เมื่อประกาศออกไปแล้ว เหยื่อที่หวาดกลัวและครอบครัวของเหยื่อที่ทุกข์ระทมกับผู้มีอำนาจพวกนั้นเหมือนได้พบกับแสงสว่าง พวกเขาต่างก็ดาหน้ามาขอพบท่านเจ้าสัว รวมไปถึงมีอีเมล จดหมายปิดผนึกหลายฉบับส่งมา มีทั้งคนที่เปิดหน้าและไม่เปิดเผยหน้าตาของตัวเอง ต่างก็เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก รวมไปถึงรูปถ่ายรอยแผลเป็นที่เกิดจากการทรมาน และทำร้ายร่างกาย ตำรวจ อัยการที่เคยทำสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องพวกนี้ถูกเด้งกันยกแผง ถ้วนหน้า รวมไปถึงบางคนถึงกับให้นักข่าวติดต่อเข้ามาสัมภาษณ์ด้วย
บอดีการ์ดคนนั้นเองก็รู้ชะตากรรมตัวเองเหมือนกันหลังจากถูกว่าจ้างปลายทางก็คงเป็นตัวเองที่ถูกเก็บเหมือนกัน
คนตายพูดไม่ได้…
เขาเลยอัดคลิปวิดีโอของตัวเองนั่งพูดคุยในโรงแรมม่านรูดห้องหนึ่งหลังจากหลบหนีการจับกุมของตำรวจรวมไปถึงการฆ่าตัดตอนอีกทีตอนแรกที่เขาตัดสินใจรับงานนี้เพราะว่าค่าจ้างก้อนโตติดคุกสัก 20 ปีออกมาใช้เงินที่ซ่อนไว้อีกอย่างในคุกก็มีพวกพ้องที่คุ้นเคยแต่กลับคิดตื้นเขินเกินไปขี้คุกเดนตายอย่างเขาเป็นสินค้าที่อีกฝ่ายใช้แล้วทิ้งแล้วยังไงล่ะ? อย่างน้อยก่อนตายก็ขอเอาคืนให้สาสมแล้วเขาจะไปรอหยุมหัวพวกมันในนรก
เขาอัดคลิปเล่าถึงรายละเอียดของการว่าจ้างการแอบอ้างเข้าไปใกล้ชิดรวมไปถึงแม้ไม่รู้ว่าผู้ว่าจ้างเป็นใครแต่ก็ได้อัดเสียงไว้ซึ่งหากตัวเองตายหวังว่าผู้ว่าจ้างจะตายตกไปตามกันแฟลชไดรฟ์ที่ว่าถูกส่งไปปลายทางผู้รับคือท่านเจ้าสัวเดรโกพร้อมกับร่างผู้ตายที่โผล่ที่ริมแม่น้ำโขงพอดีเหมือนจับวาง
กล่องแพนโดร่าที่จินตะเก็บซ่อนเอาไว้วินตราเองก็ไม่มีความกล้าที่จะเปิดมันออกมาบัดนี้กลับกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่เผาทำลายพวกมันให้สิ้นซาก
แม้จะมีภาพหน้าวินตราที่ถูกบังคับกระทำโชว์หราแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวจนมือสั่นอีกต่อไปภาพจำเหล่านั้นทำอะไรเขาไม่ได้มีแต่จะเป็นพลังกายและใจให้เขาหยัดยืนสู้ต่อไปเป็นฝันร้ายฉากหนึ่งที่ถูกปัดเป่าเหลือเพียงละอองเล็กๆติดอยู่ในใจก็เท่านั้นไม่ได้เป็นหลุมดำมืดที่คอยฉุดรั้งเรี่ยวแรงพลังกายและพลังใจในแต่ละวันอีกต่อไปรวมไปถึงการตายของจินตะที่ได้รื้อคดีขึ้นมาใหม่
ความโหดร้ายที่เจ้าตัวได้รับแม้ว่าเจ้าของร่างไม่ได้อยู่มองเห็นความยุติธรรมที่ตัวเองได้รับแต่อย่างน้อยจินตะ ‘คงจะ’ นอนตายตาหลับเสียทีสื่อในตอนนั้นเบี่ยงประเด็นที่จินตะมีปัญหาสุขภาพจิตต่างก็โดนขุดคุ้ยโดนปลดสุดท้ายศาลตัดสินให้ยุบบริษัทสื่อของ ‘สตุลยา’ พร้อมชดใช้ความเสียหายอันเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จจำนวนมากแก่ศูนย์เด็กกำพร้าที่จินตะได้ประสงค์เอาไว้ก่อนตาย
คดียืดเยื้อยาวนานหลายปีกว่าจะตัดสินทางด้านเอกภพที่หนีหัวซุกหัวซุนขับรถขึ้นทางอีสานเพื่อหลบหนีก็ถูกสกัดได้ที่ด่านพร้อมทั้งบุตรชาย
ดารากรและเอกภพถูกคุมตัวไปที่โรงพักศาลมีคำสั่งให้ฝากขังพร้อมกับไม่ให้มีการประกันตัวเพราะจำเลยหลบหนีดารากรกลายเป็นใครอีกคนแต่ละวันแทบไม่พูดสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองตอนถูกคุมขังไว้ในห้องขังก็ไม่โวยวายอะไรเหมือนยอมจำนนต่อโชคชะตาสายตาของดารากรเงยขึ้นไล่ระดับจากรองเท้าคอมแบตตรงหน้าไล่ไปยังข้อเท้าเข็มขัดสลับกับซี่ของลูกกรงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของใครบางคนพร้อมกับป้ายติดตรงอกร.ต.อ.ก้องการุณย์สองตาเบิกค้างน้อยๆกระบอกตาเริ่มร้อนผ่าวนั่งคุดคู้ชันเข่าสองมือก็กอดกุมท้องน้อยของตัวเองดารากรผินหน้าหนีไปอีกทางพร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างดูน่าสงสารไม่น้อยแต่ที่อีกฝ่ายกระทำกับผู้อื่นก็ทำให้ก้องการุณย์สงสารไม่ลงเช่นกันเขาเป็นสายสืบนครบาลที่ได้รับคำสั่งให้มาสืบราชการลับ ‘การค้ามนุษย์’ มีคดีมากมายที่เขาสามารถทำผลงานได้โดยไม่ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงต่อให้จะต้องตายเขาก็ยอม
เมื่อก่อนจินตะเคยดูใจกับเขาสักพักแต่เจ้าตัวก็ตีตัวออกหากถามก็ไม่ได้คำตอบจนวันหนึ่งสภาพจิตใจของจินตะไม่สู้ดีจินตะเลยเปิดปากเล่าเรื่องราวอัปยศที่ตัวเองได้รับอย่างขมขื่นตอนนั้นก้องการุณย์เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ยศเล็กๆคนหนึ่งไม่คิดว่านายของตัวเองจะเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดกระบวนการนี้อีกทอด
เขานำเอกสารทุกอย่างที่จินตะมอบให้ตัดสินใจเรียกร้องความยุติกรรมให้กับคนที่เขารักสุดท้ายกระดาษเหล่านั้นถูกเผามอดไหม้เป็นเศษธุลีครั้งแล้วครั้งเล่ารวมไปถึงก้องการุณย์ที่ถูกกลั่นแกล้งจากผู้อำนาจโยกย้ายเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเพราะเรื่องนี้และจินตะก็ถูกจัดการอย่างหนักมือมากขึ้นเช่นกันก้องการุณย์ไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นเชื้อเพลิงก้อนหนึ่งที่เร่งให้จินตะต้องตายเร็วขึ้นตอนนั้นเขาไม่ประสีประสาคิดว่าตำรวจชั้นผู้ใหญ่เป็นตำรวจน้ำดีตรงฉินกันทุกคนแต่ที่ไหนได้…มีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไปหมดจนไม่รู้ว่าใครดีจริงใครเลวปลอมต่างก็สวมหน้ากากหลายชั้นเข้าหากันที่ตำรวจอย่างก้องการุณย์มีโอกาสได้หายใจอยู่เพราะว่าพ่อของเขาเองสังกัดอยู่กระทรวงยุติธรรมจึงมีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
เขาเลยย้ายสังกัดและเก็บงำประกายค่อยๆสืบเองอย่างลับไม่แพร่งพร่ายให้ใครได้รู้ถึงข้อมูลสำคัญแม้แต่พ่อของตัวเองก่อนหน้านี้พ่อของเขาเตือนว่าเรื่องนี้ใหญ่เกินไปใหญ่เกินกว่าพวกเขาสองคนจะจัดการได้งานนี้ต้องให้ผู้มีอำนาจออกโรงตอนนั้นก้องการุณย์คิดไม่ตกใครจะใหญ่กว่ากฎหมายและผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างเขาอีก
วันนี้เขาถึงได้เข้าใจไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็เป็นฮีโร่ได้และใหญ่มากพอที่ใครก็ขุดเรื่อง ‘คาว’ ออกมาโจมตีไม่ได้อีกทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังยังขาวสะอาดนั่นก็คือท่านเจ้าสัวเดรโกศศิภักดี
ก้องการุณย์จ้องมองร่างที่นั่งกอดตัวเองคุดคู้อยู่กับพื้นร่างนั้นกำลังสั่นสะท้านพลางสะอื้นร่ำไห้อย่างน่าเวทนาก่อนหน้านี้พวกเขามีสัมพันธ์ทางกายกันจริงแต่เป็นส่วนหนึ่งของงานก้องการุณย์ไม่ได้มีความคิดเกินเลยกับดารากรแม้แต่น้อยกลับกลายเป็นดารากรเสียเองที่ตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าอย่างจังไม่ว่าจะเป็นใบหน้าชื่อต่างก็คล้ายสามีเก่าอย่างก้องกิจ
ดารากรไม่คิดเลยว่าทุกครั้งที่เขามีความรักดีๆให้ใครกลับไม่เคยได้ความรักดีๆตอบแทนคงเป็น ‘เวรกรรมตามสนอง’ ดีที่เขาแท้งไม่งั้นลูกคนนี้คงเป็นหนามตำใจของเขาจนตายต่อให้เกิดมาได้ก็ไม่สมประกอบเพราะดารากรดื่มเหล้าและเล่นยามาตลอดไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ามีหนึ่งชีวิตถือกำเนิดในท้องของเขา
ต่างฝ่ายต่างไม่ปริปากพูดอะไรมีเพียงความเงียบโอบล้อมและบีบอัดให้รู้สึกตัวลีบเล็กลงดารากรกว่าจะรู้ตัวว่าทำผิดเดินทางผิดก็คงจะเป็นตอนนี้ละมั้งพ่อไม่เคยสอนเขามีแต่ช่วยปกปิดและดุด่าจากเด็กดื้อด้านเอาแต่ใจกลับกลายเป็นถลำลึกเดินสู่เส้นทางสายนี้เพราะความอิจฉาริษยาปล่อยให้อสูรภายในใจได้เติบโตกลืนกินเด็กน้อยที่ใสสื่อช่างฉอเลาะคนนั้นไปจนสิ้นกลับกลายเป็นคนเลือดเย็นและโหดเหี้ยมข้างบนคลับชั้นสองเป็นห้องเชือดที่ดารากรจัดแจงไว้สำหรับกิจกรรมเข้าจังหวะของแขก VIP หากเพียงถูกตาต้องใจบรรดาผีเสื้อราตรีที่กำลังโยกย้ายส่ายเอวอย่างเมามันอยู่เบื้องล่างไม่นานร่างนั้นก็จะมานอนอยู่ตรงหน้าสมปรารถนาไม่ว่าจะชายหรือหญิงโดยเฉพาะ (New Male) ที่หน้าตาดีจินตะเองก็เช่นกันเพราะเพื่อนร่วมงานลากมาจินตะโดดเด่นจนเตะตาของดารากรเลยเสนออีกฝ่ายให้กับผู้ใหญ่คนหนึ่งจนถูกสั่งย้ายให้มาอยู่ใต้สังกัดเรื่องเลวร้ายก็เริ่มต้นมีเพียงก้องการุณย์ที่จดจำบัญชีแค้นนี้มาโดยตลอดดารากรอาจหลงลืมเรื่องราวเล็กๆน้อยๆพวกนี้แต่มันคือชีวิตของคนคนหนึ่งดารากรเลือดเย็นมองคนอื่นเป็นผักปลาจนวันหนึ่งเกิดขึ้นกับตัวเองถึงได้รู้สึกตัว….
และดารากรจะต้องชดใช้จมกับความรู้สึกผิดและจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อรับกรรมที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้อย่างสาสมมีชีวิตที่อยู่ไม่สู้ตายและก้องการุณย์จะเป็นผู้ยืนมองความฉิบหายนั้นอยู่ตรงนี้จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง
เรื่องราวมากมายถาโถมเข้าเหมือนคลื่นสึนามิสาดซัด SS GROUP ทางด้านบรรจุภัณฑ์เองก็เช่นกันตำแหน่งเก้าอี้ท่านประธานว่างเปล่ามาหลายสัปดาห์เลขาหน้าห้องอย่างปรียานุชเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนสูดเอาฝุ่นพิษเข้าปอดทุกครั้งที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องท่านประธานที่เงียบเชียบเธอไม่ได้กลัวผีแต่หากเปลี่ยนเจ้านายไม่แน่ว่าตัวเธอเองก็อาจจะต้องเปลี่ยนงานด้วยก็ได้เพราะเธอเติบโตมากับที่นี่เสมือนเป็นบ้านหลังที่สองอีกอย่าง…เพิ่งจะคุ้นเคยกับท่านประธานรวมไปถึงเพื่อนร่วมงานอย่างวินตราไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเดินหน้าต่อไป ท่านประธานจากไปด้วยไม่ดีศศิภักดีจึงจัดการอย่างเงียบเชียบไม่ระบุสถานที่รวมถึงไม่มีข่าวคราวอะไรทั้งนั้นยกเว้นก็เพียงแต่วันนี้ที่แฝดน้องของท่านประธานอย่างคุณเดนีนศศิภักดีจะเข้ามาบริหารจัดการที่นี่เป็นการชั่วคราวทันทีที่ท่านประธานคนใหม่เดินออกจากลิฟต์ปรียานุชที่ยืนรออยู่แล้วพร้อมช่อดอกไม้เอ่ยต้อนรับกึ่งทางการ“สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับ” ปรียานุชยื่นช่อดอกไม้ให้“ขอบคุณครับ” เมื่อเงยหน้ามาสบตาวินาทีนั้นสมองของปรียานุชก็เหมือนจะถูกช๊อตจากบุคคลตรงหน้าแม้ว่าจะเป็นฝาแฝดเพราะเธอเคยทำขายหน้ามาแล้วหนึ่งรอบ
และนี่เป็นเพียงคลื่นระลอกแรกภายในของ SS GROUP ภายใต้การบริหารของเดนีนศศิภักดีเท่านั้นคลื่นลูกที่สองกำลังจะถาโถมตามมาเพื่อปิดฉากและกวาดเอาขยะที่ซุกใต้พรมทั้งหมดออกมาให้คนทั้งประเทศได้รู้จักโฉมหน้าของผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ทั้งหมดด้านหลังคฤหาสน์บ้านใหญ่ของศศิภักดีมีบ้านเล็กๆบนต้นไม้อยู่หนึ่งหลังเป็นหลังที่สามพี่น้องชอบไปนอนเล่นที่นั่นกันตอนเด็กๆแม้จะเติบโตขึ้นบ้านหลังนี้ก็ได้รับการดูแลและปรับปรุงมาตลอดเป็นอย่างดีเป็นห้องเดี่ยวหนึ่งห้องน้ำหนึ่งห้องนอนมีเครื่องปรับอากาศเครื่องให้ไฟฟ้าครบครันแถมยังมีรางเลื่อนส่งอาหารทุกสามมื้ออีกต่างหาก แผ่นหลังนั้นตัดกับวิวสีฟ้าครามของท้องฟ้าได้เป็นอย่างดีไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มองเห็นวิวท้องฟ้าสวยๆกลางกรุงแบบนี้ เมื่อก่อนการเหม่อมองท้องฟ้าของวินตราเหมือนกับเป็นการอ้อนวอนขอความยุติธรรมกับสวรรค์อย่างกลายๆถามคำถามเหล่านั้นซ้ำๆว่าทำไมเคราะห์กรรมเหล่านั้นถึงเกิดกับเขาและคนรอบข้างเมฆครึ้มในใจบดบังความสวยของท้องฟ้าเบื้องหน้าไปจนหมดสิ้นแหงนมองฟากฟ้าเพื่อทอดถอนหายใจความเบื่อหน่ายความสิ้นหวังเกาะกินใจจนไม่เหลือแรงให้หยัดยืนสู้ต่อแต่ก็เป็
“อื้อ” เดนีสกกกอดวินตราไว้ใต้ร่างกดอีกฝ่ายไว้กับฟูกที่ปูตรงพื้นยัดเยียดป้อนจูบให้แถมยังฝากรอยจูบไว้ทั่วตัวแม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้นแต่ลมหายใจร้อนที่ปัดเป่ารดลงมาทำเอาวินตราตัวแดงเถือกไปทั้งตัวนอนหายใจหอบอย่างไร้แรงขัดขืนเดนีสเบือนหน้าหนีทันทีที่เห็นหางตาแดงๆแพขนตาที่ชุ่มน้ำใบหน้านี้มันช่าง…เย้ายวนเกินห้ามใจไม่แปลกที่ไอ้แก่พวกนั้นกระสันอยากจะได้ครอบครองวินตราคนสวยของเขาส่วนล่างแข็งขืนขึ้นมาทันทีทันใดให้ตายวินตราแม่งเหมือนดอกไม้ที่มีกลีบดอกสวยสดและบานสะพรั่งกำลังผลิบานเชื้อเชิญหมู่มวลแมลงอย่างเขาให้หลงติดกับได้อย่างง่ายดาย วินตราริมฝีปากยกยิ้มก็ท่านประธานตอนนี้คอแดงหูแดงไปหมดเหมือนเด็กวัยรุ่นที่ได้สัมผัสกับความรักเป็นครั้งแรกสีหน้าท่าทางนั้นช่างน่าหยิกให้หนังติดหลุดมือออกมา“ลุกออกไปได้แล้ว” เดนีสทำตามอย่างว่าง่ายถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนแตะของร้อนหนีไปนั่งกอดเข่าอยู่มุมห้องเหมือนเด็กที่ทำความผิดแล้วกลัวผู้ใหญ่จับได้ วินตรานั่งขัดสมาธิมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เดนีสเองก็อ่านไม่ออกรู้เพียงแต่ว่ามีความเอ็นดูและอ่อนลงไม่ได้มีความแข็งกระด้างเหมือนในตอนแรกๆที่เจอกัน“ฉันโกรธจริง” เดนีสไม่พ
งานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดย ‘กรมการค้าภายใน’ งานนี้เป็นงานใหญ่ของปีที่บรรดาผู้บริหารไม่ว่าน้อยใหญ่จะต้องตบเท้าเข้ามาร่วมงานกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งกันเลยทีเดียวศศิภักดีเองก็เช่นกันผู้คนในงานต่างที่มาบ้างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันบ้างแตกต่างกันออกไปแต่ศศิภักดีมาเพื่อปิดฉากนี้ให้สมบูรณ์…หลายคนเดินเข้ามาทักทายท่านเจ้าสัวที่มีสีหน้าและท่าทางที่อิดโรยอย่างเห็นได้ชัดและชายหนุ่มที่ยืนด้านข้างนั้นคงจะเป็นแฝดน้องเดนีนอย่างไม่ต้องสงสัยเพิ่งจะเสียลูกชายสุดที่รักไปไม่แปลกที่ท่านเจ้าสัวจะดูแก่ลงเพียงพริบตาสองพ่อลูกยืนทักทายเพื่อนพ้องในวงการธุรกิจแถมยังมีห้าสิงห์ที่ต่างก็ตบเท้าเข้ามาร่วมงานพวกเขาไม่ได้เดินเข้ามาทักทายกันเพียงแต่พยักหน้าน้อยๆให้กันเท่านั้นกิตติกรเองก็ยืนนิ่งสงบสายตากวาดมองไปรอบๆงานด้วยสีหน้าราบเรียบตามแบบฉบับของเจ้าตัวก้องกิจเองก็เช่นกันข่าวใหญ่ครึกโครมก่อนหน้าก็เหมือนจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้เพราะเกียรติคณากับสตุลยาแม้ว่าจะเคยดองกันก็จริงแต่ก็ฟ้องหย่าก่อนและก้องกิจถูกบีบบังคับให้แต่งงานรวมไปถึงทั้งสองครอบครัวเดิมเส้นทางธุรกิจคนละสายกันอยู่แล้วแม้จะมีการสอบปากคำและที่มาของเงินเกียรติคณาเองก็ให้ความ
ก้องการุณย์ลั่นไกโดยที่ไม่ต้องคิดเมื่อเจนจัดหันปลายกระบอกปืนมายังผู้บริสุทธิ์ที่ด้านล่างแม้จะเล็งที่ข้อมือข้างที่ถือปืนแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจนจัดจะถนัดยิงปืนทั้งสองข้างอีกฝ่ายตะเกียกตะกายพลิกร่างกายอย่างรวดเร็วจ่อปากกระบอกปืนที่ขมับของตัวเองคนอย่างเจนจัดไม่มีทางจนตรอกหากจะตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือตัวเองเท่านั้น…ปัง! แต่ทว่าสวรรค์คงมีตาไม่อยากให้คนชั่วได้ตายง่ายๆแม้ว่าจะเล็งที่ขมับของตัวเองแต่ก็พลาดเฉียดไปเท่านั้นงานนี้เจนจัดได้นอนทรมานติดเตียงยาวนานพอที่จะลิ้มรสความทุกข์และบาปกรรมที่ได้ทำลงไปอย่างเต็มที่แม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้อยู่ฟังเสียงผู้คนก่นด่าสาปแช่งและประณามจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ศิราณีเองก็ร่ำไห้ปานจะขาดใจเธอไม่ได้ร้องไห้ให้กับไอ้สามีเฮงซวยนั้นแต่ร้องไห้ให้กับความขี้ขลาดของตัวเองหากเธอกล้ายืนหยัดและเชื่อในคำพูดของลูกชายตั้งแต่เนิ่นๆเรื่องราวคงไม่บานปลายจนมาถึงขั้นนี้ไอ้เจนจัดทำลูกคนอื่นไม่พอยังทำลูกตัวเองด้วยสารเลว! แม้จะไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศแต่การลูบคลำก็ทำให้ลูกชายและลูกสาวมีแผลใจและรังเกียจพ่อตัวเองหมามันยังไม่คิดอกุศลกับลูกตัวเองศิราณีปิดหน้าร่ำไห้กับพื้นอย่าง
การออกมาปรากฏตัวและให้สัมภาษณ์สื่อของวินตราในฐานะเหยื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอย่างมหาศาลเด็กทุนที่ลังเลที่เคยตกเป็นเหยื่อไม่กล้าเปิดเผยตัวและผู้คนที่ถูกคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ทำงานสถานศึกษาต่างก็ตบเท้าเข้ามาให้ปากคำอย่างไม่ขาดสาย ต่างก็แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านโลกออนไลน์สร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้ในสังคมเป็นอย่างมากอย่าอายจนลืมที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่มีใครควรถูกคุกคามทางเพศ!วินตรายืนอยู่ตรงหน้าช่องบรรจุอัฐของวัดแห่งหนึ่งย่านปริมณฑลก่อนตายจินตะได้พูดว่าอยากจะบวชสักครั้งก่อนตายแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึกวินตราจึงตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองก้อนใหญ่ออกมาซื้อสถานที่จัดเก็บอิฐเอาไว้ตามปรารถนาสุดท้ายของจินตะตอนนั้นวินตราเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีปีหนึ่งคนหนึ่งไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีการจัดเก็บอัฐิไว้ 4 รูปแบบด้วยกันคือ1.) ช่องจัดเก็บอิฐตามกำแพงวัด2.) จัดเก็บตามเสาไฟของวัด3.) จัดเก็บตามอาคารศาลาหรือกุฏิซึ่งจะเตรียมช่องจัดเก็บอัฐิไว้บนขื่อหรือหน้าประตูตามความเหมาะสมของสถานที่4.) ห้องไว้สำหรับจัดเก็บอัฐิโดยเฉพาะซึ่งสถานที่จะเป็นที่จัดเก
“ผมว่าจะขอลาออกครับ” ท่านเจ้าสัวเอนพนักพิงเก้าอี้จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ก้มหน้าเอ่ยบอกความต้องการ“แล้วเดนีสล่ะ” วินตราเม้มปากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “วินตราฉันเห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งอดีตก็คืออดีตฉันยอมรับที่ความสามารถของเธอมากกว่าเรื่องอื่นเป็นรอง” “ผมทราบครับ”“วันไหนที่เธอเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่ได้เสมอ” “ครับ” วินตรายกมือไหว้ท่านเจ้าสัวอย่างนอบน้อมตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านท่านเจ้าสัวตลอดตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขาเองก็ควรจะมีชีวิตของตัวเองสักที ตอนนั้นที่เขาหนีกบดานเอาชีวิตรอดจากสาสินก็นึกถึงท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกตอนแรกก็กล้าๆกลัวเพราะหลักฐานที่มีนอกจากจะไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้แล้วหลักฐานพวกนี้อาจจะเป็นเถ้าถ่านในกองไฟก็เป็นได้แต่แล้ววินตราก็ไม่ผิดหวังนึกถึงคำถามนั้นที่ท่านเจ้าสัวได้ให้ไว้กับตัวเอง“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ลำบากใจแต่วันไหนที่เธอเข้มแข็งและสามารถหยัดยืนเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ได้เมื่อไหร่ขอเพียงเธอเอ่ยปากฉันจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ” ตอนนั้นวินตรายังคิดไม่ตกอย่างที่เคยบอกเหตุการณ์เหล่านั้นกัดกินใจเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนวินตราเด็
“นายโกหก” น้ำเสียงแผ่วเบาจนสัมผัสถึงของเหลวอุ่นๆที่หยดตรงลาดไหล่ของตัวเองเพราะเดนีสรู้จักวินตราเกินไปต่างหากหากเขายอมปล่อยมือตอนนี้อีกฝ่ายคงหลุดลอยไปไกลอาจไกลเสียจนเขาไม่มีทางตามอีกฝ่ายพบวินตรายังคงเป็นวินตราที่เข้มแข็งโดดเดี่ยวจนถึงขั้นใจดำที่จะหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็นแต่ทว่าเดนีสเองไม่สามารถปล่อยวินตราไปได้ แล้วเขาก็เป็นลูกคนรวยหัวกรวยหัวขบถที่อยากได้อะไรต้องได้ยังไงต้องมีคุณเลขามือทองคนนี้คอยกำราบ! สองแขนของวินตรายกโอบกอดกลับไปเช่นกัน ต่างคนต่างร้องไห้เงียบ ๆ ลูบหลังปลอบประโลมกันอยู่อย่างนั้น“ไปกับฉันที่หนึ่งสิ” เดนีสพูดพลางสูดจมูกไปด้วยเขาไม่อายเลยสักนิดที่จะร้องไห้ออดอ้อนต่อหน้าวินตราวินตราไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นอันว่าตกลงเดนีสยกยิ้มมาดร้ายที่มุมปากคิดจะหนีไปจากเขางั้นเหรอ…ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกวินตรา!เดนีนสบถอย่างหัวเสียเมื่อคุณนิติพลรายงานเรื่องประธานตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ขอลาต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ที่บริษัทก็ผ่านช่วงวิกฤตมาได้พร้อมกับกำจัดเห็บไรไปได้หลายตัวแถมยังดำเนินการภายใต้แฝดน้องอย่างเดนีนที่แสร้งตีหน้าขรึมเป็นเดนีสแฝดพี่เพราะความเป็นแฝดที่เหมือนกันจนแทบจะโคลนกัน
“ถอยไปเลยไป” “ด่าฉันด้วยสายตาอีกแล้ว” วินตรารีบคลุมสาบเสื้อชุดคลุมของตัวเองรัดสายคาดเอวอย่างแน่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคืองในกระจกเดนีสก็หอมกระหม่อมคุณเขาซ้ำๆอยู่นั่นไม่สนใจสายตาที่อยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆของคุณเลขาในกระจกสักนิดวินตราหวานไปทั้งตัวเหมือนช็อกโกแลตที่ข้างนอกแข็งขึ้นเป็นรูปต่างๆได้แต่พอวางอยู่ในอุ้งมือหรือในโพรงปากก็ละลายออกมาหวานละมุนกลิ่นโกโก้ชั้นดีตีขึ้นในโพรงจมูกจนอยากจะอมไว้ในปากทั้งวันไม่อยากให้ใครได้เห็นได้กลิ่นวินตราเป็นของเขาของเขาคนเดียวเท่านั้นสภาพท่านประธานในตอนนี้เหมือนอยากจะอมหัวเขาเหมือนหมาโกลเด้นที่ออดอ้อนออเซาะเจ้าของไม่รู้จักเบื่อนี่นะเหรอ…ข้าวใหม่ปลามันที่หลายคนพูดถึงแต่วินตราก็ยังเป็นวินตราคนเดิมเขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายคนในกระจกเป็นคนแรกและคนเดียวที่วินตราค่อยๆแง้มประตูที่ปิดตายเอาไว้ให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงความไม่สมประดีของตัวเองแผลใจไหนจะขยะที่ซุกซ่อนไว้ในใจรวมไปถึงในห้องคอนโดของตัวเองผู้ชายคนนี้ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวจนมันแผ่มาถึงคนนอกอย่างเขาได้ง่ายๆวินตราคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่เพราะเขากลัวว่า
“รเร็วกว่านี้” เดนีสยันแขนแต่เอวก็เคลื่อนไหวเนิบช้าแต่ออกสุดตอกจนสุดเช่นกันวินตราแหงนหน้าเมื่อส่วนล่างถูกบดขยี้บี้ซ้ำๆจนสุดโคนจนรู้สึกถึงเส้นขนหยาบแข็งๆกระทบแก้มก้น“เรียกที่รักก่อนสิ” เดนีสซุกที่ซอกคอวินตราพร้อมกับขมเม้มเบาๆก่อนจะงับติ่งหูขาวนั้นดูดดึงจนวินตราครางไม่เป็นภาษาจะหนีไปไหนก็ไม่ได้เดนีสยกยิ้มมุมปาก ‘ติ่งหู’ เป็นอีกจุดที่ไวต่อสัมผัสของคุณเลขาคนสวยวินตราเม้มปากแน่นจนเอื้อมมือไปกำผมของไอ้ประธานเฮงซวยที่ทำตัวขบถแม้กระทั่งจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้“อึก” เดนีสหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระชาก“แม่งนี่นายเล่นกระชากหัวผัวตัวเองเลยเหรอฉันก็ปรนเปรออยู่นี่ไงที่รัก…อย่าใจร้อน” แถมยังแลบเลียริมฝีปากอย่างมาดร้ายเขาสะบัดหัวจากการกอบกุมจัดท่าขาสองข้างพาดบ่าวินตราตอนนี้ตัวจะม้วนกลับหลังอยู่แล้ว “เอาล่ะทำใจดีๆฉันจะแทงไปจนถึงแกนโลกเลยล่ะ” “อะไอ้!” เดนีสเหมือนนั่งยองแทงซ้ำๆดั่งปากว่าจุดกระสันถูกแทงซ้ำๆอย่างนั้นวินตรากัดปากตัวเองอย่างแรงความเสียวตีรื้นขึ้นมาอีกระลอก “มะไม่ไหว” วินตราส่ายหน้าสะบัดไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นส่งทั้งตัวเองและวินตราไปถึงฝั่งฝันอย่างรวดเร็
หรือไม่…อาจไม่เคยเดินสวนทางกันด้วยซ้ำไปเมื่อเห็นวินตราไม่ตอบเดนีสเลยพูดต่ออีกอย่างเขาไม่เชื่อคำสัญญาของวินตราสักเท่าไหร่คุณเลขาของเขาน่ะใจร้ายได้เสมอ“สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่า”“นายเอาจริง?” วินตราถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อถืออีกฝ่ายสักเท่าไหร่ตลอดกาลมีจริงๆเหรอแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก “อือฉันเอาจริงและจริงจังถ้านายกล้าทิ้งฉัน…ฉันจะออกตามหานายสุดล่าฟ้าเขียวจะทิ้งทุกสิ่งไปตามหานายไหนๆฉันก็เป็นคุณชายหัวขบถอยู่แล้ว” วินตราดึงแก้มเขาอย่างแรง“ท่านประธานเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”“แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” วินตราไม่ตอบได้แต่จ้องมองไปยังนัยน์ตานั้นมองภาพใบหน้าตัวเองที่ฉายชัดอยู่ในนัยน์ตาสองคู่นี้“ต้องคิดด้วยเหรอ” เดนีสเย้าแหย่ วินตรายกหัวจุมพิตข้างริมฝีปากนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไงแต่…กับนายมันพิเศษกว่าคนอื่นและสองมือนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดมันทั้งอบอุ่นและปลอดภัยอ้อมอกนี้ก็เช่นกัน” เดนีสมองวินตราอึ้งๆก่อนจะยิ้มโค้งจนตาหยี“นายรักฉันแหละฉันดูออกมาตั้งนานแล้ว” ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งครั้งนี้วินตราโอนอ่อนผ่อนตามเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้ชักนำแ
“ฉันปวดไหล่” “นายจ่ายไหวเหรอฉันคิดค่าบริการแพงนะ”“จะเท่าไหร่กันเชียวอย่าลืมฉันถือแบล็กการ์ด”“ฮ่าๆ” เดนีสหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมจุมพิตที่แผ่นหลังขาวเนียนนั้นหนึ่งทีเบาๆ “แสบจริงๆใครไม่รู้คงคิดว่านายเป็นเมียฉัน” “ฝันไปเถอะ” “ใจร้าย” นิ้วมือลงน้ำหนักนวดโดยผ่อนแรงลากขึ้นลงเดนีสชอบนวดสปาน้ำมันเขาจึงรู้วิธีการนวดมาบ้าง วินตรานอนใบหน้าข้างหนึ่งแนบที่ท่อนแขนจ้องมองเงาในกระจกที่คุณชายหัวขบถตั้งใจนวดแผ่นหลังให้เขาอย่างมุ่งมั่นวินตรายกยิ้มที่มุมปากบางครั้งท่านประธานของเขาก็ซื่อบื้อของแท้…“สบายหรือเปล่า”“อือ” “ฉันจะบอกให้ไม่มีใครกล้าใช้ฉันนอกจากนาย…วินตราเพราะฉะนั้นเป็นแฟนฉันได้แล้ว”“ไม่”“นี่ฉันจริงจังนะ”“ไม่” เดนีสพลิกร่างวินตราให้นอนหงายโดยที่เขาคร่อมทับเค้นเอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายหัวคิ้วขมวดจนเป็นปม“ทำไมเป็นแฟนฉันไม่ดีตรงไหน”“ทุกตรง” “หา…อย่างฉันเนี่ยนะไม่ดีฉันดีมากเลยขอบอก” โอ้อวดตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่ง“แล้ว” เดนีสก้มหน้าต่ำกระซิบเสียงแหบต่ำข้างหูคุณเลขา“ฉันก็รักนายอย่างสุดหัวใจ” พร้อมจุมพิตไหล่เปลือยเปล่านั้นแผ่วเบา เดนีสพยายามจ้องหน้าคุณเลขาไม่หลุบตามองต่ำไปมากกว่าน
“นี่ลองชิมดูเป็นไวน์ตัวใหม่ของ ONLY U แอลฯเพียง 6% น้องชายฉันคิดค้นและปรับปรุงมาตลอดจนได้ไวน์รสชาตินี้ออกมาดื่มง่ายลองสิ” วินตรารับไวน์มาจิบอย่างว่าง่ายตอนนี้เขาไม่ได้กินยารักษาสภาพจิตใจแล้วพร้อมกับเข้าตรวจร่างกายชุดใหญ่ตามคำสั่งของท่านประธานวินตราเป็น (New Male) ที่สามารถตั้งครรภ์ได้ก็จริงแต่เพราะปัญหาทางใจที่รุมเร้ามาตลอดเขาเลยมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนเรียกได้ว่าฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่มดลูกเลยไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่เหมือนคนเป็นหมันแต่ในอนาคตก็ไม่แน่เรื่องราวภายในของคนเรานั้นซับซ้อนวินตราและเดนีสต่างก็นั่งฟังหมออธิบายรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเดนีสเองก็เข้าตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีด้วยเช่นกัน แม้จะมีแอลกอฮอล์ผสมเพียง 6% แต่ดื่มเองไปเกือบขวดวินตราเองก็มึนๆเหมือนกันนานเท่าไหร่แล้วที่เขาทำตัวอยู่ในกรอบไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้แตะต้องของพวกนี้อีกทั้งยังกินยาต่อเนื่องมาหลายปีทำให้ไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้ได้บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องการรสชาติที่หลากหลายการพบเจอผู้คนเดิมๆงานเดิมๆก็ทำให้ชีวิตซ้ำซากจำเจอยู่เหมือนกัน โลกของเขาที่คับแคบก็เริ่มเปิดกว้างขึ้นมาเมื่อได้เจอกับเดนีสเด
“นายโกหก” น้ำเสียงแผ่วเบาจนสัมผัสถึงของเหลวอุ่นๆที่หยดตรงลาดไหล่ของตัวเองเพราะเดนีสรู้จักวินตราเกินไปต่างหากหากเขายอมปล่อยมือตอนนี้อีกฝ่ายคงหลุดลอยไปไกลอาจไกลเสียจนเขาไม่มีทางตามอีกฝ่ายพบวินตรายังคงเป็นวินตราที่เข้มแข็งโดดเดี่ยวจนถึงขั้นใจดำที่จะหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็นแต่ทว่าเดนีสเองไม่สามารถปล่อยวินตราไปได้ แล้วเขาก็เป็นลูกคนรวยหัวกรวยหัวขบถที่อยากได้อะไรต้องได้ยังไงต้องมีคุณเลขามือทองคนนี้คอยกำราบ! สองแขนของวินตรายกโอบกอดกลับไปเช่นกัน ต่างคนต่างร้องไห้เงียบ ๆ ลูบหลังปลอบประโลมกันอยู่อย่างนั้น“ไปกับฉันที่หนึ่งสิ” เดนีสพูดพลางสูดจมูกไปด้วยเขาไม่อายเลยสักนิดที่จะร้องไห้ออดอ้อนต่อหน้าวินตราวินตราไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นอันว่าตกลงเดนีสยกยิ้มมาดร้ายที่มุมปากคิดจะหนีไปจากเขางั้นเหรอ…ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกวินตรา!เดนีนสบถอย่างหัวเสียเมื่อคุณนิติพลรายงานเรื่องประธานตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ขอลาต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ที่บริษัทก็ผ่านช่วงวิกฤตมาได้พร้อมกับกำจัดเห็บไรไปได้หลายตัวแถมยังดำเนินการภายใต้แฝดน้องอย่างเดนีนที่แสร้งตีหน้าขรึมเป็นเดนีสแฝดพี่เพราะความเป็นแฝดที่เหมือนกันจนแทบจะโคลนกัน
“ผมว่าจะขอลาออกครับ” ท่านเจ้าสัวเอนพนักพิงเก้าอี้จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ก้มหน้าเอ่ยบอกความต้องการ“แล้วเดนีสล่ะ” วินตราเม้มปากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “วินตราฉันเห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งอดีตก็คืออดีตฉันยอมรับที่ความสามารถของเธอมากกว่าเรื่องอื่นเป็นรอง” “ผมทราบครับ”“วันไหนที่เธอเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่ได้เสมอ” “ครับ” วินตรายกมือไหว้ท่านเจ้าสัวอย่างนอบน้อมตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านท่านเจ้าสัวตลอดตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขาเองก็ควรจะมีชีวิตของตัวเองสักที ตอนนั้นที่เขาหนีกบดานเอาชีวิตรอดจากสาสินก็นึกถึงท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกตอนแรกก็กล้าๆกลัวเพราะหลักฐานที่มีนอกจากจะไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้แล้วหลักฐานพวกนี้อาจจะเป็นเถ้าถ่านในกองไฟก็เป็นได้แต่แล้ววินตราก็ไม่ผิดหวังนึกถึงคำถามนั้นที่ท่านเจ้าสัวได้ให้ไว้กับตัวเอง“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ลำบากใจแต่วันไหนที่เธอเข้มแข็งและสามารถหยัดยืนเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ได้เมื่อไหร่ขอเพียงเธอเอ่ยปากฉันจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ” ตอนนั้นวินตรายังคิดไม่ตกอย่างที่เคยบอกเหตุการณ์เหล่านั้นกัดกินใจเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนวินตราเด็
การออกมาปรากฏตัวและให้สัมภาษณ์สื่อของวินตราในฐานะเหยื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอย่างมหาศาลเด็กทุนที่ลังเลที่เคยตกเป็นเหยื่อไม่กล้าเปิดเผยตัวและผู้คนที่ถูกคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ทำงานสถานศึกษาต่างก็ตบเท้าเข้ามาให้ปากคำอย่างไม่ขาดสาย ต่างก็แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านโลกออนไลน์สร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้ในสังคมเป็นอย่างมากอย่าอายจนลืมที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่มีใครควรถูกคุกคามทางเพศ!วินตรายืนอยู่ตรงหน้าช่องบรรจุอัฐของวัดแห่งหนึ่งย่านปริมณฑลก่อนตายจินตะได้พูดว่าอยากจะบวชสักครั้งก่อนตายแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึกวินตราจึงตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองก้อนใหญ่ออกมาซื้อสถานที่จัดเก็บอิฐเอาไว้ตามปรารถนาสุดท้ายของจินตะตอนนั้นวินตราเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีปีหนึ่งคนหนึ่งไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีการจัดเก็บอัฐิไว้ 4 รูปแบบด้วยกันคือ1.) ช่องจัดเก็บอิฐตามกำแพงวัด2.) จัดเก็บตามเสาไฟของวัด3.) จัดเก็บตามอาคารศาลาหรือกุฏิซึ่งจะเตรียมช่องจัดเก็บอัฐิไว้บนขื่อหรือหน้าประตูตามความเหมาะสมของสถานที่4.) ห้องไว้สำหรับจัดเก็บอัฐิโดยเฉพาะซึ่งสถานที่จะเป็นที่จัดเก
ก้องการุณย์ลั่นไกโดยที่ไม่ต้องคิดเมื่อเจนจัดหันปลายกระบอกปืนมายังผู้บริสุทธิ์ที่ด้านล่างแม้จะเล็งที่ข้อมือข้างที่ถือปืนแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจนจัดจะถนัดยิงปืนทั้งสองข้างอีกฝ่ายตะเกียกตะกายพลิกร่างกายอย่างรวดเร็วจ่อปากกระบอกปืนที่ขมับของตัวเองคนอย่างเจนจัดไม่มีทางจนตรอกหากจะตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือตัวเองเท่านั้น…ปัง! แต่ทว่าสวรรค์คงมีตาไม่อยากให้คนชั่วได้ตายง่ายๆแม้ว่าจะเล็งที่ขมับของตัวเองแต่ก็พลาดเฉียดไปเท่านั้นงานนี้เจนจัดได้นอนทรมานติดเตียงยาวนานพอที่จะลิ้มรสความทุกข์และบาปกรรมที่ได้ทำลงไปอย่างเต็มที่แม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้อยู่ฟังเสียงผู้คนก่นด่าสาปแช่งและประณามจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ศิราณีเองก็ร่ำไห้ปานจะขาดใจเธอไม่ได้ร้องไห้ให้กับไอ้สามีเฮงซวยนั้นแต่ร้องไห้ให้กับความขี้ขลาดของตัวเองหากเธอกล้ายืนหยัดและเชื่อในคำพูดของลูกชายตั้งแต่เนิ่นๆเรื่องราวคงไม่บานปลายจนมาถึงขั้นนี้ไอ้เจนจัดทำลูกคนอื่นไม่พอยังทำลูกตัวเองด้วยสารเลว! แม้จะไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศแต่การลูบคลำก็ทำให้ลูกชายและลูกสาวมีแผลใจและรังเกียจพ่อตัวเองหมามันยังไม่คิดอกุศลกับลูกตัวเองศิราณีปิดหน้าร่ำไห้กับพื้นอย่าง