“ย่างสิบเก้าแล้วค่ะ”
ในวัยย่างสิบเก้าปีน้อยหน่าช่างดูสวยสะพรั่งเกินตัว ผิวพรรณของหล่อนขาวผ่องและเปล่งปลั่งไปด้วยเลือดเนื้อของวัยสาว ทว่าสิ่งที่โรมแอบสังเกตเห็นอีกอย่างก็คือแววตาคมสวย แต่แฝงประกายเร่าร้อนวูบวับอยู่เบื้องหลังความสดใส
“หนูโตขึ้นมาก... ”
โรมย้อนระลึกกลับไปในอดีตเมื่อแปดปีที่ผ่านมา ตอนที่เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่อเมริกา
“เมื่อก่อนคุณลุงเคยเห็นหนูด้วยหรือคะ?”
น้อยหน่าแปลกใจ หัวคิ้วโค้งราวคันศรขมวดชิดเข้าหากัน
“เคยเห็นจ้ะ... ตอนนั้นลุงแวะมาหายุทธนาพ่อของหนู เคยเห็นหนูวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้าน บังเอิญวันนั้นลุงรีบมาก มีธุระด่วนเลยต้องรีบกลับ ทักทายกันเดี๋ยวเดียวเท่านั้นเอง วันนั้นลุงซื้อตุ๊กตาหมีมาฝากหนูด้วย จำได้ว่าเป็นวันเกิดของหนูพอดี”
น้อยหน่ารู้สึกตกใจ หล่อนเพิ่งรู้ก็ตอนนี้เอง ว่าเจ้าหมีขาวขนยาวปุกปุยตัวใหญ่ที่นอนกอดมาตั้งแต่เล็กๆ จนถึงทุกวันนี้... ที่แท้ก็ลุงโรมนั่นเองที่เป็นคนซื้อให้
“ตุ๊กตาตัวนั้นทุกวันนี้ยังอยู่ค่ะลุงโรม... น้อยหน่าเอาไปด้วยค่ะ”
หล่อนเหลือบมองกระเป๋าสัมภาระที่วางรวมอยู่หน้าบ้าน โรมทอดสายตาไปยังข้าวของที่น้อยหน่าขนออกมาเตรียมรอเอาไว้ที่หน้าบ้าน เดาว่าตุ๊กตาหมีขาวที่หญิงสาวเอ่ยถึงคงกำลังนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าเดินทางใบไหนสักใบ
“ถ้าพร้อมแล้วเราไปกันเลยดีกว่า”
โรมก้าวเข้ามาช่วยยกกระเป๋าเดินทางขึ้นซ้อนกันแล้วลากเอามาใส่ไว้ที่ด้านหลังของรถกระบะคันใหญ่
“น้อยหน่าช่วยยกนะคะคุณลุง”
หญิงสาวเกรงใจ ทำท่าว่าจะเข้ามาช่วย
“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวลุงจัดการเองครับ... กระเป๋าใหญ่ๆ ทั้งนั้น แขนน้อยๆ แบบนี้หนูยกไม่ไหวหรอก”
จริงอย่างที่ลุงโรมบอก เพราะว่ากระเป๋าเดินทางแต่ละใบถูกบรรจุเอาไว้ด้วยข้าวของจนเต็มแน่น สาเหตุที่สัมภาระค่อนข้างเยอะก็เพราะว่ามันเป็นการย้ายบ้านครั้งแรกของน้อยหน่า
“อาทิตย์หน้าจะมีคนมาซื้อบ้านหลังนี้”
โรมบอก หลังจากยุทธนาสั่งเอาไว้ว่าให้ช่วยขายบ้านหลังนี้ให้ที เงินที่ได้จากการขายบ้านให้เก็บเอาไว้เป็นทุนรอนของน้อยหน่าผู้เป็นลูกสาว
“ทำไมขายได้เร็วจังคะ”
น้อยหน่าสงสัย
“ลุงมีเพื่อนเป็นนายหน้าขายบ้านกับที่ดินอยู่หลายคน ฝากบอกไปไม่กี่วันก็มีคนสนใจ”
“ขอบคุณลุงโรมมากค่ะ”
น้อยหน่าน้ำตาคลอ ทั้งที่ดีใจที่ขายบ้านได้ก็จริง ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะต้องเหลียวกลับไปพึมพำคล้ายสั่งลาบ้านที่เคยอาศัยอยู่มานานกว่าสิบแปดปี
“ไปกันเถอะ... ไปอยู่บ้านลุง จากนี้ไปลุงจะดูแลหนูเอง”
โรมบอกพลางเดินนำหน้ามาขึ้นรถ น้อยหน่าเดินตามมานั่งเคียงข้างกับร่างสูงใหญ่ของเพื่อนบิดา พากันมุ่งหน้าสู่อำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่กลางหุบเขาซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง
ในเวลาต่อมา ที่อำเภอแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาด้านทิศตะวันตกของจังหวัดเชียงใหม่
โรมเป็นลูกครึ่งต่างชาติก็จริง แต่ช่างน่าแปลกที่เขาหลงใหลในชีวิตเกษตรกรจนลงทุนซื้อที่ดินมากมายเพื่อใช้ทำไร่ทำนา
ทุกวันนี้เขาปลูกข้าวกินเอง โดยจ้างแรงงานในพื้นที่ตั้งแต่หว่านดำจนมาถึงเก็บเกี่ยวและสีข้าวออกมาเป็นเมล็ดในขั้นตอนสุดท้าย
ทุกวันนี้เขากลายเป็นผู้ส่งออกข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ รองมาจากกาแฟที่ปลูกเอาไว้หลายร้อยไร่
ทั้งที่โรมย้ายมาอยู่ในอำเภอนี้ได้ไม่กี่ปี แต่ด้วยความที่เป็นคนมีวิสัยทัศน์และบุคลิกภาพความเป็นผู้นำเด่นชัด ก็ทำให้เขาได้รับเลือกตั้งเป็นกำนัน ทุกวันนี้ผู้คนในแถบถิ่นนี้ต่างก็รู้จักเขาดีในชื่อ ‘กำนันโรม’ และ ‘พ่อเลี้ยงโรม’
การเข้ามาของโรมทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่มากมาย เขาริเริ่มโครงการโน่นนี่มากมายไม่ได้หยุด ทั้งรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านที่นำมาขายโดยไม่กดราคาเพราะเขามีฐานะร่ำรวยอยู่แล้ว รวยมากเข้าขั้นเศรษฐีก็ว่าได้ คงไม่แปลกหากผู้คนจะตั้งฉายาให้เขาว่า ‘เศรษฐีภูธร’
โรมแนะนำน้อยหน่ากับผู้คนในบ้านว่าหล่อนเป็น ‘หลาน’ เป็นลูกสาวของเพื่อนรักที่ฝากฝังให้ช่วยดูแล และจากนี้ไปทุกคนต้องให้ความเคารพน้อยหน่าเหมือนอย่างที่ให้ความเคารพเขา
“บ้านลุงโรมสวยจังค่ะ”
น้อยหน่ากวาดสายตาแลสำรวจไปรอบๆ อาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่ของลุงโรม เบื้องหลังรั้วรอบขอบชิดของกำแพงศิลาแลงก้อนใหญ่โอบล้อมไปด้วยไร่นาเขียวขจี สภาพแวดล้อมรอบๆ กายชวนให้ตื่นตาตื่นใจไปหมด
บ้านหลังใหญ่ของโรมปลูกสร้างด้วยปูนเปลือยผสมผสานกับอิฐและไม้ ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินหญ้าเขียวขจีเหมือนภูเขาเตี้ยๆ
“ทีแรกลุงเกรงว่าหนูอาจจะไม่ชอบที่นี่... เพราะมันบ้านนอกเหลือเกิน ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ป่าแต่เขา”
“ชอบสิคะคุณลุง... ชอบมาก”
น้อยหน่าบอกพลางทอดสายตามองไปรอบๆ แลเห็นทุ่งนาข้าวเขียวขจีพลิ้วไสวอยู่ในสายลม วัวควายเดินลัดเลาะอยู่ริมหนองน้ำหลังบ้าน ดวงตะวันลอยต่ำเกือบแตะทิวเขาทาบทะมึนทอดเป็นแนวยาวโอบหมู่บ้านเอาไว้ในอ้อมกอด
สัปดาห์ต่อมา“ลุงจะพาไปเที่ยวทุ่งนาด้านหลัง... ดีมั้ย ถ้าหนูอยากสูดอากาศบริสุทธิ์”“ดีค่ะ... น้อยหน่าอยากเห็นค่ะลุงโรม”ท่าทางของสาวน้อยดูตื่นเต้น“มีเสื้อกันหนาวมาด้วยมั้ย... ”เสียงของโรมบอกความห่วงใย ขณะสายตาจับอยู่ที่พวงแก้มนวลปลั่งของหลานสาวแสนสวย ตอนนี้ใกล้จะค่ำแล้ว อากาศเริ่มเย็นลงทุกที“มีค่ะ... ”น้อยหน่าตอบพลางเงยหน้าขึ้นสบตาลุงโรมขณะยกนิ้วขึ้นเกลี่ยช่อผมบางส่วนที่ปลิวลงมาเคลียแก้ม เกี่ยวด้วยนิ้วขึ้นไปทัดเอาไว้หลังใบหู“ลุงโรมหล่อจัง”แสงแดดลำสุดท้ายที่สาดมากระทบโครงร่างสูงใหญ่สุดสมาร์ทของเจ้าของบ้าน ทำให้น้อยหน่ามองเห็นความหล่อเหลาของโรมได้อย่างชัดเจนเต็มตา“นึกยังไงมาชมลุง”โรมขัยบเข้ามาใกล้ร่างเอิบอิ่ม ยกมือขึ้นลูบศีรษะของน้อยหน่าด้วยความรู้สึกเอ็นดู ยิ่งเข้ามาใกล้หล่อนเขายิ่งรู้สึกตื่นเต้น“มองอะไรจ๊ะ”โรมถามเมื่อเห็นน้อยหน่าตะลึงจ้องหน้าเขาไม่วางตา ผิวสีทองแดงคร้ามแดดยิ่งเสริมส่งให้โรมดูคมเข้มสมชายชาตรี เนื้อตัวกำยำไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าคมคร้ามไร้ที่ติติง แพหนวดดกหนาเหนือริมฝีปากทำให้ยิ่งแลดูน่าครั่นคร้าม แต่ในสายตาของน้อยหน่ากลับมองว่าน่ารัก“ถามก็ไม่ตอบ”“มองลุงโรมนั่น
“หนูอยากให้ลุงโรมเป็นพ่อหนู... หนูเรียกลุงโรมว่าพ่อโรมได้ไหมคะ”น้อยหน่าเอ่ยออกมา“ได้สิ... จะเรียกลุงโรมหรือพ่อโรมก็ได้”อารมณ์ของโรมสะดุดลงนิดนึง ตอนแรกเขาคิดว่าลูกสาวของเพื่อนกำลังทอดสะพาน แต่คำพูดที่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหูเมื่อครู่ก็ทำให้เข้าใจแล้วว่าน้อยหน่าคงรู้สึกกับเขาอย่าง ‘พ่อ’ คนหนึ่งเท่านั้นเองโรมตำหนิตัวเองที่แอบคิดไปในทางชู้สาว เพราะเขาเองก็ยอมรับว่าเจ้าชู้ เป็นชายชาตรีทั้งแท่งที่ยังมีความปรารถนาในความรักความใคร่เหมือนคนทั่วๆ ไป “พ่อโรม... พ่อโรมของน้อยหน่า”ขณะรถแล่นไปตามทางดินสายเล็กๆ มุ่งสู่หนองน้ำน้อยหน่าสวมกอดเขาแน่นเมื่อโรมอนุญาตให้เรียก ‘พ่อ’“ถึงแล้วจ้ะ... ”โรมทอดสายตาไปยังหนองน้ำ แลเห็นบัวสายชูดอกสีแดงสะพรั่งเบ่งบานไปทั้งบึง“น้อยหน่าอยากเล่นน้ำค่ะพ่อโรม... พ่อโรมขับรถไปจอดใกล้ๆ กระท่อมตรงโน้นได้ไหมคะ” “ได้สิ”เหมือนคำสั่งของหญิงสาวนั้นเป็นมนต์สะกด โรมรีบเลี้ยวรถโฟล์คกอล์ฟไปยังกระท่อมร้างใต้ต้นตะแบกร่มครึ้ม แลเห็นดอกสีม่วงร่วงพลิ้วลงมาตามแรงลมราวกับมีมือที่มองไม่เห็นช่วยหว่านโปรยลงมา“สวยจังค่ะ” น้อยหน่าทอดสายตามองริ้วน้ำใสแจ๋วในบึงด้วยความ
“อ่าห์... ”หลังจากแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน โรมเป็นฝ่ายหลุดเสียงครางออกมาก่อน เพราะรสชาติจากปลายลิ้นหวานละมุนของหลานสาวที่สอดล้วงเข้ามาเกี่ยวกระหวัดรัดร้อยดูดเลียลิ้นของกันและกันดื่มด่ำ ทำให้เขาเสียวซ่านเหมือนมีกระแสไฟอ่อนๆ ไชชอนลงไปทั่วร่างถึงปลายเท้า“ซี้ดดด... อ่าห์”น้อยหน่าเผลอครางออกมาเช่นกัน ที่หล่อนและโรมรู้สึกซ่านเสียวเพียงจูบแรกก็เพราะว่าในทุกอณูของลิ้นนั้นเต็มไปด้วยเส้นประสาท การจูบกันอย่างดื่มด่ำด้วยลิ้นจึงสามารถจุดไฟพิศวาสขึ้นโดยง่าย “ลุงโรมจูบเก่งจัง” น้อยหน่ายอมรับว่ารู้สึกร้อนวูบวาบ ครั้นแล้วหล่อนก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น “ว้าย... ช่วยด้วยค่ะ... ตะคริวค่ะ... อ๊อย” โรมผวาเข้าคว้าร่างของหลานสาวเข้ามากอดเอาไว้ “ไม่ต้องกลัว... กอดลุงไว้แน่นๆ” โรมบอกให้รู้ว่าหล่อนจะปลอดภัยอย่างแน่นอนเมื่ออยู่ใกล้เขา รีบช้อนร่างอวบอัดของหลานสาวขึ้นอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน สองแขนน้อยๆ ของน้อยหน่าโอบรัดอยู่รอบลำคอบึนหนาของโรม “อากาศเย็น... น้ำเย็น... หนูคงยังไม่คุ้นกับที่นี่” เขาอุ้มร่างระทดระทวยของหลานสาวเข้ามาในกร
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคลและสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนาอ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ“น้อยหน่า... จากนี้ต่อไปหนูต้องดูแลตัวเองนะลูก หนูต้องเป็นเด็กดี อย่าดื้อให้ลุงโรมเพื่อนพ่อต้องหนักใจ จากนี้ไปลุงโรมจะเป็นคนดูแลหนูแทนพ่อ”ยุทธนาบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง สั่นเครือ แต่ก็ไม่ยอมร้องไห้ แค่ขยับปากพูดก็เหนื่อย ในวันที่รู้ตัวแล้วว่าวาระสุดท้ายของตนกำลังใกล้เข้ามาทุกที หลังจากทรมานกับการรักษาตัวเพราะป่วยเป็นมะเร็งในสมองขั้นสุดท้าย ก้อนเนื้อร้ายอยู่ในตำแหน่งที่ยากยิ่งต่อการผ่าตัด“คุณพ่อจะต้องไม่เป็นอะไรนะ... ฮือๆ”น้อยหน่าน้ำตาซึม ก่อนที่หยาดน้ำตากลมเกลี้ยงจะกลิ้งลงมาอาบนวลแก้มแม้ว่าหล่อนจะถูกเลี้ยงดูให้เป็นคนเข้มแข็ง แต่วันนี้น้อยหน่าก็อดร้องไห้ไม่ได้จริงๆ สิ้นบิดาสักคนหล่อนก็คงไม่เหลือใครแล้ว ความรู้สึกเหมือนเรือที่ล่องลอยเคว้งคว้างในท่ามกลางหมาสมุทรเพียงลำพัง เพราะว่ามารดาก็เสียไปตั้งแต่ตอนที่หล่อนมีอายุได้เพียงขวบเศษๆ“หนูต้องเข้มแข็ง... ต่อให้ไม่มีพ่อ... หนูก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้... ไม่ต้องห่วง