“ปล่อยนะคะ” ฉันพยายามดิ้นอยู่ภายใต้วงแขนแกร่ง แต่ทว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกสวมกอดแน่นขึ้น “อย่าดิ้นแรงสิ เธอท้องอยู่นะ” “ท้องอยู่แล้วยังไงคะ” ฉันไม่ได้ทำตามคำพูดของคุณคานส์แล้วก็เริ่มดิ้นแรงขึ้น ลมหายใจร้อนผ่าวของคุณคานส์เป่ารดลงมากระทบบนไหล่ ก่อนที่เขาจะจับตัวฉันให้หันหน้ามาประจันกับตัวเอง “อลิชจะกลับบ้าน จะไม่อยู่ให้คุณคานส์หลอกแล้ว” ไม่อยากจะร้องไห้ต่อหน้าเขาเลยสักนิด แต่สุดท้ายหยดน้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้ม “ฉันไม่ให้กลับ” “ไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นสิคะ อย่ามายุ่งกับอลิช” ฉันใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบรัวบนแผงอกแกร่งของคุณคานส์ “เธอเป็นเมียฉันไม่ให้ฉันยุ่งได้ยังไง” “คำว่าเมียคุณคานส์ใช้กับผู้หญิงทุกคนเลยไหมคะ” ฉันถามในเชิงประชดก่อนจะค่อยๆ หยุดดิ้นเพราะความเหนื่อยคุณคานส์ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย “คำว่าเมีย ฉันใช้แค่กับเธอคนเดียว” “จะให้เชื่อได้ยังไงละคะ ในเมื่อคุณคานส์เพิ่งจะโกหกอลิชไป” “แล้วจะให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะหายโกรธ จะให้ทำยังไงถึงจะยอมคุยกันดีๆ”“ที่อลิชเป็นแบบนี้ไม่ใช่โกรธ อลิชแค่ผิดหวัง ผิดหวังที่เชื่อใจคนผิด” “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ไปเอากับใคร ตั้งแต่บอกกับเธอว่าจะเปลี
ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ…………หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวโคมๆ ทั้งที่ตอนแรกคิดไว้แล้วว่ายังไงทุกอย่างมันก็ต้องจบวันนี้แท้ๆ แต่สุดท้ายฉันก็เกิดความลังเล “อะไรนะ ลูกอยากให้แม่รีบๆ หายโกรธพ่อใช่ไหม” คุณคานส์เอามือมาลูบท้องของฉันแล้วทำท่าพูดคุยกับลูกอีกครั้ง มันอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมา พอคุณคานส์เห็นว่าฉันยิ้มเขาก็เอานิ้วมาจิ้มๆ ที่แก้มของฉันเบาๆ “เธอยิ้มแล้ว” เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจเหมือนโล่งอก “อะ อลิชไม่ได้ยิ้มสักหน่อย” พอถูกจับได้ฉันก็รีบหุบยิ้มทันที แต่ไม่ทันแล้วแหละ “หายโกรธหรือยัง ?” “ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามีอีกไม่ต้องมาคุยกันแล้วนะคะ”“รู้แล้วน่า เธอไม่ต้องทำเสียงดุใส่ฉันแบบนั้นก็ได้” “ไว้ใจได้แน่นะคะ” ฉันถามย้ำเพราะความเจ้าชู้ของคุณคานส์มันทำให้ลังเล “ไว้ใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์” คุณคานส์ตอบเสียงหนักแน่น ก็ได้ฉันจะลองเชื่อเขาอีกสักครั้ง ถ้าเขาทำให้ฉันเสียใจอีกทุกอย่างมันต้องจบแล้วจริงๆ เพราะคงไม่มีใครอยากเสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก “วันนี้ฉันอยากกินอาหารฝีมือเมีย” คุณคานส์บอกเสียงอ้อน รู้สึกว่าเขาทำตัวดีขึ้นนะ กลบเกลื่อนความผิดละสิ “อลิชไม่ได้ไปซื้อของที่ตลาดค่ะ เพราะมัวแต่หงุดหงิดค
พี่เจขับรถพาฉันกลับมาที่บ้าน ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงพอสมควร พอมาถึงที่โรงพยาบาลฉันก็บอกให้พี่เจไปหาเปิดโรงแรมแถวนี้นอนก่อนเลยเพราะคืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล #ภายในห้องพักฟื้น พอมาถึงก็เห็นอลันกับลุงปลูกอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหน้าพ่อฉันก็รีบวิ่งไปสวมกอดทันที “พ่อ อึก~ เป็นอะไรมากไหมคะ” ฉันร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ถ้าเลือกได้ไม่อยากจะเห็นคนที่รักต้องมาเจ็บป่วยแบบนี้เลย “พ่อไม่ได้เป็นอะไรมากก็แค่โรคคนแก่ อะไรกันจะเป็นแม่คนอยู่แล้วยังจะร้องไห้เหมือนเด็ก” “อึก~” “ไม่ต้องร้องๆ พ่อไม่ได้เป็นอะไรมากพรุ่งนี้หมอก็ให้กลับบ้านได้แล้ว” “อลิชเป็นห่วงนี่คะ อึก~” “หยุดร้องได้แล้ว” พ่อดันกอดออกจากนั้นก็ลูบศีรษะฉันเบาๆ ก่อนจะถามต่อ “แล้วนี่มาคนเดียวรึ ไอ้หนุ่มนั่นไม่มาด้วยหรือไง” “คุณคานส์เขาติดงานค่ะเลยมาไม่ได้” “รักมันเข้าแล้วสินะ สรุปเรื่องแต่งงานว่ายังไง ?” “…อลิชรักคุณคานส์ค่ะ” ฉันยอมรับออกไปตรงๆ แค่ตำตอบเดียวมันก็ตอบคำถามของพ่อทั้งหมด “ก็ดียังไงก็มีลูกด้วยกันแล้ว” “คืนนี้อลิชจะอยู่เฝ้าพ่อเองนะคะ” “จะมาเฝ้าทำไมท้องไส้อยู่ กลับไปนอนบ้านให้อลันเฝ้าก็ได้” “ไม่เอาค่ะ อลิชอยากเฝ้า
“แล้วโทรมาหาใครละคะ” ปลายสายไม่ตอบว่าเป็นใคร แต่ตอบกลับมาอย่างหาเรื่อง “คุณคานส์อยู่หรือเปล่าคะ ฉันต้องการจะคุยกับเขา” ฉันยังทำใจกล้า ใจแข็ง เพราะอยากจะถามคุณคานส์ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน “คงไม่ได้หรอกค่ะ พอดีว่าฉันหวง” สิ้นสุดประโยคนั้นสายก็ถูกตัดไป ฉันนิ่งไปครู่ใหญ่พร้อมกับหยดน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้มอัตโนมัติ สุดท้ายแล้วคุณคานส์ก็ไม่ได้จริงใจกับฉัน เขายังคงมักมากและไม่สามารถทำอย่างที่ตัวเองพูดไว้ได้ นี่มันเป็นครั้งที่สองแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ถึงอาทิตย์เขาสัญญากับฉันซะดิบดีว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก มันเหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่สุดท้ายเขาก็ทำความรู้สึกของฉันพังอีกครั้ง ฉันโง่มากเกินไป โง่ที่รักผู้ชายอย่างคุณคานส์คิดว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้จริงๆ ทั้งที่ผ่านมาเขานั้นใจร้ายมากขนาดไหน มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะให้โอกาสเขา เพราะเขาไม่เห็นค่าโอกาสที่ฉันให้เลย ในเมื่อเป็นแบบนี้เราก็ควรต่างคนต่างอยู่ ฉันจะไม่กลับไปเหยียบที่บ้านของเขาอีก ฉันล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้วร้องให้ตัดพ้อความโง่ของตัวเอง จะร้องไห้เสียงดังก็ไม่ได้กลัวว่าพ่อจะได้ยินแล้วเป็นห่วง ทำได้แค่สะอื้นเบาๆ เท่านั้น
ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้ ความเจ็บปวดในใจฉันมันยังอัดแน่นอยู่เลยแท้ๆ ปัง! เสียงปืนดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้งและลูกกระสุนปืนก็พุ่งลงไปเจาะพื้นดินข้างๆ กับเท้าของคุณคานส์ที่ยืนอยู่ เรียกได้ว่าเฉียดแค่นิดเดียวจริงๆ “อยากจะตายอยู่ที่นี่หรือไง ห๊ะ! ฉันบอกให้แกไสหัวออกไปจากบ้านของฉัน” “คุณพ่อครับ…”“ฉันไม่ใช่พ่อแก!!” พ่อรีบขัดขึ้นมาเมื่อคุณคานส์เรียกตัวเองว่าพ่อ คุณคานส์จึงพูดใหม่อีกครั้ง “พ่อกำนันกำลังเข้าใจผมผิดอยู่นะครับ” “เข้าใจผิดเรื่องอะไร ข่าวออกโคมๆ ขนาดนั้น ถ้าไม่มีมูลความจริงแล้วมันจะออกมาเป็นแบบนั้นได้ยังไง!!” คุณคานส์ไม่ได้ตอบคำถามของพ่อแต่กลับเลื่อนสายตามองมายังใบหน้าของฉันแทน แล้วพูด “ฉันบอกให้เธอเชื่อใจฉัน” แววตาของคุณคานส์มันกำลังจะสื่อว่าตัวเขานั้นไม่ได้ผิด แต่ครั้งนี้เขาไม่ใช่คนที่ฉันควรจะเชื่อใจอีก “กลับไปเถอะค่ะคุณคานส์ทำขนาดนี้แล้ว” “ลงมาคุยกับฉัน” “ต่อหน้าฉันแกยังมีหน้ามาสั่งลูกสาวฉันอีกหรือไง” พ่อทำท่าจะยิงคุณคานส์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันรีบห้ามเอาไว้ “พะ พ่ออย่ายิงเขานะคะ” ฉันรีบห้ามพ่อไว้ ไม่ได้เป็นห่วงว่าคุณคานส์จะเป็นอะไรไป แ
“พูดบ้าอะไรออกมารู้ตัวไหม” คุณคานส์กดเสียงต่ำถาม เมื่อฉันเอ่ยถึงเรื่องหย่า ก็เป็นเพราะตัวเขาเองทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง “อลิชทนไม่ไหวหรอกค่ะ ให้สถานะของเราเป็นแค่พ่อและแม่ก็พอ” “ถ้าฉันผิดจริงๆ ฉันถึงจะยอมรับ แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณคานส์ยังยืนกรานว่าตัวเขาไม่ได้ผิดอะไร ก็คงจะแก้ตัวไปเรื่อยๆ สินะ “ปล่อยได้แล้วค่ะ อลิชคิดว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว” ฉันบอกพลางแกะฝ่ามือใหญ่ที่จับแขนอยู่ออก “ฉันไม่ปล่อย เธอต้องกลับไปกรุงเทพกับฉัน” “จะรั้งอลิชไว้ทำไมคะทั้งที่ก็มีผู้หญิงมากมายมาให้คุณคานส์เลือก แค่ปล่อยอลิชไปสักคน….”“เพราะหัวใจของฉันมันอยู่กับเธอ” คำพูดนั้นทำให้ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยได้ยินคำหวานๆ ออกมาจากปากของคุณคานส์เท่าไหร่ ฉันต้องเตือนสติตัวเอง ครั้งนี้เขาก็แค่พูดเพราะอยากเอาใจ อยากให้ฉันหายโกรธ เดี๋ยวพอฉันใจอ่อนทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม“งั้นก็เอาคืนไปเถอะค่ะ” ฉันเว้นคำพูดแล้วจ้องหน้าคุณคานส์ด้วยสายตาที่ผิดหวัง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “หัวใจของคุณคานส์อลิชไม่ต้องการ”“ตอนนี้เธอจะโกรธจะด่าจะว่าจะไม่เชื่อฉันก็ได้ ขอแค่ยอมกลับไปกรุ
คุณคานส์คว้ามือมาจับแขนฉันแล้วดึงเข้าหาตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเอามือมาโอบเอวของฉันเอาไว้ จากนั้นก็ขยับใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้ๆ กับใบหน้าของฉัน “ฉันบอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทำไมไม่ยอมเชื่อกันบ้าง” “เพราะความเชื่อใจมันหมดไปแล้วไงคะ” “พอฉันรักเธอแล้วเธอก็จะมาทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้หรือไง” เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคุณคานส์ตัดพ้ออะไรแบบนี้ออกมา เขาพูดว่ารักอย่างนั้นหรอ รักฉันแล้วทำให้ฉันเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าทำไม ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฉันคงจะดีใจจนบิดตัวเป็นเกียวที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของงงผู้ชายตรงหน้า แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถหวั่นไหวได้อีก “คนที่ทิ้งกันคือคุณคานส์ต่างหากค่ะไม่ใช่อลิช” “ฉันบอกให้กลับไปกรุงเทพกับฉัน ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าฉันบริสุทธิ์ใจ” “พูดจบหรือยังคะ ?” “เธอจะไล่ฉัน ?” คุณคานส์เลิกคิ้วขึ้นถาม จากนั้นเขาก็ปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระก่อนจะถอยห่าง “ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนจนกว่าเธอจะยอมรับฟัง” “ระหว่างเรามันจบแล้วค่ะ อลิชบอกแล้วไงว่าเราเป็นแค่พ่อกับแม่ของลูกก็เท่านั้น” “ฉันก็บอกไปแล้วว่าไม่มีทาง”“อยากเจอพ่อเอาปืนไล่ยิงอีกหรือไงคะ” “ถ้าฉันยอมแพ้ก็เท่ากับยอมรับผิด
คุณคานส์อุ้มฉันมาที่รถโดยไม่สนใจเลยว่าผู้คนมากมายจับจ้องมองการกระทำของเขาอยู่ “คุณคานส์คะ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ถึงยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับอลิชแบบนี้” แพรพูดเตือนสติคุณคานส์ ส่วนฉันก็พยายามดิ้นเพื่อให้เขาวางฉันลงสักที“เมียของฉัน ทำไมจะไม่มีสิทธิ์” นี่คือคำตอบของคุณคานส์ หลังจากที่พูดจบประโยคเขาก็เปิดประตูรถแล้วเอาตัวของฉันยัดเข้าไปด้านใน ก่อนจะปิดประตูแล้วรีบเดินมาเปิดประตูที่ฝั่งของคนขับ รถหรูขับแล่นออกไปจากตลาดทันที แต่ทว่าทางที่คุณคานส์ขับมานั้นมันไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉัน “จะพาอลิชไปไหนคะ” ฉันรีบหันขวับมาถามคุณคานส์ทันที “กลับบ้าน” “แต่นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านอลิช” “แล้วใครบอกว่าจะไปบ้านเธอ ฉันกำลังจะกลับกรุงเทพต่างหาก” “ไอ้คนบ้า!! จอดรถเดี๋ยวนี้นะอลิชไม่กลับ!!” ฉันตะเบ็งเสียงออกมาดังสนั่น จนคุณคานส์ต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหูไว้ “จะตะโกนทำไมนั่งอยู่ใกล้ๆ แค่นี้” “บอกให้จอดรถไงคะ” “ไม่จอด” ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปดันพวงมาลัยรถแต่ถูกคุณคานส์หันมาทำสีหน้าเกรี้ยวกราดใส่ “อย่าทำอะไรโง่ๆ” คำพูดนี้ทำให้ฉันหยุดชะงัก ใช่! เมื่อกี้ฉันคิดจะทำอะไรโง่ๆ โดยไม่คิดถึงลูกที่อยู่ในท้องเพียง