เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดหนีเสือปะจระเข้*****ตอนนี้คุณแม่เหอพาเด็กๆเข้ามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง“คุณย่าขา เราจะทานอาหารที่นี่กันหรือคะ” ฟางหลินเอ่ยถามขึ้นเมื่อคุณย่าพามานั่งที่ร้านอาหารแห่งนี้“ใช่แล้วค่ะหลานย่า ร้านนี้อร่อยมากเลยนะคะ คุณย่าเคยมาทานกับเพื่อนๆค่ะ”“คุณย่าครับ ที่นี่มีข้าวผัดหรือเปล่าครับ” เหวินหลงที่เริ่มหิวแล้วตอนนี้ได้เอ่ยถามขึ้น“มีแน่นอนจ้ะ ถ้าหลานอยากกิน”เธออดหัวเราะไม่ได้ หลานของเธอนี่น่ารักเสียจริง“แล้วนี่แม่ของพวกหลานไปไหนเสียแล้วล่ะ ทำไมไม่เข้ามาเสียที” เมื่อสามย่าหลานนั่งไปสักครู่ก็ยังไม่เห็นเมิ่งหลันเดินเข้ามาเสียทีจึงได้ถามขึ้น“ขอโทษทีค่ะคุณแม่ พอดีเจอคนรู้จักกันก็เลยแวะทักทายน่ะค่ะ”คนรู้จักที่ว่าก็คือจางจื่ออี๋นั่นแหละ ก่อนที่เธอจะมานั้นเธอได้หย่อนระเบิดไปหนึ่งลูก ไม่รู้ว่าป่านนี้หายช็อคไปหรือยัง คิดจะรักผู้ชายแต่ไม่หาข้อมูลเขาบ้างเลย เป็นยังไงล่ะทีนี้ ไปทะเลาะกับแม่เขาเสียได้ “คุณแม่สั่งอาหารหรือยังคะ”เธอถามดูเพราะยังไม่เห็นอาหารมาเสริฟย์“ยังเลยล่ะ แต่เหวินหลงอยากกินข้าวผัดน่ะ เธออย่าลืมสั่งให้ลูกด้วยนะ”“คุณย่าขา ฟางหลินก็อยากกินข้าวผัดค่ะ”ฟาง
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดข่าวลือน่ารำคาญ*****“นี่มันอะไรกันคุณ ทำไมถึงมีข่าวลือเสียหายออกไปขนาดนั้น” พ่อหวังหรือท่านนายพลหวัง กำลังถามภรรยาถึงข่าวลือที่แพร่สะพัดในสองสามวันมานี้“ก็วันก่อนน่ะสิคะ ฉันเจอเหยาซีและลูกสาวที่ห้าง ตอนแรกเราก็ทักทายกันปกตินั่นแหละค่ะ แต่พอรู้ว่าลูกชายของเรามีลูกมีเมียแล้วเท่านั้นแหละค่ะ หางนี่โผล่ออกมาเลย หาว่าฉันอยากเกี่ยวดองกับครอบครัวของเธอเพราะต้องการให้ลูกชายของเรานั้นนั้นมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และยังดูถูกครอบครัวของเราอีกนะคะว่าไม่มีความสามรถในการทำงาน ฉันนี่อึ้งจนพูดไม่ออกเลยล่ะค่ะ” แม่เหอเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้สามีฟัง "นี่ก็แสดงว่าข่าวลือนี้คงมาจากเหยาซีสินะ เฮ้อ คุณว่าเราควรจะทำอย่างไรกันดี"พ่อหวังเองก็กลัวว่าจะกะทบกับหน้าที่การงานของลูกชาย"ทำอะไรได้ล่ะคะ แก้ข่าวได้ก็เท่านั้นเดี๋ยวอีกหน่อยคนก็ลืมไปเอง"แม่เหอคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรซึ่งคิดต่างจากสามี"หรือว่าเราจะจัดงานแต่งให้กับลูกชายของเราดีหรือไม่คะ จะได้ประกาศไปเลยว่าครอบครัวของเราไม่ได้ต้องการคนหนุนหลัง ถึงจะมีลูกสะใภ้เป็นคนชนบทก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแถมสะใภ้ของเรายังเก่งกาจถึงกับม
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดคุณแต่งงานกับผมได้ไหม*****เมื่อทุกคนทานอาหารเย็นกันเรียบร้อยแล้ว ก็พากันขึ้นห้องนอนรวมทั้งเด็กๆด้วย ก่อนหน้านี้ได้ขึ้นห้องมาก่อนแล้ว แม่บ้านจับอาบน้ำ ปะแป้งจนตัวหอมฟุ้งไปหมด“ไหน ขอแม่หอมหน่อยสิคะ ฟอด ฟอด ชื่นใจจังเลย” เมิ่งหลันหอมสองแฝดอย่างเต็มที่ จนทั้งเด็กทั้งสองอดที่จะหัวเราะชอบใจไม่ได้“แม่ขา แม่ทำงานเหนื่อยไหมคะ” ฟางหลินถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน“ตอนแรกแม่ก็เหนื่อยนะ แค่ได้หอมแก้มซาลาเปาก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ” ตอนนี้ลูกของเธอนั้นแทบจะกลิ้งได้อยู่แล้ว ไหนจะนม ไหนจะขนม อาหารการกินที่สมบูรณ์นั่นอีก“แม่คับ เหวินหลงของไปขายของด้วยได้ไหมคับ” เขาอยากออกไปช่วยแม่เหมือนที่เคยทำ “อืม ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราไปด้วยกันนะคะ”เมิ่งหลันทำท่าคิดเล็กน้อยแล้วตอบตกลงออกมา“เย้ ๆๆๆๆๆ” สองแฝดร้องดีใจมากที่จะได้ออกไปช่วยแม่ขายของ“ฟางหลิน เห็นไหมแม่ให้ไป”“อืม ดีจังเลยเนอะเหวินหลง”“พรุ่งนี้เราจะไปคอยจับขโมยนะฟางหลิน”“อืม แต่เราต้องแอบดูนะ”สองแฝดพูดคุยกันอย่างน่ารัก เหมือนกับว่าเรื่องนี้เด็กไทั้งสองคนได้ปรึกษากันไว้แล้ว สองแฝดคงจะคิดถึงเมื่อครั้งที่อยู่บ้านที่อำเภ
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดป้าใจร้าย*****หลังจากที่ตกลงกันเรื่องแต่งงานแล้ว เหอตี้ก็บอกกับแม่ของเขาทันที เมื่อแม่เหอได้ยินแบบนั้นเธอก็พอใจเป็นอย่างมาก ถึงเมิ่งหลันจะไม่ใช่คนเมือง แต่กิริยา มารยาทนั้นดีกว่าคนเมืองหลายๆคนด้วยซ้ำ“อืม ถ้าอย่างนั้นจัดงานที่บ้านของเราแล้วกันนะ หรือลูกว่ายังไง” แม่เหอหันไปถามลูกชาย“ผมว่าจัดที่บ้านใหม่ดีกว่านะครับ ยังไงที่นั่นก็เป็นสมบัติของหลันหลัน ถ้าจัดที่นี่คนก็จะดูถูกหลันหลันอีกแน่ๆครับ” เมื่อแม่เหอได้ยินแบบนั้นก็เข้าใจทันที คนพวกนั้นก็จะนินทาอีกว่าลูกสะไภ้ของเธอนั้นมีแต่ตัว ที่หวังมาเกาะครอบครัวของสามี“อย่่างนั้นก็ดีเหมือนกัน ถ้าใครถามจะได้พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าบ้านหลังนั้นเป็นของเมิ่งหลัน” เมื่อคิดได้แบบนั้นแม่เหอก็ยิ้มทันที ลูกสะใภ้บ้านไหนก็ไม่มีสินเดิมเท่าลูกสะไภ้ของเธอแน่นอน“แล้วลูกมีแขกที่จะเชิญเป็นการส่วนตัวหรือเปล่าจ๊ะ” แม่เหอถามลูกชาย เพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะอยากชวนเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยมาร่วมงานด้วย“ผมไม่มีหรอกครับ คุณแม่เชิญตามที่เห็นสมควรเถอะนะครับ” คนที่เขาจะชวนมาก็คงมีแค่เพื่อนที่ร่วมทำธุรกิจด้วยกันเท่านั้น“แล้วของเมิ่งหลันล่ะล
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดการ์ดแต่งงาน*****วันนี้เมิ่งหลันคิดว่าจะโทรศัพท์ไปหาพ่อหลิวฮุ่ยดู ว่าท่านจะมางานแต่งของเธอกับเหอตี้ได้หรือเปล่า เพราะเธอก็เกรงใจแม่เหอเหมือนกันที่เวลาจัดพิธีแล้วไม่มีญาติฝ่ายหญิงเลยสักคน"สวัสดีค่ะพ่อหนูเมิ่งหลันเองนะคะ" เธอเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากได้ยินเสียงปลายสาย"ว่ายังไงล่ะลูก มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถึงได้โทรมา" เขาอดที่จะกังวนไม่ได้"เปล่าหรอกค่ะหนูสบายดี พอดีว่าหนูมีเรื่องจะปรึกษาพ่อนะคะ…."เมิ่งหลันยังไม่ทันพูดจบพ่อหลิวก็แทรกขึ้นมาทันที"มีเรื่องอะไรล่ะหรือว่าเงินทองไม่พอใช้ล่ะลูก"ถ้าไม่พอเขาจะส่งเงินที่ลูกสาวทิ้งใว้ให้กลับคืนไปให้เธอ"คืออย่างนี้นะคะ บ้านของเหอตี้จะจัดการแต่งงานให้หนูกับเหอตี้ค่ะ หนูเลยอยากถามพ่อว่า พ่ออยากจะมาร่วมงานแต่งของหนูหรือเปล่า" เมื่อพ่อหลิวได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไปนิดนึง"พ่อก็อยากไปนะแต่ไม่รู้ว่าจะลางานที่คอมมูนได้หรือเปล่า เพราะว่าช่วงนี้ใกล้จะเก็บเกี่ยวเต็มทีแล้ว แล้วลูกจะจัดงานช่วงไหนล่ะ"ตัวเขาเองก็ติดงานถ้ารู้ว่างานจัดช่วงไหนเขาอาจจะลางานได้"คุณแม่ท่านบอกว่าอีก 1 เดือนข้างหน้าค่ะ" "ถ้าพ่อไปกลับก็ใช้เวลาถึง 7 วันแล้ว ถ้า
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดงานแต่งงาน*****วันนี้เป็นวันแต่งงานของหลิวเมิ่งหลันและหวังเหอตี้ ทุกคนได้ตื่นกันมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี เพื่อมาดูความเรียบร้อยหน้างาน วันนี้เมิ่งหลันให้คนงานทั้งสี่คนมาช่วยงานกันที่งานแต่ง เพื่อช่วยดูแลแขกที่มาร่วมงาน งานที่แม่เหอจัดขึ้นในวันนี้ค่อนข้างสมัยใหม่ ไม่ได้จัดแบบโบราณ จึงไม่ได้มีพิธีมากมาย“คุณนายเหอจัดงานได้ดีทีเดียว ดูสิ ดอกไม้พวกนี้ก็สวยงามมาก”“คุณดูสินสอดพวกนั้นสิคะ นับยังไงถึงจะหมด”“อาหารมงคลนั่นก็เหมือนกัน เรียงรายเต็มโต๊ะไปหมดเลยค่ะ”“คุณนายเหอนี่ช่างลงทุนกับลูกสะใภ้คนนี้เสียจริง”นี่คือเสียงของบรรดาคุณนายทั้งหลายที่มาพร้อมกับสามี เมื่อจับกลุ่มพูดจากันก็อดจะนินทากันไม่ได้เหลือเวลาอีกเพียง 5 นาทีเท่านั้นก็จะได้ฤกษ์ทำพิธีแล้ว ตอนนี้หวังเหอตี้และหลิวเมิ่งหลัน ได้นั่งอยู่ต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ทั้งหลาย แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ที่พ่อหลิวฮุ่ยไม่ได้มาร่วมงานในวันนี้ ตอนนี้ต่อหน้าทุกคนก็จะเห็นสินสอดที่คนบ้านหวังนำมา ล้วนแต่ทำตาโตกันทั้งสิ้น หวังเหอตี้และหลิวเมิ่งหลัน เมื่อได้มานั่งต่อหน้ากันก็อดที่จะรู้สึกเขิลอายไม่ได้ เหอตี้ก็คิดว่า ทำไมวันนี้เ
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดแขกไม่ได้รับเชิญ*****เช้าวันนี้เมิ่งหลันตื่นสายมากกว่าทุกวัน แต่ก็ไม่มีใครว่าเธอ เพราะตอนนี้เธออยู่ที่บ้านของเธอเอง เมื่อคืนนี้เหอตี้ค่อนข้างที่จะเอาแต่ใจ ไม่ยอมให้เธอนอนพักผ่อนได้ง่ายๆ กว่าจะได้นอนก็ตอนที่ข้ามวันใหม่ไปสามชั่วโมงแล้ว เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชายหนุ่มไปเอาเรียวแรงมาจากที่ไหนเยอะแยะ ทั้งที่วันทั้งวันก็ต้อนรับแขกไม่ได้หยุด เธอนี่ยอมใจเขาจริงๆ“ตื่นแล้วหรือครับ” ชายหนุ่มเข้ามาพอดี กำลังเห็นว่าภรรยาของเขากำลังลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงพอดี“ทำไมคุณไม่ปลุกฉันล่ะคะ ลูกกินข้าวแล้วหรือยัง”เธอถามถึงสองแฝด“ผมคิดว่าคุณคงเพลียเลยอยากใหักอีกสักหน่อย”เหอตี้พูดพร้อมกับจ้องตาเมิ่งหลัน ส่วนคนถูกจ้องอดที่จะเขิลอายไม่ได้“ส่วนลูกคุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ น้าอี้ฝานจัดการเรียบร้อยแล้ว น้าอี้ฝานแทบจะไม่ให้ลูกของเราได้ทำอะไรเองเลย ป้อนแม้กระทั่งข้าว” ชายหนุ่มเล่าถึงเหตุการณืเมื่อเช้าให้ภรรยาฟัง“แล้วคุณล่ะคะ ทานอะไรหรือยัง”“ยังเลยครับผมรอทานพร้อมคุณ”เมิ่งหลันได้ยินแบบนั้นก็บอกให้ชายหนุ่มรอเธอสักครู่ เธอจะไปอาบน้ำแต่งตัวจะได้ไปกินข้าวพร้อมกันเมื่อลงมาถึงข้างล่าง
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดชิงอี*****ชิงอีที่มาถึงร้านค้าของเมิ่งหลันก็อดที่จะตาโตไม่ได้ พี่สาวของเธอต้องรวยมากแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีร้านใหญ่โตขนาดนี้ “แม่พาใครมาหรือคะ”ซูเหวินที่ยืนเฝ้าหน้าเครื่องคิดเงินอยู่ถามแม่ของตนเมื่อเห็นว่าแม่พาคนแปลกหน้าเข้ามา“น้องสาวคุณเมิ่งหลันน่ะ เธอจะมาทำงานที่นี่ วันนี้ลูกมานอนกับคุณหนูทั้งสองนะ คุณคนนี้เขาจะนอนที่ห้องลูก” ซูเหวินที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับรู้“คุณเข้ามาเลือกที่นอนสิคะ จะได้ไปที่พักกัน ฉันจะต้องไปทำงานต่อ” น้าอี้ฝานเร่งให้ชิงอีเลือกของเร็วๆเธอยังมีงานบ้านที่ต้องทำอีกมาก"นี่ป้า รอหน่อยไม่ได้หรือไง ฉันเป็นถึงน้องสาวเจ้าของร้านเลยนะ ป้าจะมาพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง"ชิงอีที่กำลังชื่นชมกับร้านค้าของพี่สาวต้องสดุดลงเพราะเสียงของยัยป้าคนนี้"ถ้าอย่างนั้นก็รีบหน่อยเถอะค่ะ"นางอี้ฝานเองก็ไม่อยากมีปัญหาจึงพูดเท่าที่ควรพูดเมื่อได้ของครบแล้วก็พาไปที่บ้านเช่าทันที อี้ฝานนั้นเห็นได้ทันทีถึงอาการที่ไม่พอใจในห้องพัก ไม่ใช่ว่าลูกสาวของเธอสกปรกหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าเธอคนนี้หัวสูงนั่นเอง "ทำไมห้องมันเล็กแบบนี้ล่ะ แล้วฉันจะอยู่ยังไง ของในนี้ก็ยั
พวกเราคือครอบครัว…สี่ปีต่อมา…หลังจากวันที่เมิ่งหลันคลอดลูกชายฝาแฝด ก็ผ่านมามานานหลายปีแล้ว การเลี้ยงดูลูกของเธอช่างวุ่นวายเป็นอย่างมาก ดีที่เหอตี้ออกจากงานมาช่วยเธอดูแลร้าน ไม่อย่างนั้นเธอเองคงไม่มีเวลาพัก การเลี้ยงลูกถึงสี่คนไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยฟางหลินและเหวินหลงนั้น ดีที่โตพอจนรู้ความแล้ว ตอนนี้อายุก็เข้าปีที่สิบแล้ว หนูน้อยฟางหลินในตอนนี้ความงดงามนั้นเปล่งประกายมากถึงจะยังเด็กอยู่ก็ตาม จนทำให้คุณพ่อนั้นหวงมากเป็นพิเศษ เพราะยิ่งโตหน้าตาก็ยิ่งเหมือนกับคนเป็นแม่ส่วนแฝดน้องเหวินหลงเองก็ใช่ย่อย ความหล่อเหลาก็ไม่ได้แพ้ใคร ในทุกวันที่ไปโรงเรียนมักจะมีสาวน้อยมอบขนมให้อยู่เสมอ จนทุกวันนี้สหายมู่มู่ที่ไปโรงเรียนด้วยกันไม่ต้องเสียเงินซื้อขนมเลยส่วนแฝดชาย หวังจางหมิ่น และหวังเจียวจิ้นนั้น ตอนนี้ก็อายุสี่ขวบแล้ว ซึ่งความซุกซนไม่ต้องพูดถึง ขนาดที่ว่าเมิ่งหลันจ้างพี่เลี้ยงมาเพิ่ม ทั้งสองคนก็ยังหลุดลอดสายตาออกไปซนที่อื่นได้ “จางหมิ่น เจียวจิ้น แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามออกมาเล่นข้างนอกแบบนี้” เมิ่งหลันที่ออกมาเจอลูกๆของเธออยู่ที่ด้านนอกพอดี จึงอดที่จะดุไม่ได้“แม่ครับ พวกเราไม่อยากอยู่ในบ้าน” เ
ออกมาแล้ว…“หลันหลัน คุณไม่ต้องกลัวนะครับ” เหอตี้ผู้เป็นสามีปลอบใจภรรยาอยู่ที่ข้างเตียง วันนี้เป็นวันที่คุณหมอนั้นนัดผ่าคลอดให้กับเมิ่งหลัน เพราะว่าเธอนั้นมีความเสี่ยงจึงต้องใช้วิธีการผ่าคลอดแทนการคลอดธรรมชาติ“เหอตี้คะ ฉันกลัวจังเลยค่ะ” เธอบอกสามีออกไป นี่คือการคลอดครั้งแรกของเธอ เธอจะไม่กลัวได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเมิ่งหลันคนก่อนจะเคยคลอดลูกแต่มันก็ไม่ใช่เธออยู่ดี“ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะครับ หมอที่นี่เก่งอยู่แล้ว คุณนอนพักก่อนดีกว่า” เมื่อเหอตี้เห็นว่าภรรยานั้นมีความเครียดจึงอยากให้เธอได้พักผ่อน“แล้วสองแฝดอยู่ที่ไหนหรือคะ” เมิ่งหลันถามหาลูกทั้งสองคน เพราะเธอมารอคลอดตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ก็ยังไม่ได้เจอหน้าลูกเลย“อยู่กับน้าอี้ฝานครับ สองแฝดไม่มีงอแงเลย พูดจารู้เรื่องมาก แค่บอกว่าแม่กำลังจะมาคลอดน้องพวกเขาก็เข้าใจ” เหอตี้เมื่อเช้านี้ได้กลับไปที่บ้านและพูดเรื่องนี้ให้สองแฝดฟัง ซึ่งทั้งสองก็เข้าใจ และบอกว่าจะรอแม่และน้องอยู่ที่บ้าน“คุณจะรอฉันที่ด้านนอกใช่หรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันถามสามีเมื่อมองเวลาแล้วไกล้ที่จะเข้าห้องคลอดเต็มที“ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอกห้องคลอดแน่นอน ผมรับรองเลยว่าเมื่อคุณออกมา คุ
งานแต่งงานของพี่ใหญ่เหอซาน…วันนี้เป็นวันที่เมิ่งหลันนั้นต้องมาตรวจครรภ์เป็นครั้งที่สอง และการตรวจก็เป็นไปด้วยดี การเติบโตของทารกในครรภ์นั้นดีมากทีเดียวและอีกเรื่องที่ทำให้หลิวเมิ่งหลันและหวังเหอตี้ ต้องตกตะลึงกันอีกครั้ง นั่นก็คือในท้องของเมิ่งหลันนั้นมีลูกน้อยถึงสองคน นั่นก็หมายความว่าในตอนนี้เมิ่งหลันนั้นกำลังท้องลูกแฝดอีกครั้งนั่นเองแต่การแพทย์ในยุคสมัยนี้ก็ไม่สามารถตรวจได้ว่าเจ้าก้อนแป้งที่กำลังนอนอยู่ในท้องของเมิ่งหลันนั้นเป็นเพศไหน จะเป็นชายชาย หญิงหญิง หรือหญิงชาย ก็ไม่อาจรู้ได้ ถึงแม้เจ้าก้อนแป้งทั้งสองจะแข็งแรงดี แต่เมิ่งหลันก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ เธอกลัวการคลอดลูก เธอกลัวว่าจะไม่สามารถคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย เหอตี้ที่รับรู้ได้ถึงความกังวลก็ได้แต่ปลอบใจภรรยา ไม่ว่าอย่างไรเขาจะหาหมอที่มีฝีมือที่สุดมาทำคลอดให้ภรรยาให้ได้“เดี๋ยววันนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยวนะครับ” เหอตี้เอ่ยขึ้นเมื่อพากันออกมาจากในโรงพยาบาลหลังจากที่ตรวจการตั้งครรภ์เสร็จแล้ว“คุณจะพาฉันไปที่ไหนหรือคะ” เมิ่งหลันเองก็เดาไม่ถูก เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็ยังไม่ได้ออกไปที่ไหนแบบจริงจังสักที เพราะเธอทุ่มเทเวลาใ
คู่มือการเลี้ยงลูก…หลังจากที่ทุกคนรู้ข่าวเรื่องการท้องของเมิ่งหลันก็ยินดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบ้านใหญ่หวัง แม่เหอที่รู้ข่าวก็ไปสรรหาของบำรุงต่างๆมาให้เมิ่งหลันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโสมหรือรังนกก็ตาม“ฉันต้องขอบคุณคุณแม่มากเลยนะคะสำหรับของบำรุงพวกนี้” เมิ่งหลันบอกแม่สามี ถึงแม้เธอจะรู้ว่าของพวกนี้ดีมีสรรพคุณมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะกินมันได้ เพราะเมื่อครั้งก่อนที่แม่เหอก็ฝากให้เหอตี้เอามาให้เธอทาน พอเธอทานเข้าไปถึงกับอาเจียนไม่ยอมหยุด “ไม่เป็นไรเลยจ้ะ เธอต้องกินมันให้หมดนะ หลานของฉันจะได้ออกมาแข็งแรง” แม่เหอบอกด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่เจ้าใหญ่ จะแต่งงานเมื่อไหร่ดีล่ะ เหอตี้มีลูกแซงหน้าไปแล้วนะ” แม่เหอเอ่ยถามลูกชายคนโต ที่ตอนนี้สานสัมพันธ์กับคู่หมั้นได้อย่างราบรื่น“แล้วคุณแม่ว่ายังไงล่ะครับ พร้อมที่จะไปสู่ขอสะใภ้ใหญ่ได้หรือยัง” เหอซานหันมาถามแม่ของตนบ้างแม่เหอที่ได้ยินแบบนั้นก็ตาโตทันที นี่เจ้าใหญ่ของเธอกำลังบอกให้ไปขอภรรยาให้เขาใช่หรือไม่“นี่ลูกพูดจริงใช่ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่กับพ่อจะได้ไปพูดเรื่องนี้กับบ้านกงแต่เช้าเลย” “555” เหอซานอดที่จะยิ้มขำแม่ของตนไม่ได้ คงอยากได้สะใภ้มากเลยถ
สองแฝดจะมีน้อง…“ท้อง???”“คุณหมอช่วยพูดอีกครั้งได้หรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันที่ต้องการได้ยินอีกครั้ง ว่าอาการที่เธอเป็นนั้นเป็นโรคอะไรกันแน่ เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม“คนไข้ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรนะครับ อาการที่เป็นอยู่ เป็นอาการของคนท้องเท่านั้นครับ” หมอเองได้ตรวจซ้ำถึงสองรอบจากการจับชีพจร ซึ่งผลที่ออกมาก็เหมือนกันทั้งสองครั้งและเขาเองก็มั่นใจเป็นอย่างมากเมิ่งหลันคิดว่ากลับบ้านไปเธออาจจะเรียกเอาชุดทดสอบการตั้งครรค์ออกมาตวจอีกสักครั้ง เพื่อความแน่ใจ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจหมอในยุคนี้หรอกนะ แค่เธออยากมีโมเม้นท์ขึ้นสองขีดแบบคนอื่นบ้างเท่านั้นเอง“แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้ฉันท้องกี่เดือนแล้วหรือคะ” เมิ่งหลันเองก็แอบงงเหมือนกัน ทั้งที่เธอเองก็กินยาคุม แล้วลูกของเธอนั้นทะลุยาคุมออกมาได้ยังไงกัน หรือยาที่เธอกินจะหมดอายุนะ แต่ก็ไม่น่าใช่“ประมาณ เดือนกว่าได้แล้วครับ ช่วงนี้คุณก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะครับ ของหนักก็ห้ามยกเพราะมันจะเสี่ยงต่อการแท้ง ส่วนในเรื่องของอาหารก็ให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ทั้งเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ และก็อย่าลืมดื่มนมด้วยนะครับ อ้อ…และอีกอย่างเรื่องบนเตียงช่วงนี้ก็ให้งดไปก่อนนะครับจนกว่าจะมีอ
เมิ่งหลันป่วย???วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้ว ที่เมิ่งหลันและคนงานช่วยกันบรรจุของเพื่อทำถุงยังชีพ และทุกวันก็จะทำได้ประมาณหนึ่งพันชุดทุกวัน“คุณเมิ่งหลันคะ วันนี้มีคนมาโวยวายที่หน้าร้านอีกแล้วค่ะ” ซูเหวินเข้ามารายงานเมิ่งหลัน เพราะหลายวันมานี้มีคนต้องการมาซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง แต่ทางร้านไม่สามารถเปิดขายให้ได้ เพราะต้องนำไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน นั้นจึงสร้างความไม่พอใจกับลูกค้าบางคน“แล้วได้บอกเหมือนที่ฉันสั่งไว้หรือเปล่าจ๊ะ” เมิ่งหลันเองให้ลูกจ้างทุกคนนั้นบอกลูกค้าไปตามความจริง ว่าทางร้านไมาสามารถขายสินค้าให้ได้ ให้ไปหาซื้อที่อื่นก่อน “บอกแล้วค่ะ….” ทั้งสองพูดกันไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงดังโวยวายกันอยู่ที่ด้านนอก“เฮอะ ที่ไม่ยอมขายข้าวให้พวกฉัน เป็นเพราะว่าจะเอาไปขายให้กับทางการใช่หรือเปล่าล่ะ” เสียงลูกค้าที่เป็นสตรีเอ่ยขึ้น“ไม่อยากขายให้พวกเราก็พูดมาตรงๆเถอะ ไม่ต้องอ้างทางการหรอก มันน่าอาย” เธอยังพูดไม่หยุด“ทำมาเป็นบอกว่าเอาไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ฉันเองก็เดือดร้อนเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้ของพวกนี้กับฉันด้วย” ผู้หญิงทืี่มาด้วยกันเอ่ยขึ้น“ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเราก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซ
ช่วยเหลือผู้ประสบภัย…….“ทำไมคุณถึงได้ทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ” เมิ่งหลันถามเหอตี้ที่พึ่งจะกลับมาจากที่ทำงาน ก็เห็นว่าสีหน้าของสามีนั้นไม่ค่อยจะดีนัก ทั้งที่ปกติแล้วเวลาที่เขากลับมาบ้านนั้นมักจะส่งยิ้มมาให้ก่อนเสมอเหอตี้ที่ได้ยินเมิ่งหลันถามก็ถอนหายใจ “วันนี้พี่ใหญ่มาหาผมที่ทำงานครับ” เขาเว้นหายใจไปช่วงหนึ่ง จึงทำให้เมิ่งหลันสงสัยเข้าไปอีก“พี่ใหญ่มาขอความช่วยเหลือน่ะครับ ตอนนี้ทางตอนเหนือเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรง ฝนตกหนักมาหลายวัน จนตอนนี้ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ บางพื้นที่ก็มีน้ำป่าลงมาจากเขาทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นอย่างมาก” เหอตี้พูดพร้อมกับจ้องหน้าของภรรยา “แล้วยังไงต่อคะ” เมิ่งหลันอดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ที่เหอตี้ไม่ยอมพูดให้เสร็จเสียที“ตอนนี้ประชาชนในแถบนั้นหลายพันคนกำลังเดือดร้อนเรื่องอาหาร และที่อยู่อาศัย พี่ใหญ่เลยอยากจะขอให้คุณช่วยเรื่องอาหารครับ” เหอตี้พูดออกมาได้ในที่สุด ที่เขาไม่กล้าพูดออกมาในทีแรกเพราะกลัวว่าภรรยาจะไม่ยอมช่วยเหลือในเรื่องนี้ ทั้งๆที่เขาก็รู้แหละว่าเมิ่งหลันนั้นเป็นคนจิตใจดี แต่ในเรื่องนี้ที่ต้องช่วยคนจำนวนมากเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“แค่นี้หรือคะ??” เม
หลักจากวันที่ช่วยจางเย่วในวันนั้นก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว จางเย่วเองก็ไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านเดิม แต่มาเช่าบ้านเพื่อเปิดร้านค้าตามคำแนะนำของเมิ่งหลันแทนจางเย่วนั้นเปิดร้านขายของชำ ไม่ได้ขายครบทุกอย่างเหมือนร้านของเมิ่งหลัน เพราะเธอนั้นอยู่ตัวคนเดียว เธอจึงเลือกขายของจำพวก ข้าวสาร แป้ง น้ำตาล อาหารแห้ง“คุณจางคะ ของชุดนี้ฉันเตรียมให้แล้วนะคะ ส่วนครั้งหน้าคุณโทรมาบอกที่ร้านก็ได้ค่ะ ฉันจะให้เด็กไปเอาใบรายการที่ร้านให้เอง คุณจางจะได้ไม่ต้องลำบากมาเอง ไหนจะต้องดูแลร้านอีก” เมิ่งหลันที่ให้ความช่วยเหลือก็พร้อมที่จะช่วยแบบเต็มที่ อะไรที่พอช่วยได้ก็ช่วยทันทีถ้าไม่เดือดร้อนตัวเธอ“จะดีหรือคะ มันจะเป็นการรบกวนเกินไปหรือเปล่า ทีี่พวกคุณช่วยฉันเอาไว้ ฉันเองก็ตอบแทนไม่ไหวแล้วค่ะ” จางเย่วนั้นเกรงใจจริงๆ คนที่นี่ช่วยเธอเอาไว้ตั้งมากมาย ชดใช้ด้วยชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนได้หมดหรือเปล่าและการที่เธอนั้นมีความกล้าเรื่องค้าขายก็เพราะผู้หญิงตรงหน้านี้ จางเย่วชื่นชมเมิ่งหลันเป็นอย่างมาก ผู้หญิงที่เก่งไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการค้า การปกครองคน การดูแลครอบครัว ผู้หญิงคนนี้เก่งมากจริงๆ และเธอเองก็หวังที่จะเป
“จะเป็นไปได้ยังไงครับ ในเมื่อเธอขอกลับบ้านเดิมไปตั้งหลายวันแล้วก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าหนีไปกับชู้แล้วหรือเปล่า แล้วใครบอกให้พวกคุณมาที่นี่กัน แล้ว….” นายหนิวหันไปบอกเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ทันที แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อจางเย่วก็เอ่ยขึ้นทันที“ฉันเอง…” จางเย่วอดทนไม่ไหวต่อคำพูดของคนเป็นสามีจึงได้แสดงตัวออกมานายหนิวที่ได้ยินเสียงก็หันไปดู ก็เจอเข้ากับภรรยาของตนที่เข้าใจว่าตายไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน เขาเองก็ตกใจเป็นอย่างมาก ตาของเขาปูดโปนจนแทบจะถลำออกมา“นี่..นี่ เธอยังไม่ตะ..เธอกลับมาแล้วหรือ” ก่อนที่นายหนิวจะเผลอพูดอะไรออกไป เขาเองก็ดึงสติของตัวเองกลับมาเสียก่อน ในเมื่อเรื่องนี้ไม่มีคนรู้เห็นยังไงก็ไม่มีคนเอาผิดเขาได้“ใช่ฉันกลับมาแล้ว ว่าแต่คุณเถอะไปที่ไหนมาหรือคะ อย่าบอกนะว่าออกไปตามหาฉัน” จางเย่วถามขึ้น ทั้งที่รู้ว่าเขาคงออกไปตามสืบเรื่องของตน เพราะนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ก็ยังไม่มีใครหรือเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าเจอศพของเธอ“เธอหายไปไหนมาหลายวันล่ะ รู้ไหมว่าทุกคนเป็นห่วงเธอมาก” นายหนิวหยิบยกคนอื่นมาอ้าง ทั้งที่ทุกคนก็รู้ว่าเธอเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปตามเจ้าหน้าที่มาทำเรื่องหย่าและทวงสินเด