คฤหาสน์ พีรพัฒน์ รถสปอร์ตคันหรูสีฟ้าขับเข้ามาจอดสนิทหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ภายในรถถูกความเงียบสงัดปกคลุมมาตั้งแต่ร้านหมูกระทะจนกระทั่งถึงบ้าน คนในรถต่างฝ่ายต่างเงียบใส่กันตลอดทางจวนน่าอึดอัดใจ โดยเฉพาะหญิงสาวที่นั่งข้างคนขับเห็นจะร้อน ๆ หนาว ๆ ราวกับเป็นไข้อย่างรู้สึกกลัวบางอย่าง“วันนี้สาขอไปนอนห้องรับแขกนะคะ” มาริษาตัดสินใจเป็นฝ่ายเอ่ยออกไป หลังจากลังเลอยู่นาน ขณะเดินตามหลังแทนคุณเดินเข้ามาในบ้าน แต่สองเท้ากลับต้องหยุดชะงักอยู่กับที่จนแทบชนเข้ากับแผ่นหลังกว้าง เมื่อร่างสูงหยุดเดินกะทันหัน ก่อนที่ร่างสูงจะหมุนตัวกลับมาจ้องมองนิ่ง แววตายากจะคาดเดา ทำเอามาริษาเม้มริมฝีปากแน่น กลืนน้ำลายลงท้องอึกใหญ่ด้วยหัวใจที่สั่นไหว“…”“คะ…คือสาต้องอ่านหนังสือสอบกลางภาคค่ะ อาจนอนดึกกลัวรบกวนพี่ค่ะ” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเคลือบด้วยลิปสติกสีส้มอมพีชขยับพูดอธิบายกับคนพี่ ที่เอาแต่จ้องมองนิ่ง ๆ ไม่ยอมพูดอะไรสักที ทำให้เธอยิ่งประหม่าเข้าไปใหญ่ จนหายใจแทบไม่ทั่วท้อง เพราะความเงียบของคนพี่ชั่งน่ากลัว และ น่าขนลุกเป็นที่สุด โดยเฉพาะตอนโมโห“…” แทนคุณยังคงใช้ความเงียบแทนคำพูด เขาปราดตามองเจ้าของใบหน้าน่า
“…” แทนคุณนั่งพิงหลังกับหัวเตียง บนตัวเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำที่ปลดกระดุมออกจนหมด เผยให้เห็นแผงอกแกร่งและลอนกล้ามตามหน้าท้องอันแข็งเป็นหมัด ๆ“ขึ้นมานั่งนี่” มือหนาตบหน้าขาแกร่งเบา ๆ ออกคำสั่งกับมาริษาที่ยังนั่งที่เดิม“ยังไม่พออีกเหรอคะ?” แววตาคู่สวยสั่นระริกมากไปที่ชายหนุ่มอย่างรู้สึกขุ่นเคืองนิด ๆ“งั้นก็เลือกเอา ระหว่างให้คxยฉันเข้าไปในตัวเธอทั้งคืนหรือแค่รอบนี้”“หยาบคาย คนลามก”“พูดมาก…รีบขึ้นมา อย่าให้ฉันต้องพูดอีกเป็นครั้งที่สาม”“…” มาริษาถอนหายใจออกมาหนัก ๆ อย่างระอา พลางยกมือขึ้นมาปิดช่วงบนที่เปลือยเปล่าและกระเถิบเรียวขาเข้ามาชิดกันปกปิดส่วนสงวนที่เปียกแฉะไปด้วยน้ำรักอย่างรู้สึกอาย เมื่อคนบนเตียงจ้องมองเรือนร่างของเธอแววตาหื่นกามอย่างไม่วางตา“ถูกฉันเอาจนนับไม่ถ้วนแล้ว ยังไม่ชินอีกหรือไง”“…” มาริษาจิ๊ปากขึ้นอย่างไม่ชอบใจกับประโยคของคนพี่ ที่ทำให้เธอรู้สึกกระดากอายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่ได้พูดโต้ตอบกลับไป“หึ” แทนคุณเค้นเสียงในลำคอเบา ๆ เมื่อเจ้าของใบหน้าน่ารักเอาแต่ทำหน้าบึ้งอย่างน่าเอ็นดู แล้วเน้นเสียงพูดย้ำเตือนกดดันอย่างต้องการกลั่นแกล้ง “อย่าให้พูดเป็นครั้งที่สาม”
หลายวันต่อมา คฤหาสน์ พีรพัฒน์ “มอนิ่งจ้ะ ยัยสา พี่แทน” เสียงทักทายของมนัสรินทร์ดึงความสนใจจากแทนคุณและมาริษา ที่ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเช้ากันก่อน“มอนิ่งค่ะ”“ขอโทษนะคะ พี่ลงมาช้า” มนัสรินทร์ลากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมาริษาออกเล็กน้อยแล้วหย่อนสะโพกนั่ง ซึ่งมีข้าวต้มกุ้งวางเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะแล้ว “พี่แทนวันนี้เมลขอติดรถไปที่บริษัทด้วยนะคะ พอดีรถเมลเสียน่ะ”“ขึ้นแท็กซี่ไปสิ” แทนคุณตอบเสียงเรียบพลางตัดเข้าต้มกุ้งเข้าปากอย่างไม่สนใจอดีตแฟนสาวนัก“ไหน ๆ เมลก็ต้องไปประชุมที่บริษัทพี่อยู่แล้ว จะเสียเงินค่าแท็กซี่อีกทำไมล่ะคะ จริงไหมยัยสา?”มาริษาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อจู่ ๆ พี่สาวก็โยนคำถามมาให้ เธอกลอกตามองหน้าพี่สาวและผู้เป็นสามีสลับกันอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เมื่อพี่สาวจ้องมองอย่างรอคำตอบ ทำให้เธอรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ตอบออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ “…จริงค่ะ”“เห็นไหมคะ?”“…” มาริษาหลุบตามองต่ำทันที เมื่อเผลอสบตาเข้ากับแววตาดุของแทนคุณที่มองมาอย่างคาดโทษ เธอรู้สึกสับสน เมื่อคนพี่ดูเย็นชาต่อพี่สาว อีกทั้งยังพยายามหลีกเลี่ยงแทบทุกครั้งที่เจอกัน ทำราวกับว่าไม่ได้รักกันอย่างนั้น ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที
“เมษา!” แทนคุณตะโกนเรียกเพื่อรั้งคนที่เพิ่งก้าวขาเข้าลิฟต์ จึงรีบวิ่งพรวดไปอย่างเร็วแต่ก็ไม่ทัน นิ้วแกร่งกดปุ่มลิฟต์ย้ำ ๆ อย่างร้อนใจ หวังให้ประตูลิฟต์เปิดอีกครั้ง แต่ก็ไร้ประโยชน์“โถ่เว้ย!” สบถออกมาอย่างหงุดหงิด ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองจอแสดงหมายเลขชั้น เมื่อเห็นว่าลิฟต์เลื่อนไปใกล้ถึงชั้นล่างสุดแล้วเต็มที จึงรีบวิ่งไปทางบันไดหนีไฟอย่างว่องไว อีกทั้งยังโทรสั่ง ร.ป.ภ ด้านล่างให้ถ่วงเวลาหญิงสาวเอาไว้หมับ!“อ๊ะ!” เจ้าของใบหน้าเปื้อนน้ำตาส่งเสียงด้วยความตกใจ เมื่อข้อมือถูกกระชากให้หยุดกะทันหันด้วยฝีมือของร่างสูง เขาหอบหายใจแรง ๆ ท่าทางเหน็ดเหนื่อย ตามกรอบหน้าหล่อมีเหงื่อผุดซึม เสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดลุ่ยออกนอกกางเกง เช่นเดียวกับเนกไทที่ถูกขยับจนดูไม่เรียบร้อย คล้ายกับว่าเพิ่งวิ่งมาราธอนมาอย่างไงอย่างงั้น“อย่าเพิ่งไป” แทนคุณพูดเสียงแผ่วปนหอบ เพราะวิ่งไกลจากชั้นสามสิบลงมาถึงหน้าตึกสูง“สาจะกลับบ้านค่ะ” มาริษาใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากแก้มใสลวก ๆ ด้วยความรู้สึกผิดหวังเสียใจกับภาพที่เพิ่งเห็นมา“มากับฉัน”“สาไม่ไป!” มาริษาพยายามขัดขืนคนที่ดึงให้เดินตามไปขึ้นรถหรูสีดำที่เพิ่งขับเข้ามาจอดเทียบท่า แต่
@สวนหลังบ้าน มาริษานั่งเหม่อลอยคิดถึงประโยคที่แทนคุณพูดครั้นที่อยู่ในห้องนอน “เข้าใจงั้นเหรอ เรื่องอะไรกันแน่นะ” เขาต้องการบอกอะไรกับเธอ ทำไมถึงไม่พูดออกมาตรง ๆ เธอจะได้เข้าใจ โดยไม่ต้องมานั่งคิดหนักอยู่แบบนี้“ไม่ได้รักพี่เมลแล้วจริง ๆ น่ะเหรอ?” ภาพความทรงจำเก่า ๆ ประดังประเดเข้ามาในหัว ทำให้เธอรู้สึกสับสนเป็นอย่างมากจนคิดไม่ตกเสียที“สา” ระหว่างนั้นเสียงของคนที่คุ้นเคยก็เอ่ยเรียก ฉุดดึงมาริษาออกจากภวังค์ความคิด“พี่เมล”“อือ พี่เอง” มนัสรินทร์ลากเก้าอี้เหล็กออกเล็กน้อย แล้วหย่อนสะโพกนั่งตรงข้ามกับมาริษา“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”“พี่อยากคุยกับเราเรื่องเมื่อตอนเที่ยงสักหน่อย”“…” มาริษากัดริมฝีปากล่างเบา ๆ อย่างรู้สึกหน่วงที่ใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้เป็นทุกข์“มันเป็นอุบัติเหตุ พี่ไม่ระวังเอง สาอย่าเข้าใจผิด หรือโกรธพี่ได้ไหม” มาริษาหลุบตามองมือพี่สาวที่เอื้อมมากุมเชิงให้เชื่อใจ“สาไม่ได้โกรธพี่ค่ะ”“ขอบคุณนะยัยสา แล้วปรับความเข้าใจกับพี่แทนยังล่ะ?”“ค่ะ” มาริษาตอบรับสั้น ๆ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องที่คุยกับคนพี่เมื่อช่วงเที่ยง ใช่การปรับความเข้าใจกันหรือเปล่า“ดีแล้ว
สนามมวย เฮ้! เฮ้!บรรยากาศภายในสนามมวยครึกครื้น จากเสียงเชียร์ของผู้เข้าร่วมชมการแข่งขันมวยคาดเชือก ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ทั้งสองฝั่ง เมื่อนักมวยฝั่งที่ตัวเองเชียร์อยู่บนเวที มีการชก ตีเข่า เตะ หรือ ต่อยคู่แข่ง ซึ่งทำให้ได้คะแนนจากกรรมการ“เด็กมึงต้องชนะน็อกเท่านั้นใช่ไหมวะ ไอ้วา” ฟรานซ์กระซิบถามนาวาที่นั่งข้าง ๆ ซึ่งเป็นที่นั่งสำหรับแขกวีไอพี“อือ”“ดูทรงยังไงเด็กมึงก็ต้องชนะ ฝ่ายนั้นท่าจะไม่ไหว” แทนคุณนั่งข้างนาวามองไปที่เวที ประเมินนักมวยฝั่งตรงข้ามอย่างมองขาด แต่ขณะเดียวกันชายชุดดำก็เข้ามาโค้งศีรษะทำความเคารพนายตัวเอง ซึ่งก็คือนาวา“มีอะไร?”ชายชุดดำก้าวเท้าเข้าไปใกล้ผู้เป็นนาย ย่อตัวแล้วกล่าวรายงาน “ไอ้โยขอท้าชกกับคุณแทนคุณครับ เดิมพันด้วยผับแล้วก็ผู้หญิง ถ้ามันชนะ คุณแทนตะ…ต้อง..”“…” แทนคุณตวัดตามองลูกน้องของเพื่อนสนิททันทีที่ได้ฟังประโยคดังกล่าว แต่ประโยคหลังชายชุดดำกลับมีสีหน้าที่หวั่นเกรง ลังเลที่จะพูดออกมา“ต้องอะไรวะ!”“ต้องยกพะ…ภรรยาให้เป็นผู้หญิงของมันครับ” แทนคุณที่ได้ฟังก็ถึงกับกำหมัดแน่นพลางกัดฟันดังกรอดอย่างเดือดดาลทันควัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังนิ่งเฉย“สงสัยมันอยากตายคาต
วันต่อมา “อรุณสวัสดิ์ยัยสา” เสียงที่คุ้นเคยของพี่สาวฉุดดึงหญิงสาวตัวเล็กอยู่ในชุดนักศึกษาให้ออกจากภวังค์บางอย่าง เธอหยุดใช้ช้อนค้นข้าวต้มปลาในชาม เลื่อนสาวตามองไปยังพี่สาวที่กำลังเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามออกเล็กน้อย เพื่อหย่อนสะโพกนั่งรับประทานอาหารเช้าก่อนไปทำงาน“อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะ”“พี่แทนยังไม่ลงมาเหรอ?”“ออกไปตั้งแต่เมื่อวานเย็น ยังไม่กลับเลยค่ะ” มาริษาหลุบตามองชามข้าวต้มปลาของตัวเอง แล้วตักข้าวต้มปลาเข้าปาก เคี้ยวไม่กี่ครั้งก็กลืนลงท้อง ก่อนจะวางช้อน แล้วจับผ้าสีขาวบนตักขึ้นเช็ดริมฝีปากอย่างสุภาพ จากนั้นจึงคว้าแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม“อิ่มแล้วเหรอยัยสา?”“ค่ะ” ความทุกข์ที่สะสมทำให้ความอยากอาหารลดลงอย่างกะทันหัน“ขอโทษนะยัยสา พี่เป็นต้นเหตุให้เรากับพี่แทนทะเลาะกัน”“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ยังไงความจริงก็คือความจริง ดีแล้วค่ะที่พี่บอกสา ไม่อย่างนั้นสาคงเป็นคนโง่ไปตลอด” รู้สึกโกรธตัวเองที่ความร้ายกาจของคนพี่ ไม่ได้ทำให้เธอตัดใจได้เลยแม้แต่นิดเดียว“พี่แทนคงพอใจแล้วแหละ ที่เห็นพี่เจ็บปวดเสียใจ” มนัสรินทร์พูดเสียงอ่อย ๆ พลางทำหน้าเศร้า เรียกคะแนนสงสารจากน้องสาว ซึ่งก็ได้ผล“ไม่เป็นไรนะคะ” ม
มหาวิทยาลัย T.U อินเตอร์ช่วงพักเที่ยงเหล่าบรรดานักศึกษาทั้งหญิงทั้งชาย ต่างนั่งพักตรงโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม่ใหญ่หน้าคณะนิเทศศาสตร์เป็นจำนวนมาก เพราะเย็นสบายน่านั่ง ไม่ร้อน มีลมพัดโชยมาตลอดเวลา“ยัยน้องหนู!” เสียงเรียกที่คุ้นเคยดึงสายตามาริษาที่กำลังเดินใจลอยให้หันไปมองเพื่อนชายใจเป็นหญิง แกรมมี่นั่งกับจีน่ากวักมือเรียกเพื่อนสาวตัวเล็ก มาริษาไม่รอช้ารีบเดินจ้ำอ้าวตรงเข้าไปหาเพื่อนสนิททั้งสองคนทันที“แกกับฮยอนนัดกันขาดเรียนปะเนี่ย ติดต่อใครไม่ได้เลย ดีนะวันนี้อาจารย์ไม่เช็คชื่ออะ”“ฮยอนไม่มาเหรอ?” ยิ่งได้ยินประโยคของจีน่า เธอก็ยิ่งเป็นห่วงเพื่อนชายคนสนิทที่ถูกสามีของเธอทำร้ายร่างกายเมื่อเช้า“ก็ไม่มาน่ะสิยะ! แล้วทำไมแกต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วยยัยน้องหนู มีเรื่องอะไรปะ?” แกรมมี่หม่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย หรี่ตามองเพื่อนสาวตัวเล็กอย่างจับผิด เมื่อเพื่อนสนิททั้งสองขาดเรียนพร้อมกันราวกับนัดหมายกันมาก่อน อีกทั้งสีหน้าของเพื่อนสาวตัวเล็กยังไม่สู้ดีนัก“…” มาริษายังไม่ได้ตอบอะไรออกไปในทันที เธอหลุบตามองต่ำระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างคิดไม่ตก ขณะหย่อนสะโพกนั่งบนเก้าอี้ม้าหินอ่อน เพราะไม่รู้ว่า
สามปีต่อมา งานรับปริญญาภายในงานรับปริญญาบัตรพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งบัณฑิตจบใหม่ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องของแต่ละคณะ และ ญาติมิตรที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกหลาน หรือ คนรู้จัก“สา” มนัสรินทร์ที่เห็นน้องสาวเป็นคนแรก เธอขานเรียกพลางโบกมือ ส่งสัญญาณว่าอยู่ทางนี้มาริษาอยู่ในชุดครุย ใบหน้าน่ารักถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางที่ค่อนข้างเข้มจัด สวยหวานราวกับเจ้าหญิง เธอโบกมือตอบรับพี่สาว รีบเร่งฝีเท้าเดินบนรองเท้าคัทชูตรงดิ่งเข้าไปหาบิดามารดาและ เพื่อนสนิทที่มาร่วมแสดงความยินดีในความสำเร็จของเธอ เธอเรียนจบหลังเพื่อน เพราะต้องดรอปเรียน เพื่อดูแลลูกสาวที่ตอนนี้อายุได้สามขวบเศษ“คูณแม่~” เจ้าของแก้มป่องราวกับลูกซาลาเปา ตากลมโต ฉีกยิ้มกว้างสดใส ตะโกนเรียกผู้เป็นแม่ ปล่อยมือจากผู้เป็นน้าสาว วิ่งเตาะแตะเข้าไปหามารดาด้วยความคิดถึง มาริษาย่อตัวลงอ้าแขนรับลูกสาว อุ้มขึ้นแนบอกฟอด~ มาริษาหอมแก้มป่องลูกสาวเจ้าของใบหน้าน่ารักฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงและเอ็นดู ขณะเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว ต่างก็เดินเข้ามาสบทบ ยกเว้นเสียแต่พ่อของลูกที่ติดงานด่วนที่ต่างประเทศไม่สามารถมาวันสำคัญของเธอได้“ยินดีด้วยนะสา” จีน่าพ
หนึ่งเดือนต่อมา @คฤหาสน์ พีรพัฒน์ “สบายขึ้นไหม?” บนเตียงขนาดคิงไซซ์แทนคุณกำลังนวดเรียวขาทั้งสองข้างของมาริษาบนตักแกร่งอย่างเบามือ เนื่องจากเธอมีอาการปวดเมื่อยบริเวณขาทั้งสองข้าง เพราะท้องใกล้คลอดขนาดใหญ่มหึมา ครั้นจะนอนหรือนั่งก็ขยับพลิกตัวลำบากไปหมด“ค่ะ~” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยตอบเบา ๆ ด้วยความปวดขึ้นเรื่อย ๆ บริเวณอุ้งเชิงกราน จนน้ำตาเล็ด ถึงจะปวดไม่มากแต่ก็รู้สึกทรมานพอสมควร“ปวดท้องเหรอ?”“…” มาริษาพยักหน้าหงึก ๆ หยาดน้ำค่อย ๆ ไหลกลิ้งอาบแก้มใส มือบางกุมเข้าหากันแน่นอย่างอดทนกับอาการต่าง ๆ ของคนท้องใกล้คลอดที่ต้องเจอ เพื่อลูกคนแรกของเธอ“ทนอีกหน่อยนะ อีกไม่กี่วันเราจะได้เจอหน้าลูกกันแล้ว” แทนคุณเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้ามาริษาก็ถึงกับน้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสาร นิ้วยาวเอื้อมไปเช็ดน้ำตาบนแก้มนุ่มอย่างปลอบประโลม“ให้พี่นวดต่อไหมหรือนอนพัก”“นวดค่ะ สารอให้อาการปวดหายไปอีกสักนิดค่อยนอน”“ครับ งั้นพี่ร้องเพลงให้เอาไหม?” แทนคุณฉีกยิ้มให้กำลังใจมาริษา ในเมื่อไม่สามารถรับเจ็บปวดแทนเธอได้ เขาขอเป็นคนสร้างพลังบวกและคอยอยู่เคียงข้างเธอไม่ไปไหนมาริษากะพริบตาปริบ ๆ สีหน้าไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ มือ
หลายอาทิตย์ต่อมา คฤหาสน์ พีรพัฒน์ ดึก~“ฮึ ตัวเล็กถีบหน้าพ่อซะแรงเลยนะลูก” ภายในห้องนั่งเล่นคนที่กำลังเป็นพ่อคนแนบหูฟังเสียงเต้นหัวใจของลูกน้อยในครรภ์ของภรรยาตัวเล็กตรงโซฟาตัวยาว แต่แก้มสากกลับสัมผัสได้ถึงแรงดิ้นลูกน้อยในท้องค่อนข้างแรง ไม่รู้ว่าเป็นการทักทายหรือกลั่นแกล้งพ่อกันแน่ “ดูสิสาลูกเราดิ้นใหญ่เลย”แทนคุณเงยหน้าขึ้นกล่าวกับมาริษาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่ลูกในท้องดีดดิ้นอย่างซุกซน จนเห็นการเคลื่อนไหวเป็นคลื่น ๆ ตรงท้องป่องชัดเจน“สงสัยแกอยากออกมาเล่นกับพ่อเขาแล้วมั้งคะ” มาริษายิ้มปริ่มมีความสุขไปกับแทนคุณ แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเมื่อลูกในท้องดิ้นแรงเกินไปแต่เธอก็ยอมอดทน เธอท้องได้เจ็ดเดือนย่างเข้าเดือนที่แปด ท้องจึงโตตามอายุครรภ์ ไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างยากลำบากแทนคุณฉีกยิ้มดีใจใหญ่ทาบมือบนท้องป่องตรงจุดที่ลูกในท้องดีดดิ้น “เบา ๆ หน่อยนะครับ เดี๋ยวแม่เจ็บ”“ขออนุญาตค่ะ” ระหว่างนั้นสาวใช้ก็เดินเข้ามาโค้งศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนายทั้งสอง ก่อนจะกล่าวรายงานในเวลาต่อมา “คุณหมอธัน คุณหวาน คุณเทวินแล้วก็คุณมิลินมาถึงแล้วค่ะ”“อือ” แทนคุณครางตอบรับสาวใช้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เช้าวันต่อมา “อื้อ~” หญิงสาวบนเตียงนุ่มส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ อย่างรู้สึกตัวตื่น เมื่อถูกรบกวนการนอนหลับ สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างกำลังยุ่มย่ามตรงกลางความเป็นสาว จนรู้สึกเสียววาบไปทั่วทั้งร่าง มือบางขยุ้มผ้าปูเตียงโดยทันที ขณะที่สมองเริ่มกลับมาประมวลอีกครั้งแผล็บ แผล็บ แทนคุณตวัดปลายลิ้นสากเลียกลีบกุหลาบสวยที่ไม่ได้เชยชมมานานหลายเดือนอย่างละเมียดละไม กลืนกินน้ำหวานบนกลางความเป็นสาวราวกับของอร่อย เหลือบตาขึ้นมองมาริษาที่ยังไม่ลืมตา แต่มือบางกลับเอื้อมลงมาผลักศีรษะให้ออกห่างจากความหอมหวาน“ยะ…อย่า~” ใบหน้าน่ารักเหยเกด้วยความเสียวในรอบสี่เดือน จนต้องหนีบเรียวขาเข้าหาคนตรงกลางหว่างขา ผลักไสยังไงก็ไม่เป็นผล คืนดีกันได้ไม่ถึงวันคนพี่ก็ลักหลับเธอเสียแล้ว เป็นคืนแรกที่เธอตื่นสายและรู้สึกว่าได้หลับเต็มอิ่ม หากไม่ถูกปลุกเสียก่อนก็คงนอนเพลินจนไม่รู้ตื่นกี่โมง“น้ำเมียพี่ยังหวานเหมือนเดิมเลยนะ” เจ้าของใบหน้าหล่อเงยขึ้นไปสบตากับร่างเล็กที่ยังงัวเงียด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ แววตาหยาดเยิ้มเต็มไปด้วยความหื่นกามอย่างเห็นได้ชัด“คนลามก ออกไปเลยนะ! สาไม่อนุญาตให้พี่ทำอะไรกับร่างกายสาทั้งนั้น” วาจาหยาบโลนทำ
ภายในรถสปอร์ตหรูสีฟ้าตกอยู่ในความเงียบสงัดตั้งแต่ขับออกมาจากโรงพยาบาล xxx มีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคนที่พ่นออกมาเป็นจังหวะ แทนคุณทำหน้าที่ขับรถ หันมองมาริษาที่นั่งเงียบ หันหน้าออกหน้าต่างตลอดทางบ่อยครั้งด้วยความเป็นห่วง “หิวไหม เดี๋ยวพี่จอดเซ่เว่นข้างหน้า ลงไปซื้อของกินมาให้” “ไม่” น้ำเสียงห้วน ๆ ตอบกลับ บ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังหงุดหงิด แทนคุณพยายามทำความเข้าใจกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคนท้อง แม้ว่าค่อนข้างยากก็ตาม โดยนิสัยเป็นคนใจร้อนและขี้รำคาญ แต่ครั้งนี้เขาจะยอมทำเพื่อคนน้องและหัวใจตัวเอง “อือ ถ้าหิวหรืออยากเข้าห้องน้ำก็บอกพี่นะ” “…” คำตอบที่ได้กลับมาจากคนมาริษาคือความเงียบ เธอมองวิวนอกหน้าต่างรถ ตามทางส่วนมากเป็นบ้านคน และ ต้นไม้สลับกันไป ในหัวครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องตรวจ ยามที่นอนบนเตียงเพื่ออันตราซาวดูลูกในครรภ์เป็นวันแรก เธอเห็นหยดน้ำตาคนพี่หยดแหมะลงบนเตียง ขนาดที่หมอกำลังอธิบายอวัยวะต่าง ๆ ของลูกในท้อง เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นมุมอ่อนไหวของเขา บ้านสวนหวาน “ปลานึ่งมีทั้งโปรตีนทั้งโฟเลท สร้างเนื้อเยื่อให้กับร่าง
@บ้านสวน หวาน ปัง!ประตูรถกระบะถูกปิดเสียงดังด้วยฝีมือของหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ เธอเดินสะบัดตูดเข้าบ้านโดยไม่รอชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวขาเดินลงจากรถ“เปลี่ยนไปเยอะแฮะ” แทนคุณเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู การกระทำน่าหงุดหงิดของมาริษา ไม่ได้ทำให้รู้สึกโกรธเลยสักนิดเดียว กลับมองว่าน่ารักเสียมากกว่า ถึงแม้ไม่ใช่มาริษาคนเดิมที่รู้จักก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเธออยู่ก็ในสายตา เขาต้องทำให้เธอกลับมาเป็นมาริษาคนเดิมให้ได้“…” แทนคุณส่ายหน้าไปมา แล้วสาวเท้าเดินตามหลังมาริษาเข้าบ้าน แต่ไม่ทันได้เดินตามเข้าห้องนอน มาริษากลับปิดประตูใส่หน้าเสียก่อน ใบหน้าหล่อ ๆ แทบถูกประตูกระแทก“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยตัวแสบ” นิ้วแกร่งชี้ย้ำ ๆ อย่างคาดโทษคนตัวเล็ก มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง“ผู้ชายอะไรดื้อด้านเป็นที่สุด!” เจ้าของดวงตาสวยมุ่ยหน้าหงุดหงิดพลางหย่อนสะโพกนั่งบนเตียงนุ่มอย่างเจ็บใจพ่อของลูก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของคนพี่ เขาดูใจเย็น พูดจาดีขึ้นเยอะ หากเป็นเมื่อก่อนพี่ไม้คงเละเป็นโจ๊ก “ทำไมใบหน้าดูซูบลงไปเยอะจัง”“…” ความสงสัยและความเป็นห่วงแทรกเข้ามาแทนที่ความโกรธ ใบหน้าน่ารักมีแ
เวลาต่อมา 20:30 น. ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูจากคนด้านนอก ทำให้หญิงสาวตัวเล็กอยู่ในชุดเดรสยาวสีครีมสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอกำลังเก็บเอกสารสำคัญเข้าใส่กระเป๋าผ้าอย่างเร่งรีบ“เปิดประตูให้ฉันหน่อยเมษา” เสียงจากคนด้านนอก ทำให้มาริษายิ่งลนลาน จับเอกสารยัดเข้ากระเป๋าอย่างไม่เป็นระเบียบ ขณะที่คนด้านนอกยังขานเรียกชื่อ “เมษา”“ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป งั้นสาไปเองแล้วกัน” มาริษาหยิบโทรศัพท์ปุ่มกดยี่ห้อธรรมดาขึ้นมาต่อสายหาใครบาง รอสายไม่นานนักปลายสายก็กดรับสาย…“ครับคุณเมษา” “สากำลังไปนะคะ” “ระวังตัวด้วยนะครับคุณเมษา” “ค่ะ” มาริษากดวางสาย เธอรีบเดินจ้ำอ้าวไปเปิดประตูหน้าต่าง ยกเก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งวางบนพื้นหญ้าข้างหน้าต่าง ทำให้เสียงเบาที่สุด ซึ่งไม่สูงมาก หากเปรียบเทียบ ผู้ชายกระโดดข้ามได้สบาย ๆ“จิ๊!” แทนคุณส่งเสียงในปากอย่างหงุดหงิด ที่เรียกเท่าไหร่คนด้านในก็ไม่ยอมออกมาเปิดสักที ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินเลี่ยงไปทางอื่น และ กลับมาอีกทีพร้อมกับกุญแจสำรองที่ให้คนงานนำไปปั๊มเอาไว้อีกชุดแกรก“…” มือหนารีบไขกุญแจเปิดประตูห้องนอนของภรรยาตัวเล็กเข้าไปอย่างร้อนใจ แต่ภายในห้องนอนกลับ
หมับ!“อย่าเพิ่งไป” แทนคุณก้าวขายาวเข้าไปสวมกอดมาริษาที่กำลังจะเดินหนีจากด้านหลังแน่น พลางเกยปลายคางคมสันบนไหล่มน มาริษาดีดดิ้นพยายามแกะท่อนแขนแกร่งออกจากลำตัว แต่ก็ยากเหลือเกิน“ปล่อยนะ!”“ไม่ปล่อยจนกว่าเธอจะยอมฟังฉันอธิบาย”“ไม่จำเป็นค่ะ! สาไม่อยากฟังอะไรจากพี่อีกแล้ว”“งั้นฉันก็ไม่ปล่อย”“พี่แทน!” มาริษาเอี้ยวหน้ามองค้อนแทนคุณอย่างเอือมระอากับนิสัยเอาแต่ใจ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่เคยเปลี่ยน แต่แทนคุณกลับตีหน้ามึนคลี่ยิ้มให้มาริษาอย่างไม่หวั่นเกรงกับแววตาดุของเธอ มองว่าน่ารักเสียมากกว่า“ปล่อยสาเดี๋ยวนี้” มาริษาพูดเน้นเสียงอย่างเป็นการขู่ ราวกับลูกแมวกำลังขู่เจ้าของฝ่อ ๆ แต่ไม่ได้ทำให้แทนคุณกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว“ฉันไม่ปล่อยเธอหลุดมือไปอีกแล้ว”ตึก! ตึก!หัวใจมาริษาเต้นถี่รัวไม่เป็นจังหวะเช่นเดียวกับหัวใจของแทนคุณที่เต้นแรงไม่ต่างกัน จนไม่รู้ว่าหัวใจใครเต้นแรงกว่ากัน เธอสัมผัสได้ถึงความคิดถึงปนความเศร้าจากน้ำเสียงอันแผ่วเบาของเขาชัดเจนกว่าทุกครั้งจนน่าประหลาดใจ“ฉันมีเรื่องอยากบอกกับเธอเยอะแยะไปหมดเลยนะเมษา” เมื่อเห็นร่างเล็กในอ้อมแขนนิ่งเงียบแทนคุณจึงพูดต่อตามความรู้สึกข
วันต่อมา “อือ~” หญิงสาวบนเตียงนุ่มส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ เมื่อรู้สึกตัวตื่นจากห้วงนิทราในช่วงเวลาเดิมเจ็ดโมงเช้า เธอลูบหน้าตัวเองหนึ่งครั้งเพื่อให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมองปรับโฟกัสสายตา มือบางปิดปากหาววอด ๆ อย่างง่วงนอน ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง มองไปที่นาฬิกาแขวนผนัง พบว่าเข็มสั้นชี้เลขเจ็ด เข็มยาวชี้เลขหก เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่ง “จะมาอีกไหมนะ” มาริษาทำสีหน้าครุ่นคิดถึงพ่อของลูก เมื่อรู้สึกคันบริเวณดวงตาจึงใช้นิ้วเรียวถูเปลือกตาเบา ๆ ให้หายคัน ก่อนที่สมองจะประมวลผลเรื่องที่คิดสำเร็จ “คนดื้อรั้นอย่างพี่แทน ต้องมาอีกแน่ ๆ”เธอยอมรับเลยว่ากลัวใจตัวเองเป็นที่สุด กลัวใจอ่อนให้เขา… “แม่จะทำยังไงกับพ่อของลูกดีจ้ะลูกจ๋า” มือบางลูบหน้าท้องที่นูนป่องไปมาเบา ๆ อย่างคิดไม่ตก สักพักถึงได้ก้าวขาเดินลงจากเตียง เดินไปทำกิจวัตรประจำในห้องน้ำอย่างเคย “…” มาริษากลับออกมาจากห้องนอนด้วยชุดเดรสยาวสีครีมแขนสั้นผ้าลินิน ผมยาวสีดำสลวยถูกปล่อยแผ่กระจายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าน่ารักสวยเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งเครื่องสำอาง มีเพียงสกิลแคร์ทาทั่วใบหน้า