บทที่ 20
ตู้มมม!!!
เสียงของสองร่างกระแทกน้ำดังขึ้นพร้อมกับการสาดกระเซ็นและการกระเพื่อมของน้ำในสระ อารามตกใจและสัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างธรินดารีบเกาะไหล่ของปรัชญ์ยึดเอาไว้มั่นเป็นพัลวัน ปรัชญ์ที่ตัวสูงเกือบสองเมตรสามารถยืนในน้ำลึกเมตรครึ่งได้สบายๆ ขณะที่ธรินดากลัวจนไม่กล้าเอาเท้าแตะกับพื้นด้วยซ้ำ
ปรัชญ์ตวัดแขนข้างหนึ่งกอดเอวเล็กของคนที่กำลังเบียดร่างเข้าหาเพื่อเอาตัวรอด รอยยิ้มผุดขึ้นบนเรียวปากหยักของเขาด้วยความขบขันและพอใจยิ่งนัก
เมื่อถูกกอดความตกใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอย่างอื่น แม้อ้อมแขนนั้นจะทำให้เธอปลอดภัยขึ้น แต่ปรัชญ์ก็ไม่ควรมากอดเธอเช่นนี้ เพราะเขาเพิ่งจะหมั้นมาหยกๆ
“ปล่อยเล็กค่ะคุณปรัชญ์”
“เบื่อจริง เอะอะอะไรก็พูดแต่คำเดิมๆ ว่าปล่อยเล็กๆ เธอลืมไปหรือเปล่าธรินดา ว่าเธอเป็นคนกระเสือกกระสนเข้ามาหาฉันเอง” เขาพูดอย่างคนที่เป็นต่อกว่า โดยอ้อมแขนยังไม่คลายไปจากเอวเล็กแต่อย่างใด ทำให้ธรินดาดิ้นแรงกว่าเดิม
“คุณปรัชญ์ก็รู้ว่าเล็กว่ายน้ำไม่เป็น แล้วดึงเล็กลงมาด้วยทำไมคะ”
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ยอมถูกใครเอาเปรียบ แล้วผลักฉันลงมาทำไมฮึ นี่คือการลงโทษคนที่คิดจะทำร้ายฉัน แต่ว่าแค่นี้มันยังไม่พอ สำหรับเธอมันต้องแถมด้วยแบบนี้”
การแถมของเขาที่ว่าก็คือการโน้มหน้าลงไปหาจนปากเกือบจะชิดกับเรียวปากอิ่ม ทำให้ธรินดาต้องรีบยกมือขึ้นผลักไหล่หนาเอาไว้พร้อมกับเอนหน้าหนีและร้องห้ามด้วยความตื่นตระหนก
“อย่าค่ะคุณปรัชญ์!”
“อย่าอะไรหืม...” ปรัชญ์ยังโน้มหน้าตามไปไม่ห่างและกระซิบถามเสียงกระเส่า ยิ่งเธอทำท่ากลัวและเกลียดเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสนุกมากเท่านั้น
“คุณปรัชญ์กำลังจะรังแกเล็ก อย่านะคะได้โปรด เล็กขอร้อง”
“คิดว่าฉันจะรังแกอะไรเธอ”
“ก็คุณปรัชญ์กำลังจะ...” คำพูดสุดท้ายชะงักอยู่ที่ริมฝีปาก เมื่อเห็นว่าคิ้วเข้มเลิกขึ้นเหมือนกับรอล้อเลียน
“จะอะไร พูดมาให้หมดสิ” ปรัชญ์เร่งเร้าเมื่อเธอหยุดพูดอยู่แค่นั้น
“ไม่ค่ะ” ธรินดาปฏิเสธทันควัน
“ถ้าเธอไม่พูดฉันจะ...” เขาแกล้งเล่นลิ้นบ้าง คราวนี้ได้ผลชะงัดเพราะธรินดารีบหลุดคำพูดที่เขาต้องการได้ยินออกมาอย่างคนถูกยั่วโมโห
“ก็นี่ไงคะ เอะอะอะไรคุณปรัชญ์ก็คอยแต่จะกอดเล็กจูบเล็ก”
“งั้นเหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างยียวนอีกรอบ ตามด้วยเสียงหัวเราะขบขัน “เธอคิดว่าฉันจะจูบเธอลงอย่างนั้นเหรอธรินดา ดูสภาพเธอตอนนี้สิ ไม่ต่างอะไรกับพวกเด็กที่เล่นสงกรานต์แล้วโดนสาดด้วยน้ำสี คราวหน้าก็บอกพวกช่างแต่งหน้าด้วยว่าให้ใช้เครื่องสำอางประเภทกันน้ำได้ด้วย เผื่อตกน้ำตกท่ากับผู้ชายคนไหนอีกจะได้ไม่ขายหน้า”
“คนปากร้าย! คนใจร้าย!”
มือเล็กที่เคยใช้ผลักไหล่หนาตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นกำเข้าหากันแน่นแล้วทุบใส่เขารัวๆ เพื่อระบายความเจ็บใจ ปรัชญ์เป็นแบบนี้เสมอ ใจร้ายกับเธอเสมอ ทำให้เธอหลุดจากความเป็นตัวตนของตัวเองเสมอ เมื่อมีโอกาสเขาไม่เคยละเว้นที่จะทำร้ายเธอ ไม่ว่าทางกายหรือทางใจก็ตาม
“ตาปรัชญ์ หนูเล็ก พากันไปทำอะไรในนั้น”
เสียงของแม่เลี้ยงลักษิกาดังขึ้นพร้อมกับการก้าวมายังบริเวณสระน้ำ ทำให้ธรินดาหยุดชะงักมือเล็กที่กำลังประทุษร้ายปรัชญ์ แล้วหันไปทางแม่ใหญ่ของตนอย่างตกใจ
“แม่ใหญ่!”
ใบหน้าหวานเจื่อนลงไปเมื่อนึกถึงสภาพของตัวเองกับปรัชญ์ในเวลานี้ เธอพยายามดิ้นอีกรอบเพื่อให้ปรัชญ์ปล่อย แต่ยิ่งดิ้นปรัชญ์ก็ยิ่งกระชับมือเข้าที่เอวของเธอแน่นกว่าเดิม
“ก็หนูเล็กของแม่เลี้ยงน่ะสิครับ เดินใจลอยไปถึงใครไม่รู้ถึงได้ตกลงมาในสระ ผมกลัวจะจมน้ำตายก็เลยลงมาช่วย แต่ดูลูกสาวแม่เลี้ยงสิ ดิ้นใหญ่เลย แม่เลี้ยงไม่เคยสอนลูกหรือไงครับว่าเวลาตกน้ำแล้วมีคนช่วยไม่ต้องดิ้น เดี๋ยวจะทำให้คนมาช่วยตายไปด้วยกันเปล่าๆ” ปรัชญ์ตอบหน้าตาเฉยมากพลางยอกย้อนอยู่ในตัว เหมือนตัวเองไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงใดๆ ต่อหน้าแม่
“คุณโกหกแม่ใหญ่” ธรินดาไม่กล้าพูดเสียงดังเพราะกลัวแม่เลี้ยงลักษิกาจะได้ยิน จึงได้แต่พูดกับเขาเสียงเท่ากระซิบ
“แล้วไง หรือเธออยากให้ฉันพูดความจริงว่าทำไมเราถึงมายืนกอดกันอยู่ในน้ำแบบนี้” ปรัชญ์กระซิบตอบ คิ้วเข้มเลิกขึ้น ตาจ้องใบหน้าหวานๆ นั้นอย่างท้าทาย
“ปล่อยเล็ก...”
“ถ้าปล่อยตอนนี้ก็ไม่เนียนน่ะสิ ทนให้ฉันกอดอีกสักนิดเถอะน่า ไม่อย่างนั้นเธอต้องไปตอบคำถามชวนปวดหัวกับแม่ใหญ่ของเธอเอาเองนะ” คนที่ถือไพ่เหนือกว่ายิ่งขู่สำทับเข้าไปอีก ด้วยรู้ว่ายามนี้ธรินดาไม่มีทางกล้าดื้อกับเขา เพราะมีสายตาของแม่เลี้ยงลักษิกาคอยจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
“แล้วนั่นจะคุยกับน้องอีกนานมั้ยตาปรัชญ์ รีบพาน้องขึ้นมาสิ”
เสียงของแม่เลี้ยงลักษิกาดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปรัชญ์ยิ้มใส่ตาพลางทำเสียงจั๊บๆ ในลำคอและยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะกอดตระกองร่างบางพาขยับมาใกล้บันไดทางขึ้น
บทที่ 21ทันทีที่เห็นราวบันได มือเล็กก็คว้าเอาไว้แน่น แล้วรีบก้าวขาขึ้นจากสระน้ำและหนีอ้อมกอดของคนพาล พอขึ้นมาได้ก็รีบเดินแกมวิ่งไปยืนข้างๆ แม่บุญธรรมของตนอย่างคนหาที่พึ่ง ส่วนปรัชญ์ค่อยๆ ตามหลังขึ้นมาอย่างใจเย็น“ตาปรัชญ์รีบไปบอกคนของโรงแรมเอาผ้าขนหนูมาให้น้องสิ น้องหนาวจะแย่แล้ว เดี๋ยวน้องก็ไม่สบายหรอก” คนเป็นแม่ออกคำสั่งทันทีที่ลูกชายพ้นขึ้นมาจากขอบสระ“แช่น้ำแค่นี้ไม่เป็นไรง่ายๆ หรอกครับแม่เลี้ยง ก็เพราะแม่เลี้ยงโอ๋ลูกสาวและเลี้ยงเป็นไข่ในหินแบบนี้น่ะสิ หนูเล็กของแม่เลี้ยงถึงได้บอบบางเหลือเกิน ถูกกอดนิดกอดหน่อยก็เหมือนจะแตกจะหัก”“เอ๊ะ! ตาปรัชญ์นี่ทำไมพูดแบบนี้กับแม่ แล้วไปกอดน้องตอนไหนบอกแม่มานะ”ไม่ใช่แต่แม่เลี้ยงลักษิกาที่เดือดเนื้อร้อนใจกับคำพูดของปรัชญ์ แต่ธรินดาก็พลอยหน้าร้อนวูบไปด้วย กลัวว่าเขาจะพูดอะไรบ้าๆ ห่ามๆ ออกมาให้เธอได้เดือดร้อน“ก็กอดตอนอยู่ในน้ำนั่นละครับ หรือแม่เลี้ยงไม่เห็นว่าลูกสาวของแม่เลี้ยงเกาะผมแน่นแจเสียขนาดนั้น”“เฮ้อ...ไปๆ อย่ามามัวแต่กวนโมโหแม่อยู่เลย อ้อ...แกเองก็เหมือนกัน ไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวซะให้เรียบร้อย แล้วไปรอส่งครอบครัวหนูนัสรินเสียด้วย อีกสักพักจ
บทที่ 22ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ธรินดาเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยมีปราณต์ขับรถไปส่งที่สนามบินตามลำพัง ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาออกจากบ้านไปยังไร่เดชาธรตั้งแต่ตอนสายๆ หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดลำลอง ส่วนชุดนักศึกษาเธอพับใส่ถุงกระดาษและหิ้วกลับไปซักที่หอพักการนั่งรถมากับปราณต์สองคนไม่ได้ทำให้ธรินดารู้สึกอึดอัดแม้แต่เศษเสี้ยวนาที ปราณต์เป็นพี่ชายที่ใจดีกับเธอเช่นเคย และไม่เคยมีคำพูดใดที่จะทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจหรือน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนใครบางคน“เล็กไปก่อนนะคะพี่ปราณต์ ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”มือเล็กยกขึ้นไหว้ปราณต์เมื่อเขาเดินเข้ามาส่งถึงห้องผู้โดยสารและรอจนเธอเช็กอินเสร็จ ปราณต์ไม่ได้รับไหว้แต่รวบร่างบางเข้าไปกอดแบบหลวมๆ แล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมนุ่มสลวยอย่างอ่อนโยน“เดินทางปลอดภัยนะน้องเล็ก จะกลับอีกเมื่อไหร่ก็โทร.บอกพี่นะ พี่จะได้มารับ”“เล็กไม่กล้ารบกวนพี่ปราณต์หรอกค่ะ พี่ปราณต์งานยุ่งจะตาย”“ถึงยุ่งก็ปลีกเวลามาได้”“แม้แต่ตอนอยู่ในห้องผ่าตัดเหรอคะ” ธรินดากล้าพูดเล่นกับเขาเพราะรู้ว่าปราณต์ไม่ถือสา“พี่จะพยายามไม่ผ่าใครในตอนที่น้องเล็กกลับมาก็แล้วกัน”“อย่าลำเอียงสิคะคุณหมอ คนไข้ต้องสำคัญกว่าเล็ก
บทที่ 23ธรินดาหันขวับมาเหมือนครั้งแรกที่ได้ยินเสียงเขา แต่ครั้งนี้ต่างกับเมื่อครู่เพราะใบหน้าของปรัชญ์อยู่ห่างจากใบหน้าของเธอแค่ไม่ถึงนิ้ว ทำให้ปากอิ่มเกือบจะชนเข้ากับปากของคนที่ชอบพูดจาหาเรื่อง “อย่าทำอะไรบ้าๆ นะคะคุณปรัชญ์” ธรินดารีบเอ่ยห้ามเสียงขุ่นโดยไม่กล้าเสียงดังนัก เพราะกลัวจะตกเป็นเป้าสายตาคนบนเครื่อง “บ้าตรงไหนแค่หอมแก้มกับไซ้คอ” “แต่นี่มันบนเครื่องบิน” “งั้นที่ไหนล่ะ ที่ฉันจะหอมแก้มและไซ้คอเธอได้ ตอนที่เธอนั่งบนตักฉัน ตอนที่เธอขึ้นเตียงกับฉัน หรือว่าตอนไหนก็ได้ที่ไม่มีคนเห็น” “คุณปรัชญ์!” “หือ...ได้หมดอย่างที่ฉันว่ามาใช่ไหม ยกเว้นตอนนี้” คิ้วเข้มเลิกขึ้นและทำหน้าตายคล้ายกับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำให้เธออายและโกรธระคนกัน “เลิกหาเรื่องเล็กซะทีเถอะค่ะ เล็กอยากนั่งเงียบๆ” ธรินดาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเพื่อยุติการปะทะคารมครั้งนี้เสียที “โอเค...นั่งเงียบๆ ก็นั่งเงียบๆ” ปรัชญ์ยอมขยับไปนั่งตัวตรงอย่างว่าง่าย ทำให้ธรินดาแอบถอนหายใจออกม
บทที่ 24ปรัชญ์โบกแท็กซี่ที่แล่นผ่านมาพอดี เขาเปิดประตูหลังดันร่างบางเข้าไปก่อน จากนั้นก็พาตัวเองก้าวตามขึ้นไปและบอกจุดหมายกับคนขับ“ไปคอนโดฯ...” เขาบอกชื่อคอนโดมิเนียมที่อยู่ในย่านเพลินจิต ซึ่งนั่นไม่ใช่ทางที่จะไปหอพักของธรินดาเลย“คุณปรัชญ์จะพาเล็กไปไหนคะ เล็กจะกลับหอพักนะคะ ถ้าคุณปรัชญ์มีธุระทำไมไม่ปล่อยให้เล็กกลับคนเดียว” หญิงสาวหันหน้าไปมองเขาพร้อมกับเอ่ยปากต่อว่า“เงียบเถอะน่า...ถ้าเธอไม่เงียบฉันจะจูบเธอบนแท็กซี่นี่ละ”เขาขู่เหมือนกับที่ขู่เธอตอนนั่งอยู่บนเครื่องแต่ไม่ได้ออมเสียงแม้แต่น้อย คำพูดนั้นดังไปกระทบหูคนฟังอย่างจังทำให้คนขับรถแท็กซี่ซึ่งนั่งอยู่เบาะหน้าอมยิ้ม แต่ก็ไม่ได้เสียมารยาทอะไร คนขับยังคงทำหน้าที่ของตน และปล่อยให้ผู้โดยสารของตัวเองมีความเป็นส่วนตัวต่อไป“คุณปรัชญ์ก็ดีแต่ขู่นั่นแหละ” เสียงหวานพูดออกไปด้วยความอึดอัดที่ตกเป็นเบี้ยล่างคนชอบขู่อยู่ร่ำไป“ไม่ได้ดีแต่ขู่ ฉันพูดจริงทำจริงเสมอ หรืออยากจะลอง”ไม่พูดเปล่าแต่ปรัชญ์ยังยื่นหน้ามาใกล้ๆ จนเกือบชิด ทำให้ธรินดาต้องรีบเอนตัวหนี พลางเอ่ยห้ามโดยไม่กล้าเสียงดังนัก“อย่านะคะ!”แค่ห้ามเขาธรินดาก็ยังไม่ไว้ใจสถานการณ์ จึง
บทที่ 25พระอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นวงกลมสีแดงขนาดใหญ่ที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงลาลับขอบฟ้าในบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายจนลืมไปว่าที่แห่งนี้อยู่ในย่านใจกลางเมืองหลวง ปรัชญ์ยังอาบน้ำไม่เสร็จทั้งๆ ที่ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ธรินดาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ฉวยโอกาสนั้นหนีกลับไปหอพักตัวเองไปเสีย อาจเป็นเพราะคำขู่ของเขากระมังที่ทำให้เธอไม่กล้าเสี่ยง เพราะรู้ดีว่าคนอย่างปรัชญ์พูดจริงทำจริงและคาดเดาได้ยากเสมอความมืดของรัตติกาลสยายปีกแผ่ขยายปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณของแม่น้ำเจ้าพระยาหลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า บัดนี้เบื้องล่างนั้นมืดสนิทแล้วและมีแสงสว่างจากไฟตามอาคารบ้านเรือน ท้องถนน และสะพานเข้ามาแทนที่ หญิงสาวจึงพาตัวเองออกห่างจากกระจกบานใหญ่แล้วไปนั่งลงบนโซฟาสีดำซึ่งวางอยู่กลางห้องโถงประตูห้องน้ำเปิดพร้อมกับที่เจ้าของร่างใหญ่สูง 185 เซนติเมตรก้าวออกมาจากข้างใน ตาคู่สวยเหลือบไปมองก็เห็นว่าตอนนี้ปรัชญ์อยู่ในสภาพของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ผมยาวของเขาเปียกลู่ คงเป็นเพราะสระผมถึงได้อาบน้ำนานเช่นนั้น หยดน้ำเม็ดกลมๆ เกาะอยู่ตามร่างกายท่อนบนซึ่งเปลือยเปล่าอวดให้เห็นหัวไหล่หนา
บทที่ 26เป็นอีกครั้งที่ธรินดาอึ้งกับคำถามของคนที่ตัวเองกำลังเช็ดผมให้อยู่ มือเล็กชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบในสิ่งที่ปรัชญ์ตั้งคำถาม“คุณปรัชญ์ไม่ชอบหน้าเล็ก ชอบรังแกเล็ก ชอบพูดจาเสียดสีเล็ก”“เธอตอบไม่ตรงคำถามอีกแล้วนะ” เขาดักคอและยิ้มยั่วผ่านกระจก“ตรงที่สุดแล้วค่ะ” ธรินดาไม่อาจทนการยั่วเย้าที่แฝงไว้ด้วยการรู้เท่าทันและจับพิรุธเช่นนั้นได้ จึงวางผ้าขนหนูลงและทำท่าจะเดินหนี แต่ปรัชญ์ไวกว่า ร่างสูงใหญ่หมุนตัวกลับมาแล้วรวบเอวเล็กให้นั่งลงไปบนตักของเขา จากนั้นก็ตวัดแขนกอดไว้แน่น“ปล่อยนะคะคุณปรัชญ์”ร่างบางที่ถูกกอดรัดอยู่ดิ้นขลุกขลักพร้อมทั้งเอ่ยขอร้องให้เขาปล่อย“กอดทีไรก็บอกให้ปล่อยทุกที เธอเป็นอะไรหือธรินดา เธอไม่ชอบที่ฉันกอดหรือไง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม อ้อมกอดยังแน่นแบบไม่คิดจะยอมคลาย เพราะยังไม่อยากให้เธอเป็นอิสระในตอนนี้สิ่งที่เขาถามและน้ำเสียงเช่นนั้นทำให้ธรินดาหยุดดิ้น มองหน้าเขาตรงๆ และบอกในสิ่งที่ตัวเองคิดและรู้สึกอยู่ตลอดมา“เล็กไม่ชอบให้คุณปรัชญ์กอดค่ะ และเล็กก็เป็นคนที่คุณปรัชญ์ไม่มีสิทธิ์กอดตามอำเภอใจด้วย”“ทำไมจะไม่มี เราเป็นอะไรกันแล้วเธอก็รู้”“เราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ เล็กเป็น
บทที่ 27พูดจบปากและจมูกโด่งก็กดหนักๆ ลงที่พวงแก้มใสด้านซ้ายที่ตอนนี้เห่อร้อนจนกลายเป็นสีแดงระเรื่อๆ“คุณปรัชญ์!” ธรินดาอุทาน มองเขาตาเขียวขุ่น พลางยกมือขึ้นกุมที่แก้มตัวเองตรงที่โดนเขาจูบเมื่อครู่นี้“จูบเมื่อกี้เป็นจูบแบบพี่ชายกับน้องสาว ส่วนจูบนี้เป็นจูบแบบผู้ชายกับผู้หญิง”พูดเสร็จปรัชญ์ก็จูบอีก คราวนี้ไม่ได้จูบที่แก้ม แต่ปากหยักสวยได้รูปกดลงประกบบนเรียวปากอิ่ม ธรินดายังไม่หายจากอาการตกใจดีด้วยซ้ำก็โดนจู่โจมอีกรอบ ร่างบางยืนตัวแข็งทื่อ เม้มปากจนแน่นสนิทและเบี่ยงหน้าหนีเป็นพัลวัน เมื่อปรัชญ์พยายามจะแทรกลิ้นเข้าไปข้างใน เขาจึงใช้สองมือแนบประคองหน้าหวานใสเอาไว้เพื่อให้เธอหลบเลี่ยงไปไหนไม่ได้ ส่วนปากเพิ่มแรงบดคลึงและดูดเม้ม ไม่นานเรียวปากอิ่มก็เผยอเพื่อจะร้องห้ามเขา แต่นั่นเท่ากับเป็นการเปิดทางให้ลิ้นหนาแทรกเข้ามาในโพรงปากนุ่มชื้น พร้อมกับที่เรียวลิ้นอ่อนประสบการณ์ถูกเกี่ยวกระหวัดโลมเลียดูดซับเอาความหวามหวานอย่างดูดดื่มเร่าร้อนปากถูกจูบแต่ความเสียวซ่านรัญจวนกลับก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงในท้องน้อย แล้วแผ่ลุกลามแทรกซึมไปในเลือดที่ไหลเวียนไปทั่วกายสาว ธรินดาพยายามข่มกลั้นความรู้สึกที่จะไม
บทที่ 28หลังจากปรัชญ์คุยโทรศัพท์กับแม่เลี้ยงลักษิกาเสร็จแล้ว ธรินดาก็พยายามดีดดิ้นพยศแรงเพื่อให้ร่างของตนหลุดพ้นจากตักแกร่ง พร้อมๆ กับความจริงบางอย่าง ทำให้หญิงสาวต้องบอกตัวเองว่า ควรจะรีบหลีกลี้หนีห่างจากสถานที่และผู้ชายซึ่งไม่ควรเข้าใกล้คนนี้โดยเร็วที่สุด“ตกลงคุณปรัชญ์จะไปส่งเล็กมั้ย” เธอถามเสียงขุ่นเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยเธอลงจากตักง่ายๆ“นี่ถาม หรือขู่ หรือว่าออกคำสั่ง”“สุดแล้วแต่คุณปรัชญ์จะคิดค่ะ แต่เล็กจะกลับแล้ว ไม่ว่าคุณปรัชญ์จะไปส่งหรือไม่ไปก็ตาม”“งอนเรื่องอะไร เมื่อกี้ก็ยังดีๆ กันอยู่เลย”“เล็กไม่ได้งอนค่ะ แต่เล็กคิดว่าเล็กไม่ควรจะอยู่กับคุณปรัชญ์นานไปกว่านี้ มืดมากแล้วเล็กต้องรีบกลับไปทำงานสารนิพนธ์ต่อค่ะ ถ้าคุณปรัชญ์ไม่ไปส่ง เล็กก็จะกลับเอง” เจ้าของเสียงหวานที่ปกติจะอ่อนให้เขามาตลอดบอกอย่างจริงจังแกมห้วน ฉาบความเรียบเฉยลงไปในแววตาโดยใช้สิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกผลักดันมันออกมา“ตกลง...ยกนี้ฉันยอมแพ้ก็ได้ เธอนั่งรอแป๊บหนึ่ง ขอเวลาแต่งตัวไม่เกินห้านาที”ร่างเล็กถูกยกขึ้นจากตักและวางลงบนโซฟา ก่อนที่ปรัชญ์จะพาร่างสูงใหญ่องอาจไปยังตู้เสื้อผ้าของตัวเอง หยิบเอากางเกงชั้นในสีเทามาสว