อี้ซินแบ่งหน้าที่การทำงานโดยให้ท่านลุงลู่นั้นเป็นคนไปตัดไผ่เรียงเอาไว้เป็นกองๆ ส่วนพี่ชายทั้งสองนั้นนางให้ขุดหลุมในส่วนที่จะใช้ทำห้องน้ำ โดยขุดหลุมให้ลึกพอประมาณรูปแบบคล้ายๆ ส้วมหลุมของยุคที่นางจากมา นางจะเริ่มจากการทำห้องน้ำก่อนเป็นสิ่งแรกเพราะห้องน้ำนั้นถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันอย่างมากและนางก็ทนทรมานจากการใช้ห้องน้ำแบบธรรมชาติมามากพอแล้ว ส่วนอี้ฟงนั้นได้รับหน้าที่ให้ไปเก็บก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นที่ลำธารใส่ตะกร้าเอาไว้ เมื่อพี่ชายทั้งสองขุดหลุมเสร็จเรียบร้อยแล้วนางจึงให้นำแผ่นไม้มาปูทับปิดปากหลุมเว้นช่องสำหรับขับถ่ายตรงกลาง แล้วใช้ดินเหนียวผสมฟางแห้งปูทับให้หนาใช้แทนปูนเพื่อไม่ให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์เกลี่ยให้เสมอกันและใช้ดินเหนียวและแกลบผสมน้ำฉาบทับอีกทีก่อนจะใช้หินที่ให้อี้ฟงเก็บมาจากลำธารมาเรียงลงไปแทนกระเบื้อง ส่วนตรงกลางที่ใช้ขับถ่ายนั้นใช้ไม้ไผ่ทำเป็นโครงร่างรูปกรวยวงกลมใช้ดินเหนียวผสมแกลบฉาบให้มีความเรียบลื่นระหว่างที่รอให้ส่วนของห้องขับถ่ายแห้ง ก็มาทำโครงสร้างของห้อง นางออกแบบห้องน้ำเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องสำหรับขับถ่ายและอีกฝั่งเป็นห้องอาบน้ำโดยอยู่ห่างจากตัวบ้า
เช้าวันต่อมาเมื่อครอบครัวตระกูลลู่มาถึงนางและอี้ฟงก็ออกมาต้อนรับ แต่วันนี้มีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักรุ่นราวคราวเดียวกันกับอี้ฟงตามมาด้วย "ซินเอ๋อ ฟงเอ๋อ นี่เสี่ยวผิง หลานสาวของลุงเป็นบุตรของอาฟู่" ท่านลุงลู่ที่เอ่ยแนะนำเด็กน้อยที่มายืนอยู่ด้านข้าง ก่อนเสียงเล็กใสจะกล่าวขึ้นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู"ผิงเอ๋อคารวะพี่สาวซินเจ้าค่ะ สวัสดีอาฟง" เจ้าตัวเล็กเอ่ยทักทายนางกับอี้ฟงด้วยรอยยิ้มปรากฏลักยิ้มบุ๋มตรงแก้มทั้งสองข้างดูน่ารักก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้อี้ฟงที่ยืนแก้มแดงระเรื่ออยู่ข้างๆ นาง"สวัสดี" เสียงเล็กที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาของอี้ฟงเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคน เพราะดูท่าน้องชายของนางจะกลายเป็นคนขี้อายไปเสียแล้ว"พี่พาผิงเอ๋อมาด้วยเพราะมารดาของนางพาท่านแม่ไปโรงหมอในเมืองยังไม่กลับ จะให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับอาฟงเพราะพี่เห็นว่าทั้งสองอายุเท่ากัน เจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่" พี่เหวินฟู่บิดาของเด็กน้อยเอ่ยขึ้น"ดีแล้วเจ้าค่ะ ฟงเอ๋อจะได้มีเพื่อนเล่น ข้าก็กังวลอยู่เหมือนกันกลัวว่าฟงเอ๋อจะเหงา"" ฝากด้วยนะผิงเอ๋อ"ตอนแรกนางอยากจะหาสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขมาเลี้ยงเพื่อจะได้ให้ฟงเอ๋อมีเพื่อนเล่นจะได้ไม่รู้
อี้ฟงและทุกคนต่างตื่นเต้นกันใหญ่กับท่อน้ำไม้ไผ่ของอี้ซิน"พี่ใหญ่เช่นนั้นข้าก็มิต้องขนจานชามมาล้างที่ลำธารอีกแล้วใช่หรือไม่ขอรับ" อี้ฟงที่ถามขึ้นอย่างยินดี"ใช่แล้วจ้ะฟงเอ๋อ พี่จะให้ฟงเอ๋อมีน้ำไว้ใช้รอบๆ บ้านเลยดีหรือไม่" อี้ซินมองใบหน้าเล็กที่พยักหน้ารับอย่างสุดแสนจะยินดี เพราะในทุกวันสองพี่น้องจะต้องช่วยกันขนน้ำจากลำธารไปใส่ตุ่มเอาไว้กินไว้ใช้" ความคิดของเจ้าช่างล้ำเลิศนักซินเอ๋อ" ท่านลุงลู่เอ่ยกับอี้ซินอย่างชื่นชม"ใช่ๆ ข้าก็เห็นด้วยกับท่านพ่อ"ครอบครัวตระกูลลู่ที่ต่างชื่นชมกับความคิดของดรุณีน้อยตรงหน้าที่มีความคิดดีๆ มากมาย รูปแบบบ้านของนางก็ดูแปลกตาแต่สวยงามน่าอยู่ยิ่งนัก และยังไม่ต้องใช้ตำลึงจำนวนมากในการสร้างบ้านอีกด้วย บ้านของพวกเขานั้นต้องทำงานเก็บเงินเป็นปีๆ เลยทีเดียวกว่าจะได้บ้านที่อาศัยอยู่ในตอนนี้และเป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ เท่านั้น คงต้องนำความคิดของอี้ซินไปใช้ต่อเติมบ้านบ้างเพราะตอนนี้นั้นพวกเขาอยู่กันอย่างแออัดมากเพราะอยู่กันอย่างครอบครัวใหญ่ แล้วยังมีท่อลำเลียงน้ำไม้ไผ่อันนี้อีกที่เป็นเครื่องทุ่นแรงได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว อี้ซินได้แต่ยิ้มรับไม่อาจบอกออกไปได้ว่า
วันนี้ล่วงเข้าสู่วันที่สามแล้วที่ครอบครัวตระกูลลู่มาทำงานที่บ้านของนางวันนี้เสี่ยวผิงไม่ได้มาด้วยทำให้อี้ฟงน้อยถึงกับเหงาหงอยกันเลยทีเดียวแต่พอพี่เหวินฟู่บอกว่าเสี่ยวผิงฝากมาบอกว่าพรุ่งนี้จะมาเล่นด้วยอย่างแน่นอนทำให้เจ้าตัวเล็กยิ้มออก วันนี้นางคงต้องไปตลาดเพราะมีของที่ต้องซื้อหลายอย่าง โดยมีพี่เหวินฉิงเป็นคนบังคับวัวเทียมเกวียนไปให้ ส่วนท่านลุงลู่และพี่เหวินฟู่ได้รับมอบหมายให้ทำรั้วบ้านโดยนางให้ตัดไม้ไผ่ลำขนาดเล็กและมีขนาดใกล้เคียงกันตัดให้เป็นท่อนๆ ความยาวเท่าๆ กัน หยิบท่อนไม้ไผ่มาไขว้กันให้ดูคร่าวๆ นางต้องการให้ทำรั้วล้อมรอบที่ดินของนางซึ่งต้องทำรั้วแค่บริเวณด้านหน้าเท่านั้นเพราะด้านข้างมีลำธารเป็นเขตแดนส่วนด้านหลังนั้นมีภูเขาโอบล้อม นางที่บอกวิธีการทำรั้วที่นางต้องการให้ทั้งสองฟังเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางเข้าเมืองกับอี้ฟงและพี่เหวินฉิงเพื่อซื้อข้าวของที่ต้องการ เมื่อมาถึงตลาดในเมืองก็รีบไปซื้อข้าวของที่ต้องการจะได้รีบกลับ ก่อนจะไปสั่งข้าวสารหนึ่งกระสอบโดยมีพี่เหวินฉิงเป็นผู้แบกขึ้นเกวียน ด้วยความอยากตกแต่งบ้านใหม่เห็นของสวยๆ งามๆ เต็มไปหมดและดูเข้ากับบ้านของนางยิ่งนัก ถ้อยคำที่ว่ารี
"ฮื้อ ฮื้อ ฮื้อ อึก""ไปเลย! พวกเด็กเหลือขอ ออกจากบ้านของข้าไปเดี๋ยวนี้ ไป! ออกไปให้พ้น พวกตัวซวย" โครม! โครม! "ฮื้อ ฮื้อ อึก พี่ใหญ่ตื่น ฮื้อออ พี่ใหญ่" เสียงร้องไห้ที่ดังอยู่ใกล้ๆ สลับเสียงด่าทอแหลมปรี๊ดจนแสบแก้วหูและเสียงโครมครามของสิ่งของกระทบพื้นเรียกให้ร่างผอมบางของเด็กสาวตัวน้อยยังไม่ถึงวัยปักปิ่นลืมตาขึ้น ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ตัวที่ดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ก่อนที่สายตาจะมาปะทะกับร่างผอมจนแก้มซูบตอบของเด็กชายที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมูกน้ำตา ยิ้มจนเห็นฟันที่เรียงตัวสวยเป็นระเบียบอย่างดีใจ"พี่ใหญ่ ท่านฟื้นแล้ว เจ็บตรงที่ใดหรือไม่ขอรับ" สายตาสับสนงุนงงที่มองฝ่ามือเล็กที่ยกขึ้นลูบเบาๆ สลับกับใบหน้าของเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความเหม่อลอยพร้อมด้วยคำถาม เกิดอะไรขึ้น? นักศึกษาสาวจบใหม่ นาม เจด้า ลูกครึ่งไทย จีน อายุ 22 ปี เป็นเด็กต่างจังหวัดพ่อแม่ประกอบอาชีพทำไร่ทำสวน โตมากับดินโคลนและการเพาะปลูก พ่อแม่ส่งมาร่ำเรียนทางด้านการเกษตรเพื่อจะนำความรู้ไปต่อยอดให้กับอาชีพของครอบครัวแต่เมื่อเรียนจบยังไม่ได้ทำตามความฝันของพ่อแม่กลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นอย่างไม่คาดฝันเมื่อรถยนต์กระบะที่ไม่
ร่างเล็กผอมบางที่ผลักประตูไม้ที่ผุจนแทบจะพังติดมือออกมายังด้านนอกที่เป็นป่าไผ่ล้อมรอบมีลำธารอยู่ด้านข้างและด้านหลังติดภูเขา บรรยากาศถือว่าไม่ได้เลวร้ายนัก ส่วนที่อยู่อาศัยนั้นเป็นกระท่อมที่คงจะทำจากต้นไม้ไผ่พวกนี้ที่ตอนนี้ผุพังจนคิดว่าหากลมพัดแรงสักนิดคงพังครืนลงมา ในความทรงจําของร่างนี้ที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินที่บิดามารดาเจ้าของร่างซื้อเอาไว้ก่อนจะตายยังมิได้ลงมือทำประโยชน์จึงยังคงเป็นป่าไผ่เสียส่วนใหญ่จะมีที่โล่งเตียนแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่ดินผืนนี้ถือว่ากว้างขวางอยู่พอสมควร ร่างบอบบางที่เดินแค่นิดเดียวก็เหนื่อยหอบและรู้สึกหิวจึงได้เดินมายังลำธารที่มีน้ำใสแจ๋ววักน้ำขึ้นมาลูบหน้าล้างเนื้อล้างตัวพึ่งสังเกตว่าผิวพรรณของร่างนี้ช่างขาวนัก แขนขาก็เล็กนิดเดียวต่างกับร่างของนางในชาติก่อนที่แข็งแรงบึกบึนนัก เงาที่เห็นอยู่ในน้ำสะท้อนให้เห็นใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มดวงตากลมโตปากนิดจมูกหน่อยแม้จะซูบตอบแต่ก็ดูงดงามนัก แล้วมือเล็กก็วักน้ำขึ้นมาดื่มประทังความหิว เมื่อได้ล้างหน้าล้างตาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก ในตาหวานแต่ทว่าดูแน่วแน่ สอดส่ายหาสิ่งที่พอจะนำมาประกอบอาหารเพื่อประทังชีวิต เจ้าตัวเล็กที่กำลังหลับใ
กลิ่นหอมของปลาเผาที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณทำให้เด็กชายตัวเล็กผอมบางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ท้องร้องประท้วง จ๊อกจ๊อก อย่างน่าสงสาร อี้ซินที่เห็นว่าปลาสุกได้ที่ได้จึงส่งให้เจ้าตัวเล็ก"เอา ฟงเอ๋อ นี่ของเจ้า" อี้ฟงที่ยื่นมือมารับปลาเผาตัวโตหอมกรุ่นด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะวางลงบนใบไม้ที่พี่สาวตัดมาให้แล้วแกะเนื้อปลาขาวนุ่มส่งเข้าปาก เห็นพี่สาวยังนั่งย่างปลาอยู่ที่เดิมจึงเอ่ยถามขึ้น"แล้วพี่ใหญ่ไม่กินหรือ""เจ้ากินก่อนเลยฟงเอ๋อ ตัวนี้ก็ใกล้จะสุกแล้ว"สายตาเล็กที่เหลือบไปมองปลาตัวที่พี่สาวบอกเห็นว่ามันใกล้จะสุกแล้วจริงๆ จึงได้ยอมกินต่อ ใบหน้าเล็กที่ได้ลิ้มรสปลาเนื้อนุ่มหวานอร่อยนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ทำให้คนที่นั่งมองต้องยิ้มตามอย่างสุขใจไปด้วย อี้ซินที่บอกตัวเองว่าจะต้องขุนเจ้าตัวเล็กนี่ให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ให้ได้ เมื่อกินกันอิ่มแล้ว จึงพากันล้างเนื้อล้างตัวที่สกปรกมอมแมม แล้วนำปลาที่นางผ่าครึ่งเอาไว้ไปตากเพื่อเก็บเอาไว้เป็นอาหารสำหรับมื้อต่อไปและนางยังต้องนำปลาในลำธารนี้มาตากแห้งอีกเพื่อจะทำเป็นปลาตากแห้งเพราะสามารถเก็บไว้ได้นาน สองพี่น้องที่ช่วยกันเก็บกวาดห้องที่มีแต่ฟางแห้ง นำออกม
เช้าวันรุ่งขึ้นร่างบางที่ขยับกายอย่างเมื่อยขบเห็นร่างเล็กของน้องชายตัวน้อยยังคงหลับอยู่ จึงได้ลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาแล้วคว้าตะกร้าสานขาดๆ ที่ยังพอใช้ได้กับมีดเล่มโตที่กลายเป็นเครื่องมือทำมาหากินคู่กายนางไปเสียแล้ว ก่อนจะเดินออกมาสำรวจบริเวณด้านหลังกระท่อมที่นางยังเดินไปไม่ถึง ก่อนจะตาโตอย่างดีใจเมื่อเห็นเห็ดจำนวนมาก ที่นางมั่นใจว่ากินได้อย่างแน่นอน เพราะนางรู้จักเห็ดแทบทุกชนิดและพืชผักที่กินได้ และใช้เป็นยารักษาโรค หากเกี่ยวกับเรื่องการเกษตรและพืชผักขอให้บอก นางเชี่ยวชาญทุกอย่าง จบมาด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเชียวนะ จากนั้นจึงใช้มีดตัดใบไม้มารองก้นตะกร้าเพื่อกันเห็ดที่เก็บหล่นออกมาเพราะตะกร้านั้นมีรูอยู่ตรงก้นด้วย มือบางที่เก็บเห็ดอย่างชำนาญได้เกือบครึ่งตะกร้าใบใหญ่ นางจะนำเห็ดพวกนี้ไปตากแห้งเก็บไว้ด้วย ตอนนี้อะไรที่สามารถนำมาแปรรูปเก็บไว้กินนานๆ ได้ นางเก็บมาหมด เพราะดูจากรูปการณ์แล้ว หากจะใช้เงินซื้ออาหารคงจะยากเพราะนางไม่มีเงินติดตัวสักอีแปะ เมื่อหันหลังจะเดินกลับกระท่อมเพราะป่านนี้เจ้าตัวเล็กคงจะตื่นแล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นต้นของหวายที่ขึ้นจนแน่นขนัดในตางามพลันวาววับ นางคิดวิธี
วันนี้ล่วงเข้าสู่วันที่สามแล้วที่ครอบครัวตระกูลลู่มาทำงานที่บ้านของนางวันนี้เสี่ยวผิงไม่ได้มาด้วยทำให้อี้ฟงน้อยถึงกับเหงาหงอยกันเลยทีเดียวแต่พอพี่เหวินฟู่บอกว่าเสี่ยวผิงฝากมาบอกว่าพรุ่งนี้จะมาเล่นด้วยอย่างแน่นอนทำให้เจ้าตัวเล็กยิ้มออก วันนี้นางคงต้องไปตลาดเพราะมีของที่ต้องซื้อหลายอย่าง โดยมีพี่เหวินฉิงเป็นคนบังคับวัวเทียมเกวียนไปให้ ส่วนท่านลุงลู่และพี่เหวินฟู่ได้รับมอบหมายให้ทำรั้วบ้านโดยนางให้ตัดไม้ไผ่ลำขนาดเล็กและมีขนาดใกล้เคียงกันตัดให้เป็นท่อนๆ ความยาวเท่าๆ กัน หยิบท่อนไม้ไผ่มาไขว้กันให้ดูคร่าวๆ นางต้องการให้ทำรั้วล้อมรอบที่ดินของนางซึ่งต้องทำรั้วแค่บริเวณด้านหน้าเท่านั้นเพราะด้านข้างมีลำธารเป็นเขตแดนส่วนด้านหลังนั้นมีภูเขาโอบล้อม นางที่บอกวิธีการทำรั้วที่นางต้องการให้ทั้งสองฟังเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางเข้าเมืองกับอี้ฟงและพี่เหวินฉิงเพื่อซื้อข้าวของที่ต้องการ เมื่อมาถึงตลาดในเมืองก็รีบไปซื้อข้าวของที่ต้องการจะได้รีบกลับ ก่อนจะไปสั่งข้าวสารหนึ่งกระสอบโดยมีพี่เหวินฉิงเป็นผู้แบกขึ้นเกวียน ด้วยความอยากตกแต่งบ้านใหม่เห็นของสวยๆ งามๆ เต็มไปหมดและดูเข้ากับบ้านของนางยิ่งนัก ถ้อยคำที่ว่ารี
อี้ฟงและทุกคนต่างตื่นเต้นกันใหญ่กับท่อน้ำไม้ไผ่ของอี้ซิน"พี่ใหญ่เช่นนั้นข้าก็มิต้องขนจานชามมาล้างที่ลำธารอีกแล้วใช่หรือไม่ขอรับ" อี้ฟงที่ถามขึ้นอย่างยินดี"ใช่แล้วจ้ะฟงเอ๋อ พี่จะให้ฟงเอ๋อมีน้ำไว้ใช้รอบๆ บ้านเลยดีหรือไม่" อี้ซินมองใบหน้าเล็กที่พยักหน้ารับอย่างสุดแสนจะยินดี เพราะในทุกวันสองพี่น้องจะต้องช่วยกันขนน้ำจากลำธารไปใส่ตุ่มเอาไว้กินไว้ใช้" ความคิดของเจ้าช่างล้ำเลิศนักซินเอ๋อ" ท่านลุงลู่เอ่ยกับอี้ซินอย่างชื่นชม"ใช่ๆ ข้าก็เห็นด้วยกับท่านพ่อ"ครอบครัวตระกูลลู่ที่ต่างชื่นชมกับความคิดของดรุณีน้อยตรงหน้าที่มีความคิดดีๆ มากมาย รูปแบบบ้านของนางก็ดูแปลกตาแต่สวยงามน่าอยู่ยิ่งนัก และยังไม่ต้องใช้ตำลึงจำนวนมากในการสร้างบ้านอีกด้วย บ้านของพวกเขานั้นต้องทำงานเก็บเงินเป็นปีๆ เลยทีเดียวกว่าจะได้บ้านที่อาศัยอยู่ในตอนนี้และเป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ เท่านั้น คงต้องนำความคิดของอี้ซินไปใช้ต่อเติมบ้านบ้างเพราะตอนนี้นั้นพวกเขาอยู่กันอย่างแออัดมากเพราะอยู่กันอย่างครอบครัวใหญ่ แล้วยังมีท่อลำเลียงน้ำไม้ไผ่อันนี้อีกที่เป็นเครื่องทุ่นแรงได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว อี้ซินได้แต่ยิ้มรับไม่อาจบอกออกไปได้ว่า
เช้าวันต่อมาเมื่อครอบครัวตระกูลลู่มาถึงนางและอี้ฟงก็ออกมาต้อนรับ แต่วันนี้มีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักรุ่นราวคราวเดียวกันกับอี้ฟงตามมาด้วย "ซินเอ๋อ ฟงเอ๋อ นี่เสี่ยวผิง หลานสาวของลุงเป็นบุตรของอาฟู่" ท่านลุงลู่ที่เอ่ยแนะนำเด็กน้อยที่มายืนอยู่ด้านข้าง ก่อนเสียงเล็กใสจะกล่าวขึ้นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู"ผิงเอ๋อคารวะพี่สาวซินเจ้าค่ะ สวัสดีอาฟง" เจ้าตัวเล็กเอ่ยทักทายนางกับอี้ฟงด้วยรอยยิ้มปรากฏลักยิ้มบุ๋มตรงแก้มทั้งสองข้างดูน่ารักก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้อี้ฟงที่ยืนแก้มแดงระเรื่ออยู่ข้างๆ นาง"สวัสดี" เสียงเล็กที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาของอี้ฟงเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคน เพราะดูท่าน้องชายของนางจะกลายเป็นคนขี้อายไปเสียแล้ว"พี่พาผิงเอ๋อมาด้วยเพราะมารดาของนางพาท่านแม่ไปโรงหมอในเมืองยังไม่กลับ จะให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับอาฟงเพราะพี่เห็นว่าทั้งสองอายุเท่ากัน เจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่" พี่เหวินฟู่บิดาของเด็กน้อยเอ่ยขึ้น"ดีแล้วเจ้าค่ะ ฟงเอ๋อจะได้มีเพื่อนเล่น ข้าก็กังวลอยู่เหมือนกันกลัวว่าฟงเอ๋อจะเหงา"" ฝากด้วยนะผิงเอ๋อ"ตอนแรกนางอยากจะหาสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขมาเลี้ยงเพื่อจะได้ให้ฟงเอ๋อมีเพื่อนเล่นจะได้ไม่รู้
อี้ซินแบ่งหน้าที่การทำงานโดยให้ท่านลุงลู่นั้นเป็นคนไปตัดไผ่เรียงเอาไว้เป็นกองๆ ส่วนพี่ชายทั้งสองนั้นนางให้ขุดหลุมในส่วนที่จะใช้ทำห้องน้ำ โดยขุดหลุมให้ลึกพอประมาณรูปแบบคล้ายๆ ส้วมหลุมของยุคที่นางจากมา นางจะเริ่มจากการทำห้องน้ำก่อนเป็นสิ่งแรกเพราะห้องน้ำนั้นถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันอย่างมากและนางก็ทนทรมานจากการใช้ห้องน้ำแบบธรรมชาติมามากพอแล้ว ส่วนอี้ฟงนั้นได้รับหน้าที่ให้ไปเก็บก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นที่ลำธารใส่ตะกร้าเอาไว้ เมื่อพี่ชายทั้งสองขุดหลุมเสร็จเรียบร้อยแล้วนางจึงให้นำแผ่นไม้มาปูทับปิดปากหลุมเว้นช่องสำหรับขับถ่ายตรงกลาง แล้วใช้ดินเหนียวผสมฟางแห้งปูทับให้หนาใช้แทนปูนเพื่อไม่ให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์เกลี่ยให้เสมอกันและใช้ดินเหนียวและแกลบผสมน้ำฉาบทับอีกทีก่อนจะใช้หินที่ให้อี้ฟงเก็บมาจากลำธารมาเรียงลงไปแทนกระเบื้อง ส่วนตรงกลางที่ใช้ขับถ่ายนั้นใช้ไม้ไผ่ทำเป็นโครงร่างรูปกรวยวงกลมใช้ดินเหนียวผสมแกลบฉาบให้มีความเรียบลื่นระหว่างที่รอให้ส่วนของห้องขับถ่ายแห้ง ก็มาทำโครงสร้างของห้อง นางออกแบบห้องน้ำเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องสำหรับขับถ่ายและอีกฝั่งเป็นห้องอาบน้ำโดยอยู่ห่างจากตัวบ้า
เช้าวันรุ่งขึ้นอี้ซินที่กระวีกระวาดลุกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นเพราะเมื่อคืนนี้นางร่างแบบที่จะต่อเติมบ้านเอาไว้แล้ว มือบางที่ค่อยๆ หยิบกระดาษที่มีรูปวาดและตัวอักษรยุกยิกที่ถูกขีดเขียนด้วยถ่านออกมาตรวจดูอีกทีว่ามีส่วนไหนที่ขาดตกบกพร่องไปบ้างและยังวางแผนการทำงานเอาไว้อีกด้วย เมื่อลงมือปฏิบัติงานจริงจะได้ทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอนโดยไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เมื่อวานนี้นางต้องกัดฟันจ่ายเงินถึงหนึ่งตำลึงเพื่อจะซื้อกระดาษหนึ่งพับ พู่กัน จานฝนหมึกและแท่งหมึก แต่ก็เพราะว่าอยากให้อี้ฟงได้หัดคัดอักษรด้วยจึงได้ตัดใจซื้อ แต่ราคานั้นแพงแสนแพงจนนางอยากจะผลิตกระดาษขายเองเสียเหลือเกินแต่ความรู้ที่มีกลับมีเพียงน้อยนิด ไม่เช่นนั้นนางจะผลิตกระดาษขายเองให้สมกับที่แพงนักนางรู้เพียงว่าสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ขุนนางผู้หนึ่งนามว่า ไช่หลุน เป็นผู้ค้นพบวิธีผลิตกระดาษ โดยนำเปลือกไม้ เศษผ้า และตาข่ายดักปลามาต้มแล้วนำไปตำ แล้วจึงใช้ตะแกรงช้อนขึ้นมา จากนั้นก็นำมาตากแห้งจนกลายเป็นแผ่นกระดาษใยธรรมชาติ เรียกกระดาษชนิดนี้ว่า “กระดาษไช่หลุน” แต่ที่นางซื้อมานั้นดูมีคุณภาพกว่าดูล้ำหน้ากว่ากระดาษไช่หลุนมามากแล้ว เมื่อก่อนนางน่าจะ
เมื่อกลับมาถึงบ้านสองพี่น้องที่มีงานล้นมือ ต่างช่วยกันขนข้าวของเข้าไปเก็บในเรือนแล้วมาช่วยกันปูเบาะรองนอนจัดที่นอนชุดใหม่ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจัดข้าวของทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อย อี้ซินที่ปล่อยให้น้องชายเกลือกกลิ้งชื่นชมกับเครื่องนอนใหม่ที่แสนนุ่มอุ่นสบายอย่างมีความสุข ส่วนนางนั้นออกมาเดินสำรวจบริเวณรอบบ้านเพื่อวางแผนในการต่อเติมบ้านในวันพรุ่งนี้ นางคิดว่าจะใช้ไม้ไผ่ที่มีจำนวนมากในที่ดินผืนนี้ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเหลือเฟือโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เพียงพอเพราะที่ดินแปลงนี้กว่าครึ่งเป็นป่าไผ่ พรุ่งนี้จะให้คนงานตัดต้นไผ่ออกทั้งหมดเพื่อใช้เป็นวัสดุหลักในการต่อเติมบ้านในเมื่อมีของล้ำค่าอยู่แล้วจะไปไขว่คว้าหาของที่ต้องใช้เงินแรกมาอีกทำไมกัน แล้วเมื่อนำต้นไผ่ออกหมดก็จะมีที่ดินสำหรับไว้ปลูกพืชผักอีกต่างหากมีแต่ได้กับได้เลยนะนี่ นางจะนำไม้ไผ่ที่มีมาต่อเติมห้องครัวต่อจากด้านหลังของตัวบ้านที่นางทำประตูหลังเอาไว้เพื่อจะได้เชื่อมต่อกันโดยผนังกั้นและหลังคาจะใช้เป็นไม้ไผ่ทั้งหมด เพราะหากใช้ใบหวายที่มีอยู่คงจะไม่พอและติดไฟได้ง่าย นางจึงใช้ไม้ไผ่เป็นหลังคาห้องครัวถือว่าเหมาะสมที่สุด และจะแบ่งห้อง
ในที่สุดร้านสุราก็เงียบลงเหตุเพราะสุราหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ร่างสามร่างที่นั่งหลังพิงกันอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงยกมือขึ้นปาดเหงื่อก่อนจะพากันหัวเราะเมื่อหันมามองหน้ากันเพราะใบหน้าของแต่ละคนนั้นแดงก่ำแทบจะดูไม่ได้ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือว่าเมากลิ่นสุรากันแน่ ด้วยลูกค้าที่มารอลิ้มรสสุรากันอย่างเนืองแน่น ทำให้ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ อี้ฟงจากที่นั่งดูเฉยๆ ก็กลายเป็นเสี่ยวเออร์ตัวน้อยวิ่งวุ่นกันเลยทีเดียว ส่วนท่านตาที่ทราบชื่อภายหลังว่า ท่านตาซางซุนเหว่ย ชายชราขี้เมาที่ผันตัวมาเปิดร้านสุราประทังชีวิตและมีภรรยาที่ป่วยหนักต้องดูแลโดยการหมักสุราธรรมดาๆ ขึ้นขายเองก็กลายเป็นมือชงมือฉมัง เพียงสองชั่วยามสุราที่ท่านตาซางนำมาขายก็หมดเกลี้ยง"เรามานับเงินกันดีกว่าเจ้าค่ะ" พูดพลางทั้งสามจึงนั่งล้อมวงกันเทเงินอีแปะที่ขายสุราได้ทั้งหมดออกมานับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ใช้เวลานับถึงครึ่งชั่วยามกว่าจะนับหมดและทุกคนต่างยิ้มอย่างยินดีเพราะพวกเขาขายได้ถึงสามหมื่นอีแปะหรือสามสิบตำลึงเลยทีเดียว จากนั้นนางจึงแบ่งสันปันส่วนตามที่ได้ตกลงกันไว้ให้ท่านตาซางสิบสองตำลึงส่วนของนางนั้นสิบแปดตำลึงแต่มือเหี่ยวย่นนั้นกลับหย
อี้ซินและอี้ฟงเมื่อมาถึงบริเวณที่จัดงานทั้งสองรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก ไม่นึกว่าในเมืองจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ ท่านป้าหวังที่มองเด็กทั้งสองมองนั่นมองนี่อย่างตื่นเต้นก็ให้นึกเอ็นดู"อี้ซินพาน้องไปเดินชมงานเถอะลูก ไม่ต้องห่วงทางนี้ ตุ๊กตาของเจ้าเดี๋ยวป้าจะให้เด็กๆ ขายให้" "จะดีหรือเจ้าคะ แค่นี้ข้าก็รบกวนท่านป้ามากแล้ว" "เจ้าอย่าได้คิดมาก แค่เล็กน้อยเท่านั้น ไปเถอะไปเที่ยวเล่นเสียบ้าง" "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านป้า" "อ้อ ซินเอ๋อ ป้าว่าใส่ผ้าคลุมหน้าสักหน่อยดีกว่านะลูก"ท่านป้าหวังที่รักและเอ็นดูนางกล่าวขึ้นก่อนจะหยิบผ้าคลุมหน้าสีฟ้าผืนบางมาปิดหน้าให้นางตั้งแต่สันจมูกลงมาเห็นแค่ดวงตากลมโตงดงามที่สุกสกาวดั่งดวงดาว แม้ว่านางจะยังไม่ถึงวัยปักปิ่นแต่ก็ดูงดงามเกินกว่าจะปล่อยปละละเลย กันไว้ดีกว่าแก้ อี้ซินที่รับรู้ถึงความปรารถนาดีนั้นจึงกล่าวขอบคุณจากใจจริงนางลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้นางไม่ใช่ เจด้า สาวถึกบึกบึนแต่ เป็นสาวน้อยหน้าตางดงาม และดูบอบบางยิ่งนักแล้วทั้งสองก็พากันเดินไปยังถนนเส้นยาวที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงที่มาตั้งแผงขายของ ทั้งของกิน ของเล่น ที่ดูแปลกตา ขนมหน้าตาน่ากินเยอะแยะเ
เมื่อทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย อี้ฟงก็อาสาเก็บจานชามไปล้าง นางจึงมานั่งเก็บเศษเชือกหวายเส้นเล็กๆ และเศษไม้ไผ่ที่เหลาเพราะตอนนี้มันเกลื่อนอยู่เต็มพื้น ในหัวก็กำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี ตอนนี้นางมีเงินติดกายอยู่1 ตำลึงกับอีก 700 อีแปะ แต่นางยังต้องใช้เงินอีกมาก หวายที่จะนำมาทำตะกร้าก็เหลืออยู่ไม่เยอะ คงต้องเข้าป่าไปหาต้นหวายอีก และไม่รู้ว่าจะเจอหรือไม่ นางยังไม่เคยเดินลึกเข้าไปด้านในของป่าเลย ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ รอบนอกแต่ก็ยังคงเดินไม่ทั่ว ไว้ค่อยไปเดินสำรวจอีกที คงจะมีอะไรให้นำมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง เฮ่อ! จะทำอะไรต่อดีนะ ช่วงนี้นางรู้สึกเครียดมากจริงๆ คิดไปมือก็จับเชือกหวายมาพันๆ ทบๆ กันเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ได้หลายตัว "พี่ใหญ่ทำอะไรอยู่หรือขอรับ" อี้ฟงที่กลับมาจากลำธารเห็นพี่สาวกำลังใช้เศษหวายสานขึ้นเป็นรูปสัตว์ตัวเล็กน่ารัก"พี่เห็นว่าเศษหวายเหลือเยอะเลยรู้สึกเสียดาย จึงทำสัตว์พวกนี้ให้เจ้าเล่น เป็นไง ชอบหรือไม่" "ชอบขอรับ ชอบมากๆ เลย มันสวยมาก นี่ถ้าหากทำขายก็ขายได้สบายเลย ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย"อี้ซินที่มองสัตว์ตัวเล็กที่ทำมาจากเศษหวาย ดูแล้วมันก็สวยและน่ารักมากอย่างที่อี้ฟงพูด