“พี่สาวไม่คุ้นชินการแต่งกายเพียงลำพัง คงเคยกับการมีสาวใช้ข้างกาย อิงหลิวอาสาแต่งกายให้ท่านเอง” เวรกรรมQ_Q
หลวนคุนมอง อิงหลิวด้วยสายตาที่มีแววประหลาด ผสมกันไประหว่างความพึงพอใจ และสายตาหวาน นับว่าวรากรเดาไม่ผิด ใครเห็นก็ต้องชอบ อิงหลิวสวยออกปานนั้น
อาหารเย็นถูกจัดวางจนเต็มโต๊ะ วรากรตื่นตาตื่นใจ เขากินกันแบบนี้ใช่ไหม ของชอบทั้งนั้นอิงหลิวคีบส่งสิ่งของเข้าปากอย่างกับจะดมไม่ตระกละมูมมาม วรากรเลียนแบบบ้างแต่ก็ไม่เหมือน หลวนคุนคีบอาหารส่งให้อิงหลิวนางยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่ามองที่สุดหลวนคุนเผลอยิ้มตาม
“แม่นางชินอี้ มีอะไรเกี่ยวพันกับใต้เท้าจาง” สายตาคาดคั้น เอาแล้วไงใต้เท้าจาง อุตส่าห์หาแซ่ที่มีคนใช้เยอะที่สุดในประเทศจีนยังไม่วาย
“คือๆ ๆ ๆ ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวพันหรืออาจจะเกี่ยวพันก็..ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด พ่อชื่อจางเชียะโหยว่ ….แม่ชื่อจางเหมียน (ดารารุ่นใหญ่ของฮ่องกง) อยู่ห่างเมืองนี้ไปหลายพันลี้” หลวนคุนขมวดคิ้ว
“แล้วทำไมถึงมาถึงที่นี่ได้”
“ข้าหลงมา ..หา….คนบางคน…. ใช่ๆ ๆ พี่ชายขัา... หายตัวไปเราพลัดหลงกัน ข้าจึง... ออกตามหาเขา”๑_๑
“มิน่า การเดินทางฝึกฝนคน แม่นางจึงสามารถขว้างหินแม่นอย่างกับจับวางใส่มือสังหารที่ลอบสังหารข้าได้ นับว่าแม่นางฝีมือไม่เลว ข้าน้อยหลวนคุนขอคารวะ” วรากรยิ้มตาหยี*_*
“ไม่เท่าไหร่ ไม่เท่าไหร่แค่บังเอิญ”@_@กล่าวเกินไปแล้ว
“ไว้ พี่สาวสอนอิงหลิว ขว้างหินบ้าง”เอาจริงเหรอ555
“ข้าชอบยิงธนู ชำนาญด้านการแม่นธนู แม่นางอิงหลิวสนใจเรียน ยิงธนูหรือไม่” หลวนคุนหันไปถามอิงหลิว
“สนๆ ๆ ไปเลยอิงหลิวเรียนยิงธนู”สนับสนุนเต็มที่
“เช่นนั้นข้าถือว่าแม่นางชินอี้รับปาก แทนแม่นางอิงหลิวแล้ว”
อากาศสดชื่นเย็นสบาย วรากรถอดเสื้อชุดร่มร่ามออกเหลือเพียงชุดสีขาวกับกางเกงนอนด้านในทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนที่นอนคิดว่าเขียนนิยายย้อนยุคมาต้้งหลายเรื่อง นางเอกกลับไปได้ไหมหนอ หากกลับไปไม่ได้จะทำอย่างไรดี แต่ถ้ากลับไปได้ส่วนมากจะจบแบบดราม่า วรากรได้เปรียบก็ในเมื่อรู้ว่า หากไม่ถึงเวลาไม่มีทางที่จะกลับไปได้การที่เข้ามาในนี้แสดงว่าเป็นพรหมลิขิต หรือมีเงื่อนไข หรือว่าต้องให้วรากรมาแก้ไขอะไรบ้างอย่างมันไม่ใช่แค่นิยาย แต่สัมผัสได้จริงๆ เผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนดึก เสียงกุกกักในห้องของอิงหลิว วรากรบทจะเผือกก็ชอบเผือกอดไม่ได้ หรือว่า555 พระเอกแอบเข้ามาหานางเอกตามบทหรือเปล่าว้า แบบว่านอนไม่หลับ นึกเห็นภาพใบหน้าของนางเอกจนต้องหาเรื่องไปบอกลานางก่อนนอน หรือแอบไปแตะนิดแตะหน่อยอ่อยๆ กันไป ฮาาา
เจาะรู ห้องกระดาษใช้สายตาที่เหมือนเหยี่ยวของตัวเอง (ประเมินตัวเองสูงไปหรือเปล่า) มองลอดช่องเข้าไป อิงหลิวยื่นหันหลังเหมือนกำลังคุยกับใครอยู่ วรากรหน้าแดงถอยออกจากข้างฝาวิ่งไปทิ้งตัวลงนอนบนที่นอน นึกวาดภาพความฟินสูงสุดระหว่างหลวนคุนกับอิงหลิวจะมี แบบโหดๆ ดึงกันไปมาล้มทับกันหรือเปล่าหนอหรือว่าQ_Q จูบกันไปแล้ว555 หลับไหลในนิทรารมณ์อากาศเย็นเหมือนกับมีเครื่องปรับอากาศ
เสียงเคาะประตูรัว ๆ วรากรเปิดประตูออกไป หลวนคุนโผล่พรวดเข้ามา ศีรษะกระแทกวรากรอย่างจังหงายหลังแต่หลวนคุนก็คว้า เอวไว้ทันล้มทับกัน ใบหน้าคมใกล้แค่ปลายนิ้ว วรากรอึ้งแต่ไม่ทันได้สบตาคมเหมือนในนิยาย หลวนคุณลุกพรวดพราดวิ่งไล่ตามเงาอะไรบางอย่างที่อยู่ในห้องของวรากร ทะยานขึ้นหลังคาตามเงาดำนั้นไป เสียงอื้ออึงความโกลาหลเริ่มบังเกิดขึ้น
แสงไฟจากคบไฟสว่างไสว เสียงคนพูดบ้างก็เสียงวิ่ง วรากรออกจากห้องไปพบกับ สาวใช้คนที่นำเสื้อผ้ามาให้พอดี
“เกิดอะไรขึ้น”
“แม่นาง เสี่ยวเอิน ถูกฆ่าตาย” วรารเบิกตาโพลง รีบวิ่งตามทางที่หลายคนกำลังเดินไป #_#เรื่องเผือกขอให้บอกถนัดนัก
เสี่ยวเอิน นอนตัวแข็งทื่อคว่ำหน้าอยู่ตรงนั้น หลวนคุนทะยานลงมาจากหลังคาพลิกร่างเสี่ยวเอินให้หงายหน้า เลือดไหลนอง เต็มอกหัวใจถูกควักออกไป หลวนคุนขมวดคิ้ว วรากรเพิ่งรู้สึกตัวคราวนี้เองว่ากลัวจริงๆ จนเกือบจะเป็นลมก็ในเมื่อกลิ่นคาวเลือดคละคุ้งจนน่าคลื่นเหียน!_!
อิงหลิวประคอง วรากรไว้ในเมื่อวรากรเซไปด้านหลัง อย่างไม่ทันระวังตัว
“คนร้าย ลงมือโหดเหี้ยมฆ่าแล้วยังควักหัวใจ ข้าตามมันไปแต่ไม่ทัน หายไปอย่างกับล่องหนได้” หลวนคุนบอกกับทุกคน“คนร้ายอำมหิตเกินมนุษย์ นายท่านพอจะมีเบาะแสหรือไม่” คนรับใช้ชายนายหนึ่งถามขึ้น“ข้าเห็นมันก็ตอน ที่วิ่งเข้าห้องแม่นางชินอี้ ดีที่ไม่ได้ทำร้ายแม่นางชินอี้อีก แต่ตามอย่างไรก็ไม่ทันหายไปกับตา เพิ่มเวรยาม ให้มากขึ้นตรวจตราให้รอบ จนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้ คืนนี้แยกย้ายกันได้แล้ว ศพของเสี่ยวเอินนำไปไว้ที่ด้านนู้นรอข้าชันสูตร” น้ำเสียงห้าวหาญบุคลิกของผู้นำ ที่น่าชื่นชม หันมาทางวรากร“แม่นางชินอี้คงตกใจไม่น้อย”วรากรโบกมือ“ไม่ไม่ ไม่เป็นไรข้าไปนอนดีกว่า” เดินหลบออกมา ตรงนั้นจึงเหลืออิงหลิวกับหลวนคุนสองคน อิงหลิวหลบตาคมของหลวนคุนที่จ้องมอง เดินมาทำทีพยุงวรากร หลวนคุนอมยิ้มตะโกนตามหลังทั้งสองสาว“ไม่ต้องกลัว ข้าจะดูแลความปลอดภัยให้เอง ปิดห้องของแม่นางทั้งสองให้ดีข้าจะให้เวรยามคอยตรวจตราหน้าห้องแม่นางทั้งสองอย่างเข้มงวด”วรากรถอนใจโล่งอกหรืออะไรไม่ทราบได้เช้าสดใส วรากรมองออกไปนอกหน้าต่างรู้แล้วว่านี่คือความจริงไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด ยังอยู่ตรงนี้ที่เดิมอยู่บนแท่นนอนที่เดิม มีน้อยเรื่องนิยายย้
ที่ลานธนูอย่างที่วรากรคิด หลวนคุนโอบอิงหลิวสอนนางยิงธนูอย่างแนบชิดอิงแอบมองไปก็ฟินไม่น้อย เหมือนในนิยายที่เขียนไว้เลย“หนึ่งสองสาม ปล่อย”อิงหลิวปล่อยลูกดอกออกตามคำสั่ง ลูกดอกพุ่งเข้าสู้เป้าหมายเปะ ไม่มีหลุดกรอบ วรากรปรบมือเสียงดัง หลวนคุนหันมามองวรากรมีอะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้น แววตาเหมือนจะบอกอะไร วรากรก้มหน้ามองพื้น หลิ่งจือ มองทั้งหลวนคุนและอิงหลิวแต่ไม่มีปฏิกิริยาใดใด อ้าวเฮ้ยผิดบท หลิ่งจือยังตัวติดกับวรากรแจ“แม่นางชินอี้ถ้าไม่รังเกียจ เชิญพำนักที่บ้านของท่านพ่อข้า”ชวนจริงจัง“นางพำนักที่นี่ดีแล้ว ข้าดูแลนางเอง”อ้าวเฮ้ยแย่งกันความหึง หรือวะก็มาด้วย@^@“ท่านพ่อนับว่าเป็นขุนนางระดับสูงหากจะปล่อยให้คนแซ่เดียวกัน ระเหเร่ร่อนก็ไม่เหมาะนัก”ไปกันใหญ่“พี่สาวอย่าไปเลยนะ อิงหลิวไร้ญาติขาดมิตรเห็นพี่สาวเป็น ญาติเพียงคนเดียวในตอนนี้”จริง จะช่วยให้พระเอกนางเอกสมหวังจะหนีไปอย่างไง“เห็นแก่อิงหลิว ข้าไว้หาโอกาสไปเยี่ยมใต้เท้าจาง จะดีกว่าตอนนี้ไม่อาจรบกวน”หลิ่งจือทำหน้าสลด“เช่นนั้น ข้าขอเป็นแขกประจำที่บ้านของท่านจะได้ไหม”ประโยคสุดท้ายหันไปทางหลวนคุน“ไม่ได้”วรากรรีบตอบแทน“ได้ข่าวว่าแม่นางตาม
“ไม่เป็นไร ข้าอยากลองมาหาอะไรทานเอง” สาวรับใช้ไม่ได้เซ้าซี้อะไร วรากรเธอจึงถือโอกาส หาของกินที่มีในครัวมานั่งกินที่ม้านั่งหน้าโรงครัวนั่นเองมีแต่ของชอบของวรากรไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้จีนหรือปลาแห้ง กินไปอยู่ๆน้ำตาก็ไหลคิดถึงบ้านคิดถึงน้ำพริกปลาทูคิดถึงข้าวหอมมะลิร้อนๆ ที่หอมที่สุดอร่อยที่สุด“ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมพอให้หันไป (O) ใครวะ รูปร่างสูงโปร่งแต่ขาวมากไปหน่อยของคนที่มองมา ใบหน้าหล่อเหลาก็จริงแต่มีบางอย่างที่วรากรไม่ชอบใจนักในสายตาคมนั้น แววหยิ่งทะนงนั่นเอง เหลือบมองเห็นป้ายหยกแกะสลักสวยงามที่ห้อยอยู่ข้างเอวหนา เสื้อผ้าถูกตัดอย่างประณีตบ่งบอกว่าไม่ใช่คนธรรมดา พระเอกมาแล้วพระรองมาแล้วอันนี้พระอะไรดี แต่ใครสนอะ กำลังเศร้าๆ อยู่T_T“แม่นาง ขอโทษที่มารบกวนการกินของแม่นางไม่ทราบแม่นางเป็นใคร”“เรื่องอะไรท่านเป็นใครทำไมข้าต้องบอกเสียมารยาทคนกำลังกินดันมากวนใจได้” คนถามยิ้มมุมปากท่าทางยียวน“หญิงงามบ้านนี้ ช่างกล้าหาญนัก” เอื้อมมือเชยคางวรากรที่สะบัดคางหนีมือใหญ่“องค์รัชทายาทโปรดอภัย แม่นางชินอี้นางมาจากต่างแคว้นไม่รู้ธรรมเนียมของที่นี่” หลวนคุนโผล่มาจากไหนพร้อมกับ อิงหลิว“ชินอี้555แม้นางไม่
มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าหรือว่า อ๋อจริงสิตอนนี้วรากรอาจเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่หายไป 555นึกออกแล้ว นางรอง (หรือตัวโกงวะ เรื่องนี้ไม่ยักกะมีตัวโกง) ในเมื่อเคยคิดไว้แค่พล็อตเขียนไปไม่กี่บรรทัดแค่ตอนที่นางเอกพบกับพระเอกที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นยังไม่ได้คิดต่อไป พระเอกเคยช่วยนางเอกไว้ ว่าแต่ก็สมบูรณ์แบบแล้วนี่ หลวนคุนช่วยอิงหลิวแล้วพระรองกับนางรอง ยังไม่ได้คิดว่าต้องเป็นใครอย่างไร แต่ตามบทพระรองต้องซัพพอตนางเอกนี่หลวนคุนยืนกอดอกมองอยู่ห่างๆ“ชินอี้อีกอย่างข้าอยากชวนเจ้าไปพบท่านพ่อ ...ข้าเล่าเรื่องของเจ้าให้ท่านพ่อฟังท่านพ่ออยากพบเจ้ามาก” ซวยแล้ว แซ่จางอะไรนี่ก็กุขึ้นมา“คือๆๆ ไว้ เจอกันวันเทศกาลไหว้พระจันทร์เลยทีเดียวดีกว่า” หลิ่งจือยิ้มบริสุทธิ์“แล้วแต่เจ้าเลย แค่เจ้ายอมไปตำหนักองค์รัชทายาทพร้อมข้าก็ดีใจแล้ว” หาทึกทักเอาเองใครจะไปพร้อมแกเห็ดหลินจือ“นางเป็นคนของบ้านข้า เช่นนั้นต้องไปพร้อมข้าถึงจะถูก” มาอีกคน เฮ้อ#_#เวงๆๆ ทำอย่างไรดีอุปาทานหมู่หรือเปล่าสงสัยต้องลดบทบาทตัวเองลงบ้าง“คือข้าไม่สบาย เป็นลมดีกว่า” หลิ่งจือรับร่างบางไว้ทัน สบตา หวานเยิ้ม โอ้มายก๊อด วรากรหลับตาปี้ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด
“นั่งลง ๆ” หลวนคุนตะโกนลั่น อิงหลิวหน้าเสียจับขอบเรือไว้ด้วยมือทั้งสอง วรากรจงใจเหยียบเรือข้างหนึ่งให้เอียงก่อนที่เรือจะคว่ำ คนทั้งสามร่วงลงสู่พื้นน้ำที่เย็นเฉียบ หลวนอิงปล่อยไม้พายมองหาสองสาว วรากรกระหยิ่มใจใจเดี๋ยวต้องไปช่วยอิงหลิวตามแผน วรากรพยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง อิงหลิวว่ายน้ำไวมากจนถึงฝั่งไปแล้ว แต่วรากร ….กรรมดันเป็นตะคริวที่ขาเพราะน้ำเย็นจัด จมลงสู่พื้นน้ำพยายาม ที่จะโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำแต่ยิ่งดำดิ่งลงไปเกือบจะหมดลมหายใจ ภาพที่ตัวเองตกบันไดลงไปจากชั้นสอง ข้างล่างนั้นน้องชายเขย่าร่างที่ไม่ไหวติงด้วยแรงทั้งหมด กิริยาของน้องชายคือตะโกนเสียงดังลั่น แต่วรากรไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อยแม่กับพ่อที่พากันวิ่งมาดูวรากร อยู่ๆน้ำตาก็ไหลเกือบจะหมดลมนั่นเองหลวนคุน ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ใบหน้า รางเลือนในน้ำนั่น พยายามจะเข้ามาหาวรากร สติดับวูบลงไปทันทีกลืนน้ำเข้าไปเต็มกระเพาะริมฝีปากรับรู้ถึงการถูกสัมผัส ลมหายใจอุ่นๆ ถูกส่งผ่านมายังริมฝีปาก หลวนคุนกอดดึงร่างขึ้นสู่ผิวน้ำเย็นยะเยือก สะดุ้งสุดตัว รู้สึกแน่นท้องกินน้ำจนอิ่ม พยายามจะอ้วกแต่ไม่มีอะไรออกมา อิงหลิวลูบหลังลูบไหล หลวนคุนยืนมองผ้าห่มผืนหนา
“พี่สาวสี โอโรสขับผิวพี่สาว หรือว่าสีแดงเหมือนข้าดี สีเหลืองไหมรับรอง หนุ่มๆ มองกันจนตาไม่กระพริบ”“555มองเพราะสมเพช นะสิคงคิดว่าทำไมขี้เหร่ขนาดนี้”“ไม่นะ อย่างน้อยตอนนี้บ่าวก็บอกว่าหลิ่งจือมายืนรอพี่สาวหน้าบ้าน” วรากรยิ้มจางๆหลวนคุนยืนอยู่ข้างนอกนั้น พร้อมกับกล้องไม้ใบใหญ่ ยืนเคาะประตูทั้งๆที่มันเปิดอยู่วรากร เพียงแค่เหลือบตามองก่อนจะแกล้งเดิน ไปหาเลือกชุด“ข้าให้เจ้าแม่นางชินอี้สวมมันเสียวังหลวงหาใช่ที่จะแต่งกายตามใจ” อิงหลิวเดินมารับ หลวนคุนหันหลังกลับทันที อิงหลิวถือวิสาสะเปิดกล่องออกดู เสื้อสีชมพูปนขาวบางเบางดงาม อิงหลิวทำตาโต"พี่สาว สวยจริง ๆ คุณชายหลวนคุนมีน้ำใจกับเราสองคนเหลือเกิน” วรากรยิ้ม^_^ไม่มีบทฮาๆ ในเมื่อเข้าหน้าเขาไม่ติด อิงหลิวเดินมาถอดชุดของ วรากรออกสวมชุดใหม่ให้ทันทีใครอีกคนในกระจก ใบหน้าสวยใส ริมฝีปากสีเดียวกับชุด ผมถูกกล้าครึ่งหัวปล่อย ด้านหลังยาวสลวย อิงหลิวค่อยๆ ปักปิ่นหยกสีแดงให้ หันตัววรากรไปมา“พี่สาวสวยที่สุดเลยคืนนี้ ข้าน้อยขอคารวะ” อิงหลิวย่อตัวทีเล่นทีจริง วรากรยิ้ม“สู้เจ้าได้หรือน้องสาว ประเมินข้าสูงไปแล้ว”หัวเราะพร้อมกัน“หากความกังวลในใบหน้าหายไป
สองหนุ่มที่เหลือมองตาไม่กะพริบ วรากรดึงมือออกจากมือองค์รัชทายาท แต่กลับดึงไม่ออกก็เมื่ออีกคนกำมือไว้แน่นขนาดนั้นดึงมือจนเซไปซบอกกว้าง (มาเหนือเมฆกว่าคนอื่น) @_@“เช่นไรแม่นางซินอี้” ยื่นหน้ามาใกล้ เจ้างดงามเช่นนี้จึงรังเกียจจะเดินเคียงข้างข้าเช่นนั้นหรือ”วรากรส่ายหน้าคิดหาคำราชาศัพท์ เออไม่เห็นใครเขาพูด จำได้แต่เฉินเมอ ตกใจทีไรเฉินเมอทุกที“พวกท่านเห็นไหม หญิงงามแคว้นเราไม่มีใครเหมือนนางสักคนไม่พอใจข้าถึงกับไม่พูดกับข้าไปเลยทีเดียวเชียว” หลิ่งจือยิ้มเจื่อนๆ หลวนคุนมองสบตาวรากรแต่เพียงแวบเดียว“ข้าไม่ใช่คนในแคว้นท่าน เช่นนั้นท่านก็มิใช่ไทจื่อของข้าเช่นกันเหตุใดต้องคอยดีกับท่านด้วย”“5555นางช่างกล้าเช่นนั้นข้าให้ใครพาตัวนาง ไปส่งถึงห้องบรรทมข้าเลยดีไหม จะได้รู้เสียทีว่าองค์รัชทายาทของแคว้นเราทำอะไรได้บ้าง” &_&วรากร เริ่มหัวเสียคน คนนี้ทำให้หัวเสียได้ดีจริงจะรับมืออย่างไร มองหลวนคุนแต่เขากลับเสมองเสียทางอื่น หลิ่งจือประสานมือ“ไท่จือในฐานะที่นางมากับหลิ่งจือ หลิ่งจือจึงขออภัยแทนแม่นางชินอี้ด้วย”“555คนอย่างข้า หากอยากได้สิ่งใดแม้ยากเย็นแสนเข็ญก็ไม่อาจปล่อยทิ้งไปได้ ได้ข้ายอมลดตัวลงมาเทีย
“ในโถงกว้างอาหารเลิศรสมากมาย วรากรตื่นตาตื่นใจกลับ ของกินที่หลากหลาย ทำไมมันเยอะขนาดนี้กินไม่กี่คนเองสะลัดมือไท่จื่อออก ดึงมืออิงหลิวไปหาของกินด้วยกัน อิงหลิวสงวนท่าทีในตอนแรกต่อมาก็ไม่ต่างจากวรากร อิ่มแปร้“แม่นางชินอี้ สุราเลิศรสนี้ข้าดื่มให้แม่นาง” ไทจื่อ ส่งจอกสุราให้วรากรเหลือบมองหลวนคุนที่พยักหน้าให้รับไว้ วรากรรับมาดื่มรวดเดียวหมด 555หอมหวานที่ซู๊ดดเลย เหล้าอะไรจะอร่อยขนาดนั้น“อร่อยจัง”“อีกจอกเป็นไง” ไทจื่อให้ขันทีรินให้อีกจอก วรากรรับมาดื่มอย่างว่าง่าย“อิงหลิว เจ้าดำเนินแผนการไปถึงไหน” ฮองเฮาที่มีใบหน้างดงาม ไม่ต่างจากสาวๆ ทั้งที่หากรวมอายุแล้วไม่น้อยกว่าพันปี“ท่านแม่ลูกๆๆๆ กำลัง หาทางเข้าใกล้องค์รัชทายาท”“ดี มาก เจ้าทำได้ดีตำแหน่งราชินี ของเผ่าจิ้งจอกเราเป็นเจ้าที่ได้สืบทอด หากเจ้าจะให้ข้ามั่นใจมอบมันให้เจ้าเจ้าต้องได้ตำแหน่งไทจื่อเฟย เช่นนั้นถึงจะมั่นคง”“ท่านแม่องค์รัชทายาท มีชายาหลายคนอยู่แล้ว อิงหลิวจะมีทางทำให้ตัวเองได้เป็นไทจื่อเฟยได้อย่างไร”“ทุกอย่างที่พร่ำสอนอย่างไรละอิงหลิว ต้องทุกอย่างรวมมันเข้าด้วยกันจะสามารถทำสำเร็จได้”“ท่านแม่อิงหลิว”“หากลังเล เจ้าก็จะทำใ
“ไม่ต้องมากพิธีข้าร้อนใจ”“เรื่องการตายของเหยื่อที่ถูกควักหัวใจเมื่อคืน”“เปล่าเรื่องนั้นคนตายไปแล้วยังคงต้องสืบกันต่อไป แต่ที่ชินอี้ลืม ตุ้มหูมุกไว้นางไม่ให้ความสำคัญกับของที่ข้ามอบให้นาง พวกเจ้าคิดเช่นไรนางไม่มีใจให้ข้าเช่นนั้นหรือ หรือว่ารังเกียจข้า” @_@...๑_๑ สองงง“หลวนคุนท่านอาสาถามนางให้ไท่จื่อสิ” หลิ่งจือโยนเผือกร้อนให้หลวนคุนที่ทำหน้าตาปูเลี่ยนๆ“ไม่ต้องไม่ต้องข้ากลัวคำตอบ ที่ได้จะไม่เป็นดั่งใจหวังวันนี้เลยตั้งใจขอเสด็จพ่อและฮองเฮามาที่บ้านเจ้า เจรจากับนางดูท่าทีนาง และปรึกษากับพวกเจ้าเรื่องเหยื่อที่ถูกควักหัวใจไปด้วย” หลวนคุนทำสีหน้าแปลกไปเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีอกหักใช่ไหมแบบนี้“องค์รัชทายาทให้ข้าเชิญแม่นางชินอี้จะดีไหม” หลิ่งจือดึงชายเสื้อหลวนคุนไว้เหมือนจะบอกว่าอย่าเชียวนะของแบบนี้ใครดีใครได้ ไท่จือก็ไท่จือเถอะอิงหลิวยกน้ำชามาเสิร์ฟวันนี้นางแต่งกายด้วยสี ชมพูขาวสวยอ่อนหวานแต่ก็เงิบในเมื่อสามหนุ่ม มัวแต่หารือกันเรื่อง เหยื่อเคราะห์ร้ายวรากร นั่งริมศาลามองใบหลิวที่ร่วงลงสู่ผิวน้ำ เหมือนกับว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ความจริงมันก็สวยไปอีกแบบอิงหลิวนั่งลงข้างๆ“พี่สาว คิดอะไรอยู่ไม่ทร
“บอกข้าสิชินอี้ทำไมจึงผลักไสข้าให้อิงหลิว” จะบอกอย่างไรว่าตัวเองเป็นแค่นักเขียนแล้วเรื่องนี้ถูกกำหนดตัวพระเอกนางเอกไว้แล้ว หลวนคุนก้มลงหมายจะจูบวรากรอีกครั้ง“หลวนคุนท่านได้โปรดปล่อยข้า” ดันอกกว้างออกแต่ก็ไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนั้น หมดเรี่ยวหมดแรง“ปล่อยก็ต่อเมื่อเจ้าพูดความจริง มิใช่แสร้งทำตลกไปวันๆ ให้ คนอื่นสนุกแต่บางอย่างในใจเจ้าข้ามองไม่ออกจริงๆ”“นั้นอย่างไรละท่านคิดมากไปเอง” ดึงร่างของวรากรมาเผชิญหน้าแววตาอ้อนวอน“ชินอี้ ข้าไม่เคยเป็นเช่นนี้”“รู้แล้วง่า ท่านเมาคนเราเวลาเมาจะ..งอแงแล้วก็อารมณ์อ่อนไหว” วรากร พยายามหาทางออก แต่หลวนคุนกลับกอดแน่น จูบวาบหวามที่เขาบรรจงแสดงให้วรากรเข้าใจ หัวใจของเขา ถอนริมฝีปากออกยากเย็นวรากรเซแซ่ดๆ อย่างนี้เองเวลาอ่านเจอในนิยายเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเซ เซเพราะฤทธิ์พิศวาสมันจุกอก ตัวชา เสียวซ่านทำให้หมดเรี่ยวแรงขัดขืน“ทำไมเจ้าต้องเสแสร้ง ในเมื่อแววตาของเจ้าบอกว่าคิดเหมือนกันกับข้า” ฮ้า...นายคิดเหมือนฉันไหมบีหนึ่ง ขำไม่ออกคนเมาไม่พูดพล่ามซ้อนร่างบางของวรากรไว้ในอ้อมแขนกำลังจะอุ้มเข้าไปในห้อง วรากรดิ้นรนแต่จะสู้แรงชายได้หรือ หวยมาออกที่เธอแทนที่จะเป็นอิง
“แม่นางชินอี้ไท่จือตั้งใจมอบให้แม่นางรับไว้เถอะ”หลิ่งจือ สำทับ วรากรหยิบเอาของที่เล็กที่สุดในนั้นตุ้มหูมุกสีขาว มากำไว้ไท่จือมองวรากรด้วยสายตาชื่นชม“แม่นางชินอี้รสนิยมการเลือกของของแม่นางไม่ธรรมดาสิ่งนั้นคือไข่มุกน้ำจืดที่หายาก กว่าจะเติบโตต้องใช้เวลายาวนานจึงทรงคุณค่า” วรากรเบิกตาโพลงโห พลาดอีกแล้วคนที่ชอบทำอะไรก็ใช่“ไท่จืออิงหลิว อยากได้สักชิ้นไท่จือเลือกให้อิงหลิว” ไม่อยากพูดว่าอิงหลิว แต่ก็นะอะไรทำให้อิงหลิวเปลี่ยนไปขนาดนี้ ไท่จื่อเลือกหยิบสร้อยลูกปัดหินสีสวยงามส่งให้อิงหลิว อิงหลิวรับมา ทำท่าจะสวมทันทีไท่จื่อจึงต้องสวมให้อิงหลิวด้วยความเป็นสุภาพบุรุษวรากรเดินหลบออกมา เฮ้อเริ่มไม่อยากอยู่ที่นี่ละ กลัวเหลือเกินกลัวใจตัวเองจะ อิจฉาอิงหลิวอิจฉาอะไรอิจฉาความกล้าของอิงหลิวรู้สึกมึนหัว นิดหน่อยลุกขึ้นยืนก็ดันจะล้ม หลิ่งจืออยู่ใกล้คว้าตัวไว้ทันเผลอสบตาที่จริงใจนั้น นี่ก็อีกคนทำใจไหวยวบสายตาบ่งบอกอะไรบางอย่างทำเอาใจสาวไหวเอนเหมือนจะนึกได้ว่ามันทำให้ใจสั่น ทำท่าจะปล่อยวรากรให้ไปกองกับพื้นวรากรเกาะแขนไว้แน่น หลิ่งจือยิ้มหล่อฉุดแขนวรกรขึ้นมา“แม่นางชิ้นอี้ คงจะเริ่มเมาแล้ว ข้าอนุญาตให้แ
“ในโถงกว้างอาหารเลิศรสมากมาย วรากรตื่นตาตื่นใจกลับ ของกินที่หลากหลาย ทำไมมันเยอะขนาดนี้กินไม่กี่คนเองสะลัดมือไท่จื่อออก ดึงมืออิงหลิวไปหาของกินด้วยกัน อิงหลิวสงวนท่าทีในตอนแรกต่อมาก็ไม่ต่างจากวรากร อิ่มแปร้“แม่นางชินอี้ สุราเลิศรสนี้ข้าดื่มให้แม่นาง” ไทจื่อ ส่งจอกสุราให้วรากรเหลือบมองหลวนคุนที่พยักหน้าให้รับไว้ วรากรรับมาดื่มรวดเดียวหมด 555หอมหวานที่ซู๊ดดเลย เหล้าอะไรจะอร่อยขนาดนั้น“อร่อยจัง”“อีกจอกเป็นไง” ไทจื่อให้ขันทีรินให้อีกจอก วรากรรับมาดื่มอย่างว่าง่าย“อิงหลิว เจ้าดำเนินแผนการไปถึงไหน” ฮองเฮาที่มีใบหน้างดงาม ไม่ต่างจากสาวๆ ทั้งที่หากรวมอายุแล้วไม่น้อยกว่าพันปี“ท่านแม่ลูกๆๆๆ กำลัง หาทางเข้าใกล้องค์รัชทายาท”“ดี มาก เจ้าทำได้ดีตำแหน่งราชินี ของเผ่าจิ้งจอกเราเป็นเจ้าที่ได้สืบทอด หากเจ้าจะให้ข้ามั่นใจมอบมันให้เจ้าเจ้าต้องได้ตำแหน่งไทจื่อเฟย เช่นนั้นถึงจะมั่นคง”“ท่านแม่องค์รัชทายาท มีชายาหลายคนอยู่แล้ว อิงหลิวจะมีทางทำให้ตัวเองได้เป็นไทจื่อเฟยได้อย่างไร”“ทุกอย่างที่พร่ำสอนอย่างไรละอิงหลิว ต้องทุกอย่างรวมมันเข้าด้วยกันจะสามารถทำสำเร็จได้”“ท่านแม่อิงหลิว”“หากลังเล เจ้าก็จะทำใ
สองหนุ่มที่เหลือมองตาไม่กะพริบ วรากรดึงมือออกจากมือองค์รัชทายาท แต่กลับดึงไม่ออกก็เมื่ออีกคนกำมือไว้แน่นขนาดนั้นดึงมือจนเซไปซบอกกว้าง (มาเหนือเมฆกว่าคนอื่น) @_@“เช่นไรแม่นางซินอี้” ยื่นหน้ามาใกล้ เจ้างดงามเช่นนี้จึงรังเกียจจะเดินเคียงข้างข้าเช่นนั้นหรือ”วรากรส่ายหน้าคิดหาคำราชาศัพท์ เออไม่เห็นใครเขาพูด จำได้แต่เฉินเมอ ตกใจทีไรเฉินเมอทุกที“พวกท่านเห็นไหม หญิงงามแคว้นเราไม่มีใครเหมือนนางสักคนไม่พอใจข้าถึงกับไม่พูดกับข้าไปเลยทีเดียวเชียว” หลิ่งจือยิ้มเจื่อนๆ หลวนคุนมองสบตาวรากรแต่เพียงแวบเดียว“ข้าไม่ใช่คนในแคว้นท่าน เช่นนั้นท่านก็มิใช่ไทจื่อของข้าเช่นกันเหตุใดต้องคอยดีกับท่านด้วย”“5555นางช่างกล้าเช่นนั้นข้าให้ใครพาตัวนาง ไปส่งถึงห้องบรรทมข้าเลยดีไหม จะได้รู้เสียทีว่าองค์รัชทายาทของแคว้นเราทำอะไรได้บ้าง” &_&วรากร เริ่มหัวเสียคน คนนี้ทำให้หัวเสียได้ดีจริงจะรับมืออย่างไร มองหลวนคุนแต่เขากลับเสมองเสียทางอื่น หลิ่งจือประสานมือ“ไท่จือในฐานะที่นางมากับหลิ่งจือ หลิ่งจือจึงขออภัยแทนแม่นางชินอี้ด้วย”“555คนอย่างข้า หากอยากได้สิ่งใดแม้ยากเย็นแสนเข็ญก็ไม่อาจปล่อยทิ้งไปได้ ได้ข้ายอมลดตัวลงมาเทีย
“พี่สาวสี โอโรสขับผิวพี่สาว หรือว่าสีแดงเหมือนข้าดี สีเหลืองไหมรับรอง หนุ่มๆ มองกันจนตาไม่กระพริบ”“555มองเพราะสมเพช นะสิคงคิดว่าทำไมขี้เหร่ขนาดนี้”“ไม่นะ อย่างน้อยตอนนี้บ่าวก็บอกว่าหลิ่งจือมายืนรอพี่สาวหน้าบ้าน” วรากรยิ้มจางๆหลวนคุนยืนอยู่ข้างนอกนั้น พร้อมกับกล้องไม้ใบใหญ่ ยืนเคาะประตูทั้งๆที่มันเปิดอยู่วรากร เพียงแค่เหลือบตามองก่อนจะแกล้งเดิน ไปหาเลือกชุด“ข้าให้เจ้าแม่นางชินอี้สวมมันเสียวังหลวงหาใช่ที่จะแต่งกายตามใจ” อิงหลิวเดินมารับ หลวนคุนหันหลังกลับทันที อิงหลิวถือวิสาสะเปิดกล่องออกดู เสื้อสีชมพูปนขาวบางเบางดงาม อิงหลิวทำตาโต"พี่สาว สวยจริง ๆ คุณชายหลวนคุนมีน้ำใจกับเราสองคนเหลือเกิน” วรากรยิ้ม^_^ไม่มีบทฮาๆ ในเมื่อเข้าหน้าเขาไม่ติด อิงหลิวเดินมาถอดชุดของ วรากรออกสวมชุดใหม่ให้ทันทีใครอีกคนในกระจก ใบหน้าสวยใส ริมฝีปากสีเดียวกับชุด ผมถูกกล้าครึ่งหัวปล่อย ด้านหลังยาวสลวย อิงหลิวค่อยๆ ปักปิ่นหยกสีแดงให้ หันตัววรากรไปมา“พี่สาวสวยที่สุดเลยคืนนี้ ข้าน้อยขอคารวะ” อิงหลิวย่อตัวทีเล่นทีจริง วรากรยิ้ม“สู้เจ้าได้หรือน้องสาว ประเมินข้าสูงไปแล้ว”หัวเราะพร้อมกัน“หากความกังวลในใบหน้าหายไป
“นั่งลง ๆ” หลวนคุนตะโกนลั่น อิงหลิวหน้าเสียจับขอบเรือไว้ด้วยมือทั้งสอง วรากรจงใจเหยียบเรือข้างหนึ่งให้เอียงก่อนที่เรือจะคว่ำ คนทั้งสามร่วงลงสู่พื้นน้ำที่เย็นเฉียบ หลวนอิงปล่อยไม้พายมองหาสองสาว วรากรกระหยิ่มใจใจเดี๋ยวต้องไปช่วยอิงหลิวตามแผน วรากรพยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง อิงหลิวว่ายน้ำไวมากจนถึงฝั่งไปแล้ว แต่วรากร ….กรรมดันเป็นตะคริวที่ขาเพราะน้ำเย็นจัด จมลงสู่พื้นน้ำพยายาม ที่จะโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำแต่ยิ่งดำดิ่งลงไปเกือบจะหมดลมหายใจ ภาพที่ตัวเองตกบันไดลงไปจากชั้นสอง ข้างล่างนั้นน้องชายเขย่าร่างที่ไม่ไหวติงด้วยแรงทั้งหมด กิริยาของน้องชายคือตะโกนเสียงดังลั่น แต่วรากรไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อยแม่กับพ่อที่พากันวิ่งมาดูวรากร อยู่ๆน้ำตาก็ไหลเกือบจะหมดลมนั่นเองหลวนคุน ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ใบหน้า รางเลือนในน้ำนั่น พยายามจะเข้ามาหาวรากร สติดับวูบลงไปทันทีกลืนน้ำเข้าไปเต็มกระเพาะริมฝีปากรับรู้ถึงการถูกสัมผัส ลมหายใจอุ่นๆ ถูกส่งผ่านมายังริมฝีปาก หลวนคุนกอดดึงร่างขึ้นสู่ผิวน้ำเย็นยะเยือก สะดุ้งสุดตัว รู้สึกแน่นท้องกินน้ำจนอิ่ม พยายามจะอ้วกแต่ไม่มีอะไรออกมา อิงหลิวลูบหลังลูบไหล หลวนคุนยืนมองผ้าห่มผืนหนา
มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าหรือว่า อ๋อจริงสิตอนนี้วรากรอาจเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่หายไป 555นึกออกแล้ว นางรอง (หรือตัวโกงวะ เรื่องนี้ไม่ยักกะมีตัวโกง) ในเมื่อเคยคิดไว้แค่พล็อตเขียนไปไม่กี่บรรทัดแค่ตอนที่นางเอกพบกับพระเอกที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นยังไม่ได้คิดต่อไป พระเอกเคยช่วยนางเอกไว้ ว่าแต่ก็สมบูรณ์แบบแล้วนี่ หลวนคุนช่วยอิงหลิวแล้วพระรองกับนางรอง ยังไม่ได้คิดว่าต้องเป็นใครอย่างไร แต่ตามบทพระรองต้องซัพพอตนางเอกนี่หลวนคุนยืนกอดอกมองอยู่ห่างๆ“ชินอี้อีกอย่างข้าอยากชวนเจ้าไปพบท่านพ่อ ...ข้าเล่าเรื่องของเจ้าให้ท่านพ่อฟังท่านพ่ออยากพบเจ้ามาก” ซวยแล้ว แซ่จางอะไรนี่ก็กุขึ้นมา“คือๆๆ ไว้ เจอกันวันเทศกาลไหว้พระจันทร์เลยทีเดียวดีกว่า” หลิ่งจือยิ้มบริสุทธิ์“แล้วแต่เจ้าเลย แค่เจ้ายอมไปตำหนักองค์รัชทายาทพร้อมข้าก็ดีใจแล้ว” หาทึกทักเอาเองใครจะไปพร้อมแกเห็ดหลินจือ“นางเป็นคนของบ้านข้า เช่นนั้นต้องไปพร้อมข้าถึงจะถูก” มาอีกคน เฮ้อ#_#เวงๆๆ ทำอย่างไรดีอุปาทานหมู่หรือเปล่าสงสัยต้องลดบทบาทตัวเองลงบ้าง“คือข้าไม่สบาย เป็นลมดีกว่า” หลิ่งจือรับร่างบางไว้ทัน สบตา หวานเยิ้ม โอ้มายก๊อด วรากรหลับตาปี้ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด
“ไม่เป็นไร ข้าอยากลองมาหาอะไรทานเอง” สาวรับใช้ไม่ได้เซ้าซี้อะไร วรากรเธอจึงถือโอกาส หาของกินที่มีในครัวมานั่งกินที่ม้านั่งหน้าโรงครัวนั่นเองมีแต่ของชอบของวรากรไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้จีนหรือปลาแห้ง กินไปอยู่ๆน้ำตาก็ไหลคิดถึงบ้านคิดถึงน้ำพริกปลาทูคิดถึงข้าวหอมมะลิร้อนๆ ที่หอมที่สุดอร่อยที่สุด“ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมพอให้หันไป (O) ใครวะ รูปร่างสูงโปร่งแต่ขาวมากไปหน่อยของคนที่มองมา ใบหน้าหล่อเหลาก็จริงแต่มีบางอย่างที่วรากรไม่ชอบใจนักในสายตาคมนั้น แววหยิ่งทะนงนั่นเอง เหลือบมองเห็นป้ายหยกแกะสลักสวยงามที่ห้อยอยู่ข้างเอวหนา เสื้อผ้าถูกตัดอย่างประณีตบ่งบอกว่าไม่ใช่คนธรรมดา พระเอกมาแล้วพระรองมาแล้วอันนี้พระอะไรดี แต่ใครสนอะ กำลังเศร้าๆ อยู่T_T“แม่นาง ขอโทษที่มารบกวนการกินของแม่นางไม่ทราบแม่นางเป็นใคร”“เรื่องอะไรท่านเป็นใครทำไมข้าต้องบอกเสียมารยาทคนกำลังกินดันมากวนใจได้” คนถามยิ้มมุมปากท่าทางยียวน“หญิงงามบ้านนี้ ช่างกล้าหาญนัก” เอื้อมมือเชยคางวรากรที่สะบัดคางหนีมือใหญ่“องค์รัชทายาทโปรดอภัย แม่นางชินอี้นางมาจากต่างแคว้นไม่รู้ธรรมเนียมของที่นี่” หลวนคุนโผล่มาจากไหนพร้อมกับ อิงหลิว“ชินอี้555แม้นางไม่