ผู้หญิงคนนั้นเธอเดินเข้ามาในร้านพร้อมกันกับเพื่อน และเธอก็มองเห็นฉันแต่ไม่ได้ทักท้วงอะไรแถมยังชักสีหน้าใส่อีกต่างหาก ที่คุณคานส์เคยบอกว่าฉันเป็นน้องสาวเขาเธอคงไม่เชื่อ ไม่อย่างนั้นคงไม่ชักสีหน้าใส่แบบนี้“แกจะบอกฉันได้หรือยังว่าไปเอาเงินที่ไหนมาออกรถหรูๆ แบบนี้” พอนั่งรถที่โต๊ะเพื่อนของเธอก็ถามขึ้นมาทันที ที่ฉันได้ยินก็เพราะว่าเธอกับเพื่อนนั้นนั่งอยู่ทางด้านหลังฉันนี่เอง ทั้งที่ที่ว่างมีตั้งเยอะแยะแต่เธอเลือกจะนั่งใกล้ๆ ฉัน เหมือนจงใจ“ผู้ชายให้มาน่ะ” “หื้มร้ายนะคะ เขาคงไม่ได้ให้มาใช้ฟรีๆ ถูกไหม” “ก็แค่นอนกับเขา อยากได้อะไรแค่โทรขอเขาก็ให้ฉันทุกอย่าง” “จริงหรอแก ใครอะหล่อหรือเปล่า ต้องรวยมากแน่ๆ เลยใช่ไหม” ฉันกำมือแน่นจนมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเมื่อได้ยินบทสนทนาที่ผู้หญิงสองคนนั้นคุยกัน แค่นอนกับเขา อยากได้อะไรก็ให้ทุกอย่าง คำนี้มันทำให้ฉันเจ็บปวด ฉันไม่แคร์เรื่องที่มันเกิดขึ้นก่อนที่คุณคานส์จะบอกว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเอง แต่ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาพูดฉันคงทนอยู่กับผู้ชายมักมากไม่ได้อีก ที่ผ่านมาฉันทนอยู่เพราะความไม่ชัดเจน สถานะของเรามันไม่สามารถบอกใครได้ว่าคืออะไร แต่ในเมื่อคุ
“ปล่อยนะคะ” ฉันพยายามดิ้นอยู่ภายใต้วงแขนแกร่ง แต่ทว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกสวมกอดแน่นขึ้น “อย่าดิ้นแรงสิ เธอท้องอยู่นะ” “ท้องอยู่แล้วยังไงคะ” ฉันไม่ได้ทำตามคำพูดของคุณคานส์แล้วก็เริ่มดิ้นแรงขึ้น ลมหายใจร้อนผ่าวของคุณคานส์เป่ารดลงมากระทบบนไหล่ ก่อนที่เขาจะจับตัวฉันให้หันหน้ามาประจันกับตัวเอง “อลิชจะกลับบ้าน จะไม่อยู่ให้คุณคานส์หลอกแล้ว” ไม่อยากจะร้องไห้ต่อหน้าเขาเลยสักนิด แต่สุดท้ายหยดน้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้ม “ฉันไม่ให้กลับ” “ไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นสิคะ อย่ามายุ่งกับอลิช” ฉันใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบรัวบนแผงอกแกร่งของคุณคานส์ “เธอเป็นเมียฉันไม่ให้ฉันยุ่งได้ยังไง” “คำว่าเมียคุณคานส์ใช้กับผู้หญิงทุกคนเลยไหมคะ” ฉันถามในเชิงประชดก่อนจะค่อยๆ หยุดดิ้นเพราะความเหนื่อยคุณคานส์ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย “คำว่าเมีย ฉันใช้แค่กับเธอคนเดียว” “จะให้เชื่อได้ยังไงละคะ ในเมื่อคุณคานส์เพิ่งจะโกหกอลิชไป” “แล้วจะให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะหายโกรธ จะให้ทำยังไงถึงจะยอมคุยกันดีๆ”“ที่อลิชเป็นแบบนี้ไม่ใช่โกรธ อลิชแค่ผิดหวัง ผิดหวังที่เชื่อใจคนผิด” “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ไปเอากับใคร ตั้งแต่บอกกับเธอว่าจะเปลี
ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ…………หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวโคมๆ ทั้งที่ตอนแรกคิดไว้แล้วว่ายังไงทุกอย่างมันก็ต้องจบวันนี้แท้ๆ แต่สุดท้ายฉันก็เกิดความลังเล “อะไรนะ ลูกอยากให้แม่รีบๆ หายโกรธพ่อใช่ไหม” คุณคานส์เอามือมาลูบท้องของฉันแล้วทำท่าพูดคุยกับลูกอีกครั้ง มันอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมา พอคุณคานส์เห็นว่าฉันยิ้มเขาก็เอานิ้วมาจิ้มๆ ที่แก้มของฉันเบาๆ “เธอยิ้มแล้ว” เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจเหมือนโล่งอก “อะ อลิชไม่ได้ยิ้มสักหน่อย” พอถูกจับได้ฉันก็รีบหุบยิ้มทันที แต่ไม่ทันแล้วแหละ “หายโกรธหรือยัง ?” “ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามีอีกไม่ต้องมาคุยกันแล้วนะคะ”“รู้แล้วน่า เธอไม่ต้องทำเสียงดุใส่ฉันแบบนั้นก็ได้” “ไว้ใจได้แน่นะคะ” ฉันถามย้ำเพราะความเจ้าชู้ของคุณคานส์มันทำให้ลังเล “ไว้ใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์” คุณคานส์ตอบเสียงหนักแน่น ก็ได้ฉันจะลองเชื่อเขาอีกสักครั้ง ถ้าเขาทำให้ฉันเสียใจอีกทุกอย่างมันต้องจบแล้วจริงๆ เพราะคงไม่มีใครอยากเสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก “วันนี้ฉันอยากกินอาหารฝีมือเมีย” คุณคานส์บอกเสียงอ้อน รู้สึกว่าเขาทำตัวดีขึ้นนะ กลบเกลื่อนความผิดละสิ “อลิชไม่ได้ไปซื้อของที่ตลาดค่ะ เพราะมัวแต่หงุดหงิดค
พี่เจขับรถพาฉันกลับมาที่บ้าน ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงพอสมควร พอมาถึงที่โรงพยาบาลฉันก็บอกให้พี่เจไปหาเปิดโรงแรมแถวนี้นอนก่อนเลยเพราะคืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล #ภายในห้องพักฟื้น พอมาถึงก็เห็นอลันกับลุงปลูกอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหน้าพ่อฉันก็รีบวิ่งไปสวมกอดทันที “พ่อ อึก~ เป็นอะไรมากไหมคะ” ฉันร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ถ้าเลือกได้ไม่อยากจะเห็นคนที่รักต้องมาเจ็บป่วยแบบนี้เลย “พ่อไม่ได้เป็นอะไรมากก็แค่โรคคนแก่ อะไรกันจะเป็นแม่คนอยู่แล้วยังจะร้องไห้เหมือนเด็ก” “อึก~” “ไม่ต้องร้องๆ พ่อไม่ได้เป็นอะไรมากพรุ่งนี้หมอก็ให้กลับบ้านได้แล้ว” “อลิชเป็นห่วงนี่คะ อึก~” “หยุดร้องได้แล้ว” พ่อดันกอดออกจากนั้นก็ลูบศีรษะฉันเบาๆ ก่อนจะถามต่อ “แล้วนี่มาคนเดียวรึ ไอ้หนุ่มนั่นไม่มาด้วยหรือไง” “คุณคานส์เขาติดงานค่ะเลยมาไม่ได้” “รักมันเข้าแล้วสินะ สรุปเรื่องแต่งงานว่ายังไง ?” “…อลิชรักคุณคานส์ค่ะ” ฉันยอมรับออกไปตรงๆ แค่ตำตอบเดียวมันก็ตอบคำถามของพ่อทั้งหมด “ก็ดียังไงก็มีลูกด้วยกันแล้ว” “คืนนี้อลิชจะอยู่เฝ้าพ่อเองนะคะ” “จะมาเฝ้าทำไมท้องไส้อยู่ กลับไปนอนบ้านให้อลันเฝ้าก็ได้” “ไม่เอาค่ะ อลิชอยากเฝ้า
“แล้วโทรมาหาใครละคะ” ปลายสายไม่ตอบว่าเป็นใคร แต่ตอบกลับมาอย่างหาเรื่อง “คุณคานส์อยู่หรือเปล่าคะ ฉันต้องการจะคุยกับเขา” ฉันยังทำใจกล้า ใจแข็ง เพราะอยากจะถามคุณคานส์ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน “คงไม่ได้หรอกค่ะ พอดีว่าฉันหวง” สิ้นสุดประโยคนั้นสายก็ถูกตัดไป ฉันนิ่งไปครู่ใหญ่พร้อมกับหยดน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้มอัตโนมัติ สุดท้ายแล้วคุณคานส์ก็ไม่ได้จริงใจกับฉัน เขายังคงมักมากและไม่สามารถทำอย่างที่ตัวเองพูดไว้ได้ นี่มันเป็นครั้งที่สองแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ถึงอาทิตย์เขาสัญญากับฉันซะดิบดีว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก มันเหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่สุดท้ายเขาก็ทำความรู้สึกของฉันพังอีกครั้ง ฉันโง่มากเกินไป โง่ที่รักผู้ชายอย่างคุณคานส์คิดว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้จริงๆ ทั้งที่ผ่านมาเขานั้นใจร้ายมากขนาดไหน มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะให้โอกาสเขา เพราะเขาไม่เห็นค่าโอกาสที่ฉันให้เลย ในเมื่อเป็นแบบนี้เราก็ควรต่างคนต่างอยู่ ฉันจะไม่กลับไปเหยียบที่บ้านของเขาอีก ฉันล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้วร้องให้ตัดพ้อความโง่ของตัวเอง จะร้องไห้เสียงดังก็ไม่ได้กลัวว่าพ่อจะได้ยินแล้วเป็นห่วง ทำได้แค่สะอื้นเบาๆ เท่านั้น
ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้ ความเจ็บปวดในใจฉันมันยังอัดแน่นอยู่เลยแท้ๆ ปัง! เสียงปืนดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้งและลูกกระสุนปืนก็พุ่งลงไปเจาะพื้นดินข้างๆ กับเท้าของคุณคานส์ที่ยืนอยู่ เรียกได้ว่าเฉียดแค่นิดเดียวจริงๆ “อยากจะตายอยู่ที่นี่หรือไง ห๊ะ! ฉันบอกให้แกไสหัวออกไปจากบ้านของฉัน” “คุณพ่อครับ…”“ฉันไม่ใช่พ่อแก!!” พ่อรีบขัดขึ้นมาเมื่อคุณคานส์เรียกตัวเองว่าพ่อ คุณคานส์จึงพูดใหม่อีกครั้ง “พ่อกำนันกำลังเข้าใจผมผิดอยู่นะครับ” “เข้าใจผิดเรื่องอะไร ข่าวออกโคมๆ ขนาดนั้น ถ้าไม่มีมูลความจริงแล้วมันจะออกมาเป็นแบบนั้นได้ยังไง!!” คุณคานส์ไม่ได้ตอบคำถามของพ่อแต่กลับเลื่อนสายตามองมายังใบหน้าของฉันแทน แล้วพูด “ฉันบอกให้เธอเชื่อใจฉัน” แววตาของคุณคานส์มันกำลังจะสื่อว่าตัวเขานั้นไม่ได้ผิด แต่ครั้งนี้เขาไม่ใช่คนที่ฉันควรจะเชื่อใจอีก “กลับไปเถอะค่ะคุณคานส์ทำขนาดนี้แล้ว” “ลงมาคุยกับฉัน” “ต่อหน้าฉันแกยังมีหน้ามาสั่งลูกสาวฉันอีกหรือไง” พ่อทำท่าจะยิงคุณคานส์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันรีบห้ามเอาไว้ “พะ พ่ออย่ายิงเขานะคะ” ฉันรีบห้ามพ่อไว้ ไม่ได้เป็นห่วงว่าคุณคานส์จะเป็นอะไรไป แ
“พูดบ้าอะไรออกมารู้ตัวไหม” คุณคานส์กดเสียงต่ำถาม เมื่อฉันเอ่ยถึงเรื่องหย่า ก็เป็นเพราะตัวเขาเองทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง “อลิชทนไม่ไหวหรอกค่ะ ให้สถานะของเราเป็นแค่พ่อและแม่ก็พอ” “ถ้าฉันผิดจริงๆ ฉันถึงจะยอมรับ แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณคานส์ยังยืนกรานว่าตัวเขาไม่ได้ผิดอะไร ก็คงจะแก้ตัวไปเรื่อยๆ สินะ “ปล่อยได้แล้วค่ะ อลิชคิดว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว” ฉันบอกพลางแกะฝ่ามือใหญ่ที่จับแขนอยู่ออก “ฉันไม่ปล่อย เธอต้องกลับไปกรุงเทพกับฉัน” “จะรั้งอลิชไว้ทำไมคะทั้งที่ก็มีผู้หญิงมากมายมาให้คุณคานส์เลือก แค่ปล่อยอลิชไปสักคน….”“เพราะหัวใจของฉันมันอยู่กับเธอ” คำพูดนั้นทำให้ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยได้ยินคำหวานๆ ออกมาจากปากของคุณคานส์เท่าไหร่ ฉันต้องเตือนสติตัวเอง ครั้งนี้เขาก็แค่พูดเพราะอยากเอาใจ อยากให้ฉันหายโกรธ เดี๋ยวพอฉันใจอ่อนทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม“งั้นก็เอาคืนไปเถอะค่ะ” ฉันเว้นคำพูดแล้วจ้องหน้าคุณคานส์ด้วยสายตาที่ผิดหวัง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “หัวใจของคุณคานส์อลิชไม่ต้องการ”“ตอนนี้เธอจะโกรธจะด่าจะว่าจะไม่เชื่อฉันก็ได้ ขอแค่ยอมกลับไปกรุ
คุณคานส์คว้ามือมาจับแขนฉันแล้วดึงเข้าหาตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเอามือมาโอบเอวของฉันเอาไว้ จากนั้นก็ขยับใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้ๆ กับใบหน้าของฉัน “ฉันบอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทำไมไม่ยอมเชื่อกันบ้าง” “เพราะความเชื่อใจมันหมดไปแล้วไงคะ” “พอฉันรักเธอแล้วเธอก็จะมาทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้หรือไง” เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคุณคานส์ตัดพ้ออะไรแบบนี้ออกมา เขาพูดว่ารักอย่างนั้นหรอ รักฉันแล้วทำให้ฉันเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าทำไม ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฉันคงจะดีใจจนบิดตัวเป็นเกียวที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของงงผู้ชายตรงหน้า แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถหวั่นไหวได้อีก “คนที่ทิ้งกันคือคุณคานส์ต่างหากค่ะไม่ใช่อลิช” “ฉันบอกให้กลับไปกรุงเทพกับฉัน ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าฉันบริสุทธิ์ใจ” “พูดจบหรือยังคะ ?” “เธอจะไล่ฉัน ?” คุณคานส์เลิกคิ้วขึ้นถาม จากนั้นเขาก็ปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระก่อนจะถอยห่าง “ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนจนกว่าเธอจะยอมรับฟัง” “ระหว่างเรามันจบแล้วค่ะ อลิชบอกแล้วไงว่าเราเป็นแค่พ่อกับแม่ของลูกก็เท่านั้น” “ฉันก็บอกไปแล้วว่าไม่มีทาง”“อยากเจอพ่อเอาปืนไล่ยิงอีกหรือไงคะ” “ถ้าฉันยอมแพ้ก็เท่ากับยอมรับผิด
แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง
“พะ พาเธอมาทำไมคะ” ฉันกำมือแน่นพร้อมกับเอ่ยถามคุณคานส์เสียงสั่น เพราะความรู้สึกตอนนี้มันเริ่มกลัวไปหมดทุกอย่าง “คานส์ออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ แป้งขอคุยกับเธอสองคน” แป้งเธอบอกคุณคานส์ฉันจึงรีบค้านขึ้น “คุยอะไร….”คุณคานส์เดินมาหาฉันแล้วก้มลงมาจูบลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ลูบศรีษะของฉันไปมาแล้วพูด “แป้งแค่อยากเคลียร์เรื่องตอนนั้น ก่อนที่เธอจะกลับต่างประเทศ”“คุณคานส์บอกอลิชว่าเธอกลับไปแล้วนี่คะ” “…..” พอฉันท้วงไปแบบนั้นคุณคานส์ก็หน้าซีด แปลว่าเขาโกหกกันอย่างนั้นหรอ “ฉันมาดี” แป้งเธอพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คุณคานส์จะเดินออกไปจากห้อง ฉันไม่รู้ว่าเธอมาดีจริงหรือเปล่าเพราะมารยาของเธอนั้นเยอะเหลือเกิน และถึงจะมาดีแต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นมิตรด้วย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเกลียดใคร แต่ถ้าฉันได้เกลียดก็ยากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นได้ “มีอะไรก็พูดมาสิ” เป็นฉันที่เปิดเรื่องพูดขึ้นมาก่อนเพราะอยากให้เธอรีบพูดแล้วก็รีบกลับไป“ฉันขอพูดตรงๆ ว่ายังรู้สึกดีๆ กับคานส์อยู่” ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอไม่ได้มาดีตั้งแต่แรก พอคุณคานส์ออกไปธาตุแท้ก็ออกมา “จะมาขอเขาคืนอีกหรอคะ ก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันปล่
#ช่วงเย็น หมอเอาลูกมาให้และสอนวิธีเอาลูกเข้าเต้านมและสอนวิธีอาบน้ำให้ฉันกับคุณคานส์ดูแล้ว ลูคัสกินนมจนอิ่มแต่ก็ยังไม่ยอมนอน คงจะเป็นเพราะคุณปู่กับคุณตาคอยกวนแน่เลย อย่างที่คุณคานส์บอกว่าลูกเหมือนเขาเปะๆ ฉันได้เห็นหน้าลูกชัดๆ แล้วก็นึกน้อยใจเพราะไม่มีส่วนไหนของใบหน้าที่ลูกเหมือนฉันเลย “หน้าตาเหมือนตาคานส์ตอนเกิดไม่มีผิด” พ่อของคุณคานส์มองเจ้าตัวเล็กในรถเข็นแล้วก็หันมาพูดกับฉัน “ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ” ฉันบอกอย่างน้อยอกน้อยใจ “ครั้งต่อไปต้องทำให้เหมือนตัวเองนะจะได้ไม่น้อยหน้า” พ่อของฉันบอก พูดมาแบบนี้แปลว่าอยากจะให้ฉันมีหลานให้อีกคนแน่ๆ “นั่นสิ คนต่อไปพ่อขอผู้หญิงนะอยากอุ้มหลานผู้หญิงบ้าง ไอริสก็มีหลานชายให้ นี่ท้องอีกคนก็เป็นผู้ชาย” พ่อของคุณคานส์แทนตัวเองกับฉันว่าพ่อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือได้ยินว่าไอริสน้องสาวของคุณคานส์กำลังท้องลูกคนที่สอง “ไอริสเพิ่งคลอดไปเองไม่ใช่หรอคะ ทะ ทำไมถึงท้องเร็วจัง” “เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ คลอดปุบท้องปับ” คุณคานส์พูดขึ้น ฉันรู้ทันหรอกว่าเขาคิดเรื่องอะไรอยู่ “ไม่เอาค่ะ เว้นไปก่อนสักสองสามปีก็ได้” ฉันยังเข็ดกับการคลอดอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีความรู้สึ
ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านพ้นไปด้วยดีตอนนี้ฉันกำลังพักฟื้นหลังคลอดอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล ฉันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้มันไม่ง่ายเลย แต่มันคือความเจ็บปวดที่งดงามความเจ็บปวดที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดเก้าเดือน ตอนนี้ลูกชายของฉันได้คลอดออกมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันเจ็บที่สุดในชีวิตคุณคานส์คอยอยู่ใกล้ๆ จับมือให้กำลังใจฉันไม่ห่าง ครั้งแรกที่เราเห็นหน้าลูกทั้งฉันและคุณคานส์เราก็ต่างร้องไห้ออกมา “เป็นไงบ้างเจ็บอยู่ไหม” คุณคานส์ไปจัดการเรื่องเอกสาร พอกลับมาที่ห้องพักฟื้นก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วง “เจ็บสิคะ เจ็บมากด้วย” ตอนนี้แผลที่เย็บมันยังเจ็บมากๆ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย “เดี๋ยวหมอเอาลูกมาให้ตอนเช้า เธอมีน้ำนมแล้วใช่ไหม” คุณคานส์ดูตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ฉันคลอดอีกนะตอนนี้ เขามีท่าทางรนๆ อยู่ไม่นิ่ง “มีแล้วค่ะ ไหลออกมาเยอะเลย” โชคดีที่น้ำนมของฉันมีพร้อมให้ลูกดื่มทันที ได้ยินคุณหมอบอกว่าบางคนต้องรอหลายวันกว่าน้ำนมจะมา “ลูกหน้าเหมือนฉันเปะๆ เลย” คุณคานส์บอกอย่างภูมิใจ ตอนคลอดฉันเห็นหน้าลูกไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะมัวแต่ร้องไห้ด้วย คุณคานส์ก็คงจะไปดูลูกมาแล้วถึงมาพูดแบบนี้ “ไม่เห