Share

บทที่ 18

บทที่ 18

ในห้องโถงสำหรับจัดงานของโรงแรมถูกจัดตกแต่งสถานที่ด้วยโซฟาสุดหรูนำเข้าจากฝรั่งเศส ด้านหลังเป็นฉากสีชมพู มีดอกไม้สีขาวและสีชมพูประดับอย่างสวยงามลงตัวและไม่มากจนเกินไป เหมาะกับงานหมั้นเล็กๆ ที่จัดขึ้นภายในครอบครัวเท่านั้น และที่นั่นธรินดาถูกแม่เลี้ยงลักษิกาแนะนำให้รู้จักกับนัสรินว่าที่สะใภ้ของครอบครัวเป็นครั้งแรก 

นัสรินสวยสง่าในชุดเดรสสีขาวแบบเปิดไหล่เล็กน้อย แขนยาว ตัดเย็บอย่างประณีตด้วยผ้าลูกไม้สีขาวทั้งชุด ธรินดาเป็นฝ่ายยกมือขึ้นไหว้ก่อนเพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่า

“สวัสดีค่ะคุณนัสริน”

“สวัสดีจ้ะน้องเล็ก ไม่ต้องเรียกพี่ว่าคุณนัสรินก็ได้ เรียกว่าพี่นัสดีกว่านะจะได้กันเอง” นัสรินบอกอย่างเป็นกันเองพลางยิ้มให้บางๆ

“หนูนัสพูดถูก เดี๋ยวต่อไปก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เรียกว่าพี่นัสดีกว่านะหนูเล็ก” แม่เลี้ยงลักษิกาเสริมขึ้นอีกแรงทำให้ธรินดารับคำอย่างว่าง่าย

“ได้ค่ะแม่ใหญ่ ต่อไปเล็กจะเรียกคุณนัสรินว่าพี่นัสค่ะ”

“แล้วนี่ตาปรัชญ์ยังไม่มาเหรอคะแม่เลี้ยง” คุณนิภามารดาของนัสรินถามพลางมองหาว่าที่ลูกเขยซึ่งไม่ได้มาพร้อมกับครอบครัว

“ไม่ได้มาพร้อมกันค่ะคุณนิภา มัวแต่เสริมหล่ออยู่นั่นแหละ แต่ยังไงดิฉันรับรองว่าตาปรัชญ์มาทันฤกษ์แน่นอนค่ะ”

แม่เลี้ยงลักษิกาได้แต่ออกตัวและปั้นหน้ายิ้มเหมือนไม่มีอะไร ทั้งๆ ที่ในใจร้อนรนไม่น้อย เพราะเกรงว่าลูกชายคนเล็กจะมาไม่ทันเมื่อนึกถึงท่าทางเอื่อยเฉื่อยของเขา

“น่าภูมิใจแทนพี่ปภพกับแม่เลี้ยงจังเลยนะคะที่มีลูกชายเก่งทั้งคู่ แต่ดิฉันกับคุณพี่นี่สิคะมีลูกสาวคนเดียว แถมลูกนัสก็ไม่ได้เก่งอะไรอีกต่างหาก”

“เรื่องเก่งน่ะไม่เถียงค่ะ แต่เรื่องความว่าง่ายนี่สิคะต่างกันลิบลับ ตาปราณต์น่ะเป็นคนว่าง่ายเหมือนผ้าที่รีดยังไงก็เรียบ แต่ตาปรัชญ์นี่ยิ่งรีดก็ยิ่งยับค่ะ แถมยังชอบกวนอารมณ์ให้โมโหเล่นอีกต่างหาก คุณนิภาต้องทำใจนิดหนึ่งนะคะ”

“ดีซะอีกค่ะ ยัยนัสเป็นคนพูดไม่เก่งออกจะเงียบด้วยซ้ำๆ ต้องอยู่กับคนแบบตาปรัชญ์นี่แหละ ชีวิตจะได้มีสีสัน”

“กำลังพูดถึงผมอยู่เหรอครับ”

เสียงที่แทรกขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองคนมาใหม่เป็นตาเดียวกัน ปรัชญ์ยกมือขึ้นไหว้บิดามารดาของนัสรินอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะหันไปทักทายว่าที่คู่หมั้นของตน ท่ามกลางความโล่งอกกึ่งแปลกใจกึ่งไม่พอใจของคนเป็นแม่ โล่งอกที่ลูกชายไม่หนีงานหมั้น แปลกใจที่เขามาเร็วกว่าที่คิด ตอนแรกแม่เลี้ยงลักษิกาคิดว่าปรัชญ์จะมาทันฤกษ์อย่างเฉียดฉิวเหมือนที่ตนเคยชินเสียอีก และไม่พอใจที่เห็นว่าใบหน้าคมคร้ามนั้นยังคงเต็มไปด้วยไรหนวดไรเครารกทึบทั้งๆ ที่ตนย้ำก่อนจะออกจากบ้านแล้วว่าให้โกนให้เรียบร้อย

“แม่บอกให้โกนหนวดให้เรียบร้อยไม่ใช่เหรอตาปรัชญ์” แม่เลี้ยงทำเสียงดุๆ ใส่ลูกชายที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งของตน

“เอาไว้วันแต่งจะโกนให้เรียบร้อยครับแม่เลี้ยง แต่วันหมั้นผมขอเป็นตัวของตัวเองสักวัน” ปรัชญ์พูดกับคนเป็นแม่ยิ้มๆ แถมน้ำเสียงยังอ่อนโยนขี้อ้อนผิดกับยามปกติลิบลับ สร้างความแปลกใจให้แม่เลี้ยงลักษิกาและคนอื่นๆ ที่เห็นพฤติกรรมกวนโมโหของเขาจนเจนตาอย่างปราณต์กับธรินดาเป็นอย่างมาก

“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่เลี้ยง ผมชอบคนเป็นตัวของตัวเอง”

พลตรีชยุตพ่อของนัสรินพูดขึ้นอย่างรู้สึกชอบใจในบุคลิกของปรัชญ์ที่เหมือนจะดื้อแต่ถอดแบบความเด็ดขาดและการเป็นตัวของตัวเองมาจากคนเป็นพ่อไม่มีผิด

“ถ้าคุณชยุตกับคุณนิภาไม่ถือสาดิฉันก็โล่งใจค่ะ ถ้าอย่างนั้นในระหว่างรอฤกษ์ เราให้เด็กๆ คุยกันไปก่อนนะคะ ส่วนพวกเราไปนั่งพักรอดีกว่าค่ะ ยืนนานๆ เดี๋ยวจะเมื่อยกันเสียก่อน”

แม่เลี้ยงลักษิกาเดินนำพลตรีชยุตกับคุณนิภาไปยังโซฟาที่จัดไว้ ส่วนปราณต์ก็พาธรินดาไปดื่มน้ำที่พนักงานของโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ ทำให้ปรัชญ์กับนัสรินถูกทิ้งให้ยืนกันอยู่ตามลำพังอย่างเป็นอัตโนมัติ

ขณะที่นั่งดื่มน้ำส้มอยู่กับพี่ชายอีกคน ธรินดาก็มองสำรวจไปรอบๆ ห้องโถงที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามนั้นอีกครา ทว่าหัวใจกลับเกิดอาการกระตุกไหวเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่อยู่ เมื่อสายตาปะทะกับภาพที่ปรัชญ์กำลังยืนคุยกับนัสรินด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส ใบหน้าเขาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและมีเสียงหัวเราะดังมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ ซึ่งดูแล้วไม่ใช่อาการของคนที่ถูกบังคับให้หมั้นเลยแม้แต่นิด กลับเป็นเธอที่เงียบไปและสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะปราณต์เรียกตั้งหลายหนเธอก็ไม่ขาน จนเขาต้องยื่นมือมาเขย่าที่แขนเบาๆ

“น้องเล็กๆ”

“คะ...” เสียงหวานขานรับและกะพริบตาถี่ๆ คล้ายคนที่เพิ่งจะตื่นจากภวังค์

“ใจลอยไปถึงไหน พี่เรียกตั้งหลายหนกว่าจะขาน”

“เปล่าค่ะ เล็กแค่คิดอะไรเพลินๆ ว่าแต่พี่ปราณต์เรียกเล็กทำไมคะ” ธรินดารีบปรับสีหน้าและแววตาให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้ปราณต์ผิดสังเกตไปมากกว่านั้น เธอเองไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเงียบไปนานขนาดนั้นได้อย่างไรเพียงแค่เห็นปรัชญ์คุยกับว่าที่คู่หมั้นของเขา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย

“พี่ว่าจะชวนเล็กไปสมทบกับคนอื่นๆ น่าจะใกล้เวลาแล้ว”

“ค่ะพี่ปราณต์”

รับคำเสร็จร่างบางก็เดินตามพี่ชายไปยังบริเวณที่จัดพิธี จากนั้นไม่นานพิธีสวมแหวนหมั้นระหว่างปรัชญ์กับนัสรินก็เริ่มขึ้นตามฤกษ์ยามที่ได้กำหนดเอาไว้

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status