ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างเกิดเสียงลามกดังสนั่นพร้อมกับเสียงครวญครางของสามีและภรรยาที่กำลังร่วมรักกัน
ไฟราคะปะทุในร่างกายของหญิงอวบอ้วน ดวงตากลมโตสีดำสนิทจับจ้องการกระทำของผู้เป็นสามีโดยไม่เคลื่อนกายไปไหน
“อือ พี่เวย์ตรงนั้นมัน...เสียว”
เว้นช่วงหายใจเบื้องล่างบิดเร้าด้วยแรงกระแทกจากบั้นท้ายของผู้
คุมเกม เธอเห็นเพียงแค่ใบหน้าหล่อเชิดหน้าสูดปากครางเสียงต่ำไม่ต่างกัน
“อะ ออกแล้ว”
เขาสบถคำนั้นออกมาไม่นานจังหวะเร่งเร้าก็กระหน่ำเข้ามาแรงและเร็วเลือดลมทั่วร่างไหลมากระจุกอยู่ตำแหน่งเดียวก่อนกระตุกเกร็งปลดปล่อยความต้องการออกมา
เธอรับรู้ถึงหยดหยาดร้อนผ่าวที่ซัดสาดเข้ามายังส่วนลึก
ร่างกำยำทาบทับลงบนตัวนุ่มนิ่มราวกับหมดแรงถึงขีดสุดก่อนจะพลิกตัวลงที่นอนด้านข้างและหันหลังให้กับผู้เป็นภรรยา ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ เข้าสู่ห่วงนิทราในที่สุด ปล่อยให้มนลิตานอนลืมตาอยู่อย่างนั้น
มันไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นทุกครั้งที่เธอและเวทัศร่วมรักกัน พอเสร็จกิจก็ไม่เคยคิดจะสนใจเธอเลย เขาเพียงแค่ต้องการร่างกายเธอเพื่อไว้ตอบสนองความใคร่ก็เท่านั้น
เช้าแล้วหญิงสาวยังคงนอนลืมตามองผู้เป็นสามี มืออวบยกขึ้นไปแตะระหว่างหัวคิ้วของเขาที่หม่นเข้าหากันเพื่อให้มันคลายตัวออกจากกัน เธอมักเห็นเขาทำหน้าเคร่งเครียดอยู่อย่างนั้นเสมอไม่ว่าจะเวลาตื่นหรือเวลาหลับ
สามปีแล้วที่เวทัศและมนลิตาแต่งงานกันมาโดยที่เขาไม่ได้เต็มใจแต่ก็ไม่อาจฝืนคำสั่งของผู้ใหญ่ได้ เรียกว่าทั้งฝั่งเขาและเธอต่างเป็นคนหัวโบราณและเคร่งครัดในเรื่องสัญญาเป็นอย่างมาก
ตาของเธอเคยช่วยชีวิตปู่ของเวทัศเอาไว้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนและต่างให้สัญญากันว่าจะให้หลานของทั้งคู่แต่งงานกัน ตอนแรกเวทัศไม่ยอมแต่ง
หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม แต่ที่ยอมเปลี่ยนใจก็เพราะอยากจะแก้แค้นเธอก็เท่านั้น
“เวย์ เราเลิกกันเถอะ ถึงยังไงคุณก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นอินไม่อยากต้องมานั่งสู้รบปรบมือกับเธอเพราะต้องแย่งผู้ชายคนเดียว”
“อินพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
เขาส่ายหน้าเล็กน้อยไม่เข้าใจว่าคนรักกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ เอื้อมจะไปจับมือเล็กทว่าเธอกลับสะบัดออกและถอยห่าง
อินทุภาแสร้งบีบน้ำตาแล้วถอดแหวนคู่รักคืนให้กับเขา ชายหนุ่มส่ายหน้าไม่ยอมรับเธอจึงจำต้องเลือกวางมันไว้บนโต๊ะแล้วหันหลังเดินจากไป
ความเศร้าเสียใจแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น เวทัศเลือกโทษว่าเป็นเพราะมนลิตาจึงทำให้คนรักเลือกทิ้งตัวเองไป หากผู้หญิงคนนั้นเลือกไม่ตอบตกลงแต่งงานกับตัวเองทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้
ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าสาเหตุหลักที่มนลิตาเลือกแต่งงานก็เพราะอยากให้เขาหูตาสว่างจากคนรักสักที แต่ท้ายสุดเขาก็เลือกแก้แค้นด้วยการทุกทรมานเธอทั้งทางร่างกายและจิตใจ
‘ถ้าฉันไม่แต่งงานกับเธอ ชาตินี้เธอคงไม่มีสามีหรอก’
คำพูดเหน็บแนมพร้อมสายตามองมาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเป็นการย้ำเตือนว่าเขาไม่ได้มีใจพิศวาสเธอเลยแม้แต่น้อย รูปร่างอ้วนท้วนอย่างนี้คงหาสามีไม่ได้
มีหลายครั้งมนลิตาถามหาเหตุผลกับตัวเองว่าทนแต่งงานอยู่กินกับผู้ชายคนนี้ได้อย่างไร สามปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยให้เกียรติหรือว่าบอกใครเลยว่าตนเองคือเมีย เอาแต่ซ่อนเธอเอาไว้ทั้งที่ทำงานบริษัทเดียวกันต่างกันแค่ตำแหน่งเท่านั้น
เขาคือเจ้าของส่วนเธอคือลูกจ้าง...
“ก๊อก ๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในช่วงเวลาเจ็ดโมงเช้าของทุกวันร่างเปื่อยเปล่าก้าวลงจากเตียงแล้วเดินไปหยิบชุดคลุมมาสวมเพื่อปกปิดร่างกายก่อนนะเดินนำไปเปิดประตูให้แม่บ้านซึ่งทำหน้าที่ตัวเองด้วยการมาปลุกเธอทุกเช้า
“มนตื่นแล้วค่ะ ป้ามาลัยลงไปเตรียมวัตถุดิบมื้อเช้าเถอะ เดี๋ยวอีกสิบห้านาทีมนตามลงไปนะคะ”
“ค่ะ”
แม่บ้านวัยทองรีบพยักหน้ารับแล้วเดินกลับลงไปด้านล่าง
บ้านหลังนี้เป็นบ้านเดี่ยวย่านใจกลางเมืองหลังขนาดกลาง เธอตกลงกับพี่เวทัศว่าจะแยกตัวออกมาอยู่กันสองคนเพราะไม่อยากให้ญาติผู้ใหญ่มาวุ่นวายเพียงแค่ทั้งคู่ตกลงจะแต่งงานกันมันก็มากเกินพออยู่แล้ว ป้ามาลัยซึ่งเคยเป็นทั้งแม่บ้านและพี่เลี้ยงของเวทัศจึงถูกส่งมาดูแลทั้งคู่นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้
มนลิตาเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าจัดการเตรียมชุดทำงานให้กับคนที่ยังคงหลับลึกไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นเมื่อเสร็จแล้วเธอก็เดินหายเข้าไปอาบน้ำและยังคงไม่ลืมบีบยาสีฟันเตรียมไว้ให้กับเขาอีกด้วย
ต่อให้เขาเห็นเธอเป็นแค่เมียในความลับแต่หน้าที่หลักของเธอก็คือดูแลเขาในฐานะภรรยาคนหนึ่งไม่เคยให้ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด
“พี่เวคะ แปดโมงเช้าแล้วค่ะ”
เตียงนอนยุบยวบลงตามน้ำหนักตัว มืออวบเอื้อมไปแตะยังหัวไหล่ของเวทัศแล้วออกแรงเขย่าเบา ๆ ร่างกำยำกระตุกเล็กน้อย เขางัวเงียยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่อิดออด มนลิตาจึงเดินลงไปข้างเพื่อเตรียมมื้อเช้าให้ทันเข้าลงไป
“ป้าเตรียมวัตถุดิบเอาไว้พร้อมแล้วค่ะ” ป้ามาลัยรีบบอก
หญิงสาวยิ้มรับ วางกระเป๋าและอุปกรณ์ทำงานลงบนโต๊ะ ถลกแขนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนขึ้นไว้เหนือศอก สมองประมวลว่าจะเริ่มทำอะไรก่อนเป็นอย่างแรก
มื้อเช้าในแต่ละวันต้องเป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยข้าวเท่านั้นเพราะเธอรู้ว่าเวทัศไม่ชอบกินอาหารจำพวกขนมปังหรือBreakfast วันนี้เมนูหลักจึงเป็นโจ๊กหมูเด้งหญิงสาวเลือกใช้เป็นข้าวสำเร็จที่เอาไว้ทำโจ๊กโดยเฉพาะจะได้ไม่เสียเวลาในการต้มข้าวให้เปื่อยเพราะหากต้องมานั่งเคี่ยวเองคงใช้เวลาหลายชั่วโมงแน่นอนเตรียมอาหารตั้งโต๊ะเสร็จครู่เดียวเวทัศก็ลงมาจากห้องนอน ใบหน้าหล่อยังคงเย็นชาเหมือนเดิมเรียกว่าเป็นปกติของเธอเลยดีกว่าที่จะต้องเห็นสีหน้าแบบนั้นทุกวันเขาเดินมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมฝั่งตรงข้ามเธอ ดวงตาคมตวัดมองคนเจ้าเนื้อตรงหน้า ก่อนจะวางบางอย่างลงบนโต๊ะ หญิงสาวเบิกตากว้างเพราะลืมไปเสียสนิทเลย“อย่าลืมกินล่ะ ฉันไม่อยากมีลูกกับเธอ”มันช่างเป็นคำพูดแสนเจ็บปวดแต่เธอก็ตอบรับสั้น ๆ ด้วยคำว่า “ค่ะ”มืออวบเอื้อมไปหยิบแผงยาคุมไปหย่อนลงกระเป๋าแล้วเลือกนั่งทานมื้อเช้าอย่างเงียบ ๆ ทุกอย่างดำเนินไปเฉกเช่นทุกวันจนกระทั่งเสียงเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟนบนโต๊ะดังขึ้นปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บมนลิตารีบเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของหัวหน้างานก็ถึงกับขมวดคิ้วเพราะปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยโทรมาเวลานี้นอกเสียจากว่ามีข่าวด่วนหรือ
“ขณะนี้ดิฉันอยู่ในสถานที่เกิดเหตุของญาติผู้สูญหายแจ้งว่าชายคนสนิทได้อุ้มตัวหายไปตั้งแต่คืนวาน ซึ่งเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตัวชายคนสนิทได้แล้วนะคะ และกำลังสอบเค้นอย่างหนักว่านำตัวหญิงสาวไปไว้ ที่ไหน ล่าสุดเจ้าตัวให้การปฏิเสธและทำการยื่นประกันตัวไปแล้ว”มนลิตารายงานข่าวภาคสนามอย่างคล่องแคล่วก่อนภาพจะตัดไปยังห้องส่งสัญญาณและผู้ประกาศข่าวได้ทำการวิเคราะห์และอ่านส่วนที่เหลือหญิงสาวเก็บไมค์เข้าที่และยืนรอพร้อมกับช่างภาพบริเวณหน้าสถานีตำรวจขณะนั้นเองผู้ต้องสงสัยเดินลงมานักข่าวหลายสำนักก็วิ่งกรูเข้าไปรอบกรอบพร้อมกับยิงคำถามแต่เจ้าตัวก็ยังคงปิดปากเงียบและรีบก้าวเท้าขึ้นรถที่มีคนมารับออกไปอย่างไวคนเจ้าเนื้อถึงกับห่อไหล่เข้าหากันเมื่อไม่ได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมเลยแต่แล้วสายตาดุจเหยี่ยวของเธอก็ทำงานเมื่อหันไปเจอญาติของหญิงสาวที่หายตัวไปและเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเธอจึงเลือกเดินตามไปเงียบ ๆ“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นนักข่าวจากช่องxx อยากจะขอ...”“ไม่ค่ะ ฉันไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ลูกสาวฉันหายไปทั้งคนคงไม่มีอารมณ์มานั่งตอบคำถามนักข่าวจากช่องไหนหรอก”ใบหน้าเหี่ยวย่นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดดวงตาหมองคล
ร่างสูงในชุดสูทสีดำยังคงเดินวนอยู่ในห้องทำงานบนตึกสูงของสถานีโทรทัศน์ออกอากาศ ปกติแล้วเขาต้องกลับบ้านไปตั้งแต่หกโมงเย็นทว่านี้ก็เกือบสองทุ่มแล้วเจ้าตัวยังคงหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน สายตาเหลือบมองดูโทรศัพท์และประตูห้องทำงานเป็นระยะก่อนหน้านี้เวทัศสั่งกับท๊อปว่าหากได้ข่าวของมาลิตาและช่างภาพที่ติดตามไปด้วยให้รีบขึ้นมาบอกและระหว่างนั้นเจ้าตัวก็พยายามกดโทรหาคนเป็นเมียอยู่ไม่ขาด แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายบางครั้งก็ตัดสายทิ้งอีกต่างหากก๊อก ๆ ขณะกำลังนั่งใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะเสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงอารมณ์คุกรุ่นกลับมา ชายหนุ่มจึงเอ่ยอนุญาตให้เข้ามาได้“ท่านประธานคะ คุณท๊อปโทรขึ้นมาบอกว่าติดต่อนักข่าวภาคสนามคนนั้นได้แล้วค่ะ แถมเธอยังเป็นคนเจอเหยื่อที่หายแล้วค่ะ แต่ว่า...”สีหน้าของเลขาฯไม่ค่อยสู้ดีนัก ทำเอาคนเป็นห่วงไม่อยู่รอฟังอะไรทั้งนั้นขายาวรีบก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังห้องส่งที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้เสียงคุ้นเคยกำลังเล่าข่าวอยู่บนหน้าจอด้วยการถ่ายทอดสดมาจากที่เกิดเหตุ เขาเห็นใบหน้าอวบอิ่มนั้นปิดเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าควัน แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งกับการอ่านข่าวแต่เขาก็มองเห็นความเหนื่อยล้าผ่านแววตาคู่นั้น
“ท่านประธาน”ต้นรีบยกวางขนมปังในมือลงแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เขารับไว้เพียงส่ง ๆ ทว่าดวงตากลับจดจ้องไปยังคนเจ้าเนื้อซึ่งเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา จะให้จ้องได้ไงแค่น้ำเสียงเมื่อครู่มันก็ทำให้รู้แล้วว่าเขาพร้อมเด็ดหัวเธอแล้วเอามีดสับเป็นชิ้น ๆ“คุณขับรถเป็นใช่ไหม”เวทัศก้าวเข้ามาหยุดต่อหน้าของต้น ชายหนุ่มรีบพยักหน้างึก ๆ ให้แทนคำตอบ ไม่นานกุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋าของมนลิตาก็ถูกยัดใส่มือเขาทันที“ดี งั้นช่วยขับรถของมนลิตากลับไปด้วยและพรุ่งนี้ก็ขับไปให้เธอที่ทำงาน”“ได้ไงอ่าพี่เวย์ เอ้ย คุณเวทัศ นั้นมันรถของมนนะแล้วพรุ่งนี้มนจะไปทำงานยังไง”หญิงสาวพยายามจะเข้าไปยื้อแย่งกุญแจรถแต่เพราะความสูงที่ห่างกันเกือบสามสิบเซ็นติเมตรทำให้เขาใช้มือดันหน้าผากเอาไว้และตัดสินใจรวบแขนดึงเข้าหาแผงอกกลายเป็นกอดรัดเอาไว้“เรื่องนั้นเอาไว้จัดการทีหลัง แต่ตอนนี้เธอต้องกลับบ้านกับฉันก่อน”“ไม่เป็นไรค่ะ มนมาเองได้ก็กลับเองได้ ปล่อย!”คนตัวอ้วนพยายามขัดขืนแม้จะรูปร่างเจ้าเนื้อแค่ไหนแต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิงไม่สามารถสู้แรงผู้ชายได้เลย ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหนื่อยแถมวันนี้เธอใช้พลังงานไปจนหมดแล้วจึงไม่เหลือเรี่ยวแรงมา
บรรยากาศภายในรถเงียบเชียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน มนลิตาเบือนหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่างรถ ไม่นานรถเคลื่อนมาจอดริมฟุตบาต หญิงสาวยืดตัวชะเง้อคอขึ้นมองไปรอบ ๆ เห็นร้านอาหารตั้งแถวเรียงราย“จอดรถทำไมคะ”“หิวข้าว ถ้าไม่กินก็นั่งรออยู่บนรถเนี่ยแหละ”“เรื่องอะไรจะไม่กินหิวเหมือนกัน ตอนนี้มนกินช้างได้เป็นตัวแล้ว”หญิงสาวหันไปแห้วเสียงใส่เขาแล้วเปิดประตูรถเดินนำหน้าไป เวทัศยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วหุบลงก้าวเท้ายาว ๆ เดินตามหลังมนลิตาเลือกร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งค่อนข้างดูสะอาดและรูปจานอาหารค่อนข้างน่ากิน เธอพลิกเมนูไปมาไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีจึงเงยหน้าถามเจ้าของร้านซึ่งเดินมารับออเดอร์ด้วยตัวเอง“ไม่ทราบว่าที่ร้านมีเมนูอะไรแนะนำไหมคะ”ชายวัยกลางคนเหลือบมองหน้ากลม ๆ สลับกับหน้าของเวทัศแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปพลิกหน้าเมนูอาหารให้ดู“หอยนางรมทรงเครื่องเลยหนู หอยสด เครื่องเคียงแน่นและที่สำคัญดึ้งดั้งแน่นอน”ชายแก่ยกคิ้วหลิวตามองสลับไปมาระหว่างเวทัศและมนลิตาด้วยสายตามีเลศนัยแอบแฝง หญิงสาวเข้าใจในความหมายของกิริยานั้นจึงรีบ ยกมือขึ้นโบกปฏิเสธทันที“ฉันกับเขาเป็นเจ้านายกับลูกน้องกันค่ะ”“อ้า
เช้ามืดของวันนั้น...มนลิตาปรือตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าร่างกายถูกรบกวน เธอสะลืมสะลือเพราะมันยังเป็นเช้ามืดอยู่ มือหนาถูกสอดผ่านใต้ชุดนอนมากอบกุมเนินอกอิ่ม ร่างอ้วนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อยอดจิ๋วปลายอกถูกสะกิดด้วยปลายนิ้วหนา“พี่เวย์ ไหนบอกว่าเหนื่อยไงคะ”“นั้นมันเมื่อคืน แต่นี้มันเช้าแล้ว”เขากระซิบบอกคนตัวกลมก่อนจะใช้แขนตวัดเธอให้พลิกกลับมาแล้วใช้มืออีกข้างแกะเม็ดกระดุมชุดนอนออกอย่างง่ายดาย ไม่นานท่อนบนก็ไร้สิ่งปกปิดเผยให้เห็นทรวงอกอวบใบหน้าหล่อก้มลงเลียตรงยอดเชอรี่ ก่อนดูดดึงหนัก ๆ พอให้สะดุ้ง เธอคาดเดาไม่ได้ว่าเขาจะทำอะไร บางครั้งยอดอกก็ถูกจับบิด บางทีก็ขยี้ดึงดัน บางจังหวะก็หนีบขึ้นมาดูดเต็มแรง“อืม...”สติของมนลิตาแทบเลือนราง มือใหญ่เลื่อนไปลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ขณะที่หญิงสาวแอ่นตัวให้เขาเชยชม กางเกงนอนตัวเคืองถูกรูดลงไปกองอยู่ตรงข้อเท้าริมฝีปากหวานพรมความร้อนตั้งแต่ซอกหู เนินอก และหน้าท้อง สัมผัสโอ้โลมทั่วร่างกายส่งผลให้อารมณ์ถูกปลุกเร้าให้พุ่งทะยานจนรู้สึกวูบวาบขึ้นสมอง“อ๊า หวาน” ชายหนุ่มรำพึงในลำคอแม้ไม่ได้พิศวาสทางความรู้สึกแต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาติดใจก็คือร่างกายของมนลิตา ไม่ว่าจะจ
เช้ามืดของวันนั้น...มนลิตาปรือตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าร่างกายถูกรบกวน เธอสะลืมสะลือเพราะมันยังเป็นเช้ามืดอยู่ มือหนาถูกสอดผ่านใต้ชุดนอนมากอบกุมเนินอกอิ่ม ร่างอ้วนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อยอดจิ๋วปลายอกถูกสะกิดด้วยปลายนิ้วหนา“พี่เวย์ ไหนบอกว่าเหนื่อยไงคะ”“นั้นมันเมื่อคืน แต่นี้มันเช้าแล้ว”เขากระซิบบอกคนตัวกลมก่อนจะใช้แขนตวัดเธอให้พลิกกลับมาแล้วใช้มืออีกข้างแกะเม็ดกระดุมชุดนอนออกอย่างง่ายดาย ไม่นานท่อนบนก็ไร้สิ่งปกปิดเผยให้เห็นทรวงอกอวบใบหน้าหล่อก้มลงเลียตรงยอดเชอรี่ ก่อนดูดดึงหนัก ๆ พอให้สะดุ้ง เธอคาดเดาไม่ได้ว่าเขาจะทำอะไร บางครั้งยอดอกก็ถูกจับบิด บางทีก็ขยี้ดึงดัน บางจังหวะก็หนีบขึ้นมาดูดเต็มแรง“อืม...”สติของมนลิตาแทบเลือนราง มือใหญ่เลื่อนไปลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ขณะที่หญิงสาวแอ่นตัวให้เขาเชยชม กางเกงนอนตัวเคืองถูกรูดลงไปกองอยู่ตรงข้อเท้าริมฝีปากหวานพรมความร้อนตั้งแต่ซอกหู เนินอก และหน้าท้อง สัมผัสโอ้โลมทั่วร่างกายส่งผลให้อารมณ์ถูกปลุกเร้าให้พุ่งทะยานจนรู้สึกวูบวาบขึ้นสมอง“อ๊า หวาน” ชายหนุ่มรำพึงในลำคอแม้ไม่ได้พิศวาสทางความรู้สึกแต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาติดใจก็คือร่างกายของมนลิตา ไม่ว่าจะจ
บรรยากาศภายในรถเงียบเชียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน มนลิตาเบือนหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่างรถ ไม่นานรถเคลื่อนมาจอดริมฟุตบาต หญิงสาวยืดตัวชะเง้อคอขึ้นมองไปรอบ ๆ เห็นร้านอาหารตั้งแถวเรียงราย“จอดรถทำไมคะ”“หิวข้าว ถ้าไม่กินก็นั่งรออยู่บนรถเนี่ยแหละ”“เรื่องอะไรจะไม่กินหิวเหมือนกัน ตอนนี้มนกินช้างได้เป็นตัวแล้ว”หญิงสาวหันไปแห้วเสียงใส่เขาแล้วเปิดประตูรถเดินนำหน้าไป เวทัศยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วหุบลงก้าวเท้ายาว ๆ เดินตามหลังมนลิตาเลือกร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งค่อนข้างดูสะอาดและรูปจานอาหารค่อนข้างน่ากิน เธอพลิกเมนูไปมาไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีจึงเงยหน้าถามเจ้าของร้านซึ่งเดินมารับออเดอร์ด้วยตัวเอง“ไม่ทราบว่าที่ร้านมีเมนูอะไรแนะนำไหมคะ”ชายวัยกลางคนเหลือบมองหน้ากลม ๆ สลับกับหน้าของเวทัศแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปพลิกหน้าเมนูอาหารให้ดู“หอยนางรมทรงเครื่องเลยหนู หอยสด เครื่องเคียงแน่นและที่สำคัญดึ้งดั้งแน่นอน”ชายแก่ยกคิ้วหลิวตามองสลับไปมาระหว่างเวทัศและมนลิตาด้วยสายตามีเลศนัยแอบแฝง หญิงสาวเข้าใจในความหมายของกิริยานั้นจึงรีบ ยกมือขึ้นโบกปฏิเสธทันที“ฉันกับเขาเป็นเจ้านายกับลูกน้องกันค่ะ”“อ้า
“ท่านประธาน”ต้นรีบยกวางขนมปังในมือลงแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เขารับไว้เพียงส่ง ๆ ทว่าดวงตากลับจดจ้องไปยังคนเจ้าเนื้อซึ่งเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา จะให้จ้องได้ไงแค่น้ำเสียงเมื่อครู่มันก็ทำให้รู้แล้วว่าเขาพร้อมเด็ดหัวเธอแล้วเอามีดสับเป็นชิ้น ๆ“คุณขับรถเป็นใช่ไหม”เวทัศก้าวเข้ามาหยุดต่อหน้าของต้น ชายหนุ่มรีบพยักหน้างึก ๆ ให้แทนคำตอบ ไม่นานกุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋าของมนลิตาก็ถูกยัดใส่มือเขาทันที“ดี งั้นช่วยขับรถของมนลิตากลับไปด้วยและพรุ่งนี้ก็ขับไปให้เธอที่ทำงาน”“ได้ไงอ่าพี่เวย์ เอ้ย คุณเวทัศ นั้นมันรถของมนนะแล้วพรุ่งนี้มนจะไปทำงานยังไง”หญิงสาวพยายามจะเข้าไปยื้อแย่งกุญแจรถแต่เพราะความสูงที่ห่างกันเกือบสามสิบเซ็นติเมตรทำให้เขาใช้มือดันหน้าผากเอาไว้และตัดสินใจรวบแขนดึงเข้าหาแผงอกกลายเป็นกอดรัดเอาไว้“เรื่องนั้นเอาไว้จัดการทีหลัง แต่ตอนนี้เธอต้องกลับบ้านกับฉันก่อน”“ไม่เป็นไรค่ะ มนมาเองได้ก็กลับเองได้ ปล่อย!”คนตัวอ้วนพยายามขัดขืนแม้จะรูปร่างเจ้าเนื้อแค่ไหนแต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิงไม่สามารถสู้แรงผู้ชายได้เลย ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหนื่อยแถมวันนี้เธอใช้พลังงานไปจนหมดแล้วจึงไม่เหลือเรี่ยวแรงมา
ร่างสูงในชุดสูทสีดำยังคงเดินวนอยู่ในห้องทำงานบนตึกสูงของสถานีโทรทัศน์ออกอากาศ ปกติแล้วเขาต้องกลับบ้านไปตั้งแต่หกโมงเย็นทว่านี้ก็เกือบสองทุ่มแล้วเจ้าตัวยังคงหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน สายตาเหลือบมองดูโทรศัพท์และประตูห้องทำงานเป็นระยะก่อนหน้านี้เวทัศสั่งกับท๊อปว่าหากได้ข่าวของมาลิตาและช่างภาพที่ติดตามไปด้วยให้รีบขึ้นมาบอกและระหว่างนั้นเจ้าตัวก็พยายามกดโทรหาคนเป็นเมียอยู่ไม่ขาด แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายบางครั้งก็ตัดสายทิ้งอีกต่างหากก๊อก ๆ ขณะกำลังนั่งใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะเสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงอารมณ์คุกรุ่นกลับมา ชายหนุ่มจึงเอ่ยอนุญาตให้เข้ามาได้“ท่านประธานคะ คุณท๊อปโทรขึ้นมาบอกว่าติดต่อนักข่าวภาคสนามคนนั้นได้แล้วค่ะ แถมเธอยังเป็นคนเจอเหยื่อที่หายแล้วค่ะ แต่ว่า...”สีหน้าของเลขาฯไม่ค่อยสู้ดีนัก ทำเอาคนเป็นห่วงไม่อยู่รอฟังอะไรทั้งนั้นขายาวรีบก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังห้องส่งที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้เสียงคุ้นเคยกำลังเล่าข่าวอยู่บนหน้าจอด้วยการถ่ายทอดสดมาจากที่เกิดเหตุ เขาเห็นใบหน้าอวบอิ่มนั้นปิดเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าควัน แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งกับการอ่านข่าวแต่เขาก็มองเห็นความเหนื่อยล้าผ่านแววตาคู่นั้น
“ขณะนี้ดิฉันอยู่ในสถานที่เกิดเหตุของญาติผู้สูญหายแจ้งว่าชายคนสนิทได้อุ้มตัวหายไปตั้งแต่คืนวาน ซึ่งเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตัวชายคนสนิทได้แล้วนะคะ และกำลังสอบเค้นอย่างหนักว่านำตัวหญิงสาวไปไว้ ที่ไหน ล่าสุดเจ้าตัวให้การปฏิเสธและทำการยื่นประกันตัวไปแล้ว”มนลิตารายงานข่าวภาคสนามอย่างคล่องแคล่วก่อนภาพจะตัดไปยังห้องส่งสัญญาณและผู้ประกาศข่าวได้ทำการวิเคราะห์และอ่านส่วนที่เหลือหญิงสาวเก็บไมค์เข้าที่และยืนรอพร้อมกับช่างภาพบริเวณหน้าสถานีตำรวจขณะนั้นเองผู้ต้องสงสัยเดินลงมานักข่าวหลายสำนักก็วิ่งกรูเข้าไปรอบกรอบพร้อมกับยิงคำถามแต่เจ้าตัวก็ยังคงปิดปากเงียบและรีบก้าวเท้าขึ้นรถที่มีคนมารับออกไปอย่างไวคนเจ้าเนื้อถึงกับห่อไหล่เข้าหากันเมื่อไม่ได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมเลยแต่แล้วสายตาดุจเหยี่ยวของเธอก็ทำงานเมื่อหันไปเจอญาติของหญิงสาวที่หายตัวไปและเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเธอจึงเลือกเดินตามไปเงียบ ๆ“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นนักข่าวจากช่องxx อยากจะขอ...”“ไม่ค่ะ ฉันไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ลูกสาวฉันหายไปทั้งคนคงไม่มีอารมณ์มานั่งตอบคำถามนักข่าวจากช่องไหนหรอก”ใบหน้าเหี่ยวย่นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดดวงตาหมองคล
มื้อเช้าในแต่ละวันต้องเป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยข้าวเท่านั้นเพราะเธอรู้ว่าเวทัศไม่ชอบกินอาหารจำพวกขนมปังหรือBreakfast วันนี้เมนูหลักจึงเป็นโจ๊กหมูเด้งหญิงสาวเลือกใช้เป็นข้าวสำเร็จที่เอาไว้ทำโจ๊กโดยเฉพาะจะได้ไม่เสียเวลาในการต้มข้าวให้เปื่อยเพราะหากต้องมานั่งเคี่ยวเองคงใช้เวลาหลายชั่วโมงแน่นอนเตรียมอาหารตั้งโต๊ะเสร็จครู่เดียวเวทัศก็ลงมาจากห้องนอน ใบหน้าหล่อยังคงเย็นชาเหมือนเดิมเรียกว่าเป็นปกติของเธอเลยดีกว่าที่จะต้องเห็นสีหน้าแบบนั้นทุกวันเขาเดินมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมฝั่งตรงข้ามเธอ ดวงตาคมตวัดมองคนเจ้าเนื้อตรงหน้า ก่อนจะวางบางอย่างลงบนโต๊ะ หญิงสาวเบิกตากว้างเพราะลืมไปเสียสนิทเลย“อย่าลืมกินล่ะ ฉันไม่อยากมีลูกกับเธอ”มันช่างเป็นคำพูดแสนเจ็บปวดแต่เธอก็ตอบรับสั้น ๆ ด้วยคำว่า “ค่ะ”มืออวบเอื้อมไปหยิบแผงยาคุมไปหย่อนลงกระเป๋าแล้วเลือกนั่งทานมื้อเช้าอย่างเงียบ ๆ ทุกอย่างดำเนินไปเฉกเช่นทุกวันจนกระทั่งเสียงเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟนบนโต๊ะดังขึ้นปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บมนลิตารีบเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของหัวหน้างานก็ถึงกับขมวดคิ้วเพราะปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยโทรมาเวลานี้นอกเสียจากว่ามีข่าวด่วนหรือ
ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างเกิดเสียงลามกดังสนั่นพร้อมกับเสียงครวญครางของสามีและภรรยาที่กำลังร่วมรักกันไฟราคะปะทุในร่างกายของหญิงอวบอ้วน ดวงตากลมโตสีดำสนิทจับจ้องการกระทำของผู้เป็นสามีโดยไม่เคลื่อนกายไปไหน“อือ พี่เวย์ตรงนั้นมัน...เสียว”เว้นช่วงหายใจเบื้องล่างบิดเร้าด้วยแรงกระแทกจากบั้นท้ายของผู้คุมเกม เธอเห็นเพียงแค่ใบหน้าหล่อเชิดหน้าสูดปากครางเสียงต่ำไม่ต่างกัน“อะ ออกแล้ว”เขาสบถคำนั้นออกมาไม่นานจังหวะเร่งเร้าก็กระหน่ำเข้ามาแรงและเร็วเลือดลมทั่วร่างไหลมากระจุกอยู่ตำแหน่งเดียวก่อนกระตุกเกร็งปลดปล่อยความต้องการออกมาเธอรับรู้ถึงหยดหยาดร้อนผ่าวที่ซัดสาดเข้ามายังส่วนลึกร่างกำยำทาบทับลงบนตัวนุ่มนิ่มราวกับหมดแรงถึงขีดสุดก่อนจะพลิกตัวลงที่นอนด้านข้างและหันหลังให้กับผู้เป็นภรรยา ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ เข้าสู่ห่วงนิทราในที่สุด ปล่อยให้มนลิตานอนลืมตาอยู่อย่างนั้นมันไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นทุกครั้งที่เธอและเวทัศร่วมรักกัน พอเสร็จกิจก็ไม่เคยคิดจะสนใจเธอเลย เขาเพียงแค่ต้องการร่างกายเธอเพื่อไว้ตอบสนองความใคร่ก็เท่านั้นเช้าแล้วหญิงสาวยังคงนอนลืมตามองผู้เป็นสามี มืออวบยกขึ้นไปแตะระหว่างหัวคิ้วของเขาที่