“ท่านแม่ฝากของมาให้น่ะ..”
อาม่อนกล่าวพร้อมกับโบกมือเพื่อให้คนของเขายกหีบไม้มากมายเข้าไปด้านในคฤหาสน์แอเรียนา ในหีบไม้พวกนั้นมีทั้งผ้าไหม เครื่องเทศ อาการแห้ง และเครื่องประทินโฉมอีกมากมายทีเดียว ท่านแม่ของเขาไม่สบายแต่ถึงอย่างนั้นเมื่อท่านพ่อได้รับเครื่องบรรณาการจากองค์จักรพรรดิ ท่านแม่ก็รีบสั่งให้เขาส่งข้าวของพวกนั้นมาที่นี่ เพื่อมามอบให้แก่ท่านน้าและโอฟีเลีย “ฝากขอบคุณท่านป้าด้วยนะคะ” อาม่อนพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ “อีกเรื่องที่ข้าต้องบอกกล่าวกับเจ้า คือท่านแม่ต้องการให้เจ้าเข้าร่วมงานเลี้ยงในพิธีบรรลุนิติภาวะในพระราชวัง ปีนี้เจ้าอายุ 18 แล้วนี่ ต้องเข้าร่วมพิธีเพื่อให้บุรุษทุกคนได้ล่วงรู้ว่าเจ้าพร้อมจะแต่งงานแล้ว” โอฟีเลียแค่นหัวเราะเบาๆ “ท่านแม่ไม่ยอมให้ข้าไปหรอก พี่ก็รู้ว่าท่านแม่หวงข้าอย่างกับอะไรดี” “ครั้งนี้ท่านแม่ของข้าจะออกหน้าให้เอง เรื่องชุดที่จะใส่ไปในวันงานและช่างแต่งหน้า ข้าจะส่งมาที่นี่เจ้าแค่เตรียมตัวให้พร้อมกับการเข้าสู่สังคมของชนชั้นสูงก็พอแล้ว นี่เป็นบัตรเชิญ แน่นอนว่ามันจ่าหน้าซองถึงเลดี้แอเรียนา โอฟีเลีย” โอฟีเลียยื่นมือไปรับบัตรเชิญนั้นมาถือเอาไว้ กำหนดการจัดงานอีกสามเดือนข้างหน้า “ขอบคุณท่านพี่มากนะคะ” อาม่อนตบที่ไหล่ของโอฟีเลียเบาๆ “เอาไว้ข้าจะส่งรถม้ามารับเจ้า อย่างไรเสียเจ้าก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวของข้าผู้ซึ่งจะขึ้นเป็นแกรนด์ดยุคในอนาคต หากไม่อยากแต่งงานก็ไม่ต้องแต่งหรอก ข้ามีเงินพอที่จะเลี้ยงดูเจ้าให้สุขสบายไปทั้งชาติอยู่แล้ว” ถึงแม้ว่าอาม่อนจะไม่ได้เรื่องในการทำงาน แต่นิสัยของเขา เขาอ่อนโยนและมีความเป็นผู้นำสูงมากๆ เมื่อเขาอยู่กับโอฟีเลีย อาจจะเพราะว่าเราเติบโตด้วยกันมา อาม่อนถึงได้มองว่าโอฟีเลียคือน้องสาวแท้ๆ ของเขา เธอพยักหน้าเป็นเชิงว่ารับรู้แต่ไม่ได้ตอบรับกับคำกล่าวที่ว่า..เขาจะดูแลเธอ ยามนี้อาม่อนยังไม่แต่งงานเขาก็พูดได้ทั้งนั้นว่าจะเลี้ยงดูเธอ แต่ในวันที่เขาแต่งงานและมีครอบครัวเขาย่อมลืมเลือนลูกพี่ลูกน้องอย่างเธอไป การเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ทำให้เธอรับรู้ได้ว่าไม่มีที่ใดจะหยัดยืนได้อย่างมั่นคงเท่ากับการยืนอยู่บนขาของตัวเองอีกแล้ว ก็บอกแล้วไงว่านิยายเรื่องนี้เธอเคยอ่านน่ะ “คุณหนูคะ เรื่องที่ดินที่คุณหนูซื้อเอาไว้นั้นทางตระกูลเทอรันมาขอซื้อต่อในราคาสามเท่าที่ซื้อมา..ไม่ทราบว่าคุณจะยินยอมขายไหมคะ” ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ ความฝันอีกอย่างหนึ่งของฉันคือการเป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้ เมื่อสองปีก่อน เมื่อท่านแม่วางมือจากงานต่างๆ ในคฤหาสน์เพื่อให้ฉันเรียนรู้เรื่องการทำงานและการเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่ของแอเรียน่า ฉันเทขายทรัพย์สินทั้งหมดของแอเรียนาออกไป ไม่ว่าจะเป็นที่ดินในเมือง หรือแม้กระทั่งคฤหาสน์เก่าแก่ของท่านยาย เครื่องประดับทั้งหมด ชุดเดรส และอีกหลายอย่างเพื่อให้เรามีเงินทุนที่สามารถซื้อที่ดินในตำแหน่งที่ฉันต้องการได้ ในจักรวรรดิแห่งนี้เต็มไปด้วยแร่เพชรและแร่ทองคำที่ถูกฝังเอาไว้ ฉันจะเป็นเจ้าของที่ดินพวกนั้นทั้งหมด ชื่อของแอเรียนาจะถูกจำใหม่ ในฐานะของตระกูลที่สุดแสนจะมั่งคั่งมากที่สุดในจักรวรรดิ แม่ของฉันเป็นหญิงหม้ายแล้วยังไง ในเมื่อแม่ของฉันจะมีเงินเยอะมากกว่าใครๆ หากว่าท่านแม่อยากจะเรียนรู้เรื่องเวทมนตร์ ฉันจะสนับสนุนท่านแม่เอง แต่เป็นเวทสายขาวได้ไหม..มนตร์ดำอะไรพวกนั้นไม่เหมาะกับคนสวยๆ แบบท่านแม่หรอก “ต่อให้เขาให้ราคาสิบเท่า ข้าก็ไม่ขาย หากมีผู้อื่นมาติดต่อขอซื้อที่ดินของเราอีก ไม่ว่าเขาจะให้ราคาเท่าไหร่ก็ตามที ให้เจ้าปฏิเสธเขาได้เลยนะเพนนี” เพนนีคือความภาคภูมิใจของฉัน เพราะว่าฉันสามารถตามหาอัจฉริยะแห่งยุคเจอยังไงล่ะ เพนนีมาช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงการตรวจดูบัญชีของฉัน เท่าที่ฉันตั้งเป้าหมายเอาไว้ อีกหกเดือนหลังจากนี้ฉันจะขุดดินเพื่อทำเหมือง..เมื่อถึงตอนนั้นชื่อเสียงของฉันและท่านแม่จะโด่งดังในชั่วข้ามคืนอย่างแน่นอน “รับทราบค่ะคุณหนู” โอฟีเลียเดินเข้าไปในบ้าน เธอมองหีบพวกนั้นด้วยแววตาเรียบเฉย “เอาของพวกนี้ไปเก็บเอาไว้เถอะ” “ครับคุณหนู” ข้ารับใช้ต่างขนย้ายข้าวของมากมายพวกนั้นไปเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของ ส่วนพวกเครื่องเทศและอาหารแห้งจะถูกจัดเก็บเอาไว้ในครัว ฉันที่กำลังจะเดินขึ้นไปด้านบนแต่หางตากลับเหลือบไปเห็นท่านแม่ที่กำลังเดินเข้ามาในคฤหาสน์ ทุกอย่างมันควรจะปกติ แต่ท่านแม่กลับถือโซ่เอาไว้ในมือและโซ่เหล็กเส้นนั้นมันถูกมัดเอาไว้บนคอของบุรุษผู้หนึ่ง “โอฟีเลียแม่กลับมาแล้ว..” ท่านแม่แย้มยิ้มออกมาพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหาฉัน “แม่พาเพื่อนใหม่มาให้ลูกแล้วนะ ต่อจากนี้ไปลูกรักของแม่ก็ไม่ต้องเหงาอีกแล้ว..” เพื่อนใหม่? เดี๋ยวนะ ในนิยายเรื่องนี้บุรุษที่มีเส้นผมสีดำและดวงตาสีแดงเช่นนี้มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น คาลอสบุตรนอกสมรสของตระกูล อัคราฟ ตัวร้ายของนิยายเรื่องนี้! โอ้ย!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย “ท่านแม่คะ ลูกบอกไปแล้วว่าลูกไม่ต้องการเพื่อนหรือว่าอะไรทั้งนั้น” ดัชเชสเอเวียจับมือของลูกสาวเอาไว้แน่น “แม่เข้าใจลูกนะโอฟีเลีย ลูกเจ็บปวดที่ทาสคนนั้นหนีไปจากลูกใช่ไหม คราวนี้ลูกไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอีกแล้วนะ เพราะว่าแม่จัดการล้างสมองเด็กคนนี้แล้ว มนตร์ดำที่แม่ร่ำเรียนมานานในที่สุดมันก็ได้ผลล่ะ..” หูของโอฟีเลียมันอื้อไปหมดเลย เมื่อท่านแม่กล่าวว่าท่านแม่สามารถใช้มนตร์ดำได้ เพราะว่าการใช้มนตร์ดำมันคือข้อห้ามของจักรวรรดิแห่งนี้ หากว่ามีผู้อื่นรู้ไม่ใช่ว่าเราสองแม่ลูกจะซวยกันหมดงั้นเรอะ ในคฤหาสน์ของเธอมีคนรับใช้น้อยมาก แต่ละคนก็ทำงานมานาน เธอไม่ได้กลัวว่าพวกเขาจะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป แต่คนอื่นนอกเหนือจากเรา..หากว่าพวกเขาล่วงรู้.. “ท่านแม่คะ ท่านจับตัวชายคนนี้มาได้ยังไงกันคะ?” “ไม่ต้องเป็นห่วง แม่รู้ว่าลูกกลัวว่าคนอื่นจะล่วงรู้ว่าแม่ใช่มนตร์ดำใช่ไหมโอฟีเลีย เรื่องนั้นไม่มีใครรู้หรอก แม่ไม่ได้ให้ใครเห็น” ท่านแม่ส่งมอบสร้อยคอเส้นหนึ่งให้ฉัน มันมีจี้สีแดงรูปดอกกุหลาบที่ทำจากอัญมณี “เขาจะเชื่อฟังผู้ที่สวมสร้อยเส้นนี้ เพราะอย่างนั้นตราบใดที่ลูกสวมสร้อยเส้นนี้เขาจะเชื่อฟังและภักดีกับลูกมากกว่าใครทั้งนั้น เจ้าเชื่อใจบุรุษไม่ได้นะโอฟีเลีย แต่ลูกสามารถเชื่อใจเขาได้..” เธอควรจะรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ดี “แต่ท่านแม่คะ..ถึงยังไงมันก็ผิด..” “แม่กำลังจะตายโอฟีเลีย..คนในตระกูลแอเรียนาจะมีพลังหยั่งรู้ถึงอนาคตเมื่อตัวเองกำลังจะตาย”ว่าไงนะ?ฉันยังไม่ทันได้ถามออกไปเลยว่า คำกล่าวของท่านแม่มันหมายความว่าอย่างไรกัน ท่านแม่ก็สั่งให้ข้ารับใช้ทั้งหมดออกไปจากที่นี่ หลังจากนั้นท่านก็สวมสร้อยคอที่ถืออยู่ให้ฉัน“ตระกูลของเราจะสามารถล่วงรู้ได้เมื่อตัวเองกำลังจะตาย และเวลาของแม่มาถึงแล้วลูกรัก”เอเวียลูบผมของโอฟีเลียเบาๆ ด้วยความรักใคร่ นางมองลูกสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดโอฟีเลียขบเม้มริมฝีปากเบาๆ“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะที่ท่านแม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย..ตั้งแต่ที่ท่านพาทาสคนนั้นมาให้ลูกอย่างนั้นหรือ?”เพราะท่านแม่มองเห็นอนาคตก็เลยพยายามหาคนมาอยู่กับเธอสินะ แต่ไม่ว่าใครเธอก็ไม่ต้องการทั้งนั้น“อืม..แม่โกหกลูกไม่ได้เลยสินะลูกรัก ฤดูหนาวปีหน้าแม่จะตาย ส่วนสาเหตุการตายนั้นแม่มองไม่เห็นเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร”โอฟีเลียพยายามสูดหายใจเข้าปอดในขณะที่หัวใจของเธอเต้นรัว เหงื่อเม็ดโตผุดซึมขึ้นมาที่หน้าผาก“ลูกเก่งมากเลยนะ ลูกสามารถดูแล แอเรียนาของเราได้ ลูกทำให้แม่เห็นว่าต่อให้ไม่มีแม่ลูกก็สามารถอยู่ที่นี่ในฐานะของดัชเชสแอเรียนาได้อย่างไร้ที่ติ”“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ลูกยังบกพร่องและต้องการคำแนะนำจากท่านแม่อีกมาก”เอเวียจับ
ในจักรวรรดิที่วุ่นวายและยุ่งเหยิงสิ่งที่ผู้คนต้องการย่อมเป็นความมั่งคั่งและมั่นคงอย่างเช่นการถือครองทรัพย์สิน และที่ดินจำนวนมากเอาไว้ในมือตระกูลอัคราฟเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ตระกูลเคาน์ที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน ท่านเคาน์ไม่มีบุตรกับเคาน์เตสแต่กลับมีบุตรชายนอกสมรสกับสตรีสามัญชนคนหนึ่ง แน่นอนว่าในสายตาของชายที่มองขาดในทุกเรื่อง เขายินยอมให้ภรรยาก่นด่าเพื่อนำพาลูกชายนอกสมรสของเขาเข้ามาในคฤหาสน์ ท่านเคาน์ลงมือสั่งสอนบุตรชายด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้เปิดตัวเข้าสู่แวดวงของสังคม แต่คาลอสก็สามารถครอบครองเบื้องหลังของตระกูลอัคราฟได้แล้วเขาไม่ได้เติบโตอย่างสวยงามเหมือนกับบุตรชายขุนนางคนอื่นๆ เพราะมารดาของเขาเป็นเพียงสามัญชนและทันทีที่เคาน์เตส ล่วงรู้ว่าท่านพ่อของเขามีลูกชายนอกสมรสอยู่ ชีวิตของเขาและท่านแม่ก็ราวกับถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย เขาแค่นหัวเราะออกมาเมื่อต้องหลบหนีนักฆ่าพวกนั้นอย่างไม่มีวันหยุดหย่อน ท่านแม่ตัดสินใจจบชีวิตลงเพราะท่านเหนื่อยล้า กับการหลบหนีและไม่มีกะจิตกะใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป ท่านยอมตายเสียยังดีกว่าจะต้องวิ่งหนีครั้งแล้วครั้งเล่าเขาเติบโตมาด้วยหนทางที่อาบชุ่มไปด้วยเลือด เ
คาลอสทำงานอยู่เบื้องหลังทั้งหมดของอัคราฟเพราะแบบนั้นเขาจึงค่อนข้างคาดหวังว่าคู่แข่งทางธุรกิจของเขาจะมีคฤหาสน์ที่แสนหรูหราและใหญ่โตให้สมกับเงินทุนจำนวนมากที่แอเรียนาลงทุนไปในการคว้านซื้อที่ดิน แต่นี่มันตรงกันข้ามกับที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิงคฤหาสน์แอเรียน่านั้นมีขนาดเล็กและเก่ามาทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นที่นี่ก็ดูสะอาดสะอ้าน เท่าที่เขาคาดคะเนด้วยสายตาที่นี่มีข้ารับใช้เพียงสามคน มีพ่อบ้านวัยชราและแม่บ้านอีกสองคน ส่วนอีกคนที่เดินวุ่นวายไปมาเขาเคยเห็นนางผ่านตามาบ้าง นางคือเพนนีเป็นตัวแทนของเลดี้แอเรียนา ในการตกลงซื้อขายที่ดินและอสังหาต่างๆหัวใจของคาลอสเต้นแรงขึ้นมา ดัชเชสแอเรียนาเป็นสตรีที่งดงามเพราะอย่างนั้นเขาก็เลยคาดหวังถึงใบหน้าของเลดี้แอเรียนาว่านางน่าจะมีความงดงามที่เหมือนกับมารดาของนางก้าวแรกที่เขาเดินเข้าไปในบ้านหลังเล็กแห่งนี้ คาลอสคิดว่าเขาตาฝาดไป..เขามองเห็นรูปปั้นที่วิจิตรมามากมาย ผลงานของจิตรกรลือชื่อก็ถูกเขาซื้อมาไม่น้อย แต่คาลอสบอกได้เลยว่าทั้งภาพวาดและรูปปั้นเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดเลยที่จะดูสมบูรณ์แบบได้เท่ากับสตรีที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของเขาโอฟีเลีย แอเรียนานางไม่เคยปรากฏ
“มะ..หมายความว่าอย่างไรกันคาเซล?”โอฟีเลียเสียงสั่นเครือด้วยความประหม่าเขินอาย ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามคำถามกับเขาจบ ปลายนิ้วของคาเซลก็กดลงไปบนรอยแยกกลางกายของเธอเบาๆ เขากรีดปลายนิ้วลงไปโดยไร้ซึ่งความอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาเกินห้ามใจของเขาเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับเธอเล็กน้อย“การมานั่งอธิบายมันเสียเวลาเพราะอย่างนั้นข้าทำให้ท่านดูเลยน่าจะดีกว่า..”เขาใช้มืออีกข้างแยกขาของเธอออกจากกันเล็กน้อย ใบหน้านั้นซบลงไปบนตักของโอฟีเลียอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ น่าเสียดายที่โอฟีเลียไม่ได้เห็นมันเธอยกมือขึ้นมาจับเข้าที่ไหล่ของเขาพร้อมกับผลักเขาออกเบาๆ การยื้อกันไปมาของเธอกับเขานั้นเกิดขึ้นอยู่พักหนึ่งก่อนที่ประตูห้องทำงานของโอฟีเลียจะถูกเปิดเข้ามาโดยเพนนีและชายผู้หนึ่งแน่นอนว่าเมื่อผู้มาใหม่ทั้งสองมองเห็นบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังซบใบหน้าลงบนตักของคุณหนูผู้เป็นเจ้านาย เพนนีก็พยายามลบอาการประหม่าของตัวเองออกเธอรับรู้เรื่องนี้มาจากพ่อบ้านว่าดัชเชส พาบุรุษผู้หนึ่งมาให้คุณหนู เขาจะเป็นทั้งทาสรับใช้และอัศวินเพื่อปกป้องคุณหนูของพวกเรา บอกตามตรงว่าในคราแรกเธอเป็นห่วงคุณหนูมากทีเดียวที่จะต้องอยู่กับบุรุษที่
ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี ในฐานะของ โอฟีเลีย แอเรียนา ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะหลีกหนีเดรธแฟล็คในตอนจบ และช่วงเวลาที่ผ่านมาชีวิตของฉันมันก็ไม่มีอะไรยากเย็นเกินกว่าที่ฉันคนนี้จะสามารถทำมันได้ จนมาพบเจอคาเซล..โอฟีเลียจับไหล่ของคาเซลเอาไว้พร้อมกับดันตัวเขาออก เธอส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขาราวกับว่าเขากำลังทำเรื่องที่ผิด และเมื่อเขามองเห็นสายตาของเธอ แทนที่เขาจะสลดลง คาเซลกลับยกยิ้มขึ้นมาด้วยแววตาที่แสนเจ้าเล่ห์เขาไม่ได้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเธออีก คาเซลเพียงแค่ซบหน้าลงไปบนหน้าขาของโอฟีเลียอย่างเดียวเท่านั้น เขาออกแรงขบกัดบริเวณต้นขาของเธอเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว..การกระทำของเขาทำให้โอฟีเลียสะดุ้งเล็กน้อยแต่มันก็ดีมากทีเดียวที่เขาไม่ได้มาทำให้เธอเสียสมาธิเหมือนกับช่วงแรกเธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากของตัวเอง ก่อนจะกลับไปจดจ่อกับงานที่ลิฟตันกำลังรายงาน“ลิฟตัน ไปสำรวจที่ดินตรงท่าเรือหน่อยสิว่ามีแปลงไหนที่จะขายหรือไม่ แล้วก็อย่าให้ทางเทอรันรู้เรื่องนี้ ข้าไม่อยากจะต่อสู้เรื่องราคากับทางนั้น มันน่าปวดหัวมากทีเดียว”ลิฟตันก้มหน้าลง“ทางเทอรันน่าจะไม่มากวนใจคุณหนูสักพักละมั้งครับ เพราะทางนั้นทุ่มเงินจ
พ่อบ้านของคฤหาสน์แอเรียนารีบเดินออกไปต้อนรับบารอนแห่งคอนเนอร์ในทันที“คุณหนูออกไปข้างนอกครับท่านบารอน ส่วนท่านดัชเชสไม่อยู่ที่นี่ ข้าจะแจ้งเรื่องการมาเยือนของท่านบารอนให้คุณหนูทราบนะครับ”ลีออนรู้สึกเสียดายมากทีเดียว เขาอยากจะมาพบเจอกับโอฟีเลียตัวจริงที่ไม่ใช่โอฟีเลียในรูปวาดเขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่เห็นภาพวาดที่แกรนด์ดัสเชสส่งมาให้ ยิ่งได้รู้ว่าโอฟีเลียดูแลคฤหาสน์แอเรียนาตั้งแต่อายุยังน้อยเพียงคนเดียว มันยิ่งทำให้ลีออนประทับใจในความเก่งกาจของสตรีผู้นี้ เสียดายที่เขาและเธอไม่ได้พบเจอกัน เขารีบร้อนมาที่นี่เพราะได้รับจดหมายจากแกรนด์ดัชเชสเป็นข้าเองที่เสียมารยาท คราวหน้าข้าจะนัดวันล่วงหน้านะครับ ฝากจดหมายฉบับให้ไว้ให้เลดี้แอเรียนาด้วยนะครับ ครั้งหน้าข้าจะเดินทางมาที่นี่ในสภาพที่พร้อมมากกว่านี้”พ่อบ้านวัยชราก้มหน้าลง“ครับท่านบารอน คฤหาสน์แอเรียนายินดีต้อนรับท่านเสมอ”รถม้าที่ใหญ่โตและทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดี ได้วิ่งออกไปจากคฤหาสน์แอเรียนาคาลอสเดินเข้าไปหาพ่อบ้านด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม“คุณชายท่านนั้นมาหาคุณหนูอย่างนั้นหรือครับ”พ่อบ้านวัยชราพยักหน้า“ปีนี้คุณหนูก็อายุ 18 แล้ว อีก
มันน่าหงุดหงิดเล็กน้อยตรงที่เธอไม่สามารถซื้อที่ดินตรงท่าเรือได้เหมือนกับที่ตั้งใจเอาไว้ในครั้งแรก โอฟีเลียไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความบาดหมางของเธอและกลุ่มการค้าเทอรันมันเริ่มมาจากตรงไหนกันแน่ อาจจะเริ่มมาจากที่เธอแย่งการประมูลที่ดิน ที่มีบ่อเกลือจากเขาไปก็ได้แน่นอนว่าบ่อเกลือบ่อนั้นมันสามารถทำเงินให้เธอได้อย่างมหาศาล แต่เทอรันเองก็รวยมากอยู่แล้วนี่ เขามีเงินมากกว่าเธออีกไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ครั้งอดีตหรือว่าในตอนนี้ เขามองมองข้ามเธอไปบ้างไม่ได้รึอย่างไรกัน ถึงได้ตั้งตนเป็นปรปักษ์ขนาดนั้น“วันนี้ในยามที่คุณหนูเดินทางออกไปจากคฤหาสน์ ท่านบารอนคอนเนอร์มาที่นี่ด้วยครับ ท่านบารอนกล่าวว่า แกรนด์ดัชเชสได้ไหว้วานให้ท่านบารอนเข้าร่วมงานเลี้ยงพิธีบรรลุนิติภาวะในฐานะคู่ควงของคุณหนู..”โอฟีเลียขมวดคิ้วในทันที อันที่จริงเธอไม่ได้อยากจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรนั่นมากมายเท่าไหร่นัก แต่เธอไม่อยากจะขัดใจพี่ชายและท่านป้าที่หวังดีแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหวังดีมากเกินจนล้ำเส้นของเธอไปมากทีเดียว เธอไม่ได้ต้องการคู่ควงอะไรแบบนั้นสักหน่อยและหากว่าท่านแม่รู้เรื่องนี้ แน่นอนว่าท่านแม่จะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน“ปฏิเสธไ
เมื่อเขากล่าวคำที่ดูความหมายคลุมเครือเหล่านั้นออกมา มันทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าเวลารอบๆ ตัวขอเรากำลังหมุนวนอย่างช้าๆใบหน้าของคาลอส เขามีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน ดวงหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความเย็นชา และดวงตาที่ไม่จดจ่อกับสิ่งใดมากเป็นพิเศษ แต่ในยามนี้เขากำลังจดจ่ออยู่กับฉัน..แน่นอนว่าหากนี่คือสถานการณ์ที่เราพบเจอกันในวันและเวลาอื่น เธออาจจะประทับใจกับการเข้าหาอย่างตรงไปตรงมาของเขาแต่นี่ที่เขายึดติดกับเธอมันเป็นเพราะว่าเขาถูกท่านแม่ล้างสมอง ในวันหนึ่งเมื่อทุกอย่างเปิดเผยออกมา ไม่เขาก็เธออาจจะต้องทนรับกับความเจ็บปวดที่มันเกิดขึ้นมาจากการหลอกลวงในครั้งนี้ไม่ได้ เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอควรทำในยามนี้คือการเป็นเจ้านายที่ดีของเขา“คาเซล ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสับสน เจ้าอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักกับใคร แต่ข้าบอกได้เลยว่าที่นี่คือบ้านของเจ้าเหมือนกันนะ ข้าคือสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงาน ข้าไม่มีความคิดที่จะใช้เจ้าเป็นเครื่องบำเรอความใคร่หรือว่าอะไรทั้งนั้น ข้าอยากให้เจ้าคิดว่าตัวเองคือแขกของที่นี่ และเจ้ามาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว..”มุมปากของคาลอสกดลึกเป็นรอยยิ้ม เขาและเธออยู่ในท่วงท่าที่อันตรา
อีกสามเดือนต่อมาหลังจากที่องค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีทรงจัดงานอภิเษก อย่างยิ่งใหญ่ ก็มีงานแต่งงานของเลดี้ แอเรียนาและเคาน์แห่งอัคราฟในปีนั้นถือเป็นปีที่มีงานที่แสนยิ่งใหญ่หลายงานมากทีเดียว“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าจูเลียนจะตั้งครรภ์ก่อนเรา พระเจ้าช่วยนี่ข้ากำลังรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังพ่ายแพ้ต่อมาร์โค”ข่าวการตั้งครรภ์ของจักรพรรดินีถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการหลังจากพิธีอภิเษกผ่านพ้นไปเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น คาลอสแทบจะนั่งไม่ติดเพราะเขาคิดว่าเขาน่าจะมีบุตรคนแรกก่อนองค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีที่ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก แต่มันกลับกลายเป็นว่าจูเลียนตั้งครรภ์ก่อนโอฟีเลีย หรือว่าร่างกายของเขามันจะมีปัญหากันนะ?โอฟีเลียมองสามีของเธอด้วยความรู้สึกนึกขำอยู่ในใจ“เอาน่า เดี๋ยวถึงเวลาที่เหมาะสมลูกของเราก็น่าจะมาเอง ท่านไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลยนี่คะที่รัก..”หลังกล่าวจบเธอก็หอมแก้มเขาด้วยความมันเขี้ยว ฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้วถึงสองฤดูแต่ท่านแม่ของเธอยังคงสุขภาพแข็งแรงดีอยู่ หลังจากที่จูเลียนแต่งงานท่านแม่ก็เริ่มกลับมาเข้าสังคมอีกครั้งหนึ่ง และในยามนี้ท่านแม่ของเธอคือท่านหญิงเอเวียที่เก่งกาจเรื่องกา
ครั้งแรกที่เขามองเห็นใบหน้านั้น เมื่อเขามองทอดออกไปยังสวนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ เขามองเห็นสตรีผู้หนึ่งซึ่งมีเรือนผมสีทองสว่าง เธอกำลังฮัมเพลงในขณะที่มือทั้งสองข้างจับไม้กวาดแล้วเริ่มกวาดใบไม้ในสวนที่แสนกว้างใหญ่ของวิหารศักดิ์สิทธิ์ สตรีผู้นั้นคือบุตรนอกสมรสของเซอร์เกรท เธอคือนางเอกของเรื่องนี้ และใบหน้านั้นแสนงดงามสมกับตำแหน่งนางเอกของเรื่องนี้จริงๆ เขาไม่เข้าใจว่าเขาเข้ามาอยู่ในร่างขององค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์ที่มีอนาคตจะต้องตายได้อย่างไรกัน แต่ในเมื่อเขาเข้ามาอยู่ในนิยายที่เคยอ่านเช่นนั้นเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะหาทางเอาชีวิตรอดความตาย เขาคิดแบบนั้นจนตัวเองได้ลิ้มรสการมีอำนาจในครั้งแรก ใช่แล้ว..คนจำนวนมากก้มหัวให้เขาในช่วงเวลาที่เขาเดินผ่าน คำสรรเสริญเยินยอพวกนั้นทำให้เขารู้สึกมีความสุขกับตำแหน่งองค์จักรพรรดิ และนั่นทำเขารู้สึกโลภขึ้นมา เขาอยากจะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั่นทำให้เขาใช้ความคิดมากมายเพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นองค์จักรพรรดิต่อไป และคนที่เขาจะสามารถพึ่งพาได้นั่นก็คือจูเลียน นางเอกของเรื่องนี้ ความประทับใจจากครั้งแรกที่เราพบเจอกันนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นมีการเรียกประชุมสภาขุนนางอย่างเป็นการเร่งด่วน แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาเมื่อคืนทำให้ชาวบ้านต่างเรียกร้องให้มีการผลัดเปลี่ยนองค์จักรพรรดิ อีกทั้งเรื่องกำหนดระยะเวลาของการครองราชย์องค์จักรพรรดิตัวแทนอย่างองค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์ก็เลยกำหนดมามากแล้ว เหล่าขุนนางมองเห็นความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าขององค์รัชทายาท การแสดงตัวเพื่อปกป้องและเยียวยาผู้เสียหายทำให้เหล่าขุนนางอดชื่นชมความเก่งกาจและมีน้ำใจของพระองค์มิได้“กระหม่อมคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะที่จะจัดงานราชาภิเษกขึ้นมา จะได้เรียกความเชื่อมั่นในราชวงศ์ของประชาชนกลับมา..”คาลอสเข้าร่วมประชุมในฐานะของท่านเคาน์แห่งอัคราฟ เขากำลังมองดูท่าทีขององค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์อยู่ พระองค์มิกล่าวคำใดออกมาเลยแม้แต่ครึ่งคำ เพราะเรื่องราวที่กำลังกดดันพระองค์อยู่นี้มันทำให้พระองค์หาวิธียืดเยื้อต่อไปอย่างยากลำบาก“พวกท่านอย่าพึ่งกดดันเสด็จอาเลยครับ เรื่องพิธีราชาภิเษกรออีกหน่อยก็ได้ ระหว่างนี้พวกเราก็ช่วยกันจับตาดูพวกชาวบ้านไม่ให้ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านราชวงศ์ก็พอ..”คำกล่าวนั้นของมาร์โคถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความเจียมตัวแต่มันคือการเน้น
มาร์โคเดินกลับมาที่แอเรียนาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับเนื้อย่างเสียบไม้ในมือ ที่สวนด้านหน้าของคฤหาสน์เขามองเห็นเพียงแค่เลดี้แอเรียนาเท่านั้น“นักบุญหญิงผู้นั้นนางหายไปไหนแล้วครับ..ข้าซื้อของมาฝากนางด้วย อ่อ..แล้วก็มีในส่วนของเลดี้ด้วยนะครับ”โอฟีเลียสูดลมหายใจเขาลึกๆ“เรามาพูดคุยกันแบบตรงไปตรงมาดีไหมเพคะองค์รัชทายาท”น้ำเสียงและท่าทีของเธอมันเริ่มเปลี่ยนไปในทันที นั่นทำให้มาร์โครับรู้ได้เลยว่าจะต้องมีเรื่องที่เคร่งเครียดรอเขาอยู่อย่างแน่นอน“ได้เลยครับ เลดี้มีเรื่องอะไรจะกล่าวก็พูดแบบตรงไหนตรงมาได้เลย..”โอฟีเลียไม่อ้อมค้อมเธอเริ่มพูดคุยเรื่องราวที่อัดแน่นอยู่ในใจออกไปเพื่อให้มาร์โคได้รับฟังอีกด้านหนึ่งของงานเทศกาล คาลอสพาจูเลียนเดินทางไปยังท่าเรือของแอเรียนา เขาส่งนางขึ้นเรือด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะไปรับเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เพราะอย่างนั้นดูแลตัวเองให้ดี..ให้เวลาเป็นเยียวยาในทุกความเจ็บปวดของเจ้า.”จูเลียนพยักหน้า เธอยกมือขึ้นมาแล้วโอบกอดท่านพี่คาลอสเอาไว้“ข้าจะกลับมาอีกครั้งในวันที่พี่ทั้งสองคนแต่งงานกันนะคะ..พี่คู่ควรกับท่านพี่โอฟีเลียผู้งดงามของข้ามากจริงๆ ทั้
จูเลียนใช้หลังมือเช็ดน้ำตา เธอเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อมองบุรุษที่ด่าเธอ และเมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเธอก็ขมวดคิ้วในทันทีองค์รัชทายาทมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน เธอไม่พร้อมและไม่อยากจะพบเจอเขาในยามนี้เลย“ยื่นมือมาสิ ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง”เขายื่นมือมาให้เธอเพื่อให้เธอวางมือลงบนมือของเขา แต่จูเลียนไม่คิดทำเช่นนั้น เธอพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นด้วยตัวเอง“ขอบพระทัยเพคะ..หม่อมฉันสบายดี เพราะอย่างนั้นขอตัวก่อนนะเพคะ”มาร์โคมองนักบุญหญิงที่ปกตินางจะดูน่ารักและสดใสอยู่เสมอในยามที่นางอยู่ข้างกายของท่านอา แต่ทว่าในวันนี้นางกลับร้องไห้ออกมาเสียงดังอย่างไม่อายใคร คงเพราะว่านางไม่คิดว่าจะมีคนอื่นอยู่ที่นี่อย่างนั้นสินะ“ข้าไปด้วยสิ ดูจากที่เจ้ากำลังมุ่งหน้าเดินทางออกไปจากพระราชวังแล้ว แสดงว่าเจ้าจะต้องกำลังออกไปเที่ยวงานเทศกาลอย่างแน่นอน ข้าก็อยากไปที่นั่นอยู่เหมือนกัน ดูสิข้าอุตส่าห์ปลอมตัวมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะ..พาข้าไปด้วยสิ”เธอมองหน้าเขาอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง“พระองค์...มีเงินไหมเพคะ..”มาร์โคหัวเราะออกมาเบาๆ“มีสิ มีเยอะมากพอสมควรเลย พาข้าออกไปแล้วข้าจะให้เงินเจ้าเอง อยากซื้ออะไรข้าจะซื้อ
“ดูเหมือนว่าข้าจะติดค้างคำขอบคุณกับท่านบารอนนะคะ ข้าขอขอบคุณที่ท่านพาข้าไปที่กลุ่มการค้าเทอรัน และขอโทษด้วยสำหรับการหลอกลวงท่าน..”บอกตามตรงว่าในใจของลีออนเขาไม่ได้อยากได้รับคำขอบคุณจากเธอเลยเพราะมันหมายความว่าเรื่องราวของเราทั้งสองคนมันจบลงแล้วยังไงละ“เลดี้จะกลับไปหาเขาอย่างนั้นหรือครับ”โอฟีเลียไม่ได้ตอบคำถามนั้นของลีออน เธอส่งยิ้มให้เขาแทนคำตอบ“หากว่าท่านบารอนมีสิ่งใดอยากให้ข้าช่วยเหลือก็บอกกล่าวมาได้เลยนะคะ ข้ายินดีที่จะช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่”ลีออนขบเม้มริมฝีปากแน่น เขามองหน้าเธอด้วยความรู้สึกเจ็บปวดอย่างไร้ที่มา อีกฝ่ายไม่ได้ผิดเลยสักนิดเดียวที่ปฏิเสธ เพราะความรู้สึกของใครก็ต้องให้คนคนนั้นรับผิดชอบเอาเอง เธอไม่ผิดที่ไม่รักเขา แต่เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดที่เขาดันไปรักเธอและคาดหวังในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้“ครับ..หากมีเรื่องที่ต้องการช่วยเหลือข้าจะไปหาเลดี้นะครับ ท่านเองก็เช่นกันหากว่าท่านมีเรื่องใดให้ข้าช่วยเหลือ..”หากว่าในวันข้างหน้าชายผู้นั้นหลอกลวงและทำให้เธอเจ็บปวดอีก“ก็มาหาข้านะครับ”โอฟีเลียก้มหน้าลงเล็กน้อย“ขอบคุณท่านบารอนมากนะคะ ข้าขอขอบคุณท่านจากใจจริงๆ”เธอกำลังท
“เพราะแบบนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อพาท่านน้าและโอฟีเลียไปบอกลาท่านแม่ของข้าเป็นครั้งสุดท้ายครับ..”อาม่อนกล่าวพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อเป็นการทำความเคารพท่านน้าของเขา“ไปสิ พาข้าไปที่วาเลเลียหน่อย ข้าเองก็อยากจะพบเจอท่านพี่มานานมากๆแล้วเหมือนกัน”โอฟีเลียลอบมองสีหน้าของท่านแม่ เธอไม่รู้ว่าท่านแม่และท่านป้ามีปัญหาที่ขัดแย้งเรื่องอะไรกันแน่ เพราะเป็นระยะเวลานานหลายปีทีเดียวที่ท่านแม่และท่านป้าไม่ได้ไปมาหาสู่กัน“ใจเย็นๆนะคะ เรื่องราวอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านพี่คิดก็ได้ค่ะ”โอฟีเลียตบบ่าของอาม่อนเบาๆด้วยความเป็นห่วง“ข้าเองก็พยายามอย่างยิ่งที่จะคิดเช่นนั้น แต่ทว่าคนเราต้องอยู่กับความเป็นจริง โอฟีเลีย ท่านแม่ของข้าล้มป่วยมานานมากพอสมควร และท่านควรจะ..หลุดพ้นจากความทรมานพวกนั้นเสียที”เธอส่งยิ้มให้กับท่านพี่อาม่อนเพื่อให้กำลังใจเขา พี่ผู้ไม่ได้เรื่องของเธอในวันนี้เขากลับหยัดยืนขึ้นมาและแข็งแกร่งมากกว่าเดิมเพื่อปกป้องตระกูลวาเลเลียที่เขารัก น่าชื่นชมอยู่เหมือนกันเราขึ้นรถม้าแล้วเดินทางมาที่คฤหาสน์วาเลเลีย ที่นี่มีบรรยากาศไม่แตกต่างจากที่เอเวีย มาครั้งสุดท้ายเมื่อเจ็ดปีก่อนเลย ทุกอย่างเหมือน
“ข้าไม่เคยรู้สึกอยากฆ่าใครขนาดนี้มาก่อนเลย ให้ตายเถอะ”คาลอสรีบคว้าตัวของโอฟีเลียมากอดเอาไว้ เพราะเธอทำท่าทางราวกับจะบุกไปที่พระราชวังให้รู้แล้วรู้รอดไป“เราต้องใจเย็นก่อนครับที่รัก เพราะสิ่งที่ข้าเล่าไปทั้งหมดมันแค่มาจากการคาดเดาของข้าเท่านั้นเอง ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเลยว่าองค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์กำลังหลอกใช้จูเลียน และหลอกใช้เราด้วย”เธอหลับตาลงช้าๆเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง โอฟีเลียแทบไม่เชื่อหูตัวเองในยามที่เธอได้ยินสิ่งที่คาลอสเล่าออกมา เธอคิดว่ามันแปลกที่องค์จักรพรรดิไม่ยินยอมเลือกที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อจูเลียนเลย มันเหมือนกับว่าน้องสาวของเธอไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเลย แล้วมันก็เป็นไปตามที่เธอคิดจริงๆอย่างนั้นสินะ หมอนั่นไม่ได้รักจูเลียนเท่าที่เขาจะสามารถยินยอมเสียสละอะไรเลยมันแปลกตั้งแต่การพบเจอที่ไม่คาดฝันขององค์จักรพรรดิและจูเลียนแล้ว เขาพยายามเข้าหาจูเลียนแล้วร้องขอให้นางอยู่ที่พระราชวังกับเขาเธอไม่อยากจะคิดแบบนี้เท่าไหร่นักแต่..บางที ในบางทีซิลเวสเตอร์อาจจะเป็นเหมือนกันกับเธอ เขาอาจจะเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้เหมือนกันกับเธอก็ได้ เราทั้งคู่ต่างมีจุดจบคือความตายและเขาพยายามจ
นั่นไม่ใช่คำถามเลยแม้แต่นิดเดียว แต่มันคือการประกาศอย่างชัดเจนว่าเขาควรจะอยู่ฝ่ายเดียวกันกับองค์รัชทายาท ไม่อย่างนั้นในช่วงเวลาที่พระองค์ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ สิ่งแรกที่พระองค์จะทรงกระทำนั่นคือการจัดการเทอรันให้ย่อยยับ “เรื่องนั้นฝ่าบาทน่าจะได้คำตอบอยู่ในใจของพระองค์ไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ การที่กระหม่อมมาปรากฏตัวที่นี่ มันยังไม่เพียงพอที่จะยืนยันความภักดีของกระหม่อมเลยหรือ?”มาร์โคหัวเราะชอบใจ“แน่นอนว่ามันยังไม่เพียงพอเท่าไหร่นัก ข้าต้องการมากกว่านั้น ต้องการมองดูการแสดงความภักดีของเจ้าให้ลึกซึ้งลงไปมากกว่านี้ ข้าต้องการตำแหน่งขององค์จักรพรรดิมาถือครองเอาไว้ เข้าไปนำมันมาให้ข้าหน่อยสิ..หากว่าเจ้าทำได้ข้าจะเชื่อถือในความภักดีของเจ้าก็แล้วกัน”ไม่แตกต่างจากที่คิดเอาไว้เท่าไหร่นัก“ฝ่าบาท..ตำแหน่งองค์จักรพรรดินั้นจะเป็นของพระองค์อย่างแน่นอนในอีกสองปี แล้วเหตุใดต้องเร่งรีบในเมื่อมีช่วงเวลากำหนดตายตัวอยู่แล้ว”มาร์โคหัวเราะเย้ยหยันด้วยความดูถูก“เจ้าขี้ขลาดหรือ? น่าเสียดายที่ข้าตั้งความหวังกับเจ้าเอาไว้มากมาย งานนี้มีคนอื่นพร้อมจะทำเพื่อข้าเยอะแยะเต็มไปหมด เพราะพวกเขาล่วงรู้ถึงผลประโยชน์ที่