นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
“น้อยหน่า... จากนี้ต่อไปหนูต้องดูแลตัวเองนะลูก หนูต้องเป็นเด็กดี อย่าดื้อให้ลุงโรมเพื่อนพ่อต้องหนักใจ จากนี้ไปลุงโรมจะเป็นคนดูแลหนูแทนพ่อ”
ยุทธนาบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง สั่นเครือ แต่ก็ไม่ยอมร้องไห้ แค่ขยับปากพูดก็เหนื่อย ในวันที่รู้ตัวแล้วว่าวาระสุดท้ายของตนกำลังใกล้เข้ามาทุกที หลังจากทรมานกับการรักษาตัวเพราะป่วยเป็นมะเร็งในสมองขั้นสุดท้าย ก้อนเนื้อร้ายอยู่ในตำแหน่งที่ยากยิ่งต่อการผ่าตัด
“คุณพ่อจะต้องไม่เป็นอะไรนะ... ฮือๆ”
น้อยหน่าน้ำตาซึม ก่อนที่หยาดน้ำตากลมเกลี้ยงจะกลิ้งลงมาอาบนวลแก้ม
แม้ว่าหล่อนจะถูกเลี้ยงดูให้เป็นคนเข้มแข็ง แต่วันนี้น้อยหน่าก็อดร้องไห้ไม่ได้จริงๆ สิ้นบิดาสักคนหล่อนก็คงไม่เหลือใครแล้ว ความรู้สึกเหมือนเรือที่ล่องลอยเคว้งคว้างในท่ามกลางหมาสมุทรเพียงลำพัง เพราะว่ามารดาก็เสียไปตั้งแต่ตอนที่หล่อนมีอายุได้เพียงขวบเศษๆ
“หนูต้องเข้มแข็ง... ต่อให้ไม่มีพ่อ... หนูก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้... ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น... ลุงโรมจะเป็นคนดูแลหนูเอง”
ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทั้งที่เจ็บปวดเหลือเกิน หากชายผู้เป็นบิดาก็พยายามซ่อนสีหน้าเจ็บปวดจากสายตาของลูกสาว ยุทธนาอยากให้น้อยหน่าจดจำแต่ภาพสุดท้ายที่เป็นความสุข
ยุทธนาช่างเป็นบิดาที่น่าสรรเสริฐยิ่งนักในเรื่องของความอดทน อาจเป็นเพราะสายเลือดชายชาติทหารที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทำให้เขาเข้มแข็งอย่างที่เห็น
วันนี้น้ำตาของยุทธนาไม่มีไหลออกมาให้ลูกสาวเห็นสักหยด แม้ว่าโรคมะเร็งจะพรากชีวิตเขาไปในวันรุ่งขึ้นก็ตาม
สัปดาห์ต่อมา
ที่บ้านหลังน้อยท้ายซอย น้อยหน่านั่งรอคอยคนที่จะมารับหล่อนไปอยู่ต่างจังหวัดอย่างใจจดใจจ่อ
หญิงสาวยอมรับว่ารู้สึกกังวลใจไม่น้อยที่จะเจอหน้าชายซึ่งบิดาสั่งให้เรียกว่า ‘ลุงโรม’ เพราะหล่อนเคยได้ยินแต่ชื่อของเขา ยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้เลยสักครั้ง อดนึกฉงนใจไม่ได้ว่าทำไมบิดาจึงไว้ใจให้เขาเป็นคนดูแลหล่อนต่อไป
ขณะที่สายตาเหม่อลอยของสาวน้อยกำลังทอดมองไปยังเวิ้งฟ้าเกลื่อนปุยเมฆ จู่ๆ เสียงเครื่องยนต์ของรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อสีดำคันใหญ่ที่เคลื่อนเข้ามาจอดเลียบหน้าบ้าน ก็ทำให้น้อยหน่าสะดุ้ง
“ลุงโรม”
หญิงสาวเรียกชื่อเขาทั้งที่ก็ยังไม่เคยเห็นหน้า รถกระบะจอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน จากนั้นผู้ชายร่างสูงใหญ่เกินกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรก็ก้าวลงมาจากรถ
“น้อยหน่าใช่ไหม”
รอยยิ้มที่จุดขึ้นตรงมุมปากของคนที่เพิ่งมาถึง ทำให้เขาดูเป็นคนใจดีขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนไม่พูด ไม่ยิ้ม ใบหน้าของลุงโรมดูขรึมดุ แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าแผงหนวดสีดำดกหนาเป็นแพเหนือริมฝีปากบางของเขา ส่งให้ภาพของชายผิวเข้มตัวใหญ่กล้ามใหญ่ยิ่งดูน่ายำเกรง
“ใช่ค่ะ... เอ่อ สวัสดีค่ะลุงโรม”
น้อยหน่ากระพุ่มมือไหว้อ่อนช้อย ใครจะคาดคิดว่าผู้ชายที่บิดาของหล่อนเอ่ยถึงบ่อยๆ จะเป็นฝรั่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมคร้ามสะดุดตาขนาดนี้
หน้าตาของลุงโรมยังดูหนุ่มมาก เขาตัวใหญ่มาก หุ่นยังฟิตเฟอร์มไปด้วยกล้ามเนื้อตึงเต็มอยู่ภายใต้เสื้อยืดสีขาวที่เขาสวมใส่
ทั้งที่วัยของลุงโรมใกล้เคียงกับบิดาของหล่อน แต่เขายังดูหนุ่มจนน่าประหลาดใจ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าการแต่งกายด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์นั่นเอง ที่ทำให้เขาดูแตกต่าง
น้อยหน่านึกสงสัยในความเป็นฝรั่ง หรือบางทีเขาอาจจะเป็นลูกครึ่ง เพราะว่ามีเค้าโครงหน้าละม้ายคล้ายชาวต่างชาติเหลือเกิน เส้นผมสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสันสวย ดวงตาสีสนิมเหล็ก และความสูงใหญ่ไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร
“อันที่จริงลุงเข้ามาถึงพักใหญ่ๆ แล้ว แต่กรุงเทพฯ รถติดเหลือเกิน”
โรมกล่าวยิ้มๆ
“ขอโทษที่ลุงไม่ได้มาร่วมงานศพพ่อของหนู”
ในระหว่างที่จัดงานศพยุทธนา ตอนนั้นโรมยังติดธุระสำคัญอยู่ที่อเมริกา จึงไม่สามารถเดินทางกลับมาร่วมงานศพได้ทัน ครั้นพอกลับมาถึงเมืองไทยเขาก็รีบมารับลูกสาวของเพื่อนรักตามที่ได้ให้สัญญาเอาไว้ว่าจะช่วยดูแลน้อยหน่าต่อไป
“รอลุงนานมั้ยลูก”
ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหญิงสาวด้วยความเอ็นดู สุ้มเสียงของเขาบ่งบอกถึงความเป็นคนใจดี
“รอไม่นานค่ะ... แต่กังวลว่าลุงจะมามั้ย”
หญิงสาวตอบ
“ต้องมาสิจ๊ะ”
โรมเป็นคนรักษาสัญญาอย่างที่สุด เขาไม่เคยผิดคำพูด สำหรับเขาเมื่อพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น
“ไม่คิดว่าหนูจะสวยขนาดนี้”
โรมยังตะลึงมอง ยอมรับว่ารู้สึกตกใจไม่น้อย เมื่อเห็นว่าลูกสาวของเพื่อนรักช่างสะสวยสะดุดตาเหลือเกิน ใครจะเชื่อว่าเด็กกะโปโลที่เขาเคยเห็นเมื่อนานมาแล้วจะเติบโตเป็นสาวสวยได้ถึงเพียงนี้
“อายุเท่าไรแล้ว”
“ย่างสิบเก้าแล้วค่ะ”ในวัยย่างสิบเก้าปีน้อยหน่าช่างดูสวยสะพรั่งเกินตัว ผิวพรรณของหล่อนขาวผ่องและเปล่งปลั่งไปด้วยเลือดเนื้อของวัยสาว ทว่าสิ่งที่โรมแอบสังเกตเห็นอีกอย่างก็คือแววตาคมสวย แต่แฝงประกายเร่าร้อนวูบวับอยู่เบื้องหลังความสดใส “หนูโตขึ้นมาก... ”โรมย้อนระลึกกลับไปในอดีตเมื่อแปดปีที่ผ่านมา ตอนที่เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่อเมริกา“เมื่อก่อนคุณลุงเคยเห็นหนูด้วยหรือคะ?”น้อยหน่าแปลกใจ หัวคิ้วโค้งราวคันศรขมวดชิดเข้าหากัน“เคยเห็นจ้ะ... ตอนนั้นลุงแวะมาหายุทธนาพ่อของหนู เคยเห็นหนูวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้าน บังเอิญวันนั้นลุงรีบมาก มีธุระด่วนเลยต้องรีบกลับ ทักทายกันเดี๋ยวเดียวเท่านั้นเอง วันนั้นลุงซื้อตุ๊กตาหมีมาฝากหนูด้วย จำได้ว่าเป็นวันเกิดของหนูพอดี”น้อยหน่ารู้สึกตกใจ หล่อนเพิ่งรู้ก็ตอนนี้เอง ว่าเจ้าหมีขาวขนยาวปุกปุยตัวใหญ่ที่นอนกอดมาตั้งแต่เล็กๆ จนถึงทุกวันนี้... ที่แท้ก็ลุงโรมนั่นเองที่เป็นคนซื้อให้“ตุ๊กตาตัวนั้นทุกวันนี้ยังอยู่ค่ะลุงโรม... น้อยหน่าเอาไปด้วยค่ะ”หล่อนเหลือบมองกระเป๋าสัมภาระที่วางรวมอยู่หน้าบ้าน โรมทอดสายตาไปยังข้าวของที่น้อยหน่าขนออกมาเตรียมรอเอาไว้ที่หน้าบ้าน เดาว่
สัปดาห์ต่อมา“ลุงจะพาไปเที่ยวทุ่งนาด้านหลัง... ดีมั้ย ถ้าหนูอยากสูดอากาศบริสุทธิ์”“ดีค่ะ... น้อยหน่าอยากเห็นค่ะลุงโรม”ท่าทางของสาวน้อยดูตื่นเต้น“มีเสื้อกันหนาวมาด้วยมั้ย... ”เสียงของโรมบอกความห่วงใย ขณะสายตาจับอยู่ที่พวงแก้มนวลปลั่งของหลานสาวแสนสวย ตอนนี้ใกล้จะค่ำแล้ว อากาศเริ่มเย็นลงทุกที“มีค่ะ... ”น้อยหน่าตอบพลางเงยหน้าขึ้นสบตาลุงโรมขณะยกนิ้วขึ้นเกลี่ยช่อผมบางส่วนที่ปลิวลงมาเคลียแก้ม เกี่ยวด้วยนิ้วขึ้นไปทัดเอาไว้หลังใบหู“ลุงโรมหล่อจัง”แสงแดดลำสุดท้ายที่สาดมากระทบโครงร่างสูงใหญ่สุดสมาร์ทของเจ้าของบ้าน ทำให้น้อยหน่ามองเห็นความหล่อเหลาของโรมได้อย่างชัดเจนเต็มตา“นึกยังไงมาชมลุง”โรมขัยบเข้ามาใกล้ร่างเอิบอิ่ม ยกมือขึ้นลูบศีรษะของน้อยหน่าด้วยความรู้สึกเอ็นดู ยิ่งเข้ามาใกล้หล่อนเขายิ่งรู้สึกตื่นเต้น“มองอะไรจ๊ะ”โรมถามเมื่อเห็นน้อยหน่าตะลึงจ้องหน้าเขาไม่วางตา ผิวสีทองแดงคร้ามแดดยิ่งเสริมส่งให้โรมดูคมเข้มสมชายชาตรี เนื้อตัวกำยำไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าคมคร้ามไร้ที่ติติง แพหนวดดกหนาเหนือริมฝีปากทำให้ยิ่งแลดูน่าครั่นคร้าม แต่ในสายตาของน้อยหน่ากลับมองว่าน่ารัก“ถามก็ไม่ตอบ”“มองลุงโรมนั่น
“หนูอยากให้ลุงโรมเป็นพ่อหนู... หนูเรียกลุงโรมว่าพ่อโรมได้ไหมคะ”น้อยหน่าเอ่ยออกมา“ได้สิ... จะเรียกลุงโรมหรือพ่อโรมก็ได้”อารมณ์ของโรมสะดุดลงนิดนึง ตอนแรกเขาคิดว่าลูกสาวของเพื่อนกำลังทอดสะพาน แต่คำพูดที่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหูเมื่อครู่ก็ทำให้เข้าใจแล้วว่าน้อยหน่าคงรู้สึกกับเขาอย่าง ‘พ่อ’ คนหนึ่งเท่านั้นเองโรมตำหนิตัวเองที่แอบคิดไปในทางชู้สาว เพราะเขาเองก็ยอมรับว่าเจ้าชู้ เป็นชายชาตรีทั้งแท่งที่ยังมีความปรารถนาในความรักความใคร่เหมือนคนทั่วๆ ไป “พ่อโรม... พ่อโรมของน้อยหน่า”ขณะรถแล่นไปตามทางดินสายเล็กๆ มุ่งสู่หนองน้ำน้อยหน่าสวมกอดเขาแน่นเมื่อโรมอนุญาตให้เรียก ‘พ่อ’“ถึงแล้วจ้ะ... ”โรมทอดสายตาไปยังหนองน้ำ แลเห็นบัวสายชูดอกสีแดงสะพรั่งเบ่งบานไปทั้งบึง“น้อยหน่าอยากเล่นน้ำค่ะพ่อโรม... พ่อโรมขับรถไปจอดใกล้ๆ กระท่อมตรงโน้นได้ไหมคะ” “ได้สิ”เหมือนคำสั่งของหญิงสาวนั้นเป็นมนต์สะกด โรมรีบเลี้ยวรถโฟล์คกอล์ฟไปยังกระท่อมร้างใต้ต้นตะแบกร่มครึ้ม แลเห็นดอกสีม่วงร่วงพลิ้วลงมาตามแรงลมราวกับมีมือที่มองไม่เห็นช่วยหว่านโปรยลงมา“สวยจังค่ะ” น้อยหน่าทอดสายตามองริ้วน้ำใสแจ๋วในบึงด้วยความ
“อ่าห์... ”หลังจากแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน โรมเป็นฝ่ายหลุดเสียงครางออกมาก่อน เพราะรสชาติจากปลายลิ้นหวานละมุนของหลานสาวที่สอดล้วงเข้ามาเกี่ยวกระหวัดรัดร้อยดูดเลียลิ้นของกันและกันดื่มด่ำ ทำให้เขาเสียวซ่านเหมือนมีกระแสไฟอ่อนๆ ไชชอนลงไปทั่วร่างถึงปลายเท้า“ซี้ดดด... อ่าห์”น้อยหน่าเผลอครางออกมาเช่นกัน ที่หล่อนและโรมรู้สึกซ่านเสียวเพียงจูบแรกก็เพราะว่าในทุกอณูของลิ้นนั้นเต็มไปด้วยเส้นประสาท การจูบกันอย่างดื่มด่ำด้วยลิ้นจึงสามารถจุดไฟพิศวาสขึ้นโดยง่าย “ลุงโรมจูบเก่งจัง” น้อยหน่ายอมรับว่ารู้สึกร้อนวูบวาบ ครั้นแล้วหล่อนก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น “ว้าย... ช่วยด้วยค่ะ... ตะคริวค่ะ... อ๊อย” โรมผวาเข้าคว้าร่างของหลานสาวเข้ามากอดเอาไว้ “ไม่ต้องกลัว... กอดลุงไว้แน่นๆ” โรมบอกให้รู้ว่าหล่อนจะปลอดภัยอย่างแน่นอนเมื่ออยู่ใกล้เขา รีบช้อนร่างอวบอัดของหลานสาวขึ้นอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน สองแขนน้อยๆ ของน้อยหน่าโอบรัดอยู่รอบลำคอบึนหนาของโรม “อากาศเย็น... น้ำเย็น... หนูคงยังไม่คุ้นกับที่นี่” เขาอุ้มร่างระทดระทวยของหลานสาวเข้ามาในกร
น้อยหน่าตกใจ จากนั้นเข่าทั้งสองข้างก็ถูกมือของลุงโรมดันสูงขึ้นไปขนานแนบกับลำตัว ทำให้พูเนื้ออูมแน่นที่ซ่อนตัวอยู่ในแพนตี้ตัวน้อยแอ่นอ้าขึ้นมาจากง่ามขาเนียนขาว“โอ้ว... ”โรมใจเต้นตึกตัก สอดนิ้วเข้าตรงเป้าน้อยๆ ของแพนตี้แล้วรั้งมาไว้ที่ซอกขาด้านหนึ่ง ทำให้พูเนื้อดีดผึงออกมาอวดกลีบสีชมพูอูมแน่นเหมือนเอาส้มโอสองกลีบประกบกันแล้วเหน็บเอาไว้“โอ้โฮ... ”โรมพรูลมหายใจออกมากับความงดงามที่เห็น กลีบเนื้อสาวซึ่งยังเป็นสีชมพูสวย ไม่ดำไม่คล้ำ ยังงดงามและขาวผ่องด้วยผิวสีชมพูเรียบเนียนเสมอกันทั้งกลีบ“อืย... มีปลิงไหมคะพ่อโรมขา”สองมือของหญิงสาวเกาะเกร็งอยู่กับขอบแคร่ไม้ทั้งสองข้าง พอลุงโรมแบะบีบกลีบเนื้อจนเผยอแยะออกจากกันแล้วดันลิ้นซึ่งตั้งเป็นลำเข้ามากระหน่ำเลีย ซอกซอนกลีบเนื้อสลับไปมาทั้งซ้ายขวาเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง ก็ทำให้เจ้าของเรือนร่างถึงกับร้องครางลั่น“กรี๊ด... พ่อโรมทำอะไรคะ น้อยหน่าเสียวเหลือเกิน อ๊อย... อูย”“พ่อโรมจะสำรวจให้จ้ะ... ว่ามีปลิงเข้ามาซ่อนอยู่ข้างในหรือเปล่า”กล่าวจบเรียวลิ้นของหนุ่มใหญ่สายเบิร์นก็กระหวัดเลียกลีบเนื้อสีชมพูสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างลุ่มหลงเมามัน เขาแบะบีบกล
ร่างของน้อยหน่าผวาเยือก มือจิกเกร็งขยุ้มศีรษะ ของโรมแทบจะทันทีที่เขาเขมือบติ่งกระสันเข้าไปในอุ้งปาก ดูดดุนจนเต่งตั้งขึ้นเป็นตุ่มไตแดงเรื่อ“อร๊ายยย... พ่อโรมทำอะไรคะ เสียวเหลือเกิน”“ทำให้หนูมีความสุขจ้ะ”โรมไม่ได้กัด แต่หยอกเย้าด้วยการขบติ่งเนื้อเบาๆ ด้วยริมฝีปากแล้วบดขยี้ซ้ำด้วยการวนคลึงปลายลิ้น ทำเอาสาวน้อยแดดิ้นหายใจระทวย“อูยยยยย... ”แพขนตางอนยาวของน้อยหน่าขยับพะเยิบพะยาบตามจังหวะหายใจ“ไม่เอาแล้วค่ะ... พ่อโรมแกล้งน้อยหน่า”ใบหน้างามแหงนขึ้นมองหลังคากระท่อม สองมือกำแน่นอยู่กับศีรษะพ่อโรมที่งุดหน้าเข้ามาไล้เลียรูสวาทของหล่อนไม่หยุด“เค้าเรียกว่าแกล้งให้มีความสุขจ้ะ”โรมกระตุกยิ้มขณะดูดแรง แบะบีบกลีบเนื้อออกมาเลียแรงๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ลิ้นแข็งเป็นลำเสียบแทงเข้ามาถี่รัวราวกับว่าเพิ่งเคยเจอะเจอความงดงามเช่นนี้เป็นครั้งแรก ก็แน่ละสิ... สาเหตุที่โรมแสดงอาการหิวกระหายมากมายอยากที่เห็นก็เป็นเพราะว่านานหลายเดือนมาแล้วที่เขาว่างเว้นจากเรื่องเหล่านี้“ทำไมพ่อโรมชอบเลียตรงนั้นคะ... อ๊อย”คนโดนเลียรู้สึกสงสัย เสียวจนหน้าบูดหน้าเบ้“ก็น้อยหน่าของพ่อน่าเลีย... น่าดูดเหลือเกินนี่จ๊ะ”หนุ่มใหญ่สายเ
“อูยยย... ของพ่อโรมน่ากลัวจัง”เสียงของน้อยหน่าบอกความหวาดหวั่นพรั่นพรึงสายตาจับอยู่กับอาวุธประจำกายที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงบ๊อกเซอร์ของพ่อโรมเพราะว่าขนาดซึ่งยาวใหญ่เหนือชายใด ความอลังการทำให้ส่วนปลายของเขาโผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกง และความยาวอันเหลือเชื่อก็ทำให้ส่วนปลายของแก่นกายผงาดขึ้นมาเลยสะดือ หัวแดงก่ำโด่ง้ำอยู่ระหว่างท้องซึ่งแน่นนูนไปด้วยคลื่นลอนซิกแพ็คน่าลูบไล้“อูยยย... น้อยหน่ากลัวค่ะ”สายตาของสาวน้อยบอกความหวาดหวั่น เมื่อคิดถึงตอนที่ท่อนเนื้อที่พาดเป็นลำอยู่ในกางเกงบ็อกเซอร์ของพ่อโรมจะต้องเข้ามาอยู่ในตัวหล่อน“ไม่ต้องกลัว... พ่อจะเบามือที่สุด”น้อยหน่าตื่นเต้น หากก็จ้องมองใบหน้าของพ่อโรมด้วยแววตาคาดหวังและรอคอย แรงทะยานอยากของวัยสาวและความอยากรู้อยากลองในเรื่องเร้นลับระหว่างหญิงชายทำให้น้อยหน่ารวบรวมความกล้าเพื่อจะผ่านมันไปกับเขา “ขอให้พ่อโรมเข้าไปในตัวหนูนะครับคนดี” โรมวางมือลงบนต้นขาตึงเต็มของหล่อน“ไม่เอาได้ไหมคะ... น้อยหน่าเปลี่ยนใจได้ไหมคะ” สาวน้อยส่ายหน้า หล่อนพลาดไปแล้วที่เผลอเล่นกับไฟอย่างพ่อโรม “ไม่ได้แล้ว... ไหนว่าจะให้พ่อโ
“อยู่ต่อเถอะนะคะ”หล่อนรีบรั้งแขนของเขาเอาไว้ แขนของพ่อโรมช่างแข็งแกร่งกำยำ เส้นขนสีดำแผ่กระจายไปทั่วแขนของเขาน้อยหน่ารู้ว่าพ่อโรมพยายามระงับอารมณ์สุดๆ เพราะเห็นได้จากการสูดหายใจแรงลึกเพื่อเรียกสติ มือที่กำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนเป็นสายกระจายลงไปทั่วแขนถึงหลังมือ “หนูจะไม่เสียใจใช่ไหม... ถ้าพ่อเข้าไปในตัวหนู” โรมถามย้ำเพื่อความมั่นใจ ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้ามันจะเกิดขึ้น อย่างน้อยก็ควรเป็นไปด้วยความสมัครใจของคนสองคน “ไม่ค่ะ... พ่อโรมช่วยสอนให้หนูนะคะ” ดวงตาสดใสเหมือนกวางน้อยทอดมองใบหน้าของพ่อโรมอย่างมีจริตมารยา “งั้นพ่อไม่เกรงใจละนะ” โรมหันมาคว้าข้อเท้าของหล่อน สองมือสอดเข้าใต้สะโพกแล้วกระชากมาถ่างขาที่ขอบแคร่ไม้ “ว้าย... ” น้อยหน่าตกใจ เท่าทั้งสองข้างถูกดันขึ้นไปชิดเต้านมอวบใหญ่ พ่อโรมกดใบหน้าลงมาปาดปลายลิ้นดูดเลียร่องสวาทอย่างแรง กระแทกนิ้วเสียบแทงเข้ามารัวๆ เสียงดังบลั่กๆ เพราะรูเนื้อน้อยๆ นั้นยังฟิตแน่นเหลือเกิน“อ๊อย... ฮื่อๆ”น้อยหน่าเสียวจนน้ำหล่อหลื่นทะลักสวนออกมา หลุบตาลงมองลุงโรมกดหัวมังกรแดงก่
โชว์ลีลาชิวหาพาเพลินเบิร์นกุหลาบงามของหล่อนได้อย่างถึงอกถึงใจ“อีกนิดนะจ๊ะ... ”คนชอบดูด ชอบเลียอยากลิ้มรสเม็ดทับทิมแดงๆ ที่ปูดเป่งขึ้นมาเหนือรอยแยกของร่องสวาท“โห... สวยเหลือเกิน”เขาแบะบีบกลีบเสียวจนปลิ้นขึ้นมาจากพุ่มขนสีดำ ก่อนจะกระหน่ำด้วยปลายลิ้นตั้งเป็นลำกระแทกทิ่มลงมาถี่ๆ บางครั้งก็ตะแคงลิ้นเสียดสีไล้เลียเม็ดกระสัน นั่นอาจจะเป็นเทคนิควิธีที่ทำให้ปลายลิ้นของโรมเคลื่อนไหวส่ายสั่นไปในทิศทางใหม่ๆ ถูกอกถูกใจจนเมียรักร้องคราง“อ๊อยยย... ”น้อยหน่าสะดุ้งเมื่อติ่งกระสันโดนขบกัดเบาๆ สลับดูดแรงๆ แล้วรวบเอาไว้ด้วยปลายลิ้น ส่งผลให้ปุ่มเนื้อเม็ดน้อยนูนเด่นแดงเรื่ออยู่ในอุ้งปากของพ่อโรมที่ขบเม้มเมามัน ไม่นานน้ำหล่อลื่นก็แตกซ่านออกมาอีกคำรบ “ไม่ไหวแล้วค่ะ... อูย” มือเรียวของหล่อนขยุ้มศีรษะของพ่อโรมเอาไว้แน่น แผ่นหลังบอบบางแอ่นระแน้ขึ้นจากพนักหัวเตียง ขณะปลายลิ้นของโรมรู้สึกได้ถึงอาการตอดตุบรุนแรง“อูย... เนื้อเต้นตุบๆ เชียว”หนุ่มใหญ่สายเบิร์นรับรู้ได้ถึงอาการตอบสนองรุนแรง กลีบสวาทของเมียรักหนีบแน่นอยู่กับปลายลิ้นของเขาที่ชอนไชเข้ามากวาดเลียความนุ่มอ่อนเหมือนใจกลางของเกลีย
มีเพศสัมพันธ์กันได้ทันทีเสียเมื่อไหร่ คงต้องรอให้ภรรยาได้พักฟื้นร่างกายจนกว่าจะพร้อม“ขอพ่อเข้าไปทักทายลูกนะครับ”คนดื้อไม่หยุดอ้อน“ไม่ได้ค่ะ... ” น้อยหน่ารีบห้าม อันที่จริงหล่อนกับพ่อโรมก็งดร่วมรักตลอดช่วงสามเดือนแรกที่รู้ว่าท้อง หมอสั่งว่าควรงดเพื่อความปลอดภัย เพราะในช่วงสามเดือนแรกครรภ์ยังอ่อน จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการแท้ง“วันนี้ขอพ่อเข้าไปทักทายลูกนะจ๊ะ”“ไม่ได้ค่ะ... ของพ่อโรมทั้งใหญ่ทั้งยาว”น้อยหน่าส่ายหน้า เพราะรู้ว่าจะเป็นอันตรายกับลูก“พ่อไม่ได้หมายความว่าจะเอาน้องชายของพ่อใส่เข้าไปเมื่อไร... แต่พ่อโรมจะใช้ลิ้น... นะจ๊ะ”เพียงแค่สามีแลบลิ้นออกมาตวัดเลียริมฝีปาก น้อยหน่าก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งช่องท้อง “จะดีหรือคะ?”โรมรู้ว่าถ้าภรรยาถามแบบนี้แสดงว่า ‘โอเค’ เพราะนานแล้วที่เขากับหล่อนไม่ได้ร่วมรักกัน น้อยหน่าเองก็ต้องอยากเป็นธรรมดา แต่การที่ต้องอุ้มท้องทำให้หล่อนเป็นกังวลทุกวันนี้โรมเฝ้าดูแลแม่ของลูกมิได้ห่าง อายุครรภ์เจ็ดเดือนเป็นช่วงที่เด็กทารกเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ท้องของน้อยหน่าโตขึ้นมากพ่อโรมคอยช่วยบีบนวดให้เป็นประจำเมื่อเห็นหล่อนแสดงอาการอึดอัด แน่นท้อง ปวดหลังปวดเ
ที่คลินิกในเมืองเชียงใหม่ ในตอนสายของวันเดียวกันนั้น ด้วยความตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้า ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงพ่อเลี้ยงโรมก็ขับรถพาน้อยหน่าเดินทางมาถึงคลินิกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่“พ่อรออยู่ข้างนอกนะจ๊ะ”เสร็จจากพยุงร่างเอิบอิ่มของน้อยหน่าเข้ามาส่งในห้องตรวจซึ่งมีคุณหมอนั่งรออยู่ข้างใน พ่อโรมก็ก้าวกลับออกมาทรุดร่างสูงใหญ่ลงนั่งรออยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องตรวจ จิตใจเอาแต่จดจ่อว้าวุ่นกระวนกระวายรอฟังว่าภรรยาจะท้องหรือเปล่า? ครู่ใหญ่ๆ ต่อมา น้อยหน่าเดินออกมาจากห้องตรวจด้วยใบหน้าซีดเซียว พ่อโรมรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตรงรี่เข้าประคองร่างของภรรยายสุดที่รัก ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าคุณหมอถือแฟ้มเดินตามออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ผลตรวจเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”โรมถาม“ครับ... ลูกสาวคุณกำลังตั้งครรภ์ครับ ยินดีด้วยนะครับ... คุณกำลังจะมีหลานแล้วครับ”คุณหมอตอบ คำว่า ‘ลูกสาวคุณ’ และ ‘คำว่า ‘หลาน’ บอกให้รู้ว่าคุณหมอคิดว่าโรมเป็นพ่อของน้อยหน่าอย่างไม่ต้องสงสัยที่คุณหมอเข้าใจไปอย่างนั้นก็เป็นเพราะว่าได้ยินโรมแทนตัวเองว่า ‘พ่อ’ ทุกคำตอนที่พูดกับน้อยหน่า“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”สี
น้อยหน่าถึงสวรรค์อย่างรุนแรง ยังคงโยกบั้นท้ายบดโม่หมุนวนก้นกอยเนิบนาบอยู่บนหน้าตักของเขาตอนนั้นโรมยังกระเด้าไม่หยุดสลับค้อมใบหน้าลงมาดูดสองเต้าเสียงดังจ๊วบจั๊บ สองมือเกร็งขยำบั้นท้ายของเมียรักเอาไว้แน่น แอ่นสะโพกกระเด้า กด เกร็งกล้ามเนื้อทุกส่วนเพื่อถ่ายเทน้ำรักฝากเอาไว้ในกายของภรรยาทุกหยดหยาดอีกสัปดาห์ต่อมาแผลของโรมเริ่มหายสนิทเป็นปกติ หลังจากตัดไหมเรียบร้อยแล้วเขาก็เริ่มออกตรวจงานในไร่ในนาตามปกติโรมทอดสายตาไปกลางทุ่ง ข้าวเหลืองเต็มนาที่ถูกเก็บเกี่ยวออกมาเป็นเมล็ดกว่าร้อยไร่เริ่มนำออกมาตากแดดให้แห้ง เพื่อนำส่งเข้าสู่กระบวนการสีออกมาเป็นเมล็ดข้าวต่อไป เช่นเดียวกับเมล็ดกาแฟในไร่ที่ถูกเก็บมาตากไว้กลางลานกว้าง โรมประเมินคร่าวๆ ด้วยสายตาก็พอจะรู้ว่าปีนี้ผลผลิตทั้งไร่ทั้งนาได้เกินกว่าเป้าที่ตั้งเอาไว้เมื่อกลับเข้ามาถึงบ้าน“น้อยหน่า”โรมเรียกภรรยาในทันทีที่ผลักประตูเข้ามาแล้วไม่เห็นหล่อน“คะ... พ่อโรมเรียกน้อยหน่าทำไมคะ”คนที่กำลังก้มหน้าอาเจียนอยู่ที่อ่างล้างหน้ารีบหันมาขานรับ“เป็นอะไร... ไม่สบายหรือยังไง?”โรมตกใจ เสียงอาเจียนดังลั่นทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง“ไม่รู้ค่ะ... น้
“ถ้าอยากกินน้อยหน่าก็ได้... แต่หลังจากกินข้าวกินยาก่อนนะคะ... ค่อยกินน้อยหน่า”ภรรยารีบต่อรอง“วันนี้มีอะไรมาให้พ่อโรมกิน”“ข้าวต้มกุ้งค่ะ”หล่อนรู้ว่าพ่อโรมชอบ“เดี๋ยวนี้รู้ใจพ่อไปซะทุกอย่าง... น่ารักจัง”โรมเหลือบมองภรรยายกถ้วยข้าวต้มขึ้นจากถาด นำมาวางลงใกล้เตียง ใช้ช้อนคนเบาๆ ระบายควันร้อนที่ลอยขึ้นมาจากปากถ้วย“น้อยหน่าป้อนให้นะคะ”“จ้ะ... ”โรมรู้ว่าหญิงสาวคงอยากตอบแทน เพราะว่าถ้าเมื่อวานเขาไม่เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเอาไว้ หล่อนก็คงไม่มีโอกาสมานั่งป้อนข้าวต้มให้เขา“ขอบคุณพ่อโรมนะคะ”“เรื่องอะไร”“ก็ที่พ่อโรมเสี่ยงชีวิตช่วยหนู”“ก็หนูเป็นดวงใจของพ่อ... ไม่มีหนูพ่อโรมก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไง”น้อยหน่าเหลือบมองหน้าสามีแวบหนึ่ง โรมเห็นประกายซาบซึ้งในดวงตา“ทานข้าวแล้วเดี๋ยวทานยานะคะ”“จ้ะ”โรมอมยิ้ม รู้สึกได้เลยว่ายาแก้ปวดใดๆ ก็ไม่ดีไปกว่าการที่มีน้อยหน่านั่งเคียงข้างเอาอกเอาใจอยู่ใกล้ๆ“เมื่อวานหนูตกใจแทบช็อค... กลัวพ่อโรมถูกยิง... คราวหลังพ่อโรมอย่าทำอะไรเสี่ยงแบบนั้นอีกนะคะ”“แต่ก็คุ้มค่ากับการเสี่ยง” เสียงของพ่อโรมตอบกลับมาอย่างคนที่มีความดื้อรั้นอยู่ในตัว“คุ้มยังไง”“คุ้มสิจ๊ะ...
“อย่านะเสี่ย... ก็ไหนเสี่ยบอกว่าจะไม่ทำอันตรายคุณน้อยหน่า ถ้ากำนันโรมไม่พาคนบุกมา”สิ้นเสียงของคำแก้วหลังมือของเสี่ยเบิ้มก็สะบัดใส่หน้าของหล่อนเสียงดังฉาด ปรามว่าอย่ายุ่ง ทำให้คำแก้วจำต้องนิ่งอยู่ในอาการสะกดเก็บความโกรธ กัดฟันมองเสี่ยเบิ้มเดินกลับเข้าไปในแค้มป์เพื่อจัดการกับน้อยหน่าโรมได้โอกาสก็ไม่รอรี่ เขาปรี่ออกมาจากพุ่มไม้ที่ซ่อนดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ“ใครวะ... ”ปังๆ ๆ ๆ ๆ ๆเสียงปืนอูซี่ในมือลูกสมุนเสี่ยเบิ้มสาดเข้ามาที่ร่างของกำนันโรม เขาสามารถตีลังกาหลบหลีกห่ากระสุนได้อย่างเหลือเชื่อ“รู้จักกูน้อยไปแล้ว”โรมกระเสือกกายหลบอยู่หลังขอนไม้ เมื่อสุดปลาย ของที่กำบังเขาก็ผงาดขึ้นมากราดปืนใส่ร่างสมุนเสี่ยเบิ้มทั้งห้าคนจนงายหลังตกไปยังซอกเหวที่อยู่ด้านหลังโรมพุ่งเข้ามาในแค้มป์คนงานซึ่งตอนนั้นมีเพียงไอ้เสี่ยเบิ้มกับน้อยหน่า เสี่ยเบิ้มกำลังจะแก้มัดให้น้อยหน่าเพื่ออุ้มขึ้นมาปลุกปล้ำขืนใจบนเตียงโรมยกเท้าขึ้นถีบหน้าต่างดังโครมแล้วพุ่งเข้าตัวเข้ามาในห้อง“ไอ้เสี่ยนรก... อย่าแตะต้องเมียกูแม้แต่เส้นผม”เสี่ยเบิ้มซึ่งตอนนั้นกำลังเงอะงะ ทำอะไรไม่ถูกเพราะเสียงปืนที่ดังขึ้นจากภายนอก“ตายเสียเถอะม
คำแก้วตกใจ อันที่จริงหล่อนตั้งใจว่าจะหนีไปเงียบๆ เพียงลำพัง แต่สถานการณ์กลับพลิกผันไปสู่ความวุ่นวายซึ่งคำแก้วเชื่อว่าต้องบานปลายใหญ่โตแน่ๆ“เอ็งนี่โง่ไปได้... ก็เอาไว้ต่อรองสิวะ ต่อรองกับคนของกำนันโรมว่าอย่างเพิ่งบุกเข้ามาที่แค้มป์คนงาน ขอเวลาให้คนของเราขนย้ายของลงเรือสักชั่วโมง”มีสายส่งข่าวให้เสี่ยเบิ้มรู้เช่นกัน ว่ากำนันจะพาคนบุกเข้ามาทลายแค้มป์คนงานที่แอบตั้งอยู่กลางป่าเพื่อตัดไม้ ด้วยความเสียดายไม้บางส่วนที่ตัดโค่นเอาไว้แล้ว เสี่ยเบิ้มตัดสินใจว่าจะล่องไม้ไปตามลำน้ำที่อยู่ด้านหลังของชายป่า ใช้เวลาชั่วโมงเดียวคงชักลากกันเสร็จ ถ้าไม้ล่องเข้าเขตพม่าเสียแล้วก็ยากที่ทางการจะตามจับ“เสี่ยอย่าทำอะไรคุณน้อยหน่าเลยนะ”คำแก้วเป็นห่วง อันที่จริงหล่อนไม่ใช่คนที่เลวร้ายโดยกมลสันดาน แต่เป็นเพราะความริษยาที่นำพาชีวิตไปสู่ทางต่ำ“ถ้าไอ้กำนันโรมมันยอมฟังข้อต่อรอง... บางทีเสี่ยอาจจะไว้ชีวิตเมียมัน”เสี่ยเบิ้มเจ้าเล่ห์ คำตอบที่ได้ยินไม่ได้ทำให้คำแก้วรู้สึกโล่งใจเลยสักนิด“เอาโทรศัพท์มานี่”เสี่ยเบิ้มกระชากโทรศัพท์มาจากมือของคำแก้ว ยกขึ้นถ่ายภาพน้อยหน่าที่นอนสลบอยู่บนเบาะด้านหลังของรถตู้“เอ็งรีบส่งภ
นั่นก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ ‘กำนันโรม’ คนนี้แตกต่างจากผู้ชายคนอื่น “แสดงว่าหอมขี้เต่าพ่อกระมัง... แบบนี้หลงกลิ่นฟีโรโมนพ่อโรมเข้าแล้วใช่ไหม?” โรมบีบจมูกสาวน้อยเบาๆ แกล้งใช้รักแร้ซึ่งเต็มไปด้วยขนรักแร้หนีบศีรษะของภรรยาอ่อนเยาว์เอาไว้แน่น “อ๊อย... พ่อโรมบ้า... ชอบแกล้งน้อยหน่าอ่ะ” กำปั้นน้อยๆ ทุบรัวอยู่ที่แผงอกแกร่งของสามีรุ่นราวคราวพ่อ ก่อนจะเอื้อมมือเรียวขึ้นมาลูบคลำใบหน้าคมคร้าม กระเสือกกายขึ้นมาจูบแก้มกำนันโรมเสียงดังฟอดใหญ่เหมือนให้รางวัล “น้อยหน่ารักพ่อโรมค่ะ... รักที่สุด พ่อโรมยอดรักของน้อยหน่า”หล่อนยอมรับว่าหลงรักรอยยิ้มของเขา หลงรักดวงตาสีสนิมเหล็กและผิวสีทองแดงคร้ามแดด พ่อโรมคนนี้ทำให้น้อยหน่าคลั่งใคล้หลงใหลในทุกๆ อย่างที่เป็นเขา“อย่าแกล้งหลอกให้คนแก่ดีใจนะ”โรมทำทีเป็นพริ้มตาชื่นใจที่ภรรยาบอกว่ารัก“หลอกคนแก่บาปน๊า... ”มือใหญ่เชยคางน้อยๆ ขึ้นมาจูบ“ไม่ได้หลอกนะคะ... น้อยหน่ารักพ่อโรมหมดหัวใจแล้วค่ะ... ชีวิตนี้น้อยหน่าคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว”“ปลื้มจัง”หัวใจของกำนันโรมพองโตกับคำพูดของภรรยาที่ได้ยิน น้อยหน่านึกในใจว่าพ่อโรมจะรู้ต
มือเรียวพลักบ่าของพ่อโรมเป็นเชิงห้าม ยิ่งเขากระแทกลิ้นและริมฝีปากดูดเลียลงมาหนักๆ ก็ยิ่งทำให้น้อยหน่าอ่อนระทวย “ชอบจัง” หล่อนรู้สึกถึงความเต็มตื้นในอารมณ์รักใคร่ที่พ่อโรมกำลังปรนเปรอให้ ภายในช่องท้องกำลังแขม่วเกร็งเพราะเกิดความตื่นเต้นขึ้นมาอย่างประหลาดล้ำ “เปียกเยิ้มหมดแล้ว”โรมดูดเลียจนน้ำหล่อลื่นสาดทะลักออกมา เขาใช้ปลายลิ้นเคล้นคลึงติ่งกระสันจนน้ำหวานหลั่งออกมาเป็นระลอกที่สอง “พ่อโรมทนไม่ไหวแล้ว... วันนี้ของพ่อแข็งเป็นหินเลยจ้ะ หนูลองจับดูนะจ๊ะ... พ่ออยากให้หนูจับ”คำขอของพ่อโรมทำให้หัวใจของน้อยหน่าเต้นแรง นิ้วมืองุ่มง่ามไร้ประสบการณ์ค่อยๆ ลูบล้วงเข้ามาคลำแก่นกายผงาดกล้าระหว่างหน้าขาของเขา ความใหญ่ยาวขนาดเท่าๆ ท่อนแขนทำให้น้อยหน่ารู้สึกหวาดกลัว“พ่อโรมค่อยๆ นะคะ... น้อยหน่ากลัวเจ็บ”“จ้ะ... พ่อจะใส่ช้าๆ ค่อยๆ เบาๆ เจ็บแค่นิดเดียวเท่านั้น เหมือนมดกัด จากนั้นหนูจะมีแต่ความสุข”บอกแล้วพ่อโรมก็เแทรกลำตัวเข้ามาระหว่างง่ามขาที่เปิดรับอย่างฝืนๆบอกแล้วพ่อโรมก็เแทรกลำตัวเข้ามาระหว่างง่ามขาที่เปิดรับอย่างฝืนๆโรมค่อยๆ ส่ายเสียดส่วนปลายแดงก่ำ