“อ่าห์... ”
หลังจากแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน โรมเป็นฝ่ายหลุดเสียงครางออกมาก่อน เพราะรสชาติจากปลายลิ้นหวานละมุนของหลานสาวที่สอดล้วงเข้ามาเกี่ยวกระหวัดรัดร้อยดูดเลียลิ้นของกันและกันดื่มด่ำ ทำให้เขาเสียวซ่านเหมือนมีกระแสไฟอ่อนๆ ไชชอนลงไปทั่วร่างถึงปลายเท้า
“ซี้ดดด... อ่าห์”
น้อยหน่าเผลอครางออกมาเช่นกัน ที่หล่อนและโรมรู้สึกซ่านเสียวเพียงจูบแรกก็เพราะว่าในทุกอณูของลิ้นนั้นเต็มไปด้วยเส้นประสาท การจูบกันอย่างดื่มด่ำด้วยลิ้นจึงสามารถจุดไฟพิศวาสขึ้นโดยง่าย
“ลุงโรมจูบเก่งจัง”
น้อยหน่ายอมรับว่ารู้สึกร้อนวูบวาบ ครั้นแล้วหล่อนก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น
“ว้าย... ช่วยด้วยค่ะ... ตะคริวค่ะ... อ๊อย”
โรมผวาเข้าคว้าร่างของหลานสาวเข้ามากอดเอาไว้
“ไม่ต้องกลัว... กอดลุงไว้แน่นๆ”
โรมบอกให้รู้ว่าหล่อนจะปลอดภัยอย่างแน่นอนเมื่ออยู่ใกล้เขา รีบช้อนร่างอวบอัดของหลานสาวขึ้นอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน สองแขนน้อยๆ ของน้อยหน่าโอบรัดอยู่รอบลำคอบึนหนาของโรม
“อากาศเย็น... น้ำเย็น... หนูคงยังไม่คุ้นกับที่นี่”
เขาอุ้มร่างระทดระทวยของหลานสาวเข้ามาในกระท่อมที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยรู้ว่าภายในจะอบอุ่นกว่าภายนอก บีบนวดสักเดี๋ยวอาการตะคริวก็หาย
“ลุงจะนวดให้... ปวดตรงไหนบ้าง”
ร่างกำยำถามขณะวางร่างของน้อยหน่าลงบนแคร่ไม้ไผ่ที่ตั้งชิดผนังด้านหนึ่งของกระท่อมร้าง
“ปวดทั้งตัวเลยค่ะพ่อโรมขา”
น้อยหน่าเหลือบตาขึ้นมองสบตาลุงโรมด้วยหัวใจเต้นแรง น้ำเสียงออดอ้อน
โรมดูเซ็กซี่เหลือเกินในสภาพที่ร่างกำยำของเขาเหลือเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว
น้อยหน่าค่อยๆ ถอดกางเกงขาสั้นออกจากเอว ค่อยๆ รั้งออกจากปลายเท้า ทำให้เรือนร่างเอิบอิ่มเหลือเพียงแพนตี้ตัวน้อยกับเสื้อยืดเปียกน้ำ เสื้อบางๆ แนบเน้นจนเห็นโนมเนื้อความเป็นสาวทั้งบนและล่างชัดเจนสะดุดตาของโรม
“โอ้ว... ”
โรมพยายามระงับอารมณ์บางอย่างที่พลุ่งพล่านขึ้นมาทันทีกับสิ่งที่เห็น เนินเนื้อสาวของหล่อนอูมแน่นจนแอ่นอ้าขึ้นมาจากง่ามขาขาวเนียน แลเห็นเป็นกลีบอูมแน่นคล้ายสมโอสองกลีบประกบกันแน่นอยู่ภายใต้แพนตี้สีชมพูตัวน้อย
‘ให้ตายเถอะโรบิ้น... ให้ดับดิ้นเถอะโรเบิร์ต’
ใครจะคิดว่าภาพที่เห็นอยู่ต่อหน้าจะทำให้น้ำลายของเขาเกือบไหลย้อยออกมา
“ลุงคิดว่า... ”
สีหน้าของโรมบอกความลังเล แววตาดูอึดอัด
“ทำไมคะ”
น้อยหน่ารีบถาม
“เรากลับไปทายาที่บ้านน่าจะดีกว่า”
โรมพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่เดือดพล่านอยู่ในอก ความเย้ายวนใจของน้อยหน่าทำให้เขารู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ทั้งที่ความหนาวเย็นของอากาศในเดือนธันวายังโชยพัดมาบาดผิวพร้อมกับสายลมอยู่ในเวลานั้น
“ไม่เอาอ่ะ... พ่อโรมใจร้าย น้อยหน่าจะให้พ่อโรมนวดให้ตรงนี้”
เวลาดื้อท่าทางของน้อยหน่าช่างเหมือนเด็ก หล่อนทำหน้าเจ็บปวดให้รู้ สุดท้ายโรมก็ใจอ่อน จำต้องทรุดร่างลงนั่งริมแคร่ไม้
“ก็ได้... ลุงจะนวดให้ เดี๋ยวอาการดีขึ้นแล้วเราค่อย กลับ”
เขายกขาเรียวของหลานสาวขึ้นมาพิจารณาปลีน่องขาวเนียน ตรงที่น้อยหน่าชี้ว่าปวด
“ดีขึ้นไหม”
แรงบีบนวดเบาๆ หากทำเอาหญิงสาวเสียวร้าว เคลิบเคลิ้มไปทั้งร่าง โรมค่อยๆ คลึงคลำนวดเฟ้นขึ้นมาเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดตรงซอกขา
“โอเคมั้ย”
“อาการตะคริวหายแล้วค่ะ... แต่”
“แต่อะไร”
“คือมันจั๊กกะจี้ตรงนั้นค่ะ... พ่อโรมขา... ขึ้นมาอีกนิดค่ะ”
มือน้อยๆ ชี้นำทางเข้าไปในแพนตี้ลายลูกไม้สีชมพูหวาน
“หืม... มันเป็นยังไงหรือ? เอ่อ... อย่าบอกนะว่าหนูโดนปลิงเข้าตรงนั้น”
โรมทำหน้าตกใจ เขาลืมบอกไปว่าบึงบัวแห่งนี้มีปลิงชุกชุมอยู่พอสมควร แต่ที่กล้าลงเล่นน้ำเพราะว่าฤดูหนาวปลิงไม่ชุกชุมเหมือนหน้าฝน แต่ก็อาจจะหลงเหลืออยู่บ้าง
“ว้าย... อื๊ยยยย... คุณลุงช่วยเอามันออกไปทีนะคะ”
น้อยหน่าทำหน้าขยะแขยง โรมสังเกตเห็นเส้นขนอ่อนๆ บริเวณต้นแขนของหล่อนลุกซู่ชูชันเพราะความขยาดแขยง
“ลุงก็ไม่แน่ใจว่าปลิงมันเข้าไปหรือเปล่า... แต่เห็นหนูบอกว่ามันรู้สึกแปลกๆ ตรงนั้น”
“ฮือๆ... คุณลุงช่วยทำอะไรสักอย่างสิคะ”
“ถ้าจะให้ลุงตรวจดูให้แน่ใจ... อาจจะต้องใช้วิธีที่ล้ำลึกหน่อย แต่หนูแน่ใจนะว่าไม่ถือสา... ไม่ว่าลุง”
โรมเอ่ยขึ้นเหมือนกรุยทางไปสู่สิ่งที่เขาแอบวาดหวังเอาไว้
“จะทำอะไรก็ได้ค่ะ... รีบๆ เถอะค่ะน้อยหน่ากลัวปลิง”
หญิงสาวเร่ง
“งั้นได้เลย”
โรมบอกพลางรวบสะโพกตึงเต็มของหลานสาวแล้วกระชากมาตรงขอบเตียง
“อุ๊ย”
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคลและสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนาอ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ“น้อยหน่า... จากนี้ต่อไปหนูต้องดูแลตัวเองนะลูก หนูต้องเป็นเด็กดี อย่าดื้อให้ลุงโรมเพื่อนพ่อต้องหนักใจ จากนี้ไปลุงโรมจะเป็นคนดูแลหนูแทนพ่อ”ยุทธนาบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง สั่นเครือ แต่ก็ไม่ยอมร้องไห้ แค่ขยับปากพูดก็เหนื่อย ในวันที่รู้ตัวแล้วว่าวาระสุดท้ายของตนกำลังใกล้เข้ามาทุกที หลังจากทรมานกับการรักษาตัวเพราะป่วยเป็นมะเร็งในสมองขั้นสุดท้าย ก้อนเนื้อร้ายอยู่ในตำแหน่งที่ยากยิ่งต่อการผ่าตัด“คุณพ่อจะต้องไม่เป็นอะไรนะ... ฮือๆ”น้อยหน่าน้ำตาซึม ก่อนที่หยาดน้ำตากลมเกลี้ยงจะกลิ้งลงมาอาบนวลแก้มแม้ว่าหล่อนจะถูกเลี้ยงดูให้เป็นคนเข้มแข็ง แต่วันนี้น้อยหน่าก็อดร้องไห้ไม่ได้จริงๆ สิ้นบิดาสักคนหล่อนก็คงไม่เหลือใครแล้ว ความรู้สึกเหมือนเรือที่ล่องลอยเคว้งคว้างในท่ามกลางหมาสมุทรเพียงลำพัง เพราะว่ามารดาก็เสียไปตั้งแต่ตอนที่หล่อนมีอายุได้เพียงขวบเศษๆ“หนูต้องเข้มแข็ง... ต่อให้ไม่มีพ่อ... หนูก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้... ไม่ต้องห่วง
“ย่างสิบเก้าแล้วค่ะ”ในวัยย่างสิบเก้าปีน้อยหน่าช่างดูสวยสะพรั่งเกินตัว ผิวพรรณของหล่อนขาวผ่องและเปล่งปลั่งไปด้วยเลือดเนื้อของวัยสาว ทว่าสิ่งที่โรมแอบสังเกตเห็นอีกอย่างก็คือแววตาคมสวย แต่แฝงประกายเร่าร้อนวูบวับอยู่เบื้องหลังความสดใส “หนูโตขึ้นมาก... ”โรมย้อนระลึกกลับไปในอดีตเมื่อแปดปีที่ผ่านมา ตอนที่เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่อเมริกา“เมื่อก่อนคุณลุงเคยเห็นหนูด้วยหรือคะ?”น้อยหน่าแปลกใจ หัวคิ้วโค้งราวคันศรขมวดชิดเข้าหากัน“เคยเห็นจ้ะ... ตอนนั้นลุงแวะมาหายุทธนาพ่อของหนู เคยเห็นหนูวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้าน บังเอิญวันนั้นลุงรีบมาก มีธุระด่วนเลยต้องรีบกลับ ทักทายกันเดี๋ยวเดียวเท่านั้นเอง วันนั้นลุงซื้อตุ๊กตาหมีมาฝากหนูด้วย จำได้ว่าเป็นวันเกิดของหนูพอดี”น้อยหน่ารู้สึกตกใจ หล่อนเพิ่งรู้ก็ตอนนี้เอง ว่าเจ้าหมีขาวขนยาวปุกปุยตัวใหญ่ที่นอนกอดมาตั้งแต่เล็กๆ จนถึงทุกวันนี้... ที่แท้ก็ลุงโรมนั่นเองที่เป็นคนซื้อให้“ตุ๊กตาตัวนั้นทุกวันนี้ยังอยู่ค่ะลุงโรม... น้อยหน่าเอาไปด้วยค่ะ”หล่อนเหลือบมองกระเป๋าสัมภาระที่วางรวมอยู่หน้าบ้าน โรมทอดสายตาไปยังข้าวของที่น้อยหน่าขนออกมาเตรียมรอเอาไว้ที่หน้าบ้าน เดาว่
สัปดาห์ต่อมา“ลุงจะพาไปเที่ยวทุ่งนาด้านหลัง... ดีมั้ย ถ้าหนูอยากสูดอากาศบริสุทธิ์”“ดีค่ะ... น้อยหน่าอยากเห็นค่ะลุงโรม”ท่าทางของสาวน้อยดูตื่นเต้น“มีเสื้อกันหนาวมาด้วยมั้ย... ”เสียงของโรมบอกความห่วงใย ขณะสายตาจับอยู่ที่พวงแก้มนวลปลั่งของหลานสาวแสนสวย ตอนนี้ใกล้จะค่ำแล้ว อากาศเริ่มเย็นลงทุกที“มีค่ะ... ”น้อยหน่าตอบพลางเงยหน้าขึ้นสบตาลุงโรมขณะยกนิ้วขึ้นเกลี่ยช่อผมบางส่วนที่ปลิวลงมาเคลียแก้ม เกี่ยวด้วยนิ้วขึ้นไปทัดเอาไว้หลังใบหู“ลุงโรมหล่อจัง”แสงแดดลำสุดท้ายที่สาดมากระทบโครงร่างสูงใหญ่สุดสมาร์ทของเจ้าของบ้าน ทำให้น้อยหน่ามองเห็นความหล่อเหลาของโรมได้อย่างชัดเจนเต็มตา“นึกยังไงมาชมลุง”โรมขัยบเข้ามาใกล้ร่างเอิบอิ่ม ยกมือขึ้นลูบศีรษะของน้อยหน่าด้วยความรู้สึกเอ็นดู ยิ่งเข้ามาใกล้หล่อนเขายิ่งรู้สึกตื่นเต้น“มองอะไรจ๊ะ”โรมถามเมื่อเห็นน้อยหน่าตะลึงจ้องหน้าเขาไม่วางตา ผิวสีทองแดงคร้ามแดดยิ่งเสริมส่งให้โรมดูคมเข้มสมชายชาตรี เนื้อตัวกำยำไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าคมคร้ามไร้ที่ติติง แพหนวดดกหนาเหนือริมฝีปากทำให้ยิ่งแลดูน่าครั่นคร้าม แต่ในสายตาของน้อยหน่ากลับมองว่าน่ารัก“ถามก็ไม่ตอบ”“มองลุงโรมนั่น
“หนูอยากให้ลุงโรมเป็นพ่อหนู... หนูเรียกลุงโรมว่าพ่อโรมได้ไหมคะ”น้อยหน่าเอ่ยออกมา“ได้สิ... จะเรียกลุงโรมหรือพ่อโรมก็ได้”อารมณ์ของโรมสะดุดลงนิดนึง ตอนแรกเขาคิดว่าลูกสาวของเพื่อนกำลังทอดสะพาน แต่คำพูดที่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหูเมื่อครู่ก็ทำให้เข้าใจแล้วว่าน้อยหน่าคงรู้สึกกับเขาอย่าง ‘พ่อ’ คนหนึ่งเท่านั้นเองโรมตำหนิตัวเองที่แอบคิดไปในทางชู้สาว เพราะเขาเองก็ยอมรับว่าเจ้าชู้ เป็นชายชาตรีทั้งแท่งที่ยังมีความปรารถนาในความรักความใคร่เหมือนคนทั่วๆ ไป “พ่อโรม... พ่อโรมของน้อยหน่า”ขณะรถแล่นไปตามทางดินสายเล็กๆ มุ่งสู่หนองน้ำน้อยหน่าสวมกอดเขาแน่นเมื่อโรมอนุญาตให้เรียก ‘พ่อ’“ถึงแล้วจ้ะ... ”โรมทอดสายตาไปยังหนองน้ำ แลเห็นบัวสายชูดอกสีแดงสะพรั่งเบ่งบานไปทั้งบึง“น้อยหน่าอยากเล่นน้ำค่ะพ่อโรม... พ่อโรมขับรถไปจอดใกล้ๆ กระท่อมตรงโน้นได้ไหมคะ” “ได้สิ”เหมือนคำสั่งของหญิงสาวนั้นเป็นมนต์สะกด โรมรีบเลี้ยวรถโฟล์คกอล์ฟไปยังกระท่อมร้างใต้ต้นตะแบกร่มครึ้ม แลเห็นดอกสีม่วงร่วงพลิ้วลงมาตามแรงลมราวกับมีมือที่มองไม่เห็นช่วยหว่านโปรยลงมา“สวยจังค่ะ” น้อยหน่าทอดสายตามองริ้วน้ำใสแจ๋วในบึงด้วยความ