“ฉันล่ะตื่นเต้นแทนแกจังเลยยัยพรีม แต่ดูแกจะชิวมากเลยนะ” นิวเยียร์ที่กำลังช่วยจัดแจงชุดไทยสำหรับใส่ในพิธีหมั้น ก็พูดคุยกับเพื่อนพลางก้มลงมองตรงนั้นทีหันมองตรงนี้ทีเพื่อให้ทุกอย่างออกมาอย่างเพอร์เฟกต์ไร้ที่ติ และพรีมต้องเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงานวันนี้เท่านั้น
งานหมั้นถูกจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายชาย หลังจากพิธีหมั้นเสร็จสิ้น พรีมก็ต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของธีร์ตามที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันเอาไว้
“มีอะไรให้ตื่นเต้นกัน ทำอย่างกับจะมาหมั้นแทนฉันอย่างนั้นแหละ”
“ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบคนแก่ แต่เมื่อกี้ตอนที่ไปเข้าห้องน้ำ ฉันเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้นของแกแล้วนะ”
“อืม แล้วไง” พรีมถามกลับอย่างขอไปที
“อยากจะบอกว่าหล่อมาก หล่อเวอร์วังยิ่งกว่าในรูปที่ฉันเอาให้แกดูซะอีก หุ่นนี่สูงยาวเข่าดีเหมาะกับการเป็นพ่อพันธ์ชั้นดีเลยอะแก” นิวเยียร์เอ่ยพลางยกยิ้ม แหงนหน้ามองฝ้าเพดานราวกับคนละเมอเพ้อพก
“จะหล่อ จะสูง จะยาว ก็เรื่องของแกเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก ก็แค่หมั้นและอยู่ด้วยกันเพราะธุรกิจ”
“อยู่ด้วยกันทุกวันมันก็ไม่แน่นะ ไม่แกก็อาจจะเป็นเขาที่เผลอมีใจให้กันก็ได้ ใครจะรู้”
“ใครไม่รู้ แต่ฉันรู้ใจตัวเองก็แล้วกัน” พรีมตอบเพื่อนรักอย่างมั่นใจ
ระหว่างที่คุยกันอยู่ประตูห้องแต่งตัวก็ได้ถูกเปิดออก ทั้งสองสาวต่างพากันหันไปมองและเห็นพิมลพรรณแม่ของพรีมเดินเข้ามาภายในห้อง
“ใกล้จะถึงฤกษ์แล้วเหรอคะแม่”
“จ๊ะ ลูกพร้อมแล้วใช่ไหม” พิมลพรรณยื่นมือมาจับมือทั้งสองข้างของลูกสาวแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง ถ้าพรีมเกิดเปลี่ยนใจ คนเป็นแม่อย่างเธอก็ไม่อาจบังคับให้ลูกต้องทำในสิ่งที่ไม่ยินยอมได้
“พร้อมแล้วค่ะ” พรีมคลี่ยิ้มกว้างอย่างคนไม่คิดอะไร เธอทำใจมาตั้งสองเดือนแล้ว จะมากลัวอะไรในวันนี้
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็พากันเดินออกจากห้องเพื่อลงไปทำพิธีที่ชั้นล่างของคฤหาสน์ และนี่ก็เป็นการพบหน้ากันครั้งแรกของเขาและเธอ
พรีมหันมองคู่หมั้นหนุ่ม คิ้วเล็กก็ขมวดเข้าหากัน เพราะใบหน้าของเขานอกจากจะหล่อ ไร้เม็ดสิว หรือแม้กระทั่งรอยตีนกาหรือรอยเหี่ยวย่นแล้วนั้น ใบหน้าหล่อของเขายังไม่เหมือนกับคนที่อายุสามสิบเลยด้วยซ้ำ ส่วนอีกฝ่ายก็มองเธอด้วยสายตานิ่งเฉย เย็นชา ไร้ความรู้สึกเหมือนวันนั้นไม่มีผิด วันที่เธอเดินชนจนทำให้โทรศัพท์ของเขาร่วงลงพื้น
และก็มีเพียงสายตากับความคิดของพรีมเท่านั้นที่กำลังทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะอีกฝ่ายทำเหมือนไม่รู้จักกันและทำพิธีตามที่ผู้ใหญ่ได้ชี้นำจนเกือบจะเสร็จพิธี
“ไหว้พี่เขาสิลูก” พิมลพรรณบอกกับลูกสาว
“ต้องไหว้ด้วยเหรอคะแม่”
“ถ้าน้องไม่อยากไหว้ก็ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มเปล่งออกมาจากปากของชายคู่หมั้น
“หนูพรีมยังเด็กไม่แปลกที่จะไม่รู้พิธี แม่ว่าต่างคนต่างไหว้กันดีกว่าจ้ะ จะได้รักและเคารพกัน” อมรภัคแม่ของฝ่ายชายเอ่ยพร้อมกับมองชายหญิงทั้งสองสลับกัน
พรีมและธีร์หันมองสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยกมือไหว้กันและกันอย่างจำใจก็เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากนั้นก็ต้องปั้นหน้าถ่ายรูปยิ้มสวยๆ นั่งอยู่ข้างชายคู่หมั้นที่ดูเขาก็ไม่ค่อยเต็มใจกับงานนี้สักเท่าไร โดยที่ด้านหลังมีญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่ที่เก้าอี้ และแขกที่มาร่วมงานก็ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาถ่ายรูปร่วมกัน
งานวันนี้ไม่ได้เชิญแขกเหรื่อมามากมาย มีเพียงญาติและเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายก็เท่านั้น หลังจากงานเลี้ยงจบลง คนทั้งสองก็ขึ้นห้องพร้อมกัน โดยที่มีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายเดินตามขึ้นไปส่งราวกับส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหออย่างไรอย่างนั้น
“อยู่กับพี่ธีร์ก็อย่าดื้อนะลูก เชื่อฟังพี่เขานะ” พิมลพรรณอบรมลูกสาว พอนึกว่าจะต้องห่างกันก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
“ค่ะแม่”
“ลูกก็เหมือนกันตาธีร์ อย่าให้แม่รู้นะว่ารังแกน้อง หรือทำให้น้องเสียใจ” อมรภัคเอ่ยกับลูกชาย
“ครับแม่”
“หนูพรีมจ๊ะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกพี่เขาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” แม่ของฝ่ายชายหันไปเอ่ยกับหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
“น่ารักที่สุดเลยลูกสะใภ้ของแม่” อมรภัคยกมือขึ้นลูบผมของพรีมอย่างเบามือ พร้อมกับคิดในใจว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกเด็กคนนี้เป็นลูกสะใภ้ รับรองว่าเอาลูกชายของเธออยู่หมัดอย่างแน่นอน
ผู้ใหญ่พากันแยกย้ายลงไปชั้นล่าง ทั้งสองคนก็เข้าไปในห้องนอน พรีมที่เดินตามหลังก็สอดสายตามองไปยังพื้นที่ภายในห้องที่มีเตียงขนาดคิงส์ไซซ์ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ด้านข้างผนังมีโซฟาหนังแท้สีดับขลับตั้งวางอยู่คล้ายกับมุมอ่านหนังสือ และมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน
“ชื่อพี่ธีร์ใช่ไหมคะ”
“อืม”
แค่คำตอบสั้นๆ ก็รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นจากผู้ชายตรงหน้า ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงยังไม่มีใคร
“หนูชื่อพรีมนะคะ”
“รู้แล้ว”
พรีมถึงกับอยากจะมองบนและถอนหายใจออกมาแรงๆ เพราะคำตอบมันสั้นมากเหมือนคนไม่อยากจะคุยกัน ถือได้ว่าผู้ชายคนนี้มีมนุษยสัมพันธ์ที่ติดลบเอามากๆ
“พี่คือคนที่พรีมชนที่ห้างวันนั้นใช่ไหมคะ”
“อืม”
แทนที่จะถามว่าศีรษะของเราที่ชนกันวันนั้นเธอเจ็บหรือเปล่า แต่เขาก็ยังตอบกลับมาแค่อืมสั้นๆ
“แล้วโทรศัพท์พี่พังไหมคะ”
“พังก็แค่ซื้อใหม่”
“รู้ค่ะว่ารวย” รวยแค่เงิน แต่แล้งน้ำใจ พรีมลอบด่าในใจ
“คุยกันก่อนได้ไหมคะ พรีมมีเรื่องจะคุยกับพี่” พรีมเอ่ยกับเจ้าของห้องที่เดินไปย่อตัวลงนั่งที่โซฟาหนังแท้ราคาแพง
“...”
ในเมื่อเขาให้ความเงียบกลับมา พรีมจึงพูดต่อเอง
“พี่คิดจะให้พรีมอยู่ด้วยไปจนถึงเมื่อไรคะ”
ประโยคแรกที่ออกจากปากของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวย ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าจริงจังยืนรอฟังคำตอบของเขาอยู่
“อยากอยู่นานแค่ไหนก็ตามใจ”
“ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจให้อยู่ด้วย แล้วทำไมถึงยอมตกลงหมั้นกับพรีมล่ะคะ ดูหน้าแล้วไม่เหมือนคนที่อยากหมั้นกันเลยสักนิด”
“แล้วคิดว่าไง”
ที่ถามไปยังไม่ได้คำตอบ นี่ยังจะถามเธอกลับมาอีก
“ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณพี่ธีร์ด้วยนะคะที่ยอมหมั้นกับพรีมและช่วยเรื่องหุ้นของบริษัท งั้นเรามาทำข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันดีไหมคะ” ในเมื่อเขาไม่อยากบอก เธอก็จะเข้าประเด็นเลยแล้วกัน
“ข้อตกลงอะไร”
“ในห้องมีแค่เตียงเดียวและเราต้องนอนด้วยกันใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นพรีมขอพื้นที่ครึ่งนึง แล้วห้ามข้ามเขตกันเด็ดขาด” พรีมเริ่มพูดถึงข้อตกลงที่เธอคิดมาจากบ้านให้ธีร์ฟัง“แล้วตู้เสื้อผ้าพี่จะแบ่งพื้นที่ให้พรีมยังไงคะ เราจะแยกกันคนละตู้ หรือจะให้ใส่ไว้ด้วยกัน”“เธอไปดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ขอจัดแยกให้เป็นระเบียบด้วยนะ”“งั้นถ้าจะใช้ห้องน้ำ ใครตื่นก่อนหรือจะอาบน้ำก่อนก็แล้วแต่สะดวกก็แล้วกันนะคะ พรีมคงจะกำหนดเวลาตายตัวไม่ได้”“อืม”ข้อตกลงคร่าวๆ ที่เธอคิดออกก็คงจะมีประมาณนี้ เพราะชั้นล่างของบ้านก็จะเป็นห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ในส่วนนี้คงไม่จำเป็นต้องขออนุญาต หรือทำข้อตกลงในการใช้พื้นที่ร่วมกัน“แล้วเรื่องการอยู่ด้วยกันล่ะคะ พรีมอยากรู้ว่านานแค่ไหน หรือจะต้องแต่งงานกันอีก” พรีมยังคงอยากรู้ข้อนี้มาก เธออยากรู้กรอบระยะเวลาที่เราต้องอยู่ร่วมกันแบบนี้ แบบคนที่ไม่ได้รักกัน“ตามใจเธอเลย อยากอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ แม่ฉันอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วนี่” ธีร์ตอบราวกับคนตัดพ้อปนกระทบกระทั่งหญิงสาวเหมือนคนไม่มีทางเลือก และถูกมัดมือชกให้ต้องมาหมั้นหมายกัน“ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบากใจ เอาเป็นว่าพ
คืนแรกของการนอนด้วยกัน ต่างคนต่างก็รับรู้ถึงการดิ้นตัวของอีกฝ่ายที่ผลัดเปลี่ยนกันพลิกซ้ายทีขวาทีเพราะข่มตานอนไม่หลับ จนในที่สุดก็ตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากันและจ้องกันในความมืดชั่วขณะของสายตาทั้งสองคู่ที่มองกัน ดวงตาคู่คมก็เหลือบมองดวงตาคู่หวานที่กลมโต ริมฝีปากอวบอิ่มสุขภาพดีที่เคลือบด้วยลิปบาร์มบำรุงริมฝีปาก ธีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคอและหายใจติดขัดให้กับความรู้สึกประหลาดที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คม เลื่อนลงมองจมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากหยักได้รูปคนของตรงหน้า ใจเต้นแรงตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่คนที่นอนร่วมเตียงจะเอ่ยขึ้นมาทำให้เธอได้สติกระพริบตาถี่ ๆ“ถ้านอนไม่หลับ ฉันไปนอนโซฟาก็ได้นะ” ธีร์เอ่ยพลางเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว“มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ธีร์ นอนด้วยกันนี่แหละค่ะ” จะให้เจ้าของห้องไปนอนโซฟาได้อย่างไรกัน ถ้าธีร์ไม่ยอมนอนที่เตียงของตัวเอง เธอก็คงต้องขอระเห็จตัวเองย้ายไปนอนที่โซฟาแทนเมื่อพรีมเอ่ยมาดังนั้น ธีร์จึงเลื่อนผ้าห่มขึ้นไปอยู่ในระดับหน้าอกดังเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นท่านอนหงายวางมือที่หน้าท้องแทน“พี่ก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ”“อืม”“เพราะมี
กินข้าวเสร็จ ธีร์ก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ มีคู่หมั้นก็เหมือนมีเมีย จะขัดใจแม่ของเขาก็ไม่ได้อีก“เลิกเรียนกี่โมง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนที่คนที่นั่งข้างๆ จะเปิดประตูลงจากรถ“ถามทำไมเหรอคะ จะมารับพรีมเหรอ”“พี่เป็นคนมาส่ง เลิกเรียนก็ต้องมารับสิ หรือว่าเธอจะกลับกับใคร”“เปล่าค่ะ นึกว่าพี่จะติดงาน พรีมว่าจะกลับพร้อมนิวเยียร์ แต่ถ้าพี่จะมารับก็ได้ค่ะ เลิกเรียนแล้วจะโทรไปบอกนะคะ”พรีมเอ่ยพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าตีเนียนขอเบอร์คนตรงหน้า ธีร์ขมวดคิ้วเข้มเล็กน้อยแต่ก็ยินยอมบอกเบอร์ของตนไปแต่โดยดีพรีมระบายยิ้มชอบใจรีบกดเบอร์โทรตามที่อีกฝ่ายบอกแล้วบันทึกลงในโทรศัพท์ และทันทีที่เบอร์ถูกบันทึกไลน์ของธีร์ก็เด้งขึ้นมา พรีมจึงรีบกดเพิ่มเพื่อนไปทันที“แอดไลน์ไปแล้วนะคะ ในรูปกับตัวจริงนี่หล่อไม่ต่างกันเลย” เมื่อถือวิสาสะแอดไลน์เขาไป พรีมจึงเอ่ยปากชมคนข้างๆ ไปหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงอ้อนๆส่วนอีกคนเหมือนจะกระตุกยิ้มให้เห็นเล็กน้อยแล้วกลับไปทำหน้านิ่งไม่ได้ต่อว่าอะไร เธอก็จะถือว่าเขาเต็มใจให้ก็แล้วกัน“ไปก่อนนะคะพี่ธีร์”“อืม”พรีมก้าวขาลงจากรถก็โบกมือลาคนที่มาส่ง ก
พรีมมาถึงที เอส กรุ๊ปก็สี่โมงเย็น เธอนั่งดูโทรศัพท์เพื่อรอคนที่ประชุมจนแบตที่เหลืออยู่สี่สิบเปอร์เซ็นหมดลงและจบด้วยระบบที่ปิดเครื่องอัตโนมัติ“พี่ธีร์นะพี่ธีร์ ถ้าจะให้มานั่งรอแบบนี้ทำไมไม่ให้พี่พิรัชย์ไปส่งที่บ้านเลยล่ะ” พรีมถอนหายใจ บ่นพึมพำมันไม่ใช่แค่นั่งรอแป๊บเดียว แต่เธอนั่งรอจนเบื่อ นั่งรอจนแบตโทรศัพท์หมด และไม่รู้ว่าต้องรอไปจนถึงเมื่อไรเพราะเจ้าตัวไม่บอกอะไรกับเธอเลย แค่ให้เลขาของเขาไปรับแล้วเอาเธอมาทิ้งไว้ที่ห้องแห่งนี้หลังจากที่พรีมมาถึงหนึ่งชั่วโมง ธีร์ที่เพิ่งประชุมเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานพร้อมกับเลขาส่วนตัว ระหว่างทางก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในที่ประชุม พอเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าพรีมได้นอนเหยียดขาอยู่บนโซฟา ถ้าเป็นกางเกงเขาคงไม่รู้สึกอะไร แต่นี่เป็นกระโปรงนักศึกษา พอนอนเหยียดขามาทางประตูมันก็เห็นขาขาวที่พ้นกระโปรงตัวสั้นออกมา และไม่แน่ว่าถ้าเธอดิ้นตัวอาจจะเห็นเข้าไปได้ลึกมากกว่านี้“นายไม่ต้องเข้าไป” ธีร์หันไปเอ่ยกับคนที่เดินตามหลัง“ทำไมล่ะครับ” พิรัชย์นึกสงสัย ก่อนจะชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในก็เห็นคู่หมั้นของเจ้านายนอนหลับอยู่จึงเข้าใจในทันที“งั้นผมขอตัวกลับก่อนน
“อิ่มมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่พามาเลี้ยง” พรีมเอยขึ้นขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินออกจากภัตตาคาร“กินขนาดนี้ไม่เรียกว่าอิ่มก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ”“พี่หาว่าพรีมกินจุเหรอคะ”พรีมยื่นมือไปจับแขนของธีร์แล้วดึงให้เขาหยุดเดิน ส่วนคนถูกดึงแค่หันมาส่งสายตาดุ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร“มองหน้าพรีมแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”“ปล่อย พี่เดินไม่ได้” ธีร์มองไปยังมือคู่เล็กที่กอบกำข้อมือของเขาเอาไว้แน่น แล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหวาน“อ่อ ก็อยากจับค่ะ แล้วตอนนี้ก็อยากจะกอดแขนคู่หมั้นของพรีมด้วย” พรีมยกยิ้มเอียงหน้าตอบ ก่อนจะดึงแขนของเขาไปกอดแบบอ้อนๆ“นี่เธอ”“อะไรกันคะ คู่หมั้นกอดกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้ เนื้อพี่ไม่ได้หลุดติดมือพรีมสักหน่อยค่ะ”ธีร์ได้แต่ถอนหายใจแล้วก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า โดยที่มียัยตัวแสบเกาะแขนเขาไม่ยอมปล่อยจนเดินไปถึงตัวรถ พรีมจึงละมือออกจากแขนของเขาแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในอย่างคนอารมณ์ดีเมื่อรถหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์หลังเล็กที่เป็นบ้านของธีร์ ทั้งคู่ก็พากันลงจากรถแล้วขึ้นไปบนห้องนอน“พี่จะอาบก่อนหรือให้พรีมอาบก่อนคะ”“ตามใจ” ธีร์ตอบกลับเสียงเรียบ ขณะที่มือ
“รอนานไหมคะพี่ธีร์” พรีมที่เดินตรงเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารก็เห็นหนุ่มคู่หมั้นถือแท็บเล็ตเอาไว้ในมือ ส่งสายจ้องมอง พร้อมกับมืออีกข้างที่ยกแก้วกาแฟที่ยังอุ่นๆ ขึ้นจิบ“ใครว่าพี่รอเธอ” เสียงทุ้มตอบกลับพร้อมกับละสายตาออกจากหน้าจอมองหน้าหญิงสาว“อ้าว ก็นึกว่าจะรอพรีมกินข้าวซะอีก” พรีมเอ่ยพลางเลื่อนจานอาหารเช้ามาไว้ตรงหน้าแล้วจัดการตักเข้าปาก พลางนึกในใจว่าเธอก็อุตส่าห์รีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะกลัวว่าคนที่ลงมาก่อนจะรอนาน แต่ที่ไหนได้ มานั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ ข้าวก็ไม่กินเป็นเพื่อนกินข้าวเช้าเสร็จหนุ่มคู่หมั้นก็ขับรถไปส่งพรีมที่มหาวิทยาลัยเหมือนเดิม โดยที่บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยของคนทั้งสอง“สรุปวันนี้เลิกเรียนกี่โมงยังไม่ได้ตอบพี่เลยนะ” ก่อนที่เธอจะลงจากรถธีร์ก็รีบถาม เพราะเมื่อเช้าที่เขาถามไปพรีมยังไม่ได้ให้คำตอบ“เลิกเที่ยงค่ะ แต่พรีมขอกินข้าวกับเพื่อนก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะโทรบอก” พรีมคิดว่ากินข้าวกับนิวเยียร์ก่อนค่อยกลับคงจะดีกว่า เพราะไม่แน่ว่าเขาอาจจะติดงานจนลืมเวลาก็ได้“อืม”เมื่อธีร์ตอบรับพรีมก็หันไปเปิดประตูลงจากรถ และเห็นเพื่อนชายที่เรียนด้วยกันกำลังเดินมาทางเธอพอด
พอพรีมกดรับสาย เสียงของคำถามจากอีกฝ่ายก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ทันที(ถึงบ้านแล้วเหรอ)“ถึงแล้วค่ะ”(พี่เพิ่งประชุมเสร็จ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปรับ)“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธีร์คะ พรีมมีเรื่องจะขอ”(อืม พูดมาสิ)“พี่ธีร์จะว่าอะไรไหมคะถ้าคืนนี้พรีมจะขอออกไปเที่ยวกับเพื่อน” ขณะที่เอ่ยก็มองหน้ายิ้มๆ กับเพื่อนรัก พลางลุ้นไปด้วยกันว่าจะได้รับคำตอบเช่นไรกลับมา(เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย)“ทั้งสองค่ะ”(อืม)“อืมนี่คือให้พรีมไปใช่ไหมคะ” พรีมถามต่ออย่างไม่ค่อยไม่มั่นใจ(อืม แค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกันที่บ้าน)“ค่ะ”พรีมกดวางสาย เสียงกรี๊ดเบาๆ ของเพื่อนสาวก็ดังขึ้นอยู่ข้างๆ อย่างคนดีอกดีใจจนออกนอกหน้า“จะดีใจอะไรขนาดนั้น”“ก็ดีใจแทนแกไง ฉันก็นึกว่าพี่ธีร์จะไม่ให้ไปแล้วซะอีก นี่ยังดีนะที่ยังให้แกได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”“เขาก็เป็นแค่คู่หมั้นไหมแก คงไม่ถึงกับควบคุมความประพฤติฉันหรอก” พรีมเอ่ยขำๆถ้าถึงขนาดไม่ให้ออกไปไหนเลยก็คงจะเกินไป เราทั้งสองก็แค่หมั้นกันตามที่ผู้ใหญ่ร้องขอก็เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับชีวิตของใครให้ทำตามใจตัวเองได้หรอกนิวเยียร์นั่งคุยเป็นเพื่อนจนถึงบ่ายสามก็ขอตัวกลับบ้าน ส่วนพรีมก็ส่งข้อความไ
ธีร์นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน สายตาก็มองไปที่นาฬิกาแทบจะทุกสิบนาที เพราะนี่มันก็จะห้าทุ่มแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ายัยตัวแสบจะกลับเข้าบ้านมา คงไม่ได้พากันไปเมาจนหาทางกลับบ้านไม่ได้ใช่หรือไม่พอคิดได้ดังนั้นก็พับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง เดินไปหยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถเดินออกจากห้อง ธีร์ปลดล็อกประตูผ่านกุญแจรีโมตแล้วเข้าไปนั่งในรถ หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็กจีพีเอสที่เขาแอบติดตั้งแอปพลิเคชันติดตามเอาไว้ในโทรศัพท์ของพรีม ตอนที่เธอกำลังอาบน้ำเมื่อช่วงหัวค่ำจีพีเอสของเธอยังอยู่ที่เดิมนั่นก็คือผับเอ็กซ์ และพอสตาร์ตรถได้เท่านั้น ธีร์ก็เหยียบคันเร่งขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วระยะทางจากบ้านไปผับห่างกันประมาณสิบห้ากิโลเมตร ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีรถหรูก็เคลื่อนเข้าไปจอดที่ลานจอดโล่งกว้างที่เป็นพื้นที่ของผับแห่งนี้ธีร์ปิดหน้าจอมือถือแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงจุดไหนของผับ เขามองฝ่าผู้คนนับร้อยกว่าชีวิต สายตามองหาแต่สาวคู่หมั้นคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่จ้องมองและเอ่ยทักทายตลอดทางที่ก้าวเดินอยู่ด้านใน“พรีม ไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวเรากลับกันเลยก็ได้นะ”
ธีร์วางหญิงสาวลงอย่างเบามือ พรีมก็ส่งสายตาคู่หวานมองหน้าคนที่กำลังถอดชุดคลุมอาบน้ำของตนเองออกแล้วขึ้นมานอนทาบทับบนตัวของเธออย่างเย้ายวนธีร์ส่งริมฝีปากบดจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างเร้าร้อน มือหนาดึงรั้งสายชุดคลุม พรีมก็ดึงแขนของเธอออกโดยยังนอนทับชุดนั้นอยู่ริมฝีปากหยักถอนจูบออกแล้วเลื่อนลงไปงับเม็ดสีหวานที่แข็งชูชันบนยอดอกทั้งสองข้าง ละเลงปลายลิ้นสะกิดระรัว และดูดเลียสลับข้างกันไปมา มือหนาก็บีบขย้ำอกอวบเต็มไม้เต็มมือเจ้ามังกรที่ผ่านศึกในห้องน้ำไปแล้วสองรอบเริ่มจะแข็งขึ้นมาอีกครั้ง เขาจึงส่งมือไปจับท่อนเอ็นแล้วถูไถขึ้นลงที่กลีบกุหลาบน้ำที่มีน้ำสีใสไหลเยิ้มออกมา จากนั้นก็กดจ่อที่ปากทางร่องรักกดเอวสอบส่งตัวตนเข้าไปจนมิดลำธีร์กระแทกน้องชายขนาดใหญ่เข้าใส่ร่องรักของเมียสาวถี่รัว พรีมอยากเปลี่ยนบรรยากาศทั้งที เขาก็จะไม่ทำให้ผิดหวัง อยากจะได้กี่น้ำ หรืออยากจะจัดจนฟ้าสางก็จะตามใจ เพราะไหน ๆ พรุ่งนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ซึ่งธีร์ไม่ได้เข้าไปทำงานที่บริษัทอยู่แล้วเสียงครวญครางประสานกันดังลั่นห้องที่ถูกก่อสร้างและเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี สองร่างผลัดเปลี่ยนกันจัดบทรักให้กับอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อ
หลังจากงานรับปริญญาพรีมและเพื่อนๆ ในคณะก็นัดกันไปกินเลี้ยงส่งท้ายชีวิตนักศึกษา ต่อไปทุกคนต้องเดินหน้าหางานทำและบางคนก็กลับไปช่วยธุรกิจครอบครัว ไม่ต่างจากพรีมที่เธอเลือกไปช่วยงานที่โรงพิมพ์ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวของเธอนับจากวันที่ธีร์คุกเข่าขอแต่งงาน อมรภัคและพิมลพรรณผู้เป็นแม่ของทั้งสองฝ่ายก็ได้พากันไปดูฤกษ์แต่งงานเอาไว้ และฤกษ์ที่เหมาะสมทั้งเวลาและพรีมก็เรียนจบพอดีก็คืออีกสองเดือนข้างหน้า“ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ เรียนก็จบแล้วและกำลังจะได้แต่งงานมีสามี แต่แกดูฉันสิยังเหี่ยวเฉาอยู่เลย” ระหว่างที่นั่งดื่มและเมาท์มอยกันในกลุ่มเพื่อน นิวเยียร์ก็หันมาคุยกับเพื่อนรักที่หลังจากนี้อาจจะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนตอนเรียน“ก็แกมัวแต่เล่นตัวไม่ยอมคบใครสักที กะจะรอให้ขึ้นคานก่อนหรือไง”“ไม่ได้เล่นตัว แต่มันยังไม่เจอคนที่ถูกใจนี่นา” นิวเยียร์เอ่ยพลางถอนลมหายใจ ยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำเมาจรดริมฝีปากแล้วกระดกลงคอไปหลายอึกพรีมได้แต่ส่ายหัวและหลุดขำเบาๆ ให้เพื่อน ใช่ว่านิวเยียร์จะไม่มีคนคุย แต่คุยเยอะจนเหมือนเป็นเพื่อนคุยแก้เหงาเสียมากกว่า คุยทุกคืน มือไม่ได้จับ แก้มไม่ได้หอม และก็ไม่ยอมคบใครจริงจัง หรือว่ามีคนท
วันนี้พรีมไม่มีเรียนเพราะเป็นวันเสาร์ ธีร์ใช้เวลาครึ่งวันเช้าในการเคลียร์งานที่บ้าน และพาเธอออกไปเดตในตอนเย็นรถหรูเคลื่อนตัวออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปยังร้านสเต๊กเฮาส์สุดหรูในโรงแรมชื่อดังที่ได้โทรจองเอาไว้พรีมควงแขนของธีร์เดินเข้าไปในร้านอาหาร เข้าไปนั่งที่โต๊ะริมกระจกมองเห็นวิวตึกสูงและแสงไฟในเมืองกรุง พอเข้าไปนั่งก็มีพนักงานของร้านเข้ามารับเมนูอาหาร ธีร์เลือกสั่งเป็นเซตโรแมนติกดินเนอร์ ทั้งสองคนนั่งกินสเต๊กเนื้อนุ่ม ท่ามกลางแสงเทียนที่ตั้งวางอยู่บนโต๊ะ และมองบรรยากาศรอบนอกในยามค่ำคืน“เข้าใจเลือกร้านนะคะ” พรีมระบายรอยยิ้มหวานพร้อมกับเอ่ยปากชม เพราะร้านนี้มันเหมาะกับการพาคู่รักมานั่งเดต และเธอก็ชอบบรรยากาศของที่นี่มาก“จะเอาใจเมียทั้งทีก็ต้องเลือกให้ดีที่สุดสิครับ” ระหว่างที่เคลียร์งานที่บ้าน ธีร์ได้ใช้เวลาในช่วงเช้าเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อมองหาร้านอาหารที่เหมาะกับคู่รัก และเขาก็ถูกใจกับร้านแห่งนี้เป็นอย่างมากจึงได้โทรจองโต๊ะเอาไว้“สเต๊กถูกใจไหมครับ” ธีร์เอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม สำหรับเขามื้อนี้ถือเป็นมื้อที่แสนพิเศษ เพราะตั้งแต่เคลียร์เรื่องอลิซได้ ทั้งคู่ก็เพิ่งจะมีโอกาสได้มาดิ
เช้าวันทำงาน วันนี้พรีมมีเรียนตอนสิบโมง เช้านี้เลยไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานของธีร์ เหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นตอนเย็นของวันศุกร์ ดีที่วันหยุดทั้งสองวันไม่ได้เจอหน้าตัวต้นเรื่อง ไม่อย่างนั้นพรีมคงจะได้ต่อปากต่อคำกับอลิซอีกเป็นแน่ก๊อก ก๊อกธีร์และพรีมเพิ่งมาถึงได้ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น“เข้ามา”“มีคนมาขอพบครับ ตอนนี้นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้” พิรัชย์เข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะและรายงานเจ้านาย“ใครครับ”“เห็นว่าชื่อไมเคิลครับ เป็นสามีของคุณอลิซ” หลังจากรายงานเจ้านายเสร็จพิรัชย์ก็เดินออกจากห้องไป“ไปกับพี่นะ” ธีร์ลุกออกจากโต๊ะเดินไปหาพรีมที่โซฟา แล้วพากันลงไปที่ล็อบบี้ที่อยู่ด้านหน้าของแผนกประชาสัมพันธ์“สวัสดีครับคุณไมเคิล ผมธีร์ ซีอีโอของที เอส กรุ๊ป” พอเข้าไปถึงธีร์ก็ยื่นมือออกไปทักทาย และพูดกับอีกฝ่ายเป็นภาษาอังกฤษ“สวัสดีครับ ผมไมเคิล”พอทักทายกันเสร็จ ธีร์และพรีมก็นั่งลงที่โซฟา หญิงสาวเลือกที่จะนั่งฟังอยู่เงียบๆ ปล่อยให้คนทั้งสองพูดคุยธุระกัน“คุณไมเคิลมาขอพบผมด้วยเรื่องอะไรหรือครับ” ธีร์เอ่ยถามกับอีกฝ่าย เบื้องต้นพิรัชย์บอกเขาแล้วว่าไมเคิลคือสามีของอลิซ คงจะเป็นคนที่หนีไปแต่งงานด้วย แต่ที่เ
ตั้งแต่ออกจากลิฟต์จนกระทั่งกลับถึงบ้าน พรีมก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา ถามคำก็ตอบคำ พอถึงเวลากินข้าวเธอยังคงมานั่งกินด้วยกันเหมือนเดิม แต่แทบจะไม่มองหน้ากันเลยทั้งสองคนผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปอาบน้ำ พรีมอาบเป็นคนแรกก็ขึ้นมานอนเล่นโทรศัพท์บนเตียง พอธีร์อาบน้ำเสร็จก็เห็นคนตัวเล็กนอนหันหลังให้ทางฝั่งที่เขานอน ซึ่งต่างจากทุกครั้งที่เธอมักจะรอเขาขึ้นมาบนเตียงก่อน แล้วแทรกตัวเข้ามานอนหนุนแขนซบใบหน้าเข้ากับแผงอกคืนนี้ธีร์ไม่ได้นั่งทำงานที่โต๊ะเหมือนทุกคืน พออาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมานอนที่ของเขาเพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจ จะปล่อยให้เมียโกรธนานแบบนี้ไม่ได้“โกรธกันขนาดนั้นเลยเหรอ”“ลองเห็นพรีมไปจูบกับผู้ชายคนอื่นดูไหมคะ” พรีมตอบกลับเสียงแข็ง เป็นใครจะไม่โกรธบ้างถ้าเจอแบบเธอ“พรีม” ธีร์เอ็ดเสียงเบา ถ้าเขาเห็นแบบนั้นคงทนดูไม่ได้แน่ๆ“เรียกทำไมคะ ทีตัวเองทำได้ พรีมแค่เปรียบเทียบแค่นี้รับไม่ได้แล้วเหรอคะ”ธีร์ขมวดคิ้วมองแผ่นหลังของหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะพลิกตัวของเธอให้หันหน้ามาหากัน แล้วขยับขึ้นไปนอนคร่อมอยู่ด้านบน“ปล่อยพรีมนะคะ” พรีมส่งสายตาแง่งอนและดิ้นตัวอยู่ใต้ร่าง“ไม่ปล่อย” เอ่ยจบก็ก้มลงมาจูบที่ริมฝีปาก
ช่วงที่อลิซยังต้องเข้าบริษัท ธีร์มักก็จะขอให้พรีมไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานของเขาในเวลาที่เธอไม่มีเรียน ส่วนอลิซก็ยังหอบงานมานั่งทำร่วมโต๊ะกับธีร์ทุกวันโดยไม่สนใจว่าคู่หมั้นของเขาจะนั่งอยู่ด้วยหรือไม่ระหว่างที่นั่งทำงานจนใกล้จะสามโมง ธีร์ก็ได้รับข้อความที่ถูกส่งมาจากพรีม……….Noo’ Preme : เย็นนี้พรีมขอกลับกับนิวเยียร์นะคะThee : จะพากันไปไหนNoo’ Preme : ไปดูหนังค่ะThee : จะให้พี่รอที่นี่หรือว่าจะไปที่กลับบ้านเลยNoo’ Preme : ไปเจอกันที่บ้านเลยก็ได้ค่ะThee : ครับNoo’ Preme : สติ๊กเกอร์ส่งจูบ……….“บอกพี่ธีร์แล้วเหรอ” นิวเยียร์ที่เห็นเพื่อนปิดหน้าจอมือถือก็ได้ถามขึ้นวันนี้พวกเธอมีนัดไปดูหนังที่ห้างสรรพสินค้า เป็นเรื่องที่เพิ่งจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ นิวเยียร์จึงชวนพรีมไปดูเป็นเพื่อน“อื้ม”“งั้นไปกันเถอะ”สองสาวพากันไปขึ้นรถของนิวเยียร์ที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยแล้วมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้า พากันไปซื้อตั๋วเรื่องที่อยากดูแล้วเข้าไปนั่งประจำที่ตลอดหนึ่งชั่วโมงกว่าที่อยู่ในห้องฉายภาพยนตร์ที่มีแอร์เย็นเฉียบ พรีมและนิวเยียร์ก็พากันหัวเราะชอบใจให้กับความสนุกของภาพยนตร์แนวโรแมนติก
“ไปทำงานกับพี่ไหม” ธีร์เอ่ยปากชวน ไหน ๆ วันนี้พรีมก็มีเรียนบ่าย ครึ่งวันเช้าก็ไปอยู่ด้วยกันเลย เขาจะได้ไม่ลำบากใจเวลาที่อลิซหาโอกาสเข้ามาหาในห้องทำงาน“จะดีเหรอคะที่จะให้ไปนั่งเฝ้าพี่ทำงาน” พรีมแสร้งถามทั้ง ๆ ที่ในใจก็รู้สึกดีที่เขาชวนไปอยู่ด้วย“ดีสิครับ” ธีร์ส่งยิ้มยกมือไปลูบผมของพรีมอย่างเบามือ เขารู้ว่าพรีมแอบกังวลกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยกินข้าวเสร็จพรีมก็รีบขึ้นห้องเพื่อไปเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษา และเดินทางไปที่บริษัทพร้อมกับธีร์ เธอนั่งเล่นมือถืออยู่ตรงโซฟาเพราะไม่มีอะไรทำ ส่วนธีร์ก็นั่งทำงานที่โต๊ะของเขาจนเวลาเกือบเที่ยง“ธีร์คะ อลิซจะมา…” อลิซพรวดพราดเปิดประตูเข้ามา กะจะชวนชายหนุ่มไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน เธออุตส่าห์ลงทุนไม่อยู่กินข้าวที่โรงแรมเพื่อมาชวนเขาโดยเฉพาะ แต่ก็ต้องหยุดชะงักคำพูดเหล่านั้นเพราะเห็นพรีมนั่งอยู่ในห้องด้วย“สวัสดีค่ะคุณอลิซ” พรีมส่งยิ้มและยกมือขึ้นทักทาย“สวัสดี”“คุณอลิซมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” ธีร์เอ่ยถามด้วยถ้อยคำที่เป็นทางการสำหรับการคุยงานกัน“ไม่มีค่ะ อลิซเห็นว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว เลยจะมาชวนคุณไปกินข้าว”“ชวนแค่พี่ธีร์เหรอคะ” พรีมรีบพูดแทรกขึ้น พร้อ
แต่แล้วจู่ ๆ ประตูฝั่งคนขับก็ได้ถูกเปิดออก ทำเอาคนที่นั่งด้านในถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ“เดินไม่ไหวเดี๋ยวฉันพาขึ้นไปเองค่ะ” พรีมเอ่ยกับคนที่จ้องหน้าของเธอตาค้างก่อนที่ธีร์จะยินยอมขับรถไปส่งอลิซ พรีมได้กระซิบบอกให้เขากดโทรออกมาหาเธอเพื่อที่จะได้รู้ว่าอีกฝ่ายพูดคุยอะไรกับเขาบ้าง และพรีมยังบอกด้วยว่าเธอจะนั่งรถไปกับพิรัชย์และขับตามหลังรถของธีร์จนถึงโรงแรมแห่งนี้“เธอมาได้ยังไง” อลิซขมวดคิ้วถามอย่างไม่ค่อยพอใจ เธอนึกว่าจะได้อยู่กับธีร์ตามลำพังจะได้ปรับความเข้าใจกัน“ก็ขับรถตามมาน่ะสิคะ คิดว่าฉันจะปล่อยให้คู่หมั้นของตัวเองมากับคุณตามลำพังเหรอ” พรีมเอ่ยพลางยื่นมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยที่คาดกลางลำตัวของอลิซออก แล้วจับข้อมือของสาวลูกครึ่งออกแรงดึงเพื่อให้เธอลงจากรถ“ปล่อย ฉันเดินเองได้” อลิซสะบัดแขนออก มองพรีมด้วยดวงตาแข็งกร้าว“เมื่อกี้ยังอ้อนพี่ธีร์บอกว่าเดินไม่ไหวอยู่เลย พวกเราก็เลยเป็นห่วงถึงได้ตามมาส่งคุณถึงที่นี่” พรีมคลี่ยิ้มเอ่ยกับอีกคนที่ยังมีสติดีแต่แสร้งทำเป็นเมาเพื่ออ้อนคนรักของเธอ“เมื่อกี้ฉันเมา แต่พอได้นั่งพักในรถก็ดีขึ้นมากแล้ว”“ฮ่าฮ่า สงสัยคุณคงชอบกินผลไม้สินะคะ โดยเฉพาะสต
สามชั่วโมงผ่านไป ทุกคนต่างก็พากันกินอิ่มหนำสำราญทั้งอาหารและเครื่องดื่มมึนเมา บางส่วนก็พากันขอตัวกลับไปพักผ่อนอลิซที่ออกอาการหน้าแดงก็หาเรื่องเก่าๆ สมัยเรียนด้วยกันมาชวนธีร์คุยไม่หยุด แม้ว่าเขาจะถามคำตอบคำอลิซก็ไม่ลดละความพยายามที่จะตีสนิทกันเหมือนเก่าพรีมเริ่มรำคาญแต่ก็ไม่อยากจะโวยวายอะไร ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาเพื่อนสาวเพื่อระบายอารมณ์……….Noo’ Preme : ฉันอยากกรี๊ดดดดดNewyear : เป็นอะไรของแก ไหนบอกพี่ธีร์จะพาไปกินข้าวกับคนในบริษัทไง หรือว่าทะเลาะกันNoo’ Preme : ยังไม่ได้ทะเลาะNewyear : แล้วแกจะกรี๊ดทำไม……….พรีมไม่ได้ตอบกลับข้อความ เธอลืมไปว่านิวเยียร์ยังไม่รู้ว่าแฟนเก่าของธีร์กลับมาแล้ว ถ้าบอกไปตอนนี้มีหวังนิวเยียร์ได้ส่งข้อความหรือไม่ก็โทรมาซักไซ้ยืดยาวแน่ เธอจึงปิดหน้าจอโทรศัพท์ หันไปมองอลิซที่ชวนคนรักของเธอชนแก้ว และส่งสายตาหวานมาให้เขา“พี่ธีร์คะ พรีมขอไปเข้าห้องน้ำนะคะ”“ให้พี่ไปส่งไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ”พรีมเดินมาเข้าห้องน้ำ พอทำธุระเสร็จและกำลังล้างมือ อลิซก็เดินเข้ามายืนที่หน้ากระจกบานใหญ่และเข้ามาล้างมือเช่นเดียวกัน“คบกับธีร์มานานแล