“ฉันล่ะตื่นเต้นแทนแกจังเลยยัยพรีม แต่ดูแกจะชิวมากเลยนะ” นิวเยียร์ที่กำลังช่วยจัดแจงชุดไทยสำหรับใส่ในพิธีหมั้น ก็พูดคุยกับเพื่อนพลางก้มลงมองตรงนั้นทีหันมองตรงนี้ทีเพื่อให้ทุกอย่างออกมาอย่างเพอร์เฟกต์ไร้ที่ติ และพรีมต้องเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงานวันนี้เท่านั้น
งานหมั้นถูกจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายชาย หลังจากพิธีหมั้นเสร็จสิ้น พรีมก็ต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของธีร์ตามที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันเอาไว้
“มีอะไรให้ตื่นเต้นกัน ทำอย่างกับจะมาหมั้นแทนฉันอย่างนั้นแหละ”
“ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบคนแก่ แต่เมื่อกี้ตอนที่ไปเข้าห้องน้ำ ฉันเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้นของแกแล้วนะ”
“อืม แล้วไง” พรีมถามกลับอย่างขอไปที
“อยากจะบอกว่าหล่อมาก หล่อเวอร์วังยิ่งกว่าในรูปที่ฉันเอาให้แกดูซะอีก หุ่นนี่สูงยาวเข่าดีเหมาะกับการเป็นพ่อพันธ์ชั้นดีเลยอะแก” นิวเยียร์เอ่ยพลางยกยิ้ม แหงนหน้ามองฝ้าเพดานราวกับคนละเมอเพ้อพก
“จะหล่อ จะสูง จะยาว ก็เรื่องของแกเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก ก็แค่หมั้นและอยู่ด้วยกันเพราะธุรกิจ”
“อยู่ด้วยกันทุกวันมันก็ไม่แน่นะ ไม่แกก็อาจจะเป็นเขาที่เผลอมีใจให้กันก็ได้ ใครจะรู้”
“ใครไม่รู้ แต่ฉันรู้ใจตัวเองก็แล้วกัน” พรีมตอบเพื่อนรักอย่างมั่นใจ
ระหว่างที่คุยกันอยู่ประตูห้องแต่งตัวก็ได้ถูกเปิดออก ทั้งสองสาวต่างพากันหันไปมองและเห็นพิมลพรรณแม่ของพรีมเดินเข้ามาภายในห้อง
“ใกล้จะถึงฤกษ์แล้วเหรอคะแม่”
“จ๊ะ ลูกพร้อมแล้วใช่ไหม” พิมลพรรณยื่นมือมาจับมือทั้งสองข้างของลูกสาวแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง ถ้าพรีมเกิดเปลี่ยนใจ คนเป็นแม่อย่างเธอก็ไม่อาจบังคับให้ลูกต้องทำในสิ่งที่ไม่ยินยอมได้
“พร้อมแล้วค่ะ” พรีมคลี่ยิ้มกว้างอย่างคนไม่คิดอะไร เธอทำใจมาตั้งสองเดือนแล้ว จะมากลัวอะไรในวันนี้
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็พากันเดินออกจากห้องเพื่อลงไปทำพิธีที่ชั้นล่างของคฤหาสน์ และนี่ก็เป็นการพบหน้ากันครั้งแรกของเขาและเธอ
พรีมหันมองคู่หมั้นหนุ่ม คิ้วเล็กก็ขมวดเข้าหากัน เพราะใบหน้าของเขานอกจากจะหล่อ ไร้เม็ดสิว หรือแม้กระทั่งรอยตีนกาหรือรอยเหี่ยวย่นแล้วนั้น ใบหน้าหล่อของเขายังไม่เหมือนกับคนที่อายุสามสิบเลยด้วยซ้ำ ส่วนอีกฝ่ายก็มองเธอด้วยสายตานิ่งเฉย เย็นชา ไร้ความรู้สึกเหมือนวันนั้นไม่มีผิด วันที่เธอเดินชนจนทำให้โทรศัพท์ของเขาร่วงลงพื้น
และก็มีเพียงสายตากับความคิดของพรีมเท่านั้นที่กำลังทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะอีกฝ่ายทำเหมือนไม่รู้จักกันและทำพิธีตามที่ผู้ใหญ่ได้ชี้นำจนเกือบจะเสร็จพิธี
“ไหว้พี่เขาสิลูก” พิมลพรรณบอกกับลูกสาว
“ต้องไหว้ด้วยเหรอคะแม่”
“ถ้าน้องไม่อยากไหว้ก็ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มเปล่งออกมาจากปากของชายคู่หมั้น
“หนูพรีมยังเด็กไม่แปลกที่จะไม่รู้พิธี แม่ว่าต่างคนต่างไหว้กันดีกว่าจ้ะ จะได้รักและเคารพกัน” อมรภัคแม่ของฝ่ายชายเอ่ยพร้อมกับมองชายหญิงทั้งสองสลับกัน
พรีมและธีร์หันมองสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยกมือไหว้กันและกันอย่างจำใจก็เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากนั้นก็ต้องปั้นหน้าถ่ายรูปยิ้มสวยๆ นั่งอยู่ข้างชายคู่หมั้นที่ดูเขาก็ไม่ค่อยเต็มใจกับงานนี้สักเท่าไร โดยที่ด้านหลังมีญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่ที่เก้าอี้ และแขกที่มาร่วมงานก็ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาถ่ายรูปร่วมกัน
งานวันนี้ไม่ได้เชิญแขกเหรื่อมามากมาย มีเพียงญาติและเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายก็เท่านั้น หลังจากงานเลี้ยงจบลง คนทั้งสองก็ขึ้นห้องพร้อมกัน โดยที่มีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายเดินตามขึ้นไปส่งราวกับส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหออย่างไรอย่างนั้น
“อยู่กับพี่ธีร์ก็อย่าดื้อนะลูก เชื่อฟังพี่เขานะ” พิมลพรรณอบรมลูกสาว พอนึกว่าจะต้องห่างกันก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
“ค่ะแม่”
“ลูกก็เหมือนกันตาธีร์ อย่าให้แม่รู้นะว่ารังแกน้อง หรือทำให้น้องเสียใจ” อมรภัคเอ่ยกับลูกชาย
“ครับแม่”
“หนูพรีมจ๊ะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกพี่เขาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” แม่ของฝ่ายชายหันไปเอ่ยกับหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
“น่ารักที่สุดเลยลูกสะใภ้ของแม่” อมรภัคยกมือขึ้นลูบผมของพรีมอย่างเบามือ พร้อมกับคิดในใจว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกเด็กคนนี้เป็นลูกสะใภ้ รับรองว่าเอาลูกชายของเธออยู่หมัดอย่างแน่นอน
ผู้ใหญ่พากันแยกย้ายลงไปชั้นล่าง ทั้งสองคนก็เข้าไปในห้องนอน พรีมที่เดินตามหลังก็สอดสายตามองไปยังพื้นที่ภายในห้องที่มีเตียงขนาดคิงส์ไซซ์ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ด้านข้างผนังมีโซฟาหนังแท้สีดับขลับตั้งวางอยู่คล้ายกับมุมอ่านหนังสือ และมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน
“ชื่อพี่ธีร์ใช่ไหมคะ”
“อืม”
แค่คำตอบสั้นๆ ก็รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นจากผู้ชายตรงหน้า ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงยังไม่มีใคร
“หนูชื่อพรีมนะคะ”
“รู้แล้ว”
พรีมถึงกับอยากจะมองบนและถอนหายใจออกมาแรงๆ เพราะคำตอบมันสั้นมากเหมือนคนไม่อยากจะคุยกัน ถือได้ว่าผู้ชายคนนี้มีมนุษยสัมพันธ์ที่ติดลบเอามากๆ
“พี่คือคนที่พรีมชนที่ห้างวันนั้นใช่ไหมคะ”
“อืม”
แทนที่จะถามว่าศีรษะของเราที่ชนกันวันนั้นเธอเจ็บหรือเปล่า แต่เขาก็ยังตอบกลับมาแค่อืมสั้นๆ
“แล้วโทรศัพท์พี่พังไหมคะ”
“พังก็แค่ซื้อใหม่”
“รู้ค่ะว่ารวย” รวยแค่เงิน แต่แล้งน้ำใจ พรีมลอบด่าในใจ
“คุยกันก่อนได้ไหมคะ พรีมมีเรื่องจะคุยกับพี่” พรีมเอ่ยกับเจ้าของห้องที่เดินไปย่อตัวลงนั่งที่โซฟาหนังแท้ราคาแพง
“...”
ในเมื่อเขาให้ความเงียบกลับมา พรีมจึงพูดต่อเอง
“พี่คิดจะให้พรีมอยู่ด้วยไปจนถึงเมื่อไรคะ”
ประโยคแรกที่ออกจากปากของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวย ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าจริงจังยืนรอฟังคำตอบของเขาอยู่
“อยากอยู่นานแค่ไหนก็ตามใจ”
“ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจให้อยู่ด้วย แล้วทำไมถึงยอมตกลงหมั้นกับพรีมล่ะคะ ดูหน้าแล้วไม่เหมือนคนที่อยากหมั้นกันเลยสักนิด”
“แล้วคิดว่าไง”
ที่ถามไปยังไม่ได้คำตอบ นี่ยังจะถามเธอกลับมาอีก
“ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณพี่ธีร์ด้วยนะคะที่ยอมหมั้นกับพรีมและช่วยเรื่องหุ้นของบริษัท งั้นเรามาทำข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันดีไหมคะ” ในเมื่อเขาไม่อยากบอก เธอก็จะเข้าประเด็นเลยแล้วกัน
“ข้อตกลงอะไร”
“ในห้องมีแค่เตียงเดียวและเราต้องนอนด้วยกันใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นพรีมขอพื้นที่ครึ่งนึง แล้วห้ามข้ามเขตกันเด็ดขาด” พรีมเริ่มพูดถึงข้อตกลงที่เธอคิดมาจากบ้านให้ธีร์ฟัง“แล้วตู้เสื้อผ้าพี่จะแบ่งพื้นที่ให้พรีมยังไงคะ เราจะแยกกันคนละตู้ หรือจะให้ใส่ไว้ด้วยกัน”“เธอไปดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ขอจัดแยกให้เป็นระเบียบด้วยนะ”“งั้นถ้าจะใช้ห้องน้ำ ใครตื่นก่อนหรือจะอาบน้ำก่อนก็แล้วแต่สะดวกก็แล้วกันนะคะ พรีมคงจะกำหนดเวลาตายตัวไม่ได้”“อืม”ข้อตกลงคร่าวๆ ที่เธอคิดออกก็คงจะมีประมาณนี้ เพราะชั้นล่างของบ้านก็จะเป็นห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ในส่วนนี้คงไม่จำเป็นต้องขออนุญาต หรือทำข้อตกลงในการใช้พื้นที่ร่วมกัน“แล้วเรื่องการอยู่ด้วยกันล่ะคะ พรีมอยากรู้ว่านานแค่ไหน หรือจะต้องแต่งงานกันอีก” พรีมยังคงอยากรู้ข้อนี้มาก เธออยากรู้กรอบระยะเวลาที่เราต้องอยู่ร่วมกันแบบนี้ แบบคนที่ไม่ได้รักกัน“ตามใจเธอเลย อยากอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ แม่ฉันอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วนี่” ธีร์ตอบราวกับคนตัดพ้อปนกระทบกระทั่งหญิงสาวเหมือนคนไม่มีทางเลือก และถูกมัดมือชกให้ต้องมาหมั้นหมายกัน“ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบากใจ เอาเป็นว่าพ
คืนแรกของการนอนด้วยกัน ต่างคนต่างก็รับรู้ถึงการดิ้นตัวของอีกฝ่ายที่ผลัดเปลี่ยนกันพลิกซ้ายทีขวาทีเพราะข่มตานอนไม่หลับ จนในที่สุดก็ตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากันและจ้องกันในความมืดชั่วขณะของสายตาทั้งสองคู่ที่มองกัน ดวงตาคู่คมก็เหลือบมองดวงตาคู่หวานที่กลมโต ริมฝีปากอวบอิ่มสุขภาพดีที่เคลือบด้วยลิปบาร์มบำรุงริมฝีปาก ธีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคอและหายใจติดขัดให้กับความรู้สึกประหลาดที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คม เลื่อนลงมองจมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากหยักได้รูปคนของตรงหน้า ใจเต้นแรงตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่คนที่นอนร่วมเตียงจะเอ่ยขึ้นมาทำให้เธอได้สติกระพริบตาถี่ ๆ“ถ้านอนไม่หลับ ฉันไปนอนโซฟาก็ได้นะ” ธีร์เอ่ยพลางเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว“มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ธีร์ นอนด้วยกันนี่แหละค่ะ” จะให้เจ้าของห้องไปนอนโซฟาได้อย่างไรกัน ถ้าธีร์ไม่ยอมนอนที่เตียงของตัวเอง เธอก็คงต้องขอระเห็จตัวเองย้ายไปนอนที่โซฟาแทนเมื่อพรีมเอ่ยมาดังนั้น ธีร์จึงเลื่อนผ้าห่มขึ้นไปอยู่ในระดับหน้าอกดังเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นท่านอนหงายวางมือที่หน้าท้องแทน“พี่ก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ”“อืม”“เพราะมี
กินข้าวเสร็จ ธีร์ก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ มีคู่หมั้นก็เหมือนมีเมีย จะขัดใจแม่ของเขาก็ไม่ได้อีก“เลิกเรียนกี่โมง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนที่คนที่นั่งข้างๆ จะเปิดประตูลงจากรถ“ถามทำไมเหรอคะ จะมารับพรีมเหรอ”“พี่เป็นคนมาส่ง เลิกเรียนก็ต้องมารับสิ หรือว่าเธอจะกลับกับใคร”“เปล่าค่ะ นึกว่าพี่จะติดงาน พรีมว่าจะกลับพร้อมนิวเยียร์ แต่ถ้าพี่จะมารับก็ได้ค่ะ เลิกเรียนแล้วจะโทรไปบอกนะคะ”พรีมเอ่ยพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าตีเนียนขอเบอร์คนตรงหน้า ธีร์ขมวดคิ้วเข้มเล็กน้อยแต่ก็ยินยอมบอกเบอร์ของตนไปแต่โดยดีพรีมระบายยิ้มชอบใจรีบกดเบอร์โทรตามที่อีกฝ่ายบอกแล้วบันทึกลงในโทรศัพท์ และทันทีที่เบอร์ถูกบันทึกไลน์ของธีร์ก็เด้งขึ้นมา พรีมจึงรีบกดเพิ่มเพื่อนไปทันที“แอดไลน์ไปแล้วนะคะ ในรูปกับตัวจริงนี่หล่อไม่ต่างกันเลย” เมื่อถือวิสาสะแอดไลน์เขาไป พรีมจึงเอ่ยปากชมคนข้างๆ ไปหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงอ้อนๆส่วนอีกคนเหมือนจะกระตุกยิ้มให้เห็นเล็กน้อยแล้วกลับไปทำหน้านิ่งไม่ได้ต่อว่าอะไร เธอก็จะถือว่าเขาเต็มใจให้ก็แล้วกัน“ไปก่อนนะคะพี่ธีร์”“อืม”พรีมก้าวขาลงจากรถก็โบกมือลาคนที่มาส่ง ก
พรีมมาถึงที เอส กรุ๊ปก็สี่โมงเย็น เธอนั่งดูโทรศัพท์เพื่อรอคนที่ประชุมจนแบตที่เหลืออยู่สี่สิบเปอร์เซ็นหมดลงและจบด้วยระบบที่ปิดเครื่องอัตโนมัติ“พี่ธีร์นะพี่ธีร์ ถ้าจะให้มานั่งรอแบบนี้ทำไมไม่ให้พี่พิรัชย์ไปส่งที่บ้านเลยล่ะ” พรีมถอนหายใจ บ่นพึมพำมันไม่ใช่แค่นั่งรอแป๊บเดียว แต่เธอนั่งรอจนเบื่อ นั่งรอจนแบตโทรศัพท์หมด และไม่รู้ว่าต้องรอไปจนถึงเมื่อไรเพราะเจ้าตัวไม่บอกอะไรกับเธอเลย แค่ให้เลขาของเขาไปรับแล้วเอาเธอมาทิ้งไว้ที่ห้องแห่งนี้หลังจากที่พรีมมาถึงหนึ่งชั่วโมง ธีร์ที่เพิ่งประชุมเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานพร้อมกับเลขาส่วนตัว ระหว่างทางก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในที่ประชุม พอเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าพรีมได้นอนเหยียดขาอยู่บนโซฟา ถ้าเป็นกางเกงเขาคงไม่รู้สึกอะไร แต่นี่เป็นกระโปรงนักศึกษา พอนอนเหยียดขามาทางประตูมันก็เห็นขาขาวที่พ้นกระโปรงตัวสั้นออกมา และไม่แน่ว่าถ้าเธอดิ้นตัวอาจจะเห็นเข้าไปได้ลึกมากกว่านี้“นายไม่ต้องเข้าไป” ธีร์หันไปเอ่ยกับคนที่เดินตามหลัง“ทำไมล่ะครับ” พิรัชย์นึกสงสัย ก่อนจะชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในก็เห็นคู่หมั้นของเจ้านายนอนหลับอยู่จึงเข้าใจในทันที“งั้นผมขอตัวกลับก่อนน
“อิ่มมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่พามาเลี้ยง” พรีมเอยขึ้นขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินออกจากภัตตาคาร“กินขนาดนี้ไม่เรียกว่าอิ่มก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ”“พี่หาว่าพรีมกินจุเหรอคะ”พรีมยื่นมือไปจับแขนของธีร์แล้วดึงให้เขาหยุดเดิน ส่วนคนถูกดึงแค่หันมาส่งสายตาดุ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร“มองหน้าพรีมแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”“ปล่อย พี่เดินไม่ได้” ธีร์มองไปยังมือคู่เล็กที่กอบกำข้อมือของเขาเอาไว้แน่น แล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหวาน“อ่อ ก็อยากจับค่ะ แล้วตอนนี้ก็อยากจะกอดแขนคู่หมั้นของพรีมด้วย” พรีมยกยิ้มเอียงหน้าตอบ ก่อนจะดึงแขนของเขาไปกอดแบบอ้อนๆ“นี่เธอ”“อะไรกันคะ คู่หมั้นกอดกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้ เนื้อพี่ไม่ได้หลุดติดมือพรีมสักหน่อยค่ะ”ธีร์ได้แต่ถอนหายใจแล้วก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า โดยที่มียัยตัวแสบเกาะแขนเขาไม่ยอมปล่อยจนเดินไปถึงตัวรถ พรีมจึงละมือออกจากแขนของเขาแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในอย่างคนอารมณ์ดีเมื่อรถหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์หลังเล็กที่เป็นบ้านของธีร์ ทั้งคู่ก็พากันลงจากรถแล้วขึ้นไปบนห้องนอน“พี่จะอาบก่อนหรือให้พรีมอาบก่อนคะ”“ตามใจ” ธีร์ตอบกลับเสียงเรียบ ขณะที่มือ
“รอนานไหมคะพี่ธีร์” พรีมที่เดินตรงเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารก็เห็นหนุ่มคู่หมั้นถือแท็บเล็ตเอาไว้ในมือ ส่งสายจ้องมอง พร้อมกับมืออีกข้างที่ยกแก้วกาแฟที่ยังอุ่นๆ ขึ้นจิบ“ใครว่าพี่รอเธอ” เสียงทุ้มตอบกลับพร้อมกับละสายตาออกจากหน้าจอมองหน้าหญิงสาว“อ้าว ก็นึกว่าจะรอพรีมกินข้าวซะอีก” พรีมเอ่ยพลางเลื่อนจานอาหารเช้ามาไว้ตรงหน้าแล้วจัดการตักเข้าปาก พลางนึกในใจว่าเธอก็อุตส่าห์รีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะกลัวว่าคนที่ลงมาก่อนจะรอนาน แต่ที่ไหนได้ มานั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ ข้าวก็ไม่กินเป็นเพื่อนกินข้าวเช้าเสร็จหนุ่มคู่หมั้นก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยเหมือนเดิม โดยที่บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยของคนทั้งสอง“สรุปวันนี้เลิกเรียนกี่โมงยังไม่ได้ตอบพี่เลยนะ” ก่อนที่เธอจะลงจากรถธีร์ก็รีบถาม เพราะเมื่อเช้าที่เขาถามไปพรีมยังไม่ได้ให้คำตอบ“เลิกเที่ยงค่ะ แต่พรีมขอกินข้าวกับเพื่อนก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะโทรบอก” พรีมคิดว่ากินข้าวกับนิวเยียร์ก่อนค่อยกลับคงจะดีกว่า เพราะไม่แน่ว่าเขาอาจจะติดงานจนลืมเวลาก็ได้“อืม”เมื่อธีร์ตอบรับพรีมก็หันไปเปิดประตูลงจากรถ และเห็นเพื่อนชายที่เรียนด้วยกันกำลังเดินมาทางเธอพอด
พอพรีมกดรับสาย เสียงของคำถามจากอีกฝ่ายก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ทันที(ถึงบ้านแล้วเหรอ)“ถึงแล้วค่ะ”(พี่เพิ่งประชุมเสร็จ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปรับ)“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธีร์คะ พรีมมีเรื่องจะขอ”(อืม พูดมาสิ)“พี่ธีร์จะว่าอะไรไหมคะถ้าคืนนี้พรีมจะขอออกไปเที่ยวกับเพื่อน” ขณะที่เอ่ยก็มองหน้ายิ้มๆ กับเพื่อนรัก พลางลุ้นไปด้วยกันว่าจะได้รับคำตอบเช่นไรกลับมา(เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย)“ทั้งสองค่ะ”(อืม)“อืมนี่คือให้พรีมไปใช่ไหมคะ” พรีมถามต่ออย่างไม่ค่อยไม่มั่นใจ(อืม แค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกันที่บ้าน)“ค่ะ”พรีมกดวางสาย เสียงกรี๊ดเบาๆ ของเพื่อนสาวก็ดังขึ้นอยู่ข้างๆ อย่างคนดีอกดีใจจนออกนอกหน้า“จะดีใจอะไรขนาดนั้น”“ก็ดีใจแทนแกไง ฉันก็นึกว่าพี่ธีร์จะไม่ให้ไปแล้วซะอีก นี่ยังดีนะที่ยังให้แกได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”“เขาก็เป็นแค่คู่หมั้นไหมแก คงไม่ถึงกับควบคุมความประพฤติฉันหรอก” พรีมเอ่ยขำๆถ้าถึงขนาดไม่ให้ออกไปไหนเลยก็คงจะเกินไป เราทั้งสองก็แค่หมั้นกันตามที่ผู้ใหญ่ร้องขอก็เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับชีวิตของใครให้ทำตามใจตัวเองได้หรอกนิวเยียร์นั่งคุยเป็นเพื่อนจนถึงบ่ายสามก็ขอตัวกลับบ้าน ส่วนพรีมก็ส่งข้อความไ
ธีร์นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน สายตาก็มองไปที่นาฬิกาแทบจะทุกสิบนาที เพราะนี่มันก็จะห้าทุ่มแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ายัยตัวแสบจะกลับเข้าบ้านมา คงไม่ได้พากันไปเมาจนหาทางกลับบ้านไม่ได้ใช่หรือไม่พอคิดได้ดังนั้นก็พับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง เดินไปหยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถเดินออกจากห้อง ธีร์ปลดล็อกประตูผ่านกุญแจรีโมตแล้วเข้าไปนั่งในรถ หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็กจีพีเอสที่เขาแอบติดตั้งแอปพลิเคชันติดตามเอาไว้ในโทรศัพท์ของพรีม ตอนที่เธอกำลังอาบน้ำเมื่อช่วงหัวค่ำจีพีเอสของเธอยังอยู่ที่เดิมนั่นก็คือผับเอ็กซ์ และพอสตาร์ตรถได้เท่านั้น ธีร์ก็เหยียบคันเร่งขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วระยะทางจากบ้านไปผับห่างกันประมาณสิบห้ากิโลเมตร ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีรถหรูก็เคลื่อนเข้าไปจอดที่ลานจอดโล่งกว้างที่เป็นพื้นที่ของผับแห่งนี้ธีร์ปิดหน้าจอมือถือแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงจุดไหนของผับ เขามองฝ่าผู้คนนับร้อยกว่าชีวิต สายตามองหาแต่สาวคู่หมั้นคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่จ้องมองและเอ่ยทักทายตลอดทางที่ก้าวเดินอยู่ด้านใน“พรีม ไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวเรากลับกันเลยก็ได้นะ”
เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงพรีมก็ขยับตัวเบียดจนธีร์แทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้นอน เขาจึงตัดสินใจสอดแขนเข้าไปใต้ลำคอให้คนตัวเล็กนอนหนุนแขนแล้วกอดเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้พรีมดิ้นตัว แล้วขยับตัวดันเธอเข้าไปนอนด้านในอีกนิด ถ้าไม่ทำอย่างนั้นคืนนี้เขาคงไม่ได้นอน และพรีมก็หันหน้าเข้าซุกอกอุ่นแล้วกระชับอ้อมกอดเอาไว้แน่น เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังนอนกอดคนที่บอกว่าห้ามข้ามเขตพื้นที่บนเตียงของเธออยู่ แต่ตอนนี้เธอกำลังเป็นผู้ทำลายกฎนั้นเสียเองพรีมเลื่อนมือเข้าไปในใต้เสื้อของธีร์อย่างซุกซน มือเล็กเลื่อนไปวางบนแผงอกแล้วลูบไปมาก่อนจะวางมือลงที่กล้ามหน้าอกข้างหนึ่งที่มีตุ่มเม็ดเล็กโผล่ขึ้นมา“อุ่นจัง”เดิมทีแค่นอนกอดกันก็แทบจะนอนไม่หลับอยู่แล้ว ยิ่งเธอทำแบบนี้เขาก็พลันรู้สึกขนกายลุกซู่ หายใจหายคอไม่ค่อยถนัด จนต้องรีบเอามือไปกอบกุมมือเล็กผ่านทางด้านนอกของเสื้อแล้วกำมือเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้ทำอะไรมากไปกว่านี้“อยู่นิ่งๆ อย่าทำให้พี่หมดความอดทน” เสียงพร่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับลมหายใจที่ติดขัด“แล้วทำไมต้องทนด้วยล่ะ” พรีมเอ่ยเสียงยานแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ปรือตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองภาพใบหน้าเบลอๆ เธอรู้แค่ว่าผู้ชา
ธีร์นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน สายตาก็มองไปที่นาฬิกาแทบจะทุกสิบนาที เพราะนี่มันก็จะห้าทุ่มแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ายัยตัวแสบจะกลับเข้าบ้านมา คงไม่ได้พากันไปเมาจนหาทางกลับบ้านไม่ได้ใช่หรือไม่พอคิดได้ดังนั้นก็พับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง เดินไปหยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถเดินออกจากห้อง ธีร์ปลดล็อกประตูผ่านกุญแจรีโมตแล้วเข้าไปนั่งในรถ หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็กจีพีเอสที่เขาแอบติดตั้งแอปพลิเคชันติดตามเอาไว้ในโทรศัพท์ของพรีม ตอนที่เธอกำลังอาบน้ำเมื่อช่วงหัวค่ำจีพีเอสของเธอยังอยู่ที่เดิมนั่นก็คือผับเอ็กซ์ และพอสตาร์ตรถได้เท่านั้น ธีร์ก็เหยียบคันเร่งขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วระยะทางจากบ้านไปผับห่างกันประมาณสิบห้ากิโลเมตร ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีรถหรูก็เคลื่อนเข้าไปจอดที่ลานจอดโล่งกว้างที่เป็นพื้นที่ของผับแห่งนี้ธีร์ปิดหน้าจอมือถือแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงจุดไหนของผับ เขามองฝ่าผู้คนนับร้อยกว่าชีวิต สายตามองหาแต่สาวคู่หมั้นคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่จ้องมองและเอ่ยทักทายตลอดทางที่ก้าวเดินอยู่ด้านใน“พรีม ไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวเรากลับกันเลยก็ได้นะ”
พอพรีมกดรับสาย เสียงของคำถามจากอีกฝ่ายก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ทันที(ถึงบ้านแล้วเหรอ)“ถึงแล้วค่ะ”(พี่เพิ่งประชุมเสร็จ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปรับ)“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธีร์คะ พรีมมีเรื่องจะขอ”(อืม พูดมาสิ)“พี่ธีร์จะว่าอะไรไหมคะถ้าคืนนี้พรีมจะขอออกไปเที่ยวกับเพื่อน” ขณะที่เอ่ยก็มองหน้ายิ้มๆ กับเพื่อนรัก พลางลุ้นไปด้วยกันว่าจะได้รับคำตอบเช่นไรกลับมา(เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย)“ทั้งสองค่ะ”(อืม)“อืมนี่คือให้พรีมไปใช่ไหมคะ” พรีมถามต่ออย่างไม่ค่อยไม่มั่นใจ(อืม แค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกันที่บ้าน)“ค่ะ”พรีมกดวางสาย เสียงกรี๊ดเบาๆ ของเพื่อนสาวก็ดังขึ้นอยู่ข้างๆ อย่างคนดีอกดีใจจนออกนอกหน้า“จะดีใจอะไรขนาดนั้น”“ก็ดีใจแทนแกไง ฉันก็นึกว่าพี่ธีร์จะไม่ให้ไปแล้วซะอีก นี่ยังดีนะที่ยังให้แกได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”“เขาก็เป็นแค่คู่หมั้นไหมแก คงไม่ถึงกับควบคุมความประพฤติฉันหรอก” พรีมเอ่ยขำๆถ้าถึงขนาดไม่ให้ออกไปไหนเลยก็คงจะเกินไป เราทั้งสองก็แค่หมั้นกันตามที่ผู้ใหญ่ร้องขอก็เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับชีวิตของใครให้ทำตามใจตัวเองได้หรอกนิวเยียร์นั่งคุยเป็นเพื่อนจนถึงบ่ายสามก็ขอตัวกลับบ้าน ส่วนพรีมก็ส่งข้อความไ
“รอนานไหมคะพี่ธีร์” พรีมที่เดินตรงเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารก็เห็นหนุ่มคู่หมั้นถือแท็บเล็ตเอาไว้ในมือ ส่งสายจ้องมอง พร้อมกับมืออีกข้างที่ยกแก้วกาแฟที่ยังอุ่นๆ ขึ้นจิบ“ใครว่าพี่รอเธอ” เสียงทุ้มตอบกลับพร้อมกับละสายตาออกจากหน้าจอมองหน้าหญิงสาว“อ้าว ก็นึกว่าจะรอพรีมกินข้าวซะอีก” พรีมเอ่ยพลางเลื่อนจานอาหารเช้ามาไว้ตรงหน้าแล้วจัดการตักเข้าปาก พลางนึกในใจว่าเธอก็อุตส่าห์รีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะกลัวว่าคนที่ลงมาก่อนจะรอนาน แต่ที่ไหนได้ มานั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ ข้าวก็ไม่กินเป็นเพื่อนกินข้าวเช้าเสร็จหนุ่มคู่หมั้นก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยเหมือนเดิม โดยที่บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยของคนทั้งสอง“สรุปวันนี้เลิกเรียนกี่โมงยังไม่ได้ตอบพี่เลยนะ” ก่อนที่เธอจะลงจากรถธีร์ก็รีบถาม เพราะเมื่อเช้าที่เขาถามไปพรีมยังไม่ได้ให้คำตอบ“เลิกเที่ยงค่ะ แต่พรีมขอกินข้าวกับเพื่อนก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะโทรบอก” พรีมคิดว่ากินข้าวกับนิวเยียร์ก่อนค่อยกลับคงจะดีกว่า เพราะไม่แน่ว่าเขาอาจจะติดงานจนลืมเวลาก็ได้“อืม”เมื่อธีร์ตอบรับพรีมก็หันไปเปิดประตูลงจากรถ และเห็นเพื่อนชายที่เรียนด้วยกันกำลังเดินมาทางเธอพอด
“อิ่มมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่พามาเลี้ยง” พรีมเอยขึ้นขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินออกจากภัตตาคาร“กินขนาดนี้ไม่เรียกว่าอิ่มก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ”“พี่หาว่าพรีมกินจุเหรอคะ”พรีมยื่นมือไปจับแขนของธีร์แล้วดึงให้เขาหยุดเดิน ส่วนคนถูกดึงแค่หันมาส่งสายตาดุ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร“มองหน้าพรีมแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”“ปล่อย พี่เดินไม่ได้” ธีร์มองไปยังมือคู่เล็กที่กอบกำข้อมือของเขาเอาไว้แน่น แล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหวาน“อ่อ ก็อยากจับค่ะ แล้วตอนนี้ก็อยากจะกอดแขนคู่หมั้นของพรีมด้วย” พรีมยกยิ้มเอียงหน้าตอบ ก่อนจะดึงแขนของเขาไปกอดแบบอ้อนๆ“นี่เธอ”“อะไรกันคะ คู่หมั้นกอดกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้ เนื้อพี่ไม่ได้หลุดติดมือพรีมสักหน่อยค่ะ”ธีร์ได้แต่ถอนหายใจแล้วก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า โดยที่มียัยตัวแสบเกาะแขนเขาไม่ยอมปล่อยจนเดินไปถึงตัวรถ พรีมจึงละมือออกจากแขนของเขาแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในอย่างคนอารมณ์ดีเมื่อรถหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์หลังเล็กที่เป็นบ้านของธีร์ ทั้งคู่ก็พากันลงจากรถแล้วขึ้นไปบนห้องนอน“พี่จะอาบก่อนหรือให้พรีมอาบก่อนคะ”“ตามใจ” ธีร์ตอบกลับเสียงเรียบ ขณะที่มือ
พรีมมาถึงที เอส กรุ๊ปก็สี่โมงเย็น เธอนั่งดูโทรศัพท์เพื่อรอคนที่ประชุมจนแบตที่เหลืออยู่สี่สิบเปอร์เซ็นหมดลงและจบด้วยระบบที่ปิดเครื่องอัตโนมัติ“พี่ธีร์นะพี่ธีร์ ถ้าจะให้มานั่งรอแบบนี้ทำไมไม่ให้พี่พิรัชย์ไปส่งที่บ้านเลยล่ะ” พรีมถอนหายใจ บ่นพึมพำมันไม่ใช่แค่นั่งรอแป๊บเดียว แต่เธอนั่งรอจนเบื่อ นั่งรอจนแบตโทรศัพท์หมด และไม่รู้ว่าต้องรอไปจนถึงเมื่อไรเพราะเจ้าตัวไม่บอกอะไรกับเธอเลย แค่ให้เลขาของเขาไปรับแล้วเอาเธอมาทิ้งไว้ที่ห้องแห่งนี้หลังจากที่พรีมมาถึงหนึ่งชั่วโมง ธีร์ที่เพิ่งประชุมเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานพร้อมกับเลขาส่วนตัว ระหว่างทางก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในที่ประชุม พอเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าพรีมได้นอนเหยียดขาอยู่บนโซฟา ถ้าเป็นกางเกงเขาคงไม่รู้สึกอะไร แต่นี่เป็นกระโปรงนักศึกษา พอนอนเหยียดขามาทางประตูมันก็เห็นขาขาวที่พ้นกระโปรงตัวสั้นออกมา และไม่แน่ว่าถ้าเธอดิ้นตัวอาจจะเห็นเข้าไปได้ลึกมากกว่านี้“นายไม่ต้องเข้าไป” ธีร์หันไปเอ่ยกับคนที่เดินตามหลัง“ทำไมล่ะครับ” พิรัชย์นึกสงสัย ก่อนจะชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในก็เห็นคู่หมั้นของเจ้านายนอนหลับอยู่จึงเข้าใจในทันที“งั้นผมขอตัวกลับก่อนน
กินข้าวเสร็จ ธีร์ก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ มีคู่หมั้นก็เหมือนมีเมีย จะขัดใจแม่ของเขาก็ไม่ได้อีก“เลิกเรียนกี่โมง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนที่คนที่นั่งข้างๆ จะเปิดประตูลงจากรถ“ถามทำไมเหรอคะ จะมารับพรีมเหรอ”“พี่เป็นคนมาส่ง เลิกเรียนก็ต้องมารับสิ หรือว่าเธอจะกลับกับใคร”“เปล่าค่ะ นึกว่าพี่จะติดงาน พรีมว่าจะกลับพร้อมนิวเยียร์ แต่ถ้าพี่จะมารับก็ได้ค่ะ เลิกเรียนแล้วจะโทรไปบอกนะคะ”พรีมเอ่ยพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าตีเนียนขอเบอร์คนตรงหน้า ธีร์ขมวดคิ้วเข้มเล็กน้อยแต่ก็ยินยอมบอกเบอร์ของตนไปแต่โดยดีพรีมระบายยิ้มชอบใจรีบกดเบอร์โทรตามที่อีกฝ่ายบอกแล้วบันทึกลงในโทรศัพท์ และทันทีที่เบอร์ถูกบันทึกไลน์ของธีร์ก็เด้งขึ้นมา พรีมจึงรีบกดเพิ่มเพื่อนไปทันที“แอดไลน์ไปแล้วนะคะ ในรูปกับตัวจริงนี่หล่อไม่ต่างกันเลย” เมื่อถือวิสาสะแอดไลน์เขาไป พรีมจึงเอ่ยปากชมคนข้างๆ ไปหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงอ้อนๆส่วนอีกคนเหมือนจะกระตุกยิ้มให้เห็นเล็กน้อยแล้วกลับไปทำหน้านิ่งไม่ได้ต่อว่าอะไร เธอก็จะถือว่าเขาเต็มใจให้ก็แล้วกัน“ไปก่อนนะคะพี่ธีร์”“อืม”พรีมก้าวขาลงจากรถก็โบกมือลาคนที่มาส่ง ก
คืนแรกของการนอนด้วยกัน ต่างคนต่างก็รับรู้ถึงการดิ้นตัวของอีกฝ่ายที่ผลัดเปลี่ยนกันพลิกซ้ายทีขวาทีเพราะข่มตานอนไม่หลับ จนในที่สุดก็ตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากันและจ้องกันในความมืดชั่วขณะของสายตาทั้งสองคู่ที่มองกัน ดวงตาคู่คมก็เหลือบมองดวงตาคู่หวานที่กลมโต ริมฝีปากอวบอิ่มสุขภาพดีที่เคลือบด้วยลิปบาร์มบำรุงริมฝีปาก ธีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคอและหายใจติดขัดให้กับความรู้สึกประหลาดที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คม เลื่อนลงมองจมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากหยักได้รูปคนของตรงหน้า ใจเต้นแรงตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่คนที่นอนร่วมเตียงจะเอ่ยขึ้นมาทำให้เธอได้สติกระพริบตาถี่ ๆ“ถ้านอนไม่หลับ ฉันไปนอนโซฟาก็ได้นะ” ธีร์เอ่ยพลางเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว“มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ธีร์ นอนด้วยกันนี่แหละค่ะ” จะให้เจ้าของห้องไปนอนโซฟาได้อย่างไรกัน ถ้าธีร์ไม่ยอมนอนที่เตียงของตัวเอง เธอก็คงต้องขอระเห็จตัวเองย้ายไปนอนที่โซฟาแทนเมื่อพรีมเอ่ยมาดังนั้น ธีร์จึงเลื่อนผ้าห่มขึ้นไปอยู่ในระดับหน้าอกดังเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นท่านอนหงายวางมือที่หน้าท้องแทน“พี่ก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ”“อืม”“เพราะมี
“ในห้องมีแค่เตียงเดียวและเราต้องนอนด้วยกันใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นพรีมขอพื้นที่ครึ่งนึง แล้วห้ามข้ามเขตกันเด็ดขาด” พรีมเริ่มพูดถึงข้อตกลงที่เธอคิดมาจากบ้านให้ธีร์ฟัง“แล้วตู้เสื้อผ้าพี่จะแบ่งพื้นที่ให้พรีมยังไงคะ เราจะแยกกันคนละตู้ หรือจะให้ใส่ไว้ด้วยกัน”“เธอไปดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ขอจัดแยกให้เป็นระเบียบด้วยนะ”“งั้นถ้าจะใช้ห้องน้ำ ใครตื่นก่อนหรือจะอาบน้ำก่อนก็แล้วแต่สะดวกก็แล้วกันนะคะ พรีมคงจะกำหนดเวลาตายตัวไม่ได้”“อืม”ข้อตกลงคร่าวๆ ที่เธอคิดออกก็คงจะมีประมาณนี้ เพราะชั้นล่างของบ้านก็จะเป็นห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ในส่วนนี้คงไม่จำเป็นต้องขออนุญาต หรือทำข้อตกลงในการใช้พื้นที่ร่วมกัน“แล้วเรื่องการอยู่ด้วยกันล่ะคะ พรีมอยากรู้ว่านานแค่ไหน หรือจะต้องแต่งงานกันอีก” พรีมยังคงอยากรู้ข้อนี้มาก เธออยากรู้กรอบระยะเวลาที่เราต้องอยู่ร่วมกันแบบนี้ แบบคนที่ไม่ได้รักกัน“ตามใจเธอเลย อยากอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ แม่ฉันอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วนี่” ธีร์ตอบราวกับคนตัดพ้อปนกระทบกระทั่งหญิงสาวเหมือนคนไม่มีทางเลือก และถูกมัดมือชกให้ต้องมาหมั้นหมายกัน“ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบากใจ เอาเป็นว่าพ