พี่เจขับรถพาฉันกลับมาที่บ้าน ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงพอสมควร พอมาถึงที่โรงพยาบาลฉันก็บอกให้พี่เจไปหาเปิดโรงแรมแถวนี้นอนก่อนเลยเพราะคืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล #ภายในห้องพักฟื้น พอมาถึงก็เห็นอลันกับลุงปลูกอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหน้าพ่อฉันก็รีบวิ่งไปสวมกอดทันที “พ่อ อึก~ เป็นอะไรมากไหมคะ” ฉันร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ถ้าเลือกได้ไม่อยากจะเห็นคนที่รักต้องมาเจ็บป่วยแบบนี้เลย “พ่อไม่ได้เป็นอะไรมากก็แค่โรคคนแก่ อะไรกันจะเป็นแม่คนอยู่แล้วยังจะร้องไห้เหมือนเด็ก” “อึก~” “ไม่ต้องร้องๆ พ่อไม่ได้เป็นอะไรมากพรุ่งนี้หมอก็ให้กลับบ้านได้แล้ว” “อลิชเป็นห่วงนี่คะ อึก~” “หยุดร้องได้แล้ว” พ่อดันกอดออกจากนั้นก็ลูบศีรษะฉันเบาๆ ก่อนจะถามต่อ “แล้วนี่มาคนเดียวรึ ไอ้หนุ่มนั่นไม่มาด้วยหรือไง” “คุณคานส์เขาติดงานค่ะเลยมาไม่ได้” “รักมันเข้าแล้วสินะ สรุปเรื่องแต่งงานว่ายังไง ?” “…อลิชรักคุณคานส์ค่ะ” ฉันยอมรับออกไปตรงๆ แค่ตำตอบเดียวมันก็ตอบคำถามของพ่อทั้งหมด “ก็ดียังไงก็มีลูกด้วยกันแล้ว” “คืนนี้อลิชจะอยู่เฝ้าพ่อเองนะคะ” “จะมาเฝ้าทำไมท้องไส้อยู่ กลับไปนอนบ้านให้อลันเฝ้าก็ได้” “ไม่เอาค่ะ อลิชอยากเฝ้า
“แล้วโทรมาหาใครละคะ” ปลายสายไม่ตอบว่าเป็นใคร แต่ตอบกลับมาอย่างหาเรื่อง “คุณคานส์อยู่หรือเปล่าคะ ฉันต้องการจะคุยกับเขา” ฉันยังทำใจกล้า ใจแข็ง เพราะอยากจะถามคุณคานส์ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน “คงไม่ได้หรอกค่ะ พอดีว่าฉันหวง” สิ้นสุดประโยคนั้นสายก็ถูกตัดไป ฉันนิ่งไปครู่ใหญ่พร้อมกับหยดน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้มอัตโนมัติ สุดท้ายแล้วคุณคานส์ก็ไม่ได้จริงใจกับฉัน เขายังคงมักมากและไม่สามารถทำอย่างที่ตัวเองพูดไว้ได้ นี่มันเป็นครั้งที่สองแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ถึงอาทิตย์เขาสัญญากับฉันซะดิบดีว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก มันเหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่สุดท้ายเขาก็ทำความรู้สึกของฉันพังอีกครั้ง ฉันโง่มากเกินไป โง่ที่รักผู้ชายอย่างคุณคานส์คิดว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้จริงๆ ทั้งที่ผ่านมาเขานั้นใจร้ายมากขนาดไหน มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะให้โอกาสเขา เพราะเขาไม่เห็นค่าโอกาสที่ฉันให้เลย ในเมื่อเป็นแบบนี้เราก็ควรต่างคนต่างอยู่ ฉันจะไม่กลับไปเหยียบที่บ้านของเขาอีก ฉันล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้วร้องให้ตัดพ้อความโง่ของตัวเอง จะร้องไห้เสียงดังก็ไม่ได้กลัวว่าพ่อจะได้ยินแล้วเป็นห่วง ทำได้แค่สะอื้นเบาๆ เท่านั้น
ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้ ความเจ็บปวดในใจฉันมันยังอัดแน่นอยู่เลยแท้ๆ ปัง! เสียงปืนดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้งและลูกกระสุนปืนก็พุ่งลงไปเจาะพื้นดินข้างๆ กับเท้าของคุณคานส์ที่ยืนอยู่ เรียกได้ว่าเฉียดแค่นิดเดียวจริงๆ “อยากจะตายอยู่ที่นี่หรือไง ห๊ะ! ฉันบอกให้แกไสหัวออกไปจากบ้านของฉัน” “คุณพ่อครับ…”“ฉันไม่ใช่พ่อแก!!” พ่อรีบขัดขึ้นมาเมื่อคุณคานส์เรียกตัวเองว่าพ่อ คุณคานส์จึงพูดใหม่อีกครั้ง “พ่อกำนันกำลังเข้าใจผมผิดอยู่นะครับ” “เข้าใจผิดเรื่องอะไร ข่าวออกโคมๆ ขนาดนั้น ถ้าไม่มีมูลความจริงแล้วมันจะออกมาเป็นแบบนั้นได้ยังไง!!” คุณคานส์ไม่ได้ตอบคำถามของพ่อแต่กลับเลื่อนสายตามองมายังใบหน้าของฉันแทน แล้วพูด “ฉันบอกให้เธอเชื่อใจฉัน” แววตาของคุณคานส์มันกำลังจะสื่อว่าตัวเขานั้นไม่ได้ผิด แต่ครั้งนี้เขาไม่ใช่คนที่ฉันควรจะเชื่อใจอีก “กลับไปเถอะค่ะคุณคานส์ทำขนาดนี้แล้ว” “ลงมาคุยกับฉัน” “ต่อหน้าฉันแกยังมีหน้ามาสั่งลูกสาวฉันอีกหรือไง” พ่อทำท่าจะยิงคุณคานส์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันรีบห้ามเอาไว้ “พะ พ่ออย่ายิงเขานะคะ” ฉันรีบห้ามพ่อไว้ ไม่ได้เป็นห่วงว่าคุณคานส์จะเป็นอะไรไป แ
“พูดบ้าอะไรออกมารู้ตัวไหม” คุณคานส์กดเสียงต่ำถาม เมื่อฉันเอ่ยถึงเรื่องหย่า ก็เป็นเพราะตัวเขาเองทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง “อลิชทนไม่ไหวหรอกค่ะ ให้สถานะของเราเป็นแค่พ่อและแม่ก็พอ” “ถ้าฉันผิดจริงๆ ฉันถึงจะยอมรับ แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณคานส์ยังยืนกรานว่าตัวเขาไม่ได้ผิดอะไร ก็คงจะแก้ตัวไปเรื่อยๆ สินะ “ปล่อยได้แล้วค่ะ อลิชคิดว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว” ฉันบอกพลางแกะฝ่ามือใหญ่ที่จับแขนอยู่ออก “ฉันไม่ปล่อย เธอต้องกลับไปกรุงเทพกับฉัน” “จะรั้งอลิชไว้ทำไมคะทั้งที่ก็มีผู้หญิงมากมายมาให้คุณคานส์เลือก แค่ปล่อยอลิชไปสักคน….”“เพราะหัวใจของฉันมันอยู่กับเธอ” คำพูดนั้นทำให้ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยได้ยินคำหวานๆ ออกมาจากปากของคุณคานส์เท่าไหร่ ฉันต้องเตือนสติตัวเอง ครั้งนี้เขาก็แค่พูดเพราะอยากเอาใจ อยากให้ฉันหายโกรธ เดี๋ยวพอฉันใจอ่อนทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม“งั้นก็เอาคืนไปเถอะค่ะ” ฉันเว้นคำพูดแล้วจ้องหน้าคุณคานส์ด้วยสายตาที่ผิดหวัง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “หัวใจของคุณคานส์อลิชไม่ต้องการ”“ตอนนี้เธอจะโกรธจะด่าจะว่าจะไม่เชื่อฉันก็ได้ ขอแค่ยอมกลับไปกรุ
คุณคานส์คว้ามือมาจับแขนฉันแล้วดึงเข้าหาตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเอามือมาโอบเอวของฉันเอาไว้ จากนั้นก็ขยับใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้ๆ กับใบหน้าของฉัน “ฉันบอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทำไมไม่ยอมเชื่อกันบ้าง” “เพราะความเชื่อใจมันหมดไปแล้วไงคะ” “พอฉันรักเธอแล้วเธอก็จะมาทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้หรือไง” เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคุณคานส์ตัดพ้ออะไรแบบนี้ออกมา เขาพูดว่ารักอย่างนั้นหรอ รักฉันแล้วทำให้ฉันเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าทำไม ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฉันคงจะดีใจจนบิดตัวเป็นเกียวที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของงงผู้ชายตรงหน้า แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถหวั่นไหวได้อีก “คนที่ทิ้งกันคือคุณคานส์ต่างหากค่ะไม่ใช่อลิช” “ฉันบอกให้กลับไปกรุงเทพกับฉัน ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าฉันบริสุทธิ์ใจ” “พูดจบหรือยังคะ ?” “เธอจะไล่ฉัน ?” คุณคานส์เลิกคิ้วขึ้นถาม จากนั้นเขาก็ปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระก่อนจะถอยห่าง “ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนจนกว่าเธอจะยอมรับฟัง” “ระหว่างเรามันจบแล้วค่ะ อลิชบอกแล้วไงว่าเราเป็นแค่พ่อกับแม่ของลูกก็เท่านั้น” “ฉันก็บอกไปแล้วว่าไม่มีทาง”“อยากเจอพ่อเอาปืนไล่ยิงอีกหรือไงคะ” “ถ้าฉันยอมแพ้ก็เท่ากับยอมรับผิด
คุณคานส์อุ้มฉันมาที่รถโดยไม่สนใจเลยว่าผู้คนมากมายจับจ้องมองการกระทำของเขาอยู่ “คุณคานส์คะ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ถึงยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับอลิชแบบนี้” แพรพูดเตือนสติคุณคานส์ ส่วนฉันก็พยายามดิ้นเพื่อให้เขาวางฉันลงสักที“เมียของฉัน ทำไมจะไม่มีสิทธิ์” นี่คือคำตอบของคุณคานส์ หลังจากที่พูดจบประโยคเขาก็เปิดประตูรถแล้วเอาตัวของฉันยัดเข้าไปด้านใน ก่อนจะปิดประตูแล้วรีบเดินมาเปิดประตูที่ฝั่งของคนขับ รถหรูขับแล่นออกไปจากตลาดทันที แต่ทว่าทางที่คุณคานส์ขับมานั้นมันไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉัน “จะพาอลิชไปไหนคะ” ฉันรีบหันขวับมาถามคุณคานส์ทันที “กลับบ้าน” “แต่นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านอลิช” “แล้วใครบอกว่าจะไปบ้านเธอ ฉันกำลังจะกลับกรุงเทพต่างหาก” “ไอ้คนบ้า!! จอดรถเดี๋ยวนี้นะอลิชไม่กลับ!!” ฉันตะเบ็งเสียงออกมาดังสนั่น จนคุณคานส์ต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหูไว้ “จะตะโกนทำไมนั่งอยู่ใกล้ๆ แค่นี้” “บอกให้จอดรถไงคะ” “ไม่จอด” ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปดันพวงมาลัยรถแต่ถูกคุณคานส์หันมาทำสีหน้าเกรี้ยวกราดใส่ “อย่าทำอะไรโง่ๆ” คำพูดนี้ทำให้ฉันหยุดชะงัก ใช่! เมื่อกี้ฉันคิดจะทำอะไรโง่ๆ โดยไม่คิดถึงลูกที่อยู่ในท้องเพียง
นักข่าวพากันฮือหาต่างตกใจในคำพูดของคุณคานส์ หลังจากพูดจบคุณคานส์ก็ดึงตัวฉันออกมาจากฝูงนักข่าวตอนนี้หัวใจดวงน้อยของฉันมันกำลังเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ คุณคานส์พาฉันเดินขึ้นลิฟต์โดยที่นักข่าวก็ยังตามมาอยู่ แต่ตามไม่ทันเพราะประตูลิฟต์ปิดซะก่อน เมื่อได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองในลิฟต์ฉันเองก็ทำตัวไม่ถูก ภายในใจมันสับสนกับเรื่องราวที่เกิเขึ้น ความโกรธที่มีมันค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อได้ยินคุณคานส์ให้สัมภาษณ์แบบนั้น พอลิฟต์เปิดออกคุณคานส์ก็พาฉันเดินมายังห้องๆ หนึ่ง ลืมบอกไปว่างานนี้ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมเมื่อเข้ามาในห้องแล้วคุณคานส์ก็กอดฉันแน่น แล้วกระซิบถาม “เชื่อใจฉันได้หรือยัง”ฉันได้แต่เงียบไม่ได้ตอบไปในทันทีเพราะยังตกใจอยู่ “อะไรกันฉันทำขนาดนี้แล้วเธอยังไม่เชื่ออีกหรือไง” คุณคานส์ถามแล้วทำใบหน้าบึ้งตึงใส่ “ปล่อยอลิชก่อนค่ะ” “เธอยังโกรธฉันอยู่ ?” “ให้เวลาอลิชทบทวนหน่อยสิคะ แบบนี้มันกระทันหันเกินไป ก่อนหน้านี้อลิชยังโกรธคุณคานส์เป็นฟืนเป็นไฟอยู่เลย” พอคุณคานส์ได้ยินคำตอบของฉันเขาก็ยิ้มออกมา ก่อนจะอุ้มฉันขึ้นแล้วพาเดินมาที่เตียง ร่างของฉันถูกวางลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ โดยมีคุณคานส์คร่อมไว้ด้านบน
กว่าที่คุณคานส์จะยอมพาฉันออกมาที่หน้างานก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง ในที่แบบนี้เขาก็ยังหื่นเอามากๆ ฉันเองบอกไปหลายครั้งแล้วว่าให้กลับไปทำต่อที่บ้าน แต่คุณคานส์เองนั่นแหละที่ไม่ยอม ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เคลียร์ไปหมดแล้ว ฉันเองก็ไม่มีเรื่องให้ทุกใจ และกลับมามาความสุขอีกครั้ง คุณคานส์จับมือฉันเดินออกมาพบปะผู้ใหญ่ในงานและแนะนำตัวว่าฉันคือภรรยาของเขา บอกอีกด้วยว่าเรากำลังจะมีเจ้าตัวน้อยด้วยกัน “ตาคานส์อาขอคุยด้วยหน่อย” พ่อของเปียเดินมาหาเราทั้งคู่ด้วยท่าทางที่ไม่พอใจสักเท่าไหร่ “ถ้าอย่างนั้นอลิชขอตัวก่อนนะคะ” ฉันเห็นว่ามันคงไม่ใช่ธุระอะไรของฉันจึงไม่อยากจะยืนฟังให้เสียมารยาท แต่พอจะเดินเลี่ยงออกมา คุณคานส์ก็ไม่ยอมปล่อยให้ฉันไปไหน “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณอา” คุณคานส์ถาม “ให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นมันหักหน้ากันชัดๆ แบบนี้ลูกสาวอาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” ที่แท้ก็ไม่พอใจเรื่องให้สัมภาษณ์นี่เอง ฉันรู้แล้วแหละว่าเปียเธอนิสัยเหมือนใคร “ผมก็ให้สัมภาษณ์ตามความจริง ถ้าผมเลือกจะโกหกตามที่เปียบอก แล้วความรู้สึกของภรรยาของผมล่ะครับ” ฉันยิ้มเล็กน้อยให้กับคำตอบของคุณคานส์ ตอนนี้เขากำลังทำให้ฉันหลงรักมากขึ้นจะรู
แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง
“พะ พาเธอมาทำไมคะ” ฉันกำมือแน่นพร้อมกับเอ่ยถามคุณคานส์เสียงสั่น เพราะความรู้สึกตอนนี้มันเริ่มกลัวไปหมดทุกอย่าง “คานส์ออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ แป้งขอคุยกับเธอสองคน” แป้งเธอบอกคุณคานส์ฉันจึงรีบค้านขึ้น “คุยอะไร….”คุณคานส์เดินมาหาฉันแล้วก้มลงมาจูบลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ลูบศรีษะของฉันไปมาแล้วพูด “แป้งแค่อยากเคลียร์เรื่องตอนนั้น ก่อนที่เธอจะกลับต่างประเทศ”“คุณคานส์บอกอลิชว่าเธอกลับไปแล้วนี่คะ” “…..” พอฉันท้วงไปแบบนั้นคุณคานส์ก็หน้าซีด แปลว่าเขาโกหกกันอย่างนั้นหรอ “ฉันมาดี” แป้งเธอพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คุณคานส์จะเดินออกไปจากห้อง ฉันไม่รู้ว่าเธอมาดีจริงหรือเปล่าเพราะมารยาของเธอนั้นเยอะเหลือเกิน และถึงจะมาดีแต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นมิตรด้วย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเกลียดใคร แต่ถ้าฉันได้เกลียดก็ยากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นได้ “มีอะไรก็พูดมาสิ” เป็นฉันที่เปิดเรื่องพูดขึ้นมาก่อนเพราะอยากให้เธอรีบพูดแล้วก็รีบกลับไป“ฉันขอพูดตรงๆ ว่ายังรู้สึกดีๆ กับคานส์อยู่” ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอไม่ได้มาดีตั้งแต่แรก พอคุณคานส์ออกไปธาตุแท้ก็ออกมา “จะมาขอเขาคืนอีกหรอคะ ก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันปล่
#ช่วงเย็น หมอเอาลูกมาให้และสอนวิธีเอาลูกเข้าเต้านมและสอนวิธีอาบน้ำให้ฉันกับคุณคานส์ดูแล้ว ลูคัสกินนมจนอิ่มแต่ก็ยังไม่ยอมนอน คงจะเป็นเพราะคุณปู่กับคุณตาคอยกวนแน่เลย อย่างที่คุณคานส์บอกว่าลูกเหมือนเขาเปะๆ ฉันได้เห็นหน้าลูกชัดๆ แล้วก็นึกน้อยใจเพราะไม่มีส่วนไหนของใบหน้าที่ลูกเหมือนฉันเลย “หน้าตาเหมือนตาคานส์ตอนเกิดไม่มีผิด” พ่อของคุณคานส์มองเจ้าตัวเล็กในรถเข็นแล้วก็หันมาพูดกับฉัน “ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ” ฉันบอกอย่างน้อยอกน้อยใจ “ครั้งต่อไปต้องทำให้เหมือนตัวเองนะจะได้ไม่น้อยหน้า” พ่อของฉันบอก พูดมาแบบนี้แปลว่าอยากจะให้ฉันมีหลานให้อีกคนแน่ๆ “นั่นสิ คนต่อไปพ่อขอผู้หญิงนะอยากอุ้มหลานผู้หญิงบ้าง ไอริสก็มีหลานชายให้ นี่ท้องอีกคนก็เป็นผู้ชาย” พ่อของคุณคานส์แทนตัวเองกับฉันว่าพ่อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือได้ยินว่าไอริสน้องสาวของคุณคานส์กำลังท้องลูกคนที่สอง “ไอริสเพิ่งคลอดไปเองไม่ใช่หรอคะ ทะ ทำไมถึงท้องเร็วจัง” “เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ คลอดปุบท้องปับ” คุณคานส์พูดขึ้น ฉันรู้ทันหรอกว่าเขาคิดเรื่องอะไรอยู่ “ไม่เอาค่ะ เว้นไปก่อนสักสองสามปีก็ได้” ฉันยังเข็ดกับการคลอดอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีความรู้สึ
ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านพ้นไปด้วยดีตอนนี้ฉันกำลังพักฟื้นหลังคลอดอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล ฉันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้มันไม่ง่ายเลย แต่มันคือความเจ็บปวดที่งดงามความเจ็บปวดที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดเก้าเดือน ตอนนี้ลูกชายของฉันได้คลอดออกมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันเจ็บที่สุดในชีวิตคุณคานส์คอยอยู่ใกล้ๆ จับมือให้กำลังใจฉันไม่ห่าง ครั้งแรกที่เราเห็นหน้าลูกทั้งฉันและคุณคานส์เราก็ต่างร้องไห้ออกมา “เป็นไงบ้างเจ็บอยู่ไหม” คุณคานส์ไปจัดการเรื่องเอกสาร พอกลับมาที่ห้องพักฟื้นก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วง “เจ็บสิคะ เจ็บมากด้วย” ตอนนี้แผลที่เย็บมันยังเจ็บมากๆ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย “เดี๋ยวหมอเอาลูกมาให้ตอนเช้า เธอมีน้ำนมแล้วใช่ไหม” คุณคานส์ดูตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ฉันคลอดอีกนะตอนนี้ เขามีท่าทางรนๆ อยู่ไม่นิ่ง “มีแล้วค่ะ ไหลออกมาเยอะเลย” โชคดีที่น้ำนมของฉันมีพร้อมให้ลูกดื่มทันที ได้ยินคุณหมอบอกว่าบางคนต้องรอหลายวันกว่าน้ำนมจะมา “ลูกหน้าเหมือนฉันเปะๆ เลย” คุณคานส์บอกอย่างภูมิใจ ตอนคลอดฉันเห็นหน้าลูกไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะมัวแต่ร้องไห้ด้วย คุณคานส์ก็คงจะไปดูลูกมาแล้วถึงมาพูดแบบนี้ “ไม่เห