“ขออนุญาตรินน้ำค่ะ” สาวเสิร์ฟคนเดิมอย่างนันลินทร์ทำหน้าที่ดูแลแขก
ร่างอรชรเบียดแทรกขึ้นที่ว่างเพื่อรินน้ำได้ถนัด เทอรินน้ำให้ศจีก่อน ก่อนจะตามด้วยธาฎา
บทสรุปสุดท้ายแล้วจะดีก็ต้องยอมถอย โดยที่ธาฎาเลือกโต๊ะที่ว่างเอาไว้ เขาไม่อยากทำให้แขกมีปัญหา หากแขกที่จองโต๊ะมาแล้วไม่ได้อย่างที่ต้องการอาจเกิดความเสียหายมาถึงเขา ซึ่งเรื่องเพียงแค่นี้เขาไม่อยากทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ศจีเองก็กระไร ควรจะยอมหลับหูหลับตาบ้างกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เขาคร้านจะสืบหาความจริงให้เสียเวลา
จังหวะที่กำลังรินน้ำใส่แก้วให้ชายหนุ่มเจ้าของโรงแรมนั้น ส่วนท่อนบนของหล่อนก็ดันไปเสียดสีกับปลายจมูกคมเล็กน้อย อันที่จริงหล่อนไม่ได้โน้มตัวเข้าหาเขาเพื่อใกล้ชิดขนาดนั้น เพียงแต่จังหวะที่ศจีหันหน้าออกไปทางกระจกเพื่อคุยโทรศัพท์กับเลขาฯ ส่วนตัวนั้น ธาฎาแอบเอียงหน้าใกล้ชิดสาวเสิร์ฟแทน
“มือสั่นๆ นะ” เขาแอบกระซิบแซวเสียงเบา ให้เพียงนันนลินทร์ได้ยิน ทว่าคนฟังกลับมีท่าทีไม่สนใจ ก่อนที่จะก้าวถอยหลังออกมา
หล่อนค่อนข้างไม่ชอบที่เขามาแอบทำตัวแบบนี้ใส่
“เดี๋ยวอีกสักพักอาหารจะเสร็จแล้วนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน”
ว่าจบแล้วก็รีบสะบัดหลังหนีในทันที
ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่เขาพาศจีหรือแพรไหมมาที่นี่ นันนลินทร์กลับรู้สึกอารมณ์ไม่คงที่ หล่อนรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้งถ้าว่าไม่กล้าสรุปความรู้สึกของตัวเองที่มีอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ
พอเป็นได้แค่คนบนเตียงของเขา คำจำกัดความของนางบำเรออย่างหล่อนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าต่อให้เขาพาใครมาก็ไม่อาจเอ่ยปากโวยวายได้
ทำได้แค่เพียงเก็บความรู้สึกนั้นไว้ข้างใน
“เป็นยังไงบ้างหนิง ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ?” เสียงของธีรยุทธผู้จัดการห้องอาหารเลยถาม
“เรียบร้อยดีค่ะพี่ยุทธ หนิงไปดูอาหารให้แขกก่อนนะคะ”
จากนั้นร่างอรชรก็เดินเข้าไปในครัว เตรียมจัดจานอาหารและอุปกรณ์ต่างๆไว้ให้พร้อม เสียงในครัวทั้งเชฟและลูกน้องต่างคุยกันเสียงดัง เป็นเพราะเรื่องงานที่จะต้องสื่อสารกัน
นันนลินทร์ยกอาหารที่เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยออกมาก่อน
ระหว่างทางเดินไปยังโต๊ะแขก VIP หล่อนดันมองเห็นธาฎากับศจีก้มหน้าคุยกันจนใบหน้าคมของเขาแทบจะชนเข้ากับแก้มของศจีเต็มทน
ส่วนฝ่ายหญิงนั้นหรือไม่มีท่าทีจะตงิดหรือชักใบหน้าตัวเองออก ทว่ากลับรู้สึกพึงพอใจเสียด้วยซ้ำหล่อนมองออกในฐานะที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน
หรือข่าวลือที่เจ๊ตีตี้พูดอาจจะเป็นเรื่องจริง
เพื่อนกันแบบไหนเหรอ ต้องถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้
“ขออนุญาตเสิร์ฟ grill prawn salad ค่ะ”
หล่อนวางจานสลัดไว้ตรงกลางของโต๊ะ มองความเรียบร้อยการแบ่งทั้งสองคนมีครบ เนื่องจากลูกค้าจะทานแบบ sharing[1] จากนั้นจึงเริ่มราดน้ำมันมะกอกลงใส่จานสลัดอย่างรังสรรค์
ขณะทำ ก็ได้ยินเสียงของสองคนพูดคุยกันไปด้วย
“จริงๆ จีก็วาง budget [2] ของโครงการไว้เพิ่มเติมอีก 20% นะ ถ้าเกิดทิมจะอัพสเปคเพิ่ม”
“ไม่หรอกวัสดุเดิมตามที่ interior [3] แจ้งมามันก็พออยู่แล้ว ทิมว่าคงไม่เกินงบหรอก”
“แต่ยังไงจีก็อยากให้ทีมลองไปดูหน้างานจริงๆ นะเผื่ออยากได้อะไรเพิ่มเติม จริงๆ พรุ่งนี้ถ้าจะให้จีลงไปดูหน้างานที่ภูเก็ตคนเดียวมันก็ได้อยู่หรอก แต่จะดีกว่านะถ้าทิมไปด้วยกัน เพราะจีเองก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่”
“แต่พรุ่งนี้ทิมไม่ว่าง”
“ทำไมคะ ผู้ช่วยของทิมก็บอกว่าพรุ่งนี้ไม่มีประชุมที่บริษัทนี่ หรือคู่หมั้นของทิมจองคิวก่อนแล้วหรือคะ?”
“ก็ไม่เชิง”
ร่างสูงไหวไหล่นิดๆ เขาจะพูดอย่างไรดีให้เพื่อนสนิทอย่างศจีได้เข้าใจ
การที่ศจีจะหวงและห่วงเขาในฐานะเพื่อนย่อมไม่ผิด ถ้าว่าหลังจากที่เขาตัดสินใจมั่นหมายกับแพรไหม ศจีก็เริ่มตัดพ้อเขามากขึ้น
ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้ว่าหล่อนกำลังต้องการอะไร
ทว่ามันคือสิ่งที่เขาให้ไม่ได้
นันนลินทร์เดินก้มหน้าออกมาอย่างเงียบๆ ขณะบทสนทนาของทั้งสองคนยังคงมีอยู่
วันพรุ่งนี้เขาจะไปที่ไหนก็ช่างกระไรมันเรื่องของเขา ใครจะเอาตัวเขาไปก็ช่างสิ
หล่อนพยายามย้ำเตือนตัวเองแบบนั้น ธาฎาเป็นผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วเขามีคู่หมั้น แพรใหม่ต้องมาก่อน
และสัญญาที่เขาเอ่ยไว้เมื่อวันก่อนขณะที่หล่อนก็ยังปรนนิบัติเขาอยู่บนเตียงนั้นอาจจะเป็นเพียงแค่ลมปากของเขาเอาไว้หว่านล้อมเพื่อให้หล่อนเอาอกเอาใจเขาบนเตียงก็เป็นได้
'เดี๋ยววันอังคารฉันว่างตอนเย็น จะพาไปกินร้านอาหารเปิดใหม่ของเพื่อนสนิทฉันเอง'
'จริงเหรอคะ!? คุณไม่ได้โกหกหนิงใช่ไหม?' ที่ต้องถามไปแบบนั้นเพราะเคยมีประสบการณ์มาแล้ว เขาเทหล่อน โกหกว่าจะพาไปที่ต่างๆ แต่แล้วการนัดหมายก็ต้องล้มลงทุกครั้ง
'คราวนี้ฉันพูดจริง'
ใบหน้าเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆ ขนาดที่เดินกลับมาประจำจุดของตัวเองซึ่งไม่ห่างไกลจากการดูแลแขก VIP ศจีกับธาฎายังคงคุยกันต่อเรื่องงาน
ส่วนนันท์นลินก็ไม่ได้สนใจเสียงที่พวกเขาคุยกัน
แต่กลับนึกวกวนอยู่กับคำพูดในหัวที่ธาฎาเคยสัญญาเอาไว้กับหล่อน
'ปวดใจ' นี่คือสิ่งแรกที่รู้สึก
พูดจริง อีกแล้วงั้นเหรอ หล่อนจะเชื่อได้อย่างไรก็ในเมื่อได้ยินกับหูเมื่อครู่นี้เลย ที่คุณศจีถาม เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ต่อไปนี้คำพูดของเขาก็คงเชื่อใจอะไรไม่ได้อีกแล้ว
sharing [1] หมายถึง การแบ่งอาหารจานหลักทานร่วมกัน
budget [2] หมายถึง งบประมาณสำหรับโครงการบางอย่างที่กำลังจะจัดตั้งขึ้น
interior [3] หมายถึง มัณฑนศิลป์ หรือ นักออกแบบภายใน ที่จัดทำโครงการที่กำลังจะจัดตั้งขึ้น
ตอนที่ 5/3ตกบ่ายมาเจ้าของโรงแรมออกไปจากห้องอาหารปราริณพร้อมกับคนที่มีสถานะเพื่อนสนิทชื่อศจี พนักงานบริการทั้งหลายที่เกี่ยวข้องเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเมื่อเจ้านายกลับไปแล้ว ความอึดอัดของแต่ละคนจึงเริ่มหายไป ยกเว้รก็แต่ใครบางคนที่ยังทำงานอย่างเหม่อลอยอยู่ “หนิง พี่เรียกตั้งนานแล้วนะ เป็นอะไรรึเปล่า” ธีรยุทธเอามือแตะไหล่ลูกน้องเป็นเชิงสะกิด เขาเรียกนันนลินทร์อยู่สองสามครั้ง หล่อนยังเอาแต่ยืนเหม่ออยู่หน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ กว่าจะรู้สึกตัวได้ก็ตอนที่ธีรยุทธเรียกอีกครั้ง “หนิง”“คะ? คะพี่ยุทธ!?”“เป็นอะไรรึเปล่า? ไม่สบายเหรอ?” “ปะ เปล่าค่ะ คือหนิงแค่คิดอะไรไปเรื่อยน่ะค่ะ” ธีรยุทธส่าย แต่เขาก็ไม่ได้ตำหนิ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องชวนคุย เขาพอเดาได้ว่าที่นันนลินทร์เป็นแบบนี้เพราะใคร “เอาเถอะๆ พี่แค่จะมาสั่งงานเราหน่อย เพราะพรุ่งนี้พี่จะไม่อยู่ ติดประชุมที่ตึก 'ธนไทยเกษม' น่ะ” “อ่อค่ะ ประชุมที่ตึกนู่นเลยเหรอคะ?”นันนลินทร์เพยิดหน้าทะลุกระจกใสออกไปจากด้านนอกตึกของโรงแรม หากมองจากตรงนี้ออกไปก็จะสามารถเห็นตึกไทยเกษมได้ไม่ไกลนัก หรือหากขับรถไปจากโรงแรมก็อยู่ห่างกันแค่ 2-3 ซอย “ใช่แล้ว ประชุ
ตอนที่ 6/1ธาฎาไม่ได้ลืมเรื่องที่สัญญาเอาไว้กับนันนลินทร์ วันนี้ก็เป็นวันอังคาร ซึ่งเขาก็กำลังรักษาคำพูดด้วยการจองโต๊ะดินเนอร์ที่อาหารของเพื่อนสนิทเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทว่าคนที่เขาจะพาไปกลับมีท่าทีมึนใส่ ราวกับลืมเรื่องที่เขาเคยพูดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง แบบนี้เขาควรจะงอนดีไหม แต่ทำไมได้ไง เพราะคนอย่างธาฎาต้องไม่มีเรื่องค้างคาใจให้ข้ามวันข้ามคืนเป็นแน่ เขาจะต้องเคลียร์กับนันนรินทร์ให้รู้เรื่อง “นี่! เดินหนีเข้าห้องมาแบบนี้หมายความว่าไง” ร่างสูงยืนเท้าเอวอยู่หน้าประตู ส่วนคนที่กำลังทำให้เขาเดือดขึ้นได้กลับนอนเขี่ยโทรศัพท์เล่นสบายใจเฉย “นันนลินทร์ เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ! “ ธาฎาขยับตัวก้าวไปข้างหน้าเกือบจะถึงตัวคนที่นอนอยู่บนเตียงสุดท้ายแล้วเขาก็คาดคั้นให้หล่อนตอบจนได้ “หนิงแค่เหนื่อย แค่อยากเข้ามาพัก คุณทิมมีอะไรเหรอคะ?” “มีอะไรงั้นเหรอ นี่เธอไม่รู้เลยหรือไงกัน?” เขายิ่งหัวเสียกับท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวของหล่อน “ค่ะ หนิงไม่รู้ ไม่รู้ว่าที่คุณทิมมายืนทำหน้าฟึดฟัดใส่หนิงตอนนี้ คือหนิงทำอะไรผิด?” ร่างอรชรค่อยๆ ขยับตัวลุก พยุงตัวนั่งเอาศีรษะพิงกับขอบเตียง “วันก่อนฉันบอกเธอว่ายังไง แ
ตอนที่ 6/2ทุ่มกว่าแล้ว ที่ธาฎาพานันนลินทร์เดินทางมาจนถึงร้านอาหารสไตล์ fine dining อย่างที่เขาบอกไปว่าร้านนี้เป็นของเพื่อนเขา ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขามั่นใจในเรื่องความเป็นส่วนตัวมากแล้ว ถึงได้พาหล่อนมาถึงที่นี่ ร่างอรชรสวมชุดเดรสสีขาวดูสะอาดตา เครื่องประดับสีเงินถูกหยิบยกมาแขวนคอระหงเพื่อเพิ่มความลงตัวให้เหมาะสมกับชุดที่ใส่ มือบางยกขึ้นมาจัดระเบียบชุดเล็กน้อยหลังจากที่กำลังจะหย่อนสะโพกมนลงนั่งเก้าอี้ ขณะที่มีบริกรชายเป็นคนขยับเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ ส่วนชายหนุ่มสุภาพบุรุษอีกคนที่พามาก็ได้ที่นั่งอย่างสบายใจก่อนเสียแล้ว “ขอบคุณมากค่ะ” นันนลินทร์หันไปยิ้มขอบคุณบริกรชายหลังจากที่เขาเลื่อนเก้าอี้ให้หล่อนเสร็จ ใครจะนึกว่าวันๆ หนึ่งที่หล่อนเองก็เป็นบริกรในห้องอาหารเช่นกัน ทว่ามาวันนี้กลับกลายเป็นแขกและมีคนดูแลเฉกเช่นเดียวกับที่หล่อนเคยทำ “จะกินอะไรสั่งเลยนะ” พอหันกลับมาจากการโปรยรอยยิ้มให้บริกรหนุ่ม จากที่กำลังเข้าสู่บรรยากาศดีๆ กลับต้องมาสะดุดเพราะสายตาของคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ร้อยวันพันอารมณ์ สำหรับธาฎาไม่มีคำว่าเกินจริง“คุณทิมอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ เดี๋ยวหนิงสั่งให้”“แล้วแต่เธอเลย อ
ตอนที่ 6/3ภาสกรครุ่นมองสาวสวยอยู่นาน เขากำลังคิดหาคำตอบ ไม่นึกว่าคนที่ทั้งชีวิตที่เขารู้จักอย่างธาฎาจะซุกซ่อนสาวสวยเอาไว้อย่างมิด ทั้งที่มันก็มีคู่หมั้นอย่างแพรไหมอยู่แล้วทั้งคน จับปลาสองมือแบบนี้เขาชักอยากรู้แล้วสิว่ามันจะไปต่ออย่างไร “เชิญนั่งก่อนไหมคะ?” ด้วยความที่เห็นภาสกรยืนเก้ ๆ กังๆ สบตาหล่อนไม่วาง คนถูกมองก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกจึงเชิญชวนให้นั่งลงแก้เขิน ดีกว่าเห็นเขามายืนจ้องตาหล่อนแบบนี้ แต่คนตรงข้ามนี่สิหน้าไม่ต้อนรับแขกเลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่เพื่อนสนิทก็เป็นเจ้าของร้านแท้ๆ “ขอบคุณนะครับ” ร่างสูงที่ยืนโด่เด่อยู่ลากเก้าอี้ลงนั่ง “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณ...?”“หนิงค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะเพื่อนคุณทิม” หล่อนตอบกลับอย่างเป็นมิตร ท่ามกลางสายตาของใครบางคน “ชื่อภาสกรครับ หรือจะเรียกสั้นๆ ว่าภาสก็ได้ครับคุณหนิงคนสวย” “ฮรึ่ม! “ คนที่หลุดไปจากบทสนทนาร่วมหลายนาทีกระแอมเบาๆ ยกมือขยับเนคไทนั่งหลังตรง เป็นการแสดงตัวแบบกลายๆ จนนันนลินทร์ต้องละสายตาหันมาสนใจเขาจนได้ “อาหารที่นี่อร่อยนะคะ ไม่เสียแรงเลยค่ะที่เพื่อนคุณเขาแนะนำหนิงมา” “ครับ แต่ปกติแล้วผมไม่ค่อยเห็นมันจะแวะมาแถวนี้ห
ตอนที่ 7/1การใช้ชีวิตในฐานะเมียบำเรอของนันนลินทร์ยังวนลูปอยู่ที่เดิม นานวันเข้าก็ยิ่งถลำลึกลงมาก ธาฎาไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหล่อนง่ายๆ เขายังเสพติดร่างกายหล่อนนับวันยิ่งติดแจเรื่องงานแต่งของธาฎากับคู่หมั้นก็ยังไม่มีเคล้ารางใกล้ฤกษ์งามยามดี อาจจะเป็นไปได้ว่าทั้งคู่ต่างคนก็ต่างวุ่นวายอยู่กับงานที่รับผิดชอบ ถือเป็นช่วงที่นันนลินทร์ถือว่ายังได้เก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความสุขจากเขาได้อีกระยะหนึ่ง ถึงแม้ว่าบางครั้งความสุขของหล่อนนั้นมันอาจจะปรนรสขมไปบ้างบางโอกาสที่เขานั้นหายตัวไปทว่าวันนี้กลับไม่ใช่ เขาเอาแต่ทำตัวติดแจทั้งวัน ตลอดเวลาที่หล่อนใช้วันลาพักร้อน 5 วันติด“คุณไม่คิดจะออกไปไหนบ้างเหรอคะ?” มือเล็กขยับศีรษะคนตัวโตออกจากตัก เป็นการบังคับให้อีกฝ่ายจำใจลุกขึ้น จากที่หนุนหนอนมาเกือบครึ่งชั่วโมงธาฎาชักสีหน้าไม่พอใจ จนหล่อนสังเกตได้ แต่จะให้ทำอย่างไรก็ในเมื่อตอนนี้ขอทั้งสองข้างที่เขาใช่หนุนมันชาไปหมดแล้ว“ฉันกำลังพักผ่อนหลังจากที่โหมงานมานาน แต่เธอกลับบอกให้ฉันออกไปทำงานงั้นเหรอ ไม่คิดจะให้ฉันหยุดเหมือนเธอบ้างเลยหรือไง?”“หนิงไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ ปกติก็เห็นคุณกลับเขาใหญ่”“นี่ ฉันเหนื่
ตอนที่ 7/2แพรไหมทำงานอยู่ในห้องตรวจเป็นเวลาครึ่งค่อนวัน กว่าจะออกมาพักเที่ยงทานมื้อกลางวันได้ก็เกือบจะบ่ายแล้ว วันนี้หล่อนยุ่งเรื่องงานที่โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ไม่มีเวลาแม้กระทั่งได้ติดต่อหาคู่หมั้นส่วนคุณหญิงบุษบาก็ไม่ต่างกัน ท่านยังคงติดงานประชุมในโรงพยาบาลทั้งวันเช่นกัน เรียกได้ว่าในช่วงนี้งานโรงพยาบาลกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงเนื่องจากกำลังขยายโปรเจคฯ ใหม่ๆ เพิ่มเติม เรื่องความสัมพันธ์หล่อนกับธาฎาจึงไม่คืบหน้า“ยัยแพร กว่าจะลงมาได้นะ” เข็มมนิสเพื่อนหมอคนสนิทของแพรไหมเอ่ยทัก ขณะที่เพื่อนสาวเพิ่งเดินมาถึงร้านอาหารชั้นล่างของตึกโรงพยาบาล“เฮ้อ ช่วงนี้วุ่นๆ น่ะแก นี่ก็ต้องรีบกลับไปเข้าแลปต่อ”“อะไรจะขนาดนั้น พักบ้างนะ เป็นหมอก็ใช่ว่าจะป่วยไม่เป็น” เข็มมนิสเอื้อมมือไปแตะบนศีรษะของเพื่อนสนิทด้วยความคุ้นชิน หล่อนเป็นเพื่อนตั้งแต่ที่เรียนปริญญาโทด้วยกันกับแพรไหมที่ต่างประเทศ แพรไหมรู้จักกับทิม ธาฎา ในตอนนั้น ทั้งหล่อนและแพรไหมต่างก็เป็นนักเรียนทุนเช่นกัน พักอยู่หอพักเดียวกัน หลังจากใช้ทุนเสร็จก็ย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลสุขเกษมเข็มมนิสเข้าใจว่าเพื่อนทำงานหนักขนาดนี้เพราะอยากจะช่วยแบ่งเบาภา
ตอนที่ 7/31 วันถัดมานันนลินทร์ไม่คิดว่าธาฎาจะต้องลงทุนขับรถพาหล่อนมาถึงโรงพยาบาลได้ ปกติครั้งก่อนหล่อนยังจำได้ดีว่าเขาให้ผู้ช่วยคนสนิทพาหล่อนมาเองทั้งที่เมื่อวานนี้เขาก็ยังแสดงออกว่าโกรธมากที่หล่อนปล่อยปะละเลยเรื่องนี้ไปได้ เขากล่าวหาว่าหล่อนจะจับเขาก่อนที่สัญญาจะจบลง‘เธอคิดจะปล่อยให้ตัวเองท้องงั้นเหรอ? ฉันย้ำเรื่องนี้หลายหนแล้วเธอไม่เข้าใจตรงไหน?’‘หนิงไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ คุณกำลังเข้าใจหนิงผิด’‘จะอะไรก็ช่าง หวังว่าต่อไปนี้เธอจะท่องให้ขึ้นใจว่าฉันกำลังจะแต่งงาน แพรไหมจะเป็นแม่ของลูกฉัน ส่วนเธอฉันแต่งงานเมื่อไหร่ เราจบ แยกย้ายกัน จำให้ได้นะนันนลินทร์’ ‘ค่ะ หนิงจะจำ’คำพูดเชือดเฉือนบาดแผลในใจให้เหวอะหวะ หล่อนจะจำใส่กะละหัวตัวเองเอาไว้ว่าเขาไม่เคยอยากร่วมหอสร้างเรือนกับคนอย่างหล่อน ลูกที่เกิดมาจากแม่จนๆ อย่างหล่อน มันไม่เหมาะสมและคู่ควรกับไฮโซหมื่นล้านอย่างเขาภายในรถระหว่างทาง ต่างฝ่ายต่างก็จมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ได้ยินเพียงเสียงบทเพลงบรรเลงระหว่างทาง ไร้บทสนททนาจากทั้งคู่ จนกระทั่งถึงที่หมาย ตอนนี้นันนลินทร์เข้าไปยังห้องตรวจ เหลือแค่เพียงธาฎาที่นั่งรออยู่หน้าห้องเขาไม่เคยต
ตอนที่ 8/1ธาฎาขับรถพานันนลินทร์มาถึงที่เพนท์เฮ้าส์ตน ตลอดเส้นทางที่ขับมาเขาจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองจนกระทั่งถึงที่หมาย หล่อนไม่สามารถคาดเดาว่าเขาจะเอาอย่างไรกับชีวิตหล่อนต่อจากนี้ ไม่เพียงแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ตั้งตัวไม่ทัน หล่อนเองก็เช่นกันกลับเข้ามาในห้องรับแขก หล่อนเอาแต่นั่งเงียบมือถือถุงยาและสมุดฝากครรภ์ หมอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาเราต่างก็หละหลวมเรื่องการป้องการ ธาฎาเองก็ใช่ว่าจะตระหนักเรื่องการสวมใส่ถุงยางอนามัยแถมยังมีการหลั่งในอยู่บ่อยครั้ง ต่อให้เขาจะเป็นคนสั่งให้หล่อนเป็นฝ่ายไปฉีดยาคุมกำหนดเพื่อป้องกัน ทว่านี่มันก็ผ่านพ้นมาเป็นเดือนแล้ว อีกทั้งการป้องการมันก็อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ หมอก็บอกอยู่หากเขายังจำได้“คุณจะว่าหนิงยังไงก็ได้ แต่อย่าเงียบแบบนี้” หล่อนอึดอัดที่เขาแต่แต่เดินทำตัวเหวี่ยงใส่ โดยไร้ซึ่งคำพูดด่า“ถามจริงๆ นะ เธอตั้งใจจะปล่อยให้ตัวเองท้องใช่ไหมนันนลินทร์”“หนิงเปล่า อย่ามากล่าวหาหนิงแบบนี้” เรื่องอะไรที่ต้องปล่อยให้ตัวเองท้อง การที่ลูกเกิดมาแล้วรู้ว่าแม่ตัวเองเป็นได้แค่นางบำเรอบนเตียงของพ่อตัวเอง มันช่างน่าปวดใจยิ่งกว่าอะไรดี หล่อนทำแบบนั้นก็เท่
The end6 เดือนต่อมาบรรยากาศที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของไทย ที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยความงดงาม บ้านพักตากอากาศของคุณย่าของธาฎาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นและโรแมนติกสำหรับงานแต่งงานธาฎาในชุดสูทสีขาว เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและความสุขทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานของเขา แต่เป็นวันที่เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่เขารักที่สุดนันนลินทร์ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูที่มีลูกไม้ประดับอย่างประณีต หล่อนหันมองตัวเองในกระจก มือแตะท้องเบาๆ ราวกับย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือเรื่องจริงนางนิรณียืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยจัดชายกระโปรงและให้กำลังใจลูกสาว “แม่ภูมิใจในตัวหนิงนะลูก วันนี้ลูกดูสวยที่สุดเลย”นันนลินทร์หันมายิ้ม “ขอบคุณนะคะแม่ ถ้าไม่มีแม่ หนิงคงไม่มีวันนี้”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คุณเยาว์และสุชาฎาจะเดินเข้ามา พร้อมกับหยุดมองหล่อนราวกับตกตะลึงในความงาม พวกเธอเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกไปจับมือหล่อนเบาๆ“คุณหนิง…สวยมากเลยค่ะ” นันน
ตอนที่ 32/31 สัปดาห์ถัดมา นางนิรณีมาอยู่ดูแลลูกสาวในช่วงเช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าธาฎาแวะเวียนมาทำคะแนนกับนันนลินทร์ลูกสาวเธอแบบไม่ว่างเว้นเธอเองก็ยอมเปิดทางให้ ถึงได้ไม่ค่อยแวะมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งจากหมอเจ้าของไข้แล้วว่าอาการของนันนลินทร์นั้นดีขึ้นมากแล้ว และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้ส่วนหลังจากนี้นันนลินทร์อาจจะยังต้องใช้ไม้เท้าเพื่อพยุงตัวไปก่อน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกตินางนิรณีนั่งลงข้างเตียง มองสำรวจใบหน้าลูกสาวอย่างพิจารณา “ดูดีขึ้นเยอะเลยนะลูก ดีใจไหมจะได้ออกจากโรงบาลแล้วนะ”คำถามนั้นทำให้นันนลินทร์ชะงัก หล่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก “ดีใจสิคะแม่”“ดีแล้ว แม่อย่กจะให้หนิงดู ว่าบ้านที่แม่ซื้อไว้ที่นี่นั้นสวยมากแค่ไหน ถ้าหากเราฟ้องศาลชนะ...อัญญามาอยู่ที่นี่กับเรา แม่จะทำห้องสวยๆ ให้อัญญา”นางนิรณีพูดแฝงไปด้วยเลสนัย เธออยากรู้ตอนนี้ในใจของลูกสาวตนเองจะคิดเห็นเช่นไร กับเรื่องที่เคยอยากจะทำ “ธาฎาจะได้รับกรรม เหมือที่หนูเคยบอก” เธอพูดขยี้ให้ลูกสาวได้รู้สึกตัวไปอีก“แม่คะ...คือหนิง”“ว่าไงล่ะลูก? แม่น่ะคุยกับคุณนนท์เขาแล้วนะลูก”คำพูดของผู้เป็นแม่
ตอนที่ 32/2 หล่อนหลุบตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ภายในใจมีทั้งความลังเลและความหวังที่แทรกเข้ามาในเสี้ยววินาที“ฉัน...ฉันยังตอบคุณไม่ได้ตอนนี้หรอก” นันนลินทร์พูดเสียงเบา “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณเองก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”ธาฎายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า เขาดีใจไม่ใช่น้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น นันนลินทร์พูดราวกับว่าหล่อนกำลังบอกกลายๆ ว่าหล่อนให้โอกาสเขาแล้ว“เมื่อกี้เธอหมายความว่าไง?” ร่างสูงผละจากเปลนอนลูกน้อยเมื่อเห็นว่าลูกหลับสนิทแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้คนป่วยบนเตียง นันนลินทร์แอบถอนหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง“ก็ตามที่พูด...คุณเข้าใจยากตรงไหน?” “ไม่...หนิง ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม? เธอให้โอกาสฉันแล้ว” “ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงกับฉันเหมือนเดิมก็ได้”“ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง...ทั้งเธอและลูก”แม้คำพูดของเขาจะดูมั่นคง แต่นันนลินทร์ยังไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองหวังมากเกินไป หล่อนเพียงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะพยายามคว้าเอาไม้เท้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อหวังจะทาง ทว่าหล่อนกลับคว้ามันไม่ถึง จนทำให้เขาต้อง
ตอนที่ 32/1เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน ธาฎาป้อนอาหารลูกอีกครั้งจนอิ่ม โชคดีจริงๆ ที่เตรียมทั้งของใช้และอาหารมาพร้อมทุกอย่าง อัญญาจึงไม่งอแง คุณพ่อมือใหม่จัดการประกอบเปลนอนแบบพกพาสำหรับเด็กขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย เขามุ่งมั่นทำมันด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันที่เจ้าของเปลนอนตัวจริงก็เริ่มตาเยิ้มลงมาก เป็นสัญญาณว่าอัญญานั้นง่วงเต็มที่แล้ว การกระทำของธาฎานั้นอยู่ในสายตาของคนที่กำลังกล่อมลูกนอนบนตัก หล่อนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่พ่อของลูกมีความใส่ใจและทำทุกอย่างให้ลูกได้มากมาย ทั้งที่หน้าที่แบบนี้ส่วนมากจะเป็นแม่ของลูกทำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนก็ตามแต่ สายตาคู่สวยมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังจำภาพในอดีตของผู้ชายคนนี้ได้ดี ภาพของเขาที่เย็นชา ดื้อรั้น และไม่เคยแยแสต่อคำขอร้องใดๆ ของหล่อน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนขนลุก“คุณทำเองเป็นหมดเลยเหรอ?” หล่อนถามขึ้นในขณะที่ลูบหัวลูกสาวเบาๆ ที่หลับคาตักธาฎาที่กำลังจัดหมอนในเปลให้เรียบร้อย หยุดมือชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก“ฉันเคยเสียหลักครั้งหนึ่งตอนที่เธอจากไป วันๆ ไม่ยอมไปทำงาน กินแค่เหล้า เสเพไปวันๆ เพียงแค่อย
ตอนที่ 31/3เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล ธาฎาก้าวลงจากรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เขาสะพายเป้เล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้ของอัญญาไว้เต็มแน่น หลังจากวันนี้อนุญาตให้เรืองฤทธิ์ สุชาฎา และคุณเยาว์ได้ออกไปใช้ชีวิต เที่ยวชมเมืองทะเลทรายแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินเข้าไปยังตึกพักฟื้นผู้ป่วยทันที อัญญาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ้มแย้มแจ่มใส มือเล็ก ๆ จับไหล่ของพ่อแน่น สายตาซุกซนของเธอชำเลืองมองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น ธาฎาหันไปมองลูกสาว ยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของนันนลินทร์ เขาหยุดยืนชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือนันนลินทร์ที่เพิ่งตื่นและกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา“คุณมาทำไมอีก...” หล่อนถามเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่ได้ตอบในทันที แต่วางอัญญาลงบนเตียงข้าง ๆ หล่อนลูกสาวตัวน้อยแม้จะไม่เจอหน้าแม่มานาน แต่กลับมีความรู้สึกถึงสายใยผูกพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเหนือความคาดหมายอัญญาโผเข้ากอดนันนลินทร์ หลังจากที่พ่อของเขาปล่อยลงใส่เตียง ใบ
ตอนที่ 31/2 น้ำตาของนันนลินทร์ไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็แตกออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “คุณกลับไปเถอะ...” นันนลินทร์พูดเสียงสั่น พยายามสะกดอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง แต่ก็ยากเกินไป หล่อนมองดูสภาพตนเองในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเหลิอเกิน ไม่อยากให้อัญญาจะต้องมาเห็นสภาพแม่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย “ทำไม?” “ก็ฉันบอกให้กลับก็คือกลับไง! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!?” หล่อนพูดทั้งน้ำตา พลางมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือใครสักคนที่อยู่แถวนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาทำให้เธอรู้สึกแย่นะ ฉันพาลูกมาให้กำลังใจเธอ ขอแค่ฉันกับลูกได้...” “ฮึกกก! กลับไป! อย่าพาลูกมาลำบากที่นี่” “ไม่...หนิง คือฉัน” “คุณพยาบาลคะ! ช่วยด้วยค่ะ!” เสียงเรียกของนันนลินทร์ดึงความสนใจจากพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงและรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยคะ คุณหนิง?” พยาบาลสาวต่างชาติถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาแสดงความกังวลกับกลุ่มคนไทยตรงหน้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนไข้ แม้ว่าจะฟังภาษาไทยไม่ออก ทว่าตามความรู้สึกของพยาบาลแล้ว พวกเขาน่าจะพูดยางอย่างให้กระทบกระเท
ตอนที่ 31/1เมื่อเครื่องบินลงจอดถึงปลายทาง ธาฎาก็รีบออกจากสนามบินพร้อมกับลูกน้อยและผู้ติดตาม เขาเอื้อมมือไปรับเจ้าตัวน้อยมาจากอ้อมกอดของพี่เลี้ยง ก่อนจะพากันเดินเข้ายังตัวสนามบินหลังจากที่มาถึงโรงพยาบาล ธาฎาก้าวออกจากรถด้วยท่าทางที่สงบ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เขามองไปที่ตัวอาคารที่คุ้นเคย ซึ่งยังคงดูสงบเงียบเหมือนครั้งก่อนที่เขาเคยมาเยือน ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ซับซ้อน และเขาต้องการความเข้าใจจากนันนลินทร์มากมี่สุดสุชาฎาหันมามองเขาก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเบา “ว่านตื่นเต้นจังเลยค่ะ เราจะได้เจอคุณหนิงแล้ว” เมื่อเข้าไปถึงแผนกกายภาพบำบัด ธาฎาก็พบนันนลินทร์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้วิลแชร์ ขณะที่ข้างกายยังมีนักกายภาพบำบัดคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างใบหน้าของเธอยังดูซีดเซียวและอ่อนล้า แต่ ที่เขากำลังอุ้มลูกเดินเข้าไปใกล้ เหมือนหล่อนจะรู้ตัว ก่อนจะชะเง้อชายตามาหาเขานันนลินทร์เงยหน้าขึ้นมองธาฎา ดวงตาของหล่อน ดูเปล่งประกายขึ้นมา เมื่อมองเห็นเจ้าตัวน้อย ที่ธาดากำลังอุ้มอยู่“คุณหนิง//คุณหนิง...” เสียงของสุชาดาและคุณเยาว์เอ่ยขึ้นพร้อมกันขณะที่เดินมาตามหลังธาฎา พวกเธอมองเห็นนันนลินทร
ตอนที่ 30/3 เสียงเครื่องบินส่วนตัวที่แตะพื้นรันเวย์นำธาฎา ชายหนุ่มไฮโซนักธุรกิจหมื่นล้านกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขณะก้าวลงจากเครื่อง เรืองฤทธิ์ยืนรออยู่ด้านล่าง ขณะที่เขาก้มหน้ามองนาฬิกาบนข้อมือ“รถพร้อมแล้วครับ” เรืองฤทธิ์รายงานธาฎาเพียงพยักหน้า สายตาเหยียดตรงไปยังเป้าหมายในใจ ก่อนที่เขาจะถามน้ำเสียงเย็นเยียบ“ถ้าไม่ติดว่าคู่ค้าอยากจะเซ็นสัญฐาเลยนะ จ้างให้ฉันก็ไม่กลับมาง่ายๆ หรอก”“ใจเย็นๆ ก่อนครับนาย คุณนันนลินทน์เธอคงไม่หายไปไหนหรอกครับ กลับไทยมาก็ดีนะครับผมว่า ป่านนี้คุณหนูอัญญาคงเหงาแย่แล้ว” “จริงสินะ ลูกสาวของฉันคงจะคิดถึงฉันมากแน่เลย” หลังเสร็จสิ้นธุระสำคัญในบริษัท ธาฎากลับมาที่บ้านทันทีเพื่อพบลูกสาว เสียงเล็ก ๆ ดังออกมาจากห้องนั่งเล่น อัญญากำลังคลานไปมาตามพรม เล่นของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่พี่เลี้ยงคอยดูแลร่างสูงเดินเข้าไปหาลูกสาว มือหนาเอื้อมช้อนร่างเล็กขึ้นมาเบา ๆ “อัญญา...”เด็กน้อยช้อนสายตามองพ่อ ก่อนจะยิ้มแฉ่งอย่างไร้เดียงสา พร้อมเอื้อมมือแตะใบหน้าของเขา“ป๊ะๆ...” อัญญาออกเสียงได้ไม่ชัด แต่เพียงคำเดียวก็ทำให้หัวใจของธาฎาพองโต“ป๊าคิดถึงลูกที่สุดเลยรู
ตอนที่ 30/2เรืองฤทธิ์นั่งมองหลักฐาน ที่หมอนพดลนำมาให้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและความสงสัยที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ“นี่คือหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าแพรไหมเคยติดต่อผมก่อนการผ่าตัดคุณนันนลินทร์”หมอนพดลพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่มั่นคง“เธอขอให้ผมทำสิ่งที่ขัดต่อจรรยาบรรณของแพทย์ โดยแลกกับเงินจำนวนมหาศาลและตำแหน่งที่สูงขึ้นในโรงพยาบาล ทั้งสองขู่เข็ญเรื่องจะปล่อยคลิปหลุดของลูกสาวผมด้วย”“แล้วทำไมคุณถึงไม่ทำ?” เรืองฤทธิ์ถาม น้ำเสียงแฝงความกังวล“เพราะผมยังมีจิตสำนึกอยู่ และโชคดีที่ผมมีหลานชายของคน ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับ ว่าเขารู้จักกับคุณนันนลินทร์ แต่พอเขาโทรมาถาม เรื่องอาการ ป่วยต่างๆ ของคุณนันนลินทร์ ผมก็เลยตัดสินใจ ปรึกษาหลานชายของผม เพราะเห็นว่ายังไงเราสองคนก็ลงเรือเดียวกันแล้ว”หมอนพดลถอนหายใจยาวก่อนเล่าต่อ“นนทวัฒน์คือคนที่ช่วยผมวางแผนตลบหลังหมอแพร พวกเราจัดฉากว่าการผ่าตัดนั้นล้มเหลว และนันนลินทร์เสียชีวิตระหว่างการรักษา ทั้งที่จริง ๆ แล้วผมกับนนทวัฒน์ช่วยกันพาหล่อนออกจากโรงพยาบาลไปยังที่ปลอดภัย”เรืองฤทธิ์พยายามเก็บสีหน้าตัวเองเมื่อได้ยินความจริงอันน่าตกตะลึง ใจเขาเต็มไปด้วยคำถ