“บอกข้าสิชินอี้ทำไมจึงผลักไสข้าให้อิงหลิว” จะบอกอย่างไรว่าตัวเองเป็นแค่นักเขียนแล้วเรื่องนี้ถูกกำหนดตัวพระเอกนางเอกไว้แล้ว หลวนคุนก้มลงหมายจะจูบวรากรอีกครั้ง
“หลวนคุนท่านได้โปรดปล่อยข้า” ดันอกกว้างออกแต่ก็ไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนั้น หมดเรี่ยวหมดแรง
“ปล่อยก็ต่อเมื่อเจ้าพูดความจริง มิใช่แสร้งทำตลกไปวันๆ ให้ คนอื่นสนุกแต่บางอย่างในใจเจ้าข้ามองไม่ออกจริงๆ”
“นั้นอย่างไรละท่านคิดมากไปเอง” ดึงร่างของวรากรมาเผชิญหน้าแววตาอ้อนวอน
“ชินอี้ ข้าไม่เคยเป็นเช่นนี้”
“รู้แล้วง่า ท่านเมาคนเราเวลาเมาจะ..งอแงแล้วก็อารมณ์อ่อนไหว” วรากร พยายามหาทางออก แต่หลวนคุนกลับกอดแน่น จูบวาบหวามที่เขาบรรจงแสดงให้วรากรเข้าใจ หัวใจของเขา ถอนริมฝีปากออกยากเย็นวรากรเซแซ่ดๆ อย่างนี้เองเวลาอ่านเจอในนิยายเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเซ เซเพราะฤทธิ์พิศวาสมันจุกอก ตัวชา เสียวซ่านทำให้หมดเรี่ยวแรงขัดขืน
“ทำไมเจ้าต้องเสแสร้ง ในเมื่อแววตาของเจ้าบอกว่าคิดเหมือนกันกับข้า” ฮ้า...นายคิดเหมือนฉันไหมบีหนึ่ง ขำไม่ออก
คนเมาไม่พูดพล่ามซ้อนร่างบางของวรากรไว้ในอ้อมแขนกำลังจะอุ้มเข้าไปในห้อง วรากรดิ้นรนแต่จะสู้แรงชายได้หรือ หวยมาออกที่เธอแทนที่จะเป็นอิงหลิว
“นายท่าน เมื่อสักครู่มีคนพบศพ ชาวบ้านถูกควักหัวใจอีกรายที่ตรอกแคบๆ ในตลาด” บ่าวสองสามคนเข้ามารายงาน วรากรอายบ่าวจนแทบแทรกแผ่นดินหนีก็ในเมื่อคนอุ้มยังอุ้มอยู่อย่างนั้นไม่ปล่อย มาไม่กี่วันก็ให้เขาอุ้มเสียละ ยกมือปิดตาใครๆก็มองออกว่ากำลังจะโดนอุ้มไปทำอะไรคงไม่นึกเฮี้ยนลุกขึ้นมอุ้มกันเล่นๆ หรอก ซบหน้าลงบนอกกว้างอายจนไม่กล้าให้ใครเห็นหน้า หลวนคุนขมวดคิ้ว ก้มลงกระซิบข้างหูวรากร
“เรื่องของเราเอาไว้ก่อนตอนนี้มีเรื่องสำคัญ อย่าเพิ่งหนีไปไหนเสีย ข้าจะกลับมาในไม่กี่ชั่วยาม” วรากรหน้าแดง @_@มีสั่งมีสั่ง กะจะมาเจาะไข่แดงของวรากรสิท่าวางร่างบางลงบนพื้นถอดเสื้อคลุมคลุมร่างบอบบางให้กระซับเสื้อให้แน่น
“เดี่ยามาเอาเสื้อคืน” วรากรวิ่งเข้าไปในห้อง หลวนคุนอมยิ้มก่อนจะตามบ่าวรับใช้ออกไป
“ปิดประตูห้องเจ้าให้แน่นหนาไว้ข้ามาค่อยเปิด” มีแถม วรากรปิดประตูถอนหายใจยาวแต่ภายในใจกลับรู้สึกเป็นสุข นี่เราทำอะไรลงไป
ที่ตรอกแคบๆในตลาด หลวนคุนชันสูตรพลิกศพ จนเข้าใจอะไรบางอย่างบ้างแล้วอย่างน้อยก็รู้ว่า เป้าคนที่ถูกฆ่ามักจะเป็นหนุ่มแน่นที่ร่างกายแข็งแรง อายุไม่มากนักจากที่ดูเด็กหนุ่มคนนี้อายุคงจะเท่าๆ กับเสี่ยวเอินที่ตายไป
ตอนนี่เขามืดแปดด้าน (ไม่เกี่ยวกับ เรื่องของวรากร) แต่ที่มืดแปดด้านคือความจริงเขาเคยคิดว่าวรากรออาจจะเป็นจิ้งจอกเก้าหางตัวนั้นเพราะบุคลิกของนางช่างเหมือนลูกสุนัข แต่ทุกครั้งที่มีคนตายนางมักจะอยู่กับเขาในอ้อมกอดของเขา ทั้งสองครั้ง อิงหลิวเล่าที่เขารับนางไว้แต่แรกด้วยความสงสารเพราะ บุคลิกของนางตรึงตาตรึงใจ แววตาสีโศก นั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างจะบอกเขา แต่จะว่าไปตอนนี้เขาสงสัยใครไม่ได้เลยในเมื่อ สองสาวยังอยู่ที่นั่นในบ้านของเขา
หลิ่งจือรุดมาที่บ้านของหลวนคุนทันทีในเช้าวันต่อมาเกี่ยวกับการตายปริศนาของ เหยื่อเมื่อคืน
“ข่าวการตายเมื่อคืนแพร่สะพัดไปทั่วเขตวังหลวงทำเอามีการรวมตัวร้องเรียนให้หน่วยปราบปรามของวังหลวง ออกมาไขคดีให้เร็วที่สุด ฝ่าบาทรู้เรื่องแล้วและตั้งใจส่งข้ามาเพื่อช่วยท่าน นอกจากนี้องค์รัชทายาท ก็จะร่วมสืบคดีนี้ตามที่เคยบอก”
“ข้า ซันสูตรศพเมื่อวาน เหยื่อตายทันทีหลังจากการควักหัวใจแสดงว่าไม่มีการต่อสู้ใดๆ”
“ท่านสงสัยใครไหมหลวนคุน”
“ตอนนี้สิ่งที่ข้าเคยพบเจอกับอาจารย์เมื่อหลายปีก่อนย้อนมาให้ ครุ่นคิด”
“มันคืออะไรกันแน่”
“จิ้งจอกเก้าหาง”
“ท่านเชื่อว่ามันมีอยู่จริง แล้วที่ผ่านมามันหายไปไหนตั้งนาน” หลิ่งจือตั้งข้อสังเกต
“มีสองอย่างให้คิดตอนนี้คืออย่างแรก มันตายไปแล้วหรืออย่างหลังตอนนี้มันต้องการกลายร่างเป็นมนุษย์ถาวรเพราะการจะเป็นมนุษย์ถาวรของมันต้องกัดกินหัวใจของมนุษย์เพื่อให้ตัวเองมี ตะบะแก่กล้าจนกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ไม่มีใครสงสัย”
“ไท่จือเสด็จจจจ” คราวนี้มาเป็นขบวนไม่เดินดุ่มๆ เหมือนวรากรเคยว่าไว้
หลวนคุนกับหลิ่งจือลุกขึ้นคารวะ ไท่จื่อโบกมือ
“ไม่ต้องมากพิธีข้าร้อนใจ”“เรื่องการตายของเหยื่อที่ถูกควักหัวใจเมื่อคืน”“เปล่าเรื่องนั้นคนตายไปแล้วยังคงต้องสืบกันต่อไป แต่ที่ชินอี้ลืม ตุ้มหูมุกไว้นางไม่ให้ความสำคัญกับของที่ข้ามอบให้นาง พวกเจ้าคิดเช่นไรนางไม่มีใจให้ข้าเช่นนั้นหรือ หรือว่ารังเกียจข้า” @_@...๑_๑ สองงง“หลวนคุนท่านอาสาถามนางให้ไท่จื่อสิ” หลิ่งจือโยนเผือกร้อนให้หลวนคุนที่ทำหน้าตาปูเลี่ยนๆ“ไม่ต้องไม่ต้องข้ากลัวคำตอบ ที่ได้จะไม่เป็นดั่งใจหวังวันนี้เลยตั้งใจขอเสด็จพ่อและฮองเฮามาที่บ้านเจ้า เจรจากับนางดูท่าทีนาง และปรึกษากับพวกเจ้าเรื่องเหยื่อที่ถูกควักหัวใจไปด้วย” หลวนคุนทำสีหน้าแปลกไปเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีอกหักใช่ไหมแบบนี้“องค์รัชทายาทให้ข้าเชิญแม่นางชินอี้จะดีไหม” หลิ่งจือดึงชายเสื้อหลวนคุนไว้เหมือนจะบอกว่าอย่าเชียวนะของแบบนี้ใครดีใครได้ ไท่จือก็ไท่จือเถอะอิงหลิวยกน้ำชามาเสิร์ฟวันนี้นางแต่งกายด้วยสี ชมพูขาวสวยอ่อนหวานแต่ก็เงิบในเมื่อสามหนุ่ม มัวแต่หารือกันเรื่อง เหยื่อเคราะห์ร้ายวรากร นั่งริมศาลามองใบหลิวที่ร่วงลงสู่ผิวน้ำ เหมือนกับว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ความจริงมันก็สวยไปอีกแบบอิงหลิวนั่งลงข้างๆ“พี่สาว คิดอะไรอยู่ไม่ทร
วรากร วิ่งออกจากห้องนอนด้วยความเร่งรีบมัวแต่เขียนนิยาย วันนี้มีการลดราคาหนังสือ เที่ยงวันยันเที่ยงคืน แต่ประเด็นคือเธอดันจำวันผิดนี่ก็เหลืออีกไม่ถึงสองชั่วโมงจะหมดเวลาแล้ว คว้ากระเป่าถือวิ่งเร็วรี่ แต่ยังไม่ทันจะไปถึงไหน ก็ก้าวพลาด กลิ้งลงมาจากบันไดชั้นบนเสียงโครมคราม“โอ๊ยเจ็บจังเลย ขาหักไหมนี่” คลำขาตัวเองปรอยๆ รู้สึกเจ็บแปลบๆ กระแทกลงมาอย่างจังขนาดนั้นก้นกบพังไปแล้วม้างงงT_T ก้มลงมองขาตัวเองใช้มือบีบเบาๆ สายตานับสิบคู่มองมาที่วรากร ตอนนี้เองที่เธอรู้แล้วว่าไม่ใช่ที่บ้าน“นางเป็นใคร ใครกัน ใครเนี๊ยะ” กวาดตามองรอบๆ“เฮ้ย ที่ไหนเนี๊ยะ” ลองหลับตาดูลืมตายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดชาวจีนโบราณ รายล้อมรอบตัวเริ่มทะยอยเดินหายไปที่ละคนสองคน เสียงฝีเท้าม้าควบตรงเข้ามา วรากรเตรียมลุกแต่ไปไม่รอด ดันไปขว้างทางม้าแรงฉุดจากคนบนม้า ดึงร่างเล็กของวรากรลอยละลิ่วขึ้นไปนั่งบนหลังม้า“เฮ้ย” หันหน้าหันหลังร่างแนบชิดกับคนบนหลังม้าใบหน้าเฉยชาแต่หล่อลากไส้ ใครวะ@_@“เฮ้ยนี่มันพระเอกนิยายชัดๆ O_O” ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปวาด ริมฝีปากเรียวบาง คิ้วดกหนา ตาคมเข้มมือเรียวบางเหมือนผู้หญิงที่
“ข้าต้องรั้งอยู่ที่นี่รอนางฟื้นก่อน หากจะกลับก็เชิญแม่นางเดิน ไปทางนั้นได้เลย” @_@ จะบ้าเหรอกลับไปไหน กลับไปไหนได้“คือข้าช่วยเช็ดตัวให้นางดีกว่า” หลวนคุนฉีกชายเสื้อของเขาให้วรากรจุ่มน้ำเช็ดหน้าให้คนสวย หลวนคุนนั่งมองหน้านางเอกด้วยแววตาพึงพอใจ วรากรอมยิ้มคนสวยต้องคู่กับคนหล่อสักพักนางเอกก็รู้สึกตัว ขณะที่วรากรนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีพร้อมกับบีบนวดขาตัวเอง หลวนคุนรีบพยุงนางลุกขึ้นนั่ง“แม่นาง ท่านได้สติแล้ว” ดวงตาตื่นตกใจ ดึงรวบเสื้อผ้าที่วรากร คลายออกให้มันหลวมจนตึง“อย่า ๆ ๆ อย่าเข้ามานะ ท่านทำอะไรข้า แล้วใครเช็ดตัวให้ข้า” (บทนางเอกมาละ) หลวนคุนยิ้มบาดใจขำในท่าทางหวงเนื้อหวงตัวของนาง“แม่นาง คนอย่างข้า มีหญิงงามมากมาย ยอมเสนอตัวไม่จำเป็นต้องมาทำเรื่องเช่นนี้” นี่สิพระเอก555วรากรยิ้มมุมปากหุหุหุนางเอกค้อนวงใหญ่“นางเป็นคนเช็ดตัวให้เจ้า” บุ้ยใบ้มาทางวรากร ที่โบกมือหยอยๆ อยู่ห่างออกมา^_^ความเพื่อนนางเอกก็มา“ข้าหลวนคุน หัวหน้ามือปราบของวังหลวง” @_@ทีกับหญิงงามแล้วหัวหน้ามือปราบ อิ_อิ“ฝานอิงหลิว ขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยเหลือ” กิริยาอ่อนหวานงดงาม เหมือนกับถูกฝึกปรือมาอย่างดี“เหตุใด
“พี่สาวไม่คุ้นชินการแต่งกายเพียงลำพัง คงเคยกับการมีสาวใช้ข้างกาย อิงหลิวอาสาแต่งกายให้ท่านเอง” เวรกรรมQ_Qหลวนคุนมอง อิงหลิวด้วยสายตาที่มีแววประหลาด ผสมกันไประหว่างความพึงพอใจ และสายตาหวาน นับว่าวรากรเดาไม่ผิด ใครเห็นก็ต้องชอบ อิงหลิวสวยออกปานนั้นอาหารเย็นถูกจัดวางจนเต็มโต๊ะ วรากรตื่นตาตื่นใจ เขากินกันแบบนี้ใช่ไหม ของชอบทั้งนั้นอิงหลิวคีบส่งสิ่งของเข้าปากอย่างกับจะดมไม่ตระกละมูมมาม วรากรเลียนแบบบ้างแต่ก็ไม่เหมือน หลวนคุนคีบอาหารส่งให้อิงหลิวนางยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่ามองที่สุดหลวนคุนเผลอยิ้มตาม“แม่นางชินอี้ มีอะไรเกี่ยวพันกับใต้เท้าจาง” สายตาคาดคั้น เอาแล้วไงใต้เท้าจาง อุตส่าห์หาแซ่ที่มีคนใช้เยอะที่สุดในประเทศจีนยังไม่วาย“คือๆ ๆ ๆ ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวพันหรืออาจจะเกี่ยวพันก็..ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด พ่อชื่อจางเชียะโหยว่ ….แม่ชื่อจางเหมียน (ดารารุ่นใหญ่ของฮ่องกง) อยู่ห่างเมืองนี้ไปหลายพันลี้” หลวนคุนขมวดคิ้ว“แล้วทำไมถึงมาถึงที่นี่ได้”“ข้าหลงมา ..หา….คนบางคน…. ใช่ๆ ๆ พี่ชายขัา... หายตัวไปเราพลัดหลงกัน ข้าจึง... ออกตามหาเขา”๑_๑“มิน่า การเดินทางฝึกฝนคน แม่นางจึงสามารถขว้างหินแม่นอย่างกับจ
“คนร้าย ลงมือโหดเหี้ยมฆ่าแล้วยังควักหัวใจ ข้าตามมันไปแต่ไม่ทัน หายไปอย่างกับล่องหนได้” หลวนคุนบอกกับทุกคน“คนร้ายอำมหิตเกินมนุษย์ นายท่านพอจะมีเบาะแสหรือไม่” คนรับใช้ชายนายหนึ่งถามขึ้น“ข้าเห็นมันก็ตอน ที่วิ่งเข้าห้องแม่นางชินอี้ ดีที่ไม่ได้ทำร้ายแม่นางชินอี้อีก แต่ตามอย่างไรก็ไม่ทันหายไปกับตา เพิ่มเวรยาม ให้มากขึ้นตรวจตราให้รอบ จนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้ คืนนี้แยกย้ายกันได้แล้ว ศพของเสี่ยวเอินนำไปไว้ที่ด้านนู้นรอข้าชันสูตร” น้ำเสียงห้าวหาญบุคลิกของผู้นำ ที่น่าชื่นชม หันมาทางวรากร“แม่นางชินอี้คงตกใจไม่น้อย”วรากรโบกมือ“ไม่ไม่ ไม่เป็นไรข้าไปนอนดีกว่า” เดินหลบออกมา ตรงนั้นจึงเหลืออิงหลิวกับหลวนคุนสองคน อิงหลิวหลบตาคมของหลวนคุนที่จ้องมอง เดินมาทำทีพยุงวรากร หลวนคุนอมยิ้มตะโกนตามหลังทั้งสองสาว“ไม่ต้องกลัว ข้าจะดูแลความปลอดภัยให้เอง ปิดห้องของแม่นางทั้งสองให้ดีข้าจะให้เวรยามคอยตรวจตราหน้าห้องแม่นางทั้งสองอย่างเข้มงวด”วรากรถอนใจโล่งอกหรืออะไรไม่ทราบได้เช้าสดใส วรากรมองออกไปนอกหน้าต่างรู้แล้วว่านี่คือความจริงไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด ยังอยู่ตรงนี้ที่เดิมอยู่บนแท่นนอนที่เดิม มีน้อยเรื่องนิยายย้
ที่ลานธนูอย่างที่วรากรคิด หลวนคุนโอบอิงหลิวสอนนางยิงธนูอย่างแนบชิดอิงแอบมองไปก็ฟินไม่น้อย เหมือนในนิยายที่เขียนไว้เลย“หนึ่งสองสาม ปล่อย”อิงหลิวปล่อยลูกดอกออกตามคำสั่ง ลูกดอกพุ่งเข้าสู้เป้าหมายเปะ ไม่มีหลุดกรอบ วรากรปรบมือเสียงดัง หลวนคุนหันมามองวรากรมีอะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้น แววตาเหมือนจะบอกอะไร วรากรก้มหน้ามองพื้น หลิ่งจือ มองทั้งหลวนคุนและอิงหลิวแต่ไม่มีปฏิกิริยาใดใด อ้าวเฮ้ยผิดบท หลิ่งจือยังตัวติดกับวรากรแจ“แม่นางชินอี้ถ้าไม่รังเกียจ เชิญพำนักที่บ้านของท่านพ่อข้า”ชวนจริงจัง“นางพำนักที่นี่ดีแล้ว ข้าดูแลนางเอง”อ้าวเฮ้ยแย่งกันความหึง หรือวะก็มาด้วย@^@“ท่านพ่อนับว่าเป็นขุนนางระดับสูงหากจะปล่อยให้คนแซ่เดียวกัน ระเหเร่ร่อนก็ไม่เหมาะนัก”ไปกันใหญ่“พี่สาวอย่าไปเลยนะ อิงหลิวไร้ญาติขาดมิตรเห็นพี่สาวเป็น ญาติเพียงคนเดียวในตอนนี้”จริง จะช่วยให้พระเอกนางเอกสมหวังจะหนีไปอย่างไง“เห็นแก่อิงหลิว ข้าไว้หาโอกาสไปเยี่ยมใต้เท้าจาง จะดีกว่าตอนนี้ไม่อาจรบกวน”หลิ่งจือทำหน้าสลด“เช่นนั้น ข้าขอเป็นแขกประจำที่บ้านของท่านจะได้ไหม”ประโยคสุดท้ายหันไปทางหลวนคุน“ไม่ได้”วรากรรีบตอบแทน“ได้ข่าวว่าแม่นางตาม
“ไม่เป็นไร ข้าอยากลองมาหาอะไรทานเอง” สาวรับใช้ไม่ได้เซ้าซี้อะไร วรากรเธอจึงถือโอกาส หาของกินที่มีในครัวมานั่งกินที่ม้านั่งหน้าโรงครัวนั่นเองมีแต่ของชอบของวรากรไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้จีนหรือปลาแห้ง กินไปอยู่ๆน้ำตาก็ไหลคิดถึงบ้านคิดถึงน้ำพริกปลาทูคิดถึงข้าวหอมมะลิร้อนๆ ที่หอมที่สุดอร่อยที่สุด“ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมพอให้หันไป (O) ใครวะ รูปร่างสูงโปร่งแต่ขาวมากไปหน่อยของคนที่มองมา ใบหน้าหล่อเหลาก็จริงแต่มีบางอย่างที่วรากรไม่ชอบใจนักในสายตาคมนั้น แววหยิ่งทะนงนั่นเอง เหลือบมองเห็นป้ายหยกแกะสลักสวยงามที่ห้อยอยู่ข้างเอวหนา เสื้อผ้าถูกตัดอย่างประณีตบ่งบอกว่าไม่ใช่คนธรรมดา พระเอกมาแล้วพระรองมาแล้วอันนี้พระอะไรดี แต่ใครสนอะ กำลังเศร้าๆ อยู่T_T“แม่นาง ขอโทษที่มารบกวนการกินของแม่นางไม่ทราบแม่นางเป็นใคร”“เรื่องอะไรท่านเป็นใครทำไมข้าต้องบอกเสียมารยาทคนกำลังกินดันมากวนใจได้” คนถามยิ้มมุมปากท่าทางยียวน“หญิงงามบ้านนี้ ช่างกล้าหาญนัก” เอื้อมมือเชยคางวรากรที่สะบัดคางหนีมือใหญ่“องค์รัชทายาทโปรดอภัย แม่นางชินอี้นางมาจากต่างแคว้นไม่รู้ธรรมเนียมของที่นี่” หลวนคุนโผล่มาจากไหนพร้อมกับ อิงหลิว“ชินอี้555แม้นางไม่
มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าหรือว่า อ๋อจริงสิตอนนี้วรากรอาจเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่หายไป 555นึกออกแล้ว นางรอง (หรือตัวโกงวะ เรื่องนี้ไม่ยักกะมีตัวโกง) ในเมื่อเคยคิดไว้แค่พล็อตเขียนไปไม่กี่บรรทัดแค่ตอนที่นางเอกพบกับพระเอกที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นยังไม่ได้คิดต่อไป พระเอกเคยช่วยนางเอกไว้ ว่าแต่ก็สมบูรณ์แบบแล้วนี่ หลวนคุนช่วยอิงหลิวแล้วพระรองกับนางรอง ยังไม่ได้คิดว่าต้องเป็นใครอย่างไร แต่ตามบทพระรองต้องซัพพอตนางเอกนี่หลวนคุนยืนกอดอกมองอยู่ห่างๆ“ชินอี้อีกอย่างข้าอยากชวนเจ้าไปพบท่านพ่อ ...ข้าเล่าเรื่องของเจ้าให้ท่านพ่อฟังท่านพ่ออยากพบเจ้ามาก” ซวยแล้ว แซ่จางอะไรนี่ก็กุขึ้นมา“คือๆๆ ไว้ เจอกันวันเทศกาลไหว้พระจันทร์เลยทีเดียวดีกว่า” หลิ่งจือยิ้มบริสุทธิ์“แล้วแต่เจ้าเลย แค่เจ้ายอมไปตำหนักองค์รัชทายาทพร้อมข้าก็ดีใจแล้ว” หาทึกทักเอาเองใครจะไปพร้อมแกเห็ดหลินจือ“นางเป็นคนของบ้านข้า เช่นนั้นต้องไปพร้อมข้าถึงจะถูก” มาอีกคน เฮ้อ#_#เวงๆๆ ทำอย่างไรดีอุปาทานหมู่หรือเปล่าสงสัยต้องลดบทบาทตัวเองลงบ้าง“คือข้าไม่สบาย เป็นลมดีกว่า” หลิ่งจือรับร่างบางไว้ทัน สบตา หวานเยิ้ม โอ้มายก๊อด วรากรหลับตาปี้ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด
“ไม่ต้องมากพิธีข้าร้อนใจ”“เรื่องการตายของเหยื่อที่ถูกควักหัวใจเมื่อคืน”“เปล่าเรื่องนั้นคนตายไปแล้วยังคงต้องสืบกันต่อไป แต่ที่ชินอี้ลืม ตุ้มหูมุกไว้นางไม่ให้ความสำคัญกับของที่ข้ามอบให้นาง พวกเจ้าคิดเช่นไรนางไม่มีใจให้ข้าเช่นนั้นหรือ หรือว่ารังเกียจข้า” @_@...๑_๑ สองงง“หลวนคุนท่านอาสาถามนางให้ไท่จื่อสิ” หลิ่งจือโยนเผือกร้อนให้หลวนคุนที่ทำหน้าตาปูเลี่ยนๆ“ไม่ต้องไม่ต้องข้ากลัวคำตอบ ที่ได้จะไม่เป็นดั่งใจหวังวันนี้เลยตั้งใจขอเสด็จพ่อและฮองเฮามาที่บ้านเจ้า เจรจากับนางดูท่าทีนาง และปรึกษากับพวกเจ้าเรื่องเหยื่อที่ถูกควักหัวใจไปด้วย” หลวนคุนทำสีหน้าแปลกไปเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีอกหักใช่ไหมแบบนี้“องค์รัชทายาทให้ข้าเชิญแม่นางชินอี้จะดีไหม” หลิ่งจือดึงชายเสื้อหลวนคุนไว้เหมือนจะบอกว่าอย่าเชียวนะของแบบนี้ใครดีใครได้ ไท่จือก็ไท่จือเถอะอิงหลิวยกน้ำชามาเสิร์ฟวันนี้นางแต่งกายด้วยสี ชมพูขาวสวยอ่อนหวานแต่ก็เงิบในเมื่อสามหนุ่ม มัวแต่หารือกันเรื่อง เหยื่อเคราะห์ร้ายวรากร นั่งริมศาลามองใบหลิวที่ร่วงลงสู่ผิวน้ำ เหมือนกับว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ความจริงมันก็สวยไปอีกแบบอิงหลิวนั่งลงข้างๆ“พี่สาว คิดอะไรอยู่ไม่ทร
“บอกข้าสิชินอี้ทำไมจึงผลักไสข้าให้อิงหลิว” จะบอกอย่างไรว่าตัวเองเป็นแค่นักเขียนแล้วเรื่องนี้ถูกกำหนดตัวพระเอกนางเอกไว้แล้ว หลวนคุนก้มลงหมายจะจูบวรากรอีกครั้ง“หลวนคุนท่านได้โปรดปล่อยข้า” ดันอกกว้างออกแต่ก็ไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนั้น หมดเรี่ยวหมดแรง“ปล่อยก็ต่อเมื่อเจ้าพูดความจริง มิใช่แสร้งทำตลกไปวันๆ ให้ คนอื่นสนุกแต่บางอย่างในใจเจ้าข้ามองไม่ออกจริงๆ”“นั้นอย่างไรละท่านคิดมากไปเอง” ดึงร่างของวรากรมาเผชิญหน้าแววตาอ้อนวอน“ชินอี้ ข้าไม่เคยเป็นเช่นนี้”“รู้แล้วง่า ท่านเมาคนเราเวลาเมาจะ..งอแงแล้วก็อารมณ์อ่อนไหว” วรากร พยายามหาทางออก แต่หลวนคุนกลับกอดแน่น จูบวาบหวามที่เขาบรรจงแสดงให้วรากรเข้าใจ หัวใจของเขา ถอนริมฝีปากออกยากเย็นวรากรเซแซ่ดๆ อย่างนี้เองเวลาอ่านเจอในนิยายเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเซ เซเพราะฤทธิ์พิศวาสมันจุกอก ตัวชา เสียวซ่านทำให้หมดเรี่ยวแรงขัดขืน“ทำไมเจ้าต้องเสแสร้ง ในเมื่อแววตาของเจ้าบอกว่าคิดเหมือนกันกับข้า” ฮ้า...นายคิดเหมือนฉันไหมบีหนึ่ง ขำไม่ออกคนเมาไม่พูดพล่ามซ้อนร่างบางของวรากรไว้ในอ้อมแขนกำลังจะอุ้มเข้าไปในห้อง วรากรดิ้นรนแต่จะสู้แรงชายได้หรือ หวยมาออกที่เธอแทนที่จะเป็นอิง
“แม่นางชินอี้ไท่จือตั้งใจมอบให้แม่นางรับไว้เถอะ”หลิ่งจือ สำทับ วรากรหยิบเอาของที่เล็กที่สุดในนั้นตุ้มหูมุกสีขาว มากำไว้ไท่จือมองวรากรด้วยสายตาชื่นชม“แม่นางชินอี้รสนิยมการเลือกของของแม่นางไม่ธรรมดาสิ่งนั้นคือไข่มุกน้ำจืดที่หายาก กว่าจะเติบโตต้องใช้เวลายาวนานจึงทรงคุณค่า” วรากรเบิกตาโพลงโห พลาดอีกแล้วคนที่ชอบทำอะไรก็ใช่“ไท่จืออิงหลิว อยากได้สักชิ้นไท่จือเลือกให้อิงหลิว” ไม่อยากพูดว่าอิงหลิว แต่ก็นะอะไรทำให้อิงหลิวเปลี่ยนไปขนาดนี้ ไท่จื่อเลือกหยิบสร้อยลูกปัดหินสีสวยงามส่งให้อิงหลิว อิงหลิวรับมา ทำท่าจะสวมทันทีไท่จื่อจึงต้องสวมให้อิงหลิวด้วยความเป็นสุภาพบุรุษวรากรเดินหลบออกมา เฮ้อเริ่มไม่อยากอยู่ที่นี่ละ กลัวเหลือเกินกลัวใจตัวเองจะ อิจฉาอิงหลิวอิจฉาอะไรอิจฉาความกล้าของอิงหลิวรู้สึกมึนหัว นิดหน่อยลุกขึ้นยืนก็ดันจะล้ม หลิ่งจืออยู่ใกล้คว้าตัวไว้ทันเผลอสบตาที่จริงใจนั้น นี่ก็อีกคนทำใจไหวยวบสายตาบ่งบอกอะไรบางอย่างทำเอาใจสาวไหวเอนเหมือนจะนึกได้ว่ามันทำให้ใจสั่น ทำท่าจะปล่อยวรากรให้ไปกองกับพื้นวรากรเกาะแขนไว้แน่น หลิ่งจือยิ้มหล่อฉุดแขนวรกรขึ้นมา“แม่นางชิ้นอี้ คงจะเริ่มเมาแล้ว ข้าอนุญาตให้แ
“ในโถงกว้างอาหารเลิศรสมากมาย วรากรตื่นตาตื่นใจกลับ ของกินที่หลากหลาย ทำไมมันเยอะขนาดนี้กินไม่กี่คนเองสะลัดมือไท่จื่อออก ดึงมืออิงหลิวไปหาของกินด้วยกัน อิงหลิวสงวนท่าทีในตอนแรกต่อมาก็ไม่ต่างจากวรากร อิ่มแปร้“แม่นางชินอี้ สุราเลิศรสนี้ข้าดื่มให้แม่นาง” ไทจื่อ ส่งจอกสุราให้วรากรเหลือบมองหลวนคุนที่พยักหน้าให้รับไว้ วรากรรับมาดื่มรวดเดียวหมด 555หอมหวานที่ซู๊ดดเลย เหล้าอะไรจะอร่อยขนาดนั้น“อร่อยจัง”“อีกจอกเป็นไง” ไทจื่อให้ขันทีรินให้อีกจอก วรากรรับมาดื่มอย่างว่าง่าย“อิงหลิว เจ้าดำเนินแผนการไปถึงไหน” ฮองเฮาที่มีใบหน้างดงาม ไม่ต่างจากสาวๆ ทั้งที่หากรวมอายุแล้วไม่น้อยกว่าพันปี“ท่านแม่ลูกๆๆๆ กำลัง หาทางเข้าใกล้องค์รัชทายาท”“ดี มาก เจ้าทำได้ดีตำแหน่งราชินี ของเผ่าจิ้งจอกเราเป็นเจ้าที่ได้สืบทอด หากเจ้าจะให้ข้ามั่นใจมอบมันให้เจ้าเจ้าต้องได้ตำแหน่งไทจื่อเฟย เช่นนั้นถึงจะมั่นคง”“ท่านแม่องค์รัชทายาท มีชายาหลายคนอยู่แล้ว อิงหลิวจะมีทางทำให้ตัวเองได้เป็นไทจื่อเฟยได้อย่างไร”“ทุกอย่างที่พร่ำสอนอย่างไรละอิงหลิว ต้องทุกอย่างรวมมันเข้าด้วยกันจะสามารถทำสำเร็จได้”“ท่านแม่อิงหลิว”“หากลังเล เจ้าก็จะทำใ
สองหนุ่มที่เหลือมองตาไม่กะพริบ วรากรดึงมือออกจากมือองค์รัชทายาท แต่กลับดึงไม่ออกก็เมื่ออีกคนกำมือไว้แน่นขนาดนั้นดึงมือจนเซไปซบอกกว้าง (มาเหนือเมฆกว่าคนอื่น) @_@“เช่นไรแม่นางซินอี้” ยื่นหน้ามาใกล้ เจ้างดงามเช่นนี้จึงรังเกียจจะเดินเคียงข้างข้าเช่นนั้นหรือ”วรากรส่ายหน้าคิดหาคำราชาศัพท์ เออไม่เห็นใครเขาพูด จำได้แต่เฉินเมอ ตกใจทีไรเฉินเมอทุกที“พวกท่านเห็นไหม หญิงงามแคว้นเราไม่มีใครเหมือนนางสักคนไม่พอใจข้าถึงกับไม่พูดกับข้าไปเลยทีเดียวเชียว” หลิ่งจือยิ้มเจื่อนๆ หลวนคุนมองสบตาวรากรแต่เพียงแวบเดียว“ข้าไม่ใช่คนในแคว้นท่าน เช่นนั้นท่านก็มิใช่ไทจื่อของข้าเช่นกันเหตุใดต้องคอยดีกับท่านด้วย”“5555นางช่างกล้าเช่นนั้นข้าให้ใครพาตัวนาง ไปส่งถึงห้องบรรทมข้าเลยดีไหม จะได้รู้เสียทีว่าองค์รัชทายาทของแคว้นเราทำอะไรได้บ้าง” &_&วรากร เริ่มหัวเสียคน คนนี้ทำให้หัวเสียได้ดีจริงจะรับมืออย่างไร มองหลวนคุนแต่เขากลับเสมองเสียทางอื่น หลิ่งจือประสานมือ“ไท่จือในฐานะที่นางมากับหลิ่งจือ หลิ่งจือจึงขออภัยแทนแม่นางชินอี้ด้วย”“555คนอย่างข้า หากอยากได้สิ่งใดแม้ยากเย็นแสนเข็ญก็ไม่อาจปล่อยทิ้งไปได้ ได้ข้ายอมลดตัวลงมาเทีย
“พี่สาวสี โอโรสขับผิวพี่สาว หรือว่าสีแดงเหมือนข้าดี สีเหลืองไหมรับรอง หนุ่มๆ มองกันจนตาไม่กระพริบ”“555มองเพราะสมเพช นะสิคงคิดว่าทำไมขี้เหร่ขนาดนี้”“ไม่นะ อย่างน้อยตอนนี้บ่าวก็บอกว่าหลิ่งจือมายืนรอพี่สาวหน้าบ้าน” วรากรยิ้มจางๆหลวนคุนยืนอยู่ข้างนอกนั้น พร้อมกับกล้องไม้ใบใหญ่ ยืนเคาะประตูทั้งๆที่มันเปิดอยู่วรากร เพียงแค่เหลือบตามองก่อนจะแกล้งเดิน ไปหาเลือกชุด“ข้าให้เจ้าแม่นางชินอี้สวมมันเสียวังหลวงหาใช่ที่จะแต่งกายตามใจ” อิงหลิวเดินมารับ หลวนคุนหันหลังกลับทันที อิงหลิวถือวิสาสะเปิดกล่องออกดู เสื้อสีชมพูปนขาวบางเบางดงาม อิงหลิวทำตาโต"พี่สาว สวยจริง ๆ คุณชายหลวนคุนมีน้ำใจกับเราสองคนเหลือเกิน” วรากรยิ้ม^_^ไม่มีบทฮาๆ ในเมื่อเข้าหน้าเขาไม่ติด อิงหลิวเดินมาถอดชุดของ วรากรออกสวมชุดใหม่ให้ทันทีใครอีกคนในกระจก ใบหน้าสวยใส ริมฝีปากสีเดียวกับชุด ผมถูกกล้าครึ่งหัวปล่อย ด้านหลังยาวสลวย อิงหลิวค่อยๆ ปักปิ่นหยกสีแดงให้ หันตัววรากรไปมา“พี่สาวสวยที่สุดเลยคืนนี้ ข้าน้อยขอคารวะ” อิงหลิวย่อตัวทีเล่นทีจริง วรากรยิ้ม“สู้เจ้าได้หรือน้องสาว ประเมินข้าสูงไปแล้ว”หัวเราะพร้อมกัน“หากความกังวลในใบหน้าหายไป
“นั่งลง ๆ” หลวนคุนตะโกนลั่น อิงหลิวหน้าเสียจับขอบเรือไว้ด้วยมือทั้งสอง วรากรจงใจเหยียบเรือข้างหนึ่งให้เอียงก่อนที่เรือจะคว่ำ คนทั้งสามร่วงลงสู่พื้นน้ำที่เย็นเฉียบ หลวนอิงปล่อยไม้พายมองหาสองสาว วรากรกระหยิ่มใจใจเดี๋ยวต้องไปช่วยอิงหลิวตามแผน วรากรพยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง อิงหลิวว่ายน้ำไวมากจนถึงฝั่งไปแล้ว แต่วรากร ….กรรมดันเป็นตะคริวที่ขาเพราะน้ำเย็นจัด จมลงสู่พื้นน้ำพยายาม ที่จะโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำแต่ยิ่งดำดิ่งลงไปเกือบจะหมดลมหายใจ ภาพที่ตัวเองตกบันไดลงไปจากชั้นสอง ข้างล่างนั้นน้องชายเขย่าร่างที่ไม่ไหวติงด้วยแรงทั้งหมด กิริยาของน้องชายคือตะโกนเสียงดังลั่น แต่วรากรไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อยแม่กับพ่อที่พากันวิ่งมาดูวรากร อยู่ๆน้ำตาก็ไหลเกือบจะหมดลมนั่นเองหลวนคุน ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ใบหน้า รางเลือนในน้ำนั่น พยายามจะเข้ามาหาวรากร สติดับวูบลงไปทันทีกลืนน้ำเข้าไปเต็มกระเพาะริมฝีปากรับรู้ถึงการถูกสัมผัส ลมหายใจอุ่นๆ ถูกส่งผ่านมายังริมฝีปาก หลวนคุนกอดดึงร่างขึ้นสู่ผิวน้ำเย็นยะเยือก สะดุ้งสุดตัว รู้สึกแน่นท้องกินน้ำจนอิ่ม พยายามจะอ้วกแต่ไม่มีอะไรออกมา อิงหลิวลูบหลังลูบไหล หลวนคุนยืนมองผ้าห่มผืนหนา
มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าหรือว่า อ๋อจริงสิตอนนี้วรากรอาจเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่หายไป 555นึกออกแล้ว นางรอง (หรือตัวโกงวะ เรื่องนี้ไม่ยักกะมีตัวโกง) ในเมื่อเคยคิดไว้แค่พล็อตเขียนไปไม่กี่บรรทัดแค่ตอนที่นางเอกพบกับพระเอกที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นยังไม่ได้คิดต่อไป พระเอกเคยช่วยนางเอกไว้ ว่าแต่ก็สมบูรณ์แบบแล้วนี่ หลวนคุนช่วยอิงหลิวแล้วพระรองกับนางรอง ยังไม่ได้คิดว่าต้องเป็นใครอย่างไร แต่ตามบทพระรองต้องซัพพอตนางเอกนี่หลวนคุนยืนกอดอกมองอยู่ห่างๆ“ชินอี้อีกอย่างข้าอยากชวนเจ้าไปพบท่านพ่อ ...ข้าเล่าเรื่องของเจ้าให้ท่านพ่อฟังท่านพ่ออยากพบเจ้ามาก” ซวยแล้ว แซ่จางอะไรนี่ก็กุขึ้นมา“คือๆๆ ไว้ เจอกันวันเทศกาลไหว้พระจันทร์เลยทีเดียวดีกว่า” หลิ่งจือยิ้มบริสุทธิ์“แล้วแต่เจ้าเลย แค่เจ้ายอมไปตำหนักองค์รัชทายาทพร้อมข้าก็ดีใจแล้ว” หาทึกทักเอาเองใครจะไปพร้อมแกเห็ดหลินจือ“นางเป็นคนของบ้านข้า เช่นนั้นต้องไปพร้อมข้าถึงจะถูก” มาอีกคน เฮ้อ#_#เวงๆๆ ทำอย่างไรดีอุปาทานหมู่หรือเปล่าสงสัยต้องลดบทบาทตัวเองลงบ้าง“คือข้าไม่สบาย เป็นลมดีกว่า” หลิ่งจือรับร่างบางไว้ทัน สบตา หวานเยิ้ม โอ้มายก๊อด วรากรหลับตาปี้ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด
“ไม่เป็นไร ข้าอยากลองมาหาอะไรทานเอง” สาวรับใช้ไม่ได้เซ้าซี้อะไร วรากรเธอจึงถือโอกาส หาของกินที่มีในครัวมานั่งกินที่ม้านั่งหน้าโรงครัวนั่นเองมีแต่ของชอบของวรากรไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้จีนหรือปลาแห้ง กินไปอยู่ๆน้ำตาก็ไหลคิดถึงบ้านคิดถึงน้ำพริกปลาทูคิดถึงข้าวหอมมะลิร้อนๆ ที่หอมที่สุดอร่อยที่สุด“ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมพอให้หันไป (O) ใครวะ รูปร่างสูงโปร่งแต่ขาวมากไปหน่อยของคนที่มองมา ใบหน้าหล่อเหลาก็จริงแต่มีบางอย่างที่วรากรไม่ชอบใจนักในสายตาคมนั้น แววหยิ่งทะนงนั่นเอง เหลือบมองเห็นป้ายหยกแกะสลักสวยงามที่ห้อยอยู่ข้างเอวหนา เสื้อผ้าถูกตัดอย่างประณีตบ่งบอกว่าไม่ใช่คนธรรมดา พระเอกมาแล้วพระรองมาแล้วอันนี้พระอะไรดี แต่ใครสนอะ กำลังเศร้าๆ อยู่T_T“แม่นาง ขอโทษที่มารบกวนการกินของแม่นางไม่ทราบแม่นางเป็นใคร”“เรื่องอะไรท่านเป็นใครทำไมข้าต้องบอกเสียมารยาทคนกำลังกินดันมากวนใจได้” คนถามยิ้มมุมปากท่าทางยียวน“หญิงงามบ้านนี้ ช่างกล้าหาญนัก” เอื้อมมือเชยคางวรากรที่สะบัดคางหนีมือใหญ่“องค์รัชทายาทโปรดอภัย แม่นางชินอี้นางมาจากต่างแคว้นไม่รู้ธรรมเนียมของที่นี่” หลวนคุนโผล่มาจากไหนพร้อมกับ อิงหลิว“ชินอี้555แม้นางไม่