ที่ลานธนูอย่างที่วรากรคิด หลวนคุนโอบอิงหลิวสอนนางยิงธนูอย่างแนบชิดอิงแอบมองไปก็ฟินไม่น้อย เหมือนในนิยายที่เขียนไว้เลย
“หนึ่งสองสาม ปล่อย”อิงหลิวปล่อยลูกดอกออกตามคำสั่ง ลูกดอกพุ่งเข้าสู้เป้าหมายเปะ ไม่มีหลุดกรอบ วรากรปรบมือเสียงดัง หลวนคุนหันมามองวรากรมีอะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้น แววตาเหมือนจะบอกอะไร วรากรก้มหน้ามองพื้น หลิ่งจือ มองทั้งหลวนคุนและอิงหลิวแต่ไม่มีปฏิกิริยาใดใด อ้าวเฮ้ยผิดบท หลิ่งจือยังตัวติดกับวรากรแจ
“แม่นางชินอี้ถ้าไม่รังเกียจ เชิญพำนักที่บ้านของท่านพ่อข้า”ชวนจริงจัง
“นางพำนักที่นี่ดีแล้ว ข้าดูแลนางเอง”อ้าวเฮ้ยแย่งกันความหึง หรือวะก็มาด้วย@^@
“ท่านพ่อนับว่าเป็นขุนนางระดับสูงหากจะปล่อยให้คนแซ่เดียวกัน ระเหเร่ร่อนก็ไม่เหมาะนัก”ไปกันใหญ่
“พี่สาวอย่าไปเลยนะ อิงหลิวไร้ญาติขาดมิตรเห็นพี่สาวเป็น ญาติเพียงคนเดียวในตอนนี้”จริง จะช่วยให้พระเอกนางเอกสมหวังจะหนีไปอย่างไง
“เห็นแก่อิงหลิว ข้าไว้หาโอกาสไปเยี่ยมใต้เท้าจาง จะดีกว่าตอนนี้ไม่อาจรบกวน”หลิ่งจือทำหน้าสลด
“เช่นนั้น ข้าขอเป็นแขกประจำที่บ้านของท่านจะได้ไหม”ประโยคสุดท้ายหันไปทางหลวนคุน
“ไม่ได้”วรากรรีบตอบแทน
“ได้ข่าวว่าแม่นางตามหาพี่ชาย ไว้ข้าช่วยสืบอีกทาง”
วรากรถอนหายใจยาวเหยียด
หลวนคุนอยู่บนโต๊ะหนังสือที่มีม้วนหนังสือมากมาย เขากำลังหาเบาะแสเกี่ยวกับคดีต่างๆในอดีตเขาจำได้ว่าเคยมีอยู่คดีหนึ่งที่เขาเคยได้ไปสืบหาความจริงกับอาจารย์เกี่ยวกับการตายของผู้คนในเมือง
.
ดงไผ่หนาทึบหมอกครึ้มจนมองไม่เห็นเส้นทาง คนผู้หนึ่งนอนนิ่ง หญิงสาวนางหนึ่งค่อมอยู่บนร่างในมือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด กำลังคว้กหัวใจของเหยื่ออยู่
หลังจากเหตุการณ์ที่อาจารย์และเขาไล่ล่านางปีศาจ ก็ไม่เคยมีใครถูกควักหัวใจอีกเลยจนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา
ตามบันทึกบอกไว้ว่าช่วงเวลานั้น มีผู้คนล่ำลือเรื่องจิ้งจอกเก้าหาง บัดนี้ผ่านมาห้าปีแล้ว เรื่องคดีนั้นถูกปิดลงไปเพราะเขากับอาจารย์ไม่สามารถจับคนร้ายได้ แต่ก็ไม่วายได้รับคำชื่นชมจากฮ่องเต้ เพราะอาจารย์ลงมาสืบคดีนี้เองเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวบ้านและก็ไม่มีการตายเกิดขึ้นอีก มันจึงเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ตอนที่4
นอนหลับแสนสบายบนที่นอนหนานุ่มไม่อยากลุก วรากรดันปวดฉี่ถลาไปที่ประตูกำลังจะไปห้องน้ำจำได้ว่ามันอยู่อีกฟากหนึ่งของห้องหากเที่ยบเวลาตอนนี้คงประมาณ ตีห้าเกือบหกโมงเปิดประตูสงวนท่าที เดินออกจากห้องข้างหน้านั่นสนัขจิ้งจอกขนสีขาวยืนหันหลังให้วรากร วรากรยืนมองอยู่อย่างนั้นไม่กล้าขยับตัวกลัวมันจะหนี สีขาวบริสุทธิ์ความที่ชอบหมาแมวอยู่แล้วอยากได้มาเลี้ยง ขยับขาจะก้าวเดินเข้าไปหา สุนัขจิ้งจอกตัวสีขาวปุกปุยหันมาก่อนจะทะยานออกจากตรงนั้นไปทันที วรากรถอนหายใจเสียดายหากได้มาเลี้ยงคงดี จัดการธุระส่วนตัวตัวเองเสร็จ เดินอ้อมมาอีกทางคงนอนไม่หลับเสียแล้ว เดินผ่านห้องของหลวนคุนหน้าต่างเปิดอ้าไว้ วรากรมองไปข้างใน ร่างเพรียวลม ทว่ามีมัดกล้ามหนาแน่นยืนเปลือยอกอยู่ตรงนั้น หน้าอกเต็มไปด้วยซิคแพ็คน่าลูบไล้ยืนยืดเส้นยืดสายตามแบบคนที่ดูแลตัวเองอย่างดี วรากรใจหวิวคนอะไรตื่นแต่เช้าจัง
ผิดบทๆ รีบหันหลังกลับไปอีกทาง ต้องไปเรียกอิงหลิวมาดูเคาะห้องอิงหลิวรัวๆ
“อิงหลิวเปิดประตูคือข้ามีบางอย่างจะให้เจ้าดู” อิงหลิวตามออกมาทันทีเพราะเห็นว่า วรากรร้อนรนขนาดนั้นพาไปจนถึงห้องของหลวนคุน
“ห้องท่านหลวนคุน พี่สาวพาข้ามาทำไม” ไม่เห็นอะไรก็ในเมื่อ คนหล่อไม่อยู่ตรงนั้นเจ้ายืนรออยู่ที่นี่แป้บหนึ่ง ชะโงกหน้าชะโงกหลังมองหาหลวนคุนกับซิคแพ็ค ถอยหน้าถอยหลังจน ไปชนเข้ากับร่างใหญ่ หลวนคุนเผลอกอดวรากรเต็มแรงจากด้านหลังใจไหวยวบ๑_๑ หน้าแดงสิรออะไรในเมื่อสัมผัสเข้ากับอกเปลือยเปล่าที่อบอุ่นนั้นอย่างจัง อิงหลิวมองซิคแพ็คของหลวนคุนตาไม่กะพริบ อย่างน้อยก็สำเร็จแหละวะ ขยับตัวออกจากอ้อมกอด
“แม่นางทั้งสองมีธุระอะไรกับข้า”สายตาสงสัยและต้องการคำตอบ
“เปล่าๆๆๆ ข้าเปล่าอิงหลิวมีธุระกับท่าน ลองถามนางดูเองแล้วกัน” ว่าแล้วก็วิ่งหลบออกไปหอบอยู่ข้างหลังห้อง ใจเต้นตึกตักปล่อยทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง นึกมโนว่าทั้งคู่จะคุยกันว่าอย่างไร หรือจะอายกันม้วนต้วนหรือว่าหลวนคุนจะลากอิงหลิวเข้าห้องไปเลยนะ อยากรู้จริงแต่หักห้ามใจเอาไว้ถามอิงหลิววันหลัง จากที่สังเกตอิงหลิวเองก็ชอบหลวนคุนไม่น้อยเมื่อเห็นหลวนคุนอิงหลิวมักหน้าแดงด้วยความเขินอาย หรือว่าภารกิจของวรากรใกล้จะสำเร็จแล้วมาถูกทางแล้วอีกหน่อยก็จะได้กลับบ้านเสียที^_^ สบายใจ เดินไปเรื่อยเปื่อยบรรยากาศในบ้านมือปราบนี่ดีไม่น้อยถึงว่า ถึงมีหมาสีขาวอยู่ด้วย เอหรือว่าหลวนคุนก็ชอบหมาเหมือนกันก็เลยเลี้ยงไว้ ไปตามหามันดีกว่า นึกถึงขนปุยๆ แหมน่ากอดเป็นที่สุด เดินหาจนทั่วก็ไม่เห็นเริ่มหิวรีบไปหาอะไรกิน ไปผูกมิตรกับคนในห้องครัวดีกว่า
“แม่นาง อาหารเตรียมพร้อมแล้ว นายท่านให้ข้าเชิญ”
“ไม่เป็นไร ข้าอยากลองมาหาอะไรทานเอง” สาวรับใช้ไม่ได้เซ้าซี้อะไร วรากรเธอจึงถือโอกาส หาของกินที่มีในครัวมานั่งกินที่ม้านั่งหน้าโรงครัวนั่นเองมีแต่ของชอบของวรากรไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้จีนหรือปลาแห้ง กินไปอยู่ๆน้ำตาก็ไหลคิดถึงบ้านคิดถึงน้ำพริกปลาทูคิดถึงข้าวหอมมะลิร้อนๆ ที่หอมที่สุดอร่อยที่สุด“ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมพอให้หันไป (O) ใครวะ รูปร่างสูงโปร่งแต่ขาวมากไปหน่อยของคนที่มองมา ใบหน้าหล่อเหลาก็จริงแต่มีบางอย่างที่วรากรไม่ชอบใจนักในสายตาคมนั้น แววหยิ่งทะนงนั่นเอง เหลือบมองเห็นป้ายหยกแกะสลักสวยงามที่ห้อยอยู่ข้างเอวหนา เสื้อผ้าถูกตัดอย่างประณีตบ่งบอกว่าไม่ใช่คนธรรมดา พระเอกมาแล้วพระรองมาแล้วอันนี้พระอะไรดี แต่ใครสนอะ กำลังเศร้าๆ อยู่T_T“แม่นาง ขอโทษที่มารบกวนการกินของแม่นางไม่ทราบแม่นางเป็นใคร”“เรื่องอะไรท่านเป็นใครทำไมข้าต้องบอกเสียมารยาทคนกำลังกินดันมากวนใจได้” คนถามยิ้มมุมปากท่าทางยียวน“หญิงงามบ้านนี้ ช่างกล้าหาญนัก” เอื้อมมือเชยคางวรากรที่สะบัดคางหนีมือใหญ่“องค์รัชทายาทโปรดอภัย แม่นางชินอี้นางมาจากต่างแคว้นไม่รู้ธรรมเนียมของที่นี่” หลวนคุนโผล่มาจากไหนพร้อมกับ อิงหลิว“ชินอี้555แม้นางไม่
มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าหรือว่า อ๋อจริงสิตอนนี้วรากรอาจเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่หายไป 555นึกออกแล้ว นางรอง (หรือตัวโกงวะ เรื่องนี้ไม่ยักกะมีตัวโกง) ในเมื่อเคยคิดไว้แค่พล็อตเขียนไปไม่กี่บรรทัดแค่ตอนที่นางเอกพบกับพระเอกที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นยังไม่ได้คิดต่อไป พระเอกเคยช่วยนางเอกไว้ ว่าแต่ก็สมบูรณ์แบบแล้วนี่ หลวนคุนช่วยอิงหลิวแล้วพระรองกับนางรอง ยังไม่ได้คิดว่าต้องเป็นใครอย่างไร แต่ตามบทพระรองต้องซัพพอตนางเอกนี่หลวนคุนยืนกอดอกมองอยู่ห่างๆ“ชินอี้อีกอย่างข้าอยากชวนเจ้าไปพบท่านพ่อ ...ข้าเล่าเรื่องของเจ้าให้ท่านพ่อฟังท่านพ่ออยากพบเจ้ามาก” ซวยแล้ว แซ่จางอะไรนี่ก็กุขึ้นมา“คือๆๆ ไว้ เจอกันวันเทศกาลไหว้พระจันทร์เลยทีเดียวดีกว่า” หลิ่งจือยิ้มบริสุทธิ์“แล้วแต่เจ้าเลย แค่เจ้ายอมไปตำหนักองค์รัชทายาทพร้อมข้าก็ดีใจแล้ว” หาทึกทักเอาเองใครจะไปพร้อมแกเห็ดหลินจือ“นางเป็นคนของบ้านข้า เช่นนั้นต้องไปพร้อมข้าถึงจะถูก” มาอีกคน เฮ้อ#_#เวงๆๆ ทำอย่างไรดีอุปาทานหมู่หรือเปล่าสงสัยต้องลดบทบาทตัวเองลงบ้าง“คือข้าไม่สบาย เป็นลมดีกว่า” หลิ่งจือรับร่างบางไว้ทัน สบตา หวานเยิ้ม โอ้มายก๊อด วรากรหลับตาปี้ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด
“นั่งลง ๆ” หลวนคุนตะโกนลั่น อิงหลิวหน้าเสียจับขอบเรือไว้ด้วยมือทั้งสอง วรากรจงใจเหยียบเรือข้างหนึ่งให้เอียงก่อนที่เรือจะคว่ำ คนทั้งสามร่วงลงสู่พื้นน้ำที่เย็นเฉียบ หลวนอิงปล่อยไม้พายมองหาสองสาว วรากรกระหยิ่มใจใจเดี๋ยวต้องไปช่วยอิงหลิวตามแผน วรากรพยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง อิงหลิวว่ายน้ำไวมากจนถึงฝั่งไปแล้ว แต่วรากร ….กรรมดันเป็นตะคริวที่ขาเพราะน้ำเย็นจัด จมลงสู่พื้นน้ำพยายาม ที่จะโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำแต่ยิ่งดำดิ่งลงไปเกือบจะหมดลมหายใจ ภาพที่ตัวเองตกบันไดลงไปจากชั้นสอง ข้างล่างนั้นน้องชายเขย่าร่างที่ไม่ไหวติงด้วยแรงทั้งหมด กิริยาของน้องชายคือตะโกนเสียงดังลั่น แต่วรากรไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อยแม่กับพ่อที่พากันวิ่งมาดูวรากร อยู่ๆน้ำตาก็ไหลเกือบจะหมดลมนั่นเองหลวนคุน ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ใบหน้า รางเลือนในน้ำนั่น พยายามจะเข้ามาหาวรากร สติดับวูบลงไปทันทีกลืนน้ำเข้าไปเต็มกระเพาะริมฝีปากรับรู้ถึงการถูกสัมผัส ลมหายใจอุ่นๆ ถูกส่งผ่านมายังริมฝีปาก หลวนคุนกอดดึงร่างขึ้นสู่ผิวน้ำเย็นยะเยือก สะดุ้งสุดตัว รู้สึกแน่นท้องกินน้ำจนอิ่ม พยายามจะอ้วกแต่ไม่มีอะไรออกมา อิงหลิวลูบหลังลูบไหล หลวนคุนยืนมองผ้าห่มผืนหนา
“พี่สาวสี โอโรสขับผิวพี่สาว หรือว่าสีแดงเหมือนข้าดี สีเหลืองไหมรับรอง หนุ่มๆ มองกันจนตาไม่กระพริบ”“555มองเพราะสมเพช นะสิคงคิดว่าทำไมขี้เหร่ขนาดนี้”“ไม่นะ อย่างน้อยตอนนี้บ่าวก็บอกว่าหลิ่งจือมายืนรอพี่สาวหน้าบ้าน” วรากรยิ้มจางๆหลวนคุนยืนอยู่ข้างนอกนั้น พร้อมกับกล้องไม้ใบใหญ่ ยืนเคาะประตูทั้งๆที่มันเปิดอยู่วรากร เพียงแค่เหลือบตามองก่อนจะแกล้งเดิน ไปหาเลือกชุด“ข้าให้เจ้าแม่นางชินอี้สวมมันเสียวังหลวงหาใช่ที่จะแต่งกายตามใจ” อิงหลิวเดินมารับ หลวนคุนหันหลังกลับทันที อิงหลิวถือวิสาสะเปิดกล่องออกดู เสื้อสีชมพูปนขาวบางเบางดงาม อิงหลิวทำตาโต"พี่สาว สวยจริง ๆ คุณชายหลวนคุนมีน้ำใจกับเราสองคนเหลือเกิน” วรากรยิ้ม^_^ไม่มีบทฮาๆ ในเมื่อเข้าหน้าเขาไม่ติด อิงหลิวเดินมาถอดชุดของ วรากรออกสวมชุดใหม่ให้ทันทีใครอีกคนในกระจก ใบหน้าสวยใส ริมฝีปากสีเดียวกับชุด ผมถูกกล้าครึ่งหัวปล่อย ด้านหลังยาวสลวย อิงหลิวค่อยๆ ปักปิ่นหยกสีแดงให้ หันตัววรากรไปมา“พี่สาวสวยที่สุดเลยคืนนี้ ข้าน้อยขอคารวะ” อิงหลิวย่อตัวทีเล่นทีจริง วรากรยิ้ม“สู้เจ้าได้หรือน้องสาว ประเมินข้าสูงไปแล้ว”หัวเราะพร้อมกัน“หากความกังวลในใบหน้าหายไป
สองหนุ่มที่เหลือมองตาไม่กะพริบ วรากรดึงมือออกจากมือองค์รัชทายาท แต่กลับดึงไม่ออกก็เมื่ออีกคนกำมือไว้แน่นขนาดนั้นดึงมือจนเซไปซบอกกว้าง (มาเหนือเมฆกว่าคนอื่น) @_@“เช่นไรแม่นางซินอี้” ยื่นหน้ามาใกล้ เจ้างดงามเช่นนี้จึงรังเกียจจะเดินเคียงข้างข้าเช่นนั้นหรือ”วรากรส่ายหน้าคิดหาคำราชาศัพท์ เออไม่เห็นใครเขาพูด จำได้แต่เฉินเมอ ตกใจทีไรเฉินเมอทุกที“พวกท่านเห็นไหม หญิงงามแคว้นเราไม่มีใครเหมือนนางสักคนไม่พอใจข้าถึงกับไม่พูดกับข้าไปเลยทีเดียวเชียว” หลิ่งจือยิ้มเจื่อนๆ หลวนคุนมองสบตาวรากรแต่เพียงแวบเดียว“ข้าไม่ใช่คนในแคว้นท่าน เช่นนั้นท่านก็มิใช่ไทจื่อของข้าเช่นกันเหตุใดต้องคอยดีกับท่านด้วย”“5555นางช่างกล้าเช่นนั้นข้าให้ใครพาตัวนาง ไปส่งถึงห้องบรรทมข้าเลยดีไหม จะได้รู้เสียทีว่าองค์รัชทายาทของแคว้นเราทำอะไรได้บ้าง” &_&วรากร เริ่มหัวเสียคน คนนี้ทำให้หัวเสียได้ดีจริงจะรับมืออย่างไร มองหลวนคุนแต่เขากลับเสมองเสียทางอื่น หลิ่งจือประสานมือ“ไท่จือในฐานะที่นางมากับหลิ่งจือ หลิ่งจือจึงขออภัยแทนแม่นางชินอี้ด้วย”“555คนอย่างข้า หากอยากได้สิ่งใดแม้ยากเย็นแสนเข็ญก็ไม่อาจปล่อยทิ้งไปได้ ได้ข้ายอมลดตัวลงมาเทีย
“ในโถงกว้างอาหารเลิศรสมากมาย วรากรตื่นตาตื่นใจกลับ ของกินที่หลากหลาย ทำไมมันเยอะขนาดนี้กินไม่กี่คนเองสะลัดมือไท่จื่อออก ดึงมืออิงหลิวไปหาของกินด้วยกัน อิงหลิวสงวนท่าทีในตอนแรกต่อมาก็ไม่ต่างจากวรากร อิ่มแปร้“แม่นางชินอี้ สุราเลิศรสนี้ข้าดื่มให้แม่นาง” ไทจื่อ ส่งจอกสุราให้วรากรเหลือบมองหลวนคุนที่พยักหน้าให้รับไว้ วรากรรับมาดื่มรวดเดียวหมด 555หอมหวานที่ซู๊ดดเลย เหล้าอะไรจะอร่อยขนาดนั้น“อร่อยจัง”“อีกจอกเป็นไง” ไทจื่อให้ขันทีรินให้อีกจอก วรากรรับมาดื่มอย่างว่าง่าย“อิงหลิว เจ้าดำเนินแผนการไปถึงไหน” ฮองเฮาที่มีใบหน้างดงาม ไม่ต่างจากสาวๆ ทั้งที่หากรวมอายุแล้วไม่น้อยกว่าพันปี“ท่านแม่ลูกๆๆๆ กำลัง หาทางเข้าใกล้องค์รัชทายาท”“ดี มาก เจ้าทำได้ดีตำแหน่งราชินี ของเผ่าจิ้งจอกเราเป็นเจ้าที่ได้สืบทอด หากเจ้าจะให้ข้ามั่นใจมอบมันให้เจ้าเจ้าต้องได้ตำแหน่งไทจื่อเฟย เช่นนั้นถึงจะมั่นคง”“ท่านแม่องค์รัชทายาท มีชายาหลายคนอยู่แล้ว อิงหลิวจะมีทางทำให้ตัวเองได้เป็นไทจื่อเฟยได้อย่างไร”“ทุกอย่างที่พร่ำสอนอย่างไรละอิงหลิว ต้องทุกอย่างรวมมันเข้าด้วยกันจะสามารถทำสำเร็จได้”“ท่านแม่อิงหลิว”“หากลังเล เจ้าก็จะทำใ
“แม่นางชินอี้ไท่จือตั้งใจมอบให้แม่นางรับไว้เถอะ”หลิ่งจือ สำทับ วรากรหยิบเอาของที่เล็กที่สุดในนั้นตุ้มหูมุกสีขาว มากำไว้ไท่จือมองวรากรด้วยสายตาชื่นชม“แม่นางชินอี้รสนิยมการเลือกของของแม่นางไม่ธรรมดาสิ่งนั้นคือไข่มุกน้ำจืดที่หายาก กว่าจะเติบโตต้องใช้เวลายาวนานจึงทรงคุณค่า” วรากรเบิกตาโพลงโห พลาดอีกแล้วคนที่ชอบทำอะไรก็ใช่“ไท่จืออิงหลิว อยากได้สักชิ้นไท่จือเลือกให้อิงหลิว” ไม่อยากพูดว่าอิงหลิว แต่ก็นะอะไรทำให้อิงหลิวเปลี่ยนไปขนาดนี้ ไท่จื่อเลือกหยิบสร้อยลูกปัดหินสีสวยงามส่งให้อิงหลิว อิงหลิวรับมา ทำท่าจะสวมทันทีไท่จื่อจึงต้องสวมให้อิงหลิวด้วยความเป็นสุภาพบุรุษวรากรเดินหลบออกมา เฮ้อเริ่มไม่อยากอยู่ที่นี่ละ กลัวเหลือเกินกลัวใจตัวเองจะ อิจฉาอิงหลิวอิจฉาอะไรอิจฉาความกล้าของอิงหลิวรู้สึกมึนหัว นิดหน่อยลุกขึ้นยืนก็ดันจะล้ม หลิ่งจืออยู่ใกล้คว้าตัวไว้ทันเผลอสบตาที่จริงใจนั้น นี่ก็อีกคนทำใจไหวยวบสายตาบ่งบอกอะไรบางอย่างทำเอาใจสาวไหวเอนเหมือนจะนึกได้ว่ามันทำให้ใจสั่น ทำท่าจะปล่อยวรากรให้ไปกองกับพื้นวรากรเกาะแขนไว้แน่น หลิ่งจือยิ้มหล่อฉุดแขนวรกรขึ้นมา“แม่นางชิ้นอี้ คงจะเริ่มเมาแล้ว ข้าอนุญาตให้แ
“บอกข้าสิชินอี้ทำไมจึงผลักไสข้าให้อิงหลิว” จะบอกอย่างไรว่าตัวเองเป็นแค่นักเขียนแล้วเรื่องนี้ถูกกำหนดตัวพระเอกนางเอกไว้แล้ว หลวนคุนก้มลงหมายจะจูบวรากรอีกครั้ง“หลวนคุนท่านได้โปรดปล่อยข้า” ดันอกกว้างออกแต่ก็ไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนั้น หมดเรี่ยวหมดแรง“ปล่อยก็ต่อเมื่อเจ้าพูดความจริง มิใช่แสร้งทำตลกไปวันๆ ให้ คนอื่นสนุกแต่บางอย่างในใจเจ้าข้ามองไม่ออกจริงๆ”“นั้นอย่างไรละท่านคิดมากไปเอง” ดึงร่างของวรากรมาเผชิญหน้าแววตาอ้อนวอน“ชินอี้ ข้าไม่เคยเป็นเช่นนี้”“รู้แล้วง่า ท่านเมาคนเราเวลาเมาจะ..งอแงแล้วก็อารมณ์อ่อนไหว” วรากร พยายามหาทางออก แต่หลวนคุนกลับกอดแน่น จูบวาบหวามที่เขาบรรจงแสดงให้วรากรเข้าใจ หัวใจของเขา ถอนริมฝีปากออกยากเย็นวรากรเซแซ่ดๆ อย่างนี้เองเวลาอ่านเจอในนิยายเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเซ เซเพราะฤทธิ์พิศวาสมันจุกอก ตัวชา เสียวซ่านทำให้หมดเรี่ยวแรงขัดขืน“ทำไมเจ้าต้องเสแสร้ง ในเมื่อแววตาของเจ้าบอกว่าคิดเหมือนกันกับข้า” ฮ้า...นายคิดเหมือนฉันไหมบีหนึ่ง ขำไม่ออกคนเมาไม่พูดพล่ามซ้อนร่างบางของวรากรไว้ในอ้อมแขนกำลังจะอุ้มเข้าไปในห้อง วรากรดิ้นรนแต่จะสู้แรงชายได้หรือ หวยมาออกที่เธอแทนที่จะเป็นอิง
“ช่วยด้วยค่ะ น้องจมน้ำ ๆๆๆๆ” แต่เสียงลมทะเล ดังเสียจนกลืนเสียงของวรากรหายไปกับลมเวรล่ะ!_!เด็กฝุบโผล่อยู่ในน้ำ เด็กชายลุกขึ้นยืนคลานมาบนพื้นทราย แต่เด็กหญิงยังโดนคลื่นดูดลากออกไปเรื่อยๆ วรากรลุยน้ำลงไปจนชุดเปียก ชุดกี่เพ้าฟิตเกินจะทำอะไรได้ ได้แค่ยืนตรงๆ ก็ยากแล้ว เดินลงหมายฉุดเด็กหญิงให้ขึ้นมาแต่โดนคลื่นซัดจนล้มลงเช่นกันกลืนน้ำทะเลเค็มปี๋ กับทรายที่ซัดเข้าใสใบหน้าที่แต่งไว้ เสื้อผ้าเปียกไปทั้งตัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ลึกขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงครู่เดียว วรากรก็กินน้ำจนเกือบอิ่ม แทบจะขาดใจอยู่แล้ว อยู่ๆ ร่างบางก็ถูกยกพ้นผิวน้ำ โดยใครบางคนแต่วรากรหมดสติไปเสียแล้ว ร่างบึกบึนของชายหนุ่มนักแสดงสามคนที่เปิดเผยใบหน้าไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเหมือนเดิมอีกแล้วคือไท่จือ หลวนคุน และหลิ่งจือนั่นเอง หลิ่งจืออุ้มเด็กหญิงตัวน้อย ไท่จือและหลวนคุนช่วยวรากรให้ขึ้นมาบนหาดทรายมีคนมารุมล้อม เสียงผู้คนวิภาควิจารย์กันดังระงมยามฝั่งกันคนออกไปแจ้งหน่วยกู้ชีพนำวรากรส่งโรงพยาบาลบนเตียงสีขาว ภาพข่าวในโทรทัศน์ที่ผนังห้อง“นักแสดงไต้หวันสามคนช่วยเด็กหญิง และแฟนคลับจมน้ำขึ้นมาอย่างปลอดภัย” วรากรนอนม
รายการจบไปแล้ว แม้แต่หน้าก็ยังไม่เห็นรูปก็ไม่ได้ถ่าย มีแต่วรานนท์ที่ปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ถ่ายรูปกับคนนู้นคนนี้ เหมือนกับตัวเองเป็นดาราเสียเอง วรากรถูกแฟนคลับดันออกมาอยู่รอบนอก ดีนะแอบกินอะไรไปบ้างตอนกล้องหันหนี เลยค่อยยังชั่ว ไม่หิวเท่าตอนที่มาใหม่ๆ บอดี้การ์ดคุ้มกันสามหนุ่มนักแสดงให้ไปขึ้นรถทั้งสามเดินตรงมาที่วรากร เสียงกรีดยังลั่นไปทั่วบริเวณ หนึ่งในสาม ล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทั้งสามมายืนชิดวรากรคนหนึ่งล็อกคอ อีกคนทำท่าเหมือนจะจุ๊บแก้ม อีกคนใช้ศอกเท้าไปที่ไหล่บางถ่ายเซลฟี่ แฟนคลับวีดว้าย บอดี้การ์ดกันแฟนคลับออกไป ภาพเซลฟี่ที่วรากรทำหน้าเหลอหลากับสามหนุ่มไต้หวันที่กำลังโด่งดังถูกโพสน์ลงไอจีทันที หลายคนเปิดวาร์ปหาที่มาที่ไปของวรากร“พี่ดังแล้ว กระแสดีมากเลยนี่ ผมเข้าดูมีกระแสชื่นชมว่าพี่น่ารัก บางคนก็ฟินก็ฝันไปตามเรื่อง รายการก็ปังดาราก็รุ่งแถมพี่ยังจะได้มีกระแสไปตามเขาด้วย” วรานนท์ตื่นเต้นดีใจ“พรุ่งนี้ เช้าครับเดินทางไปภูเก็ตถ่ายอีกรายการหนึ่ง อย่าลืมนะครับ คุณต้องไปผมขอเบอร์ติดต่อด้วย” ผู้ควบคุมรายการยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้วรากร วรากรบอกเบอร์ของตัวเอง ผู้ควบคุมรายการยกมือขึ้นโบกก่อนจะจาก
เช้า ที่อากาศขมุกขมัวเต็มไปด้วย ฝุ่นควัน วรากรนึกถึง เกล็ดหิมะที่โปรยปราย สีขาวสะอาดตายามสูดลมหายใจเข้าไปความชื่นในอากาศทำเอา รู้สึกเย็นจับใจ“พี่ นนท์ว่าเรากินข้าวก่อนดีกว่าหิวมากเลย"“กินไรดีอะ”วรากรถาม“ไม่รู้”“ กินอาหารจีนไหม”วรานนท์มองหน้า“ฮั่นแน่ ชักจะชอบอะไรที่เป็นจีนๆ แล้วดิ”วรากรทุบกลางหลัง“เปล่าแต่พี่มีร้านแนะนำ”อีกคนยิ้ม“ไปๆๆ นำเลย”วรากรเดินนำร้านอาหารจีนขึ้นชื่อคนถึงกับต่อแถวเข้าคิวรอกิน วรานนท์ส่ายหน้าไปมา“คนเยอะจังพี่”“ของเขาดีจริง รอหน่อยอีกไม่กี่คนใจเย็น”นั่งสไลค์โทรศัพท์รอ แบบใจเย็นความจริงไม่หิวเท่าไหร่ถ้าไม่ติดน้องชายวรากรยังคงไม่กินแน่ขณะนั้นเอง นักแสดงไต้หวั่นชื่อเสียงโด่งดังทั้งสามคนต้องมาถ่ายทำรายการโปรโมตร้านอาหารจีนและแหล่งท่องเที่ยวในไทย บอดี้การ์ด วิ่งวุ่นเคลียร์พื้นที่กันวุ่นวายโต๊ะและเก้าอี้สนามถูกนำมาวางไว้ในมุมที่สวยที่สุดของร้าน กันคนที่ต่อแถว ให้ออกมายืนอีกทาง ตากล้องถ่ายเอาคนที่เข้าแถวรอกิน อาหารจีน ด้วยแถวที่ยาวเหยียดเป็นการการันตีว่าอาหารจีนร้านนี้เป็นต้นตำรับและอร่อยจริง วรานนท์มองสาวๆที่ตามมาชูป้ายไฟและกรี๊ดกันสนั่น วรากรส่ายหน้าเบื่อหน่าย
“ไม่ชอบ พี่ขอดูพวกเขาในซีรีส์ก็พอ ออกมาดูข้างนอกไม่หล่อ ชอบหนุ่มผมยาวนายก็รู้”วรานนท์หัวเราะเสียงใส“สาวๆ งี้กรีดกันเป็นแถว นนท์คาดว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะเล็กไปเลย”“ก็รู้นายก็ไม่ได้ไปดูเขาหรอกนายไปเหล่สาวๆ สิท่า”“พอๆๆ กลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่หรือ พี่อยู่คนเดียวได้”วรากร ออกปากไล่เพราะอยากอยู่คนเดียวลองทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ในนิยายนางเอกมักจะไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเพราะกลัวเขาหาว่าบ้า แต่วรากรไม่ใช่นางเอก“นนท์นายอยู่คุยกับพี่แป็บดิอย่าเพิ่งกลับ”“อ้าวเมื่อกี้ยังไล่อยู่เลยทำไมเปลี่ยนใจไวจัง”“เอ่อน่ามีเรื่องจะคุยด้วย”“ถ้าให้ไปซื้อหนังสือให้ไม่ทันแล้ว งานเขาหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน”วรากรถอนหายใจ น้องชาย นั่งลงข้างเตียงตามเดิม“พรุ่งนี้พ่อกับแม่มาใหม่นะ หนูพักผ่อนเยอะๆ นนท์นั่งแท็กซี่กลับเองนะลูก”“ค่ะแม่ คร้าบผม”ประสานเสียงกัน“พ่อกับแม่ไปแล้วมีอะไรพูดมาอย่าบอกนะว่าแอบชอบหมอ555”แววตาทะเล้น“จริงจัง หน่อย ตั้งใจฟัง”วรากรเล่าเรื่องราวที่ ผ่านมาตั้งแต่ตกบันไดจนถึงตอนที่ฟื้นมาน้องชายตั้งใจฟัง แต่บางครั้งก็ถามอะไรที่ไม่เข้าใจอย่างเช่นเรื่องของอิงหลิวและเรื่องที่ อยู่ๆ เรื่องราว
“ใต้เท้าจางพูดไว้ไม่ผิดข้าโดนปิดหูปิดตามองไม่เห็นสิ้งที่เจ้ากระทำแม้เจ้าจะหายออกไปในยามค่ำคืนสักกี่คืนที่ข้าลืมตาตื่นมาไม่พบเจ้า แต่ข้าก็ไม่เคยหวาดระแวงจนกระทั่งวันนี้”“ฝ่าบาท ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้ฝ่าบาท มองข้าคนเดียวไม่มีสนมนางอื่น”“เจ้าคิดอย่างไรว่าข้าจะมีหญิงอื่น”“ฝ่าบาทมีสิทธิ์เลือกมากมายวันใดเบื่อหน่ายในตัวข้าย่อมหาทางมีใหม่”“ฮองเฮาเจ้าดูถูกความรักข้าเกินไปแล้ว เสียทีที่ข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮาเพื่อสื่อถึงความรักสูงสุดของข้า”“ฝ่าบาท แต่เดิมมีสนมมากมายไม่สนใจใครเป็นพิเศษ มีแต่นางแพศยานั่นเท่านั้นที่ครองใจฝ่าบาทจนข้าอิจฉานางและสุดท้ายหัวใจของนางทำให้ฝ่าบาทมีข้าคนเดียว555” ฮ่องเต้ชี้มือ สั่นระริกไปที่ฮองเฮา“เจ้ามันเลือดเย็นเป็นเจ้าเองใช่ไหมที่ฆ่านาง ข้าไม่น่ารักเจ้าไม่น่าเทิดทูนเจ้า”“ฝ่าบาทอย่าใช้คำว่ารักกับข้า ข้าขยะแขยงมันเหลือเกินแต่ก่อนนั้นฝ่าบาทเทิดทูนแต่นางข้าแค่สนมปลายแถวที่มาถึงวันนี้ได้เพราะกัดกินหัวใจนาง กลิ่นอายของนางทำให้ฝ่าบาทลุ่มหลงเช่นนั้นมีหรือฝ่าบาทจะแต่งตั้งข้าเป็นฮองเฮา” แววตาเจ็บซ้ำไม่แพ้กัน“ฮองเฮา เจ้าอย่างไงก็เป็นฮองเฮาที่ข้ารัก และถึงตอนนี้ข้าก็ยังรัก
“มีเรื่องอะไรมาหลอกข้าอีกอิงหลิว”“พี่สาวอย่าโกรธอิงหลิวเลย”“ไม่นะข้าไม่เคยโกรธ เพียงแต่เสียความรู้สึกต่อความสัมพันธ์พี่น้องของเรา”“อิงหลิวทำทุกอย่างเพราะความริษยาพี่สาว ความจริงไม่ต้องการทำร้าย” หนอยจะกินหัวใจนี่นะไม่ทำร้าย“แล้วริษยาข้าทำไม”“ริษยาเพราะคุณชายหลวนคุน มีพี่สาวอยู่ในใจเพียงผู้เดียวไม่เหลียวแลใครแม่อิงหลิวจะพยายามเพียงใดก็ตาม อีกทั้งท่านแม่ต้องการให้ไท่จือกับอิงหลิวลงเอยกันแต่ไท่จือเองกับมีพี่สาวคนเดียวในหัวใจเช่นกันทำให้อิงหลิวทำการไม่สำเร็จ หลิ่งจือก็ชอบพอท่านทุกคนหลงรักพี่สาวจนหัวปักหัวปำ” วรากรเข้าใจทุกอย่างได้ดีผู้หญิงมักจะอิจฉากัน“หลวนคุนแต่แรกมองเจ้าด้วยสายตา อ่อนหวาน”“ใช่ อิงหลิวทราบดี แต่ตั้งแต่ครั้งที่ช่วยพี่สาวจมน้ำเขาก็เปลี่ยนไปไม่เคยมองอิงหลิวด้วยสายตาแบบนั้นอีกเลย พี่สาวรู้ไหมทำไม แม้แต่รสจูบที่เขาเคยจูบพี่สาวเขายังจำมันขึ้นใจ กับอิงหลิวเย็นชาเมินเฉย หากพี่สาวไม่อยู่ที่นี่แต่แรก คุณชายหลวนคุนต้องมีใจให้อิงหลิว พี่สาวรู้ไหมคุณชายเป็นรักแรกของอิงหลิวเป็นผู้ที่มีบุญคุณกับอิงหลิวมาก่อน แต่คงเป็นด้วยสวรรค์ลิขิตไว้แล้วเมื่อิงหลิวตัดสินใจออกมาพบคุณชายพี่สาวก็
“ไม่น่าเชื่อ ทำไมมีนางจิ้งจอกสองคน”หลวนคุนถลาเข้าหาวรากร พลิกตัวไปมาซ้ายขวา“ชินอี้ เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”T_Tน้ำเสียงอ่อนโยนห่วงใย วรากรยิ้มส่ายหน้าไปมา หลวนคุนคว้ามือที่ไท่จือพันผ้าขึ้นมาดู สวมกอดวรากรไม่อายสายตาใคร“เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้วข้าดีใจเสียจริง”อิงหลิวมองการกระทำนั้นด้วยดวงตาเศร้าสร้อย“ในเมื่อมีนางจิ้งจอกสองตัวแบบนี้แสดงว่าต้องมีการแอบอ้าง ข้าคงต้องหาความกระจ่าง”ฮ่องเต้ประกาศเสียงกร้าว“ฝ่าบาท นางจิ้งจอกที่ข้าหลวนคุนจับมา เป็นตัวปลอม ไม่ใช่แม่นางชินอี้แต่พยายามกลายร่างเป็นแม่นางชินอี้”หลวนคุน พูดขึ้น“ฝ่าบาท ต้องทรงสอบสวน ท่านมือปราบหลวนคุนรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นใคร”ฮองเฮาอดไม่ได้ที่จะแย้ง สายตาแทบจะกินเลือดกินเนื้ออิงหลิว“ต้องสอบสวนอย่างแน่นอน ตอนนี้ก็เบาใจได้ว่านางจิ้งจอกไม่ได้อยู่ใกล้ไท่จือแล้ว จัดเวรยามเฝ้าสองนางไว้ให้ดี””ฝ่าบาทก็เห็นๆแล้วว่า แม่นางชินอี้ คือแม่นางคนนี้”“เจ้าเอาอะไรมาตัดสิน”หลวนคุนอึกอักจะบอกอย่างไรว่าใช้เพียงความรู้สึกและรสจูบ“”ฝ่าบาท”หลิ่งจือ และ ใต้เท้าจาง คุกเข่าประสานมือคาราวะตรงหน้าฮ่องเต้ “วันนี้ใต้เท้าจางมาถึงนี่”ฮองเฮาหน้าถอดสีเมื่อใต้เท
เส้นผมหลุดหลุยมาข้างแก้ม วรากรก้มลงพิศใบหน้าหล่อจนใบหน้าเกือบชิดกันยกมือข้างที่ไม่เจ็บหยิบปอยผมให้พ้นใบหน้าหล่อเหลา คนที่หลับสนิทอยู่เมื่อครู่คว้าข้อมือบางไว้แน่นลืมตากลมโตดำสนิทจ้องมองวรากร ยิ้มเจ้าเล่ห์“จะลักหลับข้าหรือไร” @_@วรากรกะพริบตา“อะ” ยื่นหน้ามาหลับตาพริ้ม“ให้จูบฟรีๆ เดี๋ยวเจ้าจะเก้อที่อุตส่าห์อยากจูบข้า ..แต่ ...ข้าดันตื่นมาพบเสียก่อน” วรากรค้อนขวับ“ใครบอกข้าแค่เห็นว่าไท่จือดูแลข้า คงจะอ่อนเพลีย” วรากรพูดยังไม่ทันจบ“เจ้าก็เลยจะลักหลับข้า บอกข้าดีดีก็ได้ข้าพร้อมเสมอสำหรับเจ้า” มือข้างหนึ่งคว้าต้นคออีกข้าง สอดประสานเข้าไปในมือวรากร จูบหนักหน่วงโหยหาบดขยี้ริมฝีปากกับปากบางอย่างกับอดอยากมานาน อาจเป็นเพราะเมื่อคืนต้องหักห้ามใจตัวเองทั้งคืน“ไท่...จือ..อย่าเพคะ” เสียงอู้อี้ในลำคอของวรากร“ข้าต้องการเจ้าขินอี้เป็นของข้าเถอะ” คำพูดเชยๆ ของหนุ่มจีนโบราณวรากร นิ่งงัน คำพูดแบบนี้ถึงแม้จะฟังดูธรรมดาแสนเชยแต่ก็ทำเอาใจสั่นได้ดีทีเดียว ลืมแม้กระทั่งการปฏิเสธ รสจูบยังหวาน จนวรากรไม่อาจปฏิเสธมือใหญ่สำรวจไปทั่วร่างซอกซอนเข้าไปภายใต้เสื้อผ้าปากอุ่นยังเล้าโลมไม่หยุด วรากรยังไม่เคยต้องมือ
“ยังก่อน หรือว่ากลัวต้องอยู่กับข้าลำพัง ขยับตัวเข้าใกล้มองสบตานิ่งนางแปลงกลับหลบตา หลวนคุนเชยคางมนขึ้นมาสบตาก้มลงจุมพิตปากบางเบาๆ“ใจข้าจะขาดเมื่อเจ้าหายไป” นางแปลงนิ่ง เผยอริมฝีปากออกรับรสจูบหลวนคุน เผลอตัวกอดนางแปลง ด้วยความคนึงหา ผลักร่างบางให้เอนตัวลงกับแท่นนอนมือใหญ่ลูบไล้ทั่วร่าง ร่างบางกอดรัดหลวนคุนไว้แน่น หลวนคุนขมวดคิ้ว“คุณชายหลวน” หลวนคุนผงะผุดลุกขึ้นนั่ง“ขอโทษ เจ้าพักผ่อนเถอะชินอี้” ก้าวออกจากห้องไปทันทีหลวนคุนยืนพิงประตูห้อง สีหน้างงงันรสจูบไม่หวานเหมือนกับที่เคยจูบวรากร หรือเป็นเขาที่คิดมากไปกลิ่นกายที่เคยหอม บัดนี้กลับไร้ซึ่งกลิ่นหอม รสจูบจืดชืดเหมือนคนละคน แลบลิ้นเลียริมฝีปากเป็นเขาที่คิดมากไปแน่นอน สาวเท้าเดินออกจากตรงนั้นไป นางแปลงอมยิ้มพอใจกับบทจูบของหลวนคุนยิ่งนัก แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกริษยา แสดงว่าหลวนคุนคงจะเคยทำอะไรแบบนี้กับ ร่างนี้บ่อยๆยิ้มเหยียดที่ริมฝีปาก อีกนิดเดียวหลวนคุนก็จะยอมสยบให้แล้ว คงจะเป็นเพราะความเป็นบุรุษโดยแท้จึงไม่อาจ หักหาญน้ำใจหญิง แต่จะรู้ไหมว่าคราใดที่อยู่กับวรากรหลวนคุน สุดจะห้ามใจตัวเองได้จริงๆ สักที ยิ้มมุมปากพยายามอีกนิดก็จะสมหวังแล้ว