วาสิฏฐี ถอนใจไม่รู้เป็นรอบที่เท่าแล้วของวันหลังจากที่คนรับใช้ต่างวิ่งกระหืดกระหอบมาหาตนด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่น จนเธอต้องทั้งปลอบและให้กำลังใจพวกเจ้าหล่อนทุกครั้งที่สาวใช้วิ่งมาหา และทุกครั้งก็จะจบลงด้วยการที่เธอต้องเป็นคนไปกำราบ คนไข้ จอมดื้อรั้นและเอาแต่ใจที่สุดอย่าง ธีรดล ลูกชายของ คุณนรา นายจ้างที่มีพระคุณต่อเธอมาก และท่านก็รักและเอ็นดูเธอมากๆ เรียกได้ว่าเป็นเสมือนหนึ่งลูกสาวของคุณนรานับตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่ในอาณาจักรของท่าน ด้วยการชักชวนของ วิกานดา สาวรุ่นพี่ที่สนิทสนมกัน ภรรยาของ ธีร์ ธีรเทพ พี่ชายคนโตของตระกูล ลูเซียโน่ เฉิน ซึ่งเป็นสะใภ้ใหญ่ของบ้าน จนเธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณนรา ไปโดยปริยาย
ก่อนหน้านี้เธอมีหน้าที่ดูแลคุณนราในฐานะพยาบาลประจำตัวของท่าน แต่เมื่อต้นปีก่อนลูกชายคนเล็กของคุณนราประสบอุบัติเหตุที่ประเทศอิตาลี อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน และผลพวงจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้ ธีรดลขาหักทั้งสองข้างและต้องนอนพักรักษาตัวอยู่นานกว่าอาการโดยรวมจะหายดี แต่เขาไม่สามารถเดินได้เพราะเจ้าตัวไม่ยอมเดิน และไม่ยอมทำกายภาพบำบัด คุณนราจึงให้ลูกชายคนโตพาตัวธีรดลกลับมารักษาตัวที่เมืองไทย
บาดแผลทางกาย ทั้งนอกและในนั้นหายดีแล้วในระดับหนึ่งแต่บาดแผลทางใจทำให้ธีรดล ชายหนุ่มอารมณ์ดี รักสนุก กลายเป็นคนที่เคร่งขรึม เจ้าอารมณ์และมักกราดเกรี้ยวใส่ทุกคนเสมอ เรียกได้ว่าเขาอารมณ์แปรปรวนมาก และต้องพบจิตแพทย์อยู่เป็นปีกว่าอารมณ์ของเขาจะมั่นคง
แต่กระนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า ภาวะทางอารมณ์ของเขาจะเป็นปกติดีในทุกวัน เช่นวันนี้ ไม่รู้ว่าไปโดนตัวไหน หรือสาวใช้ทำอะไรไม่ถูกใจเขากันแน่ ธีรดลถึงได้อาละวาดบ้านกระเจิงแบบนี้...
“หนูจะไม่ไหวแล้วนะคะคุณวา” องุ่น สาวใช้ตัวอวบใหญ่สะอึกสะอื้นบอกทั้งน้ำตาดูน่าเวทนานัก
“หนูก็เหมือนกันค่ะ ช่วงนี้คุณธีมเหมือนจะกลับมาเป็นแบบเดิมอีกแล้ว ตื่นเช้ามาก็อารมณ์บูดแต่เช้า อาละวาดใส่ทุกคนเลย ไม่ยอมทำกายภาพบำบัดด้วย”
ส้มโอ พี่สาวขององุ่น สาวใช้วัยยี่สิบเศษเอ่ยขึ้น แล้วสองพี่น้องก็กอดกันร้องไห้
“หนูทำอะไรก็ไม่ถูกใจเลยจนหนูอยากจะลาออกหรือไม่ก็ขอกลับไปอยู่รับใช้คุณท่าน”
“เอาล่ะๆ ใจเย็นๆ กันก่อนนะสาวๆ ทำใจให้ดีๆ ก่อน ไปหาอะไรกินกันก่อนไป คุณวาซื้อของกินมาเยอะแยะเลยไปแบ่งกันกินก่อนไป เดี๋ยวเรื่องคุณธีม คุณวาจัดการเอง”
หญิงสาวบอกสองพี่น้องด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยอ่อนโยน อันเป็นลักษณะนิสัยของเธอ
“ของกินหรือคะ” ส้มโอตาโต น้ำตาที่ไหลพรากๆ อยู่เมื่อครู่เหือดแห้งไปในบัดดล
“จ้า... ไปเถอะ ของวางอยู่ในครัวแล้ว”
“งั้นเราไปกันพี่ส้มโอ” ทั้งสองลุกขึ้นก่อนจะจูงมือกันไปยังห้องครัว
“แหะๆ แต่ว่า พวกหนูไม่ได้เห็นแก่กินนะคะคุณวา” สองพี่น้องหันมายิ้มแหยๆ ให้เธอเหมือนนึกได้
“จ้ะ คุณว่าไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
วาสิฏฐียิ้มขบขันกับทั้งสองสาว ส้มโอกับองุ่นไหว้ขอบคุณเธอก่อนจะวิ่งตื๋อจากไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างเอ็นดูทั้งสองพี่น้อง ก่อนจะเงยหน้าไปมองชั้นบนของบ้านหลังงามยังจุดที่เป็นห้องของผู้ชายเอาแต่ใจอย่างธีรดล ด้วยความหนักอึ้งในอก เธอจะต้องเผชิญอะไรอีกนะวันนี้ ขอไปทำธุระแค่สี่วัน บ้านก็เหมือนโดนพายุถล่มยับแบบนี้
“คนอะไร เอาแต่ใจชะมัด นังวาก็จะไม่ไหวแล้วนะเว้ย...”
หญิงสาวหลับตาลงกัดฟันพยายามข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้ และท่องไว้เสมอว่า งานหิน งานยาก งานมหาโหดกว่านี้เธอก็ผ่านมันมาแล้ว เจอโหดกว่านี้อีกนิดหน่อยจะเป็นไรไป
โหดกว่านิดหน่อยเหรอ.. ไม่มั้ง งานนี้มันทั้งมหาโหด มหาเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ และอันตรายต่อใจเหลือเกิน..
“สู้ๆ นังวา แกต้องผ่านมันไปให้ได้ เอาแต่ใจ งี่เง่านักก็จับปล้ำทำสามีไปเลยสิ...”
หญิงสาวบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่นปละก็แอบขบขันอยู่ในใจ เธอนี่นะจะปล้ำเจ้านายที่เป็นคนไข้จอมเกเรเป็นสามี บ้าไปแล้วแน่ๆ นังวาเอ๋ย...
“วันๆ เอาแต่อาละวาด ไม่ได้ช่วยสร้างประโยชน์อะไรเล้ย...”
หญิงสาวกอดอกมองคนที่นั่งหน้าบูดหน้างออยู่บนวีลแชร์ มองออกไปยังสวนด้านนอกทำเหมือนไม่รับรู้การมาถึงของเธอ
“ฉันบอกให้ทุกคนออกไปไม่ใช่หรือไง เสนอหน้าอยู่ทำไม”
เขาพูดโดยไม่หันมามองด้วยซ้ำ หญิงสาวส่ายหน้าแล้วถอนใจอย่างระอา
“เอาแต่ใจ นี่คนอายุสามสิบหรือสามขวบกันแน่”
วาสิฏฐีเดินไปหยุดตรงหน้าของเขา พลางยิ้มเยาะ ธีรดลเงยหน้ามองหญิงสาวอย่างไม่ชอบใจ แต่หญิงสาวทำไม่รู้ไม่ชี้
“นี่เธอ... เธอเป็นใครถึงกล้ามาพูดแบบนี้กับฉัน”
“ฉันก็เป็นพยาบาลประจำตัวของคุณไง เอาล่ะ มากินข้าวแล้วก็กินยาได้แล้ว จะได้มาทำกายภาพฯ กัน”
หญิงสาวไม่สนใจท่าทางกราดเกรี้ยวของเขาเดินไปยกถาดอาหารมาวางที่โต๊ะที่ระเบียงกว้างแล้วเดินมาเข็นวีลแชร์ของเขาไปโดยไม่สนใจท่าทีขัดขืนของชายหนุ่ม
“นี่เธอ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่กิน อย่ามายุ่งกับฉัน หูแตกหรือไง”
ธีรดลโวยวายพยายามขัดขืนแม่พยาบาลจอมวุ่นวายที่ทำให้เขาหงุดหงิดมาตลอดเวลาที่เขากลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน นี่เข้าเดือนที่หกแล้วที่วาสิฏฐี เข้ามาวุ่นวายกับเขาเจ้ากี้เจ้าการทุกอย่างทั้งที่เขาไม่ได้อยากทำกายภาพบำบัด และไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น เขาอยากอยู่คนเดียวไม่อยากรักษาตัวให้หาย ทั้งบาดแผลในใจและกาย อยากจะหายไปจากโลกนี้เสียด้วยซ้ำ...
ตอนที่2.“หูไม่ได้แตกและได้ยินทุกคำ” “ได้ยินแล้วยังจะมายุ่งอีก” “ไม่ยุ่งไม่ได้เพราะนี่คือหน้าที่ของฉัน เอาล่ะอย่าพูดมาก มากินข้าวได้แล้วค่ะ” หญิงสาวไม่สนใจท่าทางเหมือนเด็กสามขวบของเขาแต่ตักข้าวมาตรงปากของเขา “อ้าปากสิคะ” วาสิฏฐีบอกพร้อมด้วยสีหน้าขึงขัง ธีรดลตวัดสายตาคมเข้มมองอย่างไม่ชอบใจ ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพเจ้าปั้นแต่งแดงก่ำด้วยความกราดเกรี้ยว หากเป็นคนอื่นคงกลัวจนหัวหด แต่ขอโทษ ไม่ใช่เธอแน่นอน วาสิฏฐีฉีกยิ้มหวานให้เขา“กินเองไม่ได้ก็ต้องป้อนไงคะ คุณหนูธีม...”นอกจากไม่กลัวแล้วยังมีหน้าใจกล้ายั่วแหย่เขาอีก ธีรดลมองเธอตาขุ่นเข้ม “ไม่ต้องมายุ่ง” “ไม่ยุ่งไม่ได้เพราะคุณเป็นคนไข้ของฉัน” “คุณราวีคนไข้ไม่เลิกแบบนี้ทุกคนเลยรึไง” “อะไรกันคุณ นี่เขาเรียกว่าดูแลเอาใจใส่คนไข้อย่างดีต่างหากล่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างจนตาหยีไม่ยี่หระต่อสายตาขวางๆ ของเขา “เอ้า อ้าปาก กินข้าวเสียทีสิคะ จะได้กินยา ฉันมีอย่างอื่นต้องทำต่อ ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กที่จะต้องมานั่งป้อนข้าวป้อนน้ำคุณทั้งวัน”“ฉันไม่กิน และฉันก็ไม่ใช่เด็กสามขวบ”“เฮ๊อะทำตัวยิ่งกว่าเด็กสามขวบอีก” หญิงสาวพูดเบาๆ พลางย่นจมูกใส่เขา ธีรดลเห็นท่าท
ตอนที่3.พูดจบเธอก็ยัดกระดาษตารางการทำกายภาพบำบัดใส่มือของเขาแล้วเดินหนีไปอย่างไม่ใส่ใจอารมณ์ฉุนเฉียวของคนไข้จอมเอาแต่ใจ สนใจทำไมล่ะ ในเมื่อสิทธิ์ในการดูแลรักษาเขานั้นอยู่ในกำมือเธอทั้งหมด และคนที่กุมอำนาจสูงสูดในบ้านก็เป็นพวกเดียวกันกับเธอ คนที่จะต้องยอมก็คือธีรดลต่างหาก หญิงสาวยิ้มอย่างได้ใจและไปบอกข่าวนี้แก่คุณนรา สองสาวต่างวัยต่างหัวเราะชอบใจกับแผนการของพวกตนที่กำลังจะลุล่วงด้วยดีในขณะที่ธีรดลมองตามหลังหญิงสาวไปอย่างโมโหฉุนเฉียวที่วิสฏฐีไม่ยอมตามใจเขา เป็นเขาที่ต้องทำตามที่เจ้าหล่อนต้องการ นี่มันไม่ใช่ตัวเขาเลย คนที่เคยเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง เป็นผู้คุมเกมมาเสมอเริ่มรับไม่ได้และอยากจะยอมรับความพ่ายแพ้นี้“ยายตัวแสบ คิดว่าจะชนะฉันได้เหรอ หึ.. คอยดูเถอะ ฉันทำกายภาพบำบัดจนเดินเองได้เมื่อไหร่ เธอเสร็จฉันแน่ จะเอาคืนให้สาสมเลย” ชายหนุ่มหมายมาดในใจ และตั้งมั่นเพื่อจะเอาชนะวาสิฏฐีให้ได้ แล้วการฝึกทำกายภาพวันแรกผ่านไปด้วยดีจนน่าแปลกใจ หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปทุกอย่างก็ดีราวปาฏิหาริย์ แม้คนไข้ของเธอจะดื้อดึงบ้าง แต่ทุกออย่างก็ผ่านไปด้วยดี คนไข้ของเธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนน่าแปลกใจเลยทีเดีย
ตอนที่4.“เธอนี่มันปากกล้าจริงๆ ไม่รู้เป็นพยาบาลได้ยังไง ซื้อใบประกอบวิชาชีพมารึเปล่า” “อ้าวคุณ พูดแบบนี้หมิ่นประมาทกันชัดๆ เลยนะคะเนี่ย ไม่ดี ไม่เอาไม่พูด”หญิงสาวทำหน้าทะเล้นไม่ได้สนใจหรือสะทกสะท้านกับคำพูดของเขา ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ระวังไม่ให้เขาเดินสะดุดล้ม “หึ.. ถ้าอย่างนั้นก็คงติดสินบนครูผู้สอนจนจบมาได้ ฉันเคยได้ยินมาว่าบางคนเอาเหล้าขาวหนึ่งขวด กับไก่ต้มหนึ่งตัว หรือไม่ก็หัวหมูหนึ่งหัวไปให้ เขาก็ให้ผ่านแล้ว”วาสิฏฐีหัวเราะก๊ากกับคำเปรียบเปรยของชายหนุ่ม นี่เขาไปจำมาจากไหนกันเนี่ย “โอ๊ย คุณ.. คุณนี่ไทยแท้จริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าไปอยู่อิตาลีตั้งแต่เด็กๆ ถามจริงๆ ไปจำไอ้เรื่องพวกนี้มาจากไหน วงเหล้าไหนเขาโม้ให้ฟัง”ธีรดลขึงตามองคนที่สูงเพียงไหล่กว้างของตนอย่างหมั่นไส้ อารมณ์ที่เดือดปุดๆ อยู่แล้ว ดูเหมือนจะเดือดยิ่งขึ้นไปอีก“นี่เธอ พูดมากจริง มีใครเคยบอกเธอมั้ย” “มีเยอะแยะไป คนไข้บางคนถึงกับต้องเปลี่ยนตัวพยาบาลเลยก็มี” หญิงสาวยอมรับหน้าตาเฉย “หน้ามึนหน้าด้าน” “โอ้โห.. นี่คุณ ปากจัดกว่าผู้หญิงอีกนะเนี่ย ข้าน้อยนับถือๆ”วาสิฏฐียังมีแก่ใจจะยั่วโมโหเขาขณะช่วยประคองเขาเดินไปตาม
ตอนที่4.“เธอนี่มันปากกล้าจริงๆ ไม่รู้เป็นพยาบาลได้ยังไง ซื้อใบประกอบวิชาชีพมารึเปล่า” “อ้าวคุณ พูดแบบนี้หมิ่นประมาทกันชัดๆ เลยนะคะเนี่ย ไม่ดี ไม่เอาไม่พูด”หญิงสาวทำหน้าทะเล้นไม่ได้สนใจหรือสะทกสะท้านกับคำพูดของเขา ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ระวังไม่ให้เขาเดินสะดุดล้ม “หึ.. ถ้าอย่างนั้นก็คงติดสินบนครูผู้สอนจนจบมาได้ ฉันเคยได้ยินมาว่าบางคนเอาเหล้าขาวหนึ่งขวด กับไก่ต้มหนึ่งตัว หรือไม่ก็หัวหมูหนึ่งหัวไปให้ เขาก็ให้ผ่านแล้ว”วาสิฏฐีหัวเราะก๊ากกับคำเปรียบเปรยของชายหนุ่ม นี่เขาไปจำมาจากไหนกันเนี่ย “โอ๊ย คุณ.. คุณนี่ไทยแท้จริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าไปอยู่อิตาลีตั้งแต่เด็กๆ ถามจริงๆ ไปจำไอ้เรื่องพวกนี้มาจากไหน วงเหล้าไหนเขาโม้ให้ฟัง”ธีรดลขึงตามองคนที่สูงเพียงไหล่กว้างของตนอย่างหมั่นไส้ อารมณ์ที่เดือดปุดๆ อยู่แล้ว ดูเหมือนจะเดือดยิ่งขึ้นไปอีก“นี่เธอ พูดมากจริง มีใครเคยบอกเธอมั้ย” “มีเยอะแยะไป คนไข้บางคนถึงกับต้องเปลี่ยนตัวพยาบาลเลยก็มี” หญิงสาวยอมรับหน้าตาเฉย “หน้ามึนหน้าด้าน” “โอ้โห.. นี่คุณ ปากจัดกว่าผู้หญิงอีกนะเนี่ย ข้าน้อยนับถือๆ”วาสิฏฐียังมีแก่ใจจะยั่วโมโหเขาขณะช่วยประคองเขาเดินไปตาม
ตอนที่3.พูดจบเธอก็ยัดกระดาษตารางการทำกายภาพบำบัดใส่มือของเขาแล้วเดินหนีไปอย่างไม่ใส่ใจอารมณ์ฉุนเฉียวของคนไข้จอมเอาแต่ใจ สนใจทำไมล่ะ ในเมื่อสิทธิ์ในการดูแลรักษาเขานั้นอยู่ในกำมือเธอทั้งหมด และคนที่กุมอำนาจสูงสูดในบ้านก็เป็นพวกเดียวกันกับเธอ คนที่จะต้องยอมก็คือธีรดลต่างหาก หญิงสาวยิ้มอย่างได้ใจและไปบอกข่าวนี้แก่คุณนรา สองสาวต่างวัยต่างหัวเราะชอบใจกับแผนการของพวกตนที่กำลังจะลุล่วงด้วยดีในขณะที่ธีรดลมองตามหลังหญิงสาวไปอย่างโมโหฉุนเฉียวที่วิสฏฐีไม่ยอมตามใจเขา เป็นเขาที่ต้องทำตามที่เจ้าหล่อนต้องการ นี่มันไม่ใช่ตัวเขาเลย คนที่เคยเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง เป็นผู้คุมเกมมาเสมอเริ่มรับไม่ได้และอยากจะยอมรับความพ่ายแพ้นี้“ยายตัวแสบ คิดว่าจะชนะฉันได้เหรอ หึ.. คอยดูเถอะ ฉันทำกายภาพบำบัดจนเดินเองได้เมื่อไหร่ เธอเสร็จฉันแน่ จะเอาคืนให้สาสมเลย” ชายหนุ่มหมายมาดในใจ และตั้งมั่นเพื่อจะเอาชนะวาสิฏฐีให้ได้ แล้วการฝึกทำกายภาพวันแรกผ่านไปด้วยดีจนน่าแปลกใจ หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปทุกอย่างก็ดีราวปาฏิหาริย์ แม้คนไข้ของเธอจะดื้อดึงบ้าง แต่ทุกออย่างก็ผ่านไปด้วยดี คนไข้ของเธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนน่าแปลกใจเลยทีเดีย
ตอนที่2.“หูไม่ได้แตกและได้ยินทุกคำ” “ได้ยินแล้วยังจะมายุ่งอีก” “ไม่ยุ่งไม่ได้เพราะนี่คือหน้าที่ของฉัน เอาล่ะอย่าพูดมาก มากินข้าวได้แล้วค่ะ” หญิงสาวไม่สนใจท่าทางเหมือนเด็กสามขวบของเขาแต่ตักข้าวมาตรงปากของเขา “อ้าปากสิคะ” วาสิฏฐีบอกพร้อมด้วยสีหน้าขึงขัง ธีรดลตวัดสายตาคมเข้มมองอย่างไม่ชอบใจ ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพเจ้าปั้นแต่งแดงก่ำด้วยความกราดเกรี้ยว หากเป็นคนอื่นคงกลัวจนหัวหด แต่ขอโทษ ไม่ใช่เธอแน่นอน วาสิฏฐีฉีกยิ้มหวานให้เขา“กินเองไม่ได้ก็ต้องป้อนไงคะ คุณหนูธีม...”นอกจากไม่กลัวแล้วยังมีหน้าใจกล้ายั่วแหย่เขาอีก ธีรดลมองเธอตาขุ่นเข้ม “ไม่ต้องมายุ่ง” “ไม่ยุ่งไม่ได้เพราะคุณเป็นคนไข้ของฉัน” “คุณราวีคนไข้ไม่เลิกแบบนี้ทุกคนเลยรึไง” “อะไรกันคุณ นี่เขาเรียกว่าดูแลเอาใจใส่คนไข้อย่างดีต่างหากล่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างจนตาหยีไม่ยี่หระต่อสายตาขวางๆ ของเขา “เอ้า อ้าปาก กินข้าวเสียทีสิคะ จะได้กินยา ฉันมีอย่างอื่นต้องทำต่อ ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กที่จะต้องมานั่งป้อนข้าวป้อนน้ำคุณทั้งวัน”“ฉันไม่กิน และฉันก็ไม่ใช่เด็กสามขวบ”“เฮ๊อะทำตัวยิ่งกว่าเด็กสามขวบอีก” หญิงสาวพูดเบาๆ พลางย่นจมูกใส่เขา ธีรดลเห็นท่าท
ตอนที่1.วาสิฏฐี ถอนใจไม่รู้เป็นรอบที่เท่าแล้วของวันหลังจากที่คนรับใช้ต่างวิ่งกระหืดกระหอบมาหาตนด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่น จนเธอต้องทั้งปลอบและให้กำลังใจพวกเจ้าหล่อนทุกครั้งที่สาวใช้วิ่งมาหา และทุกครั้งก็จะจบลงด้วยการที่เธอต้องเป็นคนไปกำราบ คนไข้ จอมดื้อรั้นและเอาแต่ใจที่สุดอย่าง ธีรดล ลูกชายของ คุณนรา นายจ้างที่มีพระคุณต่อเธอมาก และท่านก็รักและเอ็นดูเธอมากๆ เรียกได้ว่าเป็นเสมือนหนึ่งลูกสาวของคุณนรานับตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่ในอาณาจักรของท่าน ด้วยการชักชวนของ วิกานดา สาวรุ่นพี่ที่สนิทสนมกัน ภรรยาของ ธีร์ ธีรเทพ พี่ชายคนโตของตระกูล ลูเซียโน่ เฉิน ซึ่งเป็นสะใภ้ใหญ่ของบ้าน จนเธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณนรา ไปโดยปริยาย ก่อนหน้านี้เธอมีหน้าที่ดูแลคุณนราในฐานะพยาบาลประจำตัวของท่าน แต่เมื่อต้นปีก่อนลูกชายคนเล็กของคุณนราประสบอุบัติเหตุที่ประเทศอิตาลี อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน และผลพวงจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้ ธีรดลขาหักทั้งสองข้างและต้องนอนพักรักษาตัวอยู่นานกว่าอาการโดยรวมจะหายดี แต่เขาไม่สามารถเดินได้เพราะเจ้าตัวไม่ยอมเดิน และไม่ยอมทำกายภาพบำบัด คุณนราจึงให้ลูกชายค