พี่เจขับรถพาฉันกลับมาที่บ้าน ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงพอสมควร พอมาถึงที่โรงพยาบาลฉันก็บอกให้พี่เจไปหาเปิดโรงแรมแถวนี้นอนก่อนเลยเพราะคืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล #ภายในห้องพักฟื้น พอมาถึงก็เห็นอลันกับลุงปลูกอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหน้าพ่อฉันก็รีบวิ่งไปสวมกอดทันที “พ่อ อึก~ เป็นอะไรมากไหมคะ” ฉันร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ถ้าเลือกได้ไม่อยากจะเห็นคนที่รักต้องมาเจ็บป่วยแบบนี้เลย “พ่อไม่ได้เป็นอะไรมากก็แค่โรคคนแก่ อะไรกันจะเป็นแม่คนอยู่แล้วยังจะร้องไห้เหมือนเด็ก” “อึก~” “ไม่ต้องร้องๆ พ่อไม่ได้เป็นอะไรมากพรุ่งนี้หมอก็ให้กลับบ้านได้แล้ว” “อลิชเป็นห่วงนี่คะ อึก~” “หยุดร้องได้แล้ว” พ่อดันกอดออกจากนั้นก็ลูบศีรษะฉันเบาๆ ก่อนจะถามต่อ “แล้วนี่มาคนเดียวรึ ไอ้หนุ่มนั่นไม่มาด้วยหรือไง” “คุณคานส์เขาติดงานค่ะเลยมาไม่ได้” “รักมันเข้าแล้วสินะ สรุปเรื่องแต่งงานว่ายังไง ?” “…อลิชรักคุณคานส์ค่ะ” ฉันยอมรับออกไปตรงๆ แค่ตำตอบเดียวมันก็ตอบคำถามของพ่อทั้งหมด “ก็ดียังไงก็มีลูกด้วยกันแล้ว” “คืนนี้อลิชจะอยู่เฝ้าพ่อเองนะคะ” “จะมาเฝ้าทำไมท้องไส้อยู่ กลับไปนอนบ้านให้อลันเฝ้าก็ได้” “ไม่เอาค่ะ อลิชอยากเฝ้า
“แล้วโทรมาหาใครละคะ” ปลายสายไม่ตอบว่าเป็นใคร แต่ตอบกลับมาอย่างหาเรื่อง “คุณคานส์อยู่หรือเปล่าคะ ฉันต้องการจะคุยกับเขา” ฉันยังทำใจกล้า ใจแข็ง เพราะอยากจะถามคุณคานส์ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน “คงไม่ได้หรอกค่ะ พอดีว่าฉันหวง” สิ้นสุดประโยคนั้นสายก็ถูกตัดไป ฉันนิ่งไปครู่ใหญ่พร้อมกับหยดน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้มอัตโนมัติ สุดท้ายแล้วคุณคานส์ก็ไม่ได้จริงใจกับฉัน เขายังคงมักมากและไม่สามารถทำอย่างที่ตัวเองพูดไว้ได้ นี่มันเป็นครั้งที่สองแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ถึงอาทิตย์เขาสัญญากับฉันซะดิบดีว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก มันเหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่สุดท้ายเขาก็ทำความรู้สึกของฉันพังอีกครั้ง ฉันโง่มากเกินไป โง่ที่รักผู้ชายอย่างคุณคานส์คิดว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้จริงๆ ทั้งที่ผ่านมาเขานั้นใจร้ายมากขนาดไหน มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะให้โอกาสเขา เพราะเขาไม่เห็นค่าโอกาสที่ฉันให้เลย ในเมื่อเป็นแบบนี้เราก็ควรต่างคนต่างอยู่ ฉันจะไม่กลับไปเหยียบที่บ้านของเขาอีก ฉันล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้วร้องให้ตัดพ้อความโง่ของตัวเอง จะร้องไห้เสียงดังก็ไม่ได้กลัวว่าพ่อจะได้ยินแล้วเป็นห่วง ทำได้แค่สะอื้นเบาๆ เท่านั้น
ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้ ความเจ็บปวดในใจฉันมันยังอัดแน่นอยู่เลยแท้ๆ ปัง! เสียงปืนดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้งและลูกกระสุนปืนก็พุ่งลงไปเจาะพื้นดินข้างๆ กับเท้าของคุณคานส์ที่ยืนอยู่ เรียกได้ว่าเฉียดแค่นิดเดียวจริงๆ “อยากจะตายอยู่ที่นี่หรือไง ห๊ะ! ฉันบอกให้แกไสหัวออกไปจากบ้านของฉัน” “คุณพ่อครับ…”“ฉันไม่ใช่พ่อแก!!” พ่อรีบขัดขึ้นมาเมื่อคุณคานส์เรียกตัวเองว่าพ่อ คุณคานส์จึงพูดใหม่อีกครั้ง “พ่อกำนันกำลังเข้าใจผมผิดอยู่นะครับ” “เข้าใจผิดเรื่องอะไร ข่าวออกโคมๆ ขนาดนั้น ถ้าไม่มีมูลความจริงแล้วมันจะออกมาเป็นแบบนั้นได้ยังไง!!” คุณคานส์ไม่ได้ตอบคำถามของพ่อแต่กลับเลื่อนสายตามองมายังใบหน้าของฉันแทน แล้วพูด “ฉันบอกให้เธอเชื่อใจฉัน” แววตาของคุณคานส์มันกำลังจะสื่อว่าตัวเขานั้นไม่ได้ผิด แต่ครั้งนี้เขาไม่ใช่คนที่ฉันควรจะเชื่อใจอีก “กลับไปเถอะค่ะคุณคานส์ทำขนาดนี้แล้ว” “ลงมาคุยกับฉัน” “ต่อหน้าฉันแกยังมีหน้ามาสั่งลูกสาวฉันอีกหรือไง” พ่อทำท่าจะยิงคุณคานส์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันรีบห้ามเอาไว้ “พะ พ่ออย่ายิงเขานะคะ” ฉันรีบห้ามพ่อไว้ ไม่ได้เป็นห่วงว่าคุณคานส์จะเป็นอะไรไป แ
“พูดบ้าอะไรออกมารู้ตัวไหม” คุณคานส์กดเสียงต่ำถาม เมื่อฉันเอ่ยถึงเรื่องหย่า ก็เป็นเพราะตัวเขาเองทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง “อลิชทนไม่ไหวหรอกค่ะ ให้สถานะของเราเป็นแค่พ่อและแม่ก็พอ” “ถ้าฉันผิดจริงๆ ฉันถึงจะยอมรับ แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณคานส์ยังยืนกรานว่าตัวเขาไม่ได้ผิดอะไร ก็คงจะแก้ตัวไปเรื่อยๆ สินะ “ปล่อยได้แล้วค่ะ อลิชคิดว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว” ฉันบอกพลางแกะฝ่ามือใหญ่ที่จับแขนอยู่ออก “ฉันไม่ปล่อย เธอต้องกลับไปกรุงเทพกับฉัน” “จะรั้งอลิชไว้ทำไมคะทั้งที่ก็มีผู้หญิงมากมายมาให้คุณคานส์เลือก แค่ปล่อยอลิชไปสักคน….”“เพราะหัวใจของฉันมันอยู่กับเธอ” คำพูดนั้นทำให้ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยได้ยินคำหวานๆ ออกมาจากปากของคุณคานส์เท่าไหร่ ฉันต้องเตือนสติตัวเอง ครั้งนี้เขาก็แค่พูดเพราะอยากเอาใจ อยากให้ฉันหายโกรธ เดี๋ยวพอฉันใจอ่อนทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม“งั้นก็เอาคืนไปเถอะค่ะ” ฉันเว้นคำพูดแล้วจ้องหน้าคุณคานส์ด้วยสายตาที่ผิดหวัง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “หัวใจของคุณคานส์อลิชไม่ต้องการ”“ตอนนี้เธอจะโกรธจะด่าจะว่าจะไม่เชื่อฉันก็ได้ ขอแค่ยอมกลับไปกรุ
คุณคานส์คว้ามือมาจับแขนฉันแล้วดึงเข้าหาตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเอามือมาโอบเอวของฉันเอาไว้ จากนั้นก็ขยับใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้ๆ กับใบหน้าของฉัน “ฉันบอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทำไมไม่ยอมเชื่อกันบ้าง” “เพราะความเชื่อใจมันหมดไปแล้วไงคะ” “พอฉันรักเธอแล้วเธอก็จะมาทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้หรือไง” เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคุณคานส์ตัดพ้ออะไรแบบนี้ออกมา เขาพูดว่ารักอย่างนั้นหรอ รักฉันแล้วทำให้ฉันเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าทำไม ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฉันคงจะดีใจจนบิดตัวเป็นเกียวที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของงงผู้ชายตรงหน้า แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถหวั่นไหวได้อีก “คนที่ทิ้งกันคือคุณคานส์ต่างหากค่ะไม่ใช่อลิช” “ฉันบอกให้กลับไปกรุงเทพกับฉัน ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าฉันบริสุทธิ์ใจ” “พูดจบหรือยังคะ ?” “เธอจะไล่ฉัน ?” คุณคานส์เลิกคิ้วขึ้นถาม จากนั้นเขาก็ปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระก่อนจะถอยห่าง “ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนจนกว่าเธอจะยอมรับฟัง” “ระหว่างเรามันจบแล้วค่ะ อลิชบอกแล้วไงว่าเราเป็นแค่พ่อกับแม่ของลูกก็เท่านั้น” “ฉันก็บอกไปแล้วว่าไม่มีทาง”“อยากเจอพ่อเอาปืนไล่ยิงอีกหรือไงคะ” “ถ้าฉันยอมแพ้ก็เท่ากับยอมรับผิด
คุณคานส์อุ้มฉันมาที่รถโดยไม่สนใจเลยว่าผู้คนมากมายจับจ้องมองการกระทำของเขาอยู่ “คุณคานส์คะ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ถึงยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับอลิชแบบนี้” แพรพูดเตือนสติคุณคานส์ ส่วนฉันก็พยายามดิ้นเพื่อให้เขาวางฉันลงสักที“เมียของฉัน ทำไมจะไม่มีสิทธิ์” นี่คือคำตอบของคุณคานส์ หลังจากที่พูดจบประโยคเขาก็เปิดประตูรถแล้วเอาตัวของฉันยัดเข้าไปด้านใน ก่อนจะปิดประตูแล้วรีบเดินมาเปิดประตูที่ฝั่งของคนขับ รถหรูขับแล่นออกไปจากตลาดทันที แต่ทว่าทางที่คุณคานส์ขับมานั้นมันไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉัน “จะพาอลิชไปไหนคะ” ฉันรีบหันขวับมาถามคุณคานส์ทันที “กลับบ้าน” “แต่นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านอลิช” “แล้วใครบอกว่าจะไปบ้านเธอ ฉันกำลังจะกลับกรุงเทพต่างหาก” “ไอ้คนบ้า!! จอดรถเดี๋ยวนี้นะอลิชไม่กลับ!!” ฉันตะเบ็งเสียงออกมาดังสนั่น จนคุณคานส์ต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหูไว้ “จะตะโกนทำไมนั่งอยู่ใกล้ๆ แค่นี้” “บอกให้จอดรถไงคะ” “ไม่จอด” ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปดันพวงมาลัยรถแต่ถูกคุณคานส์หันมาทำสีหน้าเกรี้ยวกราดใส่ “อย่าทำอะไรโง่ๆ” คำพูดนี้ทำให้ฉันหยุดชะงัก ใช่! เมื่อกี้ฉันคิดจะทำอะไรโง่ๆ โดยไม่คิดถึงลูกที่อยู่ในท้องเพียง
นักข่าวพากันฮือหาต่างตกใจในคำพูดของคุณคานส์ หลังจากพูดจบคุณคานส์ก็ดึงตัวฉันออกมาจากฝูงนักข่าวตอนนี้หัวใจดวงน้อยของฉันมันกำลังเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ คุณคานส์พาฉันเดินขึ้นลิฟต์โดยที่นักข่าวก็ยังตามมาอยู่ แต่ตามไม่ทันเพราะประตูลิฟต์ปิดซะก่อน เมื่อได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองในลิฟต์ฉันเองก็ทำตัวไม่ถูก ภายในใจมันสับสนกับเรื่องราวที่เกิเขึ้น ความโกรธที่มีมันค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อได้ยินคุณคานส์ให้สัมภาษณ์แบบนั้น พอลิฟต์เปิดออกคุณคานส์ก็พาฉันเดินมายังห้องๆ หนึ่ง ลืมบอกไปว่างานนี้ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมเมื่อเข้ามาในห้องแล้วคุณคานส์ก็กอดฉันแน่น แล้วกระซิบถาม “เชื่อใจฉันได้หรือยัง”ฉันได้แต่เงียบไม่ได้ตอบไปในทันทีเพราะยังตกใจอยู่ “อะไรกันฉันทำขนาดนี้แล้วเธอยังไม่เชื่ออีกหรือไง” คุณคานส์ถามแล้วทำใบหน้าบึ้งตึงใส่ “ปล่อยอลิชก่อนค่ะ” “เธอยังโกรธฉันอยู่ ?” “ให้เวลาอลิชทบทวนหน่อยสิคะ แบบนี้มันกระทันหันเกินไป ก่อนหน้านี้อลิชยังโกรธคุณคานส์เป็นฟืนเป็นไฟอยู่เลย” พอคุณคานส์ได้ยินคำตอบของฉันเขาก็ยิ้มออกมา ก่อนจะอุ้มฉันขึ้นแล้วพาเดินมาที่เตียง ร่างของฉันถูกวางลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ โดยมีคุณคานส์คร่อมไว้ด้านบน
กว่าที่คุณคานส์จะยอมพาฉันออกมาที่หน้างานก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง ในที่แบบนี้เขาก็ยังหื่นเอามากๆ ฉันเองบอกไปหลายครั้งแล้วว่าให้กลับไปทำต่อที่บ้าน แต่คุณคานส์เองนั่นแหละที่ไม่ยอม ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เคลียร์ไปหมดแล้ว ฉันเองก็ไม่มีเรื่องให้ทุกใจ และกลับมามาความสุขอีกครั้ง คุณคานส์จับมือฉันเดินออกมาพบปะผู้ใหญ่ในงานและแนะนำตัวว่าฉันคือภรรยาของเขา บอกอีกด้วยว่าเรากำลังจะมีเจ้าตัวน้อยด้วยกัน “ตาคานส์อาขอคุยด้วยหน่อย” พ่อของเปียเดินมาหาเราทั้งคู่ด้วยท่าทางที่ไม่พอใจสักเท่าไหร่ “ถ้าอย่างนั้นอลิชขอตัวก่อนนะคะ” ฉันเห็นว่ามันคงไม่ใช่ธุระอะไรของฉันจึงไม่อยากจะยืนฟังให้เสียมารยาท แต่พอจะเดินเลี่ยงออกมา คุณคานส์ก็ไม่ยอมปล่อยให้ฉันไปไหน “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณอา” คุณคานส์ถาม “ให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นมันหักหน้ากันชัดๆ แบบนี้ลูกสาวอาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” ที่แท้ก็ไม่พอใจเรื่องให้สัมภาษณ์นี่เอง ฉันรู้แล้วแหละว่าเปียเธอนิสัยเหมือนใคร “ผมก็ให้สัมภาษณ์ตามความจริง ถ้าผมเลือกจะโกหกตามที่เปียบอก แล้วความรู้สึกของภรรยาของผมล่ะครับ” ฉันยิ้มเล็กน้อยให้กับคำตอบของคุณคานส์ ตอนนี้เขากำลังทำให้ฉันหลงรักมากขึ้นจะรู