หลังจากลูเซียน โรเซนฮอล CEO ชื่อดังระดับโลกของบริษัทผลิตยาชั้นนำมีข่าวหนีการแต่งงานแบบคลุมถุงชน เขาก็ช็อกทุกคนในวงการต่อด้วยการประกาศข่าวหมั้นกับพนักงานสาวที่อายุแก่กว่าเขาหลายปี ซึ่งก็คือแม่ของฉันเอง
แม่เลี้ยงฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่ฉันเกิด นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันดีใจมากที่ท่านได้พบคนที่ท่านรัก
ฉันเจอลูเซียนครั้งแรกสองสามเดือนก่อนที่พวกท่านสองคนจะตกลงแต่งงานกัน ตอนนั้นฉันอายุแค่ 12 ปี แต่ก็รู้ได้ในทันทีว่าท่านเป็นคนใจดีและไว้ใจได้
เขาแต่งงานกับแม่ตอนอายุเพียง 28 ปี และถึงแม้จะเป็นงานแต่งงานที่ใหญ่โตหรูหราและทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาวดูเหมือนเป็นคู่รักที่มีความสุขมาก แต่ฉันมารู้ทีหลังว่าครอบครัวของลูเซียนไม่ชอบภรรยาของเขาเลยแม้แต่น้อย
ถึงอย่างนั้นชีวิตใหม่ของครอบครัวเราก็มีความสุขดี เหมือนนิยายเลยทีเดียว เราใช้ชีวิตอยู่ในแมนชั่นหลังใหญ่ซึ่งอยู่ในอาณาเขตบ้านของครอบครัวของลูเซียน ทุกครั้งที่เขาหยุดงาน เขามักจะพาพวกเราไปท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ
ชีวิตของเราเข้าขั้นเพอร์เฟค แทบไม่มีที่ติเลย อาจจะดีมากเกินไปด้วยซ้ำ แต่มันก็ดีได้ไม่นาน…
“นาตาลี แม่ของหนูอยู่โรงพยาบาล เดี๋ยวฉันส่งคนขับรถไปรับ ออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ” ลูเซียนสั่ง
ทำไมพ่อเลี้ยงเสียงสั่นจัง
แต่งงานยังไม่ทันถึงปี แม่ของฉันก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นฉันก็กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก
งานศพของแม่จัดอย่างเงียบ ๆมีแค่เพื่อนสนิทและครอบครัวของลูเซียนเท่านั้นที่มาร่วมงาน ตอนที่ฉันยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างาน ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความเจ็บปวดจากการสูญเสีย รู้สึกเหมือนอยากให้ลมพัดฉันล่องลอยไปไกล ๆ
“แล้วเด็กคนนั้นจะไปอยู่กับใคร แต่งงานกันแค่ 10 เดือนเอง แม่ก็มาตายอย่างนี้ แล้วนี่เธอมีญาติข้างแม่คนอื่นที่จะมารับเลี้ยงเธอได้อีกหรือเปล่าเนี่ย” พวกเขากระซิบ แต่ก็ได้ยินไปทั่วราวกับเห็นฉันไม่มีตัวตน
แม่จากไปแล้ว ฉันจะทำอย่างไรดี จะอยู่กับใคร จะไปอยู่ที่ไหน ฉันคิดถึงแม่
น้ำตาของฉันไหลพรากลงมาข้างแก้มอย่างช้า ๆ ฉันยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นได้ไม่นานก็มีมือมือหนึ่งมาจับไหล่ของฉันไว้
“ลูเซียน” เขาจ้องหน้าฉันแล้วค่อย ๆ คุกเข่าลงดึงฉันเข้าไปกอดไว้กับอกแน่น
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะดูแลเธอเอง ไม่ต้องไปไหน อยู่กับฉันนี่ล่ะ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันรักเธอ นาตาลี” ลูเซียนพูดข้างหูฉันก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของฉันเบา ๆ
คำพูดนั้นและรอยจูบนั้นช่วยชีวิตของฉันไว้…
สิบปีต่อมา…
ตอนนี้ฉันอายุ 22 ปี เป็นนักศึกษาปริญญาตรีปีสุดท้าย สิบปีผ่านไปเร็วมาก ฉันเติบโตเป็นสาวที่มีอนาคตไกลและยังอาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยงอยู่หลังจากที่แม่เสียชีวิตไปแล้ว
ลูเซียนเลี้ยงดูฉันเป็นอย่างดี เป็นพ่อที่ดีมากกว่าที่ฉันคาดหวังไว้เสียอีก ฉันรู้สึกขอบคุณท่านในฐานะบิดาและครอบครัวคนเดียวของฉันมาตลอด จนกระทั่งฉันเรียนมัธยมปลาย ซึ่งเป็นตอนที่ฉันต้องการเขามากกว่าแค่ในฐานะพ่อเลี้ยง
“นาตาลี วันนี้กลับมากินข้าวเย็นที่บ้านนะ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ลูเซียนโทรศัพท์มาหาฉัน น้ำเสียงของเขาตื่นเต้น หรือเขาอาจจะอยากคุยเรื่องเกี่ยวกับการฝึกงานที่แล็บ
“ได้ค่ะ ฉันกลับตรงเวลาแน่นอน เจอกันนะคะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงยินดี
ฉันชอบคุยกับพ่อเลี้ยง อยู่กับเขาแล้วมีความสุข ฉันวางหูแล้วฉีกยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ฉันจะได้กินข้าวเย็นกับเขา ได้ฟังเขาเล่าเรื่องโน่นเรื่องนี้ ได้หัวเราะไปกับเขาและได้เห็นรอยยิ้มของเขา การได้อยู่กับเขาทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงเสมอ
…..
“ลูเซียน…ฉันกลับมาแล้ว!” ฉันตะโกนบอกเขาตอนเดินเข้าประตูบ้าน สาวใช้ประจำบ้านเดินเข้ามาหยิบกระเป๋ากับเสื้อคลุมของฉันไปแขวนให้
หลังจากฉันเรียนจบมัธยมปลาย ฉันก็เริ่มไม่อยากเรียกพ่อเลี้ยงว่าพ่อแล้ว พวกเราเลยเริ่มเรียกกันและกันด้วยชื่อแทน ซึ่งทำให้ฉันดีใจมาก ฉันเดินเข้าไปหาเขาที่ห้องอาหารเพราะคิดว่าเขาคงจะนั่งรอฉันอยู่ที่นั่น
“สวัสดีจ๊ะ ฉันชื่อแอนเจล่า!ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ นาตาลี” ผู้หญิงผมสีบลอน ตาสีฟ้า ทรวงอกและก้นของเธองอนใหญ่มาก เธอเดินเข้ามาทักทายฉันด้วยท่าทางเป็นมิตรเอามาก ๆ
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อนาตาลี ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” ฉันตอบอย่างสุขภาพพร้อม ๆ รอยยิ้มที่หวานที่สุดเท่าที่ฉันจะฝืนได้ ฉันถูกฝึกให้ยิ้มแบบนี้มาตลอด เป็นยิ้มที่พวกเราใช้เวลาเข้าสังคม ในขณะที่ตาก็ควานหาลูเซียนไปด้วย ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในห้อง แล้วเขาไปอยู่เสียที่ไหนล่ะ แล้วผู้หญิงคนนี้คือใครกัน
พวกเราสองคนนั่งรอกันอยู่เงียบ ๆที่โต๊ะอาหาร พ่อบ้านเอาอาหารทั้งสามคอร์สมาเสริ์ฟให้เต็มโต๊ะ หลังจากนั้นไม่นานลูเซียนก็เดินเข้ามา ขอบคุณพระเจ้า!!!ฉันกำลังรู้สึกอึดอัดอยู่พอดีเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับผู้หญิงคนนี้ดี
“นาตาลี คุณกลับมาแล้ว ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ๊ะ มะ ๆ ให้ฉันแนะนำแขกแสนสวยคนพิเศษของเย็นนี้ นี่คือแองเจล่า เธอเป็นคู่หมั้นของฉัน แองเจล่า นี่คือลูกสาวฉัน นาตาลี” ลูเซียนหันมามองฉันพร้อมกับรอยยิ้มแบบปลาบปลื้มยินดี ผิดกับฉันที่แทบจะยิ้มไม่ออก
ถ้าโลกจะแตกจริง ๆก็ขอให้แตกตอนนี้เลยก็แล้วกัน
พวกเราสามคนนั่งคุยกันเรื่องสัปเพเหระ ฉันทำท่าทางสนอกสนใจอย่างที่ถูกสอนมาหากในหัวสมองว่างเปล่าเพราะรู้สึกช็อกกับข่าวที่ลูเซียนบอก
ลูเซียนหันมามองหน้าฉันเป็นพัก ๆเพราะรู้ว่าฉันยังรับไม่ได้กับข่าวดีอย่างที่เขาคาดหวังไว้
…..
“นาตาลี หนูกำลังหาที่ฝึกงานอยู่ใช่ไหม มาทำกับบริษัทของครอบครัวฉันสิ จะได้เรียนรู้ธุรกิจภายในครอบครัว ฉันจะบอกอาเอ็ดเวิร์ดให้ เขาเกริ่นไว้เหมือนกันว่าหนูต้องได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะเลยถ้าได้ทำงานที่แล็ปกับเขา ฉันไม่ได้บังคับนะ แต่คิดว่าถ้าหนูตกลง คงจะดีไม่น้อย” ลูเซียนเอ่ยเชิญชวนด้วยรอยยิ้มพริ้มเพราเช่นเคย ฉันแทบไม่สนใจเรื่องที่เขาพูดด้วยซ้ำ แค่เห็นรอยยิ้มของเขา ฉันก็ยอมทำทุกอย่างอยู่แล้ว
“ได้ค่ะ ดีเหมือนกัน ฉันจะได้เรียนรู้เรื่องธุรกิจไปด้วย” ฉันตอบด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ
“ดี ๆหลังเลิกงานคืนนี้เอ็ดเวิร์ดจะมาคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการฝึกงานและตำแหน่งที่หนูต้องทำ มีอะไรก็ถามเขาได้ทุกเรื่องเลยนะ” ลูเซียนเอ่ยเสียงเรียบ
หลังจากอาหารเย็นเสร็จ ฉันก็ขอตัวขึ้นไปห้องนอนพร้อมกับบอกแม่บ้านฉันอยากอยู่ในห้องคนเดียว ไม่อยากให้ใครมารบกวน
พอฉันไปถึงห้องฉันก็ปล่อยน้ำตาที่กั้นไว้ให้ไหลพรากออกมาไม่ยอมหยุด ลูเซียนกำลังจะแต่งงานใหม่ กับผู้หญิงคนอื่น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยมีแฟน สมัยก่อนเขาก็มีคบกับผู้หญิงหลายคน แต่ฉันไม่สนใจเพราะรู้ว่ายังไงก็คงคบกับพวกหล่อนไม่นาน ไม่คิดเลยว่าในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ฉันต้องสละลูเซียนให้กับผู้หญิงอีกคน
ก๊อก..ก๊อก…
“นาตาลี นี่ฉันนะ”
เฮ้อ…ลูเซียนมา ไอ้น้ำตาเจ้ากรรมก็ยังไม่ยอมหยุดไหลสักที
“เข้ามาค่ะ” ฉันเอ่ยตอบไป
ลูเซียนเปิดประตูห้องแล้วค่อย ๆ เดินเข้ามานั่งข้าง ๆ ฉันบนเตียง
“ยินดีด้วยกับการหมั้น” ฉันฝืนยิ้ม พยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุดพร้อมกับกลั้นน้ำตาไปด้วย
“ขอบใจมาก แต่ถ้าเธอยินดีกับฉันจริง ๆ ทำไมเธอถึงต้องร้องไห้ด้วย” เขาถามพร้อมกับยื่นมือออกมาจับแก้มฉันเบา ๆ
ไม่แปลกใจเลยที่ลูเซียนรู้ เขารู้จักฉันดีมาตั้งแต่เด็ก
“ฟังนะ นาตาลี นี่ก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วที่แม่ของเธอจากไป อีกหน่อยเธอเองก็จะเติบโตเป็นผู้หญิงและมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ฉันรักหนูและอยากให้หนูมีชีวิตที่ดี ฉันเชื่อว่าการที่ฉันได้แต่งงานกับแอนเจล่าก็จะทำให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์ขึ้น และเธอจะได้ช่วยหนูได้ด้วย” เขาพยายามอธิบาย
“ฉันเข้าใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องฉันหรอก” ฉันฝืนยิ้มต่อไปแล้วตรงเข้าไปกอดเขาแน่นเพื่อเก็บซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ และพยายามฝืนไม่ให้น้ำตาไหลออกมาด้วย
“ฉันอยากนอนพักผ่อนสักครู่ก่อนที่อาเอ็ดเวิร์ดจะมา คุณไปอยู่กับเธอเถอะ ของให้มีความสุขนะคะ” ฉันอวยพร พยายามทำน้ำเสียงยินดี
“ได้ อย่าลืมนะว่าฉันรักหนู” เขากระซิบข้างหูฉันแล้วก้มลงจูบที่หน้าผากเหมือนที่เขาชอบทำมาตลอดหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาไม่ต่างจากตอนที่ฉันเป็นเด็ก แต่มาตอนนี้จูบของเขากลับทำให้ฉันเจ็บปวดที่สุด
ลูเซียนเดินออกจากห้องไป ส่วนฉันก็ล้มตัวลงนอนลงบนเตียง ตาของฉันแทบปิดแล้ว แถมหัวยังปวดจนเหมือนจะระเบิดอีก ฉันควรต้องพักสายตาสักที ไม่งั้นตาฉันบวมแน่ ๆ ตอนฉันได้เจออาเอ็ดเวิร์ด
ว่าแล้วฉันก็ค่อย ๆ เดินลงบันไดไปชั้นล่าง กะจะหาน้ำแข็งมาประคบหนังตาสักหน่อย
“อ้า…อ้า…ลูเซียน…เอาอีก…”
ฉันได้ยินเสียงของผู้หญิงดังออกมาจากห้องทำงานของเขา ฉันเดินไปตามเสียงโดยไม่ห้ามขาตัวเองเลยแม้แต่น้อย ประตูห้องทำงานของเขาเปิดอยู่หน่อย ๆ ในใจฉันร้องห้ามว่าอย่ามองนะ แต่ฉันก็หยุดตัวเองไม่ได้ ชะโงกหน้ามองลอดช่องเข้าไปอยู่ดี
กึก…กึก…กึก…
แองเจล่านั่งหันหลังให้กับประตูในขณะที่ร่างของเธออยู่บนตักของลูเซียน สะโพกของเธอส่ายร่อนขึ้นลงอยู่บนท่อนเนื้อกลางหว่างขาของเขา แขนของเธอกอดคอของลูเซียนไว้พร้อมกับจูบเขาอย่างเร่าร้อน หญิงสาวครางเสียงออกมาอย่างดูดดื่ม กระโปรงรัดรูปตัวสั้นถูกรั้งขึ้นไปถึงเอว ในขณะที่เขาจับเนื้อสะโพกของเธอแน่นแล้วกระแทกอาวุธของเขาเข้ากับช่องเนื้อนิ่มจนน้ำหวานหยดย้อยออกมาทั่วต้นขา ทรวงอกของเธอกระเด้งขึ้นลงตามจังหวะกระแทกของช่องรักส่วนล่าง
“ฉันจะเสร็จแล้ว จะเสร็จแล้ว ฉันรักคุณค่ะ อ้า ลูเซียน แรง ๆ เลยค่ะ” แองเจล่าครางกระเส่าเคลื่อนสะโพกขึ้นขี่แท่งร้อนอย่างหนักหน่วงและรุนแรงจนเธอเกือบขึ้นสวรรค์ ซึ่งเขาก็ปล่อยให้เธอได้ปลดปล่อยอารมณ์อย่างเต็มที่ มือของเขากุมอยู่กับผมสี บลอนด์ของเธอ
แองเจล่าเป็นผู้หญิงที่สวยจริง ๆ อีกทั้งยังเก่งเรื่องบนเตียงเป็นที่สุด และในเมื่อครอบครัวของเขาเลือกเธอมาเป็นคู่ครองเพื่อให้ธุรกิจของทั้งสองตระกูลเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปอีก ถ้างั้นเขาก็ควรจะกอบโกยความสำราญนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด
นาตาลีเองก็เริ่มโตเป็นสาวขึ้นทุกวัน อีกไม่นานเธอก็จะได้เจอคนที่เธอรักและแต่งงานมีครอบครัวออกไปเหมือนกัน
ลูเซียนรู้ว่าเอ็ดเวร์ดยังเป็นโสดและถึงแม้เขาจะควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแต่เขาก็ไม่เคยจริงจังลงหลักปักฐานกับใครสักคน ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของเขา
“คืนนี้นายควรจะมาพบกับนาตาลีก่อนจะดึกเกินไป แล้วพรุ่งนี้เจอกันตอนประชุมคณะกรรมการที่สำนักงานใหญ่” ลูเซียนพยักหน้ากล่าวกับน้องชายก่อนจะเดินเข้าห้องไป
…..
ฉันเข้าไปอาบน้ำเพื่อลบเรื่องราวต่าง ๆที่ตีกันอยู่ในสมองแต่น้ำยาสระผมที่ลูเซียนซื้อให้ฉันเมื่ออาทิตย์ก่อนกลับทำให้ฉันคิดถึงและอยากเป็นเจ้าของเขามากยิ่งขึ้นไปอีก
“อ้า…ลูเซียน อ้า…ลูเซียน” ฉันครางเสียงดัง จินตนาการถึงใบหน้าและฝ่ามือของเขาที่กำลังบีบคลึงทรวงอก ติ่งนม และลูบไล้ของลับที่หว่างขาของฉันไปด้วย
ฉันวางผ้าขนหนูลงบนเตียงนอนแล้วล้มตัวลง มือขวาบีบจุกนม ส่วนมือซ้ายคลึงกลีบดอกไม้ส่วนล่างไปมา ปุ่มกระสันเปียกชุ่มและเต่งตึง ทั้งเร้าร้อน ทั้งฉ่ำแฉะ ภาพพ่อเลี้ยงปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด
ฉันทำแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง ช่วยตัวเองแล้วนึกถึงพ่อเลี้ยง และฉันก็เสร็จเพราะเขาทุกครั้ง ครั้งนี้ฉันเดาว่าฉันจะยิ่งขึ้นสวรรค์เร็วขึ้นและหนักหน่วงขึ้นเพราะฉันเพิ่งเห็นภาพเขาร่วมรักกับผู้หญิงคนนั้น
ฉันกางขาออกแล้วร้องเรียกชื่อลูเซียนไปพร้อม ๆ กับขยับนิ้วสวนเข้าออกในช่องรัก จิตนาการว่ามือของฉันคือดุ้นเนื้อของเขา ดุ้นเนื้อแกร็งที่กำลังร่วมรักกับฉัน
ฉันครางกระเส่าเสียงดังขึ้น แม้แต่นิ้วมือที่จุ่มจ้วงลงในช่องรักของฉันก็ยังส่งเสียงตามจังหวะแรงนิ้วมือในตอนที่ฉันใกล้ถึงสวรรค์ และเมื่อน้ำรักแตก ฉันก็ทนไม่ไหวอีกแล้วต้องยกสะโพกขึ้นและลงกับนิ้วมือของตัวเองไปด้วย
“ลูเซียน ทำอีก กระแทกหนักขึ้นอีก ลูเซียน ฉัน…ฉันเสร็จแล้ว ลูเซียน อ้า…ลูเซียน…”
ไม่คิดเลยว่าในระหว่างที่ฉันกำลังเสพสุขกับจิตนาการที่มีกับพ่อเลี้ยง ฉันได้เปิดเผยความลับที่ฉันปกปิดมานานแล้วนานออกไปแล้ว
…..
ในเวลาเดียวกันเอ็ดเวิร์ดซึ่งบังเอิญยืนอยู่อีกฝั่งของประตูห้องนอนของนาตาลีได้ยินเสียงหอบครางอย่างหื่นกระหายของเธอซึ่งกำลังขานชื่อลูเซียนพี่ชายของเขาอย่างชัดเจน
โอ้ นาตาลี เธอโตเป็นสาวที่เร่าร้อนมากจริง ๆฉันจะเป็นคนสอนเธอเอง
เอ็ดเวิร์ดแสยะยิ้ม เขารอจนกระทั้งเธอถึงจุดสุดยอด รอให้เสียงครางสงบลง เขาถึงเคาะประตูเรียกเธอเบา ๆ
“นาตาลี นี่เอ็ดเวิร์ด…อากำลังจะเข้าไปนะ…” โดยไม่รอคำตอบจากเธอ เขาผลักประตูเข้าไป
ทันทีที่ได้ยินเสียงของเอ็ดเวิร์ด ฉันก็หลุดจากจินตนาการและรีบพันผ้าเช็ดตัวรอบร่างเปลือยเปล่า ทันเวลากับที่ประตูเปิดออกและอาของฉันก็เดินเข้าห้องมาด้วยสีหน้ามั่นใจ
เอ็ดเวิร์ดเป็นน้องชายของลูเชียนและเป็นหัวหน้าห้องปฏิบัติการทั้งหมดของบริษัทของครอบครัวเรา
แม้ว่าฉันจะยอมรับความสามารถในการเป็นผู้นำธุรกิจด้วยวัยเพียง 33 ปีนั้นน่าประทับใจมากสำหรับเขา แต่ฉันก็ไม่เคยไว้ใจเขาเลย เขามักจะทำให้ฉันกลัวเสมอเวลาพวกเราได้เจอกัน
ดูเหมือนว่าเขาจะมีพรสวรรค์ในการทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดเวลาอยู่ต่อหน้าเขารวมถึงตอนนี้ด้วย
ร่างบางของฉันเปลือยเปล่าโดยไม่มีอะไรปิดกายนอกจากผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันรอบอยู่ และตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ข้างๆ ฉันบนเตียง
นอกเหนือจากลักษณะภายนอกที่คล้ายกับลูเซียนจนแทบเหมือนร่างโคลนที่อายุน้อยกว่าของเขา สองคนนี้ก็ไม่มีอะไรที่คล้ายกันเลยแม้แต่น้อย
“อาดีใจที่เธอตัดสินใจมาฝึกงานกับอาที่แล็บ อาจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ประสบการณ์นี้เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าพึงพอใจสำหรับเธอ นาตาลี” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้มหวานบนริมฝีปากของเขาขณะที่เขาตบไหล่ที่เปลือยเปล่าของฉัน
จากนั้นเขาก็อธิบายหน้าที่ที่ฉันต้องทำที่ห้องแล็บซึ่งรวมถึงการช่วยเขาดูแลโครงการวิจัยบางโครงการและทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของเขาด้วย
ฉันเริ่มกังวลกับเรืองร่างของเปล่าเปลือยของฉันและลำตัวเขาที่ใกล้ฉันเอามาก ๆ โชคดีที่คุยกันไม่นานเขาก็ขอตัวกลับ
“เอาล่ะ นี่มันก็ดึกแล้ว...อาจะกลับแล้ว โทรหาอาได้ตลอดเวลาเลยนะ หากเธอมีคำถามใดๆ ไม่ต้องห่วง อาจะดูแลเธออย่างดีให้สมกับที่พ่อเลี้ยงของเธอฝากไว้” เขากระซิบข้างหูฉันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วลุกขึ้นจากเตียง
ฉันขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้มที่แจ่มใสที่สุดเท่าที่ฉันสามารถรวบรวมได้ และเขาก็เดินออกจากประตูไป
วุ้ย ไปสักที หวังว่าการทำงานกับเอ็ดเวิร์ดจะเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่เปิดโลกให้ฉันได้นะ?
**กลับสู่ปัจจุบัน** เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ฉันเริ่มฝึกงานกับเอ็ดเวิร์ด พวกเราก็ร่วมรักกัน...ในที่ทำงานของเขา! ฉันพยายามทรงตัวเดินให้เป็นปกติในระหว่างที่ก้าวขาไปขึ้นรถของเขา หว่างขาของฉันปวดมากและน้ำรักที่ชื้นแฉะของเขาก็ไหลซึมออกมาจนกางเกงชั้นในและต้นขาของฉันเปียกโชก ตายแล้ว… ฉันต้องรีบกลับไปล้างตัวทำความสะอาดอย่างด่วน และแล้วช่วงเวลาที่ฉันหวาดหวั่นก็มาถึง ฉันยืนอยู่หน้าประตูรถเบนท์ลีย์สุดหรูของเอ็ดเวิร์ด ฉันกำลังจะประจันหน้ากับเขา ฉันต้องแสดงให้แนบเนียนให้ได้...ต้องไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้...โดยเฉพาะลูเซียน ฉันสูดหายใจเข้าลึก เปิดประตูรถ แล้วนั่งลงบนเบาะหนังสีแดงข้าง ๆ เอ็ดเวิร์ด พอฉันปิดประตูออก เอ็ดเวิร์ดก็โน้มตัวมาขโมยจูบที่ริมฝีปากของฉัน เขาค่อยๆ สอดลิ้นเข้ามาในโพรงอุ่นอย่างช้าๆส่วนฝ่ามือก็บีบหน้าอกขวาของฉันแน่น ฉันหันหน้าหนีเพื่อหลบจูบของเขาและพยายามแกะมือเขาออก "หยุด! ได้โปรด…อย่าทำอีกเลย!” ฉันท้วงเสียงดัง “ร่างกายเธองดงามมาก เราควรทำกันบนรถอาอีกรอบ ดีไหม หลานสาวที่รัก” เอ็ดเวิร์ดกระซิบข้างหูฉันด้วยน้ำเสียงเย้ายวน ทำให้ฉันสั่นสะท้าน จากนั้นเขาก็สอดมือเข้าม
“แซค ฉันเอง ขอโทษที่ไม่ได้ตอบข้อความ ตอนนี้กำลังจะเดินไปถึงบ้านนายแล้ว” ฉันพูดผ่านโทรศัพท์ ถ้ามีคนที่ฉันพึ่งพาได้เสมอตอนที่ฉันมีปัญหาก็คงจะเป็นแซคนี่ล่ะ สาวใช้ของครอบครัวเขาเดินออกมาต้อนรับฉันที่ประตูหน้าคฤหาสน์เพราะจำฉันได้ในทันที เธอโค้งศีรษะทำความเคารพและจากไปอย่างเงียบ ๆ ตามปกติแล้วสาวใช้ทุกคนที่นี่ได้รับคำสั่งไม่ให้ฉันอยู่คนเดียวโดยเฉพาะเมื่อฉันอยู่กับแซค ฉันเดินตรงไปที่ห้องของเขา เขารอการมาถึงของฉันอย่างใจจดใจจ่อเหมือนเคย "สวัสดี! สุดที่รัก!” ฉันส่งเสียงร้องด้วยความยินดีพลางกอดเขาไว้แน่นบนโซฟาในห้องนอนของเขา แซคดึงแขนฉันออกจากรอบตัวเขา ไม่ทักทายอะไรสักคำ แต่กดฉันลงใต้ร่างของเขาพร้อมกับวางฉันเอนหลังลงบนโซฟา เขาจูบฉันอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนพรวดพราดเข้ามาระหว่างริมฝีปาก บังคับให้ฉันเปิดปากเพื่อที่เขาจะได้ผสมผลานลิ้นของเขาอย่างบันเทิงใจ ฉันคราง ขดมือเข้ากับผมสีบลอนด์เป็นลอน ดันศีรษะของเขามาใกล้ขึ้นเพื่อที่ฉันจะได้บดขยี้ริมฝีปากเขาให้แรงขึ้น มือหนาสอดเข้ามาใต้เสื้อและบดเข้าที่หัวนมทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตรานี้ ตามปกติแล้ว เราจะร่วมเพศกันอย่างดุเดือดก่อนที่เราจะเปิดหนังด
ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย? ...ตื่นขึ้นมาฉันก็นอนอยู่บนเตียงของตัวเองในตอนเช้าแล้ว พอฉันขยับตัวถึงได้รู้ว่าเนื้อตัวปวดหนึบไปหมด จำได้ว่าร่วมรักอยู่กับแซคเมื่อคืน โพรงรักของฉันที่ยังแสบ ๆ อยู่เป็นหลักฐานได้ ผลจากการให้บริการทั้งแซคธรรมดา และแซคสายดาร์ก เจ็บจัง…ไปอาบน้ำอุ่นแล้วหาอะไรกินดีกว่า น่าจะใกล้เที่ยงแล้ว… โทรศัพท์ของฉันสั่นขึ้นมา ใครส่งข้อความมานะ? ฉันเอื้อมมือไปคว้ามือถือ ‘ไปซื้อยาคลุมมาซะ ฉันชอบทำแบบดิบเท่านั้น’ ข้อความจากเอ็ดเวิร์ดปรากฏขึ้นมา… ฉันไม่สนใจข้อความของเขา ก็ฉันไม่ต้องการพบเขาอีกแล้ว ฉันถอนหายใจแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ฉันมองร่างเปลือยเปล่าในกระจกเพราะรู้สึกช้ำไปหมด สองหนุ่มทำฉันหนักเกินไป ทั้งเอ็ดเวิร์ดและแซค…ฉันรู้สึกเหมือนเป็นโสเภณีที่ถูกใช้งานมากเกินไปและได้รับค่าจ้างโคตรต่ำ แล้วดูสิ…แซคกัดที่ไหล่ของฉันทิ้งรอยแดงน่าเกลียดไว้อีก เขามักทำให้เขาทิ้งรอยไว้บนร่างกายของฉันทุกครั้งที่เราร่วมเพศกัน เป็นเพราะนิสัยขี้หวงของเขาโดยแท้ หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันก็สวมชุดเดรสสีขาวพิมพ์ลายดอกกุหลาบสีชมพูกับกระโปรงยาวลงมาถึงเข่า อย่างน้อยที่สุดที่ฉันทำได้ก็คือแต่งตัวให้ดูสวยและแสดงสีหน
“เชี่ย!อ้า…นาตาลี…ดูดฉันให้แรงกว่านี้!” เขาตะโกนเสียงดัง หอบหายใจไปด้วย เสียงครางของเขาดังลั่นรถพร้อมกับจิกผมบนศีรษะของฉันอย่างแรงเพื่อดึงหัวของฉันขึ้น ฉันจึงต้องปล่อยแท่งเนื้อของเขาออกจากปาก เขาจูบริมฝีปากที่บวมเจ่อของฉันอย่างดุเดือดดูดเอาน้ำลายของฉันที่ผสมกับน้ำกามของเขาออกไปกลืนกินจนหมดสิ้น พวกเราพันลิ้นด้วยกันต่ออย่างเร่าร้อน จูบของเรากินเวลาไม่นาน เอ็ดเวิร์ดก็กระแทกหัวของฉันกลับลงไปที่ดุ้นร้อนของเขาอีกครั้งเพื่อบังคับให้ฉันกลืนกินอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นของเขาเข้าปาก แต่ครั้งนี้เขาไม่ต้องการให้ฉันใช้มือช่วย เขาดันสะโพกขึ้นแล้วกระทุ้งดุ้นเนื้อควบปากฉันจนปลายก้านกระทบเข้ากับต้นคอก่อนที่จะเขากดหัวฉันและขยับสะโพกให้ฉันกลืนกินก้านยาวเข้าไปจนสุดลำ เขากระแทกเข้าที่หลังคอของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทบจะทำให้ฉันขย้อนเอาสิ่งแปลกปลอมออกมา เขาเอามือออกจากหัวของฉันแล้วลูบไล้ฉันอย่างลวกๆ ที่หว่างขา ดันกระโปรงของฉันไปด้านข้างก่อนจะสอดมือที่เชี่ยวชาญเข้าไปในกางเกงในเพื่อลูบไล้ดอกบัวบานโดยตรง ฉันพ่นเสียงครางไปที่ดุ้นเนื้อในขณะเดียวกันกับอารมณ์เสียงซ่านของฉันเริ่มขยายตัวไปยังช่องท้อง ทำให้ฉันเริ่มยกสะโพ
“หันหลัง วางมือบนหน้าต่างแล้วยกก้นขึ้นทางฉัน” เสียงของเขาทุ้มต่ำ สงบนิ่ง แต่ทรงอำนาจ เป็นอันว่าบทลงโทษของฉันได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วสินะ ว่าแต่ทำไมฉันให้สิทธิ์เขาลงโทษฉันที่แอบร่วมรักกับแซคได้ ฉันปฏิบัติตามคำสั่งของเขาโดยไม่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย “อ๊ะ! ไม่! เอ็ดเวิร์ด!" ฉันกรีดร้อง หอบหายใจพ่นหมอกลงบนกระจกหน้าต่าง ในขณะที่เอ็ดเวิร์ดกระแทกอาวุธของเขาเข้าเปิดกลีบดอกไม้จากทางด้านหลังอย่างแรง เพียงครั้งเดียว ช่องรักก็กลืนกินท่อนแข็งเข้าไปทั้งก้าน หัวเห็ดแยกปากถ้ำแยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว กระแทกมดลูกอย่างแรงจนฉันร้องครวญครางด้วยความทรมานที่เปี่ยมสุข อาวุธของเขาร้อนมาก อีกทั้งยังแข็งตัวเต็มช่องรักจนแม้แต่ฉันก็ยังรู้สึกถึงทุกอนุของกล้ามเนื้อแน่น นี่สินะความแตกต่างของการทำโดยไม่ใช้ถุงยาง ช่างเร้าใจกว่าจริงๆ “อย่าตะโกน…นาตาลี…” เขาคำรามหลังใบหูของฉัน แยงสองนิ้วแหย่เข้าไปในปากของฉันเพื่อไม่ให้ฉันร้อง ฉันดูดนิ้วของเขาอย่างหิวกระหายราวกับกำลังร่วมรักกับนิ้วในปากของฉันไปพร้อม ๆ กับดุ้นเนื้อสาวก็กำลังกระแทกอยู่ที่ระหว่างขาของฉัน เสียงน้ำรักที่ถูกพ่นออกมาดังขึ้นมาอยู่ภายในรถทุกครั้งที่เอ็ดเวิร์
นกลั้นลมหายใจ ส่งเสียงครวญครางเมื่อน้ำอุ่นๆ กระทบกับจุดกระสันหน้าปากถ้ำ เสียวจนน้ำทำท่าจะแตกอีกแล้วเอ็ดเวิร์ดใช้นิ้วลูบกลีบบัวเบา ๆ เพื่อชะล้างคราบการปลดปล่อยครั้งก่อนแล้วสอดนิ้วกลางเข้าไปภายในโพรงเล็ก ซอกเนื้ออ่อนตอดรัดรอบนิ้วที่ล่วงล้ำเข้ามาในทันที เขาจะเริ่มสอดส่ายนิ้วเดียวเข้าและออกจากรูคับแน่น น้ำอุ่นไหลตามนิ้วของเขาออกมาเป็นทางยาว“ร่อนหลืบร้อนและลื่นมาก สงสัยว่าคงจะไม่ใช่แค่น้ำอุ่นธรรมดาแล้วล่ะ น่าจะเป็นน้ำหล่อลื่นของเธอมากกว่า” เขาแกล้งเธอด้วยการดึงนิ้วออกมาดูด จากนั้นก็ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองแหวกร่องสวาทออกก่อนที่จะฝังใบหน้าของเขาไว้ที่หว่างขา“อย่า…อย่า…เอ็ดเวิร์ด…” ฉันท้วงอย่างอ่อนแรงขณะเอามือขยุ้มผมของเขา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นลงบนเนินสวาท เขาตวัดลิ้นหยอกล้อกับตุ่มบวมๆ ของฉัน ขณะที่ฉันร้องครางอย่างบ้าคลั่ง หัวนมของฉันแข็งตึงและรูรักเปียกแฉะจากความสุขสมที่เขามอบให้ เขาแยกต้นขาของฉันออกจากกันมากขึ้นเพื่อเข้าไปเลียน้ำดอกไม้จนเกิดเป็นเสียงดัง“ดูสิ เปียกโชกแล้ว...ชอบล่ะสิ ชอบให้ฉันดูดเลียเธอใช่ไหม เพราะเธอมันก็แค่ผู้หญิงสำส่อนเราดี ๆ นี่เอง…” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยโดยที่หัวของเขายังฝังอย
เอ็ดเวิร์ดนั่งลงบนเก้าอี้เท้าแขนตรงข้ามกับลูเซียน ถึงเวลาที่จะต้องดำเนินตามแผนสักที“สงบสติอารมณ์และฟังฉันให้ดี เกี่ยวกับนาตาลี…” เอ็ดเวิร์ดเริ่มอธิบาย“นาตาลีทำไม” ลูเซียนหรี่ตาถาม ไม่น่าจะเป็นข่าวดี“เธอบอกว่าช่วงนี้มีพวกสตอล์กเกอร์สะกดรอยตามเธอ เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยแม้ว่าจะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ฉันคิดว่าเราควรปลอดภัยไว้ดีกว่ามาเสียใจทีหลัง ใช่ไหม?” เอ็ดเวิร์ดกล่าว“…แล้วนายว่าควรจะทำอย่างไร” ลูเซียนถามน้องชายที่กำลังบอกฉันว่านาตาลีเลือกที่จะไว้ใจเขาแทนที่จะมาขอความช่วยเหลือจากฉัน? ดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ อีกทั้งสองคนนี้ไม่ชอบขี้หน้ากันมาก่อน ไม่ว่าเอ็ดเวิร์ดจะมีเสน่ห์แค่ไหน การได้รับความไว้วางใจจากนาตาลีในช่วงเวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ที่อยู่ใกล้กันก็ดูจะเกินเหตุ เขาต้องการอะไรกันแน่…?“ฉันอยากให้นาตาลีมีบอดี้การ์ดเพื่อความปลอดภัยของเธอ ฉันรู้จักบอดี้การ์ดที่เก่งและไว้ใจได้คนหนึ่งซึ่งเคยทำให้คุ้มกันคนที่บ้านใหญ่ ฉันขอแสนอเขาเป็นบอดี้การ์ดของเธอ ตอนนี้นาตาลีโตเป็นสาวแล้ว และด้วยสถานะทางสังคมของพวกเรา เธออาจตกเป็นเป้าโจมตีได้ทุกเวลา” เอ็ดเวิร์ดเสนอ หวังว่า ลูเซียนจะคำนึงถึงความปลอดภัยของลูก
เริ่มต้นสัปดาห์ที่สองของการฝึกงาน สวัสดีวันจันทร์และอีกหนึ่งสัปดาห์เต็มที่ต้องทำงานร่วมกับเอ็ดเวิร์ดที่แล็บ ตารางงานสำหรับสัปดาห์นี้ค่อนข้างยุ่ง รวมถึงการไปร่วมงานเลี้ยงตอนเย็นกับหนึ่งในลูกค้าองค์กรหลักของเราด้วย ฉันต้องยอมรับว่าเมื่อพูดถึงเรื่องธุรกิจ เอ็ดเวิร์ดเป็นมืออาชีพและเป็นที่นับหน้าถือตาในสายงานของเขามาก งานที่มอบหมายให้ฉันทำเป็นงานที่เขาตั้งใจให้ฉันได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะที่ฉันยังขาดอยู่เพื่อให้ฉันเข้าใจธุรกิจได้ดีขึ้น วันนี้ฉันต้องตามเอ็ดเวิร์ดไปเข้าร่วมการประชุมต่างๆ กับนักวิจัยชั้นนำเพื่อติดตามความคืบหน้าของกระบวนการต่างๆ คาดว่าเราคงได้วิ่งวุ่นกันทั้งวัน…*กริ่ง...กริ่ง...* เสียงกริ่งโทรศัพท์ของแซคดังขึ้นมา“เฮ้ย นาตาลี คืนนี้ว่างไหม ฉันกำลังจะไปพบใครบางคนและฉันอยากพาเธอไปด้วย” น้ำเสียงที่ผ่อนคลายและขี้เกียจ ๆ หน่อยของแซคเอ่ยเข้ามา“ว่าง…ไปได้ ว่าแต่เราจะไปเจอใคร” ฉันถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นมาก แซคแทบไม่เคยชวนฉันไปพบใครเลย ยกเว้นเพื่อนสนิทของพวกเรา“เดี๋ยวมาก็รู้เอง เดี๋ยวส่งเวลาและสถานที่ไปให้ คืนนี้เจอกัน…แต่งตัวเซ็กซี่ล่ะ” แซ็คแซว“จะพยายามทำชุดทำงานให้เซ็กซี่ก็
“ฉัน…ฉันขอโทษที่ไม่ได้พูดแบบนี้มาก่อน…” ฉันเริ่มเสียงอ่อน สงสัยว่าทำไมต้องเสียงสั่นด้วย?เอ็ดเวิร์ดมองอย่างเงียบๆ เขารอให้ฉันพูดต่อ ฉันอยากทำให้มันถูกต้อง“อาเอ็ดเวิร์ด! ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้!” ฉันพูดอย่างหนักแน่น พร้อมกับจ้องตาเขา ดวงตาเขาเป็นประกายจากแสงอันอบอุ่นของน้ำพุ มันดูมีเสน่ห์มาก"…อะไรนะ?" เอ็ดเวิร์ดชะงักก่อนจะถามด้วยเสียงกระซิบ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คาดหวังคำขอบคุณจากฉันหลังจากผ่านมาแล้วสิบปีและหลายชั่วโมงหลังจากที่เขาบอกความจริงกับฉัน“ขอบคุณ…ที่ช่วยฉันในป่าวันนั้น ฉันตั้งใจจะบอกคุณก่อนหน้านี้ แต่... ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ฉันเลย... ลืม ขอโทษจริงๆ ค่ะ!” ฉันอธิบายอย่างรวดเร็ว เวลาตื่นเต้นฉันจะพูดตะกุกตะกักเอ็ดเวิร์ดเงียบไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา ตอนนี้กลายเป็นฉันที่สับสน อะไรที่ทำให้เขาหัวเราะได้ขนาดนี้?หัวเราะเหมือนเด็กน้อยที่ร่าเริง เอ็ดเวิร์ดน่าทึ่งจริงๆ แม้ว่าเขาจะผ่านอะไรมามากมาย ยังสามารถก้าวไปข้างหน้า สร้างสถานที่ในโลกสำหรับตัวเขาเอง หัวเราะอย่างไร้กังวลและมีความสุขแบบนี้ การมองดูอาการเขาทำให้ฉันอมยิ้มตามไป“อาขำอะไรขนาดนั้น” ฉันถามอย่างสงสัย“ขอโทษ…ที่อาขำเพราะ…ม
“อาพูดจริงนะ อาเชื่อว่าทางเลือกที่ดีที่สุดของเธอคือแต่งงานกับอา ยิ่งเร็วยิ่งดี” เอ็ดเวิร์ดดูจริงจังมาก“อาบอกได้มั้ยว่าทำไม” ฉันถาม"ดึกมากแล้ว. เธอคงเหนื่อย เราค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้ดีกว่า” เอ็ดเวิร์ดพูดตัดบทแล้วรีบลุกจากโซฟาเดินไปที่ประตู“อาเอ็ดเวิร์ด…” ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆ“ห้องนอนอาอยู่ที่สุดทางเดิน… เผื่อเธอต้องการอะไร” เอ็ดเวิร์ดพูดโดยไม่หันหลังกลับเขาจากไปก่อนที่ฉันจะนึกอะไรออก ตอนนี้ฉันควรทำยังไงดี?ทำตามคำแนะนำแล้วเข้านอนเลยอย่างนั้นเหรอ…ฉันรู้สึกแย่มากหลังจากนอนพลิกตัวอยู่บนเตียงไปมาหลายชั่วโมงแต่ทำยังไงก็หลับไม่ลง จิตใจกระสับกระส่ายกับข้อมูลที่เพิ่งรับรู้ คำพูดของเอ็ดเวิร์ดที่วนเวียนอยู่ในหัวทำให้ฉันแทบเป็นบ้า เหงื่อชุ่มตัว ทั้งเตียงและห้องทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของสถานที่ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวฉันเองที่ไม่สามารถควบคุมความเครียดได้ฉันคลำหาโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงในความมืด หน้าจอโทรศัพท์แสดงเวลา 03:45 น. รู้สึกเหนื่อยแต่ก็ยังตื่นอยู่ ชีวิตฉันว่างเปล่ามากในตอนนี้ ไม่มีอะไรต้องทำและไม่มีแผนการสำหรับอนาคต เกิดคำถามในใจว่าชีวิตฉันจะเป็นแบบนี้ไ
“นี่อาไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย” ฉันถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาเคยพูดกับฉันแบบนี้มาก่อน แต่มันจบลงไม่ค่อยดีนักแทนที่จะตอบคำถามฉัน เอ็ดเวิร์ดกลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความแทน เขากำลังทำอะไร?'คืนนี้นาตาลีจะค้างที่นี่ ไม่ต้องห่วง ฉันเริ่มต้นใหม่อย่างความยุติธรรมแล้วนะ...พี่ชาย’เอ็ดเวิร์ดกดปุ่มส่งก่อนจะหันไปหานาตาลีอีกครั้ง พร้อมส่งยิ้มอย่างไร้เดียงสาให้เธอ…**ก่อนหน้านั้น**"นี่คืออะไร!?" ลูเซียนตะโกนใส่หน้าน้องชาย พร้อมกับกระแทกสร้อยคอที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ“อรุณสวัสดิ์!” เอ็ดเวิร์ดทักทายพี่ชายอย่างร่าเริง“เอ็ดเวิร์ด…” ลูเซียนเอ่ยชื่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“พี่มาที่นี่เพื่อถามฉันแค่นี้เองเหรอ?พี่ดูก็รู้?มันคือสร้อยคอ…พร้อมจี้เพชรรูปดาวแบบสั่งทำพิเศษ” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้ม“เป็นของนายจริงๆ ด้วย” ลูเซียนพูดพร้อมกับหรี่ตาลง“ตอนนี้มันเป็นของนาตาลี ฉันให้เธอไปแล้ว พี่มาเพื่อถามเรื่องแค่นี้เองเหรอ?” เอ็ดเวิร์ดถามด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา“ทำไมนายถึงให้สร้อยคอเส้นนี้กับเธอ นายต้องการอะไร?" ลูเซียนถาม“ฉันมอบให้เธอเพื่อเตือนให้เธอซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ฉันไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ...มีปัญหาอะไร
ฉันนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะคิดหรือตอบยังไง ถ้าเอ็ดเวิร์ดคือคนที่ช่วยชีวิตและเป็นรักแรกของฉัน มันจะทำให้ความรู้สึกที่ฉันมีต่อลูเซียนเปลี่ยนไปมั้ย ฉันรู้สึกสับสนมากตอนนี้…“หลักฐานแค่นี้พอรึยัง” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยปากถาม เขาวางหัวลงบนตักฉันแววตาเขาที่มองฉันทำให้นึกถึงแมวขี้เล่น“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบอายังไง…” ฉันบอกตามความรู้สึกจริงๆ"ไม่เป็นไร มันค่อนข้างทำใจยาก เพราะสิ่งที่เธอเชื่อมาเป็นสิบปีไม่เป็นอย่างที่เธอเข้าใจ” เอ็ดเวิร์ดตอบอย่างเห็นอกเห็นใจ“อือ...” ฉันตอบแบบงง ๆรู้สึกสับสนเกินกว่าจะแยกแยะความรู้สึกของตัวเอง“เธอดูเหนื่อยๆ อยากถามคำถามอีกสองข้อตอนนี้เลยมั้ย?หรือเอาไว้วันหลัง…” เอ็ดเวิร์ดแนะนำ ศีรษะเขาที่หนุนอยู่บนตักให้ความรู้สึกอบอุ่นมากเรานั่งกันอยู่ในความเงียบ ฉันเงยหน้าขึ้นมองดาวที่ส่องแสงระยิบระยับและสงสัยว่าดาวพวกนั้นจะรู้สึกเจ็บปวดและหงุดหงิดเหมือนฉันมั้ย มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างเมื่อฉันรู้ว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นรักแรก ไม่ใช่ลูเซียน?มันจะทำให้ฉันรักลูเซียนน้อยลงรึเปล่า?หรือว่าฉันต้องรักเอ็ดเวิร์ดแทนเพราะเขาเป็นรักแรกของฉัน?ความรู้สึกมันเปลี่ยนกันง่ายๆ ได้ขนาดนั้นเ
“เป็นไปไม่ได้… ที่ฉันจำได้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น” ฉันตอบด้วยความตกใจและสับสน“อาไม่โทษเธอ อย่างที่อาเคยบอกไปว่าเธอจะไม่เชื่ออาหรอก” เอ็ดเวิร์ดตอบพร้อมกับยักไหล่ราวกับว่าเขาไม่สนใจว่าฉันจะรับในสิ่งที่เขาพูดได้รึเปล่า“อารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?อามีหลักฐานว่าเรื่องของอาเป็นความจริงเหรอ” ฉันถามอย่างจริงจัง“ลูเซียนไม่ได้ช่วยเธอไว้ เขาไม่เคยช่วยเธอ…” เอ็ดเวิร์ดพูดขณะที่สบตากับฉัน"ไม่จริง! ลูเซียนเป็นคนช่วยฉัน” ฉันตะโกนอย่างมั่นใจเพราะลูเซียนคอยช่วยฉันเสมอ“เขาบอกเธออย่างนั้นเหรอ?ตอนเธอถามว่าเขาช่วยเธอรึเปล่า… เขาตอบว่าไง” เอ็ดเวิร์ดถามกลับเขา…“เธอต้องขอบคุณผู้ชายคนนั้นที่ช่วยชีวิตเธอไว้ เธอรู้จักเขามั้ย เขามีหน้าตายังไง” เขาฟังดูเป็นคนที่วิเศษจริงๆ … ใช่มั้ย’คำพูดของลูเซียนกลับมาหาฉัน...“พี่ชายของอามีหลักการที่ชัดเจน เขาจะไม่พูดว่าเขาช่วยเธอทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำ ดังนั้นอาแน่ใจว่าเขาไม่เคยพูด เธอต่างหากที่คิดไปเองว่าเข้าไปคนช่วยเธฮ” เอ็ดเวิร์ดพูดช้าๆ เพื่อให้ฉันเข้าใจทุกอย่าง"อารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?!" ฉันตะโกนใส่เอ็ดเวิร์ด พอกันทีกับทฤษฎีของเขา ทำไมเขาถึงบอกฉันตรงๆ ไม่ได้“นาตาลี ลูเซียนไม
“ราล์ฟเล่าอะไรให้คุณฟังบ้าง เขาชอบพูดไปเรื่อย อย่าไปสนใจล่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูด ขณะพาฉันเดินไปตามทาง“เขาเป็นมิตรมาก ฉันชอบเขานะ เราจะไปที่ไหนกันคะ?" ฉันตอบขณะเดินไปกับเอ็ดเวิร์ด“มื้อเย็นกับดวงดาว” เอ็ดเวิร์ดตอบพร้อมชี้นิ้วไปด้วยในไม่ช้าเราก็ยืนอยู่ที่ด้านล่างบันไดที่ดูคดเคี้ยว มองขึ้นไปด้านบนบอกได้เลยว่าเราต้องเดินขึ้นไปสูงทีเดียว หรือว่าที่นี่คือหอดูดาวที่เขาพูดถึงก่อนหน้านี้?“นี่คือทางขึ้นไปหอดูดาว อาคิดว่าขึ้นบันไดดีกว่าใช้ลิฟต์” เอ็ดเวิร์ดตอบคำถามที่ยังไม่ได้ถามแล้วจับมือฉันเราเดินขึ้นบันไดเวียนไปด้วยกัน ไม่รู้ว่าเราต้องเดินขึ้นไปสูงแค่ไหน ขาที่ไม่แข็งแรงของฉันเริ่มล้า เอ็ดเวิร์ดชะลอความเร็วลงเพื่อรอฉัน เห็นได้ชัดว่าการเดินขึ้นครั้งนี้อยู่เหนือความสามารถของฉัน“อืม…อาไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น แต่…ถ้าเธอต้องการ อาอุ้มเธอขึ้นไปได้นะ” เอ็ดเวิร์ดเสนออย่างเกรงใจระหว่างที่จ้องหน้าฉัน ตอนนี้หน้าฉันต้องแดงมากแน่ๆ ฉันเริ่มหมดแรงตั้งแต่เมื่อไหร่?สงสัยว่าต้องเดินขึ้นไปอีกนานแค่ไหน ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้งและตัดสินใจที่จะเดินต่อ"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินได้ ขอบคุณที่ถาม” ฉันกัดฟันยิ้มหลัง
“ขอแสดงความยินดีที่เธอชนะเกมนี้ ตามสัญญา อาจะคืนสิ่งนี้ให้กับเธอ” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้มเขาค่อยๆ ใส่สร้อยจี้รูปดาวที่คอให้ฉัน สังเกตเห็นว่าโซ่ที่ขาดได้รับการแก้ไขแล้ว“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี“มันเหมาะกับเธอ ตอนนี้ตาเธอเลือกเสื้อผ้าให้อา แล้วแต่งตัวให้อาด้วย” เอ็ดเวิร์ดเสนอ ขณะที่ชี้ไปที่เสื้อผ้าผู้ชายฉันเดินไปหาเสื้อผ้าให้เอ็ดเวิร์ด มีตัวเลือกเยอะจริงๆ เอาอะไรที่เรียบง่ายและผ่อนคลายเพราะเรากำลังจะไปทานอาหารเย็นกัน ฉันหยิบเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน คาร์ดิแกนสีขาว และกางเกงสีน้ำตาลอ่อน เอ็ดเวิร์ดสามารถเลือกรองเท้าเองได้“มา ฉันจะแต่งตัวให้อาบ้าง” ฉันบอกเอ็ดเวิร์ดด้วยรอยยิ้ม ขณะยกเสื้อผ้าไปที่โซฟาเมื่อฉันเริ่มแต่งตัวให้เอ็ดเวิร์ด เขายืนนิ่งแต่เฝ้าดูทุกอิริยาบถของฉัน เขาช่วยขยับแขนและขาไปมา เหมือนฉันกำลังเล่นกับตุ๊กตาขนาดเท่าคนจริง ฉันคิดพร้อมหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง เอ็ดเวิร์ดไม่พูดซักคำเหมือนเขาจะคิดอะไรอยู่ มันทำให้ฉันรู้สึกกังวลฉันใส่เสื้อให้เขาแล้วเริ่มติดกระดุม รู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้ละสายตาจากฉันเลย ฉันยิ้มให้เมื่อติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ"เสร็จแล้วค่ะ ฉันทำถูกรึ
น้ำอุ่นจากฝักบัวทำให้ผิวหนังและร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกดีขึ้นมาก ฉันอาบน้ำสระผมเพื่อผ่อนคลาย หยดน้ำที่กระทบกับผิวเปลือยเปล่า เสียงน้ำไหลทำให้รู้สึกสงบลง ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก อยากจะยืนพักอยู่ตรงนี้นานๆจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็เปิดออก ฉันมั่นใจมากว่าฉันล็อกตอนเข้ามา แต่เดาได้ว่าไม่มีประตูในบ้านนี้ที่เจ้าของบ้านเปิดเข้าไม่ได้ ความจริงฉันไม่ควรแปลกใจเพราะคำว่า 'พื้นที่ส่วนตัวสำหรับนาตาลี' ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของเอ็ดเวิร์ดแน่นนอน“นาตาลี…” เอ็ดเวิร์ดเรียกชื่อฉันอย่างร่าเริงเมื่อเขาโผล่หน้าเข้ามา ทั้งตัวเอ็ดเวิร์ดมีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบเอวเขาเท่านั้น"อาเข้ามาทำไม?!" ฉันกรีดร้องเสียงดัง ไม่คิดว่าในห้องน้ำเสียงจะก้องขนาดนี้ ฉันรีบเอามือปิดหน้าอก ขณะที่หันตัวเข้าหากำแพง“เธอทำเหมือนกับอาไม่เคยเห็นเธอเปลือยกายมาก่อน…” เอ็ดเวิร์ดพูดอย่างอารมณ์ดี"ฉันถามว่าอาเข้ามาทำไม?" ฉันถามซ้ำอีกครั้ง ทั้งที่อยากจะตะโกนไล่เขาออกไป!“ในเมื่อเธอเป็นคนเปลื้องผ้าอา อาเลยคิดว่าเธอควรรับผิดชอบด้วยการแต่งตัวให้อา” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“เกมนี้เป็นความคิดของอา ทำไมฉันต้องรับผิดชอบด้วย?” ฉันสวนกลับ“เธอพู
ไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ครางได้ นิ้วเขายังคงลูบไล้ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเปียกโชกอยู่ข้างล่าง นิ้วเขาเล่นกับปุ่มวิเศษอันบอบบาง ก่อนมืออีกข้างจะสอดนิ้วหนาสองนิ้วเข้าไปในช่องรักที่เปียกชื้น มันรู้สึกดีมาก ฉันร้องครวญครางและเอ็ดเวิร์ดก็เริ่มสอดนิ้วเข้าไปลึกในร่างกายฉัน“เหลือเวลาอีกเท่าไหร่…” ฉันเริ่มถามแต่พูดต่อไม่ได้ คำถามฉันถูกแทนที่ด้วยเสียงครวญคราง ร่างกายฉันสั่นสะท้านเมื่อเอ็ดเวิร์ดเริ่มใช้นิ้วแตะที่จุดจีสปอต“จนกว่าเธอจะเสร็จ…” เอ็ดเวิร์ดตอบจนกว่าฉันจะเสร็จ…คงไม่นานเกินไป เอ็ดเวิร์ดใส่นิ้วเข้าไปในตัวฉันเร็วขึ้นและแรงขึ้น อีกมือเขาบีบปุ่มกระสันอย่างต่อเนื่อง ฉันเรียกชื่อเขาเมื่อความเร่าร้อนเข้าครอบงำ หยุดส่ายสะโพกสู้นิ้วเขาไม่ได้ นิ้วเขาเข้าไปลึกมาก รู้สึกมหัศจรรย์เมื่อนิ้วเขาถูผนังช่องรักที่ยืดออก คิดว่าฉันกำลังจะหลั่งเร็วๆ นี้“เอ็ดเวิร์ด…ฉัน…” ฉันพูดระหว่างครางอย่างรุนแรงเอ็ดเวิร์ดค่อยๆ ถอนนิ้วออกจากช่องรักที่เปียกชื้น ฉันรู้สึกร้อนขึ้นภายในโพรงรัก แทนที่จะใช้นิ้วเขา เอ็ดเวิร์ดเอาลิ้นเข้าไปแทน ใบหน้าเขาฝังอยู่ที่หว่างขาฉัน เขาดูดและเลียไปรอบๆ ความร้อนของลิ้นเข