"คุณหมอคะฉันขอร้องล่ะ คุณหมอช่วยแม่ฉันด้วยเถอะนะ" หญิงสาวขอร้องอ้อนวอนถึงขั้นยกมือขึ้นมากราบไหว้
"ทางเราช่วยได้เท่าที่ช่วยจริงๆ" ถ้าเขาทำแบบนั้น โรงพยาบาลของเขาอาจจะถูกฟ้องได้ ซึ่งมันไม่เป็นผลดีเลย และมันก็ไม่คุ้มกับการเสี่ยง
"ฉันขอร้องล่ะค่ะ จะให้กราบเท้าฉันก็ยอม"
"คุณอย่าทำแบบนี้เลย" นายแพทย์เซอร์เวย์รีบพยุงร่างของหญิงสาวที่กำลังจะคุกเข่าลงตรงหน้า ให้กลับขึ้นมายืนใหม่อีกครั้ง
"คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันเคยเรียนหมอมาค่ะ ฉันคงพอช่วยงานคุณได้ไม่มากก็น้อย" เพราะเธอเคยเรียนมาด้านนี้ก็เลยรู้ว่าใครที่สามารถจะช่วยแม่ของเธอได้ และก็รู้ด้วยว่ามันเสี่ยงมากถ้าจะทำแบบนี้
"คุณก็เคยเรียนหมอมา คุณก็คงจะรู้ผมคงช่วยไม่ได้"
"คุณหมอคะคนไข้.." ทันใดนั้นพยาบาลก็รีบวิ่งมาแจ้งอาการของผู้ป่วย
"แม่ฉันใช่ไหมคะ ท่านเป็นอะไรคะ" หญิงสาวจำได้ว่าพยาบาลคนนี้ เป็นคนที่ดูแลอยู่ห้องที่แม่เธอรักษาตัวอยู่
นายแพทย์เซอร์เวย์รีบก้าวเดินตามไป
"พาคนไข้กลับห้องไอซียูด่วน" พอเห็นอาการคนไข้ไม่สู้ดี แพทย์ผู้รักษาก็เลยต้องได้นำกลับห้องไอซียู เพิ่งจะพาออกจากห้องนั้นมายังไม่ครบ 24 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
"แม่คะ แม่ต้องรอหนูนะ หนูกำลังพยายามอยู่ แม่ต้องพยายามช่วยหนูอีกแรงนะ" ขณะที่กำลังเข็นแม่กลับห้องไอซียู หญิงสาวก็วิ่งตามไปไม่ยอมห่าง
"ญาติคนไข้รอข้างนอกนะคะ" พยาบาลกันตัวเธอไม่ให้ตามเข้าไปในห้องนั้น
"คุณหมอคะ ช่วยแม่ฉันด้วย" ประโยคสุดท้ายเธอไม่ได้พูดกับแม่ เธอเลือกที่จะอ้อนวอนขอร้องเขา
วันต่อมา..
"คุณหมอล่ะคะ"
"คุณหมอออกเวรไปแล้วค่ะ"
"บ้านของคุณหมออยู่ไหนคะ"
"ทางเราบอกไม่ได้จริงๆ ค่ะ" พยาบาลไม่รู้หรอกว่าเธอต้องการคุยอะไรกับคุณหมอ เธอก็เหมือนญาติคนไข้ทั่วไปที่ขอเข้าพบหมอเจ้าของไข้ แต่ไม่เคยมีใครถามหาบ้านของแพทย์ผู้รักษาแบบนี้
"ขอบคุณมากนะคะ" หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยหวานเรือนร่างระหง เดินกลับไปเฝ้าหน้าห้อง ICU แม่แบบหมดหวัง
เธอเรียนแพทย์มาก็จริงแต่เรียนไม่จบ เพราะฐานะการเงินทางบ้าน พอสิ้นใบบุญของพ่อ ทุกอย่างก็ดูตกต่ำไปหมด แถมแม่ยังมาป่วยหนัก เธอยอมขายบ้านที่มีอยู่ เพื่อรักษาแม่ ถ้ารอคนบริจาคอวัยวะอาจจะช้าเกินไป เธอจึงพยายามเสาะหาคนที่มีอวัยวะเข้ากันกับแม่ได้ ถึงแม้จะหาเจอ แต่ปัญหานั้นก็ไม่ได้หมดไป เพราะถ้าผ่าตัดมันคือเรื่องผิดกฎหมาย เกี่ยวกับการขายอวัยวะในร่างกาย เธอจึงต้องได้ขอร้องอ้อนวอนคนที่คิดว่าจะช่วยได้ แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาไม่ใช่ญาติโกโหติกาจะยอมเสี่ยงมาช่วยเธอทำไม
"แม่คะ" ดวงตากลมมองเข้าไปดูแม่ที่นอนไม่ได้สติอยู่อีกห้องหนึ่งผ่านกระจกบานเล็กๆ "หนูขอโทษที่ช่วยแม่ไม่ได้" แต่เธอคงไม่ละความพยายามแค่นี้แน่
ตอนที่คิดจะขายบ้านแม่ก็ห้ามไว้แล้ว แต่เธอเหลือแม่แค่คนเดียวสมบัตินอกกายถึงหมดไปก็หาใหม่ได้
[บ้านพลตรีนายแพทย์วันเวย์]
"กว่าจะกลับบ้านได้นะเรา"
"งานที่โรงพยาบาลเยอะครับพ่อ"
"แพทย์คนอื่นก็มีโยนงานให้ลูกน้องบ้าง" ผู้เป็นพ่อก็สงสารลูกอยู่หรอก เพราะน้องชายอีกสองคนไม่มีใครเอางานทางด้านนี้เลย
"คนอื่นก็งานเต็มมือเหมือนกันแหละพ่อ" ยิ่งขยายโรงพยาบาลงานของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
"นานๆ ลูกจะกลับบ้านทีคุณก็อย่าชวนลูกคุยเรื่องงานนักสิคะ" ส่วนมากลูกชายจะค้างอยู่ที่โรงพยาบาล นานๆ ถึงได้กลับบ้าน
"พ่อว่าเราควรจะมีเมียได้แล้ว"
"แม่ก็ว่าแบบนั้นแหละ" เพราะอายุของลูกชายก็ก้าวผ่านเลขสามมาแล้ว
"เอาแบบนี้ไหม เดี๋ยวพ่อจะนัดให้เจอกับลูกสาวของเพื่อนพ่อ เรียนแพทย์มาเหมือนกัน"
"ก็ดีนะคุณ จะได้ช่วยกันบริหารโรงพยาบาล"
"พ่อกับแม่กำลังคิดอะไรอยู่ครับ ถามผมหรือยัง" พอพูดจบเซอร์เวย์ก็เดินขึ้นห้องไป
"หรือว่าลูกเราจะไม่ชอบผู้หญิงคะ" ผู้เป็นแม่ไม่เคยเห็นลูกชายพาผู้หญิงมาแนะนำให้รู้จักสักที และก็ไม่เคยได้ยินว่าลูกมีแฟน
ได้ยินประโยคนี้จากภรรยา มันก็ยิ่งทำให้พลตรีนายแพทย์วันเวย์คิดหนัก เพราะมีแค่ลูกชายคนนี้ที่จะฝากฝังให้บริหารโรงพยาบาล ถ้าไม่มีทายาทสืบต่อจะทำยังไง..
จริงๆ แล้วคนเป็นพ่อก็ไม่ได้คิดว่าลูกชายจะชอบเพศเดียวกันเหมือนที่ภรรยาคิดหรอก เพราะวงศ์ตระกูลของท่านไม่มีแบบนั้นสักคน แต่กันไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอะไร ..คิดได้แบบนั้นพลตรีนายแพทย์วันเวย์ก็เลย ยกสายโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิทเวลาทานข้าวเย็น.."ไหนบอกเวย์จะพาตาปลื้มมาค้างที่บ้านไงครับ" ลงมาที่โต๊ะอาหารเขาก็ไม่เห็นน้องชายและหลาน"คืนนี้สงสัยจะไปค้างที่บ้านคุณตา" นายแพทย์วันเวย์หมายถึงบ้านของทัตเทพ ทั้งสองรู้จักกันเป็นอย่างดีก็เลยไม่ต้องทำความรู้จักอะไรกันอีก พอรู้ว่าได้เป็นดองต่างฝ่ายต่างก็ยินดีก่อนที่จะไปจัดการลูกชายคนเล็ก ผู้เป็นพ่อต้องจัดการลูกชายคนโตให้ได้ก่อน โชคดีที่ลูกชายคนกลางหาสะใภ้ได้ถูกใจ"พรุ่งนี้ตอนเย็นทำตัวให้ว่างด้วย""ทำไมเหรอครับพ่อ" ชายหนุ่มที่หยิบช้อนขึ้นมากำลังจะตักข้าวใส่ปากถึงกับหยุด"พ่อนัดให้เราดูตัว" ท่านเป็นถึงแพทย์ทหาร ไม่คิดจะพูดอ้อมค้อมอยู่แล้ว"พ่อลืมเรื่องนั้นไปได้เลย" แต่ลูกชายก็ไม่ใช่ย่อย ถ้าไม่งั้นเขาคงไม่โสดมาจนถึงตอนนี้"เรย์!""คุณคะ""ถ้ามันไม่เอาเมียตอนนี้แล้วมันจะไปเอาตอนไหน อายุก็ตั้งเท่าไรแล้ว""ผมมีงานด่วนที่โรงพยาบาล ขอตัวนะครับ" จากที่คิดว่าจะ
"เธอคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะได้ผลหรือไง" เซอร์เวย์ไม่ได้ผลักใส เขาทำแค่มองต่ำลงไปดูคนที่ยังกอดร่างของเขาไว้แน่น แต่สายตาคมคู่นั้นไม่ได้มองเธอเหมือนเดิมแล้ว เพราะตอนนี้มันแฝงความดูถูกไว้"คุณหมอเป็นลูกคนหนึ่ง ก็ต้องรู้ดีว่าความรู้สึกของลูกที่ใกล้จะเสียแม่ไปมันเป็นยังไง ถ้าคุณหมอเจอเหตุการณ์แบบฉัน ฉันคิดว่าคุณหมอต้องพยายาม""ใช่ผมต้องพยายามแน่ แต่ไม่ใช่เอาตัวเข้าแลกแบบนี้""ฉันทำได้มากกว่านี้ค่ะ คุณหมอต้องการวิญญาณของฉันไหมล่ะ ฉันยินดีมอบมันให้คุณ"เซอร์เวย์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาเก็บเธอไว้ใช้งานจะไม่ดีกว่าเหรอ เพราะคิดว่าคนแบบพ่อต้องไม่หยุดอยู่แค่นั้นแน่ ถ้ามีผู้หญิงที่สามารถจะคุยได้ทุกเรื่อง หรือเรียกใช้ได้ตลอดเวลา มันคงจะดีกว่า"คุณออกไปก่อน""ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ไป""วันนี้ผมเหนื่อย เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้""พรุ่งนี้เหรอคะ""เอาเบอร์โทรคุณมาแล้วกัน" เขาต้องคิดก่อนว่าจะทำยังไงกับข้อตกลงนี้ดี เพราะจะให้ใครรู้เรื่องของตัวเขาไม่ได้ แต่ถ้าจะให้เธอช่วยเรื่องนี้เขาต้องบอกเธอให้รู้ทุกเรื่องหญิงสาวไม่รอช้ารีบเดินไปหาปากกาและกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนั้น แล้วก็เขียนเบอร์โทรลงไป"คุณหมออย่าลื
"คุณรู้ได้ยังไงคะว่าลูกอยู่ที่ห้องทำงาน" แพทย์หญิงถามผู้เป็นสามีทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง เพราะดูเหมือนสามีจะมั่นใจเหลือเกิน"ชีวิตมันก็มีอยู่แค่นี้แหละ ถ้าไม่ค้างที่ห้องทำงานก็ค้างอยู่หอพัก""คุณก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากับลูกหน่อยนะคะ อย่าลืมสิว่ามีแต่ตาเรย์เท่านั้นที่เราจะฝากโรงพยาบาลไว้ได้""ก็เพราะมีแต่มันที่จะฝากไว้ ถ้าได้คู่ชีวิตที่ช่วยกันดูแลโรงพยาบาลของเรา มันก็ยิ่งจะเป็นผลดีไม่ใช่เหรอคุณ ขอร้องอย่างหนึ่งเถอะ เวลาผมพูดกับลูกคุณไม่ต้องพูดแทรกได้ไหม ลูกก็เลยจะไม่เชื่อถือผม""ก็คุณใช้อารมณ์พูดกับลูกเกินไปนี่คะ""ดู..ยังพูดไม่ทันขาดคำ""แล้วคุณจะลากฉันมาด้วยทำไมล่ะ"ยังพูดกันไม่ถึงไหนประตูลิฟต์ก็เปิดออก ..ทั้งสองท่านที่ยืนอยู่ก่อนต้องได้ขยับเข้าไปด้านในนิดหนึ่ง เพราะมีคนเข้ามาในลิฟต์เพิ่มหญิงสาวที่เข้ามาในลิฟต์มองดูตัวเลขที่โชว์ขึ้นก็เห็นว่าคนที่เข้ามาก่อนก็จะขึ้นไปที่ชั้นเดียวกัน เธอก็เลยไม่ต้องได้กดและเพียงไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออกที่ชั้นผู้บริหารของโรงพยาบาลเธอคนที่เข้ามาใหม่ก้าวออกไปก่อน แต่ดูท่าทางของเธอจะไม่มั่นใจเลย ซึ่งแตกต่างจากสองท่าน พอออกจากลิฟต์ได้ทั้งสองท่านก็เดินตรงไปท
"ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร" คิ้วหนาของพลตรีนายแพทย์วันเวย์ถึงกับขมวดเข้าแทบจะชิดกัน "ผมว่าจะรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยแนะนำเธอให้พ่อกับแม่รู้จัก แต่ในเมื่อคุณพ่อไม่หยุดผมก็ขอแนะนำเธอวันนี้เลยแล้วกัน""เรย์ ลูกหมายความว่ายังไง" แม่พอจะเดาความหมายของลูกออกแล้ว แต่อยากจะถามเพื่อความแน่ใจ และในขณะที่ถามสายตาของนางมองไปที่ผู้เป็นสามี เพราะกลัวว่าพ่อจะโมโหให้ลูกก่อน"ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ ผมจะไม่แต่งงานกับใคร""???" เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน และหนึ่งในนั้นรวมผู้หญิงที่เขากำลังพูดถึงอยู่ด้วย"พ่อไม่เชื่อ" ท่านผ่านโลกมาก็มาก ทำไมจะไม่สังเกตผู้หญิงคนนี้ตอนที่เข้ามาในลิฟต์ เพราะเธอไม่ได้กดชั้นไหนเลย นั่นแสดงว่าเธอต้องขึ้นมาที่ชั้นเดียวกับท่าน และท่านก็เริ่มสแกนว่าเธอคนนี้มีธุระอะไรที่ต้องขึ้นมาถึงชั้นผู้บริหาร ซึ่งท่าทางของเธอไม่ได้บ่งบอกเลยว่าสนิทสนมหรือคุ้นเคยกับชั้นนี้"ผมก็ไม่ได้ขอให้พ่อเชื่อนี่" "เอาเป็นว่านัดคืนนี้ของเรายังคงเป็นเวลาเดิม""พ่อ?" ชายหนุ่มรีบเดินตามพ่อกับแม่ออกไป ไม่คิดว่าท่านจะพูดทิ้งท้ายแล้วก็เดินออกไปแบบนี้"เดี๋ยวแม่จะคุยกับพ่อเอง" ขณะที่พูดกับลูกชายสายตานางยัง
"แม่คะ แม่สู้ไปกับอายอีกสักยกนะคะ ตอนนี้อายทำสำเร็จแล้ว" มือเรียวเอื้อมไปกุมมือของแม่ที่นอนหายใจได้เพราะเครื่องช่วย ถ้าภายใน 3 วันแม่ของเธอไม่ได้รับการผ่าตัด ท่านอาจจะไม่ฟื้นกลับมาอีกเลย01 : 00 น. ห้องผ่าตัดใหญ่เริ่มมีความเคลื่อนไหว ทุกอย่างนายแพทย์เซอร์เวย์ต้องได้จัดการแบบเงียบๆ แม้แต่หน้าห้องผ่าตัดก็ไม่มีสัญญาณบอกว่าตอนนี้กำลังใช้ห้องนั้นอยู่ รวมถึงญาติไม่ให้เข้ามายืนรอใกล้เธอก็เลยต้องได้มารอที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา เพราะแม่ของเธอถูกทำเรื่องย้ายออกจากโรงพยาบาลนี้ไปแล้ว ซึ่งนั่นหมายถึงหลังผ่าตัดเขาต้องได้หาที่อยู่ใหม่ให้แม่เธอพักฟื้นเช้าวันต่อมา.."คุณเข้ามาอยู่ในห้องคุณหมอได้ยังไง""เออ.." เธอผิดเองที่แอบเปิดประตูแง้มออกมาดู จนเลขานุการมองเห็นสิ่งผิดปกติ แล้วรีบมาเช็คห้องของท่านประธานโรงพยาบาลดู "คุณหมอให้ฉันมารออยู่ที่นี่ค่ะ""คุณหมอเนี่ยนะ?" ยิ่งไม่น่าเชื่อถือไปกันใหญ่ หมอเซอร์เวย์ไม่เคยให้ใครเข้ามายุ่งย่ามในห้องทำงาน"คุณหมอยังไม่ขึ้นมาหรือคะ" หญิงสาวก็เลยแกล้งใช้โอกาสนี้ถามหาเขา"คุณเป็นญาติคนไข้ไม่ใช่เหรอคะ" แจนยังคงสอบถามต่อ เพราะเคยเห็นเธอมาป้วนเปี้ยนแถวนี้"เออ..ใช่ค่ะ"
ห้องบ้าอะไรไม่มีโซฟาให้นั่งเลย.. หญิงสาวทำได้แค่คิดอยู่ในใจ เธอลากเก้าอี้ที่มีอยู่ตัวเดียวมานั่งมุมหน้าต่างห้องนายแพทย์เซอร์เวย์นอกจากชั้นวางหนังสือ เตียงที่ใช้นอนพักผ่อนและโต๊ะทำงานแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรนอกจากเก้าอี้อีกตัวที่เธอลากไปนั่ง เพราะห้องของเขาไม่เคยรับแขก ถ้าจะรับแขกก็ใช้อีกห้องหนึ่ง"??" นี่อะไรกัน ..เขานั่งทำอะไรอยู่ที่โต๊ะทำงานครู่หนึ่ง แล้วก็เดินไปนอนลงที่เตียงโดยไม่ได้พูดอะไรกับเธอเลยเมื่อคืนนี้เขาไม่ได้นอนเลยเพราะอยู่ในห้องผ่าตัดทั้งคืน คิดว่าจะเคลียร์งานที่ค้างไว้แต่ทนความง่วงไม่ไหวตกลงเขาจะเอายังไงกับเรากันแน่ จะถามก็ไม่กล้า เมื่อคืนนี้ตอนเขาบอกให้ขึ้นมารออยู่บนห้องเธอก็ขึ้นมา ข้าวก็ยังไม่ได้กินแถมน้ำก็ยังไม่ได้อาบสองชั่วโมงผ่านไป..พอเห็นว่าเขาขยับตัวเธอก็มีรอยยิ้มขึ้นมา อยากจะขอลงไปข้างล่าง แต่เขาก็ทำแค่ขยับแล้วก็นอนหันหลังให้อ๊อยยหิว เป็นห่วงแม่ก็ห่วง และตอนนี้ต้องได้มาห่วงท้องตัวเองอีกอีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไป.."คุณหมอคะ" ตายเป็นตายสิ ถ้าอยู่แบบนี้เธอก็จะตายเหมือนกัน"มีอะไร"ตื่นแล้วเหรอ? หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าไปชะโงกหน้ามอง เพราะได้ยินเสียงเขาตอบรับแต่ไม่เห
"ฉันบอกไว้อย่างหนึ่ง""คะ?" หญิงสาวตกใจในขณะที่กำลังเช็คร่างกายอยู่เสียงเขาก็พูดขึ้นมา"เวลาฉันพักผ่อนห้ามกวน" เพราะเวลาของเขามีค่ามาก กว่าจะหาเวลามานอนเอาแรงได้ พอตื่นต้องได้เข้าห้องผ่าตัดเคสต่อไปใครอยากจะกวนเขา เราไม่ได้กวนสักหน่อย ..หญิงสาวค่อยๆ เอนกายลงนอน แต่พอนึกได้เขาตื่นก็ดีจะได้คุยด้วย ก็เลยลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง"คุณจะไม่ให้ฉันออกจากห้องนี้ไม่ได้นะ""ทำไม ในข้อตกลงก็เขียนไว้ชัดแล้วนี่""ก็ฉันไม่รู้นี่ว่าคุณจะขังฉันขนาดนี้""ใครขังคุณ""แบบนี้แหละที่เขาเรียกขัง""บอกว่าเวลานอนอย่ากวน"อะไรของเขา จะไม่ให้ออกไปพบโลกภายนอกเลยหรือไง ..คนตัวเล็กก็เลยค่อยๆ เอนตัวลงนอนที่เดิมผ่านไปสักครู่เสียงหายใจของเขาก็สม่ำเสมอ ..คนอะไรจะหลับง่ายขนาดนี้"อุ๊ย" ขณะที่เธอมองจ้องอยู่ดวงตาของอีกฝ่ายก็ลืมขึ้น "ฉันไม่ได้กวนคุณนะ"เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ลุกจากที่นอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปพออาบน้ำเสร็จชายหนุ่มก็เดินมาที่ตู้เสื้อผ้า เลือกชุดใส่"คุณจะไปไหน"นายแพทย์เซอร์เวย์ไม่ได้ตอบอีกนั่นแหละ เพียงแค่เขามองมาเธอก็รีบหุบปากแล้วพอเขาออกจากห้องไปเพียงไม่นาน แม่บ้านก็เอาอาหารมาให้และวันนี้แม่บ้านมองสำรวจร
"คุณหมอนอนเถอะค่ะฉันไม่กวนก็ได้" หญิงสาวที่นอนชิดผนังห้องรีบพาตัวเองออกมาจากเตียงก่อน แค่เห็นสายตาก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่ประเภทที่ชอบผู้ชายด้วยกันจะออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ ในห้องนี้ก็มีแค่เก้าอี้ตัวเดียวที่จะลากมานั่งริมหน้าต่าง เพื่อปล่อยให้เขาได้นอนพักผ่อนไปชั้นล่างของโรงพยาบาล.."ตอนนี้ใกล้ค่ำมากแล้ว ลูกคงกำลังพักผ่อนอยู่แน่เลยคุณ""วันนี้ยังไงผมก็ต้องลากมันกลับไปนอนที่บ้านให้ได้" ผู้เป็นพ่อโทรมาเช็คที่โรงพยาบาลแล้วว่าลูกชายมีผ่าตัดไหม"วันนี้พากลับไปได้ วันหลังลูกก็มาค้างโรงพยาบาลอีกอยู่ดี งานของลูกอยู่ที่นี่นี่คะ""คุณอย่าเข้าข้างมันนักเลยได้ไหม ถ้ามันยุ่งยากมากนัก เดี๋ยวผมจะหาผู้บริหารโรงพยาบาลคนใหม่"แพทย์หญิงอมรรัตน์เหลือจะทนแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องได้ตามสามีขึ้นไป เพราะกลัวว่าจะมีปากเสียงกับลูกเดี๋ยวลูกก็เตลิดไปทางอื่นแกร็ก! แกร็ก!!"คุณก็เคาะประตูสิคะ" ตอนนี้ชั้นบนไม่มีใครอยู่แล้วจะขอกุญแจสำรองก็ไม่ได้แกร็ก.. ชายหนุ่มเดินมาเปิดประตู โดยให้เธอไปนั่งรออยู่บนเตียง"ต่อไปนี้กลับไปนอนที่บ้าน""คุณพ่อก็รู้ว่าผมไม่อยากไปเสียเวลาอยู่บนรถ" เวลาที่รถติดเขานอนพักผ่อนจะไม่ดีกว่าเหรอ ก็เลยไม่
"เข้าข้างในกัน" เกษมราษฎร์เอื้อมมือมาให้อีกฝ่ายจับมือท่านไว้ เพื่อจะได้ก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน"ท่านทำอะไรคะ" นางยอมเดินตามแรงที่อีกฝ่ายจูง แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้"บอกแล้วไงว่าไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ แต่งงานกันนะ""อู๊วววว" เสียงโห่แสดงความยินดีดังขึ้นเมื่อเกษมราษฎร์คุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในคืนนี้ ท่านเคยพูดไว้แล้วถึงแม้ว่าจะพูดแค่กับตัวเอง ถ้ามีโอกาสได้ทำเพื่อเธอ..จะทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ต้องอิจฉาเธอ"ลุกขึ้นเถอะค่ะท่าน""คุณตอบตกลงมาก่อนสิ""ท่านเพิ่งขอหมั้นไปวันก่อนเองนะคะ""ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะอยู่แบบนี้""ตกลงก็ได้ค่ะ" จากเสียงโห่ร้องกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นจนโรงแรมแทบจะแตก เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วยเกษมราษฎร์ลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ถึงแม้จะอายุและเยอะแล้วแต่ร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรง เพราะการเป็นทหารต้องได้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"ดีใจด้วยนะครับ" รามสูรเข้ามาแสดงความยินดี เขาดีใจมากที่จะเห็นแม่มีความสุขสักที ตั้งแต่จำความได้เลยมั้งที่เห็นแม่ต้องเฝ้ารอพ่อกลับบ้านทุกวันและลูกๆ คนที่เหลือก็เข้ามาแสดงความยินดี รวมทั้งแขกในงาน วันนี้ท่าน
เย็นวันเดียวกันนั้น.. พุดตาลเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาทานข้าวเย็นร่วมกัน"สวัสดีครับท่าน" รามสูรมาพร้อมกับภรรยา และลูกชาย พอมาถึงก็เห็นว่าท่านพลเอกเกษมราษฎร์ ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย"มาครบกันแล้วใช่ไหม นั่งก่อนสิลูก"พอลูกชายนั่งลงเกษมราษฎร์ก็ขอเป็นคนพูดเอง ท่านบอกทุกคนว่าขอเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัวด้วย ทีแรกเกษมราษฎร์ก็ช่างใจอยู่ กลัวลูกๆ ของพุดตาลจะไม่ชอบใจ เพราะถึงยังไงพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะกลับมา"ยินดีต้อนรับครับ ผมเองต่างหากที่ต้องฝากคุณแม่ไว้กับท่าน" พี่ชายคนโตเป็นคนเอ่ยพูดก่อน"ขอบใจมากนะลูก" ใจจริงพุดตาลก็อยากจะอยู่กับลูกและหลานแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อสามีหย่าขาดจากผู้หญิงคนนั้น ยังไงท่านก็ต้องกลับมาวนเวียนจนทำให้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขแน่ นางก็เลยตัดสินใจตัดกรรมกันไปแต่เพียงแค่นี้"ผมจะประกาศให้สังคมรับรู้เรื่องของเราในเร็ววันนี้""เรื่องนี้แล้วแต่ท่านค่ะ" นางคิดว่าให้คนรับรู้ไว้ก็ดี เรื่องถูกนินทาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ใครจะนินทาก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่แบบสบายใจก็พอร่วมทานข้าวเย็นกันเสร็จ ลูกชายทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะมันดึกแล้ว ส่วนเพลิงไม่อยากจะกลับก็ต้องได
"ใจเย็นก่อนสิคะมาเหนื่อยๆ น้ำก็ยังไม่อาบ""ขอชื่นใจก่อน" ริมฝีปากหนากระซิบพูดในขณะที่จมูกยังสูดดมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด"คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ" รักครั้งแรกของเธอมันช่างสวยงามนัก แต่เมขลาหวังว่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ได้แค่เธอ เพราะถ้าเขามีตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาจะเป็นเหมือนคนที่ให้กำเนิดเธอไหม"เป็นอะไร" เพลิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่เหมือนตอนที่เรียกเขาขึ้นมาข้างบนเลย"อนาคตข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่นอนค่ะ เผื่อคุณก้าวไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้..""อย่าคิดอะไรที่มันจะไม่เกิดขึ้น" แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคงกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนพ่อ"คุณรู้เหรอคะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่""ผมรักคุณ คำนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ฟังมันจากปากผม และผมก็จะพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว""ขอบคุณนะคะ" ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา แต่ก่อนตอนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังมีความสุขมากกว่านี้เลย แต่พอรู้ว่าพ่อมีนิสัยยังไง เมขลาก็เริ่มกลัวผู้ชายรอบข้าง[โรงแรมหรู]ที่พลเอกเกษมราษฎร์พาพุดตาลมาทานข้าวที่โรงแรม เพราะรู้แล้วว่านางคงไม่กลับไปหาอะไรเดิมๆอีก ท่านต้องทำให้นางเห็นว่าท่านสามารถที่จะพานางก้าวไปในทุกๆที่ได้"ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกิน เออ..
"ทำอะไรกัน"คนที่กำลังโอบกอดกันถึงกับตกใจปล่อยมือออก"ท่าน?""นายคงไม่อยากจะอยู่ในกรมแล้วใช่ไหม""อย่าทำอะไรผู้กองนะคะ" ถึงแม้เธอจะตัวเล็กกว่ามาก แต่หญิงสาวก็ใจกล้าก้าวออกมายืนบังชายคนรักไว้"เรารู้ไหมว่ามันไม่สมควร""จะสมควรหรือไม่ มันอยู่ที่เราสองคนค่ะ""อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกของใคร""หึ.. แล้วฉันเป็นลูกของใครล่ะคะ""มันสมควรแล้วเหรอที่จะมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับพ่อ""พ่อ?" เมขลาอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย แต่มันจุกในอกเสียก่อน"มีอะไรกัน" แม่บ้านรีบเข้าไปตามคุณผู้หญิงออกมาดู กลัวว่าจะมีเรื่อง"คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะเร่งเรื่องให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ""เรียนต่อต่างประเทศ?" เพลิงพูดพร้อมกับมองหน้าเมขลา แล้วมองไปที่ท่านพลเอกเรวทัต"ฉันไม่ไปค่ะ""ลูกไม่อยากเรียน" พุดตาลคิดว่านางคงต้องได้ออกหน้าเองแล้วล่ะ"อายุแค่นี้ยังเรียนได้อีกตั้งเยอะ ทำไมถึงคิดสั้น""อะไรคือการคิดสั้นคะ""ก็ที่เห็นอยู่นี่ไง""คนนี้ผู้กองเพลิงท่านก็คงจะรู้จักแล้ว เขาเป็นคนรักของฉัน ไม่สิ.." ถ้าพูดแค่คนรักมันคงไม่จบตรงนี้แน่ เมขลาก็เลยให้สถานะใหม่กับเพลิง "เขาเป็นพ่อของลูกในท้องฉันเองค่ะ""???" ไม่ใช่แค่พลเอกเรวทัตและพุดตา
เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลานพอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้นทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย"ผมจะไม่ถอ
"ผมมาคิดทบทวนเรื่องของเราดูแล้ว""ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวพราวเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ แบบใจดีสู้เสือ"เราหย่ากันเถอะ""คุณพี่!!""ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมขอแค่ให้คุณเซ็นใบหย่า""ไม่มีทางค่ะ กว่าเราจะฝ่าฟันความรักของเรามาด้วยกันได้ ทำไมคุณพี่ถึงทำแบบนี้กับแพรวคะ""ผมให้เกียรติคุณถึงได้มาคุยก่อน หรืออยากจะคุยผ่านทนายของผมล่ะ""แพรวรักท่าน ยอมอุ้มท้องลูกของท่าน ถึงแม้จะถูกใครตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี""เรื่องลูกผมก็ยังจะส่งเสียเลี้ยงดู""แพรวไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย ใครคะ..ท่านมีใครใหม่อีกเหรอคะ""เรื่องนั้นไม่เกี่ยว เรามาคุยเรื่องของเราก่อน""เรื่องของเรา แพรวไม่หย่า!""ผมมาคุยกับคุณดีๆ แล้วนะ หลังจากนี้คุณก็คุยกับทนายของผมแล้วกัน และสิ่งที่คุณอยากได้ก็อย่าฝันว่าจะได้""ท่านอย่าบอกนะว่าจะกลับไปหามันอีก""ผมเพิ่งรู้ว่ารักภรรยา""รักภรรยาอย่างนั้นเหรอคะ แล้วที่ผ่านมาล่ะผู้หญิงนับสิบนับร้อยยังจะเรียกว่ารักภรรยาได้อยู่อีกเหรอคะ!" แต่ดูเหมือนเรวทัตจะไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เดินไปที่รถแล้ว "กรี๊ดดดด!!""คุณแม่เป็นอะไรคะ" มโนราห์ได้ยินเสียงร้องก็รีบลงมาดู"
"??" เมขลาได้ยินทุกคำพูดของแม่ใหญ่ที่พูดกับ.. แม้แต่คิดยังไม่กล้าเอ่ยชื่อในใจเลย คนที่ไม่ต้องการเธอ..เธอก็ไม่ต้องการคนแบบนั้นเช่นกัน"หนูเมย์" ยืนมองตามสามีเก่าไปครู่หนึ่ง พอหันกลับมาก็เจอเมขลาอยู่ตรงมุมบันได"คุณแม่ทำแบบนั้นทำไมคะ""บางทีมันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเราก็ได้""น้องเมย์ไม่เห็นด้วยค่ะ""แต่เขาคือ..." นางกำลังจะพูดว่าแต่นั่นคือพ่อแท้ๆ ของเมขลาเลยนะ"น้องเมย์ไม่อยากให้คุณแม่กลับไปเจอวังวนเก่าๆ อะไรที่เราสลัดทิ้งไปได้แล้ว ก็ปล่อยมันไปเถอะค่ะ"ทำไมเด็กอายุยังไม่ถึง 20 ถึงคิดได้กว่านาง ถ้านางใช้แค่หัวใจคิดก็คงจะกลับมาในวังวนเดิม แต่ถ้าใช้สมอง ปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไป มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้"แล้วแม่ต้องทำยังไง"เมขลามองใบหน้าผู้หญิงที่กาลเวลาไม่สามารถทำร้ายนางได้ เพราะถ้าเดินไปกับเธอทุกคนคงคิดว่าพี่กับน้อง ดวงตาของนางคลอไปด้วยม่านน้ำตาที่บดบัง ถึงแม้เธอจะอายุยังน้อย แต่ก็พอดูออกว่าท่านยังคงรักผู้ชายคนนั้นอยู่"ถ้าเขาคนนั้นกลับมา ทำให้คุณแม่ต้องทุกข์ใจอีก คุณแม่จะรับได้ไหมล่ะคะ" เพราะยังไงคนเดิมก็คงทำอะไรเหมือนเดิม ถ้าไม่งั้นคงไม่ออกไปไข่ไว้นอกบ้านจนทั่วแบบนี้"แม่ขออยู่คน
คฤหาสน์พลเอกเรวทัต"ดีใจจังเลยค่ะที่คุณผู้หญิงกลับมา""สบายดีกันไหม" กลับมาที่นี่ถึงสองครั้ง แต่ไม่ได้ถามสารทุกข์สุขดิบกันเลย เพราะแค่เห็นหน้าสามีเก่าก็ไม่มีอารมณ์ถามใครแล้ว"ไม่สบายก็ตรงที่คิดถึงคุณผู้หญิงนั่นแหละค่ะ""ปากหวานเหมือนเดิมนะพวกเราเนี่ย ช่วยกันเอาของเข้ามาข้างในก่อน""เดี๋ยวผมทำเองครับ" เพลิงซึ่งทำหน้าที่ขับรถรีบเดินไปเปิดกระโปรงหลัง"ฉันช่วยค่ะ" เมขลากำลังจะไปช่วยยกของแต่ถูกเพลิงห้ามไว้"เอาของขึ้นไปไว้ข้างบนเลย แม่ให้คนจัดห้องให้แล้ว""ครับ" ชายหนุ่มหิ้วกระเป๋าขึ้นไปที่ชั้นบน โดยมีหญิงคนรักเดินตามไป ส่วนของที่เหลือพวกแม่บ้านช่วยกันคนละไม้คนละมือกึก.."อืม" หญิงสาวตกใจเดินพ้นประตูเข้ามาเขาก็ปิดแล้วล็อกมันไว้ ไม่ได้ทำแค่นั้นเพลิงยังหันมาจูบพอหายตกใจเมขลาก็จูบกลับ คิดว่าคงไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้ เพราะของที่เหลือเป็นของแม่ใหญ่คิดว่าจะจูบไม่นานพอให้หายคิดถึง ถ้าได้แยกกันอยู่จริง แต่นี่ขนาดจูบอยู่ยังคิดถึง"ผมรักคุณนะ" นิ้วแกร่งเขี่ยแก้มของหญิงคนรักเบาๆ "อยู่ที่นี่ห้ามดื้อเข้าใจไหม""คุณก็ห้ามแอบไปเที่ยวที่ไหนนะคะ""ไม่ไปไหนหรอก"ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก็ลงมา.."พี่
"คุณไม่มีพันธะ แต่คุณไม่คิดเหรอกว่าเกษมอาจจะมีพันธะอยู่ก็ได้"พุดตาลเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากสามีเก่า มันก็มีส่วนอยู่บ้าง พลเอกเกษมราษฎร์ตำแหน่งใหญ่โตขนาดนั้น แถมภรรยาก็ตายจากไปนานแล้ว"เรื่องนั้นฉันคงไม่ให้ท่านต้องมาลำบากใจด้วยหรอกค่ะ..กลับกันเถอะลูก"พลเอกเรวทัตได้แต่มองตามหลังนางไป ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้"คนนี้ใช่ไหม ที่เป็นลูกของนวล" เรวทัตรีบเดินตามทั้งสองมาที่รถจากที่กำลังจะเปิดประตูพุดตาลถึงกับชะงัก"ผมจะรับลูกคนนี้กลับมาเลี้ยงเอง""??" พอประโยคนี้ออกจากปากพลเอกเรวทัต ทั้งสองที่ยืนหันหลังให้ ก็ได้หันกลับมามองพร้อมกัน "คุณหมายความว่ายังไง""ในเมื่อเด็กคนนี้เป็นลูกอีกคนของผม มันก็ไม่แปลกที่ผมจะรับลูกกลับมาเลี้ยงเอง"พุดตาลรีบจับเมขลาหลบไว้ด้านหลังของตัวเองก่อน "เสียใจด้วยค่ะ แต่ตอนนี้เมขลาเป็นลูกของดิฉันแล้ว""คุณแน่ใจเหรอว่าจะพูดเรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูเด็กคนนี้กับผม"เมขลาส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกกับแม่พุดตาลว่าเธอไม่ไป"แม่ไม่ยอมให้หนูไปอยู่แล้ว เรากลับบ้านกัน" นางรีบหันกลับไปเปิดประตูรถ เพื่อให้เมขลาได้ขึ้นไปนั่งก่อน"ถ้าคุณชอบขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่เป็นไรนะผมจัดให