วรากร วิ่งออกจากห้องนอนด้วยความเร่งรีบมัวแต่เขียนนิยาย วันนี้มีการลดราคาหนังสือ เที่ยงวันยันเที่ยงคืน แต่ประเด็นคือเธอดันจำวันผิดนี่ก็เหลืออีกไม่ถึงสองชั่วโมงจะหมดเวลาแล้ว คว้ากระเป่าถือวิ่งเร็วรี่ แต่ยังไม่ทันจะไปถึงไหน ก็ก้าวพลาด กลิ้งลงมาจากบันไดชั้นบนเสียงโครมคราม
“โอ๊ยเจ็บจังเลย ขาหักไหมนี่” คลำขาตัวเองปรอยๆ รู้สึกเจ็บแปลบๆ กระแทกลงมาอย่างจังขนาดนั้นก้นกบพังไปแล้วม้างงงT_T ก้มลงมองขาตัวเองใช้มือบีบเบาๆ สายตานับสิบคู่มองมาที่วรากร ตอนนี้เองที่เธอรู้แล้วว่าไม่ใช่ที่บ้าน
“นางเป็นใคร ใครกัน ใครเนี๊ยะ” กวาดตามองรอบๆ
“เฮ้ย ที่ไหนเนี๊ยะ” ลองหลับตาดูลืมตายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดชาวจีนโบราณ รายล้อมรอบตัวเริ่มทะยอยเดินหายไปที่ละคนสองคน เสียงฝีเท้าม้าควบตรงเข้ามา วรากรเตรียมลุกแต่ไปไม่รอด ดันไปขว้างทางม้าแรงฉุดจากคนบนม้า ดึงร่างเล็กของวรากรลอยละลิ่วขึ้นไปนั่งบนหลังม้า
“เฮ้ย” หันหน้าหันหลังร่างแนบชิดกับคนบนหลังม้าใบหน้าเฉยชาแต่หล่อลากไส้ ใครวะ@_@
“เฮ้ยนี่มันพระเอกนิยายชัดๆ O_O” ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปวาด ริมฝีปากเรียวบาง คิ้วดกหนา ตาคมเข้มมือเรียวบางเหมือนผู้หญิงที่กระตุกบังเหียนม้าให้วิ่งช่างดูมีเสน่ห์ ผมยาวสลวยถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง แพ้ผู้ชายผมยาว หน้าขาวปากสีขมพู ซิกแพ็คโผล่ออกมาจากอกเสื้อ มาถูกทางแล้วพระเอกหล่อ แต่…..
“เฮ้ยไม่ได้กำลังเขียนนิยายจีนย้อนยุค กำลังจะไปงานหนังสือแต่ทำไมมาอยู่ตรงนี้” ขยี้ตาแรงๆ คนบนหลังม้า กำลังพยายามหนีมือสังหารแต่วรากรกลับ มองสำรวจรอบๆ หันซ้ายหันขวา
“นั่งนิ่งๆ ไม่อย่างนั้นข้าจะเหวี่ยงเจ้าลงไป” เสียงทุ้มนุ่มหูทว่าน้ำเสียงแกมหยิ่งนิดๆ
“ฆ่ามัน!” เสียงฝีเท้าม้านับสิบไล่ตาม วรากรหันไปมองพวกข้างหลัง นี่มันถ่ายซีรีส์จีนหรืออย่างไร
ม้าพาวรากรและ คนหล่อเข้าไปในป่าไผ่ม้าเดินวนไปมาไม่กล้าวิ่งต่อ เมื่อถูกล้อมกรอบด้วยมือสังหารนับสิบ คนบนหลังม้าทะยานขึ้นไปซ่อนตัวบังใบไผ่ไว้ วรากรร่วงตุบลงกับพื้นก็เธอ ขี้ม้าไม่เป็น ก็เจ้าม้าตัวดีดันยกขาหน้าขึ้นปล่อยวรากรไหลลงจากหลังม้าแม้จะพยายามจับหางม้าไว้ก็ตาม ยิ่งทำให้เจ้าม้าตกใจวิ่งหนีเตลิดไปไกล ฉากการต่อสู้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือดเมามันส์ เสี่ยงกระบี่ในมือของแต่ละคนกระทบกันดังจนแสบแก้วหู คนหล่อของวรากรเก่งเหลือเกิน สามารถต่อกรกับมือสังหารได้นับสิบ ขบวนท่าสวยงามพลิ้วไหวเหมือนกับนักแสดงชื่อดังที่ฝึกฝนมาอย่างดี วรากรปรบมือชอบใจรู้สึกเหมือนเชียร์มวย หายไปหมดจนเหลือคนสุดท้ายกำลังประจันหน้ากัน พระเอกนิยายของวรากร สะบัดกระบี่เป้าหมายคือลำคอของฝ่ายมือสังหารแต่ฉับพลันนั้นเองร่างบางสวยของใครบางคน ถูกดึงเข้ามาเป็นเกราะกำบัง ใบหน้างดงามหวานละมุนตา เอวคอดกิ่วผมยาวพลิ้วไสวตามแรงสะบัด นางเอกนิยาย
พระเอกนิยายไม่กล้าลงมือ
“ปล่อยนาง” สุดท้ายก็เปล่งคำพูดออกมาหลังจากที่สงวนท่าทีตั้งนาน
“อย่าเข้ามาไม่อย่างนั้นนางตาย”
“ข้าไม่รู้จักนาง ไม่ใยดีว่านางจะอยู่หรือตาย” ยังคงจี้กระบี่ไปที่มือสังหารถึงจะพูดแบบนั้นก็ตาม วรากรใจเต้นต้องแก้ไขสถานะการตามแบบของเธอมองหาก้อนหิน
หญิงงามเชิดหน้า ไม่มีอาการหวาดกลัว อย่างนี้สินางเอกของเรา พระเอกของเราจ้องตาไม่กระพริบทะยานขึ้นไปข้างบนวรากรขว้างก้อนหินแม่นเหมือนจับวางตรงเป้ากางเกงของมือสังหารพอดี กระบี่หลุดมือลงไปนั่งคลำเป้า พระเอกใช้กระบี่แทงฉึกเข้าที่อกไม่รอด นางเอกจะเป็นเพราะเห็นเลือดหรืออะไรไม่ทราบได้เป็นลมหมดสติร่างทรุดลงไปแต่ยังไม่ทันกองกับพื้นคนหล่อรับไว้ทัน หันมา กล่าวคำขอบคุณวรากร
“ขอบคุณแม่นาง” วรากรยิ้มแหยๆ เดินกระเผลกๆ เจ็บขาเหมือนกันไหนจะตกบันไดไหนจะตกม้า รวบร่างบางของคนสวยที่หมดสติไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพาไปวางบนพื้น จัดแจงปฐมพยาบาลวรากรมองคนทั้งสอง
“ข้า หลวนคุนมือปราบของวังหลวง ยินดีที่รู้จัก แม่นางแซ่อะไร”
“เอ่อ...แซ่อะไรดีวะนึกไม่ออก แซ่จางแล้วกัน”
“แม่นางเป็นบุตรีของไต้เท้าจางนี่เอง” ใต้เท้าจางไหนวะ
“ข้าต้องรั้งอยู่ที่นี่รอนางฟื้นก่อน หากจะกลับก็เชิญแม่นางเดิน ไปทางนั้นได้เลย” @_@ จะบ้าเหรอกลับไปไหน กลับไปไหนได้“คือข้าช่วยเช็ดตัวให้นางดีกว่า” หลวนคุนฉีกชายเสื้อของเขาให้วรากรจุ่มน้ำเช็ดหน้าให้คนสวย หลวนคุนนั่งมองหน้านางเอกด้วยแววตาพึงพอใจ วรากรอมยิ้มคนสวยต้องคู่กับคนหล่อสักพักนางเอกก็รู้สึกตัว ขณะที่วรากรนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีพร้อมกับบีบนวดขาตัวเอง หลวนคุนรีบพยุงนางลุกขึ้นนั่ง“แม่นาง ท่านได้สติแล้ว” ดวงตาตื่นตกใจ ดึงรวบเสื้อผ้าที่วรากร คลายออกให้มันหลวมจนตึง“อย่า ๆ ๆ อย่าเข้ามานะ ท่านทำอะไรข้า แล้วใครเช็ดตัวให้ข้า” (บทนางเอกมาละ) หลวนคุนยิ้มบาดใจขำในท่าทางหวงเนื้อหวงตัวของนาง“แม่นาง คนอย่างข้า มีหญิงงามมากมาย ยอมเสนอตัวไม่จำเป็นต้องมาทำเรื่องเช่นนี้” นี่สิพระเอก555วรากรยิ้มมุมปากหุหุหุนางเอกค้อนวงใหญ่“นางเป็นคนเช็ดตัวให้เจ้า” บุ้ยใบ้มาทางวรากร ที่โบกมือหยอยๆ อยู่ห่างออกมา^_^ความเพื่อนนางเอกก็มา“ข้าหลวนคุน หัวหน้ามือปราบของวังหลวง” @_@ทีกับหญิงงามแล้วหัวหน้ามือปราบ อิ_อิ“ฝานอิงหลิว ขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยเหลือ” กิริยาอ่อนหวานงดงาม เหมือนกับถูกฝึกปรือมาอย่างดี“เหตุใด
“พี่สาวไม่คุ้นชินการแต่งกายเพียงลำพัง คงเคยกับการมีสาวใช้ข้างกาย อิงหลิวอาสาแต่งกายให้ท่านเอง” เวรกรรมQ_Qหลวนคุนมอง อิงหลิวด้วยสายตาที่มีแววประหลาด ผสมกันไประหว่างความพึงพอใจ และสายตาหวาน นับว่าวรากรเดาไม่ผิด ใครเห็นก็ต้องชอบ อิงหลิวสวยออกปานนั้นอาหารเย็นถูกจัดวางจนเต็มโต๊ะ วรากรตื่นตาตื่นใจ เขากินกันแบบนี้ใช่ไหม ของชอบทั้งนั้นอิงหลิวคีบส่งสิ่งของเข้าปากอย่างกับจะดมไม่ตระกละมูมมาม วรากรเลียนแบบบ้างแต่ก็ไม่เหมือน หลวนคุนคีบอาหารส่งให้อิงหลิวนางยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่ามองที่สุดหลวนคุนเผลอยิ้มตาม“แม่นางชินอี้ มีอะไรเกี่ยวพันกับใต้เท้าจาง” สายตาคาดคั้น เอาแล้วไงใต้เท้าจาง อุตส่าห์หาแซ่ที่มีคนใช้เยอะที่สุดในประเทศจีนยังไม่วาย“คือๆ ๆ ๆ ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวพันหรืออาจจะเกี่ยวพันก็..ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด พ่อชื่อจางเชียะโหยว่ ….แม่ชื่อจางเหมียน (ดารารุ่นใหญ่ของฮ่องกง) อยู่ห่างเมืองนี้ไปหลายพันลี้” หลวนคุนขมวดคิ้ว“แล้วทำไมถึงมาถึงที่นี่ได้”“ข้าหลงมา ..หา….คนบางคน…. ใช่ๆ ๆ พี่ชายขัา... หายตัวไปเราพลัดหลงกัน ข้าจึง... ออกตามหาเขา”๑_๑“มิน่า การเดินทางฝึกฝนคน แม่นางจึงสามารถขว้างหินแม่นอย่างกับจ
“คนร้าย ลงมือโหดเหี้ยมฆ่าแล้วยังควักหัวใจ ข้าตามมันไปแต่ไม่ทัน หายไปอย่างกับล่องหนได้” หลวนคุนบอกกับทุกคน“คนร้ายอำมหิตเกินมนุษย์ นายท่านพอจะมีเบาะแสหรือไม่” คนรับใช้ชายนายหนึ่งถามขึ้น“ข้าเห็นมันก็ตอน ที่วิ่งเข้าห้องแม่นางชินอี้ ดีที่ไม่ได้ทำร้ายแม่นางชินอี้อีก แต่ตามอย่างไรก็ไม่ทันหายไปกับตา เพิ่มเวรยาม ให้มากขึ้นตรวจตราให้รอบ จนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้ คืนนี้แยกย้ายกันได้แล้ว ศพของเสี่ยวเอินนำไปไว้ที่ด้านนู้นรอข้าชันสูตร” น้ำเสียงห้าวหาญบุคลิกของผู้นำ ที่น่าชื่นชม หันมาทางวรากร“แม่นางชินอี้คงตกใจไม่น้อย”วรากรโบกมือ“ไม่ไม่ ไม่เป็นไรข้าไปนอนดีกว่า” เดินหลบออกมา ตรงนั้นจึงเหลืออิงหลิวกับหลวนคุนสองคน อิงหลิวหลบตาคมของหลวนคุนที่จ้องมอง เดินมาทำทีพยุงวรากร หลวนคุนอมยิ้มตะโกนตามหลังทั้งสองสาว“ไม่ต้องกลัว ข้าจะดูแลความปลอดภัยให้เอง ปิดห้องของแม่นางทั้งสองให้ดีข้าจะให้เวรยามคอยตรวจตราหน้าห้องแม่นางทั้งสองอย่างเข้มงวด”วรากรถอนใจโล่งอกหรืออะไรไม่ทราบได้เช้าสดใส วรากรมองออกไปนอกหน้าต่างรู้แล้วว่านี่คือความจริงไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด ยังอยู่ตรงนี้ที่เดิมอยู่บนแท่นนอนที่เดิม มีน้อยเรื่องนิยายย้
ที่ลานธนูอย่างที่วรากรคิด หลวนคุนโอบอิงหลิวสอนนางยิงธนูอย่างแนบชิดอิงแอบมองไปก็ฟินไม่น้อย เหมือนในนิยายที่เขียนไว้เลย“หนึ่งสองสาม ปล่อย”อิงหลิวปล่อยลูกดอกออกตามคำสั่ง ลูกดอกพุ่งเข้าสู้เป้าหมายเปะ ไม่มีหลุดกรอบ วรากรปรบมือเสียงดัง หลวนคุนหันมามองวรากรมีอะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้น แววตาเหมือนจะบอกอะไร วรากรก้มหน้ามองพื้น หลิ่งจือ มองทั้งหลวนคุนและอิงหลิวแต่ไม่มีปฏิกิริยาใดใด อ้าวเฮ้ยผิดบท หลิ่งจือยังตัวติดกับวรากรแจ“แม่นางชินอี้ถ้าไม่รังเกียจ เชิญพำนักที่บ้านของท่านพ่อข้า”ชวนจริงจัง“นางพำนักที่นี่ดีแล้ว ข้าดูแลนางเอง”อ้าวเฮ้ยแย่งกันความหึง หรือวะก็มาด้วย@^@“ท่านพ่อนับว่าเป็นขุนนางระดับสูงหากจะปล่อยให้คนแซ่เดียวกัน ระเหเร่ร่อนก็ไม่เหมาะนัก”ไปกันใหญ่“พี่สาวอย่าไปเลยนะ อิงหลิวไร้ญาติขาดมิตรเห็นพี่สาวเป็น ญาติเพียงคนเดียวในตอนนี้”จริง จะช่วยให้พระเอกนางเอกสมหวังจะหนีไปอย่างไง“เห็นแก่อิงหลิว ข้าไว้หาโอกาสไปเยี่ยมใต้เท้าจาง จะดีกว่าตอนนี้ไม่อาจรบกวน”หลิ่งจือทำหน้าสลด“เช่นนั้น ข้าขอเป็นแขกประจำที่บ้านของท่านจะได้ไหม”ประโยคสุดท้ายหันไปทางหลวนคุน“ไม่ได้”วรากรรีบตอบแทน“ได้ข่าวว่าแม่นางตาม
“ไม่เป็นไร ข้าอยากลองมาหาอะไรทานเอง” สาวรับใช้ไม่ได้เซ้าซี้อะไร วรากรเธอจึงถือโอกาส หาของกินที่มีในครัวมานั่งกินที่ม้านั่งหน้าโรงครัวนั่นเองมีแต่ของชอบของวรากรไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้จีนหรือปลาแห้ง กินไปอยู่ๆน้ำตาก็ไหลคิดถึงบ้านคิดถึงน้ำพริกปลาทูคิดถึงข้าวหอมมะลิร้อนๆ ที่หอมที่สุดอร่อยที่สุด“ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมพอให้หันไป (O) ใครวะ รูปร่างสูงโปร่งแต่ขาวมากไปหน่อยของคนที่มองมา ใบหน้าหล่อเหลาก็จริงแต่มีบางอย่างที่วรากรไม่ชอบใจนักในสายตาคมนั้น แววหยิ่งทะนงนั่นเอง เหลือบมองเห็นป้ายหยกแกะสลักสวยงามที่ห้อยอยู่ข้างเอวหนา เสื้อผ้าถูกตัดอย่างประณีตบ่งบอกว่าไม่ใช่คนธรรมดา พระเอกมาแล้วพระรองมาแล้วอันนี้พระอะไรดี แต่ใครสนอะ กำลังเศร้าๆ อยู่T_T“แม่นาง ขอโทษที่มารบกวนการกินของแม่นางไม่ทราบแม่นางเป็นใคร”“เรื่องอะไรท่านเป็นใครทำไมข้าต้องบอกเสียมารยาทคนกำลังกินดันมากวนใจได้” คนถามยิ้มมุมปากท่าทางยียวน“หญิงงามบ้านนี้ ช่างกล้าหาญนัก” เอื้อมมือเชยคางวรากรที่สะบัดคางหนีมือใหญ่“องค์รัชทายาทโปรดอภัย แม่นางชินอี้นางมาจากต่างแคว้นไม่รู้ธรรมเนียมของที่นี่” หลวนคุนโผล่มาจากไหนพร้อมกับ อิงหลิว“ชินอี้555แม้นางไม่
มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าหรือว่า อ๋อจริงสิตอนนี้วรากรอาจเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่หายไป 555นึกออกแล้ว นางรอง (หรือตัวโกงวะ เรื่องนี้ไม่ยักกะมีตัวโกง) ในเมื่อเคยคิดไว้แค่พล็อตเขียนไปไม่กี่บรรทัดแค่ตอนที่นางเอกพบกับพระเอกที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นยังไม่ได้คิดต่อไป พระเอกเคยช่วยนางเอกไว้ ว่าแต่ก็สมบูรณ์แบบแล้วนี่ หลวนคุนช่วยอิงหลิวแล้วพระรองกับนางรอง ยังไม่ได้คิดว่าต้องเป็นใครอย่างไร แต่ตามบทพระรองต้องซัพพอตนางเอกนี่หลวนคุนยืนกอดอกมองอยู่ห่างๆ“ชินอี้อีกอย่างข้าอยากชวนเจ้าไปพบท่านพ่อ ...ข้าเล่าเรื่องของเจ้าให้ท่านพ่อฟังท่านพ่ออยากพบเจ้ามาก” ซวยแล้ว แซ่จางอะไรนี่ก็กุขึ้นมา“คือๆๆ ไว้ เจอกันวันเทศกาลไหว้พระจันทร์เลยทีเดียวดีกว่า” หลิ่งจือยิ้มบริสุทธิ์“แล้วแต่เจ้าเลย แค่เจ้ายอมไปตำหนักองค์รัชทายาทพร้อมข้าก็ดีใจแล้ว” หาทึกทักเอาเองใครจะไปพร้อมแกเห็ดหลินจือ“นางเป็นคนของบ้านข้า เช่นนั้นต้องไปพร้อมข้าถึงจะถูก” มาอีกคน เฮ้อ#_#เวงๆๆ ทำอย่างไรดีอุปาทานหมู่หรือเปล่าสงสัยต้องลดบทบาทตัวเองลงบ้าง“คือข้าไม่สบาย เป็นลมดีกว่า” หลิ่งจือรับร่างบางไว้ทัน สบตา หวานเยิ้ม โอ้มายก๊อด วรากรหลับตาปี้ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด
“นั่งลง ๆ” หลวนคุนตะโกนลั่น อิงหลิวหน้าเสียจับขอบเรือไว้ด้วยมือทั้งสอง วรากรจงใจเหยียบเรือข้างหนึ่งให้เอียงก่อนที่เรือจะคว่ำ คนทั้งสามร่วงลงสู่พื้นน้ำที่เย็นเฉียบ หลวนอิงปล่อยไม้พายมองหาสองสาว วรากรกระหยิ่มใจใจเดี๋ยวต้องไปช่วยอิงหลิวตามแผน วรากรพยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง อิงหลิวว่ายน้ำไวมากจนถึงฝั่งไปแล้ว แต่วรากร ….กรรมดันเป็นตะคริวที่ขาเพราะน้ำเย็นจัด จมลงสู่พื้นน้ำพยายาม ที่จะโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำแต่ยิ่งดำดิ่งลงไปเกือบจะหมดลมหายใจ ภาพที่ตัวเองตกบันไดลงไปจากชั้นสอง ข้างล่างนั้นน้องชายเขย่าร่างที่ไม่ไหวติงด้วยแรงทั้งหมด กิริยาของน้องชายคือตะโกนเสียงดังลั่น แต่วรากรไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อยแม่กับพ่อที่พากันวิ่งมาดูวรากร อยู่ๆน้ำตาก็ไหลเกือบจะหมดลมนั่นเองหลวนคุน ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ใบหน้า รางเลือนในน้ำนั่น พยายามจะเข้ามาหาวรากร สติดับวูบลงไปทันทีกลืนน้ำเข้าไปเต็มกระเพาะริมฝีปากรับรู้ถึงการถูกสัมผัส ลมหายใจอุ่นๆ ถูกส่งผ่านมายังริมฝีปาก หลวนคุนกอดดึงร่างขึ้นสู่ผิวน้ำเย็นยะเยือก สะดุ้งสุดตัว รู้สึกแน่นท้องกินน้ำจนอิ่ม พยายามจะอ้วกแต่ไม่มีอะไรออกมา อิงหลิวลูบหลังลูบไหล หลวนคุนยืนมองผ้าห่มผืนหนา
“พี่สาวสี โอโรสขับผิวพี่สาว หรือว่าสีแดงเหมือนข้าดี สีเหลืองไหมรับรอง หนุ่มๆ มองกันจนตาไม่กระพริบ”“555มองเพราะสมเพช นะสิคงคิดว่าทำไมขี้เหร่ขนาดนี้”“ไม่นะ อย่างน้อยตอนนี้บ่าวก็บอกว่าหลิ่งจือมายืนรอพี่สาวหน้าบ้าน” วรากรยิ้มจางๆหลวนคุนยืนอยู่ข้างนอกนั้น พร้อมกับกล้องไม้ใบใหญ่ ยืนเคาะประตูทั้งๆที่มันเปิดอยู่วรากร เพียงแค่เหลือบตามองก่อนจะแกล้งเดิน ไปหาเลือกชุด“ข้าให้เจ้าแม่นางชินอี้สวมมันเสียวังหลวงหาใช่ที่จะแต่งกายตามใจ” อิงหลิวเดินมารับ หลวนคุนหันหลังกลับทันที อิงหลิวถือวิสาสะเปิดกล่องออกดู เสื้อสีชมพูปนขาวบางเบางดงาม อิงหลิวทำตาโต"พี่สาว สวยจริง ๆ คุณชายหลวนคุนมีน้ำใจกับเราสองคนเหลือเกิน” วรากรยิ้ม^_^ไม่มีบทฮาๆ ในเมื่อเข้าหน้าเขาไม่ติด อิงหลิวเดินมาถอดชุดของ วรากรออกสวมชุดใหม่ให้ทันทีใครอีกคนในกระจก ใบหน้าสวยใส ริมฝีปากสีเดียวกับชุด ผมถูกกล้าครึ่งหัวปล่อย ด้านหลังยาวสลวย อิงหลิวค่อยๆ ปักปิ่นหยกสีแดงให้ หันตัววรากรไปมา“พี่สาวสวยที่สุดเลยคืนนี้ ข้าน้อยขอคารวะ” อิงหลิวย่อตัวทีเล่นทีจริง วรากรยิ้ม“สู้เจ้าได้หรือน้องสาว ประเมินข้าสูงไปแล้ว”หัวเราะพร้อมกัน“หากความกังวลในใบหน้าหายไป
“ช่วยด้วยค่ะ น้องจมน้ำ ๆๆๆๆ” แต่เสียงลมทะเล ดังเสียจนกลืนเสียงของวรากรหายไปกับลมเวรล่ะ!_!เด็กฝุบโผล่อยู่ในน้ำ เด็กชายลุกขึ้นยืนคลานมาบนพื้นทราย แต่เด็กหญิงยังโดนคลื่นดูดลากออกไปเรื่อยๆ วรากรลุยน้ำลงไปจนชุดเปียก ชุดกี่เพ้าฟิตเกินจะทำอะไรได้ ได้แค่ยืนตรงๆ ก็ยากแล้ว เดินลงหมายฉุดเด็กหญิงให้ขึ้นมาแต่โดนคลื่นซัดจนล้มลงเช่นกันกลืนน้ำทะเลเค็มปี๋ กับทรายที่ซัดเข้าใสใบหน้าที่แต่งไว้ เสื้อผ้าเปียกไปทั้งตัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ลึกขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงครู่เดียว วรากรก็กินน้ำจนเกือบอิ่ม แทบจะขาดใจอยู่แล้ว อยู่ๆ ร่างบางก็ถูกยกพ้นผิวน้ำ โดยใครบางคนแต่วรากรหมดสติไปเสียแล้ว ร่างบึกบึนของชายหนุ่มนักแสดงสามคนที่เปิดเผยใบหน้าไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเหมือนเดิมอีกแล้วคือไท่จือ หลวนคุน และหลิ่งจือนั่นเอง หลิ่งจืออุ้มเด็กหญิงตัวน้อย ไท่จือและหลวนคุนช่วยวรากรให้ขึ้นมาบนหาดทรายมีคนมารุมล้อม เสียงผู้คนวิภาควิจารย์กันดังระงมยามฝั่งกันคนออกไปแจ้งหน่วยกู้ชีพนำวรากรส่งโรงพยาบาลบนเตียงสีขาว ภาพข่าวในโทรทัศน์ที่ผนังห้อง“นักแสดงไต้หวันสามคนช่วยเด็กหญิง และแฟนคลับจมน้ำขึ้นมาอย่างปลอดภัย” วรากรนอนม
รายการจบไปแล้ว แม้แต่หน้าก็ยังไม่เห็นรูปก็ไม่ได้ถ่าย มีแต่วรานนท์ที่ปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ถ่ายรูปกับคนนู้นคนนี้ เหมือนกับตัวเองเป็นดาราเสียเอง วรากรถูกแฟนคลับดันออกมาอยู่รอบนอก ดีนะแอบกินอะไรไปบ้างตอนกล้องหันหนี เลยค่อยยังชั่ว ไม่หิวเท่าตอนที่มาใหม่ๆ บอดี้การ์ดคุ้มกันสามหนุ่มนักแสดงให้ไปขึ้นรถทั้งสามเดินตรงมาที่วรากร เสียงกรีดยังลั่นไปทั่วบริเวณ หนึ่งในสาม ล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทั้งสามมายืนชิดวรากรคนหนึ่งล็อกคอ อีกคนทำท่าเหมือนจะจุ๊บแก้ม อีกคนใช้ศอกเท้าไปที่ไหล่บางถ่ายเซลฟี่ แฟนคลับวีดว้าย บอดี้การ์ดกันแฟนคลับออกไป ภาพเซลฟี่ที่วรากรทำหน้าเหลอหลากับสามหนุ่มไต้หวันที่กำลังโด่งดังถูกโพสน์ลงไอจีทันที หลายคนเปิดวาร์ปหาที่มาที่ไปของวรากร“พี่ดังแล้ว กระแสดีมากเลยนี่ ผมเข้าดูมีกระแสชื่นชมว่าพี่น่ารัก บางคนก็ฟินก็ฝันไปตามเรื่อง รายการก็ปังดาราก็รุ่งแถมพี่ยังจะได้มีกระแสไปตามเขาด้วย” วรานนท์ตื่นเต้นดีใจ“พรุ่งนี้ เช้าครับเดินทางไปภูเก็ตถ่ายอีกรายการหนึ่ง อย่าลืมนะครับ คุณต้องไปผมขอเบอร์ติดต่อด้วย” ผู้ควบคุมรายการยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้วรากร วรากรบอกเบอร์ของตัวเอง ผู้ควบคุมรายการยกมือขึ้นโบกก่อนจะจาก
เช้า ที่อากาศขมุกขมัวเต็มไปด้วย ฝุ่นควัน วรากรนึกถึง เกล็ดหิมะที่โปรยปราย สีขาวสะอาดตายามสูดลมหายใจเข้าไปความชื่นในอากาศทำเอา รู้สึกเย็นจับใจ“พี่ นนท์ว่าเรากินข้าวก่อนดีกว่าหิวมากเลย"“กินไรดีอะ”วรากรถาม“ไม่รู้”“ กินอาหารจีนไหม”วรานนท์มองหน้า“ฮั่นแน่ ชักจะชอบอะไรที่เป็นจีนๆ แล้วดิ”วรากรทุบกลางหลัง“เปล่าแต่พี่มีร้านแนะนำ”อีกคนยิ้ม“ไปๆๆ นำเลย”วรากรเดินนำร้านอาหารจีนขึ้นชื่อคนถึงกับต่อแถวเข้าคิวรอกิน วรานนท์ส่ายหน้าไปมา“คนเยอะจังพี่”“ของเขาดีจริง รอหน่อยอีกไม่กี่คนใจเย็น”นั่งสไลค์โทรศัพท์รอ แบบใจเย็นความจริงไม่หิวเท่าไหร่ถ้าไม่ติดน้องชายวรากรยังคงไม่กินแน่ขณะนั้นเอง นักแสดงไต้หวั่นชื่อเสียงโด่งดังทั้งสามคนต้องมาถ่ายทำรายการโปรโมตร้านอาหารจีนและแหล่งท่องเที่ยวในไทย บอดี้การ์ด วิ่งวุ่นเคลียร์พื้นที่กันวุ่นวายโต๊ะและเก้าอี้สนามถูกนำมาวางไว้ในมุมที่สวยที่สุดของร้าน กันคนที่ต่อแถว ให้ออกมายืนอีกทาง ตากล้องถ่ายเอาคนที่เข้าแถวรอกิน อาหารจีน ด้วยแถวที่ยาวเหยียดเป็นการการันตีว่าอาหารจีนร้านนี้เป็นต้นตำรับและอร่อยจริง วรานนท์มองสาวๆที่ตามมาชูป้ายไฟและกรี๊ดกันสนั่น วรากรส่ายหน้าเบื่อหน่าย
“ไม่ชอบ พี่ขอดูพวกเขาในซีรีส์ก็พอ ออกมาดูข้างนอกไม่หล่อ ชอบหนุ่มผมยาวนายก็รู้”วรานนท์หัวเราะเสียงใส“สาวๆ งี้กรีดกันเป็นแถว นนท์คาดว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะเล็กไปเลย”“ก็รู้นายก็ไม่ได้ไปดูเขาหรอกนายไปเหล่สาวๆ สิท่า”“พอๆๆ กลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่หรือ พี่อยู่คนเดียวได้”วรากร ออกปากไล่เพราะอยากอยู่คนเดียวลองทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ในนิยายนางเอกมักจะไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเพราะกลัวเขาหาว่าบ้า แต่วรากรไม่ใช่นางเอก“นนท์นายอยู่คุยกับพี่แป็บดิอย่าเพิ่งกลับ”“อ้าวเมื่อกี้ยังไล่อยู่เลยทำไมเปลี่ยนใจไวจัง”“เอ่อน่ามีเรื่องจะคุยด้วย”“ถ้าให้ไปซื้อหนังสือให้ไม่ทันแล้ว งานเขาหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน”วรากรถอนหายใจ น้องชาย นั่งลงข้างเตียงตามเดิม“พรุ่งนี้พ่อกับแม่มาใหม่นะ หนูพักผ่อนเยอะๆ นนท์นั่งแท็กซี่กลับเองนะลูก”“ค่ะแม่ คร้าบผม”ประสานเสียงกัน“พ่อกับแม่ไปแล้วมีอะไรพูดมาอย่าบอกนะว่าแอบชอบหมอ555”แววตาทะเล้น“จริงจัง หน่อย ตั้งใจฟัง”วรากรเล่าเรื่องราวที่ ผ่านมาตั้งแต่ตกบันไดจนถึงตอนที่ฟื้นมาน้องชายตั้งใจฟัง แต่บางครั้งก็ถามอะไรที่ไม่เข้าใจอย่างเช่นเรื่องของอิงหลิวและเรื่องที่ อยู่ๆ เรื่องราว
“ใต้เท้าจางพูดไว้ไม่ผิดข้าโดนปิดหูปิดตามองไม่เห็นสิ้งที่เจ้ากระทำแม้เจ้าจะหายออกไปในยามค่ำคืนสักกี่คืนที่ข้าลืมตาตื่นมาไม่พบเจ้า แต่ข้าก็ไม่เคยหวาดระแวงจนกระทั่งวันนี้”“ฝ่าบาท ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้ฝ่าบาท มองข้าคนเดียวไม่มีสนมนางอื่น”“เจ้าคิดอย่างไรว่าข้าจะมีหญิงอื่น”“ฝ่าบาทมีสิทธิ์เลือกมากมายวันใดเบื่อหน่ายในตัวข้าย่อมหาทางมีใหม่”“ฮองเฮาเจ้าดูถูกความรักข้าเกินไปแล้ว เสียทีที่ข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮาเพื่อสื่อถึงความรักสูงสุดของข้า”“ฝ่าบาท แต่เดิมมีสนมมากมายไม่สนใจใครเป็นพิเศษ มีแต่นางแพศยานั่นเท่านั้นที่ครองใจฝ่าบาทจนข้าอิจฉานางและสุดท้ายหัวใจของนางทำให้ฝ่าบาทมีข้าคนเดียว555” ฮ่องเต้ชี้มือ สั่นระริกไปที่ฮองเฮา“เจ้ามันเลือดเย็นเป็นเจ้าเองใช่ไหมที่ฆ่านาง ข้าไม่น่ารักเจ้าไม่น่าเทิดทูนเจ้า”“ฝ่าบาทอย่าใช้คำว่ารักกับข้า ข้าขยะแขยงมันเหลือเกินแต่ก่อนนั้นฝ่าบาทเทิดทูนแต่นางข้าแค่สนมปลายแถวที่มาถึงวันนี้ได้เพราะกัดกินหัวใจนาง กลิ่นอายของนางทำให้ฝ่าบาทลุ่มหลงเช่นนั้นมีหรือฝ่าบาทจะแต่งตั้งข้าเป็นฮองเฮา” แววตาเจ็บซ้ำไม่แพ้กัน“ฮองเฮา เจ้าอย่างไงก็เป็นฮองเฮาที่ข้ารัก และถึงตอนนี้ข้าก็ยังรัก
“มีเรื่องอะไรมาหลอกข้าอีกอิงหลิว”“พี่สาวอย่าโกรธอิงหลิวเลย”“ไม่นะข้าไม่เคยโกรธ เพียงแต่เสียความรู้สึกต่อความสัมพันธ์พี่น้องของเรา”“อิงหลิวทำทุกอย่างเพราะความริษยาพี่สาว ความจริงไม่ต้องการทำร้าย” หนอยจะกินหัวใจนี่นะไม่ทำร้าย“แล้วริษยาข้าทำไม”“ริษยาเพราะคุณชายหลวนคุน มีพี่สาวอยู่ในใจเพียงผู้เดียวไม่เหลียวแลใครแม่อิงหลิวจะพยายามเพียงใดก็ตาม อีกทั้งท่านแม่ต้องการให้ไท่จือกับอิงหลิวลงเอยกันแต่ไท่จือเองกับมีพี่สาวคนเดียวในหัวใจเช่นกันทำให้อิงหลิวทำการไม่สำเร็จ หลิ่งจือก็ชอบพอท่านทุกคนหลงรักพี่สาวจนหัวปักหัวปำ” วรากรเข้าใจทุกอย่างได้ดีผู้หญิงมักจะอิจฉากัน“หลวนคุนแต่แรกมองเจ้าด้วยสายตา อ่อนหวาน”“ใช่ อิงหลิวทราบดี แต่ตั้งแต่ครั้งที่ช่วยพี่สาวจมน้ำเขาก็เปลี่ยนไปไม่เคยมองอิงหลิวด้วยสายตาแบบนั้นอีกเลย พี่สาวรู้ไหมทำไม แม้แต่รสจูบที่เขาเคยจูบพี่สาวเขายังจำมันขึ้นใจ กับอิงหลิวเย็นชาเมินเฉย หากพี่สาวไม่อยู่ที่นี่แต่แรก คุณชายหลวนคุนต้องมีใจให้อิงหลิว พี่สาวรู้ไหมคุณชายเป็นรักแรกของอิงหลิวเป็นผู้ที่มีบุญคุณกับอิงหลิวมาก่อน แต่คงเป็นด้วยสวรรค์ลิขิตไว้แล้วเมื่อิงหลิวตัดสินใจออกมาพบคุณชายพี่สาวก็
“ไม่น่าเชื่อ ทำไมมีนางจิ้งจอกสองคน”หลวนคุนถลาเข้าหาวรากร พลิกตัวไปมาซ้ายขวา“ชินอี้ เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”T_Tน้ำเสียงอ่อนโยนห่วงใย วรากรยิ้มส่ายหน้าไปมา หลวนคุนคว้ามือที่ไท่จือพันผ้าขึ้นมาดู สวมกอดวรากรไม่อายสายตาใคร“เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้วข้าดีใจเสียจริง”อิงหลิวมองการกระทำนั้นด้วยดวงตาเศร้าสร้อย“ในเมื่อมีนางจิ้งจอกสองตัวแบบนี้แสดงว่าต้องมีการแอบอ้าง ข้าคงต้องหาความกระจ่าง”ฮ่องเต้ประกาศเสียงกร้าว“ฝ่าบาท นางจิ้งจอกที่ข้าหลวนคุนจับมา เป็นตัวปลอม ไม่ใช่แม่นางชินอี้แต่พยายามกลายร่างเป็นแม่นางชินอี้”หลวนคุน พูดขึ้น“ฝ่าบาท ต้องทรงสอบสวน ท่านมือปราบหลวนคุนรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นใคร”ฮองเฮาอดไม่ได้ที่จะแย้ง สายตาแทบจะกินเลือดกินเนื้ออิงหลิว“ต้องสอบสวนอย่างแน่นอน ตอนนี้ก็เบาใจได้ว่านางจิ้งจอกไม่ได้อยู่ใกล้ไท่จือแล้ว จัดเวรยามเฝ้าสองนางไว้ให้ดี””ฝ่าบาทก็เห็นๆแล้วว่า แม่นางชินอี้ คือแม่นางคนนี้”“เจ้าเอาอะไรมาตัดสิน”หลวนคุนอึกอักจะบอกอย่างไรว่าใช้เพียงความรู้สึกและรสจูบ“”ฝ่าบาท”หลิ่งจือ และ ใต้เท้าจาง คุกเข่าประสานมือคาราวะตรงหน้าฮ่องเต้ “วันนี้ใต้เท้าจางมาถึงนี่”ฮองเฮาหน้าถอดสีเมื่อใต้เท
เส้นผมหลุดหลุยมาข้างแก้ม วรากรก้มลงพิศใบหน้าหล่อจนใบหน้าเกือบชิดกันยกมือข้างที่ไม่เจ็บหยิบปอยผมให้พ้นใบหน้าหล่อเหลา คนที่หลับสนิทอยู่เมื่อครู่คว้าข้อมือบางไว้แน่นลืมตากลมโตดำสนิทจ้องมองวรากร ยิ้มเจ้าเล่ห์“จะลักหลับข้าหรือไร” @_@วรากรกะพริบตา“อะ” ยื่นหน้ามาหลับตาพริ้ม“ให้จูบฟรีๆ เดี๋ยวเจ้าจะเก้อที่อุตส่าห์อยากจูบข้า ..แต่ ...ข้าดันตื่นมาพบเสียก่อน” วรากรค้อนขวับ“ใครบอกข้าแค่เห็นว่าไท่จือดูแลข้า คงจะอ่อนเพลีย” วรากรพูดยังไม่ทันจบ“เจ้าก็เลยจะลักหลับข้า บอกข้าดีดีก็ได้ข้าพร้อมเสมอสำหรับเจ้า” มือข้างหนึ่งคว้าต้นคออีกข้าง สอดประสานเข้าไปในมือวรากร จูบหนักหน่วงโหยหาบดขยี้ริมฝีปากกับปากบางอย่างกับอดอยากมานาน อาจเป็นเพราะเมื่อคืนต้องหักห้ามใจตัวเองทั้งคืน“ไท่...จือ..อย่าเพคะ” เสียงอู้อี้ในลำคอของวรากร“ข้าต้องการเจ้าขินอี้เป็นของข้าเถอะ” คำพูดเชยๆ ของหนุ่มจีนโบราณวรากร นิ่งงัน คำพูดแบบนี้ถึงแม้จะฟังดูธรรมดาแสนเชยแต่ก็ทำเอาใจสั่นได้ดีทีเดียว ลืมแม้กระทั่งการปฏิเสธ รสจูบยังหวาน จนวรากรไม่อาจปฏิเสธมือใหญ่สำรวจไปทั่วร่างซอกซอนเข้าไปภายใต้เสื้อผ้าปากอุ่นยังเล้าโลมไม่หยุด วรากรยังไม่เคยต้องมือ
“ยังก่อน หรือว่ากลัวต้องอยู่กับข้าลำพัง ขยับตัวเข้าใกล้มองสบตานิ่งนางแปลงกลับหลบตา หลวนคุนเชยคางมนขึ้นมาสบตาก้มลงจุมพิตปากบางเบาๆ“ใจข้าจะขาดเมื่อเจ้าหายไป” นางแปลงนิ่ง เผยอริมฝีปากออกรับรสจูบหลวนคุน เผลอตัวกอดนางแปลง ด้วยความคนึงหา ผลักร่างบางให้เอนตัวลงกับแท่นนอนมือใหญ่ลูบไล้ทั่วร่าง ร่างบางกอดรัดหลวนคุนไว้แน่น หลวนคุนขมวดคิ้ว“คุณชายหลวน” หลวนคุนผงะผุดลุกขึ้นนั่ง“ขอโทษ เจ้าพักผ่อนเถอะชินอี้” ก้าวออกจากห้องไปทันทีหลวนคุนยืนพิงประตูห้อง สีหน้างงงันรสจูบไม่หวานเหมือนกับที่เคยจูบวรากร หรือเป็นเขาที่คิดมากไปกลิ่นกายที่เคยหอม บัดนี้กลับไร้ซึ่งกลิ่นหอม รสจูบจืดชืดเหมือนคนละคน แลบลิ้นเลียริมฝีปากเป็นเขาที่คิดมากไปแน่นอน สาวเท้าเดินออกจากตรงนั้นไป นางแปลงอมยิ้มพอใจกับบทจูบของหลวนคุนยิ่งนัก แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกริษยา แสดงว่าหลวนคุนคงจะเคยทำอะไรแบบนี้กับ ร่างนี้บ่อยๆยิ้มเหยียดที่ริมฝีปาก อีกนิดเดียวหลวนคุนก็จะยอมสยบให้แล้ว คงจะเป็นเพราะความเป็นบุรุษโดยแท้จึงไม่อาจ หักหาญน้ำใจหญิง แต่จะรู้ไหมว่าคราใดที่อยู่กับวรากรหลวนคุน สุดจะห้ามใจตัวเองได้จริงๆ สักที ยิ้มมุมปากพยายามอีกนิดก็จะสมหวังแล้ว