หลังจากใช้ทุนที่โรงพยาบาลรัฐบาลในต่างจังหวัดครบ 3 ปีแล้วธีรกานต์ก็ตัดสินใจเรียนต่อทางด้านอายุรกรรมโดยใช้ทุนส่วนตัวเพราะครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่เขาจึงต้องมาช่วยงานของครอบครัว แต่ชายหนุ่มก็รับผิดชอบในส่วนของการตรวจรักษาผู้ป่วยและการบริหารทางการแพทย์เท่านั้น ส่วนการบริหารงานด้านอื่นๆ ธีรกานต์ยกให้เป็นหน้าที่ของน้องชาย
“พี่กานต์ว่าหมอออกตรวจน้อยไปหน่อยไหม” พีรกันต์เข้ามาปรึกษาพี่ชายระหว่างพักกลางวันเพราะวันจันทร์ที่ผ่านมาฝ่ายบริการแจ้งว่ามีการร้องเรียนถึงเรื่องที่ปล่อยให้ผู้ป่วยรอนาน
“พี่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะหาหมอมาเด็กและหมอสูติฯ มาเพิ่มแผนกละคน”
“หมอนิวก็เป็นหมอเด็กนะ พี่ลองชวนเธอมาสิได้คนกันเองมาทำงานก็น่าจะดี” พีรกันต์หมายถึงหมอณิชาภัทรซึ่งเรียนจบเฉพาะทางกุมารแพทย์และยังเป็นเพื่อนของพี่ชายตนเองอีกด้วย
“พี่อยากได้หมอปิญชาน์กับหมอไอรดามากกว่านะ จ้างทั้งคู่มาทำพาร์ทไทม์เสาร์กับอาทิตย์”
“พี่กานต์ไม่อยากเจอหมอนิวเหรอ” พีรกันต์รู้ว่าพี่ชายกับคุณหมอณิชาภัทรนั้นเคยคบกันมาก่อนจึงถามเพราะคิดว่าพี่ชายลำบากใจที่จะต้องกลับมาเจอหน้ากัน
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกพี่ก็แค่อยากได้หมอสูติกับหมอเด็กที่ทำงานเข้าขากันดี” เพราะหมอปิญชาน์กับหมอไอรดานั้นเป็นสามีภรรยากัน (จากเรื่องพ่ายรักแม่หม้ายป้ายแดง)
“ผมก็นึกว่าพี่กลัวถ่านไฟเก่าจะคุ” เขามองพี่ชายแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ระหว่างพี่กับนิวมันไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่านแล้ว เราสองคนเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเพราะตนเองไม่คิดจะกลับไปคบกับเธอจริง
“หมอนิวไม่ดีตรงไหนเหรอ” พีรกันต์ถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยมานาน เขามองว่าพี่ชายคนเองกับหมอณิชาภัทรนั้นเหมาะสมกันมากทั้งหน้าตาและอาชีพ
“นิวเป็นคนนิสัยดีน่ารักใครอยู่ใกล้ก็หลงรักทั้งนั้นแหละแต่พี่คิดว่าเธอยังไม่ใช่สำหรับพี่” ธีรกานต์รู้สึกว่าหญิงสาวนั้นดีทุกอย่างแต่เขาไม่ต้องการคนดี เขาแค่ต้องการคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี
“เพอร์เฟกต์ขนาดนั้นยังไม่ใช่อีกเหรอ ผมอยากรู้จังว่าแบบไหนที่ใช่สำหรับพี่”
“นายเอาแต่ถามพี่แล้วนายล่ะ เมื่อไหร่จะมีแฟน” เขาถามกลับเพราะน้องชายของตนนั้นควงผู้หญิงไปทั่วจนมารดากลุ้มเพราะกลัวจะได้สะใภ้ไม่ถูกใจ
“ผมกำลังจีบอยู่”
“อย่างนายต้องจีบด้วยเหรอ พี่เห็นแต่สาวๆ เข้ามาจีบ”
“คนนี้ผมจีบเขาก่อน นี่ก็สองเดือนแล้วยังไม่ยอมใจอ่อน” เวลาสองเดือนสำหรับพีรกันต์ซีอีโอหนุ่มนั้นถือว่านานมากเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยจีบใครนานขนาดนี้มาก่อน ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เขาเจอก็มักจะเป็นฝ่ายเข้าหาเสียมากกว่า
“ดูนายจริงจังมากนะ”
“คนนี้ผมจริงจังมาก แม่ของลูกเลยล่ะพี่กานต์”
“พี่ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ เธอคงสวยมากสินะถึงทำให้นายรอได้นานขนาดนี้”
“สวยสิ สวยมากด้วย” เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปให้พี่ชายดู
“สวยมากจริงๆ ด้วยเธอทำงานที่โรงพยาบาลของเราเหรอ” ธีรกานต์ถามเพราะเห็นว่าหญิงสาวนั้นสวมชุดพยาบาล
“เปล่าเธอทำที่โรงพยาบาลรัฐ”
“ทำไมไม่ชวนเธอมาทำงานที่โรงพยาบาลของเราล่ะ”
“พี่คิดว่าผมไม่ชวนเหรอ ผมพยายามชวนแล้วแต่เธอก็ปฏิเสธ”
“ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจดีนะกล้าปฏิเสธนาย”
“ขนาดพี่ยังไม่เคยเจอพี่ยังบอกว่าเธอน่าสนใจถ้าพี่ได้เจอพี่ได้คุยรับรองเลยว่าพี่จะต้องรู้สึกดีกับเธอ”
“ถ้างั้นก็พาเธอมาเจอพี่สิ”
“ผมกำลังหาโอกาสอยู่ ว่าแต่พี่เถอะเมื่อไหร่จะหาแฟนสักทีล่ะ ผมอยากจะอุ้มหลานแย่แล้ว”
“ไม่ต้องมารออุ้มลูกฉันนายได้นั่นแหละรีบจีบเธอให้ติด”
“ผมก็พยายามอยู่”
“ถ้านายแต่งงานไปสักคนแม่ก็คงได้อุ้มหลานสมใจ”
“พี่อายุมากกว่าผมนะ เมื่อไหร่จะมีแฟนสักทีล่ะหรือว่าพี่รอใครหรือรออะไรอยู่ทำไมถึงไม่มองใครเลย” คำถามของน้องชายทำให้ธีรกานต์ฉุกคิดว่าเพราะอะไรตัวเองถึงยังไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนหรือคบผู้หญิงคนไหนได้นานเลยสักครั้งแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเหตุผลนั้นมันคืออะไร
“เนื้อคู่ของฉันอาจจะยังไม่เกิดมั้ง”
“บางทีเธออาจจะเกิดแล้วนะแต่ยังไม่เจอก็ได้หรือบางทีอาจจะเจอแล้วแต่ไม่รู้ตัว”
“ช่างมันเถอะพี่ว่าเป็นโสดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
“แต่ก่อนผมก็ชอบนะได้ควงสาวไปเรื่อยๆ แต่พอผมเจอกับเนยความคิดผมก็เปลี่ยนไป ผมอยากสร้างครอบครัวกับเธออยากตื่นมาเจอเธอทุกวัน” เมื่อพูดถึงหญิงสาวที่ตนเองชอบเขาก็ยิ้มกว้าง
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของน้องชายธีรกานต์ก็รู้สึกยินดีไปกับเขาด้วย แต่สำหรับตนเองนั้นยังไม่เคยมีใครที่ทำให้ตนเองยิ้มกว้างแบบนั้นมาก่อนนอกจากเอวาริณเด็กสาวข้างบ้าน
“ตกลงพี่จะลองตามหมอปิญชาน์กับหมอไอรดาดูก่อนนะ”
“ครับพี่”
“เรื่องหมอพี่ว่าเราค่อยๆ ปรับไป แต่เรื่องพยาบาลพี่ว่าควรจะรับเพิ่มอีกสักหน่อย คนไข้เราเยอะขึ้นเรื่อยๆ”
“ผมแล้วแต่พี่เลยครับ”
“อย่าลืมถามคนของนายนะว่าอยากมาทำงานกับเราไหมถ้าไม่อยากลาออกจากโรงพยาบาลรัฐบาลจะมาแค่พาร์ทไทม์ก็ได้นะ”
“ผมจะลองถามดูครับ พี่กินข้าวหรือยังลงไปหาอะไรกินด้วยกันไหม” เขาดีใจที่วันนี้จะมีเรื่องไปคุยกับรัญรวีเพราะถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานหญิงสาวจะคุยกับเขาได้นานกว่าเรื่องอื่น
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวพี่สั่งมากินในห้องเอง”
“งั้นผมไปก่อนนะ เย็นนี้คงไม่กลับกินข้าวที่บ้านฝากพี่บอกแม่ให้ด้วยนะ”
พอน้องชายออกจากห้องตรวจไปแล้วธีรกานต์ก็โทรสั่งอาหารมาทานระหว่างรอก็นั่งทำงานไปด้วย เขาเปิดอีเมลเพื่อเช็กเรื่องงานและตอบจนครบทุกฉบับยกเว้นก็แต่อีเมลของเอวาริณที่เปิดอ่านและไม่ได้ตอบเพราะไม่อยากให้ความหวังกับเด็กสาว
ธีรกานต์คิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้เอวาริณค่อยๆ ลืมตนเองไปทีละนิดเขาไม่อยากให้เธอเสียเวลาอยู่กับเรื่องในอดีตเพราะความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเจอกันมันน้อยมากในเมื่อครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่ที่อังกฤษอย่างถาวรแล้วอีกอย่างในสายตาของเขาเอวาริณก็เป็นแค่น้องสาวเพียงคนหนึ่งเท่านั้น
แม้ว่าตอนนี้อายุของตนเองจะมากแล้วแต่ธีรกานต์ก็ยังไม่คิดมีครอบครัวเพราะชอบการใช้ชีวิตแบบอิสระและงานของเขามันก็มากจนคิดว่าถ้ามีครอบครัวคงมีปัญหาตามมาแน่ๆ
“หนูจะกลับไปทำงานที่เมืองไทยจริงเหรอเอวา” วาสิการ์ถามลูกสาว“ค่ะแม่ เอวาคุยกับพี่กันต์แล้ว พี่กันต์บอกว่ามีตำแหน่งที่เหมาะสมกับเอวาอยู่พอดีเอวาก็เลยว่าจะลองไปทำดูค่ะ ได้ไหมคะแม่” แม้จะตัดสินใจไปแล้วแต่อยากฟังความคิดเห็นของมารดา“แม่แล้วหนูนะลูกแล้วจะะเดินทางเมื่อไหร่”“ก็คงจะเป็นอาทิตย์หน้าค่ะ แม่จะไปด้วยไหมคะ”“แม่ยังต้องอยู่ดูร้านอาหารที่นี่แต่เดี๋ยวแม่จะโทรบอกป้านาให้นะเขาจะได้ช่วยหาคนมาทำความสะอาดบ้านให้นะ”“ขอบคุณนะคะแม่”“แล้วหนูจะไปเยี่ยมคุณยายไหม”“ไปสิคะเอวาว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านสักสองสามวันพักให้หายเหนื่อยแล้วว่าจะไปอยู่กับคุณยายสักอาทิตย์หนึ่งค่ะ เพราะว่ากว่าจะเริ่มงานก็อีกตั้งสองอาทิตย์”“ดีเลยเดี๋ยวไม่มีของฝากจะเอาไปให้ยายกับญาติคนอื่นด้วย”“ได้ค่ะ เอวาเอาของไปไม่เยอะเท่าไหร่แม่ฝากได้เต็มที่เลยค่ะ”“ว่าแต่หนูจะอยู่ที่บ้านคนเดียวได้แน่นะลูก”“แน่สิคะแม่ บ้านเราอยู่ใกล้กับบ้านคุณป้าถ้ามีอะไรเอวาก็ให้คุณป้ากับพี่กันต์ช่วยได้”“แล้วหนูอยากได้คนมาช่วยดูแลงานบ้านไหม แม่จะได้ให้ป้าช่วยหาคนที่ไว้ใจได้หน่อย”“ไม่จำเป็นหรอกมั้งคะแม่”“ถ้าหนูไปทำงานก็คงไม่มีเวลาดูแลบ้านนะ”“เอวาคิดว
หลังจากเอาของฝากให้บิดามารดาของธีรกานต์เรียบร้อยแล้วเอวาริณก็กลับมานอนพักที่บ้านและตื่นมาอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงเวลาไปหาพี่ชายใจดีอีกคนที่คิดถึงสุดหัวใจหญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งเธอขึ้นไปหาพีรกันต์ที่ห้องทำงานจากนั้นเขาก็พาเธอมายังแผนกอายุรกรรมผู้ป่วยนอกซึ่งเปิดให้บริการถึงสองทุ่ม“เดี๋ยวพยาบาลพาคุณเอวาเข้าห้องตรวจให้เรียบร้อยนะครับจากนั้นก็บอกทุกคนในแผนกกลับได้เลย”“แต่นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะคะ หมอธีรกานต์จะเลิกงานแล้ว ให้เธอไปตรวจที่ห้องฉุกเฉินได้ไหมคะ เดี๋ยวนุ่นพาเธอไปเองก็ได้ค่ะ” พยาบาลสาวกลัวจะถูกคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาลดุจึงรีบบอกกับพีรกันต์เพราะถ้าเลือกระหว่างพี่กับน้องเธอคิดว่าโดนคนน้องดุยังดีกว่าโดนคนพี่ในห้องดุ“เอาตามที่ผมบอกนั่นแหละครับ”“แต่…”“อย่ากลัวไปเลยเรื่องนี้ผมรับผิดชอบเอง คุณก็แค่พาเธอไปส่งแล้วบอกว่าจะออกมาตามเวชระเบียนจากนั้นก็กลับกันได้เลย”“จะดีเหรอคะ การตรวจต้องมีคนอื่นอยู่ด้วยนะคะ”“ไม่จำเป็นหรอกเอวาก็แค่อยากมาเซอร์ไพรส์พี่ชายเท่านั้นเอง"“นี่ต้องสาวคุณกันต์กับหมอธีรกานต์เหรอคะ” เธอมองหน้าเอวาริณสลับกับพีรกันต์ด้วยความสงสัย“ครับ” พีรกันต์รีบบอกเพรา
“คุณ ปล่อยผมก่อน คุณเป็นอะไรทำไมต้องร้องไห้แบบนี้" ธีรกานต์ทำตัวไม่ถูกที่จู่ๆ หญิงสาวก็กอดเขาไว้แน่น“พี่กานต์เอวาคิดถึงพี่กานต์มากที่สุด ขอกอดแบบนี้นานๆ ได้ไหม”“เอวาเหรอ” เขาคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่สวยบาดตาบาดใจคนนี้จะเป็นเอวาริณน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันมานานถึงเจ็ดปีความทรงจำในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง เขายังจำได้ดีว่างานวันเกิดปีสุดท้ายที่ได้ฉลองด้วยกันนั้นเขาและเธอพูดอะไรกันบ้าง และเธอก็ย้ำกับเขาอีกครั้งในคืนเลี้ยงส่งว่าเธอจะตั้งใจเรียนและจะกลับมาหาเขาหลังเรียนจบเพื่อทวงตำตอบแต่ใครจะคิดว่าเด็กสาวในวันนั้นจะโตขึ้นและกลายเป็นสาวสวยถึงเพียงนี้ ถ้าย้อนเวลาได้เขาจะตอบตกลงเป็นแฟนกับเธอตั้งแต่เมื่อปีก่อนอย่างแน่นอนพอเห็นว่าเขาจำไม่ได้เอวาริณก็ร้องไห้หนักขึ้นไปอีกทำเขาไปไม่เป็นเพราะไม่เคยเห็นเธอร้องไห้แบบนี้มาก่อน“พี่กานต์ใจร้ายมากรู้ไหม ไหนว่าจะไม่ลืมกัน แต่พอเอวาไปอยู่อังกฤษพี่กานต์ก็ลืมทุกอย่าง ไม่เคยโทรหา ไม่เคยตอบเมล ไม่เคยอวยพรวันเกิด”“พี่ขอโทษ” เขาไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นจะมีก็แต่คำขอโทษเท่านั้น เขายอมรับว่าตนเองละเลยน้องสาวคนนี้ไปมาก“แล้วพอเอวามาพี่กานต์ก็ยังจำเอวาไม่ได้” อารมณ์น้
“อยู่คนเดียวได้แน่นะ" ธีรกานต์ถามเมื่อจอดรถที่หน้าบ้านของเอวาริณซึ่งด้านในเปิดไฟไว้จนสว่างไปทั่ว“ได้ค่ะ บ้านหลังนี้เอวาอยู่มาเป็นสิบปีแล้วไม่มีอะไรต้องกลัว”“นั่นสินะ รีบเข้าบ้านเถอะจะได้รีบนอน”“ขอบคุณนะคะพี่กานต์ที่มาส่ง ฝันดีนะคะ” หญิงสาวชะโงกหน้ามาหอมแก้มเขาแล้วรีบลงจากรถไปอย่างรวดเร็วธีรกานต์มองตามหลังจนกระทั่งหญิงสาวเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้วจึงขับรถกลับมาที่บ้านของตนเอง“ไปส่งหนูเอวามาแล้วใช่ไหม”“ครับแม่”“เจอครั้งแรกกานต์จำน้องได้ไหม”“ไม่ครับน้องเปลี่ยนไปมาก” เขาใช่คำว่าเปลี่ยนไปแทนที่จะใช้คำว่าสวยขึ้นมากเพราะกลัวจะแสดงออกให้ครอบครัวรู้ว่าตนเองเริ่มจะคิดกับเธอมากกว่าน้องสาวข้างบ้านอย่างแต่ก่อน“ผมว่าเอวาสวยขึ้นมากเลยครับ แม่กับพี่กานต์คิดเหมือนผมไหม” พีรกันต์ขอความเห็น“แม่ก็คิดเหมือนกันต์นะ น้องสวยขึ้นมากไม่รู้ว่ามีแฟนหรือยัง”“สวยแบบนั้นก็คงมีแฟนแล้ว” ธีรกานต์พูดออกมาแล้วรู้สึกใจหายถ้าหากเธอมีแฟนอย่างที่ตนเองพูดจริงๆ นึกถึงตรงนี้ก็อยากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อน“กันต์คุยกับน้องบ่อยๆ รู้ไหมว่ามีแฟนหรือยัง” คุณรัตนาหันมาถามลูกชายคนที่ติดต่อกับเธออยู่ตลอด“เท่าที่ได้คุยกั
ธีรกานต์เก็บเอาเรื่องที่คุยกับน้องชายมาคิดแล้วก็ทำให้ตนเองนั้นเครียดมากกว่าเดิมไปอีกเพราะดูเหมือนว่าพีรกันต์กำลังสนใจเอวาริณอยู่ไม่น้อยทั้งที่เพิ่งจะบอกกับเขาไปว่ากำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่เขารู้สึกเป็นห่วงเอวาริณเพราะกลัวจะตามความเจ้าชู้ของน้องชายไม่ทันและในฐานะพี่ชายที่แสนดีธีรกานต์จึงคิดจะปกป้องเอวาริณจากพีรกันต์เช้าวันใหม่ในห้องอาหารของบ้านหลังใหญ่มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคนหนึ่งซึ่งตอนนี้กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ธีรกานต์ได้ยินเสียงหัวเราะที่สดใสตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง“มอร์นิ่งค่ะพี่กานต์” เอวาริณกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใสทำให้คนมองยืมตามโดยไม่รู้ตัว“วันนี้นายกันต์ตื่นมากินข้าวกับเขาด้วยเหรอเนี่ย” เขาแก้เขินด้วยการหันไปคุยกับน้องชาย“ก็ผมนัดเอวาไว้”“วันนี้จะพาน้องไปเที่ยวไหนล่ะกันต์” เอกวิทย์ผู้เป็นบิดาถามลูกชาย“ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกครับพ่อแค่จะพาเอวาไปเดินซื้อของใช้แล้วก็พวกเสื้อผ้า”“ถ้าพี่กันต์งานยุ่งเอวาไปคนเดียวก็ได้นะคะ” เอวาริณบอกด้วยความเกรงใจ ถึงจะไม่ได้กลับมาเมืองไทยหลายปีแต่ก็พอรู้ว่าร้านอะไรอยู่ตรงไหน“งานยุ่งยังไงพี่ก็แบ่งเวลาได้ เอวาเพิ่งกลับมาอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับ
หลังจากไปซื้อของกับพีรกันต์มาเมื่อวานแล้ววันนี้เอวาริณก็มีนัดออกไปดูรถกับเขาอีกครั้ง แต่พอถึงเวลานัดคนที่มารับกลับเป็นพี่ชายของเขา“ถ้าพี่กันต์ไม่ว่างเอวารอไปวันหลังก็ได้ค่ะ”“นายกันต์ไม่ว่างแต่พี่ว่างไปกับใครก็เหมือนกันนั่นแหละ”“แต่เอวาไม่อยากกวนพี่หรอกนะคะ”“แค่ไปดูรถไม่ได้รบกวนอะไรเลยพี่ก็อยากเปลี่ยนรถอยู่เหมือนกัน”“ก็ได้ค่ะ พี่รอห้านาทีนะคะขอไปเอากระเป๋าก่อน”ธีรกานต์มองตามร่างระหงที่สวมชุดกางเกงผ้าขายาวกับเสื้อแขนกุดแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก ไม่ว่าเอวาริณจะสวมเสื้อผ้าแบบไหนเธอก็ดูดีมากจนเขาไม่อยากจะให้หญิงสาวออกไปเจอคนอื่นเลย“คิดไว้หรือยังว่าจะซื้อรถแบบไหน” เขาถามขณะที่ขับรถออกมาถึงถนนเส้นหลัก“ยังเลยค่ะ แม่บอกว่าอยากได้รถยุโรปแต่เอวาอยากได้แค่รถญี่ปุ่น”“ทำไมล่ะ” ธีรกานต์รู้ว่าทางบ้านของเธอมีฐานะมาแค่จะซื้อรถให้ลูกสาวสักคันก็คงไม่เดือดร้อนอะไร“มันแพงไปค่ะ เอวาอยากได้รถที่ราคาไม่แพงมาก ถ้าทำงานเก็เงินเองได้ค่อยเปลี่ยนค่ะ พี่กานต์ว่าดีไหม”“ก็ลองไปดูก่อนว่าถูกใจไหม แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”ชายหนุ่มพาเธอเข้าออกโชว์รูมรถจนบ่ายแต่เอวาริณยังตัดสินใจไม่ได้“หาอะไรกินก่อนดีไหมแล้วค่อยไปดูที
เอวาริณใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกเมื่อวิ่งขึ้นมาถึงห้องนอน เธอไม่คิดมาก่อนว่าธีรกานต์จะขอเป็นแฟนเพราะเขากับเธอไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว อันที่จริงแล้วหญิงสาวก็อยากจะรีบตอบตกลง เธอเองก็ต้องการแบบนั้นแต่ที่บอกให้เขารอเจ็ดปีก็เพราะอยากให้มั่นใจกว่านี้อีกนิดว่าเขาไม่ได้พูดออกมาเพราะรู้สึกผิดเธอรีบอาบน้ำแต่งตัวและคิดว่าจะโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องนี้ให้ชัญญานุชฟังแต่ยังไม่ทันได้ทำก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาเสียก่อนเธอจึงรีบปิดไฟนอนพักและหวังว่าอาการของตนเองจะดีขึ้นเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงอาการปวดก็ไม่ทุเลาลงเลยแต่กลับปวดหนักขึ้นไปอีก เธออยากจะโทรไปธีรกานต์เพื่อขอยาแก้ปวดแต่ในโทรศัพท์ก็ไม่มีเบอร์ของเขา หญิงสาวจึงโทรศัพท์ไปหาพีรกันต์เพราะอย่างน้อยเขาก็น่าจะไปตามธีรกานต์ได้“พี่กันต์นอนหรือยังคะ”“ยังเลยโทรมาดึกเชียวนอนไม่หลับเหรอเอวา”“พี่กันต์ เอวาปวดท้องพี่ช่วยถามพี่กานต์ให้หน่อยได้ไหมว่ามียาแก้ปวดท้องหรือเปล่า”“เดี๋ยวพี่ไปถามให้นะ”เอวาริณได้ยินเสียงเคาะประตูจากนั้นพีรกันต์ก็ส่งโทรศัพท์ให้กับพี่ชาย“ปวดท้องเหรอ”“ค่ะ”“ปวดแบบไหนแล้วท้องเสียหรือเปล่าอาเจียนไหม”“ปวดบิดค่ะ ปวดทั่วท้องเลยแล้วก็อา
ธีรกานต์นั่งมองหน้าคนที่หลับสนิทแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว เขาไม่คิดเลยว่าเอวาริณจะกลับมาทวงคำตอบ ซึ่งเขาเองก็รอที่จะตอบคำถามของเธออยู่เหมือนกันตลอดเวลาที่ผ่านธีรกานต์ไม่เคยลืมเอวาริณเลยยิ่งพอเธอกลับมาแบบนี้เขาก็ดีใจมากกว่าใครทั้งหมด ชายหนุ่มมั่นใจว่าหญิงสาวคือคนที่เขารอและคนที่ใช่สำหรับตนเองมากที่สุด แต่ที่ยังเป็นกังวลอยู่ก็เพราะคนที่บิดามารดาอยากให้ลงเอยกับเอวาริณนั้นคือพีรกันต์น้องชายของตนเองธีรกานต์คิดว่าเรื่องน้องชายนั้นคงพูดไม่ยากเท่าไหร่เพราะตอนนี้พีรกันต์ก็กำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่“พี่กานต์คิดอะไรอยู่คะ”“ตื่นนานแล้วเหรอ”“ค่ะ เห็นพี่กานต์นั่งเหม่ออยู่นานคิดอะไรอยู่เหรอคะ”“พี่กำลังคิดถึงเรื่องของเราอยู่เจ็ดปีพี่ว่ามันนานไปนะ”“นานที่ไหนกันเอวายังรอได้เลย”“ที่รอได้เพราะตอนนั้นเอวายังเด็กและไม่ถึงเวลามีครอบครัว แต่ตอนนี้เอวาโตแล้วนะ”“พี่พูดเรื่องอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย”“แม่พี่บอกว่าเขาอยากได้เอวาเป็นลูกสะใภ้”“ถ้าพี่กานต์ไม่เห็นด้วยก็บอกคุณป้าไปสิคะ” เอวาริณพูดแล้วก็สะบัดหน้าหนีเพราะคิดว่าธีรกานต์รังเกียจตัวเอง“หันหน้ามาคุยกับพี่ดีๆ ก่อนนะเอวา”“ไม่อยากคุยค่ะเอวาง่วงนอน”“เพ
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องไปแล้วบ่าวสาวก็มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง“เหนื่อยไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“งานวันนี้เป็นพิธีในโบสถ์เราจัดแบบเรียบง่ายแต่ถ้ากลับไปที่เมืองไทยงานจะเป็นอีกแบบ”“ทำไมต้องจัดสองที่ล่ะคะ เอวาว่ามันเปลือง”“พี่ยินดีจ่าย พี่อยากให้ทุกคนรู้ว่าพี่แต่งงานกับเอวา พ่อกับแม่ของพี่ก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าลูกชายคนโตของท่านแต่งงานแล้ว อีกอย่างสาวๆ จะได้เลิกมาสนใจพี่”“เอวาชอบข้อสุดท้ายที่สุดเลยค่ะ”“เอาละวันนี้เราเหนื่อยมามากแล้วพี่ว่ารีบไปอาบน้ำกันดีกว่าพี่ช่วยถอดชุดให้นะ”“เอวาถอดเองก็ได้”“แต่พี่อยากช่วยนี่คะ ให้พี่ช่วยนะคะ”เมื่อเขาพูดเพราะๆ แบบนี้เอวาริณก็ต้องยอมใจอ่อนถึงแม้จะรู้สึกอายมากแค่ไหนก็ตาม“พี่กานต์อย่าจ้องแบบนั้นสิคะเอวาอายนะ”“อายทำไมพี่เคยเห็นมาทั้งตัวแล้วนะ”เขาหัวเราะร่วนก่อนจะรีบถอดชุดของเธอและของตนเองออกจนร่างกายของทั้งสองไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้นเอววาริณตัวสั่นเมื่อเขาพาเธอมายังห้องน้ำแล้วค่อยๆ ชโลมครีมอาบน้ำลงบนผิวเธออย่างช้าๆ“คิดถึงจัง”ธีรกานต์กระซิบข้างหูและขยับเขามากอดเธอจนแน่น“เราเจอกันทุกวันนะคะ”“เอวาก็รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร” เสียงเขาแหบพร่าทำให้คนฟังขนลุ
ธีรกานต์โทรศัพท์ไปบอกกับมารดาว่าตนเองคุยกับมารดาของเอวาริณแล้วและอยากให้ท่านกับบิดามาช่วยพูดกับบิดาของหญิงสาวเพราะอาจอห์นจะค่อนข้างเกรงใจบิดาของตนเองอยู่มาก“แม่ดีใจด้วยนะกานต์ แม่กับพ่อจะรีบไป”“ขอบคุณครับแม่”พอวางสายจากมาดราแล้วธีรกานต์ก็กลับเขามายังห้องรับแขกและนั่งคุยกับมารดาของคนรักอีกพักใหญ่“วันนี้เป็นวันหยุดของร้าน แม่ว่าเอวาออกไปเที่ยวกับพี่เขาก็ได้นะ”“พี่กานต์อยากไปเที่ยวที่ไหนคะ”“มีหลายที่เลยที่อยากไป”“แต่เราต้องกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านนะคะ วันนี้พ่อบอกว่าจะทำสเต็กค่ะ”“กานต์ก็มากินด้วยกันนะ เดี๋ยวอาจะบอกอาจอห์นทำเผื่อ”“ขอบคุณครับ”“เราไปเดินเที่ยวใกล้ก็ได้ค่ะ วันนี้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่”“พี่ว่าเรื่องเที่ยวเอาไว้ก่อนดีไหม พี่อยากให้เอวาพาไปซื้อเสื้อผ้า”“ไม่ได้เอามาจากเมืองไทยเหรอคะ”“พี่รีบก็เลยเอามาแค่นิดหน่อย กะว่าจะมาหาซื้อเอาข้างหน้า”“ได้เลยค่ะ เอวารู้จักร้านเยอะเลย”“รีบไปกับเถอะ เดี๋ยวจะกลับไม่ทันข้าวเย็นนะ”“ค่ะแม่”“ผมไปก่อนนะครับอาแก้ว”เอวาริณพาชายหนุ่มมายังห้างเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของตนเองเพราะที่นี่มีร้านเสื้อผ้าที่ครอบครัวของเธอมักจะมาหาซื้อประจ
เอวาริณพามารดาไปตรวจตามนัดเรียบร้อยจากนั้นก็พากันกลับมาที่บ้าน“แผลแม่แห้งดีแบบนี้อีกไม่กี่วันก็คงกลับไปทำงานได้แล้ว”“เอวาอยากให้พักผ่อนอีกนิดค่ะ ช่วงนี้เอวาดูร้านเองได้”“แล้วงานที่เมืองไทยล่ะ เราบอกพี่กันต์หรือยังว่ากลับมาอังกฤษ”“บอกแล้วค่ะ พี่กันต์ไม่ว่าอะไร เขาบอกว่าพร้อมตอนไหนก็ค่อยกลับไปทำ”“เดี๋ยวแม่ก็หายดีแล้ว หนูก็กลับได้”“ทำไมแม่อยากให้เอวากลับจังคะ มีอะไรหรือเปล่า”“แม่ก็แค่อยากให้หนูไปช่วยงานพี่เขา”“แค่นั้นจริงเหรอคะ” เอวาริณรู้ว่ามารดาของตนอยากให้ตนกับพีรกันต์คบกันซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย“แม่อยากให้หนูสนิทกับพี่กันต์”“ตอนนี้เราก็สนิทกันนะคะ”“แต่อยากให้สนิทมากกว่านี้”“แม่ก็บอกมาเลยสิคะว่าอยากให้เอวากับพี่กันต์คบกัน”“ลูกสาวแม่ฉลาดไม่เบาเลยนะ แล้วตกลงจะลองคบกันดูไหมล่ะ แม่ว่าหนูกับพี่กันต์ก็เหมาะสมกันดีนะ เรื่องนี้ป้านาก็เห็นด้วยกับแม่ ป้าเขาอยากได้หนูไปเป็นลูกสะใภ้”“ถ้าเอวากับพี่กันต์ไม่เป็นแบบที่กับป้านาคุยกันแม่จะเสียใจไหมคะ แล้วแม่กับป้านายังจะคุยกันเหมือนเดิมไหม”“มันคนละเรื่องกันนะ เรื่องของหนูกับพี่กันต์เรื่องหนึ่ง แม่กับป้านาก็เรื่องหนึ่ง ถึงลูกสองคนจะไม
จากนั้นพนักงานล้างจานคนใหม่ก็ยืนประจำตำแหน่งเขาล้างจานใบแล้วใบเล่าจนกระทั่งถึงเวลาสี่ทุ่มซึ่งลูกค้าคนสุดท้ายเพิ่งออกจากร้านไป“เป็นไงคะเหนื่อยไหม”“นิดหน่อยเอวาล่ะ พี่เห็นเราหัวหมุนเลยเก่งเหมือนกันนะ”“เอวายังเก่งไม่เท่าแม่เลยค่ะ แม่ทำได้ดีกว่านี้เอวาแค่พยายามทำให้เต็มที่”“แต่พี่ว่าได้ขนาดนี้ก็เก่งมากแล้ว เอาละเดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเองเอวาไปนั่งพักนะ”“ไม่เป็นไรค่ะอีกนิดเดียวช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ”วันนี้ร้านของหญิงสาวปิดดึกกว่าทุกครั้งเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพนักงานทุกคนจึงช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่“พี่กานต์หิวไหมคะ”“นิดหน่อย เอวาล่ะพี่เห็นตอนเย็นเรากินข้าวไปแค่นิดเดียว”“เอวาไม่ค่อยหิวค่ะ”“เราสั่งพิซซ่ามากินไหม จะได้คุยกันด้วย” เขาเห็นว่าร้านพิซซ่าที่อีกฝั่งของถนนยังเปิดอยู่จึงเสนอขึ้น“ได้ค่ะ”ไม่นานนักพิซซ่าก็มาส่ง ทั้งสองคนนั่งทานอยู่กลางร้านซึ่งตอนนี้พนักงานทุกคนกลับไป“พี่กานต์มาหาเอวาถึงพี่นี่คงไม่ใช่แค่มาเที่ยวใช่ไหมหรือมาตามกลับใช่ไหมคะ”“พี่เป็นห่วงก็เลยมาดูให้แน่ใจว่าเอวาสบายดีไหม”“แล้วรู้ได้ยังไงคะว่าเอวากลับมาที่นี่”“พี่ไปหาเอวาที่บ้านคุณยายท่านก็เลยบอกว่าเอวากลับมา
ธีรกานต์มาถึงอังกฤษแล้วก็รีบตรงไปยังร้านอาหารไทยของอาวาสิการ์ทันที แต่เขาก็เจอแค่พนักงานของร้านที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดเพราะตอนนี้เลยเวลาร้านปิดแล้วชายหนุ่มถามถึงอาการป่วยแต่พนักงานในร้านก็ไม่มีใครยอมบอกเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านายซึ่งธีรกานต์ก็เข้าใจเรื่องนี้ดี“ผมขอที่อยู่ที่บ้านของอาแก้วได้ไหมครับ” เมื่อไม่มีใครบอกเขาเลยไปดูด้วยตาของตัวเอง“ขอโทษด้วยพวกเราคงให้ที่อยู่นั่นกับคุณไม่ได้”“ผมรู้ว่าพวกคุณคงไม่อยากให้ที่อยู่เจ้านายกับผม แต่ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าเอวามาที่นี่หรือเปล่า ผมเป็นคนรักของเธอ”“ฉันว่าคุณหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้ไหม หนูเอวายังไม่มีคนรัก”“ผมรู้ว่ามันเชื่ออยาก แต่ผมยืนยันว่ามันคือเรื่องจริง ขอแค่ผมได้พบกับเธอ”“ถ้าคุณเป็นคนรักของหนูเอวาจริงก็คงไม่มามาตามหาที่ร้านแบบนี้ และก็คงมีเบอร์โทรศัพท์ของหนูเอวา”“เอวาทำโทรศัพท์ตกน้ำผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนมาใช้เบอร์ไหน”“พวกเราต้องขอโทษด้วยที่ให้ที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อของเธอไม่ได้จริงๆ นี่มันก็ดึกแล้วฉันว่าคุณกลับไปพักก่อนดีกว่าถ้าอยากเจอพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ บางทีหนูเอวาอาจจะเข้ามาที่ร้านก็ได้” แม่ครัวคนไทยบอกเขาด้วย
“แม่ครับผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ธีรกานต์มาถึงบ้านก็รีบเข้าไปหามารดาในห้องนั่งเล่นทันที“ดูท่าทางรีบร้อนจัง เรื่องด่วนเหรอลูก”“ครับแม่”“เอาล่ะจะคุยอะไรก็ว่ามาเลยแม่พร้อมจะฟังแล้ว”“เรื่องนายกันต์กับเอวาครับ”“แม่ก็กำลังอยากจะคุยเรื่องนี้อยู่พอดีเลย ช่วงนี้สองคนนั้นเป็นยังไงกันบ้างแม่ไม่เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันเลย แต่เอวากับลูกนี่สิดูสนิทกันขึ้นนะ”“ครับ เราสองคนสนิทกันมากขึ้น”“อีกหน่อยน้องก็มาเป็นคนในครอบครัวสนิทกันไว้ก็ดีแล้วล่ะ แต่ก็อย่าสนิทกันจนเกินงามเพราะเราเป็นผู้ชายน้องเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาจะว่าน้องเอาได้นะ” เธอกังวลนิดหน่อยเพราะลูกชายคนโตก็ยังโสด ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปก็คงไม่ดีแน่ๆ“แม่คิดว่าเอววากับนายกันต์จะเปิดใจคบกันจริงๆ เหรอครับ ผมว่ามันเป็นไปได้ยากนะครับ”“กานต์พูดเหมือนไปรู้อะไรมา หรือนายกันต์ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”“ผมยังไม่ได้ถามนายกันต์”“ยังไม่ถามแล้วรู้ได้ยังไง”“ผมมีเรื่องจะสารภาพกับแม่ ถ้าแม่จะโกรธผมก็ไม่ว่าอะไร ขอแค่แม่อย่าห้ามก็พอ”“กานต์ไปทำอะไรมาถึงคิดว่าแม่จะโกรธ ลองเล่ามาสิ แม่ว่าเรื่องมันคงใหญ่มากใช่ไหมสีหน้าเราถึงได้กังวลแบบนี้”“เรื่องมันใหญ่มากและผมคิดว่า
ท่ามกลางแสงสลัวของผับในคืนวันศุกร์ธีรกานต์กำลังนั่งดื่มกับเพื่อนรักสมัยมัธยมที่มักจะนัดกันออกมาดื่มอยู่บ่อยๆ“ไหนมึงบอกพวกกูว่ามีข่าวดีจะบอกแต่ทำไมมาถึงก็เอาแต่กินเหล้าวะกานต์” ภัทรดนัยถามด้วยความสงสัยเพราะก่อนหน้านี้ธีรกานต์บอกพวกเขาว่ามีข่าวดีจะบอก“นั้นสิ มีข่าวดีมันก็ต้องยิ้มไม่ใช่นั่งทำหน้าเครียดนะ” ชวพลพูดเสริม“กูแค่สับสน”“ถ้าเป็นผู้หญิงกูว่ามึงวัยทองแต่เป็นผู้ชายก็คงไบโพลาร์”“พวกมึงก็ฟังมันก่อนสิอย่าเพิ่งสรุป” โกสินทร์เห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนมีท่าทางแปลกๆ ก็อดห่วงไม่ได้“ก็เรื่องเอวา”“ทะเลาะกันเหรอ”“เปล่าหรอก แต่กูรู้สึกว่าน้องเขาไม่ค่อยอยากเจอหน้า”“มึงไปทำอะไรให้เขาโกรธ”“กูว่าไม่นะ น้องเขาเต็มใจ”“ไวเหมือนกันนะไอ้เสือน้องเพิ่งกลับมาไม่เท่าไหร่มึงลากเขาไปกินแล้ว”“กูจริงจังนะ”“แล้วเขาจริงจังกับมึงไหมล่ะ หรือที่เครียดอยู่เพราะกลัวเขาฟันแล้วทิ้งวะ”“มึงอย่าแซวมันสิกอล์ฟกูว่ามันเครียดจริงๆ”“ไหนลองเล่ามาสิว่าตอนนี้มึงกับน้องเขามันเป็นยังไง”“กูขอเขาแต่งงานแล้ว”“เชี้ย เรื่องอื่นกูเห็นมึงใจเย็นตลอด” ชวพลอุทานลั่น“นั่นสิ หรือเขาท้องวะกานต์” โกสินทร์ถามบ้าง“กูอยากให้เขา
เอวาริณทานยาจนครบตามที่เภสัชกรแนะนำอีกทั้งยังซื้อยาคุมมาติดไว้และจะเริ่มทานในวันที่มีรอบเดือนวันแรก หญิงสาวไม่รู้หรอกกว่าจากนี้ตนเองกับธีรกานต์จะได้ใกล้ชิดกับอีกไหมแต่ก็ไม่อยากประมาทในเมื่อเขาไม่คิดป้องกันเธอก็คงต้องเป็นฝ่ายทำเรื่องนี้เองความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นหญิงสาวยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังแม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างชัญญานุชและกรวีเพื่อนสมัยมัธยมต้นเธออยากหลบหน้าเขาสักพักเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากและตอนนั้นเธอก็ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ แต่พอได้อยู่กับตัวเองตามลำพังก็เริ่มใช้สติมากขึ้นความเป็นไปได้ที่ผู้ใหญ่จะยอมให้คบกับมีมากอยู่แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่แน่ใจก็คือทัศนคติที่เขามีต่อชีวิตคู่ เธออยากทำงานหาประสบการณ์และไม่เคยคิดจะลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ซึ่งมันสวนทางกับความคิดของธีรกานต์มีผู้หญิงอีกมากที่มีครอบครัวแต่ก็ยังออกไปทำงานนอกบ้านและเธอก็อยากจะเป็นแบบนั้น ถ้าธีรกานต์ยอมรับข้อนี้ไม่ได้เอวาริณก็คิดว่าเธอกับเขาคงไม่เหมาะสมกัน เธอยอมตัดใจจากเขาในวันนี้ดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างมันถลำลึกจนยากที่จะแก้ไขบางทีอาจจะต้องใช้เวลาทบทวนอีกสักนิดและถ้าไม่มีเขาอยู่ใกล
ธีรกานต์ยืดตัวขึ้นจนใบหน้าทั้งสองห่างกันเพียงนิดดวงตาสองคู่สบประสานส่งผ่านความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความต้องการ ทั้งเขาและเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์พิศวาสที่ไม่มีทีท่าลดน้อยลงเลยสักนิดริมฝีปากร้อนจุมพิตลงบนเรียวปากเล็กอีกครั้งหญิงสาวใจเต้นแรงสองมือยกขึ้นโอบรอบลำคอก่อนจิกปลายนิ้วลงบนผิวเนื้อเมื่อฝ่ามือร้อนหยอกเย้าอยู่กับทรวงอกอิ่ม ริมฝีปากคลอเคลียไม่ยอมห่างปลายลิ้นหยอกล้ออย่างหวานล้ำเอวาริณรู้สึกถึงความแข็งร้อนที่ดันหน้าท้องยิ่งทำให้รู้สึกเสียวซ่านเมื่อนึกไปถึงคราวที่มันจะเข้าไปอยู่ในกายของตนเอง อารมณ์ของเธอพลุ่งพล่านเมื่อคิดถึงความสุขสมที่จะได้รับจากคนรักชายหนุ่มยังคงจูบไม่ยอมผละออกขณะที่มือก็จับเรียวขาให้แยกออกแล้วใช้ปลายหยักกรีดกลางร่องสวาทขึ้นลงสร้างความเสียวซ่านจนหญิงสาวสั่นสะท้าน“พี่กานต์”ลมหายใจหญิงสาวขาดช่วงเมื่อเขาใช้ปลายหยักกดลงบนเกสรเสียว เธอครางสะท้านแอ่นกายเข้าหาอย่างไม่อาจห้าม ร่างกายเธอกำลังต้องการให้เขาเข้ามาเติมเต็มอย่างที่สุด“เอวาจ๋า อย่าเกร็งนะ”คลื่นความปรารถนากำลังโหมกระหน่ำอย่างหนัก ธีรกานต์กดแก่นกายเข้าหาช่องสวาทอย่างยากลำบาก ช่องทางคับแน่นของคนรักช่างถูก