บทที่ 52“ช่างเถอะ! ที่ฉันบอกเธอก็แค่อยากได้ของขวัญวันเกิดจากเธอก็เท่านั้น”“เล็กไม่ทราบว่าวันนี้วันเกิดคุณปรัชญ์ ก็เลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ แล้วคุณปรัชญ์อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ไว้เล็กจะไปหาดูให้” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างมีน้ำใจ เจือไว้ด้วยการงอนง้อและเป็นห่วงความรู้สึกของเขาอย่างไม่รู้ตัว ถึงเขาจะไม่ดีกับเธอเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยเขาก็คือคนในครอบครัว คือลูกชายของแม่ใหญ่ และคือคนที่เธอ...“ไม่ต้องไปดูให้เสียเวลาหรอก ฉันไม่ได้อยากได้อะไรอย่างอื่นจากเธอ ฉันก็แค่อยากได้ ‘เธอ’”ธรินดาหน้าร้อนซ่านเมื่อได้ยินคำขอที่ตรงไปตรงมาของเขา แต่ยังไม่ทันจะแย้งอะไร ปากหยักได้รูปนั้นก็ก้มลงมาประกบจูบบดขยี้ปากอิ่มอย่างดูดดื่ม พร้อมกับค่อยๆ ดันร่างเล็กลงไปนอนหงายกับที่นอน โดยมีร่างใหญ่ตามทาบทับลงมาติดๆหญิงสาวใจสั่นไปหมด รสสัมผัสอันแสนวาบหวิวที่เขาเป็นคนสอนให้รู้จัก บวกกับสัญชาตญาณทำให้เธอจูบตอบเขาเอง ทั้งๆ ที่ใจบอกให้ต่อต้าน แต่ฤทธิ์จุมพิตอันสุดเร่าร้อนนั้นทำให้กายสาวอ่อนระทวย ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ จะขัดขืน ลิ้นเล็กนุ่มตอบโต้เกาะเกี่ยวเป็นพัลวันกับลิ้นหนาที่รุกรานและรัวไล้เข้ามาอย่างว่องไวคล่องแคล่ว
บทที่ 53“เธออยากได้อะไรหรือเปล่า” ปรัชญ์ถามขึ้นเป็นประโยคแรก หลังจากปล่อยให้บรรยากาศในรถที่แล่นไปตามถนนซึ่งค่อนข้างจะโล่งเพราะเป็นเช้าวันเสาร์เงียบมานาน พลอยทำให้คนที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ รู้สึกเกร็งและหายใจไม่ทั่วท้องมาตลอดทางธรินดาหันไปมองหน้าคนถามแวบหนึ่ง เห็นหน้าเขายังคงนิ่งเฉย บ่งบอกได้ชัดว่ายังโกรธเรื่องที่เธอไม่ยอมตามใจอยู่ จึงได้แต่ตอบคำถามด้วยเสียงเรียบๆ และระมัดระวังตัว “อยากได้รองพื้นค่ะ” “เธอแต่งหน้าด้วยเหรอ” คราวนี้เป็นปรัชญ์ที่หันมามองเสี้ยวหน้าหวานใสที่ไร้เครื่องสำอางนั้นบ้าง “เปล่าค่ะ” ตอบเบาๆ หากเป็นยามปกติเธอไม่เคยคิดจะใช้เครื่องสำอางพวกนี้อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันจำเป็น เธอคงไม่กล้าเดินเข้าหอพักหรือไปเรียนในสภาพที่มีรอยคิสมาร์กเต็มคอไปหมดเช่นนี้แน่ๆ “แล้วจะเอาไปทำอะไร รองพื้นเขาเอาไว้ใช้ปกปิดริ้วรอยบนใบหน้านี่ อ้อ...ลืมไปว่าที่คอและที่เนินอกก็ปกปิดได้” พูดจบก็ตามมาด้วยรอยยิ้มที่คลี่แย้มบนเรียวปากหยักได้รูป เป็นยิ้มแรกที่ธรินดาเห็นตั้งแต่ที่เขาพากลับออกมาจากคอนโดฯ แต่มันกลับไม่ใช่รอยยิ้มที่ทำให้เธอสบายใจเล
บทที่ 54“เล็กไม่มีวันรู้สึกบ้าๆ แบบนั้นกับคุณปรัชญ์แน่ ปล่อยเล็กค่ะ” ธรินดาปฏิเสธพร้อมกับพยายามบิดแขนออก“ถ้าไม่หึงแล้วทำไมจะต้องรีบเดินหนี”“เล็กบอกแล้วไงว่าเล็กไม่ได้...”“ฉันหิว แล้วก็ขี้เกียจเถียงกับเด็กที่ปากกับใจไม่ตรงกัน” ปรัชญ์ตัดบทแล้วลากเธอเข้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณที่เขาและเธอเถียงกันเมื่อเข้าไปนั่งข้างในเขาก็จัดการสั่งอาหารสองชุด สำหรับตัวเองชุดหนึ่ง สำหรับธรินดาชุดหนึ่ง โดยไม่ยอมถามว่าเธอหิวหรือไม่ หลังจากที่พนักงานนำอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟให้เขาก็บังคับให้เธอกิน“กินซะ ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่เหรอ นอกจากกาแฟ”“เล็กไม่นึกอยากกินอะไรเลยค่ะ เห็นอาหารก็นึกอยากอ้วก” ธรินดาบอกพลางเบือนหน้าหนีจากอาหารตรงหน้าด้วยสีหน้าพะอืดพะอม“เธอยังไม่ท้องหรอกน่า ครั้งแรกฉันก็ป้องกัน เมื่อคืนฉันก็ยังไม่ได้เธอ ส่วนเมื่อกี้เธอก็ไม่ยอมตามใจฉัน”“เล็กไม่ได้กลัวเรื่องนั้น เล็กก็แค่...”“เมาค้าง” ปรัชญ์ตัดบททั้งที่เธอพูดยังไม่จบอีกเช่นเคย “แล้วปกติเธอเมาค้างนานแค่ไหน”“บอกแล้วไงคะว่านี่เพิ่งครั้งแรกของเล็ก”ธรินดาไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดหรือถูกใจเขานัก พอเธอพูดคำว่
บทที่ 55“มันเป็นอะไรคะ มีเจ้าของมั้ย ถ้าไม่มีหนูจะเอาไปรักษานะคะ” ธรินดาถามอย่างอ่อนโยนพลางทอดมองสุนัขตัวน้อยด้วยความสงสารและเวทนาไม่แพ้กัน“ไม่มีค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นหนูจะเอามันไปรักษานะคะ” เสียงหวานใสบอกกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อน แล้วขยับเข้าไปอุ้มลูกหมาตัวนั้นพร้อมกับกล่าวปลอบขวัญมันด้วยน้ำเสียงเอื้ออารีโดยไม่มีท่าทางรังเกียจแม้แต่น้อย “อย่าเป็นอะไรนะลูก เดี๋ยวแม่จะพาหนูไปหาหมอเอง”ว่าแล้วร่างบางก็อุ้มสุนัขตัวน้อยตรงไปยังรถสปอร์ตสีแดงราคาหลายสิบล้าน ท่ามกลางสายตาที่มองตามอย่างทึ่งๆ ของพนักงานสาวคนนั้น“เดี๋ยวค่ะๆ”“คะพี่?” ธรินดาหันกลับไปมองเมื่อพนักงานสาวคนนั้นเรียกเธอพร้อมกับหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้“พี่ช่วยค่ะ ขอบคุณมากนะคะสำหรับน้ำใจ ฝากเจ้าตัวเล็กด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะพี่ หนูสัญญาว่าจะพาไปรักษาและมันจะต้องหาย ขอบคุณพี่เช่นกันสำหรับน้ำใจที่มีค่ะ” ธรินดาไม่ยอมรับเงิน แต่สัญญาอย่างหนักแน่นพร้อมกับกล่าวขอบคุณ ก่อนจะขยับไปเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถโดยมีปรัชญ์ก้าวตามติดๆ“นี่เธอบ้าหรือเปล่า จู่ๆ ก็ปรี่เข้าไปอุ้มมันแบบไม่ระวังอย่างนั้น เกิดมันเป็นหมาบ้าขึ้นมาจะทำไง” “มันไ
บทที่ 56ปริ๊นนน...เสียงแตรรถคันหนึ่งดังขึ้นหลังจากที่ธรินดาเดินมาได้สักพักหนึ่ง เมื่อเธอหันไปมองก็เห็นว่ารถคันนั้นคือรถสปอร์ตสีแดงราคาแพงของปรัชญ์ เขาหักพวงมาลัยเข้าข้างทางแล้วลดกระจกรถลง “คุณปรัชญ์...” “ขึ้นรถ!” เขาบอกห้วนๆ แต่ธรินดาก็ปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ เล็กไม่อยากรบกวนคุณ”“ฉันบอกให้ขึ้นรถไงธรินดา” ธรินดาไม่ฟังเสียง ซ้ำยังทำท่าว่าจะเดินต่อไป ปรัชญ์จึงเปิดประตูก้าวพรวดพราดลงจากรถ แล้วเดินดุ่มๆ ตรงไปยังร่างเล็ก และโดยที่หญิงสาวไม่คาดคิด เขาก็อุ้มทั้งคนทั้งหมายัดใส่หน้ารถตัวเองทันที“รัดเข็มขัดซะ” เขาสั่งอีกรอบ พอธรินดาชักช้าเขาก็จัดการโน้มตัวมาจัดการดึงเข็มขัดรัดให้เสียเอง ตาสองคู่สบประสานกันชั่วขณะ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขารวยรดลงมาพร้อมกับละลายทิฐิในหัวใจของธรินดาลงไปกว่าครึ่ง “คุณปรัชญ์กลับมาทำไมคะ” “ฉันไม่อยากทิ้งเมียตัวเองไว้กับหมาขี้โรคและไม่อยากให้เธออุ้มหมาตะลอนไปหาผู้ชายอื่น”คำตอบของเขาไม่นุ่มหูเลยสักนิด ทำให้คนที่กำลังใจชื้นเริ่มโกรธอีกครั้ง “ห้ามเรียกมันว่าหมาขี้โร
บทที่ 57ได้ยินคำขู่เช่นนั้นธรินดาก็ไม่กล้าจะถามหรือพูดอะไรให้เขารำคาญใจอีก เธอรัดเข็มขัดและนั่งเงียบๆ ไปตลอดทางจนกระทั่งปรัชญ์ขับรถมาส่งถึงหน้าหอพัก เธอก็ปลดเข็มขัดเพื่อจะลงจากรถ“เดี๋ยวก่อน” ปรัชญ์เรียกไว้พร้อมกับหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้เธอจำนวนหนึ่ง “เก็บเงินนี้ไว้ใช้เผื่ออยากได้อะไร” “เล็กไม่รับค่ะ เงินที่แม่ใหญ่ให้เล็กก็พอใช้แล้ว” ธรินดาปฏิเสธและไม่ยอมรับเงินจากเขา “นั่นเงินแม่ แต่นี่เงินผัวป่ะ” “เก็บเงินของคุณปรัชญ์ไว้ให้เมียคนอื่นๆ ของคุณปรัชญ์เถอะค่ะ น่าจะมีหลายคน เล็กไม่อยากเบียดเบียนส่วนแบ่งใคร” ไม่รู้เพราะอะไรธรินดาจึงเผลอพูดจาประชดประชันเขาไปแบบนั้น อาจเป็นเพราะเธอคิดว่าเขากำลังให้เงินเธอเหมือนกับที่เขาให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขามีอะไรด้วย“ผู้หญิงคนอื่นที่ฉันมีเซ็กซ์ด้วย ฉันไม่นับว่าเป็นเมีย ฉันนับเธอคนเดียว เมียที่ฉันได้ในคืนเดือนแรม” ปรัชญ์ย้ำพลางหลุบตาลงมองจี้สร้อยที่เขาใส่ให้เธอกับมือเมื่อเช้านี้ ธรินดาเพิ่งจะเข้าใจความหมายของจี้ที่เขาซื้อให้ก็ตอนนี้เอง เขาให้ของสิ่งนี้ก็เพื่อเป็นการตีตราและตอกย้ำว่าเธอคือสมบัติของเขา“เล็กไ
บทที่ 58โน้ตย่อซึ่งถูกจดด้วยลายมือเป็นระเบียบ อ่านเข้าใจง่าย บ่งบอกความตั้งใจของผู้จด ตอนนี้มีสภาพที่ค่อนข้างยับย่น เพราะมันถูกยืมไปถ่ายเอกสารหลายต่อหลายครั้ง ธรินดาชินเสียแล้วกับเรื่องแบบนี้ เพราะเวลาใกล้จะสอบทีไรเพื่อนๆ ในภาควิชามักจะขอยืมโน้ตย่อของเธอไปถ่ายเอกสารอ่านอยู่เสมอ พรุ่งนี้การสอบปลายภาควิชาแรกของเทอมสุดท้ายก็จะมาถึงแล้ว ธรินดาหยิบเลกเชอร์มาอ่านอีกครั้งเพื่อทบทวนและจบลงในตอนเย็นหลังตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้วร่างบางลุกจากโต๊ะ เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียง กดโทร.หาแม่ใหญ่เพื่อขอกำลังใจในวันสอบปลายภาควันแรกที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ และเพื่อไถ่ถามถึงบางอย่างที่เธอแอบกังวลมาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่กล้าที่จะโทร.ถามกับเจ้าตัวโดยตรง อีกทั้งเธอไม่รู้ว่าจะติดต่อกับเขาด้วยวิธีไหน จะว่าแปลกมากก็ใช่ที่เธอไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของปรัชญ์และไม่มีช่องทางใดๆ ในการติดต่อปรัชญ์เลย แต่มันก็เป็นเรื่องปกติระหว่างเขากับเธอที่ไม่เคยจะติดต่อสื่อสารส่วนตัวกันมาแต่ไหนแต่ไร“ว่าไงหนูเล็กของแม่” เสียงที่ตอบมาจากปลายสายเป็นน้ำเสียงที่เจือด้วยความดีใจเช่นเดียวกับทุกครั้งที่เธอโทร.หา“พรุ่งนี้เล็กจะสอบ
บทที่ 59“มันชื่ออะไร”“หมีพู”“หมีพู!”“อุทานทำเหี้ยอะไรวะ”“แม่งก็ชื่อมันคิกขุฉิบหายดิ เฮ้ย...เสียชื่อว่ะ เป็นหมาอดีตนักเลงหัวไม้เบอร์หนึ่งของเชียงใหม่ทั้งทีเสือกชื่อหมีพู”“มึงจะอะไรนักหนากับหมากู ทีมึงยังเลี้ยงแมวยังกะผู้หญิง” คราวนี้ปรัชญ์ขึ้นมึงกู นั่นบ่งบอกว่าอารมณ์ชักจะขึ้นแล้ว“ถึงกูจะเลี้ยงแมว แต่แมวกูชื่อเมสซี่ ชื่อของนักฟุตบอลผู้โด่งดัง แต่นี่อะไรหมามึงเสือกชื่อหมีพู”“จะชื่ออะไรก็ช่างหมากูเถอะ ไม่เสือกสักเรื่อง กูขอ” “เออๆ ไม่เสือกก็ไม่เสือก แค่สงสัยเท่านั้นแหละ ช่วงนี้แกแม่งทำตัวแปลกๆ นี่หว่า แล้วนี่หายหัวไปไหนมาวะปรัชญ์ ไม่เห็นหน้ามาสองอาทิตย์แล้ว เห็นอีกทีก็โผล่มาพร้อมกับหมาตัวนี้ อย่าบอกนะว่าไปกรุงเทพฯ มาอีก” รังสิมันต์ยังไม่วายดักคอ ทั้งๆ ที่เขาอยู่เชียงใหม่และแทบไม่ได้ไปไหนนอกจากออฟฟิศในตัวเมือง เขายังสามารถคาดเดาความเคลื่อนไหวของเพื่อนสนิทอย่างปรัชญ์ได้อย่างแม่นยำ ราวกับเป็นฝาแฝดที่พออีกคนหนึ่งทำอะไรอีกคนก็จะรู้สึกไปด้วยราวกับสื่อถึงกันได้ก็ไม่ปาน “ถ้าไปแล้วไง เขาไม่ได้มีติดประกาศว่าห้ามไม่ให้ฉันเข้ากรุงเทพฯ นี่” “เออ
บทที่ 98“ฉันไม่อยากดื่มนมอย่างอื่น ฉันเก็บปากของฉันไว้ดื่มนมอร่อยๆ จากเต้าของเธอก็พอแล้ว ว่าแล้วก็หิว เล็กจ๋า...ให้ฉันกินนะ” แววตาของคนที่ประท้วงอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวิบวับและเปล่งประกายความปรารถนาที่มีต่อเธอออกมาอย่างเปิดเผย “ไม่เอาค่ะคุณปรัชญ์” ธรินดาปฏิเสธเสียงเบา เพราะกลัวลูกสาวจะตื่นมาเห็น “แต่ฉันจะ ‘เอา’ นะเล็กจ๋า ตามใจผัวนะครับหนูเล็กคนดี” “โธ่...คุณปรัชญ์” “ไม่โธ่จ้ะที่รัก...ฉันหิว อยากดื่มนม” ปรัชญ์กระซิบบอกความต้องการของตัวเอง พร้อมกับที่ธรินดารับรู้ถึงความตื่นตัวของเขาที่ตอนนี้บดเบียดเธออยู่ไม่ห่าง “ถ้าอย่างนั้นเล็กไปดับไฟก่อนนะคะ” ธรินดาบอกอย่างอายๆ แต่คำตอบนั้นบ่งบอกชัดว่าเธอยอมตามใจเขาแล้ว ปรัชญ์จึงยอมปล่อยให้ร่างเล็กลุกจากตักไปปิดไฟ ส่วนตัวเองขยับขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียง ห้องทั้งห้องมืดสนิทเมื่อธรินดายื่นมือไปกดสวิตช์ไฟให้ดับลง เธออาศัยความเคยชินเดินกลับมายังเตียง และค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างสามี ปรัชญ์รีบขยับเข้ามาแนบชิดพร้อมกับกระซิบเรียกเสียงพร่า ท
บทที่ 97“ป๋าก็คิดถึงนิล คิดถึงแม่เล็กของนิลใจแทบขาด” ปรัชญ์ตอบลูกสาวและถือโอกาสอ้อนไปถึงแม่ของลูกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้โทรศัพท์น่าจะเปิดลำโพงอยู่ “งั้นก็รีบกลับบ้านสิคะป๋า หมีพูกับแม่เล็กก็รอป๋าเหมือนกันค่ะ” ปรัชญ์ยิ้มออกมาอีกคราเมื่อลูกบอกว่าธรินดาเองก็รอเขาอยู่ ใบหน้าอันหวานซึ้งนั้นลอยเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เขาจำต้องพับหน้าจอแล็ปท็อปลงพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่กางอยู่หลายอันบนโต๊ะ“โอเคครับคนดีของป๋า ป๋าจะกลับเดี๋ยวนี้ละ” “งั้นนิลจะรอจนกว่าป๋าจะมานะคะ นิลถึงจะนอน” “ครับ อีกยี่สิบนาทีเจอกันนะครับ” “ค่ะป๋า เย้ๆ” หลังจากวางสายจากลูกสาว ปรัชญ์ก็ไม่รอช้า รีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้านอย่างปราศจากความลังเลใดๆ ทันที งานเอาไว้ก่อนตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูก เมีย แม่ และหมีพู ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านทันทีที่ร่างสูงเดินเข้าบ้าน หมีพูกับเด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็วิ่งมาหาพร้อมกับเรียกผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ โดยมีหมีพูวิ่งตามมาไม่ห่างพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างดีใจเช่นกัน
บทที่ 96นัสรินเดินเข้าบ้านด้วยอาการของคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำให้ไม่เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องโถงชั้นล่าง พลตรีชยุตกับคุณนิภาหันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นคุณนิภาก็เป็นฝ่ายส่งเสียงทักลูกสาว“ไงยัยนัส ไปบ้านพี่ปรัชญ์มาโอเคหรือเปล่าลูก”“อ้าว...คุณพ่อคุณแม่ อยู่นี่เองเหรอคะ” นัสรินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบิดามารดาของตนนั่งอยู่ตรงนั้น เธอมัวแต่คิดเรื่องที่ปรัชญ์เพิ่งคุยด้วย ทำให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ รวนไปเสียหมด“เป็นอะไรไปลูก ทำไมดูหน้าเครียดๆ แบบนั้น ทะเลาะกับตาปรัชญ์มาเหรอ”“เปล่าค่ะคุณแม่ นัสแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ” นัสรินตอบมารดาเสียงนุ่ม ก่อนจะขยับไปนั่งลงข้างๆ“มีอะไรเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้หรือเปล่า” พลตรีชยุตพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว เพราะปกตินัสรินไม่ค่อยมีท่าทีเหม่อลอยให้เห็นบ่อยนักนัสรินมองหน้าบุพการีทั้งสองอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจขอคำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอคนเดียว มันเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเธอด้วย“เมื่อกี้นี้พี่ปรัชญ์เพิ่งจะบอกว่าพี่ปรัชญ์มีคนรักอยู่แล้ว และอยากให้นัสแต่งงานกับคุณปราณต์แทนค่ะ”“ว่าไงนะลูก!” คุณนิภาอุทา
บทที่ 95“แต่คุณปราณต์ไม่ได้ชอบนัสนะคะ อีกอย่างคุณปราณต์อาจจะมีคนรักอยู่แล้วเหมือนที่พี่ปรัชญ์มี” น่าแปลกที่คราวนี้เธอกลับแคร์ความรู้สึกของปราณต์ขึ้นมาเสียมากมาย เดือดเนื้อร้อนใจไปหมดกับความจริงที่ว่าเขาอาจมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ ทั้งๆ ที่ตอนถูกพ่อแม่บังคับให้หมั้นกับปรัชญ์เธอกลับไม่ตระหนักเลยว่าปรัชญ์อาจจะมีคนรักอยู่แล้ว คิดแต่ว่าหากปรัชญ์ยอมหมั้นเธอก็ยอมหมั้นตามที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้นก็พอ“พี่ปราณต์ยังไม่มีใครหรอก ถ้านัสอยากแต่งกับพี่ปราณต์พี่จัดการให้ได้” “แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกคุณปราณต์เลยนะคะพี่ปรัชญ์” “ก็เหมือนกับที่แม่บังคับพี่ให้แต่งงานกับนัสนั่นละ แม่ก็คิดแค่ว่าพี่ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ที่พี่พูดอย่างนี้นัสอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าหรือถูกโยนให้คนนั้นทีคนนี้ทีนะ แต่พี่ไม่อยากทรยศหัวใจตัวเองและไม่อยากให้ธรินดาต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้” “นัสเข้าใจค่ะและขอบคุณที่พี่ปรัชญ์บอกนัสตรงๆ แต่นัสขอถามอะไรตรงๆ บ้างได้มั้ยคะ” นัสรินยังหนักอึ้งในเรื่องที่ปรัชญ์เสนอมา แต่เธอก็ยังอยากจะรู้ความจริงจากใจเขาให้หมดเปลือกเสียก่อน“ได้ส
บทที่ 94 สี่เดือนก่อน... รถซีดานแบรนด์ยุโรปราคาสองล้านกว่าๆ แล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปรัชญ์บอกว่าจะพาคู่หมั้นสาวไปส่ง นัสรินหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนขับที่เมื่อครู่นี้ยังพูดจากวนประสาทแม่ของเขาอย่างมีสีสันอยู่เลย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในอิริยาบถที่เงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน แม้จะไม่ถึงกับทำให้อึดอัด แต่คนคุยไม่เก่งแบบเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขากับเธอได้พบกัน หลังจากหมั้นเสร็จปรัชญ์ก็ไม่เคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเยือนในฐานะคู่หมั้นเลยสักครั้ง นัสรินรู้ดีว่าปรัชญ์เองก็คงจะถูกบังคับให้หมั้นเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไม่ใส่ใจหรือทำตัวไม่เหมือนกับคู่หมั้นคู่อื่นๆ “นัสรีบกลับบ้านหรือเปล่า” ปรัชญ์หันมาถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่รถแล่นออกมาพ้นอาณาเขตบ้านได้พักใหญ่ “เปล่าค่ะ นัสว่างทั้งวันค่ะพี่ปรัชญ์” “งั้นแวะดื่มกาแฟกับพี่ก่อนนะ ข้างหน้ามีร้านบรรยากาศดี กาแฟก็อร่อย” ปรัชญ์ชวนด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้นัสรินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำและยิ้มบางๆ
บทที่ 93“เปิดดูสิ เปิดตอนนี้เลยนะเล็ก” ปรัชญ์เชียร์ทั้งปาก ทั้งสายตา ทั้งสีหน้าที่เหมือนอยากจะให้เธอได้เห็นเหลือเกินว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ซึ่งตอนแรกธรินดากะว่าจะเก็บไว้เปิดพรุ่งนี้เช้า แต่เมื่อสามีคะยั้นคะยอเช่นนั้น เธอจึงต้องค่อยๆ แกะโบที่ผูกอย่างสวยงามนั้นออก ก่อนจะเปิดฝากล่องเป็นลำดับสุดท้าย และแล้วสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้แก้มนวลแดงซ่าน เธอหยิบมันขึ้นมาดูสลับกับมองคนให้อย่างเขินอายสุดกำลัง“นี่มันอะไรกันคะคุณปรัชญ์”“ก็ชุดนอนไง มีหลายชุดด้วย ผ้าดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ปรัชญ์ตอบอย่างรื่นรมย์“แล้วทำไมมันโป๊แบบนี้ล่ะคะ” ธรินดาถามเพราะถึงแม้ว่าชุดนอนแต่ละชุดที่อยู่ในกล่องนั้นมันสวยและผ้านิ่มมากก็จริง แต่มันกลับเซ็กซี่สุดๆ ทุกตัวล้วนแต่คอเว้าลึกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเวลาใส่จะต้องโชว์เนินอกแน่ๆ แถมยังสั้นเต่อจนเกือบถึงโคนขา บางชุดก็เป็นแบบสองชิ้น ชิ้นบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวในลักษณะอวดโชว์เนินเนื้อ ชิ้นล่างเป็นแค่กางเกงชิ้นน้อย เหมือนกับออกแบบมาเพื่อขยี้ใจชายโดยเฉพาะ แล้วเธอจะกล้าใส่ได้อย่างไร“โป๊ที่ไหน เขาเรียกว่าเซ็กซี่ต่างหาก ฉันอยากเห็นเมียเซ็กซี่บ้างไม่ได้เหรอ”“ถ้าชอบผู้หญิงเซ็ก
บทที่ 92แม่เลี้ยงลักษิกายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับธรินดาหญิงสาวที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและรักเหมือนลูก ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นลูกสะใภ้ของตนอย่างที่หวังไว้จริงๆ แล้ว แม้จะไม่ใช่กับลูกชายคนที่ตัวเองตั้งใจจะให้คู่ด้วยแต่แรกก็ตามที แต่ธรินดาก็ได้แต่งงานกับคนที่เธอรักซึ่งก็เป็นลูกชายของตนเหมือนกัน“แม่ให้เป็นของขวัญแต่งงานนะหนูเล็ก” ธรินดายกมือขึ้นไหว้และรับมาโดยที่ไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นคืออะไร“แล้วของผมล่ะครับ” ปรัชญ์ทวงอย่างไม่จริงจัง เขาไม่ได้ต้องการอะไรอยู่แล้ว เพราะเขาได้ของขวัญที่ดีและมีค่ามากที่สุดในชีวิตซึ่งก็คือผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้นั่นเอง เขาจึงไม่ต้องการอะไรอีก อีกทั้งนับจากนี้ของสิ่งใดที่เป็นของเขาก็จะเป็นของธรินดาด้วยอยู่แล้ว “ไม่มีย่ะ ฉันยกให้ลูกสะใภ้ฉันหมดแล้ว”“เอ...ชักอยากรู้แล้วสิว่าแม่ยกอะไรให้เมียผม”“ก็มรดกทุกอย่างที่เป็นส่วนของแกน่ะสิ”“โหแม่...นี่รักลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายตัวเองอีกนะ” ปรัชญ์แกล้งโวยวายเล่นพอเป็นสีสัน“ย่ะ ฉันรักมากกว่ามาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”“แล้วอย่างนี้ผมจะมีสมบัติอะไรเหลือไว้ให้เมียน้อยบ้างล่ะ” ปรัชญ์ยังมิวายกวนประสาทคนเป็นแม่แม้แต่ในช่วง
บทที่ 91ปรัชญ์พาธรินดาลงมาจากเวที หญิงสาวขอตัวกับเจ้าบ่าวเมื่อเหลือบไปเห็นสาวน้อยรุ่นน้องผู้ทำหน้าที่เล่นเปียโนให้ปรัชญ์ร้องเพลงเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เธอเมื่อครู่นี้ ตอนนั้นจันทริกายืนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่คนเดียวที่มุมห้องคล้ายกับว่ากำลังรอใคร ธรินดาจึงตรงดิ่งเข้าไปหาทันที“จันทร์...”“พี่เล็ก...”“ทำไมมายืนอยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ”“จันทร์ไม่รู้จะคุยกับใครน่ะค่ะ จันทร์ไม่รู้จักใครเลย” สาวรุ่นน้องยิ้มแหยๆ แววตาดูอ้างว้างและตื่นๆ จนคนมองนึกสงสาร“อยากกลับบ้านเหรอ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปส่งมั้ย” ธรินดาบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นใจดีแต่ก็ได้รับการปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า“ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์ยังกลับตอนนี้ไม่ได้ คุณตะวันสั่งไว้ว่าให้จันทร์รอ”“อ๋อ...จะกลับพร้อมพี่ตะวันใช่มั้ย”“ค่ะพี่เล็ก พี่เล็กไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จันทร์อยู่ได้ค่ะ”“งั้นพี่ค่อยสบายใจหน่อย พี่ขอบใจจันทร์มากนะสำหรับทุกๆ อย่างในวันนี้”“จันทร์ยินดีค่ะ เสียดายนะคะพี่ขิมมาไม่ได้ ไม่งั้นจันทร์จะบอกให้พี่ขิมสีไวโอลินให้ด้วย เพลงของคุณปรัชญ์คงเพราะกว่านี้” จันทริกาเอ่ยถึงภัคธีมารุ่นพี่ที่เคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันซึ่งเป็นคนที่มีทักษะทางด้
บทที่ 90“ก็แล้วทำไมคุณปรัชญ์จะต้องล้อเล็กด้วยล่ะคะว่าเสียงครางเล็กเป็นยังไง” เสียงหวานเอ่ยต่อว่าเขาทั้งที่แก้มนวลแดงก่ำ แต่ก็แปลกใจตัวเองที่กล้าตอบโต้เขาแบบนั้น หรือว่าเธอจะซึมซับความเป็นเขาจนเคยชินเข้าแล้วจริงๆ“ล้อที่ไหน ฉันพูดความจริงต่างหาก นะเล็กจ๋านะ ฉันอยากได้ยินเสียงแบบนั้นอีก นี่กี่วันแล้วที่ฉันไม่ได้ยิน จะลงแดงตายอยู่แล้วนะที่รัก” ปรัชญ์ยังทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขี้อ้อนที่เรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธรินดาแทบไปไม่เป็นเหมือนกัน จึงได้แต่ตอบเขาไปด้วยกลอนของวรรณคดีในเรื่องขุนช้างขุนแผน“อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”“ฉันขอเถียงว่าไม่จริง”“อย่ามัวแต่เถียงกับเล็กอยู่เลยค่ะ มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยตัดบท เพราะยิ่งคุยกันนานก็ยิ่งดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานลูกล่อลูกชนของเขาไม่ไหว“นี่ฉันกำลังถูกเมียสั่งอยู่ใช่มั้ย” ปรัชญ์เอ่ยสัพยอกอีกพลางลอบถอนหายใจเบาๆ“ไม่ได้สั่งค่ะ แค่เป็นห่วงอยากให้สบายตัว”“จริงเหรอ”“ค่ะ”“ถ้าอยากให้ฉันสบายตัวจริงๆ เธอก็ต้องไปด้วยกัน”ว่าแล้วปรัชญ์ก็ย่อตัวลงช้อนเอาร่างเล็กขึ้นอุ้มทันที“ปล่อยเล็กลงนะคะคุณปรัชญ์...ทำไมจ้องจะเอาเปรี