแล้วจะหาใครล่ะ”“เธอเป็นแฟนฉันซะที่ไหน ?”โจวจินหนานหัวเราะเยาะ : “แฟนของฉันคือใคร พวกนายยังไม่รู้แก่ใจอีกเหรอ ?”บรรดาเพื่อน ๆ ต่างหันมองหน้ากัน : “จินหนาน นายลืมไปแล้วหรือเปล่าว่า นายกับถังถังเลิกกันแล้ว......”“จริงด้วย นายยังเคยพูดไว้ในกลุ่มเลยว่า ให้พวกเราเรียกซ่งยางยางว่าพี่สะใภ้”“ก่อนที่ถังถังจะออกจากกลุ่ม ยังแสดงความยินดีกับพวกนายด้วย”“นายกับซ่งยางยางกำลังจะหมั้นกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ?”“จะไม่มีการหมั้นหมาย”โจวจินหนานสั่งให้คนเปิดเหล้าเพิ่มอีกขวด“จินหนาน นายดื่มอีกไม่ได้แล้ว......”“นายคิดว่าฉันจะฟังคำเตือนของพวกนายหรือไง ?”“ใ

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 13

    “รุ่นพี่......”“ฉันไม่ได้กำลังฝันอยู่ เธอคือถังถัง เธอคือเฉินรั่วถัง ใช่ไหม ?”จู่ ๆ กู้โย่วอันก็จับใบหน้าของฉันเอาไว้ระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ แม้แต่หายใจก็รดกันดวงตาของเขาฉาบไปด้วยความเมา ทั้งสับสน ทั้งงุนงง ทั้งเหลือเชื่อ และมีความขมขื่นที่ไม่อาจพูดออกมาได้แฝงอยู่“กู้โย่วอัน”“พี่ไม่ได้ฝันไปค่ะ”“ฉันเอง ฉันคือเฉินรั่วถัง......”ฉันยังไม่ทันจะพูดจบ รอยจูบอันอบอุ่นก็ตกลงบนริมฝีปากของฉันเป็นรอยจูบที่แผ่วเบามาก อ่อนโยนอย่างที่สุดฉันยังไม่ทันตั้งสติกลับมาได้ กู้โย่วอันกลับปล่อยมือจากฉันแล้วคิดว่าความประหลาดใจบนใบหน้าของฉัน และความตื่นตระหนกในแววตา ถูกเขาสังเกตเห็นเข้าแล้วเขาจับมือฉันไว้ แล้วดึงฉันให้นั่งลงตรงที่นั่งให้ดีรสสตาร์ตแล้ว กู้โย่วอันลดฉากกั้นภายในรถลงมาพื้นที่คับแคบทำให้ฉันรู้สึกประหม่าแต่กู้โย่วอันกลับปล่อยมือฉัน“ไม่ต้องกลัวนะ ถังถัง”“ฉันไม่ทำอะไรเธอในที่แบบนี้หรอก”เขายกมือขึ้น จัดระเบียบทรงผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยของฉัน : “ถังถัง ฉันจะอดทนรอจนกว่าจะถึงคืนแต่งงานของเรานะ”ฉันก้มหน้าลง ใบหน้าร้อนผ่าวจนมีสีแดงก่ำ พักใหญ่ถึงได้หันมองเขา แล้วขารับว่า ‘อ

  • เมื่อดอกวสันต์ผลิบานอีกครั้ง   บทที่ 12

    เมื่องานเลี้ยงจบลง ฉันก็มารอกู้โย่วอันอยู่ที่โถงด้านล่างจู่ ๆ เพื่อนที่เมืองจิงก็โทรศัพท์เข้ามา“ถังถัง สองสามวันนี้ยุ่งอะไรอยู่เหรอ ไม่เห็นหน้าเธอเลย”“มีธุระส่วนตัวจ้องจัดการนิดหน่อยน่ะ”“งั้นอีกเดี๋ยวออกมาสังสรรค์กันหน่อยสิ”ฉันหัวเราะ : ไม่ล่ะ พวกเธอสังสรรค์กันไปเถอะ”“นี่ ถังถัง อย่าเพิ่งวางสายนะ คือว่าอย่างนี้......”“เฮ้อ ที่จริงแล้วเป็นจินหนาน คืนนี้จินหนานอารมณ์ไม่ดี ดื่มจนเมาไปแล้ว ใครเตือนก็ไม่ยอมฟัง”“ถ้าเธอไม่ติดธุระอะไรละก็ มาดูเขาหน่อยสิ กลัวว่าถ้าเขาดื่มต่อไป จะมีเลือดออกในกระเพาะอีก”“พวกเธอโทรหาซ่งยางยางเถอะ”“ถังถัง จินหนานเพิ่งจะไล่ซ่งยางยางกลับไป”“พวกเราทุกคนดูออกว่าในใจของเขายังมีเธออยู่ เขาคงนึกเสียใจขึ้นมาแล้ว”“พอได้แล้วจ้าวเซิน ฉันกับเขาเลิกกันแล้ว”ฉันถือโทรศัพท์ไว้ในมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ : “ต่อไป เรื่องของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้ว พวกเธอเองก็ไม่ต้องโทรมาหาฉันแล้ว”ฉันเพิ่งจะพูดจบ ก็มีเสียงดังก้องเข้ามาในหูดูเหมือนโทรศัพท์ของจ้าวเซินจะถูกคนอื่นแย่งไปแล้วฉันไม่อยากสนใจเรื่องพวกนี้ กำลังจะกดวางสายเสียงของโจวจินหนานก็ดังขึ้นมา“เ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status