“เฮ้ย ไอ้กานต์พรุ่งนี้วันเกิดมึงพวกเราไปฉลองกันหน่อยไหมวะ” เด็กหนุ่มหัวเกรียนสวมกางเกงขาสั้นสีกากีถามเพื่อนที่แต่งกายคล้ายๆ กัน
“ปีนี้บ้านกูจะจัดงานวันเกิดให้พวกมึงไปกันไหม” ธีรกานต์หรือกานต์ตอบเพื่อน
“กูอยากไป แต่ขอผ่าน” ภัทรดนัยหรือมิกซ์ตอบเป็นคนแรก
“กูก็เหมือนกัน” กอล์ฟหรือชวพลตอบตามมาอีกคน
“ทำไมวะ หรือพวกมึงกลัวพ่อกู พ่อกูก็แค่หน้าดุแต่ใจดี”
“กูไม่ได้กลัวพ่อมึงแต่กูกลัวอดแดกเหล้า”
“ไม่อดหรอกพ่อกูไม่ว่าเรากินกันได้เลย” ธีรกานต์รีบบอกเพราะอยากให้เพื่อนมาฉลองวันเกิดด้วยกันที่บ้านของตนเอง
“พ่อมึงอาจจะไม่ว่าแต่กูกลัวแม่มึงจะบอกแม่พวกกูน่ะสิ ยิ่งช่วงหลังมานี่สนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม”
“เออกูเห็นด้วยกับไอ้โก้นะ แม่พวกเรามีอะไรก็คุยกันในกลุ่มไลน์ตลอด” ชวพลก็เห็นด้วยกับเพื่อน
“มึงไม่น้อยใจใช่ไหมที่พวกกูไม่ไป” โกสินทร์ถาม
“ไม่หรอกกูก็แค่อยากฉลองกับพวกมึงเพราะไม่รู้ไม่รู้ว่าปีหน้าจะได้เจอกันครบไหม”
“มึงไปฉลองกับครอบครัวก่อนพวกกูรอได้” ภัทรดนัยเข้าใจดีเพราะตอนวันเกิดของตนเองก็อยู่ฉลองกับบิดามารดา
“พวกมึงรอวันศุกร์ได้ไหมเดี๋ยวกูพาพวกมึงไปฉลอง จะไปร้านไหนว่ามาเลย”
“ใครเขาจะให้เด็กอย่างพวกเราเข้า กูว่าไปบ้านไอ้มิกซ์ดีกว่า”
“ทำไมต้องเป็นบ้านกูด้วยวะไอ้กอล์ฟ” เจ้าของบ้านถามเพราะบ้านของเขานั้นอยู่ไกลจากบ้านคนอื่น
“ก็บ้านมึงไม่มีพ่อแม่อยู่ไง ทางสะดวกพวกเราจะเมาแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า” ชวพลตอบให้หายสงสัย
“กูเห็นด้วย” โกสินทร์ก็เห็นด้วยอีกคน
“ตกลงไปบ้านไอ้มิกซ์นะกูจะได้เตรียมชุดไปนอนด้วยเลย”
“บ้านกูก็ได้พวกมึงจะกินอะไรกันบ้างกูจะสั่งร้านหน้าปากซอยให้”
“เอาอะไรก็ได้พวกกูกินง่าย”
“ส่วนเหล้าเดี๋ยวกูให้พี่วินไปซื้อให้” โกสินทร์โก้ที่ใช้บริการวินรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเสนอขึ้นเพราะเขาอายุยังไม่ถึง 18 ปีจึงไม่มีร้านไหนขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้
“มึงอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดไหม พวกกูยังไม่รู้ซื้ออะไรเลย”
“ไม่ล่ะ แค่ได้อยู่กับพวกมึงก็โอเคแล้ว” ครอบครัวของเขามีฐานะดีอยู่แล้วจึงไม่เคยขาดอะไร ธีรกานต์เลยไม่อยากอะไรเพราะแค่เพื่อนจำวันเกิดเขาได้มันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับตนเองแล้ว
“มึงจะไปถามมันทำไมวะ อย่างไอ้กานต์พรุ่งนี้ก็มีของขวัญมาวางที่โต๊ะเพียบทั้งรุ่นเดียวกันทั้งรุ่นน้องไหนจะสาวจากต่างโรงเรียนอีก”
“นั่นสิ เกิดเป็นไอ้กานต์นะโชคดีชะมัด รูปหล่อพ่อรวย”
“ไม่ว่าเทศกาลไหนมันก็ได้ของขวัญเยอะตลอด แต่กูก็ไม่เห็นว่ามันจะเอากลับบ้าน ลำบากพวกกูต้องแอบเอากลับ”
“แต่ก็ดีนะ พวกกูจะได้เอาไปให้สาวโรงเรียนอื่น”
“ไม่รู้ปีนี้สาวๆ จะให้อะไรมึงอีก ปีสุดท้ายแล้วคงได้เยอะแน่ๆ”
“กูอยากได้เป็นพวกของกินข้าง นี่มีแต่ตุ๊กตาตลอด”
“ของฟรีมึงอย่าบ่นเลยไอ้โก้ ไอ้กานต์มันยังไม่เคยบ่น”
“มันไม่บ่นแต่มันก็ไม่เคยเอากลับบ้าน”
เพื่อนของเขาพูดถูกเพราะของขวัญเหล่านั้นเขาไม่เคยอยากได้แต่ที่ต้องไว้ก็เพราะไม่อยากให้ใครต้องเสียน้ำใจ
ธีรกานต์กลับมาถึงบ้านและทานอาหารเย็นกลับครอบครัวแล้วก็มานั่งที่ห้องนั่งเล่นอย่างเคยเพราะเวลานี่เป็นเวลาที่ครอบครัวของของเขาต้องอยู่กันพร้อมหน้า บ้านหลังนี้อยู่กันหลายคนทั้งบิดามารดาน้องชายนอกจากนั้นก็ยังมีเด็กรับใช้ แม่ครัว คนขับรถและคนสวนอีกหนึ่งคน
คุณเอกวิทย์บิดาของเขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่ตอนนี้กำลังจะขยายไปตามเมืองใหญ่นอกกรุงเทพ ส่วนคุณรัตนาก็ช่วยทำงานอยู่ในฝ่ายบริหาร ธีรกานต์มีน้องชายอยู่คนหนึ่งซึ่งมีอายุห่างจากเขา 4 ปี ทั้งสองสนิทกันมากเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน
“พรุ่งนี้ก็วันเกิดลูกแล้ว ปีนี้แม่จะไม่ซื้อของขวัญให้นะ แต่แม่จะให้เงินกานต์แล้วให้กานต์ไปซื้อเอง แม่ไม่ค่อยเข้าใจวัยรุ่นเท่าไหร่กลัวจะไม่ถูกใจ” เพราะเห็นว่าลูกชายอายุ 18 ปีแล้วจึงอยากให้เขาไปซื้อของที่ต้องการเอง
“แม่ครับ ถ้าถึงวันเกิดผม แม่ก็จะให้เงินผมแบบนี้ใช่ไหมครับ” พีรกันต์น้องชายของเขารีบถามขึ้นเพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันเกิดของตนเองเช่นกัน
“รอให้อายุ 18 เท่าพี่เขาก่อนแล้วแม่จะให้เงินกันต์ไปซื้อของนะ”
“อีกตั้ง 4 ปีนะครับแม่ ผมขอก่อนไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้จ้ะ แม่ให้พี่เขาตอน 18 ลูกก็ต้องได้ตอน 18 เหมือนมันยุติธรรมดีแล้ว”
“อีกตั้ง 4 ปี” เด็กหนุ่มทำหน้าเซ็ง
“พ่อว่าปิดเทอมนี้กานต์ไปสอบใบขับขี่รถยนต์ได้แล้วนะเปิดเทอมจะได้ขับรถไปเรียน แล้วอยากได้รถยี่ห้อไหนก็เลือกมาเดี๋ยวพ่อจะให้เลขาจัดการให้”
“อายุ 18 นี่ได้รถด้วยเหรอครับพ่อ” คนที่ตื่นเต้นไม่ใช่คนได้รถแต่เป็นพีรกันต์
“ก็ใช่น่ะสิ เรียนจบม.6พี่เขาก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยมันมีกิจกรรมที่ต้องทำเอารถไปเรียนเองจะสะดวกกว่า”
“ถ้าผมเรียนจบก็จะได้เหมือนกันใช่ไหมครับพ่อ” เด็กหนุ่มตื่นเต้นแม้ว่าตอนนี้จะยังขับรถไม่เป็นก็ตาม
“แต่ต้องสอบใบขับขี่ให้ผ่านนะพ่อถึงจะซื้อให้”
“ครับพ่อ/ครับ” ลูกชายทั้งสองตอบพร้อมกัน
“พรุ่งนี้เพื่อนของกานต์จะมาด้วยไหม”
“ไม่มาครับแม่ แต่ผมขอไปฉลองกับเพื่อนเย็นวันเสาร์นะครับแล้วก็ค้างที่บ้านไอ้มิกซ์หนึ่งคืน”
“ได้สิ จะซื้ออะไรไปฉลองบ้างมาเอาเงินที่แม่นะ”
“ครับ”
“พี่กานต์ผมขอไปด้วยได้ไหม”
“เด็กอย่างนายไม่เกี่ยว”
“แม่ครับผมว่าพี่เขาต้องแอบไปกินเหล้ากันแน่เลยถึงไม่ยอมให้ผมไปด้วย”
“พี่เขาโตแล้วจะกินเหล่าก็ไม่แปลกหรอก แต่กินแล้วอยู่แต่ในบ้านนะอย่าออกมาข้างนอก ถ้าไปกินแล้วมีเรื่องขึ้นมาพ่อจะไม่ให้ออกไปไหนอีกเลย”
“รับรองไม่มีปัญหาครับ ผมขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะครับพรุ่งนี้มีเทสย่อย”
“เดี๋ยวสิกานต์”
“ครับแม่”
“พรุ่งนี้แม่จะจัดงานวันเกิดของเราพร้อมกับน้องเอวานะ”
“ยังเด็กข้างบ้านเหรอครับ ทำไมต้องจัดพร้อมกันด้วย”
“ก็น้องเขาเกิดวันเดียวกับกานต์แม่ว่าจัดไปพร้อมกันเลยจะได้ครึกครื้นหน่อยกานต์ไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“ไม่มีหรอกครับขอแค่อย่ามางอแงจนหมดสนุกก็พอ”
“น้องไม่เคยงอแงเลยแม่ว่าน้องน่ารักดีนะ กานต์อย่าลืมหาของขวัญวันเกิดให้น้องด้วยนะ
“ครับแม่” ธีรกานต์รับคำก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านซึ่งเป็นห้องนอนของตนเอง
ธีรกานต์มาถึงโรงเรียนก็พบว่าบนโต๊ะของตนเองนั้นมีของขวัญอยู่เต็มไปหมดมีทั้งตุ๊กตา ดอกไม้ หนังสือการ์ตูนการ์ดอวยพรและเค้กวันเกิดก้อนเล็กๆ อีกหลายก้อนซึ่งเขาก็แบ่งให้เพื่อนและอาจารย์ทานจนไม่เหลือกลับบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติแต่ที่แปลกไปจนเพื่อนต้องมองหน้ากันด้วยความสงสัยก็คือปีนี้เขาบอกว่าจะเอาตุ๊กตาเหล่านั้นกลับไปที่บ้านด้วย“มึงไม่สบายหรือเปล่าวะกานต์” โกสินทร์ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“สบายดี ถามทำไมวะ”“ก็ปกติมึงไม่ชอบตุ๊กตา”“กูเอาไปให้เด็กข้างบ้าน”“หลังที่มึงบอกว่าเพิ่งย้ายมาอยู่เหรอ”“อือ หลังนั้นแหละน้องเขาเกิดวันเดียวกับกูพอดี”“เด็กผู้หญิงเหรอ”“อือ”“สงสัยจะเป็นเนื้อคู่มึงแน่เลยวะเกิดวันเดียวกัน” ภัทรดนัยพูดแล้วก็หัวเราะ“มึงก็พูดเรื่อยน้องตัวกะเปี๊ยกเดียวเอง”“เด็กผู้หญิงโตวัยนะเว้ย เผลอแป๊บเดียวเป็นสาวแล้วนะ ถ้าสวยมึงก็จองไว้ก่อนเลย”“มึงก็ช่างจะคิดนะไอ้โก้” ธีรกานต์ส่ายหัวกับความคิดของเพื่อน จากนั้นเพื่อนของเขาก็ช่วยกันถือตุ๊กตามาส่งที่รถซึ่งมาจอดรออยู่ก่อนแล้ว“พวกมึงไม่ไปแน่นะ” เขาถามย้ำอีกครั้ง“ไม่ล่ะ เจอกันเสาร์นะ”“อือ” เขาบอกเพื่อนก่อนจะปิดประตูรถงานวันเกิดถูกจัด
งานวันเกิดถูกจัดขึ้นขึ้นพร้อมกันทุกๆ ปี ถึงแม้ธีรกานต์จะไปอยู่ที่หอพักระหว่างเรียนแพทย์เขาก็ถูกบังคับให้กลับมาฉลองวันเกิดที่บ้านและก็เป็นเช่นเคยที่เขาจะมีของขวัญมาให้กับเด็กน้อยตลอด แม้ช่วงหลังจะเรียนและทำงานอย่างหนักเขาก็โอนเงินให้เธอไปเลือกซื้อของขวัญเอง ตอนนี้เอวาริณโตขึ้นกว่าเดิมมากและไม่ใช่เด็กน้อยที่เขาอุ้มได้อีกต่อไปแล้วธีรกานต์เรียนจบแพทย์และกำลังใช้ทุนอยู่ที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดขณะที่เอวาริณก็เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว“พี่กานต์จะอยู่กรุงเทพกี่วันคะ”“อยู่ถึงวันอาทิตย์”“เช้าวันเสาร์พี่กานต์พาเอวาไปกินไอติมได้ไหมคะ เอวาชวนพี่กันต์แล้วพี่กันต์ไม่ว่าง”“แล้วทำไมพี่ต้องไปกับเธอด้วยล่ะ”“ก็พี่กานต์เป็นคนใจดีที่สุด เอวาจะให้พี่กานต์ไปเลือกของขวัญวันเกิดด้วยค่ะ เอวาเก็บตังไว้แล้ว”“พี่ไม่อยากได้อะไรหรอก เอวาเก็บเงินไว้เถอะ”“แต่เอวาตั้งใจแล้วนี่คะ”“เรายังเรียนอยู่เลยนะ”“ไม่ซื้อของขวัญให้ก็ได้ค่ะ แล้วเรื่องไปกินไอติมล่ะคะ พาเอวาไปหน่อยนะ เอวาอยากกินจริงๆ” ตั้งแต่เขาไปเรียนเด็กสาวก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับเขาเหมือนแต่ก่อนพอมีโอกาสก็เลยอยากจะอ้อนพี่ชาย“ก็ได้ แต่ต้องรีบไปรี
เพื่อนของธีรกานต์มีด้วยกันทั้งหมดห้าคนแต่ละคนกำลังเป็นแพทย์ใช้ทุนในแต่ละจังหวัดจึงมีเรื่องมาเล่าให้กันฟังอย่างสนุกสนาน เอวาริณฟังไม่รู้เรื่องเลยสักอย่างจึงได้แต่นั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ จนกระทั่งพวกเขาเลิกคุยเรื่องงานและเริ่มพูดเรื่องส่วนตัวกันเธอจึงแอบฟังอย่างตั้งใจ“กานต์คิดหรือยังว่าจะเรียนเฉพาะทางอะไรต่อ” เพื่อนผู้หญิงถามขึ้น“ก็อย่างที่เคยบอกไป ผมจะเรียนอายุรกรรมแล้วต่อด้วยตับและทางเดินอาหาร นิวล่ะ”“นิวว่าจะเรียนเฉพาะทางเด็ก จริงๆ ก็อยากเรียนเหมือนกานต์นะมีอะไรจะได้ปรึกษากันแต่นิวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”“ดีแล้วเลือกที่ตัวเองชอบ” ชายหนุ่มออกความเห็น“เรียนคนละอย่างแบบนี้โอกาสกลับมาคบกันก็ยากสิ”ในอดีตนั้นธีรกานต์กับณิชาภัทรเคยคบกันอยู่หลายเดือนก่อนที่จะเลิกกันตอนเรียนแพทย์ปีสุดท้าย“นิวกับกานต์เหมาะสมกันมากนะ ถึงจะเรียนคนละแผนกแต่ถ้าได้เข้ามาเรียนที่กรุงเทพโอกาสได้เจอกันก็บ่อยขึ้น พวกเราเชียร์อยู่นะ” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดขึ้น“แล้วกานต์คิดยังไงล่ะ” เพื่อนอีกคนก็ถามย้ำธีรกานต์ไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าอะไรเขาไม่เคยคิดเรื่องกลับมาคบกันเพราะตอนนี้ตนรู้สึกกับณิชาภัทรแค่เพื
เมื่อเดินจนเหนื่อยแต่เอวาริณยังไม่ยอมเลือกของขวัญวันเกิดธีรกานต์เลยจูงมือเธอมายังร้านจำหน่ายนาฬิกาและเป็นคนเลือกให้เธอสองเรือน เรือนหนึ่งเป็นนาฬิกาแบบวัยรุ่นสีฟ้าสดใส อีกเรือนเป็นนาฬิกาสีโรสโกลด์ดูเป็นผู้ใหญ่“ทำไมต้องซื้อถึงสองเรือนคะ” เอวาริณถามขณะที่ตักไอศกรีมรสชาติโปรดเข้าปาก“เรือนหนึ่งของปีนี้อีกเรือนของปีหน้า”“แล้วปีถัดไปล่ะคะ”“ไม่โลภเลยนะเรา ปีถัดไปก็ค่อยว่ากันอีกที”“พี่กานต์จะไม่ลืมวันเกิดเอวาใช่ไหม”“ถามทำไม กลัวพี่ลืมเหรอ”“ค่ะ ถ้าพี่เรียนเฉพาะทางก็คงไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหมคะ”“คนเรามีเวลาเท่ากันนะ อยู่ที่จะบริหารเวลายังไงให้ชีวิตบาลานซ์ เอวาก็เหมือนกันไปเรียนที่นั่นเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ก็ต้องพยายามปรับตัวและแบ่งเวลาให้ได้” ธีรกานต์สอนเด็กสาวเพราะตนเองเคยมีปัญหาเรื่องแบ่งเวลามาก่อน“เอวาคงคิดถึงพี่กานต์กับพี่กันต์มากๆ แน่เลยค่ะ”“คิดถึงก็โทรมาหรือจะเมลมาก็ได้”“เมลมาดีกว่าพี่ว่างตอนไหนก็ค่อยตอบ”“ได้สิแต่ถ้าตอบช้าอย่าว่ากันนะ”“ไม่หรอกค่ะ”เอวาริณไม่รู้ว่าตนเองจะมีโอกาสได้กลับมาเจอกับพี่ชายใจดีอีกเมื่อไหร่ เด็กสาวไม่อยากไปกับครอบครัวเลยแต่ถ้าเลือกอยู่เมืองไทยก็ต้องกลับไปอยู่ที่
เอวาริณในวัย 20 ปีกำลังช่วยมารดาเลือกซื้อของในซุเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งเพราะวันนี้มารดาของเธอตั้งใจจะอาหารไทยเพื่อฉลองวันเกิดให้กับหญิงสาว“แม่คะกินข้าวเย็นแล้วเอวาขอไปฉลองกับเพื่อนได้ไหมคะ”“เพื่อนที่ว่ามีใครบ้างล่ะ”“ก็กลุ่มเดิมค่ะแม่มีแต่เพื่อนผู้หญิงทั้งนั้น”“ปีนี้หนูอายุ 20 แล้วมีหนุ่มๆ ในมหาลัยมาจีบบ้างไหม”“ลูกสาวแม่สวยขนาดนี้จะไม่มีได้ยังไงล่ะคะ”“แล้วมีคนไหนเข้าตาบ้างหรือยังล่ะ”“ก็ดูๆ อยู่ค่ะแม่” เธอตอบไปเรื่อยแต่จริงๆ ไม่เคยคิดจะมองใครเลย“อย่าลืมพามาแนะนำให้แม่รู้จักบ้างนะ”“แม่ไม่ว่าเหรอคะถ้าเอวาจะมีแฟน”“ลูกสาวแม่โตแล้วจะมีแฟนก็ไม่ผิดอะไร แต่แม่ขอแค่อย่าให้เสียการเรียนก็พอ”“เอวาไม่ให้เสียการเรียนหรอกค่ะแม่” เอวาริณให้สัญญากับมารดาแต่จริงๆ แล้วเธอไม่คิดจะคบกับใครเลยเพราะยังไม่สามารถลืมธีรกานต์ได้ แม้ว่าจะไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปีก็ตาม“สุขสันต์วันเกิดนะครับเอวา” หนุ่มอังกฤษหอบดอกไม้ช่อโตมาให้หญิงสาวเมื่อเธอเดินเข้ามาในผับที่นัดกับเพื่อนๆ ไว้“ขอบคุณนะเลโอ” หญิงสาวรับช่อดอกไม้แล้วกล่าวขอบคุณด้วยภาษาอังกฤษชัดแจ๋วงานฉลองไม่ได้มีอะไรพิเศษเพราะเจ้าของวันเกิดบอกทุกคนว่าเธอไม่อ
หลังจากใช้ทุนที่โรงพยาบาลรัฐบาลในต่างจังหวัดครบ 3 ปีแล้วธีรกานต์ก็ตัดสินใจเรียนต่อทางด้านอายุรกรรมโดยใช้ทุนส่วนตัวเพราะครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่เขาจึงต้องมาช่วยงานของครอบครัว แต่ชายหนุ่มก็รับผิดชอบในส่วนของการตรวจรักษาผู้ป่วยและการบริหารทางการแพทย์เท่านั้น ส่วนการบริหารงานด้านอื่นๆ ธีรกานต์ยกให้เป็นหน้าที่ของน้องชาย“พี่กานต์ว่าหมอออกตรวจน้อยไปหน่อยไหม” พีรกันต์เข้ามาปรึกษาพี่ชายระหว่างพักกลางวันเพราะวันจันทร์ที่ผ่านมาฝ่ายบริการแจ้งว่ามีการร้องเรียนถึงเรื่องที่ปล่อยให้ผู้ป่วยรอนาน“พี่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะหาหมอมาเด็กและหมอสูติฯ มาเพิ่มแผนกละคน”“หมอนิวก็เป็นหมอเด็กนะ พี่ลองชวนเธอมาสิได้คนกันเองมาทำงานก็น่าจะดี” พีรกันต์หมายถึงหมอณิชาภัทรซึ่งเรียนจบเฉพาะทางกุมารแพทย์และยังเป็นเพื่อนของพี่ชายตนเองอีกด้วย“พี่อยากได้หมอปิญชาน์กับหมอไอรดามากกว่านะ จ้างทั้งคู่มาทำพาร์ทไทม์เสาร์กับอาทิตย์”“พี่กานต์ไม่อยากเจอหมอนิวเหรอ” พีรกันต์รู้ว่าพี่ชายกับคุณหมอณิชาภัทรนั้นเคยคบกันมาก่อนจึงถามเพราะคิดว่าพี่ชายลำบากใจที่จะต้องกลับมาเจอหน้ากัน“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกพี่ก็แค่อยากได้หมอสูติ
“หนูจะกลับไปทำงานที่เมืองไทยจริงเหรอเอวา” วาสิการ์ถามลูกสาว“ค่ะแม่ เอวาคุยกับพี่กันต์แล้ว พี่กันต์บอกว่ามีตำแหน่งที่เหมาะสมกับเอวาอยู่พอดีเอวาก็เลยว่าจะลองไปทำดูค่ะ ได้ไหมคะแม่” แม้จะตัดสินใจไปแล้วแต่อยากฟังความคิดเห็นของมารดา“แม่แล้วหนูนะลูกแล้วจะะเดินทางเมื่อไหร่”“ก็คงจะเป็นอาทิตย์หน้าค่ะ แม่จะไปด้วยไหมคะ”“แม่ยังต้องอยู่ดูร้านอาหารที่นี่แต่เดี๋ยวแม่จะโทรบอกป้านาให้นะเขาจะได้ช่วยหาคนมาทำความสะอาดบ้านให้นะ”“ขอบคุณนะคะแม่”“แล้วหนูจะไปเยี่ยมคุณยายไหม”“ไปสิคะเอวาว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านสักสองสามวันพักให้หายเหนื่อยแล้วว่าจะไปอยู่กับคุณยายสักอาทิตย์หนึ่งค่ะ เพราะว่ากว่าจะเริ่มงานก็อีกตั้งสองอาทิตย์”“ดีเลยเดี๋ยวไม่มีของฝากจะเอาไปให้ยายกับญาติคนอื่นด้วย”“ได้ค่ะ เอวาเอาของไปไม่เยอะเท่าไหร่แม่ฝากได้เต็มที่เลยค่ะ”“ว่าแต่หนูจะอยู่ที่บ้านคนเดียวได้แน่นะลูก”“แน่สิคะแม่ บ้านเราอยู่ใกล้กับบ้านคุณป้าถ้ามีอะไรเอวาก็ให้คุณป้ากับพี่กันต์ช่วยได้”“แล้วหนูอยากได้คนมาช่วยดูแลงานบ้านไหม แม่จะได้ให้ป้าช่วยหาคนที่ไว้ใจได้หน่อย”“ไม่จำเป็นหรอกมั้งคะแม่”“ถ้าหนูไปทำงานก็คงไม่มีเวลาดูแลบ้านนะ”“เอวาคิดว
หลังจากเอาของฝากให้บิดามารดาของธีรกานต์เรียบร้อยแล้วเอวาริณก็กลับมานอนพักที่บ้านและตื่นมาอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงเวลาไปหาพี่ชายใจดีอีกคนที่คิดถึงสุดหัวใจหญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งเธอขึ้นไปหาพีรกันต์ที่ห้องทำงานจากนั้นเขาก็พาเธอมายังแผนกอายุรกรรมผู้ป่วยนอกซึ่งเปิดให้บริการถึงสองทุ่ม“เดี๋ยวพยาบาลพาคุณเอวาเข้าห้องตรวจให้เรียบร้อยนะครับจากนั้นก็บอกทุกคนในแผนกกลับได้เลย”“แต่นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะคะ หมอธีรกานต์จะเลิกงานแล้ว ให้เธอไปตรวจที่ห้องฉุกเฉินได้ไหมคะ เดี๋ยวนุ่นพาเธอไปเองก็ได้ค่ะ” พยาบาลสาวกลัวจะถูกคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาลดุจึงรีบบอกกับพีรกันต์เพราะถ้าเลือกระหว่างพี่กับน้องเธอคิดว่าโดนคนน้องดุยังดีกว่าโดนคนพี่ในห้องดุ“เอาตามที่ผมบอกนั่นแหละครับ”“แต่…”“อย่ากลัวไปเลยเรื่องนี้ผมรับผิดชอบเอง คุณก็แค่พาเธอไปส่งแล้วบอกว่าจะออกมาตามเวชระเบียนจากนั้นก็กลับกันได้เลย”“จะดีเหรอคะ การตรวจต้องมีคนอื่นอยู่ด้วยนะคะ”“ไม่จำเป็นหรอกเอวาก็แค่อยากมาเซอร์ไพรส์พี่ชายเท่านั้นเอง"“นี่ต้องสาวคุณกันต์กับหมอธีรกานต์เหรอคะ” เธอมองหน้าเอวาริณสลับกับพีรกันต์ด้วยความสงสัย“ครับ” พีรกันต์รีบบอกเพรา
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องไปแล้วบ่าวสาวก็มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง“เหนื่อยไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“งานวันนี้เป็นพิธีในโบสถ์เราจัดแบบเรียบง่ายแต่ถ้ากลับไปที่เมืองไทยงานจะเป็นอีกแบบ”“ทำไมต้องจัดสองที่ล่ะคะ เอวาว่ามันเปลือง”“พี่ยินดีจ่าย พี่อยากให้ทุกคนรู้ว่าพี่แต่งงานกับเอวา พ่อกับแม่ของพี่ก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าลูกชายคนโตของท่านแต่งงานแล้ว อีกอย่างสาวๆ จะได้เลิกมาสนใจพี่”“เอวาชอบข้อสุดท้ายที่สุดเลยค่ะ”“เอาละวันนี้เราเหนื่อยมามากแล้วพี่ว่ารีบไปอาบน้ำกันดีกว่าพี่ช่วยถอดชุดให้นะ”“เอวาถอดเองก็ได้”“แต่พี่อยากช่วยนี่คะ ให้พี่ช่วยนะคะ”เมื่อเขาพูดเพราะๆ แบบนี้เอวาริณก็ต้องยอมใจอ่อนถึงแม้จะรู้สึกอายมากแค่ไหนก็ตาม“พี่กานต์อย่าจ้องแบบนั้นสิคะเอวาอายนะ”“อายทำไมพี่เคยเห็นมาทั้งตัวแล้วนะ”เขาหัวเราะร่วนก่อนจะรีบถอดชุดของเธอและของตนเองออกจนร่างกายของทั้งสองไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้นเอววาริณตัวสั่นเมื่อเขาพาเธอมายังห้องน้ำแล้วค่อยๆ ชโลมครีมอาบน้ำลงบนผิวเธออย่างช้าๆ“คิดถึงจัง”ธีรกานต์กระซิบข้างหูและขยับเขามากอดเธอจนแน่น“เราเจอกันทุกวันนะคะ”“เอวาก็รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร” เสียงเขาแหบพร่าทำให้คนฟังขนลุ
ธีรกานต์โทรศัพท์ไปบอกกับมารดาว่าตนเองคุยกับมารดาของเอวาริณแล้วและอยากให้ท่านกับบิดามาช่วยพูดกับบิดาของหญิงสาวเพราะอาจอห์นจะค่อนข้างเกรงใจบิดาของตนเองอยู่มาก“แม่ดีใจด้วยนะกานต์ แม่กับพ่อจะรีบไป”“ขอบคุณครับแม่”พอวางสายจากมาดราแล้วธีรกานต์ก็กลับเขามายังห้องรับแขกและนั่งคุยกับมารดาของคนรักอีกพักใหญ่“วันนี้เป็นวันหยุดของร้าน แม่ว่าเอวาออกไปเที่ยวกับพี่เขาก็ได้นะ”“พี่กานต์อยากไปเที่ยวที่ไหนคะ”“มีหลายที่เลยที่อยากไป”“แต่เราต้องกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านนะคะ วันนี้พ่อบอกว่าจะทำสเต็กค่ะ”“กานต์ก็มากินด้วยกันนะ เดี๋ยวอาจะบอกอาจอห์นทำเผื่อ”“ขอบคุณครับ”“เราไปเดินเที่ยวใกล้ก็ได้ค่ะ วันนี้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่”“พี่ว่าเรื่องเที่ยวเอาไว้ก่อนดีไหม พี่อยากให้เอวาพาไปซื้อเสื้อผ้า”“ไม่ได้เอามาจากเมืองไทยเหรอคะ”“พี่รีบก็เลยเอามาแค่นิดหน่อย กะว่าจะมาหาซื้อเอาข้างหน้า”“ได้เลยค่ะ เอวารู้จักร้านเยอะเลย”“รีบไปกับเถอะ เดี๋ยวจะกลับไม่ทันข้าวเย็นนะ”“ค่ะแม่”“ผมไปก่อนนะครับอาแก้ว”เอวาริณพาชายหนุ่มมายังห้างเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของตนเองเพราะที่นี่มีร้านเสื้อผ้าที่ครอบครัวของเธอมักจะมาหาซื้อประจ
เอวาริณพามารดาไปตรวจตามนัดเรียบร้อยจากนั้นก็พากันกลับมาที่บ้าน“แผลแม่แห้งดีแบบนี้อีกไม่กี่วันก็คงกลับไปทำงานได้แล้ว”“เอวาอยากให้พักผ่อนอีกนิดค่ะ ช่วงนี้เอวาดูร้านเองได้”“แล้วงานที่เมืองไทยล่ะ เราบอกพี่กันต์หรือยังว่ากลับมาอังกฤษ”“บอกแล้วค่ะ พี่กันต์ไม่ว่าอะไร เขาบอกว่าพร้อมตอนไหนก็ค่อยกลับไปทำ”“เดี๋ยวแม่ก็หายดีแล้ว หนูก็กลับได้”“ทำไมแม่อยากให้เอวากลับจังคะ มีอะไรหรือเปล่า”“แม่ก็แค่อยากให้หนูไปช่วยงานพี่เขา”“แค่นั้นจริงเหรอคะ” เอวาริณรู้ว่ามารดาของตนอยากให้ตนกับพีรกันต์คบกันซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย“แม่อยากให้หนูสนิทกับพี่กันต์”“ตอนนี้เราก็สนิทกันนะคะ”“แต่อยากให้สนิทมากกว่านี้”“แม่ก็บอกมาเลยสิคะว่าอยากให้เอวากับพี่กันต์คบกัน”“ลูกสาวแม่ฉลาดไม่เบาเลยนะ แล้วตกลงจะลองคบกันดูไหมล่ะ แม่ว่าหนูกับพี่กันต์ก็เหมาะสมกันดีนะ เรื่องนี้ป้านาก็เห็นด้วยกับแม่ ป้าเขาอยากได้หนูไปเป็นลูกสะใภ้”“ถ้าเอวากับพี่กันต์ไม่เป็นแบบที่กับป้านาคุยกันแม่จะเสียใจไหมคะ แล้วแม่กับป้านายังจะคุยกันเหมือนเดิมไหม”“มันคนละเรื่องกันนะ เรื่องของหนูกับพี่กันต์เรื่องหนึ่ง แม่กับป้านาก็เรื่องหนึ่ง ถึงลูกสองคนจะไม
จากนั้นพนักงานล้างจานคนใหม่ก็ยืนประจำตำแหน่งเขาล้างจานใบแล้วใบเล่าจนกระทั่งถึงเวลาสี่ทุ่มซึ่งลูกค้าคนสุดท้ายเพิ่งออกจากร้านไป“เป็นไงคะเหนื่อยไหม”“นิดหน่อยเอวาล่ะ พี่เห็นเราหัวหมุนเลยเก่งเหมือนกันนะ”“เอวายังเก่งไม่เท่าแม่เลยค่ะ แม่ทำได้ดีกว่านี้เอวาแค่พยายามทำให้เต็มที่”“แต่พี่ว่าได้ขนาดนี้ก็เก่งมากแล้ว เอาละเดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเองเอวาไปนั่งพักนะ”“ไม่เป็นไรค่ะอีกนิดเดียวช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ”วันนี้ร้านของหญิงสาวปิดดึกกว่าทุกครั้งเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพนักงานทุกคนจึงช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่“พี่กานต์หิวไหมคะ”“นิดหน่อย เอวาล่ะพี่เห็นตอนเย็นเรากินข้าวไปแค่นิดเดียว”“เอวาไม่ค่อยหิวค่ะ”“เราสั่งพิซซ่ามากินไหม จะได้คุยกันด้วย” เขาเห็นว่าร้านพิซซ่าที่อีกฝั่งของถนนยังเปิดอยู่จึงเสนอขึ้น“ได้ค่ะ”ไม่นานนักพิซซ่าก็มาส่ง ทั้งสองคนนั่งทานอยู่กลางร้านซึ่งตอนนี้พนักงานทุกคนกลับไป“พี่กานต์มาหาเอวาถึงพี่นี่คงไม่ใช่แค่มาเที่ยวใช่ไหมหรือมาตามกลับใช่ไหมคะ”“พี่เป็นห่วงก็เลยมาดูให้แน่ใจว่าเอวาสบายดีไหม”“แล้วรู้ได้ยังไงคะว่าเอวากลับมาที่นี่”“พี่ไปหาเอวาที่บ้านคุณยายท่านก็เลยบอกว่าเอวากลับมา
ธีรกานต์มาถึงอังกฤษแล้วก็รีบตรงไปยังร้านอาหารไทยของอาวาสิการ์ทันที แต่เขาก็เจอแค่พนักงานของร้านที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดเพราะตอนนี้เลยเวลาร้านปิดแล้วชายหนุ่มถามถึงอาการป่วยแต่พนักงานในร้านก็ไม่มีใครยอมบอกเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านายซึ่งธีรกานต์ก็เข้าใจเรื่องนี้ดี“ผมขอที่อยู่ที่บ้านของอาแก้วได้ไหมครับ” เมื่อไม่มีใครบอกเขาเลยไปดูด้วยตาของตัวเอง“ขอโทษด้วยพวกเราคงให้ที่อยู่นั่นกับคุณไม่ได้”“ผมรู้ว่าพวกคุณคงไม่อยากให้ที่อยู่เจ้านายกับผม แต่ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าเอวามาที่นี่หรือเปล่า ผมเป็นคนรักของเธอ”“ฉันว่าคุณหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้ไหม หนูเอวายังไม่มีคนรัก”“ผมรู้ว่ามันเชื่ออยาก แต่ผมยืนยันว่ามันคือเรื่องจริง ขอแค่ผมได้พบกับเธอ”“ถ้าคุณเป็นคนรักของหนูเอวาจริงก็คงไม่มามาตามหาที่ร้านแบบนี้ และก็คงมีเบอร์โทรศัพท์ของหนูเอวา”“เอวาทำโทรศัพท์ตกน้ำผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนมาใช้เบอร์ไหน”“พวกเราต้องขอโทษด้วยที่ให้ที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อของเธอไม่ได้จริงๆ นี่มันก็ดึกแล้วฉันว่าคุณกลับไปพักก่อนดีกว่าถ้าอยากเจอพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ บางทีหนูเอวาอาจจะเข้ามาที่ร้านก็ได้” แม่ครัวคนไทยบอกเขาด้วย
“แม่ครับผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ธีรกานต์มาถึงบ้านก็รีบเข้าไปหามารดาในห้องนั่งเล่นทันที“ดูท่าทางรีบร้อนจัง เรื่องด่วนเหรอลูก”“ครับแม่”“เอาล่ะจะคุยอะไรก็ว่ามาเลยแม่พร้อมจะฟังแล้ว”“เรื่องนายกันต์กับเอวาครับ”“แม่ก็กำลังอยากจะคุยเรื่องนี้อยู่พอดีเลย ช่วงนี้สองคนนั้นเป็นยังไงกันบ้างแม่ไม่เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันเลย แต่เอวากับลูกนี่สิดูสนิทกันขึ้นนะ”“ครับ เราสองคนสนิทกันมากขึ้น”“อีกหน่อยน้องก็มาเป็นคนในครอบครัวสนิทกันไว้ก็ดีแล้วล่ะ แต่ก็อย่าสนิทกันจนเกินงามเพราะเราเป็นผู้ชายน้องเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาจะว่าน้องเอาได้นะ” เธอกังวลนิดหน่อยเพราะลูกชายคนโตก็ยังโสด ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปก็คงไม่ดีแน่ๆ“แม่คิดว่าเอววากับนายกันต์จะเปิดใจคบกันจริงๆ เหรอครับ ผมว่ามันเป็นไปได้ยากนะครับ”“กานต์พูดเหมือนไปรู้อะไรมา หรือนายกันต์ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”“ผมยังไม่ได้ถามนายกันต์”“ยังไม่ถามแล้วรู้ได้ยังไง”“ผมมีเรื่องจะสารภาพกับแม่ ถ้าแม่จะโกรธผมก็ไม่ว่าอะไร ขอแค่แม่อย่าห้ามก็พอ”“กานต์ไปทำอะไรมาถึงคิดว่าแม่จะโกรธ ลองเล่ามาสิ แม่ว่าเรื่องมันคงใหญ่มากใช่ไหมสีหน้าเราถึงได้กังวลแบบนี้”“เรื่องมันใหญ่มากและผมคิดว่า
ท่ามกลางแสงสลัวของผับในคืนวันศุกร์ธีรกานต์กำลังนั่งดื่มกับเพื่อนรักสมัยมัธยมที่มักจะนัดกันออกมาดื่มอยู่บ่อยๆ“ไหนมึงบอกพวกกูว่ามีข่าวดีจะบอกแต่ทำไมมาถึงก็เอาแต่กินเหล้าวะกานต์” ภัทรดนัยถามด้วยความสงสัยเพราะก่อนหน้านี้ธีรกานต์บอกพวกเขาว่ามีข่าวดีจะบอก“นั้นสิ มีข่าวดีมันก็ต้องยิ้มไม่ใช่นั่งทำหน้าเครียดนะ” ชวพลพูดเสริม“กูแค่สับสน”“ถ้าเป็นผู้หญิงกูว่ามึงวัยทองแต่เป็นผู้ชายก็คงไบโพลาร์”“พวกมึงก็ฟังมันก่อนสิอย่าเพิ่งสรุป” โกสินทร์เห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนมีท่าทางแปลกๆ ก็อดห่วงไม่ได้“ก็เรื่องเอวา”“ทะเลาะกันเหรอ”“เปล่าหรอก แต่กูรู้สึกว่าน้องเขาไม่ค่อยอยากเจอหน้า”“มึงไปทำอะไรให้เขาโกรธ”“กูว่าไม่นะ น้องเขาเต็มใจ”“ไวเหมือนกันนะไอ้เสือน้องเพิ่งกลับมาไม่เท่าไหร่มึงลากเขาไปกินแล้ว”“กูจริงจังนะ”“แล้วเขาจริงจังกับมึงไหมล่ะ หรือที่เครียดอยู่เพราะกลัวเขาฟันแล้วทิ้งวะ”“มึงอย่าแซวมันสิกอล์ฟกูว่ามันเครียดจริงๆ”“ไหนลองเล่ามาสิว่าตอนนี้มึงกับน้องเขามันเป็นยังไง”“กูขอเขาแต่งงานแล้ว”“เชี้ย เรื่องอื่นกูเห็นมึงใจเย็นตลอด” ชวพลอุทานลั่น“นั่นสิ หรือเขาท้องวะกานต์” โกสินทร์ถามบ้าง“กูอยากให้เขา
เอวาริณทานยาจนครบตามที่เภสัชกรแนะนำอีกทั้งยังซื้อยาคุมมาติดไว้และจะเริ่มทานในวันที่มีรอบเดือนวันแรก หญิงสาวไม่รู้หรอกกว่าจากนี้ตนเองกับธีรกานต์จะได้ใกล้ชิดกับอีกไหมแต่ก็ไม่อยากประมาทในเมื่อเขาไม่คิดป้องกันเธอก็คงต้องเป็นฝ่ายทำเรื่องนี้เองความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นหญิงสาวยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังแม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างชัญญานุชและกรวีเพื่อนสมัยมัธยมต้นเธออยากหลบหน้าเขาสักพักเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากและตอนนั้นเธอก็ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ แต่พอได้อยู่กับตัวเองตามลำพังก็เริ่มใช้สติมากขึ้นความเป็นไปได้ที่ผู้ใหญ่จะยอมให้คบกับมีมากอยู่แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่แน่ใจก็คือทัศนคติที่เขามีต่อชีวิตคู่ เธออยากทำงานหาประสบการณ์และไม่เคยคิดจะลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ซึ่งมันสวนทางกับความคิดของธีรกานต์มีผู้หญิงอีกมากที่มีครอบครัวแต่ก็ยังออกไปทำงานนอกบ้านและเธอก็อยากจะเป็นแบบนั้น ถ้าธีรกานต์ยอมรับข้อนี้ไม่ได้เอวาริณก็คิดว่าเธอกับเขาคงไม่เหมาะสมกัน เธอยอมตัดใจจากเขาในวันนี้ดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างมันถลำลึกจนยากที่จะแก้ไขบางทีอาจจะต้องใช้เวลาทบทวนอีกสักนิดและถ้าไม่มีเขาอยู่ใกล
ธีรกานต์ยืดตัวขึ้นจนใบหน้าทั้งสองห่างกันเพียงนิดดวงตาสองคู่สบประสานส่งผ่านความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความต้องการ ทั้งเขาและเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์พิศวาสที่ไม่มีทีท่าลดน้อยลงเลยสักนิดริมฝีปากร้อนจุมพิตลงบนเรียวปากเล็กอีกครั้งหญิงสาวใจเต้นแรงสองมือยกขึ้นโอบรอบลำคอก่อนจิกปลายนิ้วลงบนผิวเนื้อเมื่อฝ่ามือร้อนหยอกเย้าอยู่กับทรวงอกอิ่ม ริมฝีปากคลอเคลียไม่ยอมห่างปลายลิ้นหยอกล้ออย่างหวานล้ำเอวาริณรู้สึกถึงความแข็งร้อนที่ดันหน้าท้องยิ่งทำให้รู้สึกเสียวซ่านเมื่อนึกไปถึงคราวที่มันจะเข้าไปอยู่ในกายของตนเอง อารมณ์ของเธอพลุ่งพล่านเมื่อคิดถึงความสุขสมที่จะได้รับจากคนรักชายหนุ่มยังคงจูบไม่ยอมผละออกขณะที่มือก็จับเรียวขาให้แยกออกแล้วใช้ปลายหยักกรีดกลางร่องสวาทขึ้นลงสร้างความเสียวซ่านจนหญิงสาวสั่นสะท้าน“พี่กานต์”ลมหายใจหญิงสาวขาดช่วงเมื่อเขาใช้ปลายหยักกดลงบนเกสรเสียว เธอครางสะท้านแอ่นกายเข้าหาอย่างไม่อาจห้าม ร่างกายเธอกำลังต้องการให้เขาเข้ามาเติมเต็มอย่างที่สุด“เอวาจ๋า อย่าเกร็งนะ”คลื่นความปรารถนากำลังโหมกระหน่ำอย่างหนัก ธีรกานต์กดแก่นกายเข้าหาช่องสวาทอย่างยากลำบาก ช่องทางคับแน่นของคนรักช่างถูก