เพื่อนของธีรกานต์มีด้วยกันทั้งหมดห้าคนแต่ละคนกำลังเป็นแพทย์ใช้ทุนในแต่ละจังหวัดจึงมีเรื่องมาเล่าให้กันฟังอย่างสนุกสนาน เอวาริณฟังไม่รู้เรื่องเลยสักอย่างจึงได้แต่นั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ จนกระทั่งพวกเขาเลิกคุยเรื่องงานและเริ่มพูดเรื่องส่วนตัวกันเธอจึงแอบฟังอย่างตั้งใจ
“กานต์คิดหรือยังว่าจะเรียนเฉพาะทางอะไรต่อ” เพื่อนผู้หญิงถามขึ้น
“ก็อย่างที่เคยบอกไป ผมจะเรียนอายุรกรรมแล้วต่อด้วยตับและทางเดินอาหาร นิวล่ะ”
“นิวว่าจะเรียนเฉพาะทางเด็ก จริงๆ ก็อยากเรียนเหมือนกานต์นะมีอะไรจะได้ปรึกษากันแต่นิวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”
“ดีแล้วเลือกที่ตัวเองชอบ” ชายหนุ่มออกความเห็น
“เรียนคนละอย่างแบบนี้โอกาสกลับมาคบกันก็ยากสิ”
ในอดีตนั้นธีรกานต์กับณิชาภัทรเคยคบกันอยู่หลายเดือนก่อนที่จะเลิกกันตอนเรียนแพทย์ปีสุดท้าย
“นิวกับกานต์เหมาะสมกันมากนะ ถึงจะเรียนคนละแผนกแต่ถ้าได้เข้ามาเรียนที่กรุงเทพโอกาสได้เจอกันก็บ่อยขึ้น พวกเราเชียร์อยู่นะ” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดขึ้น
“แล้วกานต์คิดยังไงล่ะ” เพื่อนอีกคนก็ถามย้ำ
ธีรกานต์ไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าอะไรเขาไม่เคยคิดเรื่องกลับมาคบกันเพราะตอนนี้ตนรู้สึกกับณิชาภัทรแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเรื่องจะกลับมาคบกันเป็นแฟนนั้นเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด
“อย่าเชียร์เราสองคนให้เสียเวลาเลย นิวว่าเป็นเพื่อนกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะ” คำตอบขอบณิชาภัทรทำให้ธีรกานต์สบายใจขึ้นมาก
เอวาริณแอบมองหมอสาวที่ชื่อณิชาภัทรแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้เธอเป็นผู้หญิงที่สวย ดูมีเสน่ห์และอ่อนหวานแต่ไม่รู้ว่าทำไมคนสวยแบบนี้ธีรกานต์ถึงไม่คิดจะกลับไปคบกับเธอ
เด็กสาวทานจนอิ่มก็นั่งเล่นมือถือไปเรื่อยส่วนคนอื่นก็ทานไปคุยไปอย่างสนุกสนาน
“ดูสิพวกเราเอาแต่คุยกันเองน้องเอวาเหงาแล้ว” รุ้งรดาคนที่ชวนเธอนั่งทานอาหารด้วยพูดขึ้น
“น้องเอวาอยู่บ้านข้างกานต์เหรอค่ะ” เพื่อนหญิงคนหนึ่งถาม
“ค่ะ”
“น้องคงสนิทกับกานต์มากนะคะวันนี้ถึงได้มาทานอาหารด้วยกัน”
เอวาริณยิ้มเพราะเธอกับธีรกานต์ไม่รู้ว่าจะสนิทกันหรือเปล่าเพราะช่วงหลังมานี้ทั้งสองไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่แต่เพราะคนที่ถามโตกว่าเด็กสาวจึงตอบไปตามมารยาท
“เอวากับพี่กานต์ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ค่ะ นานๆ พี่กานต์ถึงจะกลับมาบ้านแต่วันนี้พี่กานต์ว่างเอวาก็เลยขอให้พี่กานต์มารับค่ะ”
“กานต์เป็นพี่ชายที่น่ารักเหมือนกันนะ” ณิชาภัทรมองอดีตคนรักแล้วยิ้มให้ เธอเคยได้ยินเขาพูดถึงน้องสาวข้างบ้านอยู่หลายครั้งแต่ก็เพิ่งจะเคยเจอวันนี้
“ใช่ค่ะพี่กานต์เป็นพี่ชายที่น่ารักและใจดีที่สุด” เอวาริณพูดแล้วยิ้มอย่างภูมิใจในตัวของชายหนุ่ม
“มีพี่ชายน่ารักแบบนี้น้องเอวาหวงพี่ชายไหมคะ”
“นิดหน่อยค่ะ” เด็กสาวตอบพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อทานกันจนอิ่มแล้วเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มก็หันมาชวนธีรกานต์คุย
“เดี๋ยวเย็นนี้พวกเราจะไปดื่มกันต่อกานต์จะไปกับพวกเราไหม”
“เย็นนี้ผมมีนัดกินข้าวกับที่บ้านน่ะ”
“จริงสิวันนี้วันเกิดกานต์” ณิชาภัทรเพิ่งนึกออกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของอดีตคนรักเธอรู้สึกเสียดายที่ตนเองไม่ได้เตรียมของขวัญมาด้วย
“เอางี้ไหมเย็นนี้กานต์ไปกินข้าวกับที่บ้านก่อนแล้วพวกเราค่อยออกไปฉลองกัน”
“ดีเหมือนกันนะนานๆ เราจะได้เจอกันแบบนี้” เพื่อนอีกคนก็เห็นด้วย
“ไปร้านเพื่อนผมก็ได้นะ ดีไหมจะจองโต๊ะให้” เพื่อนชายคนหนึ่งเสนอขึ้น
“ได้สิ แต่ผมอาจจะไปถึงดึกหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไรพวกเรารอได้ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ไม่มีใครต้องรีบไปไหน”
เมื่อตกลงกันได้แล้วธีรกานต์ก็ขอตัวก่อนเพราะเขายังต้องพาเอวาริณไปกินไอศกรีมตามที่สัญญากันไว้อีก
“จะไปกินไอติมเลยไหมเอวา”
“เอวาอยากกินค่ะ แต่ท้องไม่ไหวขอไปเดินย่อยได้ไหมคะ เราไปร้านเครื่องเขียนได้ไหมเอวาอยากไปซื้อปากกา” เด็กสาวหันมาขอความคิดเห็น
“ได้สิ” ธีรกานต์ยอมตามใจหญิงสาวเพราะเมื่อกี้ตนเองก็ทำให้เอวาริณเสียเวลาไปมาก
เอวาริณใช้เวลาในร้านเครื่องเขียนครึ่งชั่วโมงก็ได้อุปกรณ์การเรียนมาอีกถุงใหญ่โดยไม่จ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว
“พี่กานต์ไม่ซื้ออะไรบ้างเหรอคะ เดี๋ยวเอวาจ่ายให้เอง” เมื่อตนเองได้ของมาเยอะกว่าที่คิดก็อยากจะจ่ายคืนเขาบ้าง
“ไม่ละ พี่ไม่ค่อยได้ใช้ของพวกนี้แล้ว แต่พี่อยากไปซื้อกาแฟ เอวาจะไปด้วยหรือจะไปรอที่ร้านไอติม”
“ไปด้วยค่ะ”
เด็กสาวเดินตามมายังร้านที่จำหน่ายกาแฟซึ่งมีทั้งแบบผงสำเร็จรูปและแบบเมล็ดที่ใช้กับเครื่องชงกาแฟ ธีรกานต์ใช่เวลาเลือกค่อนข้างนานเพราะเขาดื่มกาแฟทุกวันจึงอยากได้เมล็ดกาแฟที่รสชาติถูกใจตนเองมากที่สุด
“แต่ละอย่างที่พี่กานต์เอามาดมกลิ่นมันก็เหมือนกันนะคะ” เธอไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลยแม้แต่น้อย
“มันอยู่ที่กลิ่นรสชาติ จะลองชิมไหม แต่เด็กอย่างเอวาพี่ว่ายังไม่ต้องกินหรอกมันไม่ดี
“มันไม่ดีแล้วทำไมพี่ถึงกินล่ะ”
“พี่ต้องทำงานถ้าไม่กินพี่ก็ง่วงสิ”
“พี่กานต์แปลกคน”
“แปลกยังไง”
“ก็บอกเองว่ามันไม่ดีแต่ก็ยังกิน เอวาจะไม่กินของไม่ดีพวกนี้เด็ดขาด”
“อย่าให้พี่เห็นนะว่าเธอกินกาแฟ”
“ไม่มีทางกรอกค่ะ เอวาไม่กินแน่นอน ถ้าพี่เห็นเอวายอมให้พี่ทำโทษเลยค่ะ”
“จำคำพูดของตัวเองไว้นะ พอถึงวันนั้นอย่าโวยวายก็แล้วกัน” เขาหันมองเธอและคาดโทษไว้เพราะคิดว่าพอเด็กสาวโตขึ้นก็จะต้องเปลี่ยนความคิดไปเอง
“เอวาจะจำไว้เลยว่าวันเกิดปีที่ 15 เอวาสัญญาว่าจะไม่กินกาแฟ ถ้าเอวากินพี่กานต์จะทำโทษแบบไหนก็ได้” เด็กสาวสัญญาอย่างจริงจัง
“พอถึงเวลาอย่ามางอแงก็แล้วกัน”
“ใครเขาจะงอแงเป็นเด็กกันล่ะ ปีนี้เอวาก็จะใช้นางสาวแล้วนะ”
“เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ พี่จำได้ว่าครั้งแรกที่เราฉลองวันเกิดพร้อมกันตอนนั้นเอวาเพิ่งหกขวบเอง”
“พี่กานต์จำได้เหรอคะ”
“สมองพี่ไม่ได้เสื่อมนะทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ”
“ปีหน้าเอวาคงไม่ได้ฉลองกับพี่แล้ว” เด็กสาวพูดด้วยความเสียดาย หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เธอจะต้องย้ายไปเรียนต่อที่อังกฤษเพราะบิดาของตนต้องย้ายไปทำงานที่นั่นเธอกับมารดาก็ต้องย้ายตามไปด้วย
“นั่นมันเรื่องของปีหน้า ปีนี่เราก็ได้ฉลองด้วยกัน ไปเลือกซื้อของขวัญดีไหม อยากได้อะไรพี่ตามใจเราเต็มที่เลย” เมื่อเห็นเธอทำหน้าเศร้าเขาก็รีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ให้เอวามาเยอะแล้ว”
“เอาน่า ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ฉลองด้วยกันอีก”
ธีรกานต์ยิ้มให้เด็กสาวอย่างอ่อนโยน เขากับเอวาริณฉลองวันเกิดด้วยกันมานานถึง 10 ปีพอคิดว่าปีหน้าจะต้องเป่าเค้กวันเกิดคนเดียวก็รู้สึกใจหาย
“ถ้าเอวาเลือกของแพงพี่กานต์ห้ามบ่นนะคะ”
“นี่กะจะให้พี่หมดตัวเลยหรือไง”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
หลังจากเดินวนไปหลายร้านเอวาริณก็ยังไม่ได้ของที่ถูกใจเพราะส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ของแบรนด์เนมพวกกระเป๋ารองเท้าและเครื่องสำอางซึ่งของพวกนี้เธอไม่มีความจำเป็นต้องใช้เพราะยังอยู่ในวัยเรียน
เมื่อเดินจนเหนื่อยแต่เอวาริณยังไม่ยอมเลือกของขวัญวันเกิดธีรกานต์เลยจูงมือเธอมายังร้านจำหน่ายนาฬิกาและเป็นคนเลือกให้เธอสองเรือน เรือนหนึ่งเป็นนาฬิกาแบบวัยรุ่นสีฟ้าสดใส อีกเรือนเป็นนาฬิกาสีโรสโกลด์ดูเป็นผู้ใหญ่“ทำไมต้องซื้อถึงสองเรือนคะ” เอวาริณถามขณะที่ตักไอศกรีมรสชาติโปรดเข้าปาก“เรือนหนึ่งของปีนี้อีกเรือนของปีหน้า”“แล้วปีถัดไปล่ะคะ”“ไม่โลภเลยนะเรา ปีถัดไปก็ค่อยว่ากันอีกที”“พี่กานต์จะไม่ลืมวันเกิดเอวาใช่ไหม”“ถามทำไม กลัวพี่ลืมเหรอ”“ค่ะ ถ้าพี่เรียนเฉพาะทางก็คงไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหมคะ”“คนเรามีเวลาเท่ากันนะ อยู่ที่จะบริหารเวลายังไงให้ชีวิตบาลานซ์ เอวาก็เหมือนกันไปเรียนที่นั่นเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ก็ต้องพยายามปรับตัวและแบ่งเวลาให้ได้” ธีรกานต์สอนเด็กสาวเพราะตนเองเคยมีปัญหาเรื่องแบ่งเวลามาก่อน“เอวาคงคิดถึงพี่กานต์กับพี่กันต์มากๆ แน่เลยค่ะ”“คิดถึงก็โทรมาหรือจะเมลมาก็ได้”“เมลมาดีกว่าพี่ว่างตอนไหนก็ค่อยตอบ”“ได้สิแต่ถ้าตอบช้าอย่าว่ากันนะ”“ไม่หรอกค่ะ”เอวาริณไม่รู้ว่าตนเองจะมีโอกาสได้กลับมาเจอกับพี่ชายใจดีอีกเมื่อไหร่ เด็กสาวไม่อยากไปกับครอบครัวเลยแต่ถ้าเลือกอยู่เมืองไทยก็ต้องกลับไปอยู่ที่
เอวาริณในวัย 20 ปีกำลังช่วยมารดาเลือกซื้อของในซุเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งเพราะวันนี้มารดาของเธอตั้งใจจะอาหารไทยเพื่อฉลองวันเกิดให้กับหญิงสาว“แม่คะกินข้าวเย็นแล้วเอวาขอไปฉลองกับเพื่อนได้ไหมคะ”“เพื่อนที่ว่ามีใครบ้างล่ะ”“ก็กลุ่มเดิมค่ะแม่มีแต่เพื่อนผู้หญิงทั้งนั้น”“ปีนี้หนูอายุ 20 แล้วมีหนุ่มๆ ในมหาลัยมาจีบบ้างไหม”“ลูกสาวแม่สวยขนาดนี้จะไม่มีได้ยังไงล่ะคะ”“แล้วมีคนไหนเข้าตาบ้างหรือยังล่ะ”“ก็ดูๆ อยู่ค่ะแม่” เธอตอบไปเรื่อยแต่จริงๆ ไม่เคยคิดจะมองใครเลย“อย่าลืมพามาแนะนำให้แม่รู้จักบ้างนะ”“แม่ไม่ว่าเหรอคะถ้าเอวาจะมีแฟน”“ลูกสาวแม่โตแล้วจะมีแฟนก็ไม่ผิดอะไร แต่แม่ขอแค่อย่าให้เสียการเรียนก็พอ”“เอวาไม่ให้เสียการเรียนหรอกค่ะแม่” เอวาริณให้สัญญากับมารดาแต่จริงๆ แล้วเธอไม่คิดจะคบกับใครเลยเพราะยังไม่สามารถลืมธีรกานต์ได้ แม้ว่าจะไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปีก็ตาม“สุขสันต์วันเกิดนะครับเอวา” หนุ่มอังกฤษหอบดอกไม้ช่อโตมาให้หญิงสาวเมื่อเธอเดินเข้ามาในผับที่นัดกับเพื่อนๆ ไว้“ขอบคุณนะเลโอ” หญิงสาวรับช่อดอกไม้แล้วกล่าวขอบคุณด้วยภาษาอังกฤษชัดแจ๋วงานฉลองไม่ได้มีอะไรพิเศษเพราะเจ้าของวันเกิดบอกทุกคนว่าเธอไม่อ
หลังจากใช้ทุนที่โรงพยาบาลรัฐบาลในต่างจังหวัดครบ 3 ปีแล้วธีรกานต์ก็ตัดสินใจเรียนต่อทางด้านอายุรกรรมโดยใช้ทุนส่วนตัวเพราะครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่เขาจึงต้องมาช่วยงานของครอบครัว แต่ชายหนุ่มก็รับผิดชอบในส่วนของการตรวจรักษาผู้ป่วยและการบริหารทางการแพทย์เท่านั้น ส่วนการบริหารงานด้านอื่นๆ ธีรกานต์ยกให้เป็นหน้าที่ของน้องชาย“พี่กานต์ว่าหมอออกตรวจน้อยไปหน่อยไหม” พีรกันต์เข้ามาปรึกษาพี่ชายระหว่างพักกลางวันเพราะวันจันทร์ที่ผ่านมาฝ่ายบริการแจ้งว่ามีการร้องเรียนถึงเรื่องที่ปล่อยให้ผู้ป่วยรอนาน“พี่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะหาหมอมาเด็กและหมอสูติฯ มาเพิ่มแผนกละคน”“หมอนิวก็เป็นหมอเด็กนะ พี่ลองชวนเธอมาสิได้คนกันเองมาทำงานก็น่าจะดี” พีรกันต์หมายถึงหมอณิชาภัทรซึ่งเรียนจบเฉพาะทางกุมารแพทย์และยังเป็นเพื่อนของพี่ชายตนเองอีกด้วย“พี่อยากได้หมอปิญชาน์กับหมอไอรดามากกว่านะ จ้างทั้งคู่มาทำพาร์ทไทม์เสาร์กับอาทิตย์”“พี่กานต์ไม่อยากเจอหมอนิวเหรอ” พีรกันต์รู้ว่าพี่ชายกับคุณหมอณิชาภัทรนั้นเคยคบกันมาก่อนจึงถามเพราะคิดว่าพี่ชายลำบากใจที่จะต้องกลับมาเจอหน้ากัน“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกพี่ก็แค่อยากได้หมอสูติ
“หนูจะกลับไปทำงานที่เมืองไทยจริงเหรอเอวา” วาสิการ์ถามลูกสาว“ค่ะแม่ เอวาคุยกับพี่กันต์แล้ว พี่กันต์บอกว่ามีตำแหน่งที่เหมาะสมกับเอวาอยู่พอดีเอวาก็เลยว่าจะลองไปทำดูค่ะ ได้ไหมคะแม่” แม้จะตัดสินใจไปแล้วแต่อยากฟังความคิดเห็นของมารดา“แม่แล้วหนูนะลูกแล้วจะะเดินทางเมื่อไหร่”“ก็คงจะเป็นอาทิตย์หน้าค่ะ แม่จะไปด้วยไหมคะ”“แม่ยังต้องอยู่ดูร้านอาหารที่นี่แต่เดี๋ยวแม่จะโทรบอกป้านาให้นะเขาจะได้ช่วยหาคนมาทำความสะอาดบ้านให้นะ”“ขอบคุณนะคะแม่”“แล้วหนูจะไปเยี่ยมคุณยายไหม”“ไปสิคะเอวาว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านสักสองสามวันพักให้หายเหนื่อยแล้วว่าจะไปอยู่กับคุณยายสักอาทิตย์หนึ่งค่ะ เพราะว่ากว่าจะเริ่มงานก็อีกตั้งสองอาทิตย์”“ดีเลยเดี๋ยวไม่มีของฝากจะเอาไปให้ยายกับญาติคนอื่นด้วย”“ได้ค่ะ เอวาเอาของไปไม่เยอะเท่าไหร่แม่ฝากได้เต็มที่เลยค่ะ”“ว่าแต่หนูจะอยู่ที่บ้านคนเดียวได้แน่นะลูก”“แน่สิคะแม่ บ้านเราอยู่ใกล้กับบ้านคุณป้าถ้ามีอะไรเอวาก็ให้คุณป้ากับพี่กันต์ช่วยได้”“แล้วหนูอยากได้คนมาช่วยดูแลงานบ้านไหม แม่จะได้ให้ป้าช่วยหาคนที่ไว้ใจได้หน่อย”“ไม่จำเป็นหรอกมั้งคะแม่”“ถ้าหนูไปทำงานก็คงไม่มีเวลาดูแลบ้านนะ”“เอวาคิดว
หลังจากเอาของฝากให้บิดามารดาของธีรกานต์เรียบร้อยแล้วเอวาริณก็กลับมานอนพักที่บ้านและตื่นมาอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงเวลาไปหาพี่ชายใจดีอีกคนที่คิดถึงสุดหัวใจหญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งเธอขึ้นไปหาพีรกันต์ที่ห้องทำงานจากนั้นเขาก็พาเธอมายังแผนกอายุรกรรมผู้ป่วยนอกซึ่งเปิดให้บริการถึงสองทุ่ม“เดี๋ยวพยาบาลพาคุณเอวาเข้าห้องตรวจให้เรียบร้อยนะครับจากนั้นก็บอกทุกคนในแผนกกลับได้เลย”“แต่นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะคะ หมอธีรกานต์จะเลิกงานแล้ว ให้เธอไปตรวจที่ห้องฉุกเฉินได้ไหมคะ เดี๋ยวนุ่นพาเธอไปเองก็ได้ค่ะ” พยาบาลสาวกลัวจะถูกคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาลดุจึงรีบบอกกับพีรกันต์เพราะถ้าเลือกระหว่างพี่กับน้องเธอคิดว่าโดนคนน้องดุยังดีกว่าโดนคนพี่ในห้องดุ“เอาตามที่ผมบอกนั่นแหละครับ”“แต่…”“อย่ากลัวไปเลยเรื่องนี้ผมรับผิดชอบเอง คุณก็แค่พาเธอไปส่งแล้วบอกว่าจะออกมาตามเวชระเบียนจากนั้นก็กลับกันได้เลย”“จะดีเหรอคะ การตรวจต้องมีคนอื่นอยู่ด้วยนะคะ”“ไม่จำเป็นหรอกเอวาก็แค่อยากมาเซอร์ไพรส์พี่ชายเท่านั้นเอง"“นี่ต้องสาวคุณกันต์กับหมอธีรกานต์เหรอคะ” เธอมองหน้าเอวาริณสลับกับพีรกันต์ด้วยความสงสัย“ครับ” พีรกันต์รีบบอกเพรา
“คุณ ปล่อยผมก่อน คุณเป็นอะไรทำไมต้องร้องไห้แบบนี้" ธีรกานต์ทำตัวไม่ถูกที่จู่ๆ หญิงสาวก็กอดเขาไว้แน่น“พี่กานต์เอวาคิดถึงพี่กานต์มากที่สุด ขอกอดแบบนี้นานๆ ได้ไหม”“เอวาเหรอ” เขาคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่สวยบาดตาบาดใจคนนี้จะเป็นเอวาริณน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันมานานถึงเจ็ดปีความทรงจำในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง เขายังจำได้ดีว่างานวันเกิดปีสุดท้ายที่ได้ฉลองด้วยกันนั้นเขาและเธอพูดอะไรกันบ้าง และเธอก็ย้ำกับเขาอีกครั้งในคืนเลี้ยงส่งว่าเธอจะตั้งใจเรียนและจะกลับมาหาเขาหลังเรียนจบเพื่อทวงตำตอบแต่ใครจะคิดว่าเด็กสาวในวันนั้นจะโตขึ้นและกลายเป็นสาวสวยถึงเพียงนี้ ถ้าย้อนเวลาได้เขาจะตอบตกลงเป็นแฟนกับเธอตั้งแต่เมื่อปีก่อนอย่างแน่นอนพอเห็นว่าเขาจำไม่ได้เอวาริณก็ร้องไห้หนักขึ้นไปอีกทำเขาไปไม่เป็นเพราะไม่เคยเห็นเธอร้องไห้แบบนี้มาก่อน“พี่กานต์ใจร้ายมากรู้ไหม ไหนว่าจะไม่ลืมกัน แต่พอเอวาไปอยู่อังกฤษพี่กานต์ก็ลืมทุกอย่าง ไม่เคยโทรหา ไม่เคยตอบเมล ไม่เคยอวยพรวันเกิด”“พี่ขอโทษ” เขาไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นจะมีก็แต่คำขอโทษเท่านั้น เขายอมรับว่าตนเองละเลยน้องสาวคนนี้ไปมาก“แล้วพอเอวามาพี่กานต์ก็ยังจำเอวาไม่ได้” อารมณ์น้
“อยู่คนเดียวได้แน่นะ" ธีรกานต์ถามเมื่อจอดรถที่หน้าบ้านของเอวาริณซึ่งด้านในเปิดไฟไว้จนสว่างไปทั่ว“ได้ค่ะ บ้านหลังนี้เอวาอยู่มาเป็นสิบปีแล้วไม่มีอะไรต้องกลัว”“นั่นสินะ รีบเข้าบ้านเถอะจะได้รีบนอน”“ขอบคุณนะคะพี่กานต์ที่มาส่ง ฝันดีนะคะ” หญิงสาวชะโงกหน้ามาหอมแก้มเขาแล้วรีบลงจากรถไปอย่างรวดเร็วธีรกานต์มองตามหลังจนกระทั่งหญิงสาวเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้วจึงขับรถกลับมาที่บ้านของตนเอง“ไปส่งหนูเอวามาแล้วใช่ไหม”“ครับแม่”“เจอครั้งแรกกานต์จำน้องได้ไหม”“ไม่ครับน้องเปลี่ยนไปมาก” เขาใช่คำว่าเปลี่ยนไปแทนที่จะใช้คำว่าสวยขึ้นมากเพราะกลัวจะแสดงออกให้ครอบครัวรู้ว่าตนเองเริ่มจะคิดกับเธอมากกว่าน้องสาวข้างบ้านอย่างแต่ก่อน“ผมว่าเอวาสวยขึ้นมากเลยครับ แม่กับพี่กานต์คิดเหมือนผมไหม” พีรกันต์ขอความเห็น“แม่ก็คิดเหมือนกันต์นะ น้องสวยขึ้นมากไม่รู้ว่ามีแฟนหรือยัง”“สวยแบบนั้นก็คงมีแฟนแล้ว” ธีรกานต์พูดออกมาแล้วรู้สึกใจหายถ้าหากเธอมีแฟนอย่างที่ตนเองพูดจริงๆ นึกถึงตรงนี้ก็อยากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อน“กันต์คุยกับน้องบ่อยๆ รู้ไหมว่ามีแฟนหรือยัง” คุณรัตนาหันมาถามลูกชายคนที่ติดต่อกับเธออยู่ตลอด“เท่าที่ได้คุยกั
ธีรกานต์เก็บเอาเรื่องที่คุยกับน้องชายมาคิดแล้วก็ทำให้ตนเองนั้นเครียดมากกว่าเดิมไปอีกเพราะดูเหมือนว่าพีรกันต์กำลังสนใจเอวาริณอยู่ไม่น้อยทั้งที่เพิ่งจะบอกกับเขาไปว่ากำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่เขารู้สึกเป็นห่วงเอวาริณเพราะกลัวจะตามความเจ้าชู้ของน้องชายไม่ทันและในฐานะพี่ชายที่แสนดีธีรกานต์จึงคิดจะปกป้องเอวาริณจากพีรกันต์เช้าวันใหม่ในห้องอาหารของบ้านหลังใหญ่มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคนหนึ่งซึ่งตอนนี้กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ธีรกานต์ได้ยินเสียงหัวเราะที่สดใสตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง“มอร์นิ่งค่ะพี่กานต์” เอวาริณกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใสทำให้คนมองยืมตามโดยไม่รู้ตัว“วันนี้นายกันต์ตื่นมากินข้าวกับเขาด้วยเหรอเนี่ย” เขาแก้เขินด้วยการหันไปคุยกับน้องชาย“ก็ผมนัดเอวาไว้”“วันนี้จะพาน้องไปเที่ยวไหนล่ะกันต์” เอกวิทย์ผู้เป็นบิดาถามลูกชาย“ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกครับพ่อแค่จะพาเอวาไปเดินซื้อของใช้แล้วก็พวกเสื้อผ้า”“ถ้าพี่กันต์งานยุ่งเอวาไปคนเดียวก็ได้นะคะ” เอวาริณบอกด้วยความเกรงใจ ถึงจะไม่ได้กลับมาเมืองไทยหลายปีแต่ก็พอรู้ว่าร้านอะไรอยู่ตรงไหน“งานยุ่งยังไงพี่ก็แบ่งเวลาได้ เอวาเพิ่งกลับมาอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับ
เอวาริณหน้างอเป็นม้าหมากรุกเมื่อมาถึงชายหาดหัวหินแล้วไม่เจอม้าตัวโปรดเพราะเจ้าของพากลับไปพักแล้วเนื่องจากตลอดทั้งวันนักท่องเที่ยวพากันมาใช่บริการจนมันเหนื่อย“เรามาพรุ่งนี้ก็ได้เอวา จองคิวไว้ก่อนดีไหม”“แต่พรุ่งนี้เราต้องกลับแล้วนะคะพี่กานต์”“กลับค่ำหน่อยก็ได้”“แต่กว่าจะถึงก็ต้องดึกแน่ๆ พี่กานต์ต้องไปทำงานเช้าวันจันทร์นะคะ”“ขับรถแค่นี้ไม่เหนื่อยหรอกนะ” เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อให้เธอกลับมายิ้มได้“ไม่ดีกว่าค่ะ ตอนนี้เอวาโตขึ้นแล้วบางทีม้ามันอาจจะหนักเดินไม่ไหวก็ได้ค่ะ”“ไม่เสียใจเหรอ เราตั้งใจแล้วนะ”“ก็นิดหน่อยค่ะเรากลับกันเถอะค่ะ”“ไปเดินตลาดโต้รุ่งกันไหม หาของกินอร่อย” เขาถามอย่างรู้ใจ“ดีเหมือนกันค่ะ เอวาอยากกินตั้งหลายอย่าง”เมื่อตกลงกันได้เขาก็พาเอวาริณมายังตลาดโต้รุ่งตั้งแต่ตลาดเริ่มเปิดคนจึงยังไม่ค่อยพลุกพล่านทำให้เขาและเธอเดินเลือกซื้ออาหารและทานไปด้วยกันสนุกสนาน“เอวาต้องน้ำหนักขึ้นแน่เลยค่ะ” หญิงสาวบ่นแต่พอเจออาหารที่ถูกใจก็แวะซื้อตลอดทาง“กินแค่วันเดียวคงไม่ขึ้นมากเท่าไหร่หรอกนะ เอวาหนักแค่ 46 เองนะแล้วตอนป่วยก็น้ำหนักลดมาตั้งสองกิโล”“จำได้ด้วยเหรอคะว่าหนักเท่าไหร่”“มีค
ธีรกานต์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าด้วยความเคยชินแต่เขายังไม่ลุกไปจากเตียงเพราะตอนนี้เอวาริณยังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนแผงอกของตนเขามองใบหน้าสวยแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ภาพความทรงจำเมื่อคืนทำให้เขายิ้มกว้างขึ้นไปอีกเมื่อคิดว่าตอนนี้ตนเองกับหญิงสาวไปเปลี่ยนสถานะไปแล้ว กลับจากหัวหินครั้งนี้เขาจะต้องพูดกับมารดาเพราะอยากจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ธีรกานต์ไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วเขาอยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอในฐานะสามีภรรยาและอยากให้คนอื่นรับรู้ว่าเขานั้นรักเธอมากแค่ไหนสิ่งที่ทำลงไปนั้นชายหนุ่มไม่เสียใจเลยเพราะเขาทำทุกอย่างด้วยความรักและคิดว่าเอวาริณเองก็คงคิดไม่ต่างจากเขา บทรักเร่าร้อนที่มอบให้แก่กันเมื่อคืนยืนยันได้อย่างดีว่าเขาและเธอเข้ากันได้มากแค่ไหนธีรกานต์ไม่เคยหลงใหลในตัวผู้หญิงคนไหนมากมายอย่างเอวาริณมาก่อนเลย เขาไม่เคยมีความต้องการมากมายเท่าเมื่อคืน แม้ว่าจะสุขสมไปหลายรอบแต่ความรู้สึกกระหายก็ยังคงติดอยู่ในใจและอยากได้เธอมากขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่หญิงสาวทั้งหอมและหวานชวนหลงใหลจนเขาแทบคลั่งและไม่อยากจะหยุดพักเลยสักนิด เพียงคิดถึงความเป็นชายก็ตื่นตัวอย่างประหลาดแล้วคนที่นอนอยู่จะรู้ไหมว่าตอนนี้เขากำลังต้องกา
เอวาริณจมลงไปเพลิงตัณหาอีกครั้ง เธอครางสะท้านสั่นเทาไปทั้งตัวเมื่อปากร้อนครอบครองและดูดดึงลงบนปทุมถันที่ชูชันเป็นไต“พี่กานต์...”สัมผัสทั้งบนและล่างให้เธอร้องครางระงมเพราะมันเสียวมากขึ้นอีกเท่าทวีคูณ ร่างกายของชายหนุ่มก็ร้อนรุ่มจนแทบปริแตกเขาต้องพยายามอดกลั้นตนเองและระบายลงบนอกอวบอิ่มอย่างไม่ออมแรงแต่เธอก็แอ่นอกให้เขาได้บีบเคล้นไปตามใจปรารถนาหญิงสาวปล่อยกายปล่อยใจไปตามแรงอารมณ์และพยายามไม่เกร็งอย่างที่เขาบอกแต่ปลายนิ้วที่สอดเข้ามายังกลางกายก็ทำให้เธอนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ“เจ็บคะ เอวาเจ็บ”“หายใจเข้าลึกๆ นะคะคนเก่งนิดเดียวนะเดี๋ยวก็ดีขึ้นค่ะ”เขาบอกด้วยเสียงแหบพร่าเพราะรู้สึกถึงแรงตอดรัดที่ปลายนิ้วแล้วคิดไปถึงคราวที่ท่อนเอ็นของตนจะเข้าไปแทนที่นิ้วมันคงรู้สึกดีมากกว่าอะไรทั้งหมดหญิงสาวทำตามที่เขาบอกเธอหายใจเข้าลึกและพยายามผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ความร้อนจากการเสียดสีก็ยากเกินกว่าจะอดกลั้น เธอครางสะท้านกับทุกการเคลื่อนไหวของปลายนิ้วร้ายที่ขยับอยู่ในช่องทางสวาท หญิงสาวจิกเล็บลงบนไหล่หนาและแอ่นสะโพกเบียดเมื่อเขากดย้ำที่จุดอ่อนไหวทางด้านในซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันจะสร้างความเสียวซ่านให้แล่น
ริมฝีปากของธีรกานต์สัมผัสลงอย่างแผ่วเบาจูบที่อ่อนหวานทำให้คนอ่อนประสบการณ์ใจเต้นแรงและทำตัวไม่ถูก หญิงสาวพยายามจะครางประท้วงแต่นั่นกลับกลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้เขาสอดปลายลิ้นเข้ากวาดต้อนเอาหวานจากโพรงปากเล็ก จากจูบที่อ่อนหวานก็เริ่มจะเร่าร้อนขึ้นไปตามอารมณ์ปลายลิ้นเล็กพยายามหลบหลีกแต่ก็หนีไม่พ้น หญิงสาวรู้สึกสับสนและมึนงงมือของเธอจิกลงบนแผ่นหลังของเขาอย่างลืมตัว จูบนั้นเนิ่นนานจนเธอแทบขาดใจ“พี่กานต์”เสียงเรียกแผ่วเบาเมื่อเขาถอนจูบออกเพื่อให้เธอได้หายใจ“จูบเอวาหวานมาก พี่อยากรู้ว่าจะหวานไปทั้งตัวหรือเปล่า”“อื้อ...พี่กานต์”เสียงหวานเรียกชื่อเขาอีกครั้งเมื่อถูกมือใหญ่เลื่อนไปสัมผัสกับทรวงอกอิ่มผ่านชุดนอนบางๆ เขาเพิ่มแรงบีบมากขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะจัดการชุดนอนและชั้นในออกจากร่างเนียน ใบหน้าของเอวาริณแดงก่ำเมื่อสบตาคมที่จ้องเธอราวกับเป็นขนมหวานเหมือนทุกอย่างเป็นใจเพราะตอนนี้ไฟที่หัวเตียงสว่างขึ้นแล้วทำให้ธีรกานต์มองเธอได้อย่างชัดเจน“เอวาของพี่สวยไปทั้งตัว”“พี่กานต์...”“ให้พี่นะคะคนดี”หญิงสาวเงียบเพราะไม่รู้จะตอบเขาว่ายังไงเธอรู้ว่าหลังจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นความสัมพันธ์ของเธอก
เอวาริณออกจากโรงพยาบาลมาได้หลายวันแล้วตอนนี้หญิงสาวหายเป็นปกติและกำลังเตรียมจัดกระเป๋าเพื่อไปเที่ยวทะเลกับธีรกานต์ซึ่งเรื่องนี้เธอบอกกับบิดามารดาว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน“ไม่ดีใจเหรอที่ได้มาเที่ยว” ธีรกานต์ถามเมื่อเห็นว่าตอนนี้เอวาริณทำหน้าเครียด“เมื่อวานแม่โทรมาค่ะ”“แล้วท่านว่ายังไงบ้างล่ะ เอวาถึงได้หน้าเครียดแบบนี้”“แม่พูดถึงเรื่องเอวากับพี่กันต์แต่เอวาปฏิเสธไปแล้วนะคะ แต่แม่ก็ยังอยากให้เอวากับพี่กันต์ลองเปิดใจคบกันดูก่อน”“อย่าเครียดไปเลยนะ กลับจากเที่ยวครั้งนี้พี่จะพูดกับพ่อแม่เอง เพราะถ้าเราไม่พูดท่านก็คงคิดจะจับคู่แบบนี้”“พี่ไม่คิดว่ามันเร็วไปเหรอคะ”“เรารู้จักกันมานานมากแล้วนะ”“แต่เราเพิ่งจะเริ่มคุยกับเรื่องนี้”“แล้วเราคุยกันรู้เรื่องไหมล่ะ”“ก็รู้เรื่อง”“ไม่มั่นใจในตัวพี่เหรอ” เขาถามเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของเอวาริณที่กำลังมองเหม่อไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า“ค่ะ พี่กานต์ทั้งหล่อทั้งรวย เอวารู้ว่าที่ผ่านมามีสาวๆ เข้าหาอยู่ตลอด”“แต่พี่ก็ไม่เคยจริงจังกับใครเลยนะ เชื่อใจพี่เถอะว่าพี่จะไม่ทำให้เอวาผิดหวังแน่นอนพี่สัญญาเลยว่าจากนี้จะมีแค่เอวาคนเดียว พี่รักเอวานะ”คำสารภาพที่หลุดออกม
ธีรกานต์นั่งมองหน้าคนที่หลับสนิทแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว เขาไม่คิดเลยว่าเอวาริณจะกลับมาทวงคำตอบ ซึ่งเขาเองก็รอที่จะตอบคำถามของเธออยู่เหมือนกันตลอดเวลาที่ผ่านธีรกานต์ไม่เคยลืมเอวาริณเลยยิ่งพอเธอกลับมาแบบนี้เขาก็ดีใจมากกว่าใครทั้งหมด ชายหนุ่มมั่นใจว่าหญิงสาวคือคนที่เขารอและคนที่ใช่สำหรับตนเองมากที่สุด แต่ที่ยังเป็นกังวลอยู่ก็เพราะคนที่บิดามารดาอยากให้ลงเอยกับเอวาริณนั้นคือพีรกันต์น้องชายของตนเองธีรกานต์คิดว่าเรื่องน้องชายนั้นคงพูดไม่ยากเท่าไหร่เพราะตอนนี้พีรกันต์ก็กำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่“พี่กานต์คิดอะไรอยู่คะ”“ตื่นนานแล้วเหรอ”“ค่ะ เห็นพี่กานต์นั่งเหม่ออยู่นานคิดอะไรอยู่เหรอคะ”“พี่กำลังคิดถึงเรื่องของเราอยู่เจ็ดปีพี่ว่ามันนานไปนะ”“นานที่ไหนกันเอวายังรอได้เลย”“ที่รอได้เพราะตอนนั้นเอวายังเด็กและไม่ถึงเวลามีครอบครัว แต่ตอนนี้เอวาโตแล้วนะ”“พี่พูดเรื่องอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย”“แม่พี่บอกว่าเขาอยากได้เอวาเป็นลูกสะใภ้”“ถ้าพี่กานต์ไม่เห็นด้วยก็บอกคุณป้าไปสิคะ” เอวาริณพูดแล้วก็สะบัดหน้าหนีเพราะคิดว่าธีรกานต์รังเกียจตัวเอง“หันหน้ามาคุยกับพี่ดีๆ ก่อนนะเอวา”“ไม่อยากคุยค่ะเอวาง่วงนอน”“เพ
เอวาริณใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกเมื่อวิ่งขึ้นมาถึงห้องนอน เธอไม่คิดมาก่อนว่าธีรกานต์จะขอเป็นแฟนเพราะเขากับเธอไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว อันที่จริงแล้วหญิงสาวก็อยากจะรีบตอบตกลง เธอเองก็ต้องการแบบนั้นแต่ที่บอกให้เขารอเจ็ดปีก็เพราะอยากให้มั่นใจกว่านี้อีกนิดว่าเขาไม่ได้พูดออกมาเพราะรู้สึกผิดเธอรีบอาบน้ำแต่งตัวและคิดว่าจะโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องนี้ให้ชัญญานุชฟังแต่ยังไม่ทันได้ทำก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาเสียก่อนเธอจึงรีบปิดไฟนอนพักและหวังว่าอาการของตนเองจะดีขึ้นเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงอาการปวดก็ไม่ทุเลาลงเลยแต่กลับปวดหนักขึ้นไปอีก เธออยากจะโทรไปธีรกานต์เพื่อขอยาแก้ปวดแต่ในโทรศัพท์ก็ไม่มีเบอร์ของเขา หญิงสาวจึงโทรศัพท์ไปหาพีรกันต์เพราะอย่างน้อยเขาก็น่าจะไปตามธีรกานต์ได้“พี่กันต์นอนหรือยังคะ”“ยังเลยโทรมาดึกเชียวนอนไม่หลับเหรอเอวา”“พี่กันต์ เอวาปวดท้องพี่ช่วยถามพี่กานต์ให้หน่อยได้ไหมว่ามียาแก้ปวดท้องหรือเปล่า”“เดี๋ยวพี่ไปถามให้นะ”เอวาริณได้ยินเสียงเคาะประตูจากนั้นพีรกันต์ก็ส่งโทรศัพท์ให้กับพี่ชาย“ปวดท้องเหรอ”“ค่ะ”“ปวดแบบไหนแล้วท้องเสียหรือเปล่าอาเจียนไหม”“ปวดบิดค่ะ ปวดทั่วท้องเลยแล้วก็อา
หลังจากไปซื้อของกับพีรกันต์มาเมื่อวานแล้ววันนี้เอวาริณก็มีนัดออกไปดูรถกับเขาอีกครั้ง แต่พอถึงเวลานัดคนที่มารับกลับเป็นพี่ชายของเขา“ถ้าพี่กันต์ไม่ว่างเอวารอไปวันหลังก็ได้ค่ะ”“นายกันต์ไม่ว่างแต่พี่ว่างไปกับใครก็เหมือนกันนั่นแหละ”“แต่เอวาไม่อยากกวนพี่หรอกนะคะ”“แค่ไปดูรถไม่ได้รบกวนอะไรเลยพี่ก็อยากเปลี่ยนรถอยู่เหมือนกัน”“ก็ได้ค่ะ พี่รอห้านาทีนะคะขอไปเอากระเป๋าก่อน”ธีรกานต์มองตามร่างระหงที่สวมชุดกางเกงผ้าขายาวกับเสื้อแขนกุดแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก ไม่ว่าเอวาริณจะสวมเสื้อผ้าแบบไหนเธอก็ดูดีมากจนเขาไม่อยากจะให้หญิงสาวออกไปเจอคนอื่นเลย“คิดไว้หรือยังว่าจะซื้อรถแบบไหน” เขาถามขณะที่ขับรถออกมาถึงถนนเส้นหลัก“ยังเลยค่ะ แม่บอกว่าอยากได้รถยุโรปแต่เอวาอยากได้แค่รถญี่ปุ่น”“ทำไมล่ะ” ธีรกานต์รู้ว่าทางบ้านของเธอมีฐานะมาแค่จะซื้อรถให้ลูกสาวสักคันก็คงไม่เดือดร้อนอะไร“มันแพงไปค่ะ เอวาอยากได้รถที่ราคาไม่แพงมาก ถ้าทำงานเก็เงินเองได้ค่อยเปลี่ยนค่ะ พี่กานต์ว่าดีไหม”“ก็ลองไปดูก่อนว่าถูกใจไหม แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”ชายหนุ่มพาเธอเข้าออกโชว์รูมรถจนบ่ายแต่เอวาริณยังตัดสินใจไม่ได้“หาอะไรกินก่อนดีไหมแล้วค่อยไปดูที
ธีรกานต์เก็บเอาเรื่องที่คุยกับน้องชายมาคิดแล้วก็ทำให้ตนเองนั้นเครียดมากกว่าเดิมไปอีกเพราะดูเหมือนว่าพีรกันต์กำลังสนใจเอวาริณอยู่ไม่น้อยทั้งที่เพิ่งจะบอกกับเขาไปว่ากำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่เขารู้สึกเป็นห่วงเอวาริณเพราะกลัวจะตามความเจ้าชู้ของน้องชายไม่ทันและในฐานะพี่ชายที่แสนดีธีรกานต์จึงคิดจะปกป้องเอวาริณจากพีรกันต์เช้าวันใหม่ในห้องอาหารของบ้านหลังใหญ่มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคนหนึ่งซึ่งตอนนี้กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ธีรกานต์ได้ยินเสียงหัวเราะที่สดใสตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง“มอร์นิ่งค่ะพี่กานต์” เอวาริณกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใสทำให้คนมองยืมตามโดยไม่รู้ตัว“วันนี้นายกันต์ตื่นมากินข้าวกับเขาด้วยเหรอเนี่ย” เขาแก้เขินด้วยการหันไปคุยกับน้องชาย“ก็ผมนัดเอวาไว้”“วันนี้จะพาน้องไปเที่ยวไหนล่ะกันต์” เอกวิทย์ผู้เป็นบิดาถามลูกชาย“ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกครับพ่อแค่จะพาเอวาไปเดินซื้อของใช้แล้วก็พวกเสื้อผ้า”“ถ้าพี่กันต์งานยุ่งเอวาไปคนเดียวก็ได้นะคะ” เอวาริณบอกด้วยความเกรงใจ ถึงจะไม่ได้กลับมาเมืองไทยหลายปีแต่ก็พอรู้ว่าร้านอะไรอยู่ตรงไหน“งานยุ่งยังไงพี่ก็แบ่งเวลาได้ เอวาเพิ่งกลับมาอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับ