“คุณลู่คะ อีกไม่เกินสามเดือน ฉันจะเปิดกิจการใหม่ ไม่ทราบว่าคุณจะสนใจหรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันลองถามดู เผื่อว่าจะได้ลูกค้ากระเป๋าหนัก “กิจการใหม่หรือครับ แล้วมันคืออะไร คุณพอจะบอกผมได้หรือเปล่าครับ” ลู่เฟยเทียนที่ได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ “ฉันจะขายเครื่องใช้ไฟฟ้าน่ะค่ะ ขายแบบครบวงจร มีตั้งแต่ โทรทัศน์ กาน้ำไฟฟ้า ตู้เย็น เครื่องทำความร้อน พัดลม หม้อหุงข้าว เครื่องซักผ้า และก็ยังมีอีกหลายอย่างเลยนะคะ” เมิ่งหลันบอกชายหนุ่มตรงหน้าออกไป ถ้าให้เธอพูดครบทุกอย่างเกรงว่าจะยาว“เครื่งใช้ไฟฟ้าหรือครับ คุณสามารถหาของได้ใช่ไหมครับ เพราะตอนนี้ผมเห็นมีแต่ที่ห้างเท่านั้นที่มีขายในตอนนี้ แถมของบางอย่างที่คุณว่า ในห้างยังไม่มีขายเลยด้วยซ้ำ” เขาเองก็คิดว่าถ้าได้ขายก็ดี ขายก่อนก็รวยก่อน “แน่นอนค่ะ ฉันหาของได้อยู่แล้ว ฉันรับรองเลยว่าของที่ฉันหามานั้นคุณภาพดีแน่นอน” เธอไม่อยากจะบอก ว่าของของเธอนั้นมันล้ำสมัยขนาดไหน“ถ้าอย่างนั้นผมต้องทำยังไงบ้างหรือครับ” เขาลองถามแนวทางเผื่อว่าขาดเหลืออะไรจะได้จัดการได้ทัน“คุณก็แค่จัดเตรียมสถานที่ หาลูกน้อง และเงินทุน เท่านั้นเองค่ะ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ราคา
ตอนนี้เหอตี้นั้นวุ่นวายเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ตนมาที่นี่ยังไม่ได้ออกไปที่ไหนเลยนอกจากที่พัก ร้านอาหาร และที่สำนักงาน อยู่แต่กับกองเอกสารพวกนี้ ยิ่งเขาตรวจสอบก็ยิ่งเจอพิรุธหลายอย่าง เขาคิดว่าเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินสินบน โดยการออกใบอนุญาตต่างๆให้กับผู้ประกอบการ บางรายการนั้นผู้ได้รับอนุญาตนั้นมีกิจการมากกว่าสิบที่ ซึ่งเขาคิดว่าเป็นเรื่องที่ผิดปรกติ และคนที่ลงนามนั้นล้วนแต่เป็นคนเดียวกันทั้งหมดและเจ้าหน้าที่คนนี้ก็ยังมีร้านค้าเป็นของตัวเองอีกด้วย ในใบอยุญาตินั้นเขาลงไว้ว่า ขายบุหรี่และสุราต่างประเทศ ซึ่งเหอตี้คิดว่าเจ้าหน้าที่คนนี้นั้นอาจจะมีแค่ในนามเท่านั้น แต่เจ้าของจริงๆน่าจะเป็นผู้มีอิธิพลคนหนึ่งในแดนใต้แห่งนี้“คุณหวังพักทานอาหารก่อนเถอะครับ นี่ก็ไกล้ที่จะบ่ายแล้ว” เจ้าหน้าที่ที่มาด้วยกันเข้ามาเอ่ยชวนหลังจากที่ตนนั่งรอมานานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะออกมาเสียที“ขอโทษทีนะครับ ครั้งหน้าคุณไม่ต้องรอผมก็ได้นะครับ ไปทานก่อนได้เลย” เหอตี้เองก็รู้ว่าเวลาที่เขาติดพันงานนั้นจะลืมเวลาทุกครั้งจึงไม่อยากที่จะให้ใครมารอ“ได้อย่างไรกันล่ะครับ ยังไงก็ไปทานพร้อมกันดีกว่า” เขาเองก็ได้รับมอบหมายให
ตอนนี้ลู่เฟยเทียนที่อาสาไปทำเรื่องขออนุญาตทำการค้าเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ในส่วนของเขานั้นเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้เขาจึงแวะมาเอาเอกสารของเมิ่งหลัน เพื่อที่จะไปทำใบอนุญาตอีกครั้ง“ถ้าครั้งก่อนคุณเชื่อใจผม ผมคงไม่ต้องเทียวไปเทียวมาหลายครั้งแบบนี้” เฟยเทียนอดที่จะตัดพ้อไม่ได้“ก็ใครจะไปรู้ล่ะคะ ว่าคุณเองก็มีเส้นสายใหญ่โตขนาดนี้” เมิ่งหลันอดที่จะมองค้อนไม่ได้ นี่เธอพลาดอะไรไปถึงไม่รู้เลยว่าคู่ค้าของเธอนั้นเส้นใหญ่ขนาดไหน“555 เป็นผมเองที่ไม่เคยบอกคุณ คุณไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกครับ เดี๋ยวถ้าสามีของคุณมาเห็นจะเข้าใจว่าผมรังแกคุณได้” เฟยเทียนอดที่จะเหย้าแหย่ไม่ได้ส่วนเมิ่งหลันที่ได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะทำหน้าเศร้าไม่ได้ เหอตี้นั้นขาดการติดต่อมากกว่าครึ่งเดือนแล้ว เธอเองก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ส่วนสองแฝดก็ถามหาคนเป็นพ่อทุกวัน เธอก็มีแค่คำตอบเดิมๆให้เท่านั้น ว่าเมื่อไหร่ที่พ่อทำงานเสร็จก็จะรีบกลับมา“นี่คุณหวังไม่ติดต่อมาเลยหรือครับ” ลู่เฟยเทียนเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็ว่าเมิ่งหลันทำสีหน้าไม่สู้ดี“ค่ะ ฉันเองก็ไม่รู้จะติดต่อเขาด้วยวิธีไหน คุณพอจะช่วยได้หรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันลองถามดูเผื่อว่าค
ไม่กี่วันต่อมาลู่เฟยเทียนก็เอาหนังสืออนุญาตมาให้เธอจริงๆ พร้อมกับโอ้อวดอีกมาก ว่าตนนั้นทำได้อย่างที่พูดหลายวันมานี้ลุงช่างที่เข้ามาต่อเติมร้านนั้นไกล้ที่จะทำเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกไม่มาก เมิ่งหลันเข้าไปตรวจดูงานทุกวันเพราะอยู่ติดกัน ไม่ต้องเดินทางจึงสะดวกเป็นอย่างมากเมิ่งหลันคิดว่าการค้าของเธอนั้นอยากจะทำอีกหลายอย่าง แต่ก็ยังไม่ได้ปรึกษาเหอตี้ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือเปล่า เธออยากจะเปิดร้านขายของสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ของบำรุงผิวต่างๆ เธอคิดว่าในเมืองหลวงแบบนี้จะต้องขายดีมากแน่ๆ เพราะผู้หญิงส่วนมากนั้นมักจะรักสวยรักงามกันทั้งนั้น เธอว่ามันคุ้มมากถึงเธอจะมีมิติที่มีของอยู่มากมาย แต่ของบางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถที่จะนำออกมาได้ อย่างเช่น เครื่องประดับที่เป็นหยก ทองคำ เพรช พลอย อัญมณีทุกชนิด เธอไม่เคยคิดที่จะนำมันมาขายเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่รัฐอนุญาติแล้วก็ตาม เธอคิดว่ามันมากเกินไป แค่ที่เธอเอาออกมานั้นก็มากเกินพอแล้วเธอจึงไม่คิดที่จะโกงคนอื่นไปมากกว่านี้ แค่เงินที่เธอมีอยู่ตอนนี้และในอนาคต เธอก็คิดว่ามันมากเกินพอแล้วเมิ่งหลันตั้งใจที่จะเก็บเงินไว้ให้กั
“เพล้ง!!!”“เมิ่งหลันลูกเป็นอะไรหรือเปล่า” พ่อหลิวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหาหารด้วยกันถามขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกสาวอยู่ดีๆก็ทำแก้วน้ำหล่นแตก“หนูไม่เป็นไรค่ะพ่อ หนูขอเก็บเศษแก้วก่อนนะคะ” เมิ่งหลันเองตอนนี้ก็ใจไม่ค่อยดีนัก เธอรู้สึกใจหายแบบแปลกๆ“เดี๋ยวน้าเก็บเองค่ะ คุณเมิ่งหลันนั่งพักก่อนะคะ เดี๋ยวน้าจัดการให้เอง” น้าอี้ฝานที่ได้ยินเสียงของแตกก็รีบออกมาดู จึงอาสาที่จะเก็บมันเอง“ขอบคุณนะคะ” เมิ่งหลันนั่งลงที่เดิม ตอนนี้เธอพยายามนึกถึงแต่สิ่งดี ขออย่าให้เป็นในสิ่งที่เธอหวาดกลัวเลยแต่สิ่งที่เธอคิดนั้นก็ไม่มีอยู่จริง“กริ๊ง ๆ ๆ ๆ” เสียงโทรศัพท์บ้านของเมิ่งหลันดังขึ้น“สวัสดีค่ะ บ้านคุณเมิ่งหลันค่ะ” น้าอี้ฝานเป็นคนรับโทรศัพท์“ฉันขอสายเมิ่งหลันหน่อย บอกท่านนายพลหวังโทรมา” พ่อหวังเอ่ยขึ้นเมื่ออีกฝั่งพูดจบ“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” เมื่อพูดจบน้าอี้ฝานก็ไปตามเมิ่งหลันทันที เมิ่งหลันที่ได้ยินว่าใครโทรมาอดที่จะใจแป้วไม่ได้ แต่ก็ไม่รีรอ รีบไปรับสายทันที“สวัสดีค่ะคุณพ่อ ฉันเมิ่งหลันเองค่ะ” เมิ่งหลันเมื่อรับสายก็ทักทายทันที แต่น้ำเสียงก็ไม่ค่อยดีนัก“พ่อมีเรื่องเกี่ยวกับเหอตี้จะบอก” พ่อหวังพูดเพียงเท่านั้นเพื
“แค่กๆๆๆ” ระหว่างที่เมิ่งหลันกำลังป้อนน้ำพุอยู่นั้น เหอตี้ก็ตื่นขึ้นมา ทำให้เขานั้นสำลักน้ำพุที่เมิ่งหลันกำลังป้อน เหอตี้ไอจนหน้าดำหน้าแดง “คุณเป็นยังไงบ้างคะ” เมิ่งหลันถามทันทีที่เหอตี้นั้นหายจากอาการไอ“คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันครับ” เหอตี้ไม่ตอบแต่ถามแทน หรือว่าเขาจะถูกส่งตัวกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว“ฉันมาพร้อมกับคุณพ่อของคุณนั่นแหละค่ะ ท่านบอกจะมาหาคุณที่นี่ฉันก็เลยขอมาด้วย” แต่เมิ่งหลันไม่ยอมบอกว่าเธอนั้นขับรถมาเอง เธอกลัวว่าสามีนั้นจะบ่นเอาได้“แล้วลูกล่ะครับ” เขามองหาเด็กๆแต่ก็ไม่เห็น“ฉันไม่ได้พามาด้วยหรอกค่ะ การเดินทางไกลขนาดนี้ฉันไม่อยากให้ลูกลำบาก” เมิ่งหลันบอกเขา เหอตี้จะได้หยุดมองหาสองแฝดเสียที“คุณยังไม่บอกฉันเลยนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปตามหมอก่อนะคะ” เมิ่งหลันไม่รอคำตอบออกไปเรียกหมทันที ไม่นานก็มีหมอและพยาบาลเข้ามาตรวจอาการ เพราะเหอตี้นั้นนอนหลับไปนานหลายวัน“อาการของคนไข้ ไม่มีอะไรหน้าเป็นห้วงแล้วนะครับ น่าแปลกมากเลยนะครับ เมื่อตอนเช้าที่ผมเข้ามาตรวจ อาการยังไม่ดีขนาดนี้เลย” คุณหมอพูดพร้อมกับพิจารณาเหอตี้ไปด้วย หรือว่าเมื่อเช้านี้เขาตรวจอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่
วันนี้ไรท์ลงนิยายสองตอนนะคะ ใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่แล้ว กลับไปอ่านตอนที่แล้วก่อนได้น๊า…“เฮ้ย!!!!!!” เหอตี้ร้องออกมา เพราะอยู่ๆเมิ่งหลันก็ทำการหยุดรถกระทันหัน ทำให้ตอนนี้เขาเจ็บแผลขึ้นมาอีกแล้ว“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันหันไปถามสามี และตกใจที่เขาร้องเสียงดังอีกด้วย“ผมไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณทำไมถึงหยุดรถกระทันหันแบบนี้ล่ะครับ” เหอตี้ถามกลับไป ถ้าเขาไม่มีไอ้สายคาดนี่ เขาคงจะต้องหัวกระแทกหน้ากระจกไปอย่างแน่นอน และเมิ่งหลันที่นึกขึ้นได้ จึงชะโงกหน้าออกไปดูที่หน้ารถทันทีสาเหตุที่เธอหยุดรถกระทันหันนั้นก็เป็นเพราะว่า เธอเห็นว่ามีคนนอนอยู่กลางถนน เมิ่งหลันกลัวว่าจะเหยียบคนจึงได้หยุดรถกระทันหัน “มีคนอยู่ข้างหน้าค่ะ เราจะทำยังไงดีคะ” เมิ่งหลันหันไปบอกสามี ตรงหน้ารถของเธอนั้นมีผู้ชายนอนอยู่“ผมว่ามันแปลกๆนะครับ” เขาเองรู้สึกว่ามันไม่น่าไว้ใจ จึงพยายามเริ่มคิดแผนการณ์“เราควรที่จะลงไปดูหรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันถามอีกครั้ง เธอไม่ได้กลัวอันตราย ถ้าเธอเห็นว่ามันไม่น่าไว้ใจ เธอจะพาเหอตี้เข้าไปในมิติทันที ยังไงพวกมันก็ทำอะไรเราไม่ได้อยู่แล้ว“คุณขับรถไปอีกฝั่งเถอะครับ ค่อยๆขับไป ถ้าเราขับผ่า
ตอนนี้เหอตี้และเมิ่งหลันมาถึงที่หมู่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนที่ออกมารับที่หน้าหมู่บ้านก็คือชายหน้าโหดเมื่อวานนี้“เชิญครับ ผมคิดว่าพวกคุณจะไม่มาซะแล้ว” ชายหน้าโหดหรือมีชื่อจริงว่าเจิ้งกู่ เอ่ยขึ้นเมื่อเมิ่งหลันจอดรถที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน“ผมพูดคำไหนก็คำนั้นแน่นอนครับ ยังไงเรื่องนี้ผมจะช่วยให้เต็มที่ ว่าแต่คุณห่าวเซียนกับคนอื่นอยู่ที่ไหนกันล่ะครับ” เหอตี้เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าตอนนี้มีเพียงเจิ้งกู่เท่านั้น“ตอนนี้อยู่ที่แปลงนาครับ พี่ห่าวซวนให้ผมเป็นคนออกมารับ” หมู่บ้านแห่งนี้ยังไม่ได้รับนโยบายจัดสรรค์ที่ดิน จึงยังเป็นระบบคอมมูนอยู่ ดังนั้นคนในหมู่บ้านยังต้องลงแปลงนา และเรื่องนี้แหละที่ทำให้เกิดการฉ้อโกงเกิดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเข้าไปข้างในหมู่บ้านกันเถอะครับ” เหอตี้ให้เจิ้งกู่นั้นขึ้นรถไปด้วย แต่เขาไม่ยอม บอกว่าตนนั้นตัวเปลื้อนไม่กล้าที่จะขึ้นนั่งบนรถจึงขอเดินนำหน้าไปดีกว่าส่วนทางด้านผู้พันต้วน ตอนนี้ก็กำลังเข้าหมู่บ้านมาแล้วเหมือนกัน“นี่เจิ้งกู่ แกมากับใครล่ะ แล้วทำไมไม่ทำงาน เห็นหรือเปล่าว่าคนอื่นกำลังทำงานกันอยู่ วันนี้ฉันจะหักแต้มค่าแรงแก โทษฐานที่อู้งาน” หัวหน้าหมู่บ้านลู่ พู
พวกเราคือครอบครัว…สี่ปีต่อมา…หลังจากวันที่เมิ่งหลันคลอดลูกชายฝาแฝด ก็ผ่านมามานานหลายปีแล้ว การเลี้ยงดูลูกของเธอช่างวุ่นวายเป็นอย่างมาก ดีที่เหอตี้ออกจากงานมาช่วยเธอดูแลร้าน ไม่อย่างนั้นเธอเองคงไม่มีเวลาพัก การเลี้ยงลูกถึงสี่คนไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยฟางหลินและเหวินหลงนั้น ดีที่โตพอจนรู้ความแล้ว ตอนนี้อายุก็เข้าปีที่สิบแล้ว หนูน้อยฟางหลินในตอนนี้ความงดงามนั้นเปล่งประกายมากถึงจะยังเด็กอยู่ก็ตาม จนทำให้คุณพ่อนั้นหวงมากเป็นพิเศษ เพราะยิ่งโตหน้าตาก็ยิ่งเหมือนกับคนเป็นแม่ส่วนแฝดน้องเหวินหลงเองก็ใช่ย่อย ความหล่อเหลาก็ไม่ได้แพ้ใคร ในทุกวันที่ไปโรงเรียนมักจะมีสาวน้อยมอบขนมให้อยู่เสมอ จนทุกวันนี้สหายมู่มู่ที่ไปโรงเรียนด้วยกันไม่ต้องเสียเงินซื้อขนมเลยส่วนแฝดชาย หวังจางหมิ่น และหวังเจียวจิ้นนั้น ตอนนี้ก็อายุสี่ขวบแล้ว ซึ่งความซุกซนไม่ต้องพูดถึง ขนาดที่ว่าเมิ่งหลันจ้างพี่เลี้ยงมาเพิ่ม ทั้งสองคนก็ยังหลุดลอดสายตาออกไปซนที่อื่นได้ “จางหมิ่น เจียวจิ้น แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามออกมาเล่นข้างนอกแบบนี้” เมิ่งหลันที่ออกมาเจอลูกๆของเธออยู่ที่ด้านนอกพอดี จึงอดที่จะดุไม่ได้“แม่ครับ พวกเราไม่อยากอยู่ในบ้าน” เ
ออกมาแล้ว…“หลันหลัน คุณไม่ต้องกลัวนะครับ” เหอตี้ผู้เป็นสามีปลอบใจภรรยาอยู่ที่ข้างเตียง วันนี้เป็นวันที่คุณหมอนั้นนัดผ่าคลอดให้กับเมิ่งหลัน เพราะว่าเธอนั้นมีความเสี่ยงจึงต้องใช้วิธีการผ่าคลอดแทนการคลอดธรรมชาติ“เหอตี้คะ ฉันกลัวจังเลยค่ะ” เธอบอกสามีออกไป นี่คือการคลอดครั้งแรกของเธอ เธอจะไม่กลัวได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเมิ่งหลันคนก่อนจะเคยคลอดลูกแต่มันก็ไม่ใช่เธออยู่ดี“ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะครับ หมอที่นี่เก่งอยู่แล้ว คุณนอนพักก่อนดีกว่า” เมื่อเหอตี้เห็นว่าภรรยานั้นมีความเครียดจึงอยากให้เธอได้พักผ่อน“แล้วสองแฝดอยู่ที่ไหนหรือคะ” เมิ่งหลันถามหาลูกทั้งสองคน เพราะเธอมารอคลอดตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ก็ยังไม่ได้เจอหน้าลูกเลย“อยู่กับน้าอี้ฝานครับ สองแฝดไม่มีงอแงเลย พูดจารู้เรื่องมาก แค่บอกว่าแม่กำลังจะมาคลอดน้องพวกเขาก็เข้าใจ” เหอตี้เมื่อเช้านี้ได้กลับไปที่บ้านและพูดเรื่องนี้ให้สองแฝดฟัง ซึ่งทั้งสองก็เข้าใจ และบอกว่าจะรอแม่และน้องอยู่ที่บ้าน“คุณจะรอฉันที่ด้านนอกใช่หรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันถามสามีเมื่อมองเวลาแล้วไกล้ที่จะเข้าห้องคลอดเต็มที“ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอกห้องคลอดแน่นอน ผมรับรองเลยว่าเมื่อคุณออกมา คุ
งานแต่งงานของพี่ใหญ่เหอซาน…วันนี้เป็นวันที่เมิ่งหลันนั้นต้องมาตรวจครรภ์เป็นครั้งที่สอง และการตรวจก็เป็นไปด้วยดี การเติบโตของทารกในครรภ์นั้นดีมากทีเดียวและอีกเรื่องที่ทำให้หลิวเมิ่งหลันและหวังเหอตี้ ต้องตกตะลึงกันอีกครั้ง นั่นก็คือในท้องของเมิ่งหลันนั้นมีลูกน้อยถึงสองคน นั่นก็หมายความว่าในตอนนี้เมิ่งหลันนั้นกำลังท้องลูกแฝดอีกครั้งนั่นเองแต่การแพทย์ในยุคสมัยนี้ก็ไม่สามารถตรวจได้ว่าเจ้าก้อนแป้งที่กำลังนอนอยู่ในท้องของเมิ่งหลันนั้นเป็นเพศไหน จะเป็นชายชาย หญิงหญิง หรือหญิงชาย ก็ไม่อาจรู้ได้ ถึงแม้เจ้าก้อนแป้งทั้งสองจะแข็งแรงดี แต่เมิ่งหลันก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ เธอกลัวการคลอดลูก เธอกลัวว่าจะไม่สามารถคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย เหอตี้ที่รับรู้ได้ถึงความกังวลก็ได้แต่ปลอบใจภรรยา ไม่ว่าอย่างไรเขาจะหาหมอที่มีฝีมือที่สุดมาทำคลอดให้ภรรยาให้ได้“เดี๋ยววันนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยวนะครับ” เหอตี้เอ่ยขึ้นเมื่อพากันออกมาจากในโรงพยาบาลหลังจากที่ตรวจการตั้งครรภ์เสร็จแล้ว“คุณจะพาฉันไปที่ไหนหรือคะ” เมิ่งหลันเองก็เดาไม่ถูก เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็ยังไม่ได้ออกไปที่ไหนแบบจริงจังสักที เพราะเธอทุ่มเทเวลาใ
คู่มือการเลี้ยงลูก…หลังจากที่ทุกคนรู้ข่าวเรื่องการท้องของเมิ่งหลันก็ยินดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบ้านใหญ่หวัง แม่เหอที่รู้ข่าวก็ไปสรรหาของบำรุงต่างๆมาให้เมิ่งหลันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโสมหรือรังนกก็ตาม“ฉันต้องขอบคุณคุณแม่มากเลยนะคะสำหรับของบำรุงพวกนี้” เมิ่งหลันบอกแม่สามี ถึงแม้เธอจะรู้ว่าของพวกนี้ดีมีสรรพคุณมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะกินมันได้ เพราะเมื่อครั้งก่อนที่แม่เหอก็ฝากให้เหอตี้เอามาให้เธอทาน พอเธอทานเข้าไปถึงกับอาเจียนไม่ยอมหยุด “ไม่เป็นไรเลยจ้ะ เธอต้องกินมันให้หมดนะ หลานของฉันจะได้ออกมาแข็งแรง” แม่เหอบอกด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่เจ้าใหญ่ จะแต่งงานเมื่อไหร่ดีล่ะ เหอตี้มีลูกแซงหน้าไปแล้วนะ” แม่เหอเอ่ยถามลูกชายคนโต ที่ตอนนี้สานสัมพันธ์กับคู่หมั้นได้อย่างราบรื่น“แล้วคุณแม่ว่ายังไงล่ะครับ พร้อมที่จะไปสู่ขอสะใภ้ใหญ่ได้หรือยัง” เหอซานหันมาถามแม่ของตนบ้างแม่เหอที่ได้ยินแบบนั้นก็ตาโตทันที นี่เจ้าใหญ่ของเธอกำลังบอกให้ไปขอภรรยาให้เขาใช่หรือไม่“นี่ลูกพูดจริงใช่ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่กับพ่อจะได้ไปพูดเรื่องนี้กับบ้านกงแต่เช้าเลย” “555” เหอซานอดที่จะยิ้มขำแม่ของตนไม่ได้ คงอยากได้สะใภ้มากเลยถ
สองแฝดจะมีน้อง…“ท้อง???”“คุณหมอช่วยพูดอีกครั้งได้หรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันที่ต้องการได้ยินอีกครั้ง ว่าอาการที่เธอเป็นนั้นเป็นโรคอะไรกันแน่ เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม“คนไข้ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรนะครับ อาการที่เป็นอยู่ เป็นอาการของคนท้องเท่านั้นครับ” หมอเองได้ตรวจซ้ำถึงสองรอบจากการจับชีพจร ซึ่งผลที่ออกมาก็เหมือนกันทั้งสองครั้งและเขาเองก็มั่นใจเป็นอย่างมากเมิ่งหลันคิดว่ากลับบ้านไปเธออาจจะเรียกเอาชุดทดสอบการตั้งครรค์ออกมาตวจอีกสักครั้ง เพื่อความแน่ใจ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจหมอในยุคนี้หรอกนะ แค่เธออยากมีโมเม้นท์ขึ้นสองขีดแบบคนอื่นบ้างเท่านั้นเอง“แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้ฉันท้องกี่เดือนแล้วหรือคะ” เมิ่งหลันเองก็แอบงงเหมือนกัน ทั้งที่เธอเองก็กินยาคุม แล้วลูกของเธอนั้นทะลุยาคุมออกมาได้ยังไงกัน หรือยาที่เธอกินจะหมดอายุนะ แต่ก็ไม่น่าใช่“ประมาณ เดือนกว่าได้แล้วครับ ช่วงนี้คุณก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะครับ ของหนักก็ห้ามยกเพราะมันจะเสี่ยงต่อการแท้ง ส่วนในเรื่องของอาหารก็ให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ทั้งเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ และก็อย่าลืมดื่มนมด้วยนะครับ อ้อ…และอีกอย่างเรื่องบนเตียงช่วงนี้ก็ให้งดไปก่อนนะครับจนกว่าจะมีอ
เมิ่งหลันป่วย???วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้ว ที่เมิ่งหลันและคนงานช่วยกันบรรจุของเพื่อทำถุงยังชีพ และทุกวันก็จะทำได้ประมาณหนึ่งพันชุดทุกวัน“คุณเมิ่งหลันคะ วันนี้มีคนมาโวยวายที่หน้าร้านอีกแล้วค่ะ” ซูเหวินเข้ามารายงานเมิ่งหลัน เพราะหลายวันมานี้มีคนต้องการมาซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง แต่ทางร้านไม่สามารถเปิดขายให้ได้ เพราะต้องนำไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน นั้นจึงสร้างความไม่พอใจกับลูกค้าบางคน“แล้วได้บอกเหมือนที่ฉันสั่งไว้หรือเปล่าจ๊ะ” เมิ่งหลันเองให้ลูกจ้างทุกคนนั้นบอกลูกค้าไปตามความจริง ว่าทางร้านไมาสามารถขายสินค้าให้ได้ ให้ไปหาซื้อที่อื่นก่อน “บอกแล้วค่ะ….” ทั้งสองพูดกันไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงดังโวยวายกันอยู่ที่ด้านนอก“เฮอะ ที่ไม่ยอมขายข้าวให้พวกฉัน เป็นเพราะว่าจะเอาไปขายให้กับทางการใช่หรือเปล่าล่ะ” เสียงลูกค้าที่เป็นสตรีเอ่ยขึ้น“ไม่อยากขายให้พวกเราก็พูดมาตรงๆเถอะ ไม่ต้องอ้างทางการหรอก มันน่าอาย” เธอยังพูดไม่หยุด“ทำมาเป็นบอกว่าเอาไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ฉันเองก็เดือดร้อนเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้ของพวกนี้กับฉันด้วย” ผู้หญิงทืี่มาด้วยกันเอ่ยขึ้น“ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเราก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซ
ช่วยเหลือผู้ประสบภัย…….“ทำไมคุณถึงได้ทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ” เมิ่งหลันถามเหอตี้ที่พึ่งจะกลับมาจากที่ทำงาน ก็เห็นว่าสีหน้าของสามีนั้นไม่ค่อยจะดีนัก ทั้งที่ปกติแล้วเวลาที่เขากลับมาบ้านนั้นมักจะส่งยิ้มมาให้ก่อนเสมอเหอตี้ที่ได้ยินเมิ่งหลันถามก็ถอนหายใจ “วันนี้พี่ใหญ่มาหาผมที่ทำงานครับ” เขาเว้นหายใจไปช่วงหนึ่ง จึงทำให้เมิ่งหลันสงสัยเข้าไปอีก“พี่ใหญ่มาขอความช่วยเหลือน่ะครับ ตอนนี้ทางตอนเหนือเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรง ฝนตกหนักมาหลายวัน จนตอนนี้ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ บางพื้นที่ก็มีน้ำป่าลงมาจากเขาทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นอย่างมาก” เหอตี้พูดพร้อมกับจ้องหน้าของภรรยา “แล้วยังไงต่อคะ” เมิ่งหลันอดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ที่เหอตี้ไม่ยอมพูดให้เสร็จเสียที“ตอนนี้ประชาชนในแถบนั้นหลายพันคนกำลังเดือดร้อนเรื่องอาหาร และที่อยู่อาศัย พี่ใหญ่เลยอยากจะขอให้คุณช่วยเรื่องอาหารครับ” เหอตี้พูดออกมาได้ในที่สุด ที่เขาไม่กล้าพูดออกมาในทีแรกเพราะกลัวว่าภรรยาจะไม่ยอมช่วยเหลือในเรื่องนี้ ทั้งๆที่เขาก็รู้แหละว่าเมิ่งหลันนั้นเป็นคนจิตใจดี แต่ในเรื่องนี้ที่ต้องช่วยคนจำนวนมากเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“แค่นี้หรือคะ??” เม
หลักจากวันที่ช่วยจางเย่วในวันนั้นก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว จางเย่วเองก็ไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านเดิม แต่มาเช่าบ้านเพื่อเปิดร้านค้าตามคำแนะนำของเมิ่งหลันแทนจางเย่วนั้นเปิดร้านขายของชำ ไม่ได้ขายครบทุกอย่างเหมือนร้านของเมิ่งหลัน เพราะเธอนั้นอยู่ตัวคนเดียว เธอจึงเลือกขายของจำพวก ข้าวสาร แป้ง น้ำตาล อาหารแห้ง“คุณจางคะ ของชุดนี้ฉันเตรียมให้แล้วนะคะ ส่วนครั้งหน้าคุณโทรมาบอกที่ร้านก็ได้ค่ะ ฉันจะให้เด็กไปเอาใบรายการที่ร้านให้เอง คุณจางจะได้ไม่ต้องลำบากมาเอง ไหนจะต้องดูแลร้านอีก” เมิ่งหลันที่ให้ความช่วยเหลือก็พร้อมที่จะช่วยแบบเต็มที่ อะไรที่พอช่วยได้ก็ช่วยทันทีถ้าไม่เดือดร้อนตัวเธอ“จะดีหรือคะ มันจะเป็นการรบกวนเกินไปหรือเปล่า ทีี่พวกคุณช่วยฉันเอาไว้ ฉันเองก็ตอบแทนไม่ไหวแล้วค่ะ” จางเย่วนั้นเกรงใจจริงๆ คนที่นี่ช่วยเธอเอาไว้ตั้งมากมาย ชดใช้ด้วยชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนได้หมดหรือเปล่าและการที่เธอนั้นมีความกล้าเรื่องค้าขายก็เพราะผู้หญิงตรงหน้านี้ จางเย่วชื่นชมเมิ่งหลันเป็นอย่างมาก ผู้หญิงที่เก่งไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการค้า การปกครองคน การดูแลครอบครัว ผู้หญิงคนนี้เก่งมากจริงๆ และเธอเองก็หวังที่จะเป
“จะเป็นไปได้ยังไงครับ ในเมื่อเธอขอกลับบ้านเดิมไปตั้งหลายวันแล้วก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าหนีไปกับชู้แล้วหรือเปล่า แล้วใครบอกให้พวกคุณมาที่นี่กัน แล้ว….” นายหนิวหันไปบอกเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ทันที แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อจางเย่วก็เอ่ยขึ้นทันที“ฉันเอง…” จางเย่วอดทนไม่ไหวต่อคำพูดของคนเป็นสามีจึงได้แสดงตัวออกมานายหนิวที่ได้ยินเสียงก็หันไปดู ก็เจอเข้ากับภรรยาของตนที่เข้าใจว่าตายไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน เขาเองก็ตกใจเป็นอย่างมาก ตาของเขาปูดโปนจนแทบจะถลำออกมา“นี่..นี่ เธอยังไม่ตะ..เธอกลับมาแล้วหรือ” ก่อนที่นายหนิวจะเผลอพูดอะไรออกไป เขาเองก็ดึงสติของตัวเองกลับมาเสียก่อน ในเมื่อเรื่องนี้ไม่มีคนรู้เห็นยังไงก็ไม่มีคนเอาผิดเขาได้“ใช่ฉันกลับมาแล้ว ว่าแต่คุณเถอะไปที่ไหนมาหรือคะ อย่าบอกนะว่าออกไปตามหาฉัน” จางเย่วถามขึ้น ทั้งที่รู้ว่าเขาคงออกไปตามสืบเรื่องของตน เพราะนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ก็ยังไม่มีใครหรือเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าเจอศพของเธอ“เธอหายไปไหนมาหลายวันล่ะ รู้ไหมว่าทุกคนเป็นห่วงเธอมาก” นายหนิวหยิบยกคนอื่นมาอ้าง ทั้งที่ทุกคนก็รู้ว่าเธอเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปตามเจ้าหน้าที่มาทำเรื่องหย่าและทวงสินเด