“ขณะนี้ดิฉันอยู่ในสถานที่เกิดเหตุของญาติผู้สูญหายแจ้งว่าชายคนสนิทได้อุ้มตัวหายไปตั้งแต่คืนวาน ซึ่งเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตัวชายคนสนิทได้แล้วนะคะ และกำลังสอบเค้นอย่างหนักว่านำตัวหญิงสาวไปไว้
ที่ไหน ล่าสุดเจ้าตัวให้การปฏิเสธและทำการยื่นประกันตัวไปแล้ว”
มนลิตารายงานข่าวภาคสนามอย่างคล่องแคล่วก่อนภาพจะตัดไปยังห้องส่งสัญญาณและผู้ประกาศข่าวได้ทำการวิเคราะห์และอ่านส่วนที่เหลือ
หญิงสาวเก็บไมค์เข้าที่และยืนรอพร้อมกับช่างภาพบริเวณหน้าสถานีตำรวจขณะนั้นเองผู้ต้องสงสัยเดินลงมานักข่าวหลายสำนักก็วิ่งกรูเข้าไปรอบกรอบพร้อมกับยิงคำถามแต่เจ้าตัวก็ยังคงปิดปากเงียบและรีบก้าวเท้าขึ้นรถที่มีคนมารับออกไปอย่างไว
คนเจ้าเนื้อถึงกับห่อไหล่เข้าหากันเมื่อไม่ได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมเลยแต่แล้วสายตาดุจเหยี่ยวของเธอก็ทำงานเมื่อหันไปเจอญาติของหญิงสาวที่หายตัวไปและเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเธอจึงเลือกเดินตามไปเงียบ ๆ
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นนักข่าวจากช่องxx อยากจะขอ...”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ลูกสาวฉันหายไปทั้งคนคงไม่มีอารมณ์มานั่งตอบคำถามนักข่าวจากช่องไหนหรอก”
ใบหน้าเหี่ยวย่นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดดวงตาหมองคล้ำบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้และไม่ได้หลับนอนมาหลายวัน มนลิตาเอื้อมไปจับมือย่นบีบเบา ๆ คล้ายเป็นกำลังใจเธอวางอาชีพนักข่าวลงและปลอบประโลมหญิงสูงวัย
“คุณป้าไม่ต้องห่วงนะ มนเชื่อว่าคุณตำรวจต้องหาน้องเจอ”
“ฉันก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น ต่อให้ลูกฉันกลับมาในสภาพไหนก็ทำใจเอาไว้แล้ว คนอย่างไอ้ภูมันโหดเหี้ยมขนาดนั้นมันคงไม่ปล่อยเอาไว้หรอก”
ทั้งแววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียด ก่อนหน้านี้เธอเคยเตือนลูกสาวแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับมันให้เลิกกันไม่อย่างนั้นก็โดนมันทำร้ายร่างกายซ้ำ ๆ อย่างนี้ไม่หยุดหย่อน
“ก่อนหน้านี้เขาทำร้ายลูกสาวป้ามาตลอดเลยเหรอคะ”
หญิงสูงวัยพยักหน้ารับก่อนจะเหลือบไปมองโทรศัพท์มือถือของลูกสาวซึ่งได้มาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้ ข้อมูลในนั้นตำรวจได้ไปหมดแล้วจึงส่งคืนมาให้
“ป้าคะ หนูขอดูที่ตั้งตำแหน่งในมือถือของลูกสาวป้าได้ไหมคะ ถึงหนูไม่ใช่ตำรวจแต่อย่างน้อยก็อยากช่วยตามหาอีกแรง”
“จะหาเจอเหรอขนาดตำรวจทำงานกันทั้งวันทั้งคืนยังตามหาไม่เจอเลย”
“มันต้องลองดูหลาย ๆ ทางค่ะ บางทีสิ่งที่ตำรวจคาดไม่ถึงอาจจะเป็นจุดที่ทำให้เราตามหาตัวน้องเจอก็ได้นะคะ”
หญิงสาวพูดอย่างมาดมั่นเพราะมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าจะได้เจอกับเหยื่อที่หายตัวไป คราแรกคนเป็นแม่ของเหยื่อช่างใจอยู่ครู่หนึ่งเพราะกลัวว่ามนลิตาจะมาหลอกทำข่าวเท่านั้น แต่พอหญิงสาวเขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ว่าหากเธอเผยแพร่ข้อมูลยินดีให้ฟ้องร้องและเรียกร้องค่าเสียหายได้ตามความเป็นจริงจึงยอมเชื่อใจสักครั้ง
“พี่มนหายไปไหนมา ผมเดินตามหาเสียทั่ว”
ช่างภาพประจำตัวของมนลิตารีบเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกมาจากอีกฝั่งของสถานีตำรวจ
“อย่าเพิ่งถามมาก ขึ้นรถก่อนแล้วพี่จะเล่าทุกอย่างให้ฟังบนรถ”
ร่างอ้วนก้มมองสมาร์ตโฟนในมือซึ่งเปิดเป็นแผนที่จีพีเอสเอาไว้ก่อนจะเคลื่อนตัวเองไปนั่งยังฝั่งคนขับและสตาร์ทรถออกจากตรงนั้นทันที ความ
เร่งรีบทำให้ช่างภาพคู่ใจต้องยกมือขึ้นจับห่วงเหนือศีรษะ
“พี่มนเราจะรีบไปไหน ไม่อยู่รอทำข่าวก่อนเหรอ”
“ก็จะไปหาข่าวนี้ไง พี่ได้จีพีเอสตำแหน่งสุดท้ายของโทรศัพท์เหยื่อมาจากแม่เขาแล้วและโทรศัพท์เครื่องนี้มันอยู่กับผู้ต้องสงสัย”
เธอหันไปยกยิ้มมุมปากเหมือนมั่นใจเสียเต็มประดาก่อนจะสั่งให้ช่างภาพคู่ใจรัดเข็มขัดให้เรียบร้อยและยื่นพิกัดจีพีเอสให้ดูเธอจะทำหน้าที่ขับรถอย่างตั้งใจเอง
“จะห้าโมงเย็นแล้ว ยัยมนยังไม่ส่งภาพหรือเนื้อหาข่าวมาให้อีกเหรอ มีใครติดต่อได้มั่งไหม”
หัวหน้าแผนกเดินวนไปมาพลางร้องถามลูกน้องในทีมอย่างร้อนใจเพราะกลัวไม่มีเนื้อหาข่าวออนแอร์ช่วงสองทุ่ม
“ติดต่อไม่ได้เลยพี่ท๊อป ไอ้ต้นก็ปิดเครื่องส่วนยัยมนก็เอาแต่ตัดสาย”
“แล้วลองติดต่อนักข่าวสำนักอื่นดูหรือยังเผื่อว่าเห็นสองคนนั้นหรือเปล่า”
พี่ท๊อปสั่งลูกน้องคนดังกล่าว แต่พอหันกลับมาก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่า
เวทัศยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองมายังตนเอง เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อมทั้งที่อายุตนเองน่าจะมากกว่า
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ เห็นดูวุ่นวายกันจังเลย”
“เออ...คือว่า”
“อ้ำอึ้งอยู่ได้มีอะไรก็ว่ามาสิ” เขาเริ่มขมวดคิ้ว น้ำเสียงเข้มขึ้น
“นักข่าวภาคสนามที่เราส่งไปทำข่าวเหยื่อที่ถูกอุ้มหายเมื่อเช้าติดต่อไม่ได้ครับ ทำให้เกรงว่าจะไม่มีเนื้อข่าวออนแอร์ช่วงค่ำ”
“หมายถึงมนลิตานะเหรอ”
“คุณเวย์รู้จักยัยมนด้วยเหรอครับ”
แทนที่จะตอบคำถามแต่เจ้าตัวกลับย้อนถามกลับด้วยความสงสัย พอเห็นสายตาพิฆาตส่งมาจึงเลือกหุบปากอย่างไว แต่ยังไม่ทันจะตอบเรื่องเมื่อครู่ลูกน้องที่สั่งให้ไปโทรถามช่องอื่นก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“พี่ท๊อป ๆ”
“มีอะไรร้องเรียกมาแต่ไกลเลย”
เขาเอ็ดเสียงดัง พอเด็กหนุ่มเห็นว่าใครยืนอยู่ด้วยจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมทันทีก่อนจะกระซิบบอกบางอย่างที่เล่นเอาเจ้าตัวทำตาโต
“ฮะ หายไปจากสถานีตำรวจแล้วก็ไม่รู้ว่าไปไหนด้วย”
เขาอุทานออกมาเสียงดังทำเอาคนตัวโตขมวดคิ้วเข้าหากัน คำว่า
‘หายไป’ ทำให้เจ้าตัวหัวใจกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย ไม่บอกก็รู้ว่าหมายถึงใครเขาขบกรามแน่นเพราะเคยเตือนแล้วว่าอย่าเข้าไปยุ่งกับอันตรายมากนักแต่คนตัวอ้วนก็ไม่เคยเชื่อฟังเขาเลยสักครั้ง
‘หมายเลขที่คุณเรียกติดต่อไม่ได้ในขณะนี้ รบกวนติดต่อใหม่
อีกครั้ง’
ไม่ใช่แค่คนอื่นหรอกที่ติดต่อไม่ได้ตัวเขาเองก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน เขาได้แต่คาดโทษเอาไว้หากกลับมาเมื่อไรต้องเจอลงโทษ
ถนนลูกรังขรุขระตลอดเส้นทางสองฝั่งห้อมล้อมด้วยต้นยางพาราหลายร้อยต้นมองไปทางไหนก็ไม่เจอจนกระทั่งรถมาหยุดยังจุดสุดท้ายที่
จีพีเอสได้แจ้งเตือนในโทรศัพท์ของเหยื่อ
“พี่มนมันสุดทางแล้วนะพี่ เรายังไม่เจอเบาะแสอะไรสักอย่างเลย”
ต้นชะเง้อคอมองไปรอบ ๆ ซึ่งไม่มีวี่แววว่าจะเห็นผู้คนอยู่บริเวณนั้นเลย ทว่าบริเวณนี้กลับสร้างความสงสัยให้กับมนลิตามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมคนกรุงเทพฯ จะขับรถมาไกลถึงที่นี่ทำไมหากไม่เอาอะไรมาซ่อนไว้
“พี่มน ผมว่าเรากลับกันเถอะ ดูแล้วมันน่ากลัวแล้วก็อันตรายมาก
เลยนะ พรุ่งนี้เราค่อยมาใหม่พร้อมกับตำรวจใหม่ นี่มันก็เย็นมากแล้ว”
ต้นหันมองซ้ายมองขวาพลางเดินไปเกาะแขนอวบเอาไว้ หมดสภาพชายชาตรีซึ่งแตกต่างจากมนลิตาเป็นอย่างมากเพราะเธอรู้สึกสงสัยชายป่าต้นยางพาราอีกฝั่งซึ่งมีทางเล็ก ๆ เชื่อมผ่าน
“ต้น พี่ว่าเราไปดูตรงนั้นกันสักหน่อยไหมแล้วค่อยกลับ”
“แต่มันรกมากเลยนะพี่มน จะเดินเข้าไปจริงๆ เหรอ”
ดึงแขนเอาไว้พร้อมทำหน้าแหยง ๆ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งหญิงสาวเอาไว้ได้นอกจากรีบวิ่งตามไปติด ๆ พลางกวาดสายตาไปทั่วด้วยความหวาดกลัว เจอคนไม่เท่าไรแต่ถ้าเจอผีเขาก็ไม่สู้เหมือนกัน
“ต้น ดูนั้นสิ”
เท้าอวบหยุดเดินเมื่อสายตาหันไปเจอเศษซากบางอย่างซึ่งถูกเผาไหม้ไปจนเกือบหมดแต่ก็ยังเหลือร่องรอยกองพูนถัดไปทางด้านหลังหญิงสาวเดินเข้าไปดูแล้วก็ต้องผงะเมื่อเห็นชิ้นส่วนของมนุษย์ ส่วนคนสติหลุดก็คงหนีไม่พ้นช่างภาพคู่กาย
“พี่มน สะ..ศพ”
ร่างสูงในชุดสูทสีดำยังคงเดินวนอยู่ในห้องทำงานบนตึกสูงของสถานีโทรทัศน์ออกอากาศ ปกติแล้วเขาต้องกลับบ้านไปตั้งแต่หกโมงเย็นทว่านี้ก็เกือบสองทุ่มแล้วเจ้าตัวยังคงหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน สายตาเหลือบมองดูโทรศัพท์และประตูห้องทำงานเป็นระยะก่อนหน้านี้เวทัศสั่งกับท๊อปว่าหากได้ข่าวของมาลิตาและช่างภาพที่ติดตามไปด้วยให้รีบขึ้นมาบอกและระหว่างนั้นเจ้าตัวก็พยายามกดโทรหาคนเป็นเมียอยู่ไม่ขาด แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายบางครั้งก็ตัดสายทิ้งอีกต่างหากก๊อก ๆ ขณะกำลังนั่งใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะเสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงอารมณ์คุกรุ่นกลับมา ชายหนุ่มจึงเอ่ยอนุญาตให้เข้ามาได้“ท่านประธานคะ คุณท๊อปโทรขึ้นมาบอกว่าติดต่อนักข่าวภาคสนามคนนั้นได้แล้วค่ะ แถมเธอยังเป็นคนเจอเหยื่อที่หายแล้วค่ะ แต่ว่า...”สีหน้าของเลขาฯไม่ค่อยสู้ดีนัก ทำเอาคนเป็นห่วงไม่อยู่รอฟังอะไรทั้งนั้นขายาวรีบก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังห้องส่งที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้เสียงคุ้นเคยกำลังเล่าข่าวอยู่บนหน้าจอด้วยการถ่ายทอดสดมาจากที่เกิดเหตุ เขาเห็นใบหน้าอวบอิ่มนั้นปิดเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าควัน แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งกับการอ่านข่าวแต่เขาก็มองเห็นความเหนื่อยล้าผ่านแววตาคู่นั้น
“ท่านประธาน”ต้นรีบยกวางขนมปังในมือลงแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เขารับไว้เพียงส่ง ๆ ทว่าดวงตากลับจดจ้องไปยังคนเจ้าเนื้อซึ่งเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา จะให้จ้องได้ไงแค่น้ำเสียงเมื่อครู่มันก็ทำให้รู้แล้วว่าเขาพร้อมเด็ดหัวเธอแล้วเอามีดสับเป็นชิ้น ๆ“คุณขับรถเป็นใช่ไหม”เวทัศก้าวเข้ามาหยุดต่อหน้าของต้น ชายหนุ่มรีบพยักหน้างึก ๆ ให้แทนคำตอบ ไม่นานกุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋าของมนลิตาก็ถูกยัดใส่มือเขาทันที“ดี งั้นช่วยขับรถของมนลิตากลับไปด้วยและพรุ่งนี้ก็ขับไปให้เธอที่ทำงาน”“ได้ไงอ่าพี่เวย์ เอ้ย คุณเวทัศ นั้นมันรถของมนนะแล้วพรุ่งนี้มนจะไปทำงานยังไง”หญิงสาวพยายามจะเข้าไปยื้อแย่งกุญแจรถแต่เพราะความสูงที่ห่างกันเกือบสามสิบเซ็นติเมตรทำให้เขาใช้มือดันหน้าผากเอาไว้และตัดสินใจรวบแขนดึงเข้าหาแผงอกกลายเป็นกอดรัดเอาไว้“เรื่องนั้นเอาไว้จัดการทีหลัง แต่ตอนนี้เธอต้องกลับบ้านกับฉันก่อน”“ไม่เป็นไรค่ะ มนมาเองได้ก็กลับเองได้ ปล่อย!”คนตัวอ้วนพยายามขัดขืนแม้จะรูปร่างเจ้าเนื้อแค่ไหนแต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิงไม่สามารถสู้แรงผู้ชายได้เลย ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหนื่อยแถมวันนี้เธอใช้พลังงานไปจนหมดแล้วจึงไม่เหลือเรี่ยวแรงมา
บรรยากาศภายในรถเงียบเชียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน มนลิตาเบือนหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่างรถ ไม่นานรถเคลื่อนมาจอดริมฟุตบาต หญิงสาวยืดตัวชะเง้อคอขึ้นมองไปรอบ ๆ เห็นร้านอาหารตั้งแถวเรียงราย“จอดรถทำไมคะ”“หิวข้าว ถ้าไม่กินก็นั่งรออยู่บนรถเนี่ยแหละ”“เรื่องอะไรจะไม่กินหิวเหมือนกัน ตอนนี้มนกินช้างได้เป็นตัวแล้ว”หญิงสาวหันไปแห้วเสียงใส่เขาแล้วเปิดประตูรถเดินนำหน้าไป เวทัศยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วหุบลงก้าวเท้ายาว ๆ เดินตามหลังมนลิตาเลือกร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งค่อนข้างดูสะอาดและรูปจานอาหารค่อนข้างน่ากิน เธอพลิกเมนูไปมาไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีจึงเงยหน้าถามเจ้าของร้านซึ่งเดินมารับออเดอร์ด้วยตัวเอง“ไม่ทราบว่าที่ร้านมีเมนูอะไรแนะนำไหมคะ”ชายวัยกลางคนเหลือบมองหน้ากลม ๆ สลับกับหน้าของเวทัศแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปพลิกหน้าเมนูอาหารให้ดู“หอยนางรมทรงเครื่องเลยหนู หอยสด เครื่องเคียงแน่นและที่สำคัญดึ้งดั้งแน่นอน”ชายแก่ยกคิ้วหลิวตามองสลับไปมาระหว่างเวทัศและมนลิตาด้วยสายตามีเลศนัยแอบแฝง หญิงสาวเข้าใจในความหมายของกิริยานั้นจึงรีบ ยกมือขึ้นโบกปฏิเสธทันที“ฉันกับเขาเป็นเจ้านายกับลูกน้องกันค่ะ”“อ้า
เช้ามืดของวันนั้น...มนลิตาปรือตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าร่างกายถูกรบกวน เธอสะลืมสะลือเพราะมันยังเป็นเช้ามืดอยู่ มือหนาถูกสอดผ่านใต้ชุดนอนมากอบกุมเนินอกอิ่ม ร่างอ้วนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อยอดจิ๋วปลายอกถูกสะกิดด้วยปลายนิ้วหนา“พี่เวย์ ไหนบอกว่าเหนื่อยไงคะ”“นั้นมันเมื่อคืน แต่นี้มันเช้าแล้ว”เขากระซิบบอกคนตัวกลมก่อนจะใช้แขนตวัดเธอให้พลิกกลับมาแล้วใช้มืออีกข้างแกะเม็ดกระดุมชุดนอนออกอย่างง่ายดาย ไม่นานท่อนบนก็ไร้สิ่งปกปิดเผยให้เห็นทรวงอกอวบใบหน้าหล่อก้มลงเลียตรงยอดเชอรี่ ก่อนดูดดึงหนัก ๆ พอให้สะดุ้ง เธอคาดเดาไม่ได้ว่าเขาจะทำอะไร บางครั้งยอดอกก็ถูกจับบิด บางทีก็ขยี้ดึงดัน บางจังหวะก็หนีบขึ้นมาดูดเต็มแรง“อืม...”สติของมนลิตาแทบเลือนราง มือใหญ่เลื่อนไปลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ขณะที่หญิงสาวแอ่นตัวให้เขาเชยชม กางเกงนอนตัวเคืองถูกรูดลงไปกองอยู่ตรงข้อเท้าริมฝีปากหวานพรมความร้อนตั้งแต่ซอกหู เนินอก และหน้าท้อง สัมผัสโอ้โลมทั่วร่างกายส่งผลให้อารมณ์ถูกปลุกเร้าให้พุ่งทะยานจนรู้สึกวูบวาบขึ้นสมอง“อ๊า หวาน” ชายหนุ่มรำพึงในลำคอแม้ไม่ได้พิศวาสทางความรู้สึกแต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาติดใจก็คือร่างกายของมนลิตา ไม่ว่าจะจ
ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างเกิดเสียงลามกดังสนั่นพร้อมกับเสียงครวญครางของสามีและภรรยาที่กำลังร่วมรักกันไฟราคะปะทุในร่างกายของหญิงอวบอ้วน ดวงตากลมโตสีดำสนิทจับจ้องการกระทำของผู้เป็นสามีโดยไม่เคลื่อนกายไปไหน“อือ พี่เวย์ตรงนั้นมัน...เสียว”เว้นช่วงหายใจเบื้องล่างบิดเร้าด้วยแรงกระแทกจากบั้นท้ายของผู้คุมเกม เธอเห็นเพียงแค่ใบหน้าหล่อเชิดหน้าสูดปากครางเสียงต่ำไม่ต่างกัน“อะ ออกแล้ว”เขาสบถคำนั้นออกมาไม่นานจังหวะเร่งเร้าก็กระหน่ำเข้ามาแรงและเร็วเลือดลมทั่วร่างไหลมากระจุกอยู่ตำแหน่งเดียวก่อนกระตุกเกร็งปลดปล่อยความต้องการออกมาเธอรับรู้ถึงหยดหยาดร้อนผ่าวที่ซัดสาดเข้ามายังส่วนลึกร่างกำยำทาบทับลงบนตัวนุ่มนิ่มราวกับหมดแรงถึงขีดสุดก่อนจะพลิกตัวลงที่นอนด้านข้างและหันหลังให้กับผู้เป็นภรรยา ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ เข้าสู่ห่วงนิทราในที่สุด ปล่อยให้มนลิตานอนลืมตาอยู่อย่างนั้นมันไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นทุกครั้งที่เธอและเวทัศร่วมรักกัน พอเสร็จกิจก็ไม่เคยคิดจะสนใจเธอเลย เขาเพียงแค่ต้องการร่างกายเธอเพื่อไว้ตอบสนองความใคร่ก็เท่านั้นเช้าแล้วหญิงสาวยังคงนอนลืมตามองผู้เป็นสามี มืออวบยกขึ้นไปแตะระหว่างหัวคิ้วของเขาที่
มื้อเช้าในแต่ละวันต้องเป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยข้าวเท่านั้นเพราะเธอรู้ว่าเวทัศไม่ชอบกินอาหารจำพวกขนมปังหรือBreakfast วันนี้เมนูหลักจึงเป็นโจ๊กหมูเด้งหญิงสาวเลือกใช้เป็นข้าวสำเร็จที่เอาไว้ทำโจ๊กโดยเฉพาะจะได้ไม่เสียเวลาในการต้มข้าวให้เปื่อยเพราะหากต้องมานั่งเคี่ยวเองคงใช้เวลาหลายชั่วโมงแน่นอนเตรียมอาหารตั้งโต๊ะเสร็จครู่เดียวเวทัศก็ลงมาจากห้องนอน ใบหน้าหล่อยังคงเย็นชาเหมือนเดิมเรียกว่าเป็นปกติของเธอเลยดีกว่าที่จะต้องเห็นสีหน้าแบบนั้นทุกวันเขาเดินมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมฝั่งตรงข้ามเธอ ดวงตาคมตวัดมองคนเจ้าเนื้อตรงหน้า ก่อนจะวางบางอย่างลงบนโต๊ะ หญิงสาวเบิกตากว้างเพราะลืมไปเสียสนิทเลย“อย่าลืมกินล่ะ ฉันไม่อยากมีลูกกับเธอ”มันช่างเป็นคำพูดแสนเจ็บปวดแต่เธอก็ตอบรับสั้น ๆ ด้วยคำว่า “ค่ะ”มืออวบเอื้อมไปหยิบแผงยาคุมไปหย่อนลงกระเป๋าแล้วเลือกนั่งทานมื้อเช้าอย่างเงียบ ๆ ทุกอย่างดำเนินไปเฉกเช่นทุกวันจนกระทั่งเสียงเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟนบนโต๊ะดังขึ้นปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บมนลิตารีบเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของหัวหน้างานก็ถึงกับขมวดคิ้วเพราะปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยโทรมาเวลานี้นอกเสียจากว่ามีข่าวด่วนหรือ
เช้ามืดของวันนั้น...มนลิตาปรือตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าร่างกายถูกรบกวน เธอสะลืมสะลือเพราะมันยังเป็นเช้ามืดอยู่ มือหนาถูกสอดผ่านใต้ชุดนอนมากอบกุมเนินอกอิ่ม ร่างอ้วนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อยอดจิ๋วปลายอกถูกสะกิดด้วยปลายนิ้วหนา“พี่เวย์ ไหนบอกว่าเหนื่อยไงคะ”“นั้นมันเมื่อคืน แต่นี้มันเช้าแล้ว”เขากระซิบบอกคนตัวกลมก่อนจะใช้แขนตวัดเธอให้พลิกกลับมาแล้วใช้มืออีกข้างแกะเม็ดกระดุมชุดนอนออกอย่างง่ายดาย ไม่นานท่อนบนก็ไร้สิ่งปกปิดเผยให้เห็นทรวงอกอวบใบหน้าหล่อก้มลงเลียตรงยอดเชอรี่ ก่อนดูดดึงหนัก ๆ พอให้สะดุ้ง เธอคาดเดาไม่ได้ว่าเขาจะทำอะไร บางครั้งยอดอกก็ถูกจับบิด บางทีก็ขยี้ดึงดัน บางจังหวะก็หนีบขึ้นมาดูดเต็มแรง“อืม...”สติของมนลิตาแทบเลือนราง มือใหญ่เลื่อนไปลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ขณะที่หญิงสาวแอ่นตัวให้เขาเชยชม กางเกงนอนตัวเคืองถูกรูดลงไปกองอยู่ตรงข้อเท้าริมฝีปากหวานพรมความร้อนตั้งแต่ซอกหู เนินอก และหน้าท้อง สัมผัสโอ้โลมทั่วร่างกายส่งผลให้อารมณ์ถูกปลุกเร้าให้พุ่งทะยานจนรู้สึกวูบวาบขึ้นสมอง“อ๊า หวาน” ชายหนุ่มรำพึงในลำคอแม้ไม่ได้พิศวาสทางความรู้สึกแต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาติดใจก็คือร่างกายของมนลิตา ไม่ว่าจะจ
บรรยากาศภายในรถเงียบเชียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน มนลิตาเบือนหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่างรถ ไม่นานรถเคลื่อนมาจอดริมฟุตบาต หญิงสาวยืดตัวชะเง้อคอขึ้นมองไปรอบ ๆ เห็นร้านอาหารตั้งแถวเรียงราย“จอดรถทำไมคะ”“หิวข้าว ถ้าไม่กินก็นั่งรออยู่บนรถเนี่ยแหละ”“เรื่องอะไรจะไม่กินหิวเหมือนกัน ตอนนี้มนกินช้างได้เป็นตัวแล้ว”หญิงสาวหันไปแห้วเสียงใส่เขาแล้วเปิดประตูรถเดินนำหน้าไป เวทัศยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วหุบลงก้าวเท้ายาว ๆ เดินตามหลังมนลิตาเลือกร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งค่อนข้างดูสะอาดและรูปจานอาหารค่อนข้างน่ากิน เธอพลิกเมนูไปมาไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีจึงเงยหน้าถามเจ้าของร้านซึ่งเดินมารับออเดอร์ด้วยตัวเอง“ไม่ทราบว่าที่ร้านมีเมนูอะไรแนะนำไหมคะ”ชายวัยกลางคนเหลือบมองหน้ากลม ๆ สลับกับหน้าของเวทัศแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปพลิกหน้าเมนูอาหารให้ดู“หอยนางรมทรงเครื่องเลยหนู หอยสด เครื่องเคียงแน่นและที่สำคัญดึ้งดั้งแน่นอน”ชายแก่ยกคิ้วหลิวตามองสลับไปมาระหว่างเวทัศและมนลิตาด้วยสายตามีเลศนัยแอบแฝง หญิงสาวเข้าใจในความหมายของกิริยานั้นจึงรีบ ยกมือขึ้นโบกปฏิเสธทันที“ฉันกับเขาเป็นเจ้านายกับลูกน้องกันค่ะ”“อ้า
“ท่านประธาน”ต้นรีบยกวางขนมปังในมือลงแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เขารับไว้เพียงส่ง ๆ ทว่าดวงตากลับจดจ้องไปยังคนเจ้าเนื้อซึ่งเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา จะให้จ้องได้ไงแค่น้ำเสียงเมื่อครู่มันก็ทำให้รู้แล้วว่าเขาพร้อมเด็ดหัวเธอแล้วเอามีดสับเป็นชิ้น ๆ“คุณขับรถเป็นใช่ไหม”เวทัศก้าวเข้ามาหยุดต่อหน้าของต้น ชายหนุ่มรีบพยักหน้างึก ๆ ให้แทนคำตอบ ไม่นานกุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋าของมนลิตาก็ถูกยัดใส่มือเขาทันที“ดี งั้นช่วยขับรถของมนลิตากลับไปด้วยและพรุ่งนี้ก็ขับไปให้เธอที่ทำงาน”“ได้ไงอ่าพี่เวย์ เอ้ย คุณเวทัศ นั้นมันรถของมนนะแล้วพรุ่งนี้มนจะไปทำงานยังไง”หญิงสาวพยายามจะเข้าไปยื้อแย่งกุญแจรถแต่เพราะความสูงที่ห่างกันเกือบสามสิบเซ็นติเมตรทำให้เขาใช้มือดันหน้าผากเอาไว้และตัดสินใจรวบแขนดึงเข้าหาแผงอกกลายเป็นกอดรัดเอาไว้“เรื่องนั้นเอาไว้จัดการทีหลัง แต่ตอนนี้เธอต้องกลับบ้านกับฉันก่อน”“ไม่เป็นไรค่ะ มนมาเองได้ก็กลับเองได้ ปล่อย!”คนตัวอ้วนพยายามขัดขืนแม้จะรูปร่างเจ้าเนื้อแค่ไหนแต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิงไม่สามารถสู้แรงผู้ชายได้เลย ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหนื่อยแถมวันนี้เธอใช้พลังงานไปจนหมดแล้วจึงไม่เหลือเรี่ยวแรงมา
ร่างสูงในชุดสูทสีดำยังคงเดินวนอยู่ในห้องทำงานบนตึกสูงของสถานีโทรทัศน์ออกอากาศ ปกติแล้วเขาต้องกลับบ้านไปตั้งแต่หกโมงเย็นทว่านี้ก็เกือบสองทุ่มแล้วเจ้าตัวยังคงหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน สายตาเหลือบมองดูโทรศัพท์และประตูห้องทำงานเป็นระยะก่อนหน้านี้เวทัศสั่งกับท๊อปว่าหากได้ข่าวของมาลิตาและช่างภาพที่ติดตามไปด้วยให้รีบขึ้นมาบอกและระหว่างนั้นเจ้าตัวก็พยายามกดโทรหาคนเป็นเมียอยู่ไม่ขาด แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายบางครั้งก็ตัดสายทิ้งอีกต่างหากก๊อก ๆ ขณะกำลังนั่งใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะเสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงอารมณ์คุกรุ่นกลับมา ชายหนุ่มจึงเอ่ยอนุญาตให้เข้ามาได้“ท่านประธานคะ คุณท๊อปโทรขึ้นมาบอกว่าติดต่อนักข่าวภาคสนามคนนั้นได้แล้วค่ะ แถมเธอยังเป็นคนเจอเหยื่อที่หายแล้วค่ะ แต่ว่า...”สีหน้าของเลขาฯไม่ค่อยสู้ดีนัก ทำเอาคนเป็นห่วงไม่อยู่รอฟังอะไรทั้งนั้นขายาวรีบก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังห้องส่งที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้เสียงคุ้นเคยกำลังเล่าข่าวอยู่บนหน้าจอด้วยการถ่ายทอดสดมาจากที่เกิดเหตุ เขาเห็นใบหน้าอวบอิ่มนั้นปิดเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าควัน แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งกับการอ่านข่าวแต่เขาก็มองเห็นความเหนื่อยล้าผ่านแววตาคู่นั้น
“ขณะนี้ดิฉันอยู่ในสถานที่เกิดเหตุของญาติผู้สูญหายแจ้งว่าชายคนสนิทได้อุ้มตัวหายไปตั้งแต่คืนวาน ซึ่งเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตัวชายคนสนิทได้แล้วนะคะ และกำลังสอบเค้นอย่างหนักว่านำตัวหญิงสาวไปไว้ ที่ไหน ล่าสุดเจ้าตัวให้การปฏิเสธและทำการยื่นประกันตัวไปแล้ว”มนลิตารายงานข่าวภาคสนามอย่างคล่องแคล่วก่อนภาพจะตัดไปยังห้องส่งสัญญาณและผู้ประกาศข่าวได้ทำการวิเคราะห์และอ่านส่วนที่เหลือหญิงสาวเก็บไมค์เข้าที่และยืนรอพร้อมกับช่างภาพบริเวณหน้าสถานีตำรวจขณะนั้นเองผู้ต้องสงสัยเดินลงมานักข่าวหลายสำนักก็วิ่งกรูเข้าไปรอบกรอบพร้อมกับยิงคำถามแต่เจ้าตัวก็ยังคงปิดปากเงียบและรีบก้าวเท้าขึ้นรถที่มีคนมารับออกไปอย่างไวคนเจ้าเนื้อถึงกับห่อไหล่เข้าหากันเมื่อไม่ได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมเลยแต่แล้วสายตาดุจเหยี่ยวของเธอก็ทำงานเมื่อหันไปเจอญาติของหญิงสาวที่หายตัวไปและเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเธอจึงเลือกเดินตามไปเงียบ ๆ“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นนักข่าวจากช่องxx อยากจะขอ...”“ไม่ค่ะ ฉันไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ลูกสาวฉันหายไปทั้งคนคงไม่มีอารมณ์มานั่งตอบคำถามนักข่าวจากช่องไหนหรอก”ใบหน้าเหี่ยวย่นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดดวงตาหมองคล
มื้อเช้าในแต่ละวันต้องเป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยข้าวเท่านั้นเพราะเธอรู้ว่าเวทัศไม่ชอบกินอาหารจำพวกขนมปังหรือBreakfast วันนี้เมนูหลักจึงเป็นโจ๊กหมูเด้งหญิงสาวเลือกใช้เป็นข้าวสำเร็จที่เอาไว้ทำโจ๊กโดยเฉพาะจะได้ไม่เสียเวลาในการต้มข้าวให้เปื่อยเพราะหากต้องมานั่งเคี่ยวเองคงใช้เวลาหลายชั่วโมงแน่นอนเตรียมอาหารตั้งโต๊ะเสร็จครู่เดียวเวทัศก็ลงมาจากห้องนอน ใบหน้าหล่อยังคงเย็นชาเหมือนเดิมเรียกว่าเป็นปกติของเธอเลยดีกว่าที่จะต้องเห็นสีหน้าแบบนั้นทุกวันเขาเดินมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมฝั่งตรงข้ามเธอ ดวงตาคมตวัดมองคนเจ้าเนื้อตรงหน้า ก่อนจะวางบางอย่างลงบนโต๊ะ หญิงสาวเบิกตากว้างเพราะลืมไปเสียสนิทเลย“อย่าลืมกินล่ะ ฉันไม่อยากมีลูกกับเธอ”มันช่างเป็นคำพูดแสนเจ็บปวดแต่เธอก็ตอบรับสั้น ๆ ด้วยคำว่า “ค่ะ”มืออวบเอื้อมไปหยิบแผงยาคุมไปหย่อนลงกระเป๋าแล้วเลือกนั่งทานมื้อเช้าอย่างเงียบ ๆ ทุกอย่างดำเนินไปเฉกเช่นทุกวันจนกระทั่งเสียงเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟนบนโต๊ะดังขึ้นปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บมนลิตารีบเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของหัวหน้างานก็ถึงกับขมวดคิ้วเพราะปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยโทรมาเวลานี้นอกเสียจากว่ามีข่าวด่วนหรือ
ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างเกิดเสียงลามกดังสนั่นพร้อมกับเสียงครวญครางของสามีและภรรยาที่กำลังร่วมรักกันไฟราคะปะทุในร่างกายของหญิงอวบอ้วน ดวงตากลมโตสีดำสนิทจับจ้องการกระทำของผู้เป็นสามีโดยไม่เคลื่อนกายไปไหน“อือ พี่เวย์ตรงนั้นมัน...เสียว”เว้นช่วงหายใจเบื้องล่างบิดเร้าด้วยแรงกระแทกจากบั้นท้ายของผู้คุมเกม เธอเห็นเพียงแค่ใบหน้าหล่อเชิดหน้าสูดปากครางเสียงต่ำไม่ต่างกัน“อะ ออกแล้ว”เขาสบถคำนั้นออกมาไม่นานจังหวะเร่งเร้าก็กระหน่ำเข้ามาแรงและเร็วเลือดลมทั่วร่างไหลมากระจุกอยู่ตำแหน่งเดียวก่อนกระตุกเกร็งปลดปล่อยความต้องการออกมาเธอรับรู้ถึงหยดหยาดร้อนผ่าวที่ซัดสาดเข้ามายังส่วนลึกร่างกำยำทาบทับลงบนตัวนุ่มนิ่มราวกับหมดแรงถึงขีดสุดก่อนจะพลิกตัวลงที่นอนด้านข้างและหันหลังให้กับผู้เป็นภรรยา ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ เข้าสู่ห่วงนิทราในที่สุด ปล่อยให้มนลิตานอนลืมตาอยู่อย่างนั้นมันไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นทุกครั้งที่เธอและเวทัศร่วมรักกัน พอเสร็จกิจก็ไม่เคยคิดจะสนใจเธอเลย เขาเพียงแค่ต้องการร่างกายเธอเพื่อไว้ตอบสนองความใคร่ก็เท่านั้นเช้าแล้วหญิงสาวยังคงนอนลืมตามองผู้เป็นสามี มืออวบยกขึ้นไปแตะระหว่างหัวคิ้วของเขาที่