บทที่ 22ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ธรินดาเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยมีปราณต์ขับรถไปส่งที่สนามบินตามลำพัง ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาออกจากบ้านไปยังไร่เดชาธรตั้งแต่ตอนสายๆ หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดลำลอง ส่วนชุดนักศึกษาเธอพับใส่ถุงกระดาษและหิ้วกลับไปซักที่หอพักการนั่งรถมากับปราณต์สองคนไม่ได้ทำให้ธรินดารู้สึกอึดอัดแม้แต่เศษเสี้ยวนาที ปราณต์เป็นพี่ชายที่ใจดีกับเธอเช่นเคย และไม่เคยมีคำพูดใดที่จะทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจหรือน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนใครบางคน“เล็กไปก่อนนะคะพี่ปราณต์ ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”มือเล็กยกขึ้นไหว้ปราณต์เมื่อเขาเดินเข้ามาส่งถึงห้องผู้โดยสารและรอจนเธอเช็กอินเสร็จ ปราณต์ไม่ได้รับไหว้แต่รวบร่างบางเข้าไปกอดแบบหลวมๆ แล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมนุ่มสลวยอย่างอ่อนโยน“เดินทางปลอดภัยนะน้องเล็ก จะกลับอีกเมื่อไหร่ก็โทร.บอกพี่นะ พี่จะได้มารับ”“เล็กไม่กล้ารบกวนพี่ปราณต์หรอกค่ะ พี่ปราณต์งานยุ่งจะตาย”“ถึงยุ่งก็ปลีกเวลามาได้”“แม้แต่ตอนอยู่ในห้องผ่าตัดเหรอคะ” ธรินดากล้าพูดเล่นกับเขาเพราะรู้ว่าปราณต์ไม่ถือสา“พี่จะพยายามไม่ผ่าใครในตอนที่น้องเล็กกลับมาก็แล้วกัน”“อย่าลำเอียงสิคะคุณหมอ คนไข้ต้องสำคัญกว่าเล็ก
บทที่ 23ธรินดาหันขวับมาเหมือนครั้งแรกที่ได้ยินเสียงเขา แต่ครั้งนี้ต่างกับเมื่อครู่เพราะใบหน้าของปรัชญ์อยู่ห่างจากใบหน้าของเธอแค่ไม่ถึงนิ้ว ทำให้ปากอิ่มเกือบจะชนเข้ากับปากของคนที่ชอบพูดจาหาเรื่อง “อย่าทำอะไรบ้าๆ นะคะคุณปรัชญ์” ธรินดารีบเอ่ยห้ามเสียงขุ่นโดยไม่กล้าเสียงดังนัก เพราะกลัวจะตกเป็นเป้าสายตาคนบนเครื่อง “บ้าตรงไหนแค่หอมแก้มกับไซ้คอ” “แต่นี่มันบนเครื่องบิน” “งั้นที่ไหนล่ะ ที่ฉันจะหอมแก้มและไซ้คอเธอได้ ตอนที่เธอนั่งบนตักฉัน ตอนที่เธอขึ้นเตียงกับฉัน หรือว่าตอนไหนก็ได้ที่ไม่มีคนเห็น” “คุณปรัชญ์!” “หือ...ได้หมดอย่างที่ฉันว่ามาใช่ไหม ยกเว้นตอนนี้” คิ้วเข้มเลิกขึ้นและทำหน้าตายคล้ายกับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำให้เธออายและโกรธระคนกัน “เลิกหาเรื่องเล็กซะทีเถอะค่ะ เล็กอยากนั่งเงียบๆ” ธรินดาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเพื่อยุติการปะทะคารมครั้งนี้เสียที “โอเค...นั่งเงียบๆ ก็นั่งเงียบๆ” ปรัชญ์ยอมขยับไปนั่งตัวตรงอย่างว่าง่าย ทำให้ธรินดาแอบถอนหายใจออกม
บทที่ 24ปรัชญ์โบกแท็กซี่ที่แล่นผ่านมาพอดี เขาเปิดประตูหลังดันร่างบางเข้าไปก่อน จากนั้นก็พาตัวเองก้าวตามขึ้นไปและบอกจุดหมายกับคนขับ“ไปคอนโดฯ...” เขาบอกชื่อคอนโดมิเนียมที่อยู่ในย่านเพลินจิต ซึ่งนั่นไม่ใช่ทางที่จะไปหอพักของธรินดาเลย“คุณปรัชญ์จะพาเล็กไปไหนคะ เล็กจะกลับหอพักนะคะ ถ้าคุณปรัชญ์มีธุระทำไมไม่ปล่อยให้เล็กกลับคนเดียว” หญิงสาวหันหน้าไปมองเขาพร้อมกับเอ่ยปากต่อว่า“เงียบเถอะน่า...ถ้าเธอไม่เงียบฉันจะจูบเธอบนแท็กซี่นี่ละ”เขาขู่เหมือนกับที่ขู่เธอตอนนั่งอยู่บนเครื่องแต่ไม่ได้ออมเสียงแม้แต่น้อย คำพูดนั้นดังไปกระทบหูคนฟังอย่างจังทำให้คนขับรถแท็กซี่ซึ่งนั่งอยู่เบาะหน้าอมยิ้ม แต่ก็ไม่ได้เสียมารยาทอะไร คนขับยังคงทำหน้าที่ของตน และปล่อยให้ผู้โดยสารของตัวเองมีความเป็นส่วนตัวต่อไป“คุณปรัชญ์ก็ดีแต่ขู่นั่นแหละ” เสียงหวานพูดออกไปด้วยความอึดอัดที่ตกเป็นเบี้ยล่างคนชอบขู่อยู่ร่ำไป“ไม่ได้ดีแต่ขู่ ฉันพูดจริงทำจริงเสมอ หรืออยากจะลอง”ไม่พูดเปล่าแต่ปรัชญ์ยังยื่นหน้ามาใกล้ๆ จนเกือบชิด ทำให้ธรินดาต้องรีบเอนตัวหนี พลางเอ่ยห้ามโดยไม่กล้าเสียงดังนัก“อย่านะคะ!”แค่ห้ามเขาธรินดาก็ยังไม่ไว้ใจสถานการณ์ จึง
บทที่ 25พระอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นวงกลมสีแดงขนาดใหญ่ที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงลาลับขอบฟ้าในบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายจนลืมไปว่าที่แห่งนี้อยู่ในย่านใจกลางเมืองหลวง ปรัชญ์ยังอาบน้ำไม่เสร็จทั้งๆ ที่ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ธรินดาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ฉวยโอกาสนั้นหนีกลับไปหอพักตัวเองไปเสีย อาจเป็นเพราะคำขู่ของเขากระมังที่ทำให้เธอไม่กล้าเสี่ยง เพราะรู้ดีว่าคนอย่างปรัชญ์พูดจริงทำจริงและคาดเดาได้ยากเสมอความมืดของรัตติกาลสยายปีกแผ่ขยายปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณของแม่น้ำเจ้าพระยาหลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า บัดนี้เบื้องล่างนั้นมืดสนิทแล้วและมีแสงสว่างจากไฟตามอาคารบ้านเรือน ท้องถนน และสะพานเข้ามาแทนที่ หญิงสาวจึงพาตัวเองออกห่างจากกระจกบานใหญ่แล้วไปนั่งลงบนโซฟาสีดำซึ่งวางอยู่กลางห้องโถงประตูห้องน้ำเปิดพร้อมกับที่เจ้าของร่างใหญ่สูง 185 เซนติเมตรก้าวออกมาจากข้างใน ตาคู่สวยเหลือบไปมองก็เห็นว่าตอนนี้ปรัชญ์อยู่ในสภาพของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ผมยาวของเขาเปียกลู่ คงเป็นเพราะสระผมถึงได้อาบน้ำนานเช่นนั้น หยดน้ำเม็ดกลมๆ เกาะอยู่ตามร่างกายท่อนบนซึ่งเปลือยเปล่าอวดให้เห็นหัวไหล่หนา
บทที่ 26เป็นอีกครั้งที่ธรินดาอึ้งกับคำถามของคนที่ตัวเองกำลังเช็ดผมให้อยู่ มือเล็กชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบในสิ่งที่ปรัชญ์ตั้งคำถาม“คุณปรัชญ์ไม่ชอบหน้าเล็ก ชอบรังแกเล็ก ชอบพูดจาเสียดสีเล็ก”“เธอตอบไม่ตรงคำถามอีกแล้วนะ” เขาดักคอและยิ้มยั่วผ่านกระจก“ตรงที่สุดแล้วค่ะ” ธรินดาไม่อาจทนการยั่วเย้าที่แฝงไว้ด้วยการรู้เท่าทันและจับพิรุธเช่นนั้นได้ จึงวางผ้าขนหนูลงและทำท่าจะเดินหนี แต่ปรัชญ์ไวกว่า ร่างสูงใหญ่หมุนตัวกลับมาแล้วรวบเอวเล็กให้นั่งลงไปบนตักของเขา จากนั้นก็ตวัดแขนกอดไว้แน่น“ปล่อยนะคะคุณปรัชญ์”ร่างบางที่ถูกกอดรัดอยู่ดิ้นขลุกขลักพร้อมทั้งเอ่ยขอร้องให้เขาปล่อย“กอดทีไรก็บอกให้ปล่อยทุกที เธอเป็นอะไรหือธรินดา เธอไม่ชอบที่ฉันกอดหรือไง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม อ้อมกอดยังแน่นแบบไม่คิดจะยอมคลาย เพราะยังไม่อยากให้เธอเป็นอิสระในตอนนี้สิ่งที่เขาถามและน้ำเสียงเช่นนั้นทำให้ธรินดาหยุดดิ้น มองหน้าเขาตรงๆ และบอกในสิ่งที่ตัวเองคิดและรู้สึกอยู่ตลอดมา“เล็กไม่ชอบให้คุณปรัชญ์กอดค่ะ และเล็กก็เป็นคนที่คุณปรัชญ์ไม่มีสิทธิ์กอดตามอำเภอใจด้วย”“ทำไมจะไม่มี เราเป็นอะไรกันแล้วเธอก็รู้”“เราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ เล็กเป็น
บทที่ 27พูดจบปากและจมูกโด่งก็กดหนักๆ ลงที่พวงแก้มใสด้านซ้ายที่ตอนนี้เห่อร้อนจนกลายเป็นสีแดงระเรื่อๆ“คุณปรัชญ์!” ธรินดาอุทาน มองเขาตาเขียวขุ่น พลางยกมือขึ้นกุมที่แก้มตัวเองตรงที่โดนเขาจูบเมื่อครู่นี้“จูบเมื่อกี้เป็นจูบแบบพี่ชายกับน้องสาว ส่วนจูบนี้เป็นจูบแบบผู้ชายกับผู้หญิง”พูดเสร็จปรัชญ์ก็จูบอีก คราวนี้ไม่ได้จูบที่แก้ม แต่ปากหยักสวยได้รูปกดลงประกบบนเรียวปากอิ่ม ธรินดายังไม่หายจากอาการตกใจดีด้วยซ้ำก็โดนจู่โจมอีกรอบ ร่างบางยืนตัวแข็งทื่อ เม้มปากจนแน่นสนิทและเบี่ยงหน้าหนีเป็นพัลวัน เมื่อปรัชญ์พยายามจะแทรกลิ้นเข้าไปข้างใน เขาจึงใช้สองมือแนบประคองหน้าหวานใสเอาไว้เพื่อให้เธอหลบเลี่ยงไปไหนไม่ได้ ส่วนปากเพิ่มแรงบดคลึงและดูดเม้ม ไม่นานเรียวปากอิ่มก็เผยอเพื่อจะร้องห้ามเขา แต่นั่นเท่ากับเป็นการเปิดทางให้ลิ้นหนาแทรกเข้ามาในโพรงปากนุ่มชื้น พร้อมกับที่เรียวลิ้นอ่อนประสบการณ์ถูกเกี่ยวกระหวัดโลมเลียดูดซับเอาความหวามหวานอย่างดูดดื่มเร่าร้อนปากถูกจูบแต่ความเสียวซ่านรัญจวนกลับก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงในท้องน้อย แล้วแผ่ลุกลามแทรกซึมไปในเลือดที่ไหลเวียนไปทั่วกายสาว ธรินดาพยายามข่มกลั้นความรู้สึกที่จะไม
บทที่ 28หลังจากปรัชญ์คุยโทรศัพท์กับแม่เลี้ยงลักษิกาเสร็จแล้ว ธรินดาก็พยายามดีดดิ้นพยศแรงเพื่อให้ร่างของตนหลุดพ้นจากตักแกร่ง พร้อมๆ กับความจริงบางอย่าง ทำให้หญิงสาวต้องบอกตัวเองว่า ควรจะรีบหลีกลี้หนีห่างจากสถานที่และผู้ชายซึ่งไม่ควรเข้าใกล้คนนี้โดยเร็วที่สุด“ตกลงคุณปรัชญ์จะไปส่งเล็กมั้ย” เธอถามเสียงขุ่นเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยเธอลงจากตักง่ายๆ“นี่ถาม หรือขู่ หรือว่าออกคำสั่ง”“สุดแล้วแต่คุณปรัชญ์จะคิดค่ะ แต่เล็กจะกลับแล้ว ไม่ว่าคุณปรัชญ์จะไปส่งหรือไม่ไปก็ตาม”“งอนเรื่องอะไร เมื่อกี้ก็ยังดีๆ กันอยู่เลย”“เล็กไม่ได้งอนค่ะ แต่เล็กคิดว่าเล็กไม่ควรจะอยู่กับคุณปรัชญ์นานไปกว่านี้ มืดมากแล้วเล็กต้องรีบกลับไปทำงานสารนิพนธ์ต่อค่ะ ถ้าคุณปรัชญ์ไม่ไปส่ง เล็กก็จะกลับเอง” เจ้าของเสียงหวานที่ปกติจะอ่อนให้เขามาตลอดบอกอย่างจริงจังแกมห้วน ฉาบความเรียบเฉยลงไปในแววตาโดยใช้สิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกผลักดันมันออกมา“ตกลง...ยกนี้ฉันยอมแพ้ก็ได้ เธอนั่งรอแป๊บหนึ่ง ขอเวลาแต่งตัวไม่เกินห้านาที”ร่างเล็กถูกยกขึ้นจากตักและวางลงบนโซฟา ก่อนที่ปรัชญ์จะพาร่างสูงใหญ่องอาจไปยังตู้เสื้อผ้าของตัวเอง หยิบเอากางเกงชั้นในสีเทามาสว
บทที่ 29หลังจากสั่งเสร็จ ปรัชญ์ก็กวาดสายตามองสำรวจภายในร้าน ธรินดามุ่นคิ้วเข้าเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเขาคลี่ยิ้มพร้อมกับโค้งศีรษะคล้ายกับทักทายใคร เมื่อมองตามจึงเห็นว่าคนที่เขากำลังสร้างปฏิสัมพันธ์ด้วยนั้นคือผู้หญิงหน้าตาสะสวยสะดุดตาคนหนึ่ง ซึ่งธรินดาจำได้ว่าเป็นดาวคณะของคณะหนึ่ง แถมยังพ่วงดีกรีเชียร์ลีดเดอร์มหาวิทยาลัยและกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สาม “สาวๆ แถวนี้สวยดีนะ” ปรัชญ์เปรยขึ้นหลังจากถอนสายตากลับมาจากผู้หญิงคนนั้นแล้วมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน“ค่ะ...ผู้ชายก็หล่อ” ธรินดาไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมถึงตอบเช่นนั้น แล้วก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเอง เมื่อเห็นปรัชญ์ยิ้มคล้ายกำลังหัวเราะเยาะเธอ“เพิ่งรู้ว่าเธอก็รู้จักมองผู้ชาย”“ทำไมคะ ผู้หญิงมองผู้ชายมันแปลกตรงไหน”“แปลกตรงที่เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นน่ะสิ”ธรินดาตาขุ่นเล็กน้อย ปรัชญ์กำลังจะตอกย้ำเธออีกแล้วสินะ ว่าเธอเป็นพวกนางชีในห้องพระ นางซินในห้องครัว และทำตัวเป็นนางวรรณคดีที่ชอบเดินชมดอกไม้ในสวนอุทยาน“อ้อ...ลืมไปว่าตอนนี้เธอถูกฉัน ‘สึก’ แล้ว โลกทัศน์ก็เลยเปิดกว้าง แต่อย่าให้มันเยอะเกินไปล่ะธรินดา ไม่อย่างนั้นเธอโดนดีแน่” ปรัชญ์ทั้
บทที่ 98“ฉันไม่อยากดื่มนมอย่างอื่น ฉันเก็บปากของฉันไว้ดื่มนมอร่อยๆ จากเต้าของเธอก็พอแล้ว ว่าแล้วก็หิว เล็กจ๋า...ให้ฉันกินนะ” แววตาของคนที่ประท้วงอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวิบวับและเปล่งประกายความปรารถนาที่มีต่อเธอออกมาอย่างเปิดเผย “ไม่เอาค่ะคุณปรัชญ์” ธรินดาปฏิเสธเสียงเบา เพราะกลัวลูกสาวจะตื่นมาเห็น “แต่ฉันจะ ‘เอา’ นะเล็กจ๋า ตามใจผัวนะครับหนูเล็กคนดี” “โธ่...คุณปรัชญ์” “ไม่โธ่จ้ะที่รัก...ฉันหิว อยากดื่มนม” ปรัชญ์กระซิบบอกความต้องการของตัวเอง พร้อมกับที่ธรินดารับรู้ถึงความตื่นตัวของเขาที่ตอนนี้บดเบียดเธออยู่ไม่ห่าง “ถ้าอย่างนั้นเล็กไปดับไฟก่อนนะคะ” ธรินดาบอกอย่างอายๆ แต่คำตอบนั้นบ่งบอกชัดว่าเธอยอมตามใจเขาแล้ว ปรัชญ์จึงยอมปล่อยให้ร่างเล็กลุกจากตักไปปิดไฟ ส่วนตัวเองขยับขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียง ห้องทั้งห้องมืดสนิทเมื่อธรินดายื่นมือไปกดสวิตช์ไฟให้ดับลง เธออาศัยความเคยชินเดินกลับมายังเตียง และค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างสามี ปรัชญ์รีบขยับเข้ามาแนบชิดพร้อมกับกระซิบเรียกเสียงพร่า ท
บทที่ 97“ป๋าก็คิดถึงนิล คิดถึงแม่เล็กของนิลใจแทบขาด” ปรัชญ์ตอบลูกสาวและถือโอกาสอ้อนไปถึงแม่ของลูกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้โทรศัพท์น่าจะเปิดลำโพงอยู่ “งั้นก็รีบกลับบ้านสิคะป๋า หมีพูกับแม่เล็กก็รอป๋าเหมือนกันค่ะ” ปรัชญ์ยิ้มออกมาอีกคราเมื่อลูกบอกว่าธรินดาเองก็รอเขาอยู่ ใบหน้าอันหวานซึ้งนั้นลอยเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เขาจำต้องพับหน้าจอแล็ปท็อปลงพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่กางอยู่หลายอันบนโต๊ะ“โอเคครับคนดีของป๋า ป๋าจะกลับเดี๋ยวนี้ละ” “งั้นนิลจะรอจนกว่าป๋าจะมานะคะ นิลถึงจะนอน” “ครับ อีกยี่สิบนาทีเจอกันนะครับ” “ค่ะป๋า เย้ๆ” หลังจากวางสายจากลูกสาว ปรัชญ์ก็ไม่รอช้า รีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้านอย่างปราศจากความลังเลใดๆ ทันที งานเอาไว้ก่อนตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูก เมีย แม่ และหมีพู ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านทันทีที่ร่างสูงเดินเข้าบ้าน หมีพูกับเด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็วิ่งมาหาพร้อมกับเรียกผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ โดยมีหมีพูวิ่งตามมาไม่ห่างพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างดีใจเช่นกัน
บทที่ 96นัสรินเดินเข้าบ้านด้วยอาการของคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำให้ไม่เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องโถงชั้นล่าง พลตรีชยุตกับคุณนิภาหันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นคุณนิภาก็เป็นฝ่ายส่งเสียงทักลูกสาว“ไงยัยนัส ไปบ้านพี่ปรัชญ์มาโอเคหรือเปล่าลูก”“อ้าว...คุณพ่อคุณแม่ อยู่นี่เองเหรอคะ” นัสรินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบิดามารดาของตนนั่งอยู่ตรงนั้น เธอมัวแต่คิดเรื่องที่ปรัชญ์เพิ่งคุยด้วย ทำให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ รวนไปเสียหมด“เป็นอะไรไปลูก ทำไมดูหน้าเครียดๆ แบบนั้น ทะเลาะกับตาปรัชญ์มาเหรอ”“เปล่าค่ะคุณแม่ นัสแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ” นัสรินตอบมารดาเสียงนุ่ม ก่อนจะขยับไปนั่งลงข้างๆ“มีอะไรเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้หรือเปล่า” พลตรีชยุตพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว เพราะปกตินัสรินไม่ค่อยมีท่าทีเหม่อลอยให้เห็นบ่อยนักนัสรินมองหน้าบุพการีทั้งสองอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจขอคำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอคนเดียว มันเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเธอด้วย“เมื่อกี้นี้พี่ปรัชญ์เพิ่งจะบอกว่าพี่ปรัชญ์มีคนรักอยู่แล้ว และอยากให้นัสแต่งงานกับคุณปราณต์แทนค่ะ”“ว่าไงนะลูก!” คุณนิภาอุทา
บทที่ 95“แต่คุณปราณต์ไม่ได้ชอบนัสนะคะ อีกอย่างคุณปราณต์อาจจะมีคนรักอยู่แล้วเหมือนที่พี่ปรัชญ์มี” น่าแปลกที่คราวนี้เธอกลับแคร์ความรู้สึกของปราณต์ขึ้นมาเสียมากมาย เดือดเนื้อร้อนใจไปหมดกับความจริงที่ว่าเขาอาจมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ ทั้งๆ ที่ตอนถูกพ่อแม่บังคับให้หมั้นกับปรัชญ์เธอกลับไม่ตระหนักเลยว่าปรัชญ์อาจจะมีคนรักอยู่แล้ว คิดแต่ว่าหากปรัชญ์ยอมหมั้นเธอก็ยอมหมั้นตามที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้นก็พอ“พี่ปราณต์ยังไม่มีใครหรอก ถ้านัสอยากแต่งกับพี่ปราณต์พี่จัดการให้ได้” “แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกคุณปราณต์เลยนะคะพี่ปรัชญ์” “ก็เหมือนกับที่แม่บังคับพี่ให้แต่งงานกับนัสนั่นละ แม่ก็คิดแค่ว่าพี่ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ที่พี่พูดอย่างนี้นัสอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าหรือถูกโยนให้คนนั้นทีคนนี้ทีนะ แต่พี่ไม่อยากทรยศหัวใจตัวเองและไม่อยากให้ธรินดาต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้” “นัสเข้าใจค่ะและขอบคุณที่พี่ปรัชญ์บอกนัสตรงๆ แต่นัสขอถามอะไรตรงๆ บ้างได้มั้ยคะ” นัสรินยังหนักอึ้งในเรื่องที่ปรัชญ์เสนอมา แต่เธอก็ยังอยากจะรู้ความจริงจากใจเขาให้หมดเปลือกเสียก่อน“ได้ส
บทที่ 94 สี่เดือนก่อน... รถซีดานแบรนด์ยุโรปราคาสองล้านกว่าๆ แล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปรัชญ์บอกว่าจะพาคู่หมั้นสาวไปส่ง นัสรินหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนขับที่เมื่อครู่นี้ยังพูดจากวนประสาทแม่ของเขาอย่างมีสีสันอยู่เลย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในอิริยาบถที่เงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน แม้จะไม่ถึงกับทำให้อึดอัด แต่คนคุยไม่เก่งแบบเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขากับเธอได้พบกัน หลังจากหมั้นเสร็จปรัชญ์ก็ไม่เคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเยือนในฐานะคู่หมั้นเลยสักครั้ง นัสรินรู้ดีว่าปรัชญ์เองก็คงจะถูกบังคับให้หมั้นเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไม่ใส่ใจหรือทำตัวไม่เหมือนกับคู่หมั้นคู่อื่นๆ “นัสรีบกลับบ้านหรือเปล่า” ปรัชญ์หันมาถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่รถแล่นออกมาพ้นอาณาเขตบ้านได้พักใหญ่ “เปล่าค่ะ นัสว่างทั้งวันค่ะพี่ปรัชญ์” “งั้นแวะดื่มกาแฟกับพี่ก่อนนะ ข้างหน้ามีร้านบรรยากาศดี กาแฟก็อร่อย” ปรัชญ์ชวนด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้นัสรินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำและยิ้มบางๆ
บทที่ 93“เปิดดูสิ เปิดตอนนี้เลยนะเล็ก” ปรัชญ์เชียร์ทั้งปาก ทั้งสายตา ทั้งสีหน้าที่เหมือนอยากจะให้เธอได้เห็นเหลือเกินว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ซึ่งตอนแรกธรินดากะว่าจะเก็บไว้เปิดพรุ่งนี้เช้า แต่เมื่อสามีคะยั้นคะยอเช่นนั้น เธอจึงต้องค่อยๆ แกะโบที่ผูกอย่างสวยงามนั้นออก ก่อนจะเปิดฝากล่องเป็นลำดับสุดท้าย และแล้วสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้แก้มนวลแดงซ่าน เธอหยิบมันขึ้นมาดูสลับกับมองคนให้อย่างเขินอายสุดกำลัง“นี่มันอะไรกันคะคุณปรัชญ์”“ก็ชุดนอนไง มีหลายชุดด้วย ผ้าดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ปรัชญ์ตอบอย่างรื่นรมย์“แล้วทำไมมันโป๊แบบนี้ล่ะคะ” ธรินดาถามเพราะถึงแม้ว่าชุดนอนแต่ละชุดที่อยู่ในกล่องนั้นมันสวยและผ้านิ่มมากก็จริง แต่มันกลับเซ็กซี่สุดๆ ทุกตัวล้วนแต่คอเว้าลึกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเวลาใส่จะต้องโชว์เนินอกแน่ๆ แถมยังสั้นเต่อจนเกือบถึงโคนขา บางชุดก็เป็นแบบสองชิ้น ชิ้นบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวในลักษณะอวดโชว์เนินเนื้อ ชิ้นล่างเป็นแค่กางเกงชิ้นน้อย เหมือนกับออกแบบมาเพื่อขยี้ใจชายโดยเฉพาะ แล้วเธอจะกล้าใส่ได้อย่างไร“โป๊ที่ไหน เขาเรียกว่าเซ็กซี่ต่างหาก ฉันอยากเห็นเมียเซ็กซี่บ้างไม่ได้เหรอ”“ถ้าชอบผู้หญิงเซ็ก
บทที่ 92แม่เลี้ยงลักษิกายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับธรินดาหญิงสาวที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและรักเหมือนลูก ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นลูกสะใภ้ของตนอย่างที่หวังไว้จริงๆ แล้ว แม้จะไม่ใช่กับลูกชายคนที่ตัวเองตั้งใจจะให้คู่ด้วยแต่แรกก็ตามที แต่ธรินดาก็ได้แต่งงานกับคนที่เธอรักซึ่งก็เป็นลูกชายของตนเหมือนกัน“แม่ให้เป็นของขวัญแต่งงานนะหนูเล็ก” ธรินดายกมือขึ้นไหว้และรับมาโดยที่ไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นคืออะไร“แล้วของผมล่ะครับ” ปรัชญ์ทวงอย่างไม่จริงจัง เขาไม่ได้ต้องการอะไรอยู่แล้ว เพราะเขาได้ของขวัญที่ดีและมีค่ามากที่สุดในชีวิตซึ่งก็คือผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้นั่นเอง เขาจึงไม่ต้องการอะไรอีก อีกทั้งนับจากนี้ของสิ่งใดที่เป็นของเขาก็จะเป็นของธรินดาด้วยอยู่แล้ว “ไม่มีย่ะ ฉันยกให้ลูกสะใภ้ฉันหมดแล้ว”“เอ...ชักอยากรู้แล้วสิว่าแม่ยกอะไรให้เมียผม”“ก็มรดกทุกอย่างที่เป็นส่วนของแกน่ะสิ”“โหแม่...นี่รักลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายตัวเองอีกนะ” ปรัชญ์แกล้งโวยวายเล่นพอเป็นสีสัน“ย่ะ ฉันรักมากกว่ามาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”“แล้วอย่างนี้ผมจะมีสมบัติอะไรเหลือไว้ให้เมียน้อยบ้างล่ะ” ปรัชญ์ยังมิวายกวนประสาทคนเป็นแม่แม้แต่ในช่วง
บทที่ 91ปรัชญ์พาธรินดาลงมาจากเวที หญิงสาวขอตัวกับเจ้าบ่าวเมื่อเหลือบไปเห็นสาวน้อยรุ่นน้องผู้ทำหน้าที่เล่นเปียโนให้ปรัชญ์ร้องเพลงเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เธอเมื่อครู่นี้ ตอนนั้นจันทริกายืนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่คนเดียวที่มุมห้องคล้ายกับว่ากำลังรอใคร ธรินดาจึงตรงดิ่งเข้าไปหาทันที“จันทร์...”“พี่เล็ก...”“ทำไมมายืนอยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ”“จันทร์ไม่รู้จะคุยกับใครน่ะค่ะ จันทร์ไม่รู้จักใครเลย” สาวรุ่นน้องยิ้มแหยๆ แววตาดูอ้างว้างและตื่นๆ จนคนมองนึกสงสาร“อยากกลับบ้านเหรอ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปส่งมั้ย” ธรินดาบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นใจดีแต่ก็ได้รับการปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า“ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์ยังกลับตอนนี้ไม่ได้ คุณตะวันสั่งไว้ว่าให้จันทร์รอ”“อ๋อ...จะกลับพร้อมพี่ตะวันใช่มั้ย”“ค่ะพี่เล็ก พี่เล็กไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จันทร์อยู่ได้ค่ะ”“งั้นพี่ค่อยสบายใจหน่อย พี่ขอบใจจันทร์มากนะสำหรับทุกๆ อย่างในวันนี้”“จันทร์ยินดีค่ะ เสียดายนะคะพี่ขิมมาไม่ได้ ไม่งั้นจันทร์จะบอกให้พี่ขิมสีไวโอลินให้ด้วย เพลงของคุณปรัชญ์คงเพราะกว่านี้” จันทริกาเอ่ยถึงภัคธีมารุ่นพี่ที่เคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันซึ่งเป็นคนที่มีทักษะทางด้
บทที่ 90“ก็แล้วทำไมคุณปรัชญ์จะต้องล้อเล็กด้วยล่ะคะว่าเสียงครางเล็กเป็นยังไง” เสียงหวานเอ่ยต่อว่าเขาทั้งที่แก้มนวลแดงก่ำ แต่ก็แปลกใจตัวเองที่กล้าตอบโต้เขาแบบนั้น หรือว่าเธอจะซึมซับความเป็นเขาจนเคยชินเข้าแล้วจริงๆ“ล้อที่ไหน ฉันพูดความจริงต่างหาก นะเล็กจ๋านะ ฉันอยากได้ยินเสียงแบบนั้นอีก นี่กี่วันแล้วที่ฉันไม่ได้ยิน จะลงแดงตายอยู่แล้วนะที่รัก” ปรัชญ์ยังทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขี้อ้อนที่เรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธรินดาแทบไปไม่เป็นเหมือนกัน จึงได้แต่ตอบเขาไปด้วยกลอนของวรรณคดีในเรื่องขุนช้างขุนแผน“อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”“ฉันขอเถียงว่าไม่จริง”“อย่ามัวแต่เถียงกับเล็กอยู่เลยค่ะ มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยตัดบท เพราะยิ่งคุยกันนานก็ยิ่งดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานลูกล่อลูกชนของเขาไม่ไหว“นี่ฉันกำลังถูกเมียสั่งอยู่ใช่มั้ย” ปรัชญ์เอ่ยสัพยอกอีกพลางลอบถอนหายใจเบาๆ“ไม่ได้สั่งค่ะ แค่เป็นห่วงอยากให้สบายตัว”“จริงเหรอ”“ค่ะ”“ถ้าอยากให้ฉันสบายตัวจริงๆ เธอก็ต้องไปด้วยกัน”ว่าแล้วปรัชญ์ก็ย่อตัวลงช้อนเอาร่างเล็กขึ้นอุ้มทันที“ปล่อยเล็กลงนะคะคุณปรัชญ์...ทำไมจ้องจะเอาเปรี