“หนูจะกลับไปทำงานที่เมืองไทยจริงเหรอเอวา” วาสิการ์ถามลูกสาว
“ค่ะแม่ เอวาคุยกับพี่กันต์แล้ว พี่กันต์บอกว่ามีตำแหน่งที่เหมาะสมกับเอวาอยู่พอดีเอวาก็เลยว่าจะลองไปทำดูค่ะ ได้ไหมคะแม่” แม้จะตัดสินใจไปแล้วแต่อยากฟังความคิดเห็นของมารดา
“แม่แล้วหนูนะลูกแล้วจะะเดินทางเมื่อไหร่”
“ก็คงจะเป็นอาทิตย์หน้าค่ะ แม่จะไปด้วยไหมคะ”
“แม่ยังต้องอยู่ดูร้านอาหารที่นี่แต่เดี๋ยวแม่จะโทรบอกป้านาให้นะเขาจะได้ช่วยหาคนมาทำความสะอาดบ้านให้นะ”
“ขอบคุณนะคะแม่”
“แล้วหนูจะไปเยี่ยมคุณยายไหม”
“ไปสิคะเอวาว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านสักสองสามวันพักให้หายเหนื่อยแล้วว่าจะไปอยู่กับคุณยายสักอาทิตย์หนึ่งค่ะ เพราะว่ากว่าจะเริ่มงานก็อีกตั้งสองอาทิตย์”
“ดีเลยเดี๋ยวไม่มีของฝากจะเอาไปให้ยายกับญาติคนอื่นด้วย”
“ได้ค่ะ เอวาเอาของไปไม่เยอะเท่าไหร่แม่ฝากได้เต็มที่เลยค่ะ”
“ว่าแต่หนูจะอยู่ที่บ้านคนเดียวได้แน่นะลูก”
“แน่สิคะแม่ บ้านเราอยู่ใกล้กับบ้านคุณป้าถ้ามีอะไรเอวาก็ให้คุณป้ากับพี่กันต์ช่วยได้”
“แล้วหนูอยากได้คนมาช่วยดูแลงานบ้านไหม แม่จะได้ให้ป้าช่วยหาคนที่ไว้ใจได้หน่อย”
“ไม่จำเป็นหรอกมั้งคะแม่”
“ถ้าหนูไปทำงานก็คงไม่มีเวลาดูแลบ้านนะ”
“เอวาคิดว่าไหวนะคะแม่”
“บ้านเราหลังใหญ่ขนาดนั้นจะดูแลคนเดียวไม่ไหวหรอกเดี๋ยวลองถามป้านาดูนะเผื่อจะมีแม่บ้านมาช่วยทำความสะอาดมาช่วยซักรีดให้หนูก็ยังดี” มารดาของเอวาริณพูดกับลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
“แต่หนูอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวนะคะแม่”
“เราก็จ้างแม่บ้านแบบไปเช้าเย็นกลับก็ได้นะหรืออาจจะมาแค่วันเว้นวัน แม่ไม่อยากให้หนูลำบากเพราะหนูไปครั้งนี้หนูยังจะต้องไปทำงานด้วยนะ”
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวรับปากเพราะไม่อยากให้มารดาเป็นห่วงจนเกินไป
การกลับมาเมืองไทยครั้งนี้เอวาริณไม่ได้บอกธีรกานต์เพราะอยากกลับมาเซอร์ไพรส์เขา คนที่รู้เรื่องจึงมีแค่บิดามารดาและน้องชายของเขาเท่านั้น
เอวาริณมาถึงสนามบินในเวลา 6 โมงเช้าโดยมีพีรกันต์มารับและพาเธอไปทานอาหารเช้าก่อนจะพามาส่งที่บ้าน
“ขอบคุณมากนะคะพี่กันต์ ไม่เจอตั้งนานพี่กันยังใจดีเหมือนเดิมเลยค่ะ”
“พี่ใจดีแต่ก็คงยังไม่พี่กานต์ใช่ไหมล่ะ”
“แต่ก่อนพี่กานต์อาจจะใจดีที่สุดแต่ตอนนี้เอวาว่าพี่กันต์ใจดีกว่าพี่กานต์เยอะเลยค่ะ”
“นี่ยังน้อยใจพี่เขาที่ไม่ยอมตอบเมลและส่งของขวัญให้ใช่ไหม”
“ก็มีบ้างค่ะคนเราเกิดวันเดียวกันแท้ๆ เอวาก็ส่งคำอวยพรมาทุกปีแต่พี่กานต์ไม่เคยตอบเอวาเลยมันน่าน้อยใจไหมล่ะคะ”
“พี่ก็เห็นใจเอวานะ พี่กานต์ทำไม่ถูกจริงๆ เขาน่าจะติดต่อเอวาไปบ้าง”
“ใช่ค่ะ เอวากับพี่กานต์ฉลองวันเกิดด้วยกันตั้งหลายปีพอไม่อยู่พี่เขาก็ลืมไปแบบง่ายๆ”
“นั่นสิเป็นใครก็ต้องน้อยใจกันทั้งนั้น”
“พี่กันต์คะ เอวาอยากไปหาพี่กานต์ที่โรงพยาบาลเพราะว่าอยากรู้ว่าเขาจะจำเอวาได้ไหม”
“พี่ว่าไม่น่าจะได้นะเพราะครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันมันก็นานแล้วเวลาเอวาส่งรูปมาพี่ก็ไม่เคยเอาให้พี่กานต์ดูและตอนนี้เอวาก็สวยขึ้นมาก”
“พี่ช่วยให้เอวาไปตรวจกับพี่กานต์ได้ไหมคะแต่ไม่ต้องบอกว่าคือเอวา”
“ได้สิเดี๋ยวตอนเย็นพี่ให้คนขับรถมารับดีไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวเรียกรถไปก็ได้”
“เราเพิ่งกลับมาพี่ว่าให้คนขับรถคอยรับส่งก่อนดีกว่าเอาไว้อยู่ไปสักพักค่อยหาซื้อรถสักคัน”
“ขอบคุณค่ะพี่กันต์”
“ว่าแต่จะไม่บอกเขาใช่ไหมว่าตัวเองกลับมาแล้ว”
“ไม่ค่ะ เอวาอยากลองไปหาอยากจะรู้ว่าพี่กานต์จะมีจำได้ไหม”
“นี่เราคิดจะทำอะไรอยู่”
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยก็แค่อยากจะปลอมตัวไปเป็นคนไข้พี่กันต์ช่วยได้ไหมล่ะคะ”
“น่าสนุกดีเหมือนกันนะ เดี๋ยวพี่ดูเวลาพี่กานต์ก่อน” เขาพูดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตารางตรวจของพี่ชายจากนั้นก็ยิ้มกว้างแล้วทั้งสองคนเริ่มวางแผนให้เอวาริณเข้าไปตรวจกับชายหนุ่มในห้านาทีสุดท้ายก่อนที่แผนกจะปิด
“ขอบคุณนะคะพี่กันต์”
“ไม่เป็นไรพี่ชายก็ต้องช่วยเหลือน้องสาวอยู่แล้ว เอาละเดี๋ยวก็ถึงบ้านเราแล้วพักผ่อนให้เต็มที่แล้วสักหนึ่งทุ่มพี่จะให้คนมารับเพราะพี่กานต์ตรวจถึงสองทุ่มแต่ขากลับจะให้รถรอรับหรือจะกลับพร้อมพี่กานต์ล่ะ”
“ยังไม่แน่เลยค่ะเอาไว้เอวาจะโทรหาพี่กันต์ได้ไหม”
“ได้สิ”
“ถ้าพี่กานต์เขาจำไม่ได้เอวาจะเสียใจไหม”
“ไม่หรอกค่ะแต่อาจจะมีน้อยใจนิดหน่อย”
“ถึงเขาจะจำไม่ได้ว่าเราคือใครแต่ถ้าเขาได้เห็นเราตอนนี้รับรองว่าเขาจะต้องสนใจเอวาแน่ๆ คนอะไรจากกันไปไม่กี่ปีกลับมาอีกทีสวยราวกับนางแบบเชียว” พีรกันต์ชมเด็กสาวข้างบ้านเป็นครั้งที่สองแต่เขาไม่ได้คิดอะไรกับเอวาริณในเชิงชู้สาวเพราะโดยส่วนตัวแล้วพีรกันต์ชอบผู้หญิงอ่อนหวานเรียบร้อยไม่ใช่สาวเปรี้ยวเหมือนกับเอวาริณ
หญิงสาวเอากระเป๋าเดินทางขึ้นไปเก็บบนห้องนอนที่ทำความสะอาดไว้อย่างเรียบร้อยก่อนจะล้างหน้าแล้วเอาของฝากออกจากกะเป๋าจากนั้นก็เดินไปกดออดที่หน้าบ้านหลังติดๆ กัน
“มาหาใครครับ” ชายสูงวัยที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ถามขึ้น
“สวัสดีค่ะลุงวุฒิ” เอวาริณยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มกว้าง
“สวัสดีครับ คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ” เขาแปลกใจที่หญิงสาวทักทายเขาราวกับเคยเจอกันมาก่อนทั้งที่จริงแล้วเขาไม่เคยเจอใครสวยๆ แบบนี้มาก่อน
“รู้สิคะ ลุงจำเอวาไม่ได้เหรอคะ”
“หนูเอวาจริงๆ เหรอครับ โตขึ้นมากเลยแล้วยังสวยมากๆ ด้วย ลุงจำไม่ได้เลย แล้วมาคนเดียวเหรอครับคุณพ่อคุณแม่มาด้วยไหมครับ”
“เอวามาคนเดียวค่ะ นี่ของฝากคุณลุงนะคะ เอวาขอบคุณมากที่ช่วยดูแลต้นไม้บ้านเอวาอย่างดี”
“ขอบคุณอะไรกันล่ะครับ ลุงต้องขอบคุณแม่ของหนูมากกว่าที่ทำให้ลุงมีรายได้เพิ่ม แล้วหนูจะมาอยู่นานไหมครับ”
“ค่ะ หนูจะกลับมาทำงานที่เมืองไทยค่ะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะคะเอวาขอเข้าไปหาคุณลุงคุณป้าก่อน”
“ได้ครับเชิญครับ”
หลังจากเอาของฝากให้บิดามารดาของธีรกานต์เรียบร้อยแล้วเอวาริณก็กลับมานอนพักที่บ้านและตื่นมาอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงเวลาไปหาพี่ชายใจดีอีกคนที่คิดถึงสุดหัวใจหญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งเธอขึ้นไปหาพีรกันต์ที่ห้องทำงานจากนั้นเขาก็พาเธอมายังแผนกอายุรกรรมผู้ป่วยนอกซึ่งเปิดให้บริการถึงสองทุ่ม“เดี๋ยวพยาบาลพาคุณเอวาเข้าห้องตรวจให้เรียบร้อยนะครับจากนั้นก็บอกทุกคนในแผนกกลับได้เลย”“แต่นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะคะ หมอธีรกานต์จะเลิกงานแล้ว ให้เธอไปตรวจที่ห้องฉุกเฉินได้ไหมคะ เดี๋ยวนุ่นพาเธอไปเองก็ได้ค่ะ” พยาบาลสาวกลัวจะถูกคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาลดุจึงรีบบอกกับพีรกันต์เพราะถ้าเลือกระหว่างพี่กับน้องเธอคิดว่าโดนคนน้องดุยังดีกว่าโดนคนพี่ในห้องดุ“เอาตามที่ผมบอกนั่นแหละครับ”“แต่…”“อย่ากลัวไปเลยเรื่องนี้ผมรับผิดชอบเอง คุณก็แค่พาเธอไปส่งแล้วบอกว่าจะออกมาตามเวชระเบียนจากนั้นก็กลับกันได้เลย”“จะดีเหรอคะ การตรวจต้องมีคนอื่นอยู่ด้วยนะคะ”“ไม่จำเป็นหรอกเอวาก็แค่อยากมาเซอร์ไพรส์พี่ชายเท่านั้นเอง"“นี่ต้องสาวคุณกันต์กับหมอธีรกานต์เหรอคะ” เธอมองหน้าเอวาริณสลับกับพีรกันต์ด้วยความสงสัย“ครับ” พีรกันต์รีบบอกเพรา
“คุณ ปล่อยผมก่อน คุณเป็นอะไรทำไมต้องร้องไห้แบบนี้" ธีรกานต์ทำตัวไม่ถูกที่จู่ๆ หญิงสาวก็กอดเขาไว้แน่น“พี่กานต์เอวาคิดถึงพี่กานต์มากที่สุด ขอกอดแบบนี้นานๆ ได้ไหม”“เอวาเหรอ” เขาคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่สวยบาดตาบาดใจคนนี้จะเป็นเอวาริณน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันมานานถึงเจ็ดปีความทรงจำในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง เขายังจำได้ดีว่างานวันเกิดปีสุดท้ายที่ได้ฉลองด้วยกันนั้นเขาและเธอพูดอะไรกันบ้าง และเธอก็ย้ำกับเขาอีกครั้งในคืนเลี้ยงส่งว่าเธอจะตั้งใจเรียนและจะกลับมาหาเขาหลังเรียนจบเพื่อทวงตำตอบแต่ใครจะคิดว่าเด็กสาวในวันนั้นจะโตขึ้นและกลายเป็นสาวสวยถึงเพียงนี้ ถ้าย้อนเวลาได้เขาจะตอบตกลงเป็นแฟนกับเธอตั้งแต่เมื่อปีก่อนอย่างแน่นอนพอเห็นว่าเขาจำไม่ได้เอวาริณก็ร้องไห้หนักขึ้นไปอีกทำเขาไปไม่เป็นเพราะไม่เคยเห็นเธอร้องไห้แบบนี้มาก่อน“พี่กานต์ใจร้ายมากรู้ไหม ไหนว่าจะไม่ลืมกัน แต่พอเอวาไปอยู่อังกฤษพี่กานต์ก็ลืมทุกอย่าง ไม่เคยโทรหา ไม่เคยตอบเมล ไม่เคยอวยพรวันเกิด”“พี่ขอโทษ” เขาไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นจะมีก็แต่คำขอโทษเท่านั้น เขายอมรับว่าตนเองละเลยน้องสาวคนนี้ไปมาก“แล้วพอเอวามาพี่กานต์ก็ยังจำเอวาไม่ได้” อารมณ์น้
“อยู่คนเดียวได้แน่นะ" ธีรกานต์ถามเมื่อจอดรถที่หน้าบ้านของเอวาริณซึ่งด้านในเปิดไฟไว้จนสว่างไปทั่ว“ได้ค่ะ บ้านหลังนี้เอวาอยู่มาเป็นสิบปีแล้วไม่มีอะไรต้องกลัว”“นั่นสินะ รีบเข้าบ้านเถอะจะได้รีบนอน”“ขอบคุณนะคะพี่กานต์ที่มาส่ง ฝันดีนะคะ” หญิงสาวชะโงกหน้ามาหอมแก้มเขาแล้วรีบลงจากรถไปอย่างรวดเร็วธีรกานต์มองตามหลังจนกระทั่งหญิงสาวเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้วจึงขับรถกลับมาที่บ้านของตนเอง“ไปส่งหนูเอวามาแล้วใช่ไหม”“ครับแม่”“เจอครั้งแรกกานต์จำน้องได้ไหม”“ไม่ครับน้องเปลี่ยนไปมาก” เขาใช่คำว่าเปลี่ยนไปแทนที่จะใช้คำว่าสวยขึ้นมากเพราะกลัวจะแสดงออกให้ครอบครัวรู้ว่าตนเองเริ่มจะคิดกับเธอมากกว่าน้องสาวข้างบ้านอย่างแต่ก่อน“ผมว่าเอวาสวยขึ้นมากเลยครับ แม่กับพี่กานต์คิดเหมือนผมไหม” พีรกันต์ขอความเห็น“แม่ก็คิดเหมือนกันต์นะ น้องสวยขึ้นมากไม่รู้ว่ามีแฟนหรือยัง”“สวยแบบนั้นก็คงมีแฟนแล้ว” ธีรกานต์พูดออกมาแล้วรู้สึกใจหายถ้าหากเธอมีแฟนอย่างที่ตนเองพูดจริงๆ นึกถึงตรงนี้ก็อยากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อน“กันต์คุยกับน้องบ่อยๆ รู้ไหมว่ามีแฟนหรือยัง” คุณรัตนาหันมาถามลูกชายคนที่ติดต่อกับเธออยู่ตลอด“เท่าที่ได้คุยกั
ธีรกานต์เก็บเอาเรื่องที่คุยกับน้องชายมาคิดแล้วก็ทำให้ตนเองนั้นเครียดมากกว่าเดิมไปอีกเพราะดูเหมือนว่าพีรกันต์กำลังสนใจเอวาริณอยู่ไม่น้อยทั้งที่เพิ่งจะบอกกับเขาไปว่ากำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่เขารู้สึกเป็นห่วงเอวาริณเพราะกลัวจะตามความเจ้าชู้ของน้องชายไม่ทันและในฐานะพี่ชายที่แสนดีธีรกานต์จึงคิดจะปกป้องเอวาริณจากพีรกันต์เช้าวันใหม่ในห้องอาหารของบ้านหลังใหญ่มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคนหนึ่งซึ่งตอนนี้กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ธีรกานต์ได้ยินเสียงหัวเราะที่สดใสตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง“มอร์นิ่งค่ะพี่กานต์” เอวาริณกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใสทำให้คนมองยืมตามโดยไม่รู้ตัว“วันนี้นายกันต์ตื่นมากินข้าวกับเขาด้วยเหรอเนี่ย” เขาแก้เขินด้วยการหันไปคุยกับน้องชาย“ก็ผมนัดเอวาไว้”“วันนี้จะพาน้องไปเที่ยวไหนล่ะกันต์” เอกวิทย์ผู้เป็นบิดาถามลูกชาย“ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกครับพ่อแค่จะพาเอวาไปเดินซื้อของใช้แล้วก็พวกเสื้อผ้า”“ถ้าพี่กันต์งานยุ่งเอวาไปคนเดียวก็ได้นะคะ” เอวาริณบอกด้วยความเกรงใจ ถึงจะไม่ได้กลับมาเมืองไทยหลายปีแต่ก็พอรู้ว่าร้านอะไรอยู่ตรงไหน“งานยุ่งยังไงพี่ก็แบ่งเวลาได้ เอวาเพิ่งกลับมาอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับ
หลังจากไปซื้อของกับพีรกันต์มาเมื่อวานแล้ววันนี้เอวาริณก็มีนัดออกไปดูรถกับเขาอีกครั้ง แต่พอถึงเวลานัดคนที่มารับกลับเป็นพี่ชายของเขา“ถ้าพี่กันต์ไม่ว่างเอวารอไปวันหลังก็ได้ค่ะ”“นายกันต์ไม่ว่างแต่พี่ว่างไปกับใครก็เหมือนกันนั่นแหละ”“แต่เอวาไม่อยากกวนพี่หรอกนะคะ”“แค่ไปดูรถไม่ได้รบกวนอะไรเลยพี่ก็อยากเปลี่ยนรถอยู่เหมือนกัน”“ก็ได้ค่ะ พี่รอห้านาทีนะคะขอไปเอากระเป๋าก่อน”ธีรกานต์มองตามร่างระหงที่สวมชุดกางเกงผ้าขายาวกับเสื้อแขนกุดแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก ไม่ว่าเอวาริณจะสวมเสื้อผ้าแบบไหนเธอก็ดูดีมากจนเขาไม่อยากจะให้หญิงสาวออกไปเจอคนอื่นเลย“คิดไว้หรือยังว่าจะซื้อรถแบบไหน” เขาถามขณะที่ขับรถออกมาถึงถนนเส้นหลัก“ยังเลยค่ะ แม่บอกว่าอยากได้รถยุโรปแต่เอวาอยากได้แค่รถญี่ปุ่น”“ทำไมล่ะ” ธีรกานต์รู้ว่าทางบ้านของเธอมีฐานะมาแค่จะซื้อรถให้ลูกสาวสักคันก็คงไม่เดือดร้อนอะไร“มันแพงไปค่ะ เอวาอยากได้รถที่ราคาไม่แพงมาก ถ้าทำงานเก็เงินเองได้ค่อยเปลี่ยนค่ะ พี่กานต์ว่าดีไหม”“ก็ลองไปดูก่อนว่าถูกใจไหม แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”ชายหนุ่มพาเธอเข้าออกโชว์รูมรถจนบ่ายแต่เอวาริณยังตัดสินใจไม่ได้“หาอะไรกินก่อนดีไหมแล้วค่อยไปดูที
เอวาริณใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกเมื่อวิ่งขึ้นมาถึงห้องนอน เธอไม่คิดมาก่อนว่าธีรกานต์จะขอเป็นแฟนเพราะเขากับเธอไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว อันที่จริงแล้วหญิงสาวก็อยากจะรีบตอบตกลง เธอเองก็ต้องการแบบนั้นแต่ที่บอกให้เขารอเจ็ดปีก็เพราะอยากให้มั่นใจกว่านี้อีกนิดว่าเขาไม่ได้พูดออกมาเพราะรู้สึกผิดเธอรีบอาบน้ำแต่งตัวและคิดว่าจะโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องนี้ให้ชัญญานุชฟังแต่ยังไม่ทันได้ทำก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาเสียก่อนเธอจึงรีบปิดไฟนอนพักและหวังว่าอาการของตนเองจะดีขึ้นเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงอาการปวดก็ไม่ทุเลาลงเลยแต่กลับปวดหนักขึ้นไปอีก เธออยากจะโทรไปธีรกานต์เพื่อขอยาแก้ปวดแต่ในโทรศัพท์ก็ไม่มีเบอร์ของเขา หญิงสาวจึงโทรศัพท์ไปหาพีรกันต์เพราะอย่างน้อยเขาก็น่าจะไปตามธีรกานต์ได้“พี่กันต์นอนหรือยังคะ”“ยังเลยโทรมาดึกเชียวนอนไม่หลับเหรอเอวา”“พี่กันต์ เอวาปวดท้องพี่ช่วยถามพี่กานต์ให้หน่อยได้ไหมว่ามียาแก้ปวดท้องหรือเปล่า”“เดี๋ยวพี่ไปถามให้นะ”เอวาริณได้ยินเสียงเคาะประตูจากนั้นพีรกันต์ก็ส่งโทรศัพท์ให้กับพี่ชาย“ปวดท้องเหรอ”“ค่ะ”“ปวดแบบไหนแล้วท้องเสียหรือเปล่าอาเจียนไหม”“ปวดบิดค่ะ ปวดทั่วท้องเลยแล้วก็อา
ธีรกานต์นั่งมองหน้าคนที่หลับสนิทแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว เขาไม่คิดเลยว่าเอวาริณจะกลับมาทวงคำตอบ ซึ่งเขาเองก็รอที่จะตอบคำถามของเธออยู่เหมือนกันตลอดเวลาที่ผ่านธีรกานต์ไม่เคยลืมเอวาริณเลยยิ่งพอเธอกลับมาแบบนี้เขาก็ดีใจมากกว่าใครทั้งหมด ชายหนุ่มมั่นใจว่าหญิงสาวคือคนที่เขารอและคนที่ใช่สำหรับตนเองมากที่สุด แต่ที่ยังเป็นกังวลอยู่ก็เพราะคนที่บิดามารดาอยากให้ลงเอยกับเอวาริณนั้นคือพีรกันต์น้องชายของตนเองธีรกานต์คิดว่าเรื่องน้องชายนั้นคงพูดไม่ยากเท่าไหร่เพราะตอนนี้พีรกันต์ก็กำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่“พี่กานต์คิดอะไรอยู่คะ”“ตื่นนานแล้วเหรอ”“ค่ะ เห็นพี่กานต์นั่งเหม่ออยู่นานคิดอะไรอยู่เหรอคะ”“พี่กำลังคิดถึงเรื่องของเราอยู่เจ็ดปีพี่ว่ามันนานไปนะ”“นานที่ไหนกันเอวายังรอได้เลย”“ที่รอได้เพราะตอนนั้นเอวายังเด็กและไม่ถึงเวลามีครอบครัว แต่ตอนนี้เอวาโตแล้วนะ”“พี่พูดเรื่องอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย”“แม่พี่บอกว่าเขาอยากได้เอวาเป็นลูกสะใภ้”“ถ้าพี่กานต์ไม่เห็นด้วยก็บอกคุณป้าไปสิคะ” เอวาริณพูดแล้วก็สะบัดหน้าหนีเพราะคิดว่าธีรกานต์รังเกียจตัวเอง“หันหน้ามาคุยกับพี่ดีๆ ก่อนนะเอวา”“ไม่อยากคุยค่ะเอวาง่วงนอน”“เพ
เอวาริณออกจากโรงพยาบาลมาได้หลายวันแล้วตอนนี้หญิงสาวหายเป็นปกติและกำลังเตรียมจัดกระเป๋าเพื่อไปเที่ยวทะเลกับธีรกานต์ซึ่งเรื่องนี้เธอบอกกับบิดามารดาว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน“ไม่ดีใจเหรอที่ได้มาเที่ยว” ธีรกานต์ถามเมื่อเห็นว่าตอนนี้เอวาริณทำหน้าเครียด“เมื่อวานแม่โทรมาค่ะ”“แล้วท่านว่ายังไงบ้างล่ะ เอวาถึงได้หน้าเครียดแบบนี้”“แม่พูดถึงเรื่องเอวากับพี่กันต์แต่เอวาปฏิเสธไปแล้วนะคะ แต่แม่ก็ยังอยากให้เอวากับพี่กันต์ลองเปิดใจคบกันดูก่อน”“อย่าเครียดไปเลยนะ กลับจากเที่ยวครั้งนี้พี่จะพูดกับพ่อแม่เอง เพราะถ้าเราไม่พูดท่านก็คงคิดจะจับคู่แบบนี้”“พี่ไม่คิดว่ามันเร็วไปเหรอคะ”“เรารู้จักกันมานานมากแล้วนะ”“แต่เราเพิ่งจะเริ่มคุยกับเรื่องนี้”“แล้วเราคุยกันรู้เรื่องไหมล่ะ”“ก็รู้เรื่อง”“ไม่มั่นใจในตัวพี่เหรอ” เขาถามเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของเอวาริณที่กำลังมองเหม่อไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า“ค่ะ พี่กานต์ทั้งหล่อทั้งรวย เอวารู้ว่าที่ผ่านมามีสาวๆ เข้าหาอยู่ตลอด”“แต่พี่ก็ไม่เคยจริงจังกับใครเลยนะ เชื่อใจพี่เถอะว่าพี่จะไม่ทำให้เอวาผิดหวังแน่นอนพี่สัญญาเลยว่าจากนี้จะมีแค่เอวาคนเดียว พี่รักเอวานะ”คำสารภาพที่หลุดออกม
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องไปแล้วบ่าวสาวก็มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง“เหนื่อยไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“งานวันนี้เป็นพิธีในโบสถ์เราจัดแบบเรียบง่ายแต่ถ้ากลับไปที่เมืองไทยงานจะเป็นอีกแบบ”“ทำไมต้องจัดสองที่ล่ะคะ เอวาว่ามันเปลือง”“พี่ยินดีจ่าย พี่อยากให้ทุกคนรู้ว่าพี่แต่งงานกับเอวา พ่อกับแม่ของพี่ก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าลูกชายคนโตของท่านแต่งงานแล้ว อีกอย่างสาวๆ จะได้เลิกมาสนใจพี่”“เอวาชอบข้อสุดท้ายที่สุดเลยค่ะ”“เอาละวันนี้เราเหนื่อยมามากแล้วพี่ว่ารีบไปอาบน้ำกันดีกว่าพี่ช่วยถอดชุดให้นะ”“เอวาถอดเองก็ได้”“แต่พี่อยากช่วยนี่คะ ให้พี่ช่วยนะคะ”เมื่อเขาพูดเพราะๆ แบบนี้เอวาริณก็ต้องยอมใจอ่อนถึงแม้จะรู้สึกอายมากแค่ไหนก็ตาม“พี่กานต์อย่าจ้องแบบนั้นสิคะเอวาอายนะ”“อายทำไมพี่เคยเห็นมาทั้งตัวแล้วนะ”เขาหัวเราะร่วนก่อนจะรีบถอดชุดของเธอและของตนเองออกจนร่างกายของทั้งสองไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้นเอววาริณตัวสั่นเมื่อเขาพาเธอมายังห้องน้ำแล้วค่อยๆ ชโลมครีมอาบน้ำลงบนผิวเธออย่างช้าๆ“คิดถึงจัง”ธีรกานต์กระซิบข้างหูและขยับเขามากอดเธอจนแน่น“เราเจอกันทุกวันนะคะ”“เอวาก็รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร” เสียงเขาแหบพร่าทำให้คนฟังขนลุ
ธีรกานต์โทรศัพท์ไปบอกกับมารดาว่าตนเองคุยกับมารดาของเอวาริณแล้วและอยากให้ท่านกับบิดามาช่วยพูดกับบิดาของหญิงสาวเพราะอาจอห์นจะค่อนข้างเกรงใจบิดาของตนเองอยู่มาก“แม่ดีใจด้วยนะกานต์ แม่กับพ่อจะรีบไป”“ขอบคุณครับแม่”พอวางสายจากมาดราแล้วธีรกานต์ก็กลับเขามายังห้องรับแขกและนั่งคุยกับมารดาของคนรักอีกพักใหญ่“วันนี้เป็นวันหยุดของร้าน แม่ว่าเอวาออกไปเที่ยวกับพี่เขาก็ได้นะ”“พี่กานต์อยากไปเที่ยวที่ไหนคะ”“มีหลายที่เลยที่อยากไป”“แต่เราต้องกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านนะคะ วันนี้พ่อบอกว่าจะทำสเต็กค่ะ”“กานต์ก็มากินด้วยกันนะ เดี๋ยวอาจะบอกอาจอห์นทำเผื่อ”“ขอบคุณครับ”“เราไปเดินเที่ยวใกล้ก็ได้ค่ะ วันนี้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่”“พี่ว่าเรื่องเที่ยวเอาไว้ก่อนดีไหม พี่อยากให้เอวาพาไปซื้อเสื้อผ้า”“ไม่ได้เอามาจากเมืองไทยเหรอคะ”“พี่รีบก็เลยเอามาแค่นิดหน่อย กะว่าจะมาหาซื้อเอาข้างหน้า”“ได้เลยค่ะ เอวารู้จักร้านเยอะเลย”“รีบไปกับเถอะ เดี๋ยวจะกลับไม่ทันข้าวเย็นนะ”“ค่ะแม่”“ผมไปก่อนนะครับอาแก้ว”เอวาริณพาชายหนุ่มมายังห้างเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของตนเองเพราะที่นี่มีร้านเสื้อผ้าที่ครอบครัวของเธอมักจะมาหาซื้อประจ
เอวาริณพามารดาไปตรวจตามนัดเรียบร้อยจากนั้นก็พากันกลับมาที่บ้าน“แผลแม่แห้งดีแบบนี้อีกไม่กี่วันก็คงกลับไปทำงานได้แล้ว”“เอวาอยากให้พักผ่อนอีกนิดค่ะ ช่วงนี้เอวาดูร้านเองได้”“แล้วงานที่เมืองไทยล่ะ เราบอกพี่กันต์หรือยังว่ากลับมาอังกฤษ”“บอกแล้วค่ะ พี่กันต์ไม่ว่าอะไร เขาบอกว่าพร้อมตอนไหนก็ค่อยกลับไปทำ”“เดี๋ยวแม่ก็หายดีแล้ว หนูก็กลับได้”“ทำไมแม่อยากให้เอวากลับจังคะ มีอะไรหรือเปล่า”“แม่ก็แค่อยากให้หนูไปช่วยงานพี่เขา”“แค่นั้นจริงเหรอคะ” เอวาริณรู้ว่ามารดาของตนอยากให้ตนกับพีรกันต์คบกันซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย“แม่อยากให้หนูสนิทกับพี่กันต์”“ตอนนี้เราก็สนิทกันนะคะ”“แต่อยากให้สนิทมากกว่านี้”“แม่ก็บอกมาเลยสิคะว่าอยากให้เอวากับพี่กันต์คบกัน”“ลูกสาวแม่ฉลาดไม่เบาเลยนะ แล้วตกลงจะลองคบกันดูไหมล่ะ แม่ว่าหนูกับพี่กันต์ก็เหมาะสมกันดีนะ เรื่องนี้ป้านาก็เห็นด้วยกับแม่ ป้าเขาอยากได้หนูไปเป็นลูกสะใภ้”“ถ้าเอวากับพี่กันต์ไม่เป็นแบบที่กับป้านาคุยกันแม่จะเสียใจไหมคะ แล้วแม่กับป้านายังจะคุยกันเหมือนเดิมไหม”“มันคนละเรื่องกันนะ เรื่องของหนูกับพี่กันต์เรื่องหนึ่ง แม่กับป้านาก็เรื่องหนึ่ง ถึงลูกสองคนจะไม
จากนั้นพนักงานล้างจานคนใหม่ก็ยืนประจำตำแหน่งเขาล้างจานใบแล้วใบเล่าจนกระทั่งถึงเวลาสี่ทุ่มซึ่งลูกค้าคนสุดท้ายเพิ่งออกจากร้านไป“เป็นไงคะเหนื่อยไหม”“นิดหน่อยเอวาล่ะ พี่เห็นเราหัวหมุนเลยเก่งเหมือนกันนะ”“เอวายังเก่งไม่เท่าแม่เลยค่ะ แม่ทำได้ดีกว่านี้เอวาแค่พยายามทำให้เต็มที่”“แต่พี่ว่าได้ขนาดนี้ก็เก่งมากแล้ว เอาละเดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเองเอวาไปนั่งพักนะ”“ไม่เป็นไรค่ะอีกนิดเดียวช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ”วันนี้ร้านของหญิงสาวปิดดึกกว่าทุกครั้งเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพนักงานทุกคนจึงช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่“พี่กานต์หิวไหมคะ”“นิดหน่อย เอวาล่ะพี่เห็นตอนเย็นเรากินข้าวไปแค่นิดเดียว”“เอวาไม่ค่อยหิวค่ะ”“เราสั่งพิซซ่ามากินไหม จะได้คุยกันด้วย” เขาเห็นว่าร้านพิซซ่าที่อีกฝั่งของถนนยังเปิดอยู่จึงเสนอขึ้น“ได้ค่ะ”ไม่นานนักพิซซ่าก็มาส่ง ทั้งสองคนนั่งทานอยู่กลางร้านซึ่งตอนนี้พนักงานทุกคนกลับไป“พี่กานต์มาหาเอวาถึงพี่นี่คงไม่ใช่แค่มาเที่ยวใช่ไหมหรือมาตามกลับใช่ไหมคะ”“พี่เป็นห่วงก็เลยมาดูให้แน่ใจว่าเอวาสบายดีไหม”“แล้วรู้ได้ยังไงคะว่าเอวากลับมาที่นี่”“พี่ไปหาเอวาที่บ้านคุณยายท่านก็เลยบอกว่าเอวากลับมา
ธีรกานต์มาถึงอังกฤษแล้วก็รีบตรงไปยังร้านอาหารไทยของอาวาสิการ์ทันที แต่เขาก็เจอแค่พนักงานของร้านที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดเพราะตอนนี้เลยเวลาร้านปิดแล้วชายหนุ่มถามถึงอาการป่วยแต่พนักงานในร้านก็ไม่มีใครยอมบอกเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านายซึ่งธีรกานต์ก็เข้าใจเรื่องนี้ดี“ผมขอที่อยู่ที่บ้านของอาแก้วได้ไหมครับ” เมื่อไม่มีใครบอกเขาเลยไปดูด้วยตาของตัวเอง“ขอโทษด้วยพวกเราคงให้ที่อยู่นั่นกับคุณไม่ได้”“ผมรู้ว่าพวกคุณคงไม่อยากให้ที่อยู่เจ้านายกับผม แต่ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าเอวามาที่นี่หรือเปล่า ผมเป็นคนรักของเธอ”“ฉันว่าคุณหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้ไหม หนูเอวายังไม่มีคนรัก”“ผมรู้ว่ามันเชื่ออยาก แต่ผมยืนยันว่ามันคือเรื่องจริง ขอแค่ผมได้พบกับเธอ”“ถ้าคุณเป็นคนรักของหนูเอวาจริงก็คงไม่มามาตามหาที่ร้านแบบนี้ และก็คงมีเบอร์โทรศัพท์ของหนูเอวา”“เอวาทำโทรศัพท์ตกน้ำผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนมาใช้เบอร์ไหน”“พวกเราต้องขอโทษด้วยที่ให้ที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อของเธอไม่ได้จริงๆ นี่มันก็ดึกแล้วฉันว่าคุณกลับไปพักก่อนดีกว่าถ้าอยากเจอพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ บางทีหนูเอวาอาจจะเข้ามาที่ร้านก็ได้” แม่ครัวคนไทยบอกเขาด้วย
“แม่ครับผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ธีรกานต์มาถึงบ้านก็รีบเข้าไปหามารดาในห้องนั่งเล่นทันที“ดูท่าทางรีบร้อนจัง เรื่องด่วนเหรอลูก”“ครับแม่”“เอาล่ะจะคุยอะไรก็ว่ามาเลยแม่พร้อมจะฟังแล้ว”“เรื่องนายกันต์กับเอวาครับ”“แม่ก็กำลังอยากจะคุยเรื่องนี้อยู่พอดีเลย ช่วงนี้สองคนนั้นเป็นยังไงกันบ้างแม่ไม่เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันเลย แต่เอวากับลูกนี่สิดูสนิทกันขึ้นนะ”“ครับ เราสองคนสนิทกันมากขึ้น”“อีกหน่อยน้องก็มาเป็นคนในครอบครัวสนิทกันไว้ก็ดีแล้วล่ะ แต่ก็อย่าสนิทกันจนเกินงามเพราะเราเป็นผู้ชายน้องเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาจะว่าน้องเอาได้นะ” เธอกังวลนิดหน่อยเพราะลูกชายคนโตก็ยังโสด ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปก็คงไม่ดีแน่ๆ“แม่คิดว่าเอววากับนายกันต์จะเปิดใจคบกันจริงๆ เหรอครับ ผมว่ามันเป็นไปได้ยากนะครับ”“กานต์พูดเหมือนไปรู้อะไรมา หรือนายกันต์ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”“ผมยังไม่ได้ถามนายกันต์”“ยังไม่ถามแล้วรู้ได้ยังไง”“ผมมีเรื่องจะสารภาพกับแม่ ถ้าแม่จะโกรธผมก็ไม่ว่าอะไร ขอแค่แม่อย่าห้ามก็พอ”“กานต์ไปทำอะไรมาถึงคิดว่าแม่จะโกรธ ลองเล่ามาสิ แม่ว่าเรื่องมันคงใหญ่มากใช่ไหมสีหน้าเราถึงได้กังวลแบบนี้”“เรื่องมันใหญ่มากและผมคิดว่า
ท่ามกลางแสงสลัวของผับในคืนวันศุกร์ธีรกานต์กำลังนั่งดื่มกับเพื่อนรักสมัยมัธยมที่มักจะนัดกันออกมาดื่มอยู่บ่อยๆ“ไหนมึงบอกพวกกูว่ามีข่าวดีจะบอกแต่ทำไมมาถึงก็เอาแต่กินเหล้าวะกานต์” ภัทรดนัยถามด้วยความสงสัยเพราะก่อนหน้านี้ธีรกานต์บอกพวกเขาว่ามีข่าวดีจะบอก“นั้นสิ มีข่าวดีมันก็ต้องยิ้มไม่ใช่นั่งทำหน้าเครียดนะ” ชวพลพูดเสริม“กูแค่สับสน”“ถ้าเป็นผู้หญิงกูว่ามึงวัยทองแต่เป็นผู้ชายก็คงไบโพลาร์”“พวกมึงก็ฟังมันก่อนสิอย่าเพิ่งสรุป” โกสินทร์เห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนมีท่าทางแปลกๆ ก็อดห่วงไม่ได้“ก็เรื่องเอวา”“ทะเลาะกันเหรอ”“เปล่าหรอก แต่กูรู้สึกว่าน้องเขาไม่ค่อยอยากเจอหน้า”“มึงไปทำอะไรให้เขาโกรธ”“กูว่าไม่นะ น้องเขาเต็มใจ”“ไวเหมือนกันนะไอ้เสือน้องเพิ่งกลับมาไม่เท่าไหร่มึงลากเขาไปกินแล้ว”“กูจริงจังนะ”“แล้วเขาจริงจังกับมึงไหมล่ะ หรือที่เครียดอยู่เพราะกลัวเขาฟันแล้วทิ้งวะ”“มึงอย่าแซวมันสิกอล์ฟกูว่ามันเครียดจริงๆ”“ไหนลองเล่ามาสิว่าตอนนี้มึงกับน้องเขามันเป็นยังไง”“กูขอเขาแต่งงานแล้ว”“เชี้ย เรื่องอื่นกูเห็นมึงใจเย็นตลอด” ชวพลอุทานลั่น“นั่นสิ หรือเขาท้องวะกานต์” โกสินทร์ถามบ้าง“กูอยากให้เขา
เอวาริณทานยาจนครบตามที่เภสัชกรแนะนำอีกทั้งยังซื้อยาคุมมาติดไว้และจะเริ่มทานในวันที่มีรอบเดือนวันแรก หญิงสาวไม่รู้หรอกกว่าจากนี้ตนเองกับธีรกานต์จะได้ใกล้ชิดกับอีกไหมแต่ก็ไม่อยากประมาทในเมื่อเขาไม่คิดป้องกันเธอก็คงต้องเป็นฝ่ายทำเรื่องนี้เองความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นหญิงสาวยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังแม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างชัญญานุชและกรวีเพื่อนสมัยมัธยมต้นเธออยากหลบหน้าเขาสักพักเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากและตอนนั้นเธอก็ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ แต่พอได้อยู่กับตัวเองตามลำพังก็เริ่มใช้สติมากขึ้นความเป็นไปได้ที่ผู้ใหญ่จะยอมให้คบกับมีมากอยู่แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่แน่ใจก็คือทัศนคติที่เขามีต่อชีวิตคู่ เธออยากทำงานหาประสบการณ์และไม่เคยคิดจะลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ซึ่งมันสวนทางกับความคิดของธีรกานต์มีผู้หญิงอีกมากที่มีครอบครัวแต่ก็ยังออกไปทำงานนอกบ้านและเธอก็อยากจะเป็นแบบนั้น ถ้าธีรกานต์ยอมรับข้อนี้ไม่ได้เอวาริณก็คิดว่าเธอกับเขาคงไม่เหมาะสมกัน เธอยอมตัดใจจากเขาในวันนี้ดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างมันถลำลึกจนยากที่จะแก้ไขบางทีอาจจะต้องใช้เวลาทบทวนอีกสักนิดและถ้าไม่มีเขาอยู่ใกล
ธีรกานต์ยืดตัวขึ้นจนใบหน้าทั้งสองห่างกันเพียงนิดดวงตาสองคู่สบประสานส่งผ่านความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความต้องการ ทั้งเขาและเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์พิศวาสที่ไม่มีทีท่าลดน้อยลงเลยสักนิดริมฝีปากร้อนจุมพิตลงบนเรียวปากเล็กอีกครั้งหญิงสาวใจเต้นแรงสองมือยกขึ้นโอบรอบลำคอก่อนจิกปลายนิ้วลงบนผิวเนื้อเมื่อฝ่ามือร้อนหยอกเย้าอยู่กับทรวงอกอิ่ม ริมฝีปากคลอเคลียไม่ยอมห่างปลายลิ้นหยอกล้ออย่างหวานล้ำเอวาริณรู้สึกถึงความแข็งร้อนที่ดันหน้าท้องยิ่งทำให้รู้สึกเสียวซ่านเมื่อนึกไปถึงคราวที่มันจะเข้าไปอยู่ในกายของตนเอง อารมณ์ของเธอพลุ่งพล่านเมื่อคิดถึงความสุขสมที่จะได้รับจากคนรักชายหนุ่มยังคงจูบไม่ยอมผละออกขณะที่มือก็จับเรียวขาให้แยกออกแล้วใช้ปลายหยักกรีดกลางร่องสวาทขึ้นลงสร้างความเสียวซ่านจนหญิงสาวสั่นสะท้าน“พี่กานต์”ลมหายใจหญิงสาวขาดช่วงเมื่อเขาใช้ปลายหยักกดลงบนเกสรเสียว เธอครางสะท้านแอ่นกายเข้าหาอย่างไม่อาจห้าม ร่างกายเธอกำลังต้องการให้เขาเข้ามาเติมเต็มอย่างที่สุด“เอวาจ๋า อย่าเกร็งนะ”คลื่นความปรารถนากำลังโหมกระหน่ำอย่างหนัก ธีรกานต์กดแก่นกายเข้าหาช่องสวาทอย่างยากลำบาก ช่องทางคับแน่นของคนรักช่างถูก