“นั่งลง ๆ” หลวนคุนตะโกนลั่น อิงหลิวหน้าเสียจับขอบเรือไว้ด้วยมือทั้งสอง วรากรจงใจเหยียบเรือข้างหนึ่งให้เอียงก่อนที่เรือจะคว่ำ คนทั้งสามร่วงลงสู่พื้นน้ำที่เย็นเฉียบ หลวนอิงปล่อยไม้พายมองหาสองสาว วรากรกระหยิ่มใจใจเดี๋ยวต้องไปช่วยอิงหลิวตามแผน วรากรพยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง อิงหลิวว่ายน้ำไวมากจนถึงฝั่งไปแล้ว แต่วรากร ….กรรมดันเป็นตะคริวที่ขาเพราะน้ำเย็นจัด จมลงสู่พื้นน้ำ
พยายาม ที่จะโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำแต่ยิ่งดำดิ่งลงไปเกือบจะหมดลมหายใจ ภาพที่ตัวเองตกบันไดลงไปจากชั้นสอง ข้างล่างนั้นน้องชายเขย่าร่างที่ไม่ไหวติงด้วยแรงทั้งหมด กิริยาของน้องชายคือตะโกนเสียงดังลั่น แต่วรากรไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อยแม่กับพ่อที่พากันวิ่งมาดูวรากร อยู่ๆน้ำตาก็ไหลเกือบจะหมดลมนั่นเองหลวนคุน ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ใบหน้า รางเลือนในน้ำนั่น พยายามจะเข้ามาหาวรากร สติดับวูบลงไปทันทีกลืนน้ำเข้าไปเต็มกระเพาะ
ริมฝีปากรับรู้ถึงการถูกสัมผัส ลมหายใจอุ่นๆ ถูกส่งผ่านมายังริมฝีปาก หลวนคุนกอดดึงร่างขึ้นสู่ผิวน้ำเย็นยะเยือก สะดุ้งสุดตัว รู้สึกแน่นท้องกินน้ำจนอิ่ม พยายามจะอ้วกแต่ไม่มีอะไรออกมา อิงหลิวลูบหลังลูบไหล หลวนคุนยืนมองผ้าห่มผืนหนาถูกห่มเข้ากับตัว วรากรรู้สึกเศร้าอย่างประหลาดภาพน้องชายแม่และพ่อ ยังติดตาคิดถึงทุกคนเหมือนจะไม่ได้พบกันอีก น้ำตาไหลออกจากตาทั้งๆที่หยดน้ำยังเกาะพร่างพราว สะอื้นดังๆอิงหลิวกอดปลอบ
“ไม่เป็นไรแล้วพี่สาว ปลอดภัยแล้ว” ดวงหน้าเศร้าของวรากร ผิดไปจากที่ทุกคนเคยเห็น เช่นนั้นบรรยากาศจึงดูเศร้าสร้อย
หลวนคุนคิดว่าวรากรโกรธที่ตัวเองสัมผัสริมฝีปาก อิงหลิวกลับคิดว่าวรากร เสียใจที่ตัวเองเป็นตนเหตุให้เรือล่ม
“พี่สาว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะอิงหลิวดูแลพี่สาวเอง” อิงหลิวซึ่งบัดนี้ก็เปียกปอนกลับกลายเป็นคนที่คอยปลอบวรากรที่อ่อนแอขึ้นมาได้อย่างดี
“แม่นางชินอี้ ข้าขอโทษหากไม่ทำอย่างนั้นเจ้าจะหมดลมหายใจ เดี๋ยวข้าให้คนรับใช้หาอะไรร้อนๆ ให้และเชิญท่านหมอตรวจดูสักหน่อย”
วรากรกลายเป็นคนพูดน้อย เดินเหมือนร่างไร้วิญญาณยังห้องพัก
อิงหลิวไม่พูดอะไรเป็นการรบกวน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้วรากรจนเป็นที่เรียบร้อยพาขึ้นไปนั่งบนแท่นนอน
“พี่สาว ท่านเจ้าบ้าน ขอโทษอะไรพี่สาว” วรากรเริ่มได้สติ
“เปล่าคือ ไม่มีอะไรข้าแค่คิดถึงพ่อแม่และน้องชายทางบ้าน ตอนจมน้ำเหมือนจะเห็นพวกเขา” เลือกที่จะเฉไฉไปอีกทางแต่ก็ไม่โกหก เขาว่าคนใกล้ตายมักจะคิดถึงคนที่รัก อดไม่ได้จะยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว
หลวนคุน เดินเข้าพร้อมกับข้าวต้ม และท่านหมอ
“ข้าวต้มร้อนๆ” ใช้ช้อนคน ไปคนมาปากก็เป่าไอร้อนลอยวน วรากรก้มหน้าไม่สบตาทั้งรู้สึกผิดและอาย
ท่านหมอนั่งลงข้างๆจับชีพจร พลิกข้อมือไปมาเหมือนกับไม่เจออะไร ลองใช้มือมาคลำที่คอ สีหน้ากังวลขมวดคิ้วจน หลวนคุนสงสัย
“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”
“ท่านเจ้าบ้านข้าขอคุยกับท่าน เชิญด้านนอก” อิงหลิวเหลือบตามอง แต่ก็รับชามข้าวต้มมาป้อนวรากรต่อ
“เช่นไรท่านหมอแม่นางชินอี้นางเป็นอย่างไรบ้าง”
“แปลกมาก ตั้งแต่ข้าเป็นหมอมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้ นางเหมือนกับปกติทุกอย่างทว่าจับชีพจรไม่เจอนางเหมือนคนที่...ไม่มีชีวิต ไม่ได้มีอะไรบ่งบอกว่าเจ็บป่วย แต่ก็ไม่มีอะไรบ่งบอกว่ายังสบายดี” หลวนคุนขมวดคิ้ว
“ท่านหมอแน่ใจหรือตรวจดูดีแล้วหรือ”
“ข้าอาจต้องไปพลิกดูในตำราพันปีเสียใหม่ ว่าเคยมีใครป่วยไข้เช่นนี้ไหมแต่จากที่ดูนางแล้ว นางก็ไม่ได้เป็นอะไร ข้าจะจัดยาให้สักเทียบ บำรุงร่างกายนาง”
“เช่นนั้นรบกวนท่านหมอ เด็กส่งท่านหมอและรับเทียบยากลับมา” คนรับใช้วิ่งเยาะๆ ไปตามคำสั่ง หลวนคุนขมวดคิ้ว ใจหายอย่างประหลาด หรือว่านางจะเป็นจิ้งจอกเก้าหางตัวนั้นเสียเอง ไม่ได้เป็นมนุษย์ หลวนคุนส่ายหัวสะลัดความคิดวุ่นวายออกไปไม่สิวันนั้นที่เขาตาม คนร้ายที่ควักหัวใจไปนางยังอยู่ในห้องไม่ได้หายไปไหน
กลับเข้าไปข้างใน วรากรยังไม่กล้าคุยกับเขานางคงโกรธเขาจริง ๆ ที่ล่วงเกินนางขนาดนั้น วรากรกลายเป็นคนพูดน้อย และหลบหน้าหลวนคุน
เทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงแล้วในคืนนี้ หลิ่งจือในชุดสีขาว เรียบสบายตา ยืนรีรออยู่ด้านหน้า บ้านหลังใหญ่ของหลวนคุนด้วยท่าทีกระสับกระส่าย
วรากร ยืนถักผมให้อิงหลิวอย่างดงามเสียบปิ่นที่แอบออกไปซื้อที่ตลาดมากันสองคน อิงหลิวใส่สีแดง
“คุฯชายหลวนคุนเป็นคนมอบให้ข้า”อิงหลิวจึงใส่มันให้เข้ากับบรรยากาศที่มีโคมไฟสีแดงประดับทั่วเมือง นางงดงามที่สุดเท่าทีวรากรเคยเห็นผู้หญิงคนใดมา
เรื่องการถูกควักหัวใจของเสี่ยวเอินค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกับกาลเวลาผู้คนล้วนเตรียมตัวขอพรและเฉลิมฉลองวรากรยังไม่แต่งตัวยืนนิ่งไม่อยากไปไหน รู้สึกอยากกลับบ้านเป็นที่สุด และคิดว่าตัวเองถึงแต่งออกมาได้ก็ไม่สวย
“พี่สาวสี โอโรสขับผิวพี่สาว หรือว่าสีแดงเหมือนข้าดี สีเหลืองไหมรับรอง หนุ่มๆ มองกันจนตาไม่กระพริบ”“555มองเพราะสมเพช นะสิคงคิดว่าทำไมขี้เหร่ขนาดนี้”“ไม่นะ อย่างน้อยตอนนี้บ่าวก็บอกว่าหลิ่งจือมายืนรอพี่สาวหน้าบ้าน” วรากรยิ้มจางๆหลวนคุนยืนอยู่ข้างนอกนั้น พร้อมกับกล้องไม้ใบใหญ่ ยืนเคาะประตูทั้งๆที่มันเปิดอยู่วรากร เพียงแค่เหลือบตามองก่อนจะแกล้งเดิน ไปหาเลือกชุด“ข้าให้เจ้าแม่นางชินอี้สวมมันเสียวังหลวงหาใช่ที่จะแต่งกายตามใจ” อิงหลิวเดินมารับ หลวนคุนหันหลังกลับทันที อิงหลิวถือวิสาสะเปิดกล่องออกดู เสื้อสีชมพูปนขาวบางเบางดงาม อิงหลิวทำตาโต"พี่สาว สวยจริง ๆ คุณชายหลวนคุนมีน้ำใจกับเราสองคนเหลือเกิน” วรากรยิ้ม^_^ไม่มีบทฮาๆ ในเมื่อเข้าหน้าเขาไม่ติด อิงหลิวเดินมาถอดชุดของ วรากรออกสวมชุดใหม่ให้ทันทีใครอีกคนในกระจก ใบหน้าสวยใส ริมฝีปากสีเดียวกับชุด ผมถูกกล้าครึ่งหัวปล่อย ด้านหลังยาวสลวย อิงหลิวค่อยๆ ปักปิ่นหยกสีแดงให้ หันตัววรากรไปมา“พี่สาวสวยที่สุดเลยคืนนี้ ข้าน้อยขอคารวะ” อิงหลิวย่อตัวทีเล่นทีจริง วรากรยิ้ม“สู้เจ้าได้หรือน้องสาว ประเมินข้าสูงไปแล้ว”หัวเราะพร้อมกัน“หากความกังวลในใบหน้าหายไป
สองหนุ่มที่เหลือมองตาไม่กะพริบ วรากรดึงมือออกจากมือองค์รัชทายาท แต่กลับดึงไม่ออกก็เมื่ออีกคนกำมือไว้แน่นขนาดนั้นดึงมือจนเซไปซบอกกว้าง (มาเหนือเมฆกว่าคนอื่น) @_@“เช่นไรแม่นางซินอี้” ยื่นหน้ามาใกล้ เจ้างดงามเช่นนี้จึงรังเกียจจะเดินเคียงข้างข้าเช่นนั้นหรือ”วรากรส่ายหน้าคิดหาคำราชาศัพท์ เออไม่เห็นใครเขาพูด จำได้แต่เฉินเมอ ตกใจทีไรเฉินเมอทุกที“พวกท่านเห็นไหม หญิงงามแคว้นเราไม่มีใครเหมือนนางสักคนไม่พอใจข้าถึงกับไม่พูดกับข้าไปเลยทีเดียวเชียว” หลิ่งจือยิ้มเจื่อนๆ หลวนคุนมองสบตาวรากรแต่เพียงแวบเดียว“ข้าไม่ใช่คนในแคว้นท่าน เช่นนั้นท่านก็มิใช่ไทจื่อของข้าเช่นกันเหตุใดต้องคอยดีกับท่านด้วย”“5555นางช่างกล้าเช่นนั้นข้าให้ใครพาตัวนาง ไปส่งถึงห้องบรรทมข้าเลยดีไหม จะได้รู้เสียทีว่าองค์รัชทายาทของแคว้นเราทำอะไรได้บ้าง” &_&วรากร เริ่มหัวเสียคน คนนี้ทำให้หัวเสียได้ดีจริงจะรับมืออย่างไร มองหลวนคุนแต่เขากลับเสมองเสียทางอื่น หลิ่งจือประสานมือ“ไท่จือในฐานะที่นางมากับหลิ่งจือ หลิ่งจือจึงขออภัยแทนแม่นางชินอี้ด้วย”“555คนอย่างข้า หากอยากได้สิ่งใดแม้ยากเย็นแสนเข็ญก็ไม่อาจปล่อยทิ้งไปได้ ได้ข้ายอมลดตัวลงมาเทีย
“ในโถงกว้างอาหารเลิศรสมากมาย วรากรตื่นตาตื่นใจกลับ ของกินที่หลากหลาย ทำไมมันเยอะขนาดนี้กินไม่กี่คนเองสะลัดมือไท่จื่อออก ดึงมืออิงหลิวไปหาของกินด้วยกัน อิงหลิวสงวนท่าทีในตอนแรกต่อมาก็ไม่ต่างจากวรากร อิ่มแปร้“แม่นางชินอี้ สุราเลิศรสนี้ข้าดื่มให้แม่นาง” ไทจื่อ ส่งจอกสุราให้วรากรเหลือบมองหลวนคุนที่พยักหน้าให้รับไว้ วรากรรับมาดื่มรวดเดียวหมด 555หอมหวานที่ซู๊ดดเลย เหล้าอะไรจะอร่อยขนาดนั้น“อร่อยจัง”“อีกจอกเป็นไง” ไทจื่อให้ขันทีรินให้อีกจอก วรากรรับมาดื่มอย่างว่าง่าย“อิงหลิว เจ้าดำเนินแผนการไปถึงไหน” ฮองเฮาที่มีใบหน้างดงาม ไม่ต่างจากสาวๆ ทั้งที่หากรวมอายุแล้วไม่น้อยกว่าพันปี“ท่านแม่ลูกๆๆๆ กำลัง หาทางเข้าใกล้องค์รัชทายาท”“ดี มาก เจ้าทำได้ดีตำแหน่งราชินี ของเผ่าจิ้งจอกเราเป็นเจ้าที่ได้สืบทอด หากเจ้าจะให้ข้ามั่นใจมอบมันให้เจ้าเจ้าต้องได้ตำแหน่งไทจื่อเฟย เช่นนั้นถึงจะมั่นคง”“ท่านแม่องค์รัชทายาท มีชายาหลายคนอยู่แล้ว อิงหลิวจะมีทางทำให้ตัวเองได้เป็นไทจื่อเฟยได้อย่างไร”“ทุกอย่างที่พร่ำสอนอย่างไรละอิงหลิว ต้องทุกอย่างรวมมันเข้าด้วยกันจะสามารถทำสำเร็จได้”“ท่านแม่อิงหลิว”“หากลังเล เจ้าก็จะทำใ
“แม่นางชินอี้ไท่จือตั้งใจมอบให้แม่นางรับไว้เถอะ”หลิ่งจือ สำทับ วรากรหยิบเอาของที่เล็กที่สุดในนั้นตุ้มหูมุกสีขาว มากำไว้ไท่จือมองวรากรด้วยสายตาชื่นชม“แม่นางชินอี้รสนิยมการเลือกของของแม่นางไม่ธรรมดาสิ่งนั้นคือไข่มุกน้ำจืดที่หายาก กว่าจะเติบโตต้องใช้เวลายาวนานจึงทรงคุณค่า” วรากรเบิกตาโพลงโห พลาดอีกแล้วคนที่ชอบทำอะไรก็ใช่“ไท่จืออิงหลิว อยากได้สักชิ้นไท่จือเลือกให้อิงหลิว” ไม่อยากพูดว่าอิงหลิว แต่ก็นะอะไรทำให้อิงหลิวเปลี่ยนไปขนาดนี้ ไท่จื่อเลือกหยิบสร้อยลูกปัดหินสีสวยงามส่งให้อิงหลิว อิงหลิวรับมา ทำท่าจะสวมทันทีไท่จื่อจึงต้องสวมให้อิงหลิวด้วยความเป็นสุภาพบุรุษวรากรเดินหลบออกมา เฮ้อเริ่มไม่อยากอยู่ที่นี่ละ กลัวเหลือเกินกลัวใจตัวเองจะ อิจฉาอิงหลิวอิจฉาอะไรอิจฉาความกล้าของอิงหลิวรู้สึกมึนหัว นิดหน่อยลุกขึ้นยืนก็ดันจะล้ม หลิ่งจืออยู่ใกล้คว้าตัวไว้ทันเผลอสบตาที่จริงใจนั้น นี่ก็อีกคนทำใจไหวยวบสายตาบ่งบอกอะไรบางอย่างทำเอาใจสาวไหวเอนเหมือนจะนึกได้ว่ามันทำให้ใจสั่น ทำท่าจะปล่อยวรากรให้ไปกองกับพื้นวรากรเกาะแขนไว้แน่น หลิ่งจือยิ้มหล่อฉุดแขนวรกรขึ้นมา“แม่นางชิ้นอี้ คงจะเริ่มเมาแล้ว ข้าอนุญาตให้แ
“บอกข้าสิชินอี้ทำไมจึงผลักไสข้าให้อิงหลิว” จะบอกอย่างไรว่าตัวเองเป็นแค่นักเขียนแล้วเรื่องนี้ถูกกำหนดตัวพระเอกนางเอกไว้แล้ว หลวนคุนก้มลงหมายจะจูบวรากรอีกครั้ง“หลวนคุนท่านได้โปรดปล่อยข้า” ดันอกกว้างออกแต่ก็ไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนั้น หมดเรี่ยวหมดแรง“ปล่อยก็ต่อเมื่อเจ้าพูดความจริง มิใช่แสร้งทำตลกไปวันๆ ให้ คนอื่นสนุกแต่บางอย่างในใจเจ้าข้ามองไม่ออกจริงๆ”“นั้นอย่างไรละท่านคิดมากไปเอง” ดึงร่างของวรากรมาเผชิญหน้าแววตาอ้อนวอน“ชินอี้ ข้าไม่เคยเป็นเช่นนี้”“รู้แล้วง่า ท่านเมาคนเราเวลาเมาจะ..งอแงแล้วก็อารมณ์อ่อนไหว” วรากร พยายามหาทางออก แต่หลวนคุนกลับกอดแน่น จูบวาบหวามที่เขาบรรจงแสดงให้วรากรเข้าใจ หัวใจของเขา ถอนริมฝีปากออกยากเย็นวรากรเซแซ่ดๆ อย่างนี้เองเวลาอ่านเจอในนิยายเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเซ เซเพราะฤทธิ์พิศวาสมันจุกอก ตัวชา เสียวซ่านทำให้หมดเรี่ยวแรงขัดขืน“ทำไมเจ้าต้องเสแสร้ง ในเมื่อแววตาของเจ้าบอกว่าคิดเหมือนกันกับข้า” ฮ้า...นายคิดเหมือนฉันไหมบีหนึ่ง ขำไม่ออกคนเมาไม่พูดพล่ามซ้อนร่างบางของวรากรไว้ในอ้อมแขนกำลังจะอุ้มเข้าไปในห้อง วรากรดิ้นรนแต่จะสู้แรงชายได้หรือ หวยมาออกที่เธอแทนที่จะเป็นอิง
“ไม่ต้องมากพิธีข้าร้อนใจ”“เรื่องการตายของเหยื่อที่ถูกควักหัวใจเมื่อคืน”“เปล่าเรื่องนั้นคนตายไปแล้วยังคงต้องสืบกันต่อไป แต่ที่ชินอี้ลืม ตุ้มหูมุกไว้นางไม่ให้ความสำคัญกับของที่ข้ามอบให้นาง พวกเจ้าคิดเช่นไรนางไม่มีใจให้ข้าเช่นนั้นหรือ หรือว่ารังเกียจข้า” @_@...๑_๑ สองงง“หลวนคุนท่านอาสาถามนางให้ไท่จื่อสิ” หลิ่งจือโยนเผือกร้อนให้หลวนคุนที่ทำหน้าตาปูเลี่ยนๆ“ไม่ต้องไม่ต้องข้ากลัวคำตอบ ที่ได้จะไม่เป็นดั่งใจหวังวันนี้เลยตั้งใจขอเสด็จพ่อและฮองเฮามาที่บ้านเจ้า เจรจากับนางดูท่าทีนาง และปรึกษากับพวกเจ้าเรื่องเหยื่อที่ถูกควักหัวใจไปด้วย” หลวนคุนทำสีหน้าแปลกไปเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีอกหักใช่ไหมแบบนี้“องค์รัชทายาทให้ข้าเชิญแม่นางชินอี้จะดีไหม” หลิ่งจือดึงชายเสื้อหลวนคุนไว้เหมือนจะบอกว่าอย่าเชียวนะของแบบนี้ใครดีใครได้ ไท่จือก็ไท่จือเถอะอิงหลิวยกน้ำชามาเสิร์ฟวันนี้นางแต่งกายด้วยสี ชมพูขาวสวยอ่อนหวานแต่ก็เงิบในเมื่อสามหนุ่ม มัวแต่หารือกันเรื่อง เหยื่อเคราะห์ร้ายวรากร นั่งริมศาลามองใบหลิวที่ร่วงลงสู่ผิวน้ำ เหมือนกับว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ความจริงมันก็สวยไปอีกแบบอิงหลิวนั่งลงข้างๆ“พี่สาว คิดอะไรอยู่ไม่ทร
“เช่นนั้น….ขออย่างอื่นแทน” สายตากรุ้มกริ่มทำเอาใจสั่น มองหน้าตาเขม็ง“เจ้าบังอาจเกินไปแล้ว ประเมินข้าสูงเอ๊ยข้าต่ำไป ข้ารู้จักกับหัวหน้ามือปราบของวังหลวง”“5555ใครเชื่อ อย่างเจ้าหน้าตาสะสวยแบบนี้คงเป็นนางคณิกาในห้องนางโลมที่ไหนสักแห่ง” @_@ ใช้มือเชยคางมนให้สบตา วรากรสะบัดหน้าหนีดิ้นรนแต่คนตัวใหญ่ แข็งแรงกว่าเยอะ ผู้หญิงตัวเล็กสูงแค่ร้อยหกสิบ จะสู้คนตัวโตได้อย่างไร เอวถูกตึง ก้มลงช้าๆ เหมือนจะประทับริมฝีปาก“อย่านะข้าร้องให้คนช่วย” ! _! อมยิ้มแต่วรากรไม่เห็นเพราะมีผ้าปิดปากจมูกไว้“ยิ่งร้องข้ายิ่งชอบนิยมขืนใจหญิงงาม” ! _!จะใจดีสู้เสือ“ข้าๆๆ” บีบน้ำตาร้องไห้เสียเลย“ข้า..ข้ากำลังอยากกลับบ้าน กำลังหลงทางท่านก็มาจับข้าไว้” ไท่จื่อใจเสียเมื่อเห็นน้ำตาผู้หญิง ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา อยากจะจูบซับน้ำตาให้ด้วยซ้ำไปแต่กลัวว่าความจะแตก“ปล่อยข้าไปเถอะนะนะนะ” กำลังอยากร้องไห้พอดี ไท่จื่อดึงร่างมากอดแนบแน่น“อย่าร้องเลยคนดี ข้าไม่แกล้งแล้ว” ปล่อยร่างบางออกลืมดัดเสียงวรากร ฉุกคิดขึ้นมาได้เหล่ตา“ไท่จื่อ” สะดุ้งเบาๆ“ข้าเอง” ดึงผ้าปิดปากจมูกออก ๑_๑ ผละออกจากอกของไท่จื่อ“555พอเห็นหน้ารีบถอยเลยหรือไร”“
“ท่านไม่ได้ถาม ไท่จื่อหรืออย่างไร” ย้อนมีย้อนหลวนคุนถอนหายใจ“ไปไหนก็ได้ข้าไม่ไดห้ามหากเจ้าพอใจแต่ตามมารยาทควรบอกข้าก่อนมิใช่หรือ” จริงของเขา มาอยู่บ้านเขาแต่ทำเหมือนเขาเป็นหัวหลักหัวตอ อิงหลิวมองหน้าคนนู้นที่คนนี้ที“ขอโทษ”กล่าวคำขอดทษอย่างขอไปทีหลวนคุน ชั่งใจ“ฝ่าบาท ฝ่านหลิวได้ข่าวเรื่อง ไท่จื่อให้ความสนิทสนมกับ สาวใช้ที่อาศัยอยู่ในบ้านของ มือปราบหลวนคุน” ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นจากกองฎีกา“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ” นวยนาดเข้าไปบีบเคล้นหลังไหล่“มีเสียงร่ำลือว่าไท่จื่อมอบของกำนัลแก่นางหลายชิ้น แล้วยัง แอบหนีออกไปเที่ยวเตร่ ที่หอนางโลมกับนาง” ฮ่องเต้ขมวคคิ้ว“นางเป็นใครมาจากไหน”“เป็นเพียงหญิงงามเร่ร่อน แซ่จาง”“ฐานะนางคงไม่ธรรมดา เพราะแซ่เดียวกับใต้เท้าจาง ขุนนางในราชสำนักผู้ดูแลทหารราชองครักษ์”“ฝ่าบาทนางไม่มีที่มาที่ไป ยิ่งระหว่างนี้มีคดีฆ่าคนควักหัวใจไม่แน่ว่าอาจเป็นนาง”“ฮองเฮาเจ้าหมายถึงนางเป็นจิ้งจอกเก้าหาง” ฮองเฮายิ้มหวาน“ฝ่าบาท การที่คิดอะไรรอบคอบดีกว่าเผอเรอและเสียใจภายหลังไท่จื่อเป็นดั่งดวงใจของฝ่าบาท หากเป็นอะไรไป ฝ่านหลิวเกรงว่าฝ่าบาทจะใจสลาย”“ขันทีเรียกไท่จื่อมาพบข้า” ไม่น
“ช่วยด้วยค่ะ น้องจมน้ำ ๆๆๆๆ” แต่เสียงลมทะเล ดังเสียจนกลืนเสียงของวรากรหายไปกับลมเวรล่ะ!_!เด็กฝุบโผล่อยู่ในน้ำ เด็กชายลุกขึ้นยืนคลานมาบนพื้นทราย แต่เด็กหญิงยังโดนคลื่นดูดลากออกไปเรื่อยๆ วรากรลุยน้ำลงไปจนชุดเปียก ชุดกี่เพ้าฟิตเกินจะทำอะไรได้ ได้แค่ยืนตรงๆ ก็ยากแล้ว เดินลงหมายฉุดเด็กหญิงให้ขึ้นมาแต่โดนคลื่นซัดจนล้มลงเช่นกันกลืนน้ำทะเลเค็มปี๋ กับทรายที่ซัดเข้าใสใบหน้าที่แต่งไว้ เสื้อผ้าเปียกไปทั้งตัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ลึกขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงครู่เดียว วรากรก็กินน้ำจนเกือบอิ่ม แทบจะขาดใจอยู่แล้ว อยู่ๆ ร่างบางก็ถูกยกพ้นผิวน้ำ โดยใครบางคนแต่วรากรหมดสติไปเสียแล้ว ร่างบึกบึนของชายหนุ่มนักแสดงสามคนที่เปิดเผยใบหน้าไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเหมือนเดิมอีกแล้วคือไท่จือ หลวนคุน และหลิ่งจือนั่นเอง หลิ่งจืออุ้มเด็กหญิงตัวน้อย ไท่จือและหลวนคุนช่วยวรากรให้ขึ้นมาบนหาดทรายมีคนมารุมล้อม เสียงผู้คนวิภาควิจารย์กันดังระงมยามฝั่งกันคนออกไปแจ้งหน่วยกู้ชีพนำวรากรส่งโรงพยาบาลบนเตียงสีขาว ภาพข่าวในโทรทัศน์ที่ผนังห้อง“นักแสดงไต้หวันสามคนช่วยเด็กหญิง และแฟนคลับจมน้ำขึ้นมาอย่างปลอดภัย” วรากรนอนม
รายการจบไปแล้ว แม้แต่หน้าก็ยังไม่เห็นรูปก็ไม่ได้ถ่าย มีแต่วรานนท์ที่ปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ถ่ายรูปกับคนนู้นคนนี้ เหมือนกับตัวเองเป็นดาราเสียเอง วรากรถูกแฟนคลับดันออกมาอยู่รอบนอก ดีนะแอบกินอะไรไปบ้างตอนกล้องหันหนี เลยค่อยยังชั่ว ไม่หิวเท่าตอนที่มาใหม่ๆ บอดี้การ์ดคุ้มกันสามหนุ่มนักแสดงให้ไปขึ้นรถทั้งสามเดินตรงมาที่วรากร เสียงกรีดยังลั่นไปทั่วบริเวณ หนึ่งในสาม ล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทั้งสามมายืนชิดวรากรคนหนึ่งล็อกคอ อีกคนทำท่าเหมือนจะจุ๊บแก้ม อีกคนใช้ศอกเท้าไปที่ไหล่บางถ่ายเซลฟี่ แฟนคลับวีดว้าย บอดี้การ์ดกันแฟนคลับออกไป ภาพเซลฟี่ที่วรากรทำหน้าเหลอหลากับสามหนุ่มไต้หวันที่กำลังโด่งดังถูกโพสน์ลงไอจีทันที หลายคนเปิดวาร์ปหาที่มาที่ไปของวรากร“พี่ดังแล้ว กระแสดีมากเลยนี่ ผมเข้าดูมีกระแสชื่นชมว่าพี่น่ารัก บางคนก็ฟินก็ฝันไปตามเรื่อง รายการก็ปังดาราก็รุ่งแถมพี่ยังจะได้มีกระแสไปตามเขาด้วย” วรานนท์ตื่นเต้นดีใจ“พรุ่งนี้ เช้าครับเดินทางไปภูเก็ตถ่ายอีกรายการหนึ่ง อย่าลืมนะครับ คุณต้องไปผมขอเบอร์ติดต่อด้วย” ผู้ควบคุมรายการยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้วรากร วรากรบอกเบอร์ของตัวเอง ผู้ควบคุมรายการยกมือขึ้นโบกก่อนจะจาก
เช้า ที่อากาศขมุกขมัวเต็มไปด้วย ฝุ่นควัน วรากรนึกถึง เกล็ดหิมะที่โปรยปราย สีขาวสะอาดตายามสูดลมหายใจเข้าไปความชื่นในอากาศทำเอา รู้สึกเย็นจับใจ“พี่ นนท์ว่าเรากินข้าวก่อนดีกว่าหิวมากเลย"“กินไรดีอะ”วรากรถาม“ไม่รู้”“ กินอาหารจีนไหม”วรานนท์มองหน้า“ฮั่นแน่ ชักจะชอบอะไรที่เป็นจีนๆ แล้วดิ”วรากรทุบกลางหลัง“เปล่าแต่พี่มีร้านแนะนำ”อีกคนยิ้ม“ไปๆๆ นำเลย”วรากรเดินนำร้านอาหารจีนขึ้นชื่อคนถึงกับต่อแถวเข้าคิวรอกิน วรานนท์ส่ายหน้าไปมา“คนเยอะจังพี่”“ของเขาดีจริง รอหน่อยอีกไม่กี่คนใจเย็น”นั่งสไลค์โทรศัพท์รอ แบบใจเย็นความจริงไม่หิวเท่าไหร่ถ้าไม่ติดน้องชายวรากรยังคงไม่กินแน่ขณะนั้นเอง นักแสดงไต้หวั่นชื่อเสียงโด่งดังทั้งสามคนต้องมาถ่ายทำรายการโปรโมตร้านอาหารจีนและแหล่งท่องเที่ยวในไทย บอดี้การ์ด วิ่งวุ่นเคลียร์พื้นที่กันวุ่นวายโต๊ะและเก้าอี้สนามถูกนำมาวางไว้ในมุมที่สวยที่สุดของร้าน กันคนที่ต่อแถว ให้ออกมายืนอีกทาง ตากล้องถ่ายเอาคนที่เข้าแถวรอกิน อาหารจีน ด้วยแถวที่ยาวเหยียดเป็นการการันตีว่าอาหารจีนร้านนี้เป็นต้นตำรับและอร่อยจริง วรานนท์มองสาวๆที่ตามมาชูป้ายไฟและกรี๊ดกันสนั่น วรากรส่ายหน้าเบื่อหน่าย
“ไม่ชอบ พี่ขอดูพวกเขาในซีรีส์ก็พอ ออกมาดูข้างนอกไม่หล่อ ชอบหนุ่มผมยาวนายก็รู้”วรานนท์หัวเราะเสียงใส“สาวๆ งี้กรีดกันเป็นแถว นนท์คาดว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะเล็กไปเลย”“ก็รู้นายก็ไม่ได้ไปดูเขาหรอกนายไปเหล่สาวๆ สิท่า”“พอๆๆ กลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่หรือ พี่อยู่คนเดียวได้”วรากร ออกปากไล่เพราะอยากอยู่คนเดียวลองทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ในนิยายนางเอกมักจะไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเพราะกลัวเขาหาว่าบ้า แต่วรากรไม่ใช่นางเอก“นนท์นายอยู่คุยกับพี่แป็บดิอย่าเพิ่งกลับ”“อ้าวเมื่อกี้ยังไล่อยู่เลยทำไมเปลี่ยนใจไวจัง”“เอ่อน่ามีเรื่องจะคุยด้วย”“ถ้าให้ไปซื้อหนังสือให้ไม่ทันแล้ว งานเขาหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน”วรากรถอนหายใจ น้องชาย นั่งลงข้างเตียงตามเดิม“พรุ่งนี้พ่อกับแม่มาใหม่นะ หนูพักผ่อนเยอะๆ นนท์นั่งแท็กซี่กลับเองนะลูก”“ค่ะแม่ คร้าบผม”ประสานเสียงกัน“พ่อกับแม่ไปแล้วมีอะไรพูดมาอย่าบอกนะว่าแอบชอบหมอ555”แววตาทะเล้น“จริงจัง หน่อย ตั้งใจฟัง”วรากรเล่าเรื่องราวที่ ผ่านมาตั้งแต่ตกบันไดจนถึงตอนที่ฟื้นมาน้องชายตั้งใจฟัง แต่บางครั้งก็ถามอะไรที่ไม่เข้าใจอย่างเช่นเรื่องของอิงหลิวและเรื่องที่ อยู่ๆ เรื่องราว
“ใต้เท้าจางพูดไว้ไม่ผิดข้าโดนปิดหูปิดตามองไม่เห็นสิ้งที่เจ้ากระทำแม้เจ้าจะหายออกไปในยามค่ำคืนสักกี่คืนที่ข้าลืมตาตื่นมาไม่พบเจ้า แต่ข้าก็ไม่เคยหวาดระแวงจนกระทั่งวันนี้”“ฝ่าบาท ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้ฝ่าบาท มองข้าคนเดียวไม่มีสนมนางอื่น”“เจ้าคิดอย่างไรว่าข้าจะมีหญิงอื่น”“ฝ่าบาทมีสิทธิ์เลือกมากมายวันใดเบื่อหน่ายในตัวข้าย่อมหาทางมีใหม่”“ฮองเฮาเจ้าดูถูกความรักข้าเกินไปแล้ว เสียทีที่ข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮาเพื่อสื่อถึงความรักสูงสุดของข้า”“ฝ่าบาท แต่เดิมมีสนมมากมายไม่สนใจใครเป็นพิเศษ มีแต่นางแพศยานั่นเท่านั้นที่ครองใจฝ่าบาทจนข้าอิจฉานางและสุดท้ายหัวใจของนางทำให้ฝ่าบาทมีข้าคนเดียว555” ฮ่องเต้ชี้มือ สั่นระริกไปที่ฮองเฮา“เจ้ามันเลือดเย็นเป็นเจ้าเองใช่ไหมที่ฆ่านาง ข้าไม่น่ารักเจ้าไม่น่าเทิดทูนเจ้า”“ฝ่าบาทอย่าใช้คำว่ารักกับข้า ข้าขยะแขยงมันเหลือเกินแต่ก่อนนั้นฝ่าบาทเทิดทูนแต่นางข้าแค่สนมปลายแถวที่มาถึงวันนี้ได้เพราะกัดกินหัวใจนาง กลิ่นอายของนางทำให้ฝ่าบาทลุ่มหลงเช่นนั้นมีหรือฝ่าบาทจะแต่งตั้งข้าเป็นฮองเฮา” แววตาเจ็บซ้ำไม่แพ้กัน“ฮองเฮา เจ้าอย่างไงก็เป็นฮองเฮาที่ข้ารัก และถึงตอนนี้ข้าก็ยังรัก
“มีเรื่องอะไรมาหลอกข้าอีกอิงหลิว”“พี่สาวอย่าโกรธอิงหลิวเลย”“ไม่นะข้าไม่เคยโกรธ เพียงแต่เสียความรู้สึกต่อความสัมพันธ์พี่น้องของเรา”“อิงหลิวทำทุกอย่างเพราะความริษยาพี่สาว ความจริงไม่ต้องการทำร้าย” หนอยจะกินหัวใจนี่นะไม่ทำร้าย“แล้วริษยาข้าทำไม”“ริษยาเพราะคุณชายหลวนคุน มีพี่สาวอยู่ในใจเพียงผู้เดียวไม่เหลียวแลใครแม่อิงหลิวจะพยายามเพียงใดก็ตาม อีกทั้งท่านแม่ต้องการให้ไท่จือกับอิงหลิวลงเอยกันแต่ไท่จือเองกับมีพี่สาวคนเดียวในหัวใจเช่นกันทำให้อิงหลิวทำการไม่สำเร็จ หลิ่งจือก็ชอบพอท่านทุกคนหลงรักพี่สาวจนหัวปักหัวปำ” วรากรเข้าใจทุกอย่างได้ดีผู้หญิงมักจะอิจฉากัน“หลวนคุนแต่แรกมองเจ้าด้วยสายตา อ่อนหวาน”“ใช่ อิงหลิวทราบดี แต่ตั้งแต่ครั้งที่ช่วยพี่สาวจมน้ำเขาก็เปลี่ยนไปไม่เคยมองอิงหลิวด้วยสายตาแบบนั้นอีกเลย พี่สาวรู้ไหมทำไม แม้แต่รสจูบที่เขาเคยจูบพี่สาวเขายังจำมันขึ้นใจ กับอิงหลิวเย็นชาเมินเฉย หากพี่สาวไม่อยู่ที่นี่แต่แรก คุณชายหลวนคุนต้องมีใจให้อิงหลิว พี่สาวรู้ไหมคุณชายเป็นรักแรกของอิงหลิวเป็นผู้ที่มีบุญคุณกับอิงหลิวมาก่อน แต่คงเป็นด้วยสวรรค์ลิขิตไว้แล้วเมื่อิงหลิวตัดสินใจออกมาพบคุณชายพี่สาวก็
“ไม่น่าเชื่อ ทำไมมีนางจิ้งจอกสองคน”หลวนคุนถลาเข้าหาวรากร พลิกตัวไปมาซ้ายขวา“ชินอี้ เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”T_Tน้ำเสียงอ่อนโยนห่วงใย วรากรยิ้มส่ายหน้าไปมา หลวนคุนคว้ามือที่ไท่จือพันผ้าขึ้นมาดู สวมกอดวรากรไม่อายสายตาใคร“เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้วข้าดีใจเสียจริง”อิงหลิวมองการกระทำนั้นด้วยดวงตาเศร้าสร้อย“ในเมื่อมีนางจิ้งจอกสองตัวแบบนี้แสดงว่าต้องมีการแอบอ้าง ข้าคงต้องหาความกระจ่าง”ฮ่องเต้ประกาศเสียงกร้าว“ฝ่าบาท นางจิ้งจอกที่ข้าหลวนคุนจับมา เป็นตัวปลอม ไม่ใช่แม่นางชินอี้แต่พยายามกลายร่างเป็นแม่นางชินอี้”หลวนคุน พูดขึ้น“ฝ่าบาท ต้องทรงสอบสวน ท่านมือปราบหลวนคุนรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นใคร”ฮองเฮาอดไม่ได้ที่จะแย้ง สายตาแทบจะกินเลือดกินเนื้ออิงหลิว“ต้องสอบสวนอย่างแน่นอน ตอนนี้ก็เบาใจได้ว่านางจิ้งจอกไม่ได้อยู่ใกล้ไท่จือแล้ว จัดเวรยามเฝ้าสองนางไว้ให้ดี””ฝ่าบาทก็เห็นๆแล้วว่า แม่นางชินอี้ คือแม่นางคนนี้”“เจ้าเอาอะไรมาตัดสิน”หลวนคุนอึกอักจะบอกอย่างไรว่าใช้เพียงความรู้สึกและรสจูบ“”ฝ่าบาท”หลิ่งจือ และ ใต้เท้าจาง คุกเข่าประสานมือคาราวะตรงหน้าฮ่องเต้ “วันนี้ใต้เท้าจางมาถึงนี่”ฮองเฮาหน้าถอดสีเมื่อใต้เท
เส้นผมหลุดหลุยมาข้างแก้ม วรากรก้มลงพิศใบหน้าหล่อจนใบหน้าเกือบชิดกันยกมือข้างที่ไม่เจ็บหยิบปอยผมให้พ้นใบหน้าหล่อเหลา คนที่หลับสนิทอยู่เมื่อครู่คว้าข้อมือบางไว้แน่นลืมตากลมโตดำสนิทจ้องมองวรากร ยิ้มเจ้าเล่ห์“จะลักหลับข้าหรือไร” @_@วรากรกะพริบตา“อะ” ยื่นหน้ามาหลับตาพริ้ม“ให้จูบฟรีๆ เดี๋ยวเจ้าจะเก้อที่อุตส่าห์อยากจูบข้า ..แต่ ...ข้าดันตื่นมาพบเสียก่อน” วรากรค้อนขวับ“ใครบอกข้าแค่เห็นว่าไท่จือดูแลข้า คงจะอ่อนเพลีย” วรากรพูดยังไม่ทันจบ“เจ้าก็เลยจะลักหลับข้า บอกข้าดีดีก็ได้ข้าพร้อมเสมอสำหรับเจ้า” มือข้างหนึ่งคว้าต้นคออีกข้าง สอดประสานเข้าไปในมือวรากร จูบหนักหน่วงโหยหาบดขยี้ริมฝีปากกับปากบางอย่างกับอดอยากมานาน อาจเป็นเพราะเมื่อคืนต้องหักห้ามใจตัวเองทั้งคืน“ไท่...จือ..อย่าเพคะ” เสียงอู้อี้ในลำคอของวรากร“ข้าต้องการเจ้าขินอี้เป็นของข้าเถอะ” คำพูดเชยๆ ของหนุ่มจีนโบราณวรากร นิ่งงัน คำพูดแบบนี้ถึงแม้จะฟังดูธรรมดาแสนเชยแต่ก็ทำเอาใจสั่นได้ดีทีเดียว ลืมแม้กระทั่งการปฏิเสธ รสจูบยังหวาน จนวรากรไม่อาจปฏิเสธมือใหญ่สำรวจไปทั่วร่างซอกซอนเข้าไปภายใต้เสื้อผ้าปากอุ่นยังเล้าโลมไม่หยุด วรากรยังไม่เคยต้องมือ
“ยังก่อน หรือว่ากลัวต้องอยู่กับข้าลำพัง ขยับตัวเข้าใกล้มองสบตานิ่งนางแปลงกลับหลบตา หลวนคุนเชยคางมนขึ้นมาสบตาก้มลงจุมพิตปากบางเบาๆ“ใจข้าจะขาดเมื่อเจ้าหายไป” นางแปลงนิ่ง เผยอริมฝีปากออกรับรสจูบหลวนคุน เผลอตัวกอดนางแปลง ด้วยความคนึงหา ผลักร่างบางให้เอนตัวลงกับแท่นนอนมือใหญ่ลูบไล้ทั่วร่าง ร่างบางกอดรัดหลวนคุนไว้แน่น หลวนคุนขมวดคิ้ว“คุณชายหลวน” หลวนคุนผงะผุดลุกขึ้นนั่ง“ขอโทษ เจ้าพักผ่อนเถอะชินอี้” ก้าวออกจากห้องไปทันทีหลวนคุนยืนพิงประตูห้อง สีหน้างงงันรสจูบไม่หวานเหมือนกับที่เคยจูบวรากร หรือเป็นเขาที่คิดมากไปกลิ่นกายที่เคยหอม บัดนี้กลับไร้ซึ่งกลิ่นหอม รสจูบจืดชืดเหมือนคนละคน แลบลิ้นเลียริมฝีปากเป็นเขาที่คิดมากไปแน่นอน สาวเท้าเดินออกจากตรงนั้นไป นางแปลงอมยิ้มพอใจกับบทจูบของหลวนคุนยิ่งนัก แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกริษยา แสดงว่าหลวนคุนคงจะเคยทำอะไรแบบนี้กับ ร่างนี้บ่อยๆยิ้มเหยียดที่ริมฝีปาก อีกนิดเดียวหลวนคุนก็จะยอมสยบให้แล้ว คงจะเป็นเพราะความเป็นบุรุษโดยแท้จึงไม่อาจ หักหาญน้ำใจหญิง แต่จะรู้ไหมว่าคราใดที่อยู่กับวรากรหลวนคุน สุดจะห้ามใจตัวเองได้จริงๆ สักที ยิ้มมุมปากพยายามอีกนิดก็จะสมหวังแล้ว