ตกบ่ายมาเจ้าของโรงแรมออกไปจากห้องอาหารปราริณพร้อมกับคนที่มีสถานะเพื่อนสนิทชื่อศจี
พนักงานบริการทั้งหลายที่เกี่ยวข้องเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเมื่อเจ้านายกลับไปแล้ว
ความอึดอัดของแต่ละคนจึงเริ่มหายไป ยกเว้รก็แต่ใครบางคนที่ยังทำงานอย่างเหม่อลอยอยู่
“หนิง พี่เรียกตั้งนานแล้วนะ เป็นอะไรรึเปล่า”
ธีรยุทธเอามือแตะไหล่ลูกน้องเป็นเชิงสะกิด เขาเรียกนันนลินทร์อยู่สองสามครั้ง หล่อนยังเอาแต่ยืนเหม่ออยู่หน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์
กว่าจะรู้สึกตัวได้ก็ตอนที่ธีรยุทธเรียกอีกครั้ง
“หนิง”
“คะ? คะพี่ยุทธ!?”
“เป็นอะไรรึเปล่า? ไม่สบายเหรอ?”
“ปะ เปล่าค่ะ คือหนิงแค่คิดอะไรไปเรื่อยน่ะค่ะ”
ธีรยุทธส่าย แต่เขาก็ไม่ได้ตำหนิ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องชวนคุย เขาพอเดาได้ว่าที่นันนลินทร์เป็นแบบนี้เพราะใคร
“เอาเถอะๆ พี่แค่จะมาสั่งงานเราหน่อย เพราะพรุ่งนี้พี่จะไม่อยู่ ติดประชุมที่ตึก 'ธนไทยเกษม' น่ะ”
“อ่อค่ะ ประชุมที่ตึกนู่นเลยเหรอคะ?”
นันนลินทร์เพยิดหน้าทะลุกระจกใสออกไปจากด้านนอกตึกของโรงแรม หากมองจากตรงนี้ออกไปก็จะสามารถเห็นตึกไทยเกษมได้ไม่ไกลนัก หรือหากขับรถไปจากโรงแรมก็อยู่ห่างกันแค่ 2-3 ซอย
“ใช่แล้ว ประชุมใหญ่น่ะ กับคุณหญิงบุษบา”
“คุณทิมล่ะคะ?” แม้ว่าจะได้ยินเต็มสองหูจากที่ธาฎาคุยกับศจีแล้ว ทว่าก็ยังอยากได้ยินจากปากคนอื่นอีก
“คุณทิมไม่น่าเข้านะ ไม่เห็นมีรายชื่อในวาระการประชุมพรุ่งนี้เลย มีแต่คุณหญิงหมอกับคุณแพรไหม”
เอ้า... คุณแพรไหมยังเข้าร่วมประชุม แต่ธาฎานี่สิ เขาหายไปไหน
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้พี่ไม่อยู่ห้องอาหารนะ ฝากหนิงดูแลแทนพี่ด้วยละกัน พี่ไปล่ะ”
“ค่ะ”
ธีรยุทธเดินออกไปจากห้องอาหารปราริณแล้ว หญิงสาวจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา นึกรำคาญความคิดถึงที่มีต่อธาฎาเต็มไปหมดในหัว ไม่ว่าจะเข้า สาย บ่าย เย็น เกือบทั้งวันหล่อนยังไม่มีสมาธิทำงาน
จนในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงาน นันนลินทร์เดินทางกลับคอนโดฯ หรูด้วยรถประจำทางเช่นเคย การจราจรในยามเย็นค่อนข้างอึดอัด ถนนเส้นนี้เป็นเส้นหลักที่ถูกเชื่อมไปยังจุดแลนด์มาร์คสำคัญหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดัง หรือแม้ตลาดนัดชุมชน เรียกว่าได้เป็นที่ทำเลทองเลยก็ว่าได้
และเป็นโชคดีของหล่อนที่ถึงแม้ว่าคอนโดฯ ที่หล่อนมาอาศัยเขาอยู่จะดูหรูหราเพียงใด อย่างน้อยก็ยังมีป้ายรถเมล์ให้คนชนชั้นรากหญ้าจนไปถึงชนชั้นกลางอย่างหล่อนเองได้ใช้สอย จึงสะดวกสบายโดยไม่ต้องง้อให้ใครบางคนรับส่ง
ร่างอรชรหอบกระเป๋าฝืนเรี่ยวแรงมาจนถึงที่หมาย ก้าวเข้ามาในห้องเพนท์เฮ้าส์ขนาดใหญ่ด้วยคีย์การ์ดสำรองจากเจ้าของห้องผู้หวังดีให้หล่อนเอาไว้ใช้
สายตาคู่เรียวสวยกวาดมองรอบๆ บริเวณ แพรขนตายาวปรือขึ้นกว้างเพื่อให้คนมองเห็นได้ถนัด ดวงไฟในห้องมันถูกใครบางคนเปิดเอาไว้ก่อนหน้าที่หล่อนจะเข้ามาแล้ว พร้อมทั้งร่างกำยำของคนที่เปิดไฟทั้งห้อง เขานั่งประจันหน้าหันเข้ากับสมาร์ททีวีขนาด 60 นิ้ว ตรงหน้าของเขา มือข้างหนึ่งจับรีโมตส่วนอีกข้างก็เกยพนักพิง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นทั้งยังกระดิกเท้าเล่นไปพลางๆ
เขาอยู่ถึงห้องก่อนหล่อนด้วยซ้ำ ซึ่งก็ผิดคาดจากที่คิดก่อนหน้านี้
ธาฎาควรอยู่กับคู่หมั้นของเขา พวกเขาสองคนอาจจะอยู่ดินเนอร์ด้วยกันเฉกเช่นที่ผ่านมา
แล้วจากที่หล่อนแอบเผลอไปได้ยินที่คุณศจีกับเขาคุยกันระหว่างทานมื้อกลางวัน เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะอยู่ที่นี่ เวลานี้
“จะยืนค้ำหัวฉันอีกนานไหม?” เหมือนเขารู้ตั้งแต่ได้ยินเสียงคีย์การ์ดแตะเข้ามาแล้ว แต่ที่ยังนิ่งอยู่คงรอดูว่าหล่อนจะพูดอะไร
แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นเขาเองที่ต้องทนไม่ไหว
นันนลินทร์ขยับตัวเล็กน้อย นึกขึ้นได้ว่ายังมีกระเป๋าสะพายอยู่ติดตัว จึงรีบนำมันเข้าไปเก็บประจำที่ในห้องนอนของตน โดยปล่อยให้สายตาคู่คมมองการกระทำของหล่อนอย่างแครงใจ
“จิ!! ให้มันได้อย่างนี้สิ! กล้าดียังไงมาเมินใส่ฉัน” พูดไปก็เท่านั้นเพราะคนฟังเข้าไปในห้องด้านในเสียแล้ว
เขาอุตส่าห์ทำตัวให้ว่างแล้วแท้ๆ ทั้งที่หากเป็นไปได้ตอนนี้เขาควรอยู่ที่ภูเก็ตกับศจี หรือไม่ก็อยู่ทานมื้อค่ำกับแพรไหมคู่หมั้น
แต่ไม่เลย...
เขายอมตัดสินใจกลับมาที่นี่ ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับนันนลินทร์ หล่อนควรจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำ แต่นี่อะไรกัน ดูสิ่งที่หล่อนทำสิ แบบนี้เขาควรจะลงโทษหล่อนอย่างไร ถึงจะเลิกพยศเสียที
ตอนที่ 6/1ธาฎาไม่ได้ลืมเรื่องที่สัญญาเอาไว้กับนันนลินทร์ วันนี้ก็เป็นวันอังคาร ซึ่งเขาก็กำลังรักษาคำพูดด้วยการจองโต๊ะดินเนอร์ที่อาหารของเพื่อนสนิทเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทว่าคนที่เขาจะพาไปกลับมีท่าทีมึนใส่ ราวกับลืมเรื่องที่เขาเคยพูดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง แบบนี้เขาควรจะงอนดีไหม แต่ทำไมได้ไง เพราะคนอย่างธาฎาต้องไม่มีเรื่องค้างคาใจให้ข้ามวันข้ามคืนเป็นแน่ เขาจะต้องเคลียร์กับนันนรินทร์ให้รู้เรื่อง “นี่! เดินหนีเข้าห้องมาแบบนี้หมายความว่าไง” ร่างสูงยืนเท้าเอวอยู่หน้าประตู ส่วนคนที่กำลังทำให้เขาเดือดขึ้นได้กลับนอนเขี่ยโทรศัพท์เล่นสบายใจเฉย “นันนลินทร์ เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ! “ ธาฎาขยับตัวก้าวไปข้างหน้าเกือบจะถึงตัวคนที่นอนอยู่บนเตียงสุดท้ายแล้วเขาก็คาดคั้นให้หล่อนตอบจนได้ “หนิงแค่เหนื่อย แค่อยากเข้ามาพัก คุณทิมมีอะไรเหรอคะ?” “มีอะไรงั้นเหรอ นี่เธอไม่รู้เลยหรือไงกัน?” เขายิ่งหัวเสียกับท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวของหล่อน “ค่ะ หนิงไม่รู้ ไม่รู้ว่าที่คุณทิมมายืนทำหน้าฟึดฟัดใส่หนิงตอนนี้ คือหนิงทำอะไรผิด?” ร่างอรชรค่อยๆ ขยับตัวลุก พยุงตัวนั่งเอาศีรษะพิงกับขอบเตียง “วันก่อนฉันบอกเธอว่ายังไง แ
ตอนที่ 6/2ทุ่มกว่าแล้ว ที่ธาฎาพานันนลินทร์เดินทางมาจนถึงร้านอาหารสไตล์ fine dining อย่างที่เขาบอกไปว่าร้านนี้เป็นของเพื่อนเขา ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขามั่นใจในเรื่องความเป็นส่วนตัวมากแล้ว ถึงได้พาหล่อนมาถึงที่นี่ ร่างอรชรสวมชุดเดรสสีขาวดูสะอาดตา เครื่องประดับสีเงินถูกหยิบยกมาแขวนคอระหงเพื่อเพิ่มความลงตัวให้เหมาะสมกับชุดที่ใส่ มือบางยกขึ้นมาจัดระเบียบชุดเล็กน้อยหลังจากที่กำลังจะหย่อนสะโพกมนลงนั่งเก้าอี้ ขณะที่มีบริกรชายเป็นคนขยับเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ ส่วนชายหนุ่มสุภาพบุรุษอีกคนที่พามาก็ได้ที่นั่งอย่างสบายใจก่อนเสียแล้ว “ขอบคุณมากค่ะ” นันนลินทร์หันไปยิ้มขอบคุณบริกรชายหลังจากที่เขาเลื่อนเก้าอี้ให้หล่อนเสร็จ ใครจะนึกว่าวันๆ หนึ่งที่หล่อนเองก็เป็นบริกรในห้องอาหารเช่นกัน ทว่ามาวันนี้กลับกลายเป็นแขกและมีคนดูแลเฉกเช่นเดียวกับที่หล่อนเคยทำ “จะกินอะไรสั่งเลยนะ” พอหันกลับมาจากการโปรยรอยยิ้มให้บริกรหนุ่ม จากที่กำลังเข้าสู่บรรยากาศดีๆ กลับต้องมาสะดุดเพราะสายตาของคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ร้อยวันพันอารมณ์ สำหรับธาฎาไม่มีคำว่าเกินจริง“คุณทิมอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ เดี๋ยวหนิงสั่งให้”“แล้วแต่เธอเลย อ
ตอนที่ 6/3ภาสกรครุ่นมองสาวสวยอยู่นาน เขากำลังคิดหาคำตอบ ไม่นึกว่าคนที่ทั้งชีวิตที่เขารู้จักอย่างธาฎาจะซุกซ่อนสาวสวยเอาไว้อย่างมิด ทั้งที่มันก็มีคู่หมั้นอย่างแพรไหมอยู่แล้วทั้งคน จับปลาสองมือแบบนี้เขาชักอยากรู้แล้วสิว่ามันจะไปต่ออย่างไร “เชิญนั่งก่อนไหมคะ?” ด้วยความที่เห็นภาสกรยืนเก้ ๆ กังๆ สบตาหล่อนไม่วาง คนถูกมองก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกจึงเชิญชวนให้นั่งลงแก้เขิน ดีกว่าเห็นเขามายืนจ้องตาหล่อนแบบนี้ แต่คนตรงข้ามนี่สิหน้าไม่ต้อนรับแขกเลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่เพื่อนสนิทก็เป็นเจ้าของร้านแท้ๆ “ขอบคุณนะครับ” ร่างสูงที่ยืนโด่เด่อยู่ลากเก้าอี้ลงนั่ง “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณ...?”“หนิงค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะเพื่อนคุณทิม” หล่อนตอบกลับอย่างเป็นมิตร ท่ามกลางสายตาของใครบางคน “ชื่อภาสกรครับ หรือจะเรียกสั้นๆ ว่าภาสก็ได้ครับคุณหนิงคนสวย” “ฮรึ่ม! “ คนที่หลุดไปจากบทสนทนาร่วมหลายนาทีกระแอมเบาๆ ยกมือขยับเนคไทนั่งหลังตรง เป็นการแสดงตัวแบบกลายๆ จนนันนลินทร์ต้องละสายตาหันมาสนใจเขาจนได้ “อาหารที่นี่อร่อยนะคะ ไม่เสียแรงเลยค่ะที่เพื่อนคุณเขาแนะนำหนิงมา” “ครับ แต่ปกติแล้วผมไม่ค่อยเห็นมันจะแวะมาแถวนี้ห
ตอนที่ 7/1การใช้ชีวิตในฐานะเมียบำเรอของนันนลินทร์ยังวนลูปอยู่ที่เดิม นานวันเข้าก็ยิ่งถลำลึกลงมาก ธาฎาไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหล่อนง่ายๆ เขายังเสพติดร่างกายหล่อนนับวันยิ่งติดแจเรื่องงานแต่งของธาฎากับคู่หมั้นก็ยังไม่มีเคล้ารางใกล้ฤกษ์งามยามดี อาจจะเป็นไปได้ว่าทั้งคู่ต่างคนก็ต่างวุ่นวายอยู่กับงานที่รับผิดชอบ ถือเป็นช่วงที่นันนลินทร์ถือว่ายังได้เก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความสุขจากเขาได้อีกระยะหนึ่ง ถึงแม้ว่าบางครั้งความสุขของหล่อนนั้นมันอาจจะปรนรสขมไปบ้างบางโอกาสที่เขานั้นหายตัวไปทว่าวันนี้กลับไม่ใช่ เขาเอาแต่ทำตัวติดแจทั้งวัน ตลอดเวลาที่หล่อนใช้วันลาพักร้อน 5 วันติด“คุณไม่คิดจะออกไปไหนบ้างเหรอคะ?” มือเล็กขยับศีรษะคนตัวโตออกจากตัก เป็นการบังคับให้อีกฝ่ายจำใจลุกขึ้น จากที่หนุนหนอนมาเกือบครึ่งชั่วโมงธาฎาชักสีหน้าไม่พอใจ จนหล่อนสังเกตได้ แต่จะให้ทำอย่างไรก็ในเมื่อตอนนี้ขอทั้งสองข้างที่เขาใช่หนุนมันชาไปหมดแล้ว“ฉันกำลังพักผ่อนหลังจากที่โหมงานมานาน แต่เธอกลับบอกให้ฉันออกไปทำงานงั้นเหรอ ไม่คิดจะให้ฉันหยุดเหมือนเธอบ้างเลยหรือไง?”“หนิงไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ ปกติก็เห็นคุณกลับเขาใหญ่”“นี่ ฉันเหนื่
ตอนที่ 7/2แพรไหมทำงานอยู่ในห้องตรวจเป็นเวลาครึ่งค่อนวัน กว่าจะออกมาพักเที่ยงทานมื้อกลางวันได้ก็เกือบจะบ่ายแล้ว วันนี้หล่อนยุ่งเรื่องงานที่โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ไม่มีเวลาแม้กระทั่งได้ติดต่อหาคู่หมั้นส่วนคุณหญิงบุษบาก็ไม่ต่างกัน ท่านยังคงติดงานประชุมในโรงพยาบาลทั้งวันเช่นกัน เรียกได้ว่าในช่วงนี้งานโรงพยาบาลกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงเนื่องจากกำลังขยายโปรเจคฯ ใหม่ๆ เพิ่มเติม เรื่องความสัมพันธ์หล่อนกับธาฎาจึงไม่คืบหน้า“ยัยแพร กว่าจะลงมาได้นะ” เข็มมนิสเพื่อนหมอคนสนิทของแพรไหมเอ่ยทัก ขณะที่เพื่อนสาวเพิ่งเดินมาถึงร้านอาหารชั้นล่างของตึกโรงพยาบาล“เฮ้อ ช่วงนี้วุ่นๆ น่ะแก นี่ก็ต้องรีบกลับไปเข้าแลปต่อ”“อะไรจะขนาดนั้น พักบ้างนะ เป็นหมอก็ใช่ว่าจะป่วยไม่เป็น” เข็มมนิสเอื้อมมือไปแตะบนศีรษะของเพื่อนสนิทด้วยความคุ้นชิน หล่อนเป็นเพื่อนตั้งแต่ที่เรียนปริญญาโทด้วยกันกับแพรไหมที่ต่างประเทศ แพรไหมรู้จักกับทิม ธาฎา ในตอนนั้น ทั้งหล่อนและแพรไหมต่างก็เป็นนักเรียนทุนเช่นกัน พักอยู่หอพักเดียวกัน หลังจากใช้ทุนเสร็จก็ย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลสุขเกษมเข็มมนิสเข้าใจว่าเพื่อนทำงานหนักขนาดนี้เพราะอยากจะช่วยแบ่งเบาภา
ตอนที่ 7/31 วันถัดมานันนลินทร์ไม่คิดว่าธาฎาจะต้องลงทุนขับรถพาหล่อนมาถึงโรงพยาบาลได้ ปกติครั้งก่อนหล่อนยังจำได้ดีว่าเขาให้ผู้ช่วยคนสนิทพาหล่อนมาเองทั้งที่เมื่อวานนี้เขาก็ยังแสดงออกว่าโกรธมากที่หล่อนปล่อยปะละเลยเรื่องนี้ไปได้ เขากล่าวหาว่าหล่อนจะจับเขาก่อนที่สัญญาจะจบลง‘เธอคิดจะปล่อยให้ตัวเองท้องงั้นเหรอ? ฉันย้ำเรื่องนี้หลายหนแล้วเธอไม่เข้าใจตรงไหน?’‘หนิงไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ คุณกำลังเข้าใจหนิงผิด’‘จะอะไรก็ช่าง หวังว่าต่อไปนี้เธอจะท่องให้ขึ้นใจว่าฉันกำลังจะแต่งงาน แพรไหมจะเป็นแม่ของลูกฉัน ส่วนเธอฉันแต่งงานเมื่อไหร่ เราจบ แยกย้ายกัน จำให้ได้นะนันนลินทร์’ ‘ค่ะ หนิงจะจำ’คำพูดเชือดเฉือนบาดแผลในใจให้เหวอะหวะ หล่อนจะจำใส่กะละหัวตัวเองเอาไว้ว่าเขาไม่เคยอยากร่วมหอสร้างเรือนกับคนอย่างหล่อน ลูกที่เกิดมาจากแม่จนๆ อย่างหล่อน มันไม่เหมาะสมและคู่ควรกับไฮโซหมื่นล้านอย่างเขาภายในรถระหว่างทาง ต่างฝ่ายต่างก็จมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ได้ยินเพียงเสียงบทเพลงบรรเลงระหว่างทาง ไร้บทสนททนาจากทั้งคู่ จนกระทั่งถึงที่หมาย ตอนนี้นันนลินทร์เข้าไปยังห้องตรวจ เหลือแค่เพียงธาฎาที่นั่งรออยู่หน้าห้องเขาไม่เคยต
ตอนที่ 8/1ธาฎาขับรถพานันนลินทร์มาถึงที่เพนท์เฮ้าส์ตน ตลอดเส้นทางที่ขับมาเขาจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองจนกระทั่งถึงที่หมาย หล่อนไม่สามารถคาดเดาว่าเขาจะเอาอย่างไรกับชีวิตหล่อนต่อจากนี้ ไม่เพียงแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ตั้งตัวไม่ทัน หล่อนเองก็เช่นกันกลับเข้ามาในห้องรับแขก หล่อนเอาแต่นั่งเงียบมือถือถุงยาและสมุดฝากครรภ์ หมอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาเราต่างก็หละหลวมเรื่องการป้องการ ธาฎาเองก็ใช่ว่าจะตระหนักเรื่องการสวมใส่ถุงยางอนามัยแถมยังมีการหลั่งในอยู่บ่อยครั้ง ต่อให้เขาจะเป็นคนสั่งให้หล่อนเป็นฝ่ายไปฉีดยาคุมกำหนดเพื่อป้องกัน ทว่านี่มันก็ผ่านพ้นมาเป็นเดือนแล้ว อีกทั้งการป้องการมันก็อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ หมอก็บอกอยู่หากเขายังจำได้“คุณจะว่าหนิงยังไงก็ได้ แต่อย่าเงียบแบบนี้” หล่อนอึดอัดที่เขาแต่แต่เดินทำตัวเหวี่ยงใส่ โดยไร้ซึ่งคำพูดด่า“ถามจริงๆ นะ เธอตั้งใจจะปล่อยให้ตัวเองท้องใช่ไหมนันนลินทร์”“หนิงเปล่า อย่ามากล่าวหาหนิงแบบนี้” เรื่องอะไรที่ต้องปล่อยให้ตัวเองท้อง การที่ลูกเกิดมาแล้วรู้ว่าแม่ตัวเองเป็นได้แค่นางบำเรอบนเตียงของพ่อตัวเอง มันช่างน่าปวดใจยิ่งกว่าอะไรดี หล่อนทำแบบนั้นก็เท่
ตอนที่ 8/21 สัปดาห์ต่อมาบาร์หรูสไตล์คลาสสิคลักซูรี่ย่านทองหล่อร้านนี้เป็นหนึ่งในพิกัดสำคัญที่นักดื่มตัวโยงเลือกที่จะมาเช็คอิน เครื่องดื่มราคาแพงแก้วถูกสุดในร้านราคาเริ่มต้นก็แค่สี่แบงค์แดง แต่เครื่องดื่มราคาแค่นี้มันไม่ถึงคอของคนอย่างธาฎาได้หรอกทั้งค็อกเทล วิสกี้ เขาดื่มได้ทั้งหมดเลยในตอนนี้ ขอเพียงแค่แอลกอฮอลล์เข้าสู่ร่างกายบาร์ดังที่เจ้าของร้านมีอาชีพหลักตรงกันข้ามกับงานที่ทำอยู่ บุคคลนั้นคือนายแพทย์เตวิทย์ เตรังธนวัฒน์ เพื่อนสนิทของเขาอีกคน“มึงดื่มแต่พอดีเถอะนะไอ้ห่านี่” ด็อกเตอร์วิทย์เอื้อมไปยกแก้ว Jack Deniel ออกจากมือธาฎานี่มันแก้วที่เท่าไหร่แล้ว ตั้งแต่ที่มันเดินเข้าร้าน รู้ว่าคอแข็งแต่ทำตัวแบบนี้อยากจะรู้นักว่ามันไปทำอะไรมา ถึงได้กระดกเอาไม่ยั้ง“กูมาอุดหนุนร้านมึง แทนที่จะขอบคุณ”“กูรวยแล้ว ขาดลูกค้าอย่างมึงไป กูไม่เจ๊งหรอก”“อึก เออ... ดี ขาดกูไปสักคนแล้วมึงจะรู้สึก”ธาฎาฉกเอาแก้วเหล้ากลับมาที่ตัวเอง เขาไม่ค่อยได้มาที่นี่สักเท่าไหร่นัก ปกติเลิกงานก็อยากกลับไปพักผ่อนเต็มทน ยอมรับว่าการที่มีนันนลินทร์อยู่ที่นั่นด้วยมันทำให้เขาอยากรีบกลับตรงเวลา ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า
The end6 เดือนต่อมาบรรยากาศที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของไทย ที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยความงดงาม บ้านพักตากอากาศของคุณย่าของธาฎาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นและโรแมนติกสำหรับงานแต่งงานธาฎาในชุดสูทสีขาว เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและความสุขทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานของเขา แต่เป็นวันที่เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่เขารักที่สุดนันนลินทร์ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูที่มีลูกไม้ประดับอย่างประณีต หล่อนหันมองตัวเองในกระจก มือแตะท้องเบาๆ ราวกับย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือเรื่องจริงนางนิรณียืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยจัดชายกระโปรงและให้กำลังใจลูกสาว “แม่ภูมิใจในตัวหนิงนะลูก วันนี้ลูกดูสวยที่สุดเลย”นันนลินทร์หันมายิ้ม “ขอบคุณนะคะแม่ ถ้าไม่มีแม่ หนิงคงไม่มีวันนี้”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คุณเยาว์และสุชาฎาจะเดินเข้ามา พร้อมกับหยุดมองหล่อนราวกับตกตะลึงในความงาม พวกเธอเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกไปจับมือหล่อนเบาๆ“คุณหนิง…สวยมากเลยค่ะ” นันน
ตอนที่ 32/31 สัปดาห์ถัดมา นางนิรณีมาอยู่ดูแลลูกสาวในช่วงเช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าธาฎาแวะเวียนมาทำคะแนนกับนันนลินทร์ลูกสาวเธอแบบไม่ว่างเว้นเธอเองก็ยอมเปิดทางให้ ถึงได้ไม่ค่อยแวะมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งจากหมอเจ้าของไข้แล้วว่าอาการของนันนลินทร์นั้นดีขึ้นมากแล้ว และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้ส่วนหลังจากนี้นันนลินทร์อาจจะยังต้องใช้ไม้เท้าเพื่อพยุงตัวไปก่อน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกตินางนิรณีนั่งลงข้างเตียง มองสำรวจใบหน้าลูกสาวอย่างพิจารณา “ดูดีขึ้นเยอะเลยนะลูก ดีใจไหมจะได้ออกจากโรงบาลแล้วนะ”คำถามนั้นทำให้นันนลินทร์ชะงัก หล่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก “ดีใจสิคะแม่”“ดีแล้ว แม่อย่กจะให้หนิงดู ว่าบ้านที่แม่ซื้อไว้ที่นี่นั้นสวยมากแค่ไหน ถ้าหากเราฟ้องศาลชนะ...อัญญามาอยู่ที่นี่กับเรา แม่จะทำห้องสวยๆ ให้อัญญา”นางนิรณีพูดแฝงไปด้วยเลสนัย เธออยากรู้ตอนนี้ในใจของลูกสาวตนเองจะคิดเห็นเช่นไร กับเรื่องที่เคยอยากจะทำ “ธาฎาจะได้รับกรรม เหมือที่หนูเคยบอก” เธอพูดขยี้ให้ลูกสาวได้รู้สึกตัวไปอีก“แม่คะ...คือหนิง”“ว่าไงล่ะลูก? แม่น่ะคุยกับคุณนนท์เขาแล้วนะลูก”คำพูดของผู้เป็นแม่
ตอนที่ 32/2 หล่อนหลุบตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ภายในใจมีทั้งความลังเลและความหวังที่แทรกเข้ามาในเสี้ยววินาที“ฉัน...ฉันยังตอบคุณไม่ได้ตอนนี้หรอก” นันนลินทร์พูดเสียงเบา “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณเองก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”ธาฎายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า เขาดีใจไม่ใช่น้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น นันนลินทร์พูดราวกับว่าหล่อนกำลังบอกกลายๆ ว่าหล่อนให้โอกาสเขาแล้ว“เมื่อกี้เธอหมายความว่าไง?” ร่างสูงผละจากเปลนอนลูกน้อยเมื่อเห็นว่าลูกหลับสนิทแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้คนป่วยบนเตียง นันนลินทร์แอบถอนหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง“ก็ตามที่พูด...คุณเข้าใจยากตรงไหน?” “ไม่...หนิง ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม? เธอให้โอกาสฉันแล้ว” “ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงกับฉันเหมือนเดิมก็ได้”“ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง...ทั้งเธอและลูก”แม้คำพูดของเขาจะดูมั่นคง แต่นันนลินทร์ยังไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองหวังมากเกินไป หล่อนเพียงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะพยายามคว้าเอาไม้เท้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อหวังจะทาง ทว่าหล่อนกลับคว้ามันไม่ถึง จนทำให้เขาต้อง
ตอนที่ 32/1เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน ธาฎาป้อนอาหารลูกอีกครั้งจนอิ่ม โชคดีจริงๆ ที่เตรียมทั้งของใช้และอาหารมาพร้อมทุกอย่าง อัญญาจึงไม่งอแง คุณพ่อมือใหม่จัดการประกอบเปลนอนแบบพกพาสำหรับเด็กขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย เขามุ่งมั่นทำมันด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันที่เจ้าของเปลนอนตัวจริงก็เริ่มตาเยิ้มลงมาก เป็นสัญญาณว่าอัญญานั้นง่วงเต็มที่แล้ว การกระทำของธาฎานั้นอยู่ในสายตาของคนที่กำลังกล่อมลูกนอนบนตัก หล่อนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่พ่อของลูกมีความใส่ใจและทำทุกอย่างให้ลูกได้มากมาย ทั้งที่หน้าที่แบบนี้ส่วนมากจะเป็นแม่ของลูกทำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนก็ตามแต่ สายตาคู่สวยมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังจำภาพในอดีตของผู้ชายคนนี้ได้ดี ภาพของเขาที่เย็นชา ดื้อรั้น และไม่เคยแยแสต่อคำขอร้องใดๆ ของหล่อน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนขนลุก“คุณทำเองเป็นหมดเลยเหรอ?” หล่อนถามขึ้นในขณะที่ลูบหัวลูกสาวเบาๆ ที่หลับคาตักธาฎาที่กำลังจัดหมอนในเปลให้เรียบร้อย หยุดมือชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก“ฉันเคยเสียหลักครั้งหนึ่งตอนที่เธอจากไป วันๆ ไม่ยอมไปทำงาน กินแค่เหล้า เสเพไปวันๆ เพียงแค่อย
ตอนที่ 31/3เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล ธาฎาก้าวลงจากรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เขาสะพายเป้เล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้ของอัญญาไว้เต็มแน่น หลังจากวันนี้อนุญาตให้เรืองฤทธิ์ สุชาฎา และคุณเยาว์ได้ออกไปใช้ชีวิต เที่ยวชมเมืองทะเลทรายแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินเข้าไปยังตึกพักฟื้นผู้ป่วยทันที อัญญาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ้มแย้มแจ่มใส มือเล็ก ๆ จับไหล่ของพ่อแน่น สายตาซุกซนของเธอชำเลืองมองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น ธาฎาหันไปมองลูกสาว ยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของนันนลินทร์ เขาหยุดยืนชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือนันนลินทร์ที่เพิ่งตื่นและกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา“คุณมาทำไมอีก...” หล่อนถามเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่ได้ตอบในทันที แต่วางอัญญาลงบนเตียงข้าง ๆ หล่อนลูกสาวตัวน้อยแม้จะไม่เจอหน้าแม่มานาน แต่กลับมีความรู้สึกถึงสายใยผูกพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเหนือความคาดหมายอัญญาโผเข้ากอดนันนลินทร์ หลังจากที่พ่อของเขาปล่อยลงใส่เตียง ใบ
ตอนที่ 31/2 น้ำตาของนันนลินทร์ไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็แตกออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “คุณกลับไปเถอะ...” นันนลินทร์พูดเสียงสั่น พยายามสะกดอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง แต่ก็ยากเกินไป หล่อนมองดูสภาพตนเองในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเหลิอเกิน ไม่อยากให้อัญญาจะต้องมาเห็นสภาพแม่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย “ทำไม?” “ก็ฉันบอกให้กลับก็คือกลับไง! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!?” หล่อนพูดทั้งน้ำตา พลางมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือใครสักคนที่อยู่แถวนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาทำให้เธอรู้สึกแย่นะ ฉันพาลูกมาให้กำลังใจเธอ ขอแค่ฉันกับลูกได้...” “ฮึกกก! กลับไป! อย่าพาลูกมาลำบากที่นี่” “ไม่...หนิง คือฉัน” “คุณพยาบาลคะ! ช่วยด้วยค่ะ!” เสียงเรียกของนันนลินทร์ดึงความสนใจจากพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงและรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยคะ คุณหนิง?” พยาบาลสาวต่างชาติถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาแสดงความกังวลกับกลุ่มคนไทยตรงหน้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนไข้ แม้ว่าจะฟังภาษาไทยไม่ออก ทว่าตามความรู้สึกของพยาบาลแล้ว พวกเขาน่าจะพูดยางอย่างให้กระทบกระเท
ตอนที่ 31/1เมื่อเครื่องบินลงจอดถึงปลายทาง ธาฎาก็รีบออกจากสนามบินพร้อมกับลูกน้อยและผู้ติดตาม เขาเอื้อมมือไปรับเจ้าตัวน้อยมาจากอ้อมกอดของพี่เลี้ยง ก่อนจะพากันเดินเข้ายังตัวสนามบินหลังจากที่มาถึงโรงพยาบาล ธาฎาก้าวออกจากรถด้วยท่าทางที่สงบ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เขามองไปที่ตัวอาคารที่คุ้นเคย ซึ่งยังคงดูสงบเงียบเหมือนครั้งก่อนที่เขาเคยมาเยือน ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ซับซ้อน และเขาต้องการความเข้าใจจากนันนลินทร์มากมี่สุดสุชาฎาหันมามองเขาก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเบา “ว่านตื่นเต้นจังเลยค่ะ เราจะได้เจอคุณหนิงแล้ว” เมื่อเข้าไปถึงแผนกกายภาพบำบัด ธาฎาก็พบนันนลินทร์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้วิลแชร์ ขณะที่ข้างกายยังมีนักกายภาพบำบัดคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างใบหน้าของเธอยังดูซีดเซียวและอ่อนล้า แต่ ที่เขากำลังอุ้มลูกเดินเข้าไปใกล้ เหมือนหล่อนจะรู้ตัว ก่อนจะชะเง้อชายตามาหาเขานันนลินทร์เงยหน้าขึ้นมองธาฎา ดวงตาของหล่อน ดูเปล่งประกายขึ้นมา เมื่อมองเห็นเจ้าตัวน้อย ที่ธาดากำลังอุ้มอยู่“คุณหนิง//คุณหนิง...” เสียงของสุชาดาและคุณเยาว์เอ่ยขึ้นพร้อมกันขณะที่เดินมาตามหลังธาฎา พวกเธอมองเห็นนันนลินทร
ตอนที่ 30/3 เสียงเครื่องบินส่วนตัวที่แตะพื้นรันเวย์นำธาฎา ชายหนุ่มไฮโซนักธุรกิจหมื่นล้านกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขณะก้าวลงจากเครื่อง เรืองฤทธิ์ยืนรออยู่ด้านล่าง ขณะที่เขาก้มหน้ามองนาฬิกาบนข้อมือ“รถพร้อมแล้วครับ” เรืองฤทธิ์รายงานธาฎาเพียงพยักหน้า สายตาเหยียดตรงไปยังเป้าหมายในใจ ก่อนที่เขาจะถามน้ำเสียงเย็นเยียบ“ถ้าไม่ติดว่าคู่ค้าอยากจะเซ็นสัญฐาเลยนะ จ้างให้ฉันก็ไม่กลับมาง่ายๆ หรอก”“ใจเย็นๆ ก่อนครับนาย คุณนันนลินทน์เธอคงไม่หายไปไหนหรอกครับ กลับไทยมาก็ดีนะครับผมว่า ป่านนี้คุณหนูอัญญาคงเหงาแย่แล้ว” “จริงสินะ ลูกสาวของฉันคงจะคิดถึงฉันมากแน่เลย” หลังเสร็จสิ้นธุระสำคัญในบริษัท ธาฎากลับมาที่บ้านทันทีเพื่อพบลูกสาว เสียงเล็ก ๆ ดังออกมาจากห้องนั่งเล่น อัญญากำลังคลานไปมาตามพรม เล่นของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่พี่เลี้ยงคอยดูแลร่างสูงเดินเข้าไปหาลูกสาว มือหนาเอื้อมช้อนร่างเล็กขึ้นมาเบา ๆ “อัญญา...”เด็กน้อยช้อนสายตามองพ่อ ก่อนจะยิ้มแฉ่งอย่างไร้เดียงสา พร้อมเอื้อมมือแตะใบหน้าของเขา“ป๊ะๆ...” อัญญาออกเสียงได้ไม่ชัด แต่เพียงคำเดียวก็ทำให้หัวใจของธาฎาพองโต“ป๊าคิดถึงลูกที่สุดเลยรู
ตอนที่ 30/2เรืองฤทธิ์นั่งมองหลักฐาน ที่หมอนพดลนำมาให้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและความสงสัยที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ“นี่คือหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าแพรไหมเคยติดต่อผมก่อนการผ่าตัดคุณนันนลินทร์”หมอนพดลพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่มั่นคง“เธอขอให้ผมทำสิ่งที่ขัดต่อจรรยาบรรณของแพทย์ โดยแลกกับเงินจำนวนมหาศาลและตำแหน่งที่สูงขึ้นในโรงพยาบาล ทั้งสองขู่เข็ญเรื่องจะปล่อยคลิปหลุดของลูกสาวผมด้วย”“แล้วทำไมคุณถึงไม่ทำ?” เรืองฤทธิ์ถาม น้ำเสียงแฝงความกังวล“เพราะผมยังมีจิตสำนึกอยู่ และโชคดีที่ผมมีหลานชายของคน ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับ ว่าเขารู้จักกับคุณนันนลินทร์ แต่พอเขาโทรมาถาม เรื่องอาการ ป่วยต่างๆ ของคุณนันนลินทร์ ผมก็เลยตัดสินใจ ปรึกษาหลานชายของผม เพราะเห็นว่ายังไงเราสองคนก็ลงเรือเดียวกันแล้ว”หมอนพดลถอนหายใจยาวก่อนเล่าต่อ“นนทวัฒน์คือคนที่ช่วยผมวางแผนตลบหลังหมอแพร พวกเราจัดฉากว่าการผ่าตัดนั้นล้มเหลว และนันนลินทร์เสียชีวิตระหว่างการรักษา ทั้งที่จริง ๆ แล้วผมกับนนทวัฒน์ช่วยกันพาหล่อนออกจากโรงพยาบาลไปยังที่ปลอดภัย”เรืองฤทธิ์พยายามเก็บสีหน้าตัวเองเมื่อได้ยินความจริงอันน่าตกตะลึง ใจเขาเต็มไปด้วยคำถ