เจ้าปัทมาดารานั่งหน้านิ่งมาตลอดระหว่างการเดินทางกลับมาไร่ภูศรีจัน แม้ว่าจะพูดคุยกับกัญญานันอย่างชื่นชมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนท่านกลับไม่เอ่ยคำใด แทบจะไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ ทำเอาเปรมินทร์ร้อนๆ หนาวๆ สันหลัง
“หนูก้อยหิวไหมจ๊ะ ทานอะไรก่อนนอนดีไหม น้าเห็นหนูทานที่งานนิดเดียวเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะเจ้าน้า ช่วงเย็นก้อยทานน้อยน่ะค่ะ”
หญิงสาวบอกอย่างเกรงใจ
“มิน่าหนูก้อยถึงได้อ้อนแอ้นขนาดนี้ แต่น้าว่าทานนมอุ่นๆ หน่อยก็ดีนะ อากาศที่นี่เย็นมาก จะได้นอนหลับสบายไงจ๊ะ แต่ที่จริงหนูก้อยทานเยอะอีกนิดก็ได้นะลูก อย่างหนูไม่อ้วนหรอก น้าไม่อยากให้อดอาหารเหมือนสาวๆ สมัยนี้เลยสุขภาพจะแย่เอา”
“ขอบคุณค่ะเจ้าน้า”
กัญญานันยิ้มรับคำตักเตือนพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณ ไม่แย้งว่าจริงๆ เธอทานข้าวน้อย แต่ชอบกินขนมจุกจิกมากกว่าต่างหาก
“กลับมากันแล้วเหรอครับเจ้า”
คุณเฮนรี่เดินออกมาแล้วโอบไหล่ภรรยาเพราะอากาศช่วงสามทุ่มเย็นจัดมาก วันนี้เขาเลิกงานเย็นและต้องตรวจสอบบัญชีรายเดือนกับฝ่ายบัญชี ไม่สามารถไปงานได้ นึกห่วงไม่อยากให้เจ้าปัทมาดาราต้องเดินทางตอนดึกคนเดียว พอลูกชายก็อาสาไปแทนเขาจึงสบายใจ
“หนูก้อยกลับเรือนพักอาบน้ำอุ่นเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา แล้วน้าจะสั่งให้เด็กเอานมอุ่นไปให้ที่เรือน”
เจ้าปัทมาดาราเห็นหญิงสาวห่อไหล่ลูบแขนผ่านเสื้อแขนยาวตัวบางของตนจึงเป็นห่วง และหันไปพูดกับลูกชายเป็นประโยคแรก
“ตามินทร์เอาเสื้อเราให้หนูก้อยคลุมแล้วก็เดินไปส่งน้องหน่อยเถอะ ดึกแล้ว ถึงทางเดินไปเรือนพักแขกจะไม่ไกลแต่แม่ก็ห่วงถ้าจะให้น้องไปคนเดียว”
สองหนุ่มสาวหันมองหน้ากันโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วกัญญานันก็หลบตาก่อน ขณะที่เปรมินทร์นิ่งงันไปด้วยความแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอดเสื้อสูทของตนเองขยับเข้าไปคลุมให้ที่ไหล่ของหญิงสาวเบาๆ
ความอบอุ่นกับกลิ่นอายของชายหนุ่มที่แผ่โอบล้อมทำให้กัญญานันหน้าร้อนขึ้น แต่พยายามทำหน้านิ่งไม่แสดงออกอะไร เพียงแค่พึมพำขอบคุณแล้วจากนั้นก็ไหว้ลาผู้ใหญ่
================
สองหนุ่มสาวเดินเงียบๆ ข้างกันไปตามทางเดินเล็กๆ อ้อมไปด้านหลังเรือนใหญ่ โดยต่างก็ทิ้งระยะห่างระหว่างกันพอสมควร กระทั่งเปรมินทร์ที่เหลือบมองหญิงสาวบ่อยครั้งเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“คุณชอบกุหลาบหรือกล้วยไม้”
กัญญานันทำหน้างง เปรมินทร์จึงขยายความต่อ
“ที่ไร่เราส่งออกกุหลาบกับกล้วยไม้ด้วย เผื่อคุณอยากดู เพราะอุตส่าห์มาถึงไร่ภูศรีจันทั้งที ผมคิดว่าคุณน่าจะได้ไปเที่ยวรอบๆ ไร่บ้าง”
หญิงสาวพยักหน้านิดๆ แล้วครุ่นคิด
“ฉันชอบทั้งสองชนิดค่ะ แล้ว...ที่ไร่นี่มีดอกไม้ชนิดอื่นอีกไหมคะ”
“ก็มีนะ แต่ปลูกเพื่อความสวยงามน่ะ ถ้าส่งออกมีสองชนิดนี้ กุหลาบเจ้าแม่บุกเบิกมาหลายสิบปีตั้งแต่แรกเริ่มก็เลยมีหลายพันธุ์ แล้วก็หลายจุดในไร่ ส่วนกล้วยไม้ผมเพิ่งเริ่มเพาะไม่นานนี้เอง กำลังเริ่มออกช่อสวย รุ่นแรกเลย ผมกำลังจะหาทางส่งควบคู่กับกุหลาบ แต่ยังมีพันธุ์ไม่หลากหลายเท่าไรหรอก ผมอยากทำแบบค่อยเป็นค่อยไปน่ะ คุณอยากดูไหม”
เมื่อเขาถามอีกครั้งเธอจึงหยุดแล้วก็อดยิ้มแห้งๆ ไม่ได้ พอชายหนุ่มชวนคุยด้วยท่าทางสบายๆ ทั้งยังเป็นเรื่องดอกไม้ที่ผู้หญิงทุกคนต้องสนใจกัญญานันจึงคลายอาการเกร็งในเวลาที่ต้องอยู่ใกล้เขาลง
“คงไม่ใช่ตอนนี้นะคะ”
เปรมินทร์ยิ้มพราวกับท่าทางของอีกฝ่าย รู้ว่าอากาศหนาวแบบนี้บั่นทอนร่างกายของคนปกติยิ่งนัก และแน่นอนว่าใครๆ ต่างก็คิดถึงน้ำอุ่นกับเตียงนอนที่มีผ้าห่มหนานุ่มทั้งนั้น
“ผมหมายถึงตอนที่คุณว่าง แต่กล้วยไม้มันยังไม่เยอะแล้วก็สวยละลานตาเหมือนกุหลาบหรอก คุณอาจจะอยากดูกุหลาบมากกว่า”
“ขึ้นชื่อว่าดอกไม้ ผู้หญิงก็ชอบดูทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่ว่าจะดอกไม้อะไรถ้ามันยังอยู่บนต้นฉันก็รู้สึกถึงความสวย ความสดชื่นของมันทั้งนั้น”
หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความจริงใจขณะมองตอบชายหนุ่มโดยไม่หลบสายตา เพราะอยากอธิบายให้เขาเข้าใจความคิด แล้วก็อย่าเพิ่งตัดสินใจแทนคนอื่นด้วยความรู้สึกนึกคิดของเขาเอง
เปรมินทร์ก็รู้สึกอุ่นวาบในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ทว่านอกจากแววตามุ่งมั่นของเธอที่ดึงดูดเขา สิ่งที่เขามองมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากงานจนถึงตอนนี้ก็ดึงสายตาเขาได้อีกครั้ง เมื่อคิดตามที่เธอบอก
“ที่คุณพูดมามันก็ถูกนะครับ แต่มันก็ไม่เสมอไป”
“นั่นเป็นความคิดของคุณค่ะ คนเราคิดไม่เหมือนกันได้”
กัญญานันไม่คิดมากหรือเคืองใจที่ชายหนุ่มไม่เห็นด้วยกับเธอ ร่างบางหันกลับมาเดินต่อ ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มดังตามมา แล้วก็รู้สึกว่าเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ผมว่าดอกไม้บางดอกไม่จำเป็นต้องอยู่บนต้นก็สวย แล้วก็สะดุดตามากถ้าได้ประดับอยู่กับ...”
ไออุ่นที่แนบมาด้านหลังทำให้ร่างบางหันกลับอย่างกะทันหัน แล้วก็รู้ว่าเปรมินทร์ขยับมาจนชิดกับตนเอง แถมเมื่อเธอหันกลับมาหน้าผากก็เฉียดกับริมฝีปากอุ่นและคางแข็งแกร่งอีกด้วย กัญญานันผงะถอยหลังทันที ใบหน้าสวยหวานเงยมองอีกฝ่ายพร้อมกับชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นเขายิ้มน้อยๆ แล้วเหมือนกับเพิ่งดึงบางอย่างออกจากผมของเธอ พอสังเกตดีๆ แล้วจึงรู้ว่าเป็นดอกไม้สีขาวที่ประดับผมเธอในตอนฟ้อน คงด้วยความรีบเร่งเกรงเจ้าปัทมาดาราจะรอนานทำให้กัญญานันเอาออกจากผมไม่หมด ทั้งผมเธอก็ยังมวยอยู่ไม่ได้ปล่อยสยายออก
“กับคุณ...เหมือนดอกนี้ไง”
ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลสบตาของเธออย่างล้ำลึก เขายกดอกไม้ในมือขึ้นดมทั้งยังพูดต่อ
“แถมยังหอมมากด้วย”
กัญญานันขยับปากค้าง ไม่รู้จะเอ่ยอะไรกับสิ่งที่ชายหนุ่มทำ รู้เพียงว่าใบหน้าตนเองกำลังร้อนผ่าว ทว่าในใจกลับขุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อีกฝ่ายกำลังทำราวกับเกี้ยวพาเธอ มันกลับทำให้เธอมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก ในเมื่อเข้าใจว่าเปรมินทร์มีผู้หญิงที่คบหาอยู่แล้วทั้งคน เธอเห็นว่าวันนิสาจูบแก้มเขาตอนที่รีบเร่งไปแต่งหน้า แล้วเขาทำแบบนี้กับเธอเพื่ออะไร
=====
ชายหนุ่มร่างสูงกำยำเดินกลับมายังบ้านหลังใหญ่พร้อมกับดอกไม้ในมือ นึกแปลกใจการกระทำของตัวเองที่ทำเรื่องไม่เหมาะไม่ควร จนกัญญานันเอ่ยขอตัวไปอย่างรีบร้อน ไม่ยอมให้เขาตามไปส่งถึงเรือน ทุกอย่างเกิดขึ้นเองโดยไม่ทันได้รู้ตัว ยิ่งได้เห็นหน้าสวยหวานน่ารัก กับเรือนร่างอรชรเดินไปเดินมาไม่ห่าง เขายิ่งมึน อารมณ์อ่อนไหวประหลาด ทำอะไรลงไปแต่ละครั้งอย่างลืมตัวเปรมินทร์ถอนหายใจ ขณะเดินผ่านหน้าห้องของผู้เป็นแม่กับพ่อเสียงหนึ่งก็หยุดเขาเอาไว้“มาคุยกับแม่ทางนี้หน่อยตามินทร์”เมื่อเห็นมารดายืนกอดอกอยู่หน้าประตูในชุดนอนคลุมทับด้วยชุดคลุมหนาอุ่นเปรมินทร์ก็เหมือนจะรู้ว่าต้องเจอกับอะไร เพราะใบหน้าเจ้าแม่ของเขาเอาเรื่องชัดเจนเจ้าปัทมาดาราเดินผ่านลูกชายไปยังจุดนั่งพักผ่อน ซึ่งทำเหมือนห้องนั่งเล่นกลางโถงชั้นสองแล้วนั่งลง ส่วนชายหนุ่มแอบเอาดอกไม้ใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตไม่ให้ท่านสังเกตเห็นก่อนจะเดินตามมานั่งแปะข้างๆ แล้วกอดร่างอิ่มของผู้เป็นแม่อย่างเอาใจ“รู้แล้วใช่ไหมว่าแม่จะพูดเรื่องอะไร อย่ามาอ้อนซะให้ยากเลย”“ผมไม่เกี่ยวนะครับ นิสาเขาจู่โจมผมเอง”ชายหนุ่มบอกปัดก่อนจะแนบหน้ากับอกนุ่มอวบของมารดา ไม่สบตาเพราะไม่อย
ช่วงเช้าของไร่ภูศรีจันอากาศเย็นจัดและมีหมอกหนาทว่าเปรมินทร์เคยชิน จนสามารถอาบน้ำสระผมได้สบาย ร่างสูงเพรียวแกร่งก้าวลงบันไดเร็วๆ พร้อมฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตมีแจ๊กเกตไม่หนามากนักคลุม ผมที่ยังชื้นหน่อยๆ ถูกเสยขึ้นสบายๆ ไม่ได้จัดอย่างมีพิธีรีตอง แต่เมื่อลงมาด้านล่างกำลังจะเลี้ยวไปในส่วนห้องอาหารชายหนุ่มก็ชะงัก หันมองกระเป๋าเดินทางใบย่อมที่สาวใช้ยกมาวางหน้าประตูบ้าน กับสูทของตนที่ถือติดมือเข้ามา“อะไรน่ะ”“สูทคุณมินทร์เจ้า ข้าเจ้าจะเอาไปซักเจ้า”สาวใช้อายุน้อยหยุดนิ่งก้มหน้าลงพร้อมกับตอบโดยมือกุมเสื้อสูทแน่น“รู้แล้วว่าเสื้อฉัน แต่ทำไมมาอยู่ที่เธอ แล้วนั่นอะไร ข้างนอกนั่น ใครจะไปไหน”ชายหนุ่มเสียงห้วนจัด เสื้อของเขาเขารู้ดี และเข้าใจว่าจะได้คืนจากมือคนที่คลุมติดไปด้วยเมื่อคืน ไม่ใช่จากสาวใช้ แถมกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่วางอยู่ด้านนอกเขาก็จำได้ด้วยว่ามันเป็นของใคร นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน“เอ่อ...”ยังไม่ทันที่สาวใช้จะได้ตอบคำถาม ร่างของคนสามคนก็ปรากฏตัวออกมาจากทางด้านห้องอาหาร เปรมินทร์หันขวับไปมอง เขาเหลือบมองร่างบางอรชรก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะเหล่ไปทางผู้เป็นแม่ ซึ่งท่
เป็นอีกครั้งในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาที่กัญญานันถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเมื่อเห็นรถตู้ของไร่ภูศรีจันแล่นเข้ามาจอดด้านหน้าตึก แม้จะกระอักกระอ่วนใจทุกครั้งที่จำต้องพบหน้ากัน กัญญานันก็เลือกวางเฉยทำให้ระหว่างทั้งคู่ยังอึมครึมอยู่ ทว่าหญิงสาวก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าที่โรงเรียนของเธอกับเพื่อนก้าวหน้ารวดเร็วจนเกือบจะเสร็จเรียบร้อยในอีกไม่กี่วันนี้ ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากเปรมินทร์ ชายหนุ่มช่วยดูแบบ ออกความคิดเห็นปรับแก้ในจุดที่บกพร่อง เลือกเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่ง ทั้งยังเป็นธุระติดต่อเพื่อให้ได้ของที่มีคุณภาพดี สวยงาม ราคาย่อมเยา เพราะกัญญานันกับมาธาวีไม่สันทัดทั้งคู่“ดูทำหน้าเข้าสิ ถ้าเราเป็นพี่มินทร์แล้วเห็นหน้าเธอแบบนี้ทุกครั้งที่เจอนะ เราถอยไปนานแล้ว”มาธาวีที่กำลังช่วยกัญญานันจัดพื้นที่ต้อนรับด้านล่างกระทุ้งศอกใส่เพื่อนที่ทำหน้าเหมือนไม่อยากเจอคนจากไร่ภูศรีจันกัญญานันไม่เถียงเพื่อน เพราะเธออธิบายจนเหนื่อยแล้วแต่มาธาวีก็เลือกที่จะเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองว่าเปรมินทร์กำลังตามจีบเธอ เหตุผลที่กัญญานันพยายามปฏิเสธเพราะเธอเคยเห็นเขากับวันนิสามาก่อน อีกทั้งยังได้รู้จากเพื่อนด้วยว่าเจ้าปัทมาด
วันนี้เป็นวันที่กัญญานันไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลยในชีวิต แม้จะเคยฝันไว้ว่าอยากใส่ชุดเจ้าสาวในแบบไหน แต่ไม่เคยคิดว่าเจ้าบ่าวของตนจะเป็นใคร หน้าตาแบบไหน และยิ่งเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา สมบัติพัสถาน ทั้งยังฉลาดเฉลียว มีความสามารถโดดเด่นหลายอย่างดังเช่นที่เขาเคยแสดงให้เธอได้เห็นในช่วงเวลาไม่ถึงสองเดือนที่ได้รู้จักกันอย่างเปรมินทร์ เธอยิ่งไม่เคยนึกฝัน แม้รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในวงจรชีวิตของเธอก็ตาม กระทั่งทุกสิ่งล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ วันที่เธอต้องมาเป็นเจ้าสาวของเขาเวลานี้เธอกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่ของทางฝ่ายเธอและเปรมินทร์ มือของเธออยู่ในมือหนาแข็งแรงของอีกฝ่ายขณะที่เขากำลังสวมแวนให้เธออย่างแผ่วเบา เนื้อแหวนที่เย็นเฉียบทำให้กัญญานันรู้สึกหนักอึ้ง หญิงสาวเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยดวงตาพร่ามัว ยกมือไหว้เขาอย่างอ่อนช้อยในขณะที่เขาเองก็รับไหว้เธอตอบ กัญญานันจำต้องข่มน้ำตาที่เอ่อคลอเอาไว้ แม้ใครหลายคนอาจจะมองว่าเจ้าสาวกำลังตื้นตันกับวันวิวาห์แสนหวานก็ตามใช่ว่ากัญญานันจะรังเกียจเปรมินทร์จนถึงขั้นไม่อาจใช้ชีวิตร่วมกับชายหนุ่มได้ แต่เธอถูกบีบบังคับจนไม่เหลือทางให้เ
“ทำหน้าแบบนั้น อยากพูดอะไร อยู่กับผมคุณไม่ต้องสงบปากสงบคำนักก็ได้ คุณไม่ได้อยู่กับผู้ใหญ่สักหน่อย แล้วผมก็ไม่ใช่พวกบ้าอำนาจที่เมียต้องฟังผัวอย่างเดียว ไม่มีสิทธิ์เอ่ยปาก”หญิงสาวหน้าแดงเรื่อขึ้นเพราะคำพูดโต้งๆ ของอีกฝ่ายแล้วก็ก้มลงหลบตาเขาเช่นเคยก่อนจะพึมพำเสียงเบา“ไม่มีอะไร...”ยังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยคก็รู้สึกถึงร่างสูงกำยำที่โน้มลงมาหา กัญญานันเอนกายไปด้านหลังเอียงหน้าหลบเต็มที่ พอจะดันมือกับเตียงเพื่อถอยก็ปรากฏว่าไปเจอเข้ากับมือหนาทั้งสองข้างที่วางข้างกายเธอสองด้านเหมือนกักกันกลายๆ ทำให้เธอไม่อาจขยับไปไหนได้ ขณะที่ใบหน้าคมหล่อเหลาเคลื่อนมาชิดหน้าเธอทั้งยังเอียงทำมุมจนสามารถมองตากันได้อย่างชัดเจน ด้วยความตกใจกลัวการคุกคามอย่างกะทันหันของชายหนุ่มกัญญานันจึงผงะ หลับตาปี๋ สองมือตั้งใจจะผลักอกแกร่งแต่กลับกลายเป็นถูกรั้งเข้าไปกอดไว้“เดี๋ยวก็ล้มลงไปหรอก”เขายังดุเบาๆ“คุณมินทร์”“หืม”แม้จะขานรับหญิงสาวไปแต่ตอนนี้เปรมินทร์กำลังให้ความสนใจกับมือนุ่มนิ่มที่แตะบนแผงอกเขากับใบหน้าหวานด้านข้าง ที่วันนี้ผมยาวสลวยของกัญญานันถูกรวบขึ้นมวยสูงเผยแก้มผ่องใส ดวงหน้างดงามแจ่มกระจ่างตา ความสวยลออตาก่
“อะ เอ่อ...”“คุณสวยจนผมอดใจไม่อยู่ ขอโทษที อย่าเพิ่งขัดใจผมเลย สัญญาว่าจะรอคุณอาบน้ำเสร็จก่อนแน่ แต่ว่าตอนนี้...ขอชื่นใจสักนิดเถอะนะ"ทั้งที่ร่างบางเกิดอาการหวั่นเกรงอย่างเห็นได้ชัดแต่เปรมินทร์ก็ยังเดินหน้า เมื่อเอ่ยปากขออย่างหมดเหลี่ยมแล้ว เขาก็สอดประสานมือข้างซ้ายของหญิงสาวกับตนเอง เหมือนเชื่อมความรู้สึกให้ส่งผ่านถึงกันและกัน แล้วเลื่อนลงให้เธอโอบกอดเอวบางพร้อมกับเขา ส่วนมืออีกข้างเลื่อนมาเชยคางมนให้แหงนเงยมารับจุมพิตร้อนรุ่มจากเขาปากได้รูปประทับแนบสนิทกับปากอิ่มสวยก่อนจะขยับไล้กลีบปากนุ่มแผ่วผิว อึดใจต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเบียดไล้มากขึ้นจนปลายลิ้นอุ่นซ่านถูกส่งออกมาสัมผัสกับความนุ่มนิ่มดั่งกลีบกุหลาบแรกแย้มถ้วนทั่ว ไม่นานหญิงสาวก็ยินยอมเผยอรับลิ้นอุ่นเข้ามาพัวพันกับตนเองโดยไม่รู้ตัว เปรมินทร์เป็นผู้นำพาให้เธอหลงวนไปกับความหอมหวานจากจูบแรกในชีวิตจนแทบไม่อยากถอยห่าง กระทั่งความอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรง จากไล้เลียพันรัดก็กลับเป็นดูดดึงรุนแรง นั่นเองที่ทำให้กัญญานันผวาหายใจหายคอไม่ทัน อกอวบอิ่มสะท้อนแรงขึ้น ลมหายใจแทบจะไม่มีหลงเหลือราวถูกสูบวิญญาณ แล้วก็ต้องส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเปรมิ
ความเย็นเยียบกระทบผิวกายนวลลออทันทีที่ร่างบางอรชรโผล่พ้นจากน้ำ กัญญานันล้างเนื้อล้างตัวด้วยน้ำอุ่นจากฝักบัวแล้วจึงรีบเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาคลุมร่าง ปากอิ่มสั่นจนฟันกระทบเข้าหากัน เมื่อซับน้ำจากร่างจนหมดแล้วก็แข็งใจดึงผ้าออกสวมชุดนอนแขนยาวขายาวตามด้วยเสื้อคลุมทับไปอีกชั้น หากก็ยังไม่ช่วยให้อบอุ่นเพียงพอหญิงสาวจึงรีบเอาผ้าขนหนูไปตาก เมื่อเห็นผ้าผืนใหญ่ตากอยู่ส่วนบนแล้วเหลือส่วนล่างที่เป็นของเธอก็รู้สึกแปลกๆ จะขัดเขินก็ไม่ใช่ อุ่นใจก็ไม่เชิง แต่ด้วยความหนาวกัญญานันจึงรีบทำทุกอย่างให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ออกไปจากห้องน้ำที่เย็นฉ่ำนี้เสีย โดยลืมไปสนิทว่าเมื่อออกไปแล้วอะไรกำลังรอตนเองอยู่เท้าเล็กก้าวออกมาจากห้องน้ำแล้วปิดประตูลง มือกำลังจะแกะผ้าขนหนูที่ห่อผมอยู่เพื่อซับให้หมาดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองไม่ได้อยู่ในห้องเพียงคนเดียว ดวงตากลมโตกวาดมองไปโดยรอบอย่างหวั่นใจ กระทั่งเจอร่างสูงเพรียวใส่กางเกงยีนเรียบร้อยยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้ากำลังสวมเสื้อยืดแขนสั้นแล้วหันมาทางเธอ คงเพราะได้ยินเสียงประตูนั่นเองกัญญานันมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงสัยแต่ไม่รู้จะเอ่ยถามว่าอะไร ส่วนชายหนุ่มก็มองเธอแวบเดียวแล้วหันไ
เกือบสิบนาทีต่อมามนตรีก็พารถโฟร์วีลคันโตของเปรมินทร์มาจอดเทียบหน้าบ้านพักหลังใหญ่ของเจ้าปัทมาดารา ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านส่วนตัวของเปรมินทร์ประมาณห้าร้อยเมตร ร่างสูงเพรียวพุ่งพรวดขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างร้อนใจ“ไปเลย”คำสั่งห้วนๆ ของเจ้านายทำให้มนตรีไม่กล้าทักท้วงขอให้เปรมินทร์ไปนั่งด้านหลัง เมื่อรถวกเลี้ยวโค้งกำลังจะออกไปจากลานกรวดด้านหน้าก็ต้องเบรกกะทันหันเพราะร่างหนึ่งโผล่ออกมาขวาง รถยังไม่ทันหยุดนิ่งด้วยซ้ำคนที่ขวางก็วิ่งมาด้านข้างแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะหลัง เนื่องจากไฟในรถทำให้เธอเห็นว่าที่นั่งด้านหน้าเต็มแล้ว“คุณมาได้ยังไง”เปรมินทร์ถามขึ้นขณะร่างบางเข้ามานั่งในรถ“ออกรถเลยค่ะ”หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถาม แต่บอกคนขับทั้งที่ตนเองยังไม่ทันจะปิดประตูด้วยซ้ำ เสียงของเธอดูหอบสะท้านทว่ายังไม่มีใครทันสังเกต“เร็วสิคะ”เมื่อเสียงใสเจือลมหายใจหอบน้อยๆ เร่งขึ้นมนตรีจึงเหลือบตามองหน้าเจ้านายซึ่งตอนนี้หน้าหล่อเหลาดูเคร่งเครียดและดุอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ในที่สุดเปรมินทร์ก็ยอมพยักหน้าให้ออกรถ มนตรีจึงทำตามคำสั่ง จากนั้นในรถก็เข้าสู่ความเงียบมีเพียงเสียงหายใจหนักๆ ของคนร่างบางซึ่งอยู่เบาะหลัง
“แต่...แต่ว่า...นี่มันตอนเช้า เอ่อ...”คำท้วงหวานใสหยุดลงเพราะนิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มวางลงบนปากอิ่ม“ปากของคุณทั้งสวยทั้งหวานจนผมอยากจูบแล้วจูบอีก แก้มคุณก็นิ่มจนผมอยากหอมไม่หยุด คอก็ขาวผ่อง แล้ว...”ขณะที่พูดปลายนิ้วเขาก็ลากไล้ไปตามจุดต่างๆ ที่เอ่ยถึงบนเรือนร่างสวยพร้อมไปด้วย ทำเอาร่างบางสะท้านตาม กระทั่งปลายนิ้วแข็งแรงไล้ไปบนเนินเนื้ออวบเขาก็ชะงักเพราะกัญญานันจับมือเอาไว้ ชายหนุ่มจึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจับมือบางมาจุมพิตแผ่วเบาจนถ้วนทั่ว“ผิวคุณเนียนนุ่ม หอมทั้งเนื้อทั้งตัว คุณไม่รู้หรอกว่าผมอยากรักคุณทุกครั้งเวลาอยู่ใกล้ ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น”กัญญานันฟังคนที่พึมพำบอกเสียงแผ่วนิ่งเขินจนทำตัวไม่ถูก ได้แต่มองการกระทำของอีกฝ่ายด้วยใจไหวระทึก แทบลืมไปแล้วว่าตัวเองมีปากที่จะห้าม ด้วยถูกเหนี่ยวสติสัมปชัญญะทั้งหมดไป ไม่ว่าชายหนุ่มจะจูบจะหอมเธอก็สะท้านไปทั้งร่าง ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนลงมาหาแก้มนวลใส สูดดมความหอมชื่นใจเต็มที่ก่อนจะจูบไซ้แผ่วผิวระเรื่อยไปหาใบหูอ่อนนุ่ม ทำเอากัญญานันหอบแรงขึ้นมาทันใด มือบางที่ถูกฝ่ามือหนาทาบทับให้แนบแก้มเขานั้นชื้นไปด้วยเหงื่อ แม้จะเกร็งและสมองเตือนใ
ร่างบางเดินออกจากห้องน้ำพร้อมของในมือก็เห็นเปรมินทร์ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ทว่าทีวีเปิดขึ้นมาแล้ว เมื่อสบตากันเธอก็มองเห็นเพียงแววนิ่งสุดจะหยั่งได้จากนัยน์ตาอีกฝ่าย หญิงสาวเสียบปลั๊กไดร์เป่าผม แล้วขยับมายืนใกล้ร่างสูง หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาถือในมือแต่ยังไม่ทันทำอะไรก็ถูกชายหนุ่มตวัดเอวบางเข้าไปหาเขา“เอ่อ...”“ผมรู้สึกเหมือนเริ่มจะหนักหัวอีกแล้ว”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ ราวกับอ้อนก่อนที่หญิงสาวจะพูดอะไร แถมยังดึงร่างเล็กให้เข้าไปยืนตรงกลางระหว่างขาของตัวเอง รั้งเอวบางขยับใกล้เขาอีกนิดเพื่อที่เธอจะได้เช็ดผมให้เขาสะดวกขึ้นกัญญานันไม่กล้าฝืนจึงจำยอมยืนนิ่งอยู่ในอกคนร่างใหญ่แล้วใช้ผ้าเช็ดผมสั้นของอีกฝ่ายอย่างเบามือ พยายามมองเพียงแค่สิ่งที่ตนเองทำ ไม่คิดว่าใกล้ชิดกันแค่ไหน แต่ดูเหมือนคนที่พยายามไม่คิดอะไรมีเพียงเธอ เพราะรู้สึกได้ว่ามือหนาของอีกฝ่ายลูบไล้ไปมาอยู่ที่ช่วงเอวด้านหลัง หญิงสาวจึงหาเรื่องมาพูดคุยเพื่อลดความอึดอัด“เมื่อกี้ฉันไปเจอหมาตัวหนึ่งค่ะ น่ารักดี เห็นสโนบอกว่าคุณเลี้ยงไว้ที่ออฟฟิศ เพิ่งพามันมาที่นี่แล้วฝากไว้กับหนุ่ม”“อืม...เมื่อวานยังไม่ทันได้บอกคุณ หนุ่มเป็นคนขับรถคนใหม่ ผมเพิ่ง
โฮ่งๆกัญญานันชะงักเดินผ่านแปลงดอกไม้นานาชนิดท่ามกลางความหนาวของอากาศในตอนเช้าหันมองตามเสียงแล้วดวงตากลมโตก็เบิกโพลงเจ้าตัวที่ทำเสียงดังไม่ได้มีท่าทางเหมือนจะทำร้ายหญิงสาว มันวิ่งพรวดออกมาหากระดิกหางพร้อมกับเห่าไม่หยุด ตัวมันค่อนข้างเตี้ย กัญญานันยิ้มให้มันแล้วคุกเข่าลงกับพื้นหญ้า ยื่นมือไปหามันก็ถูไถหน้าย่นแหลมกับมือเธอ ทั้งยังเลียไม่หยุดจนหญิงสาวหัวเราะเบาๆ พร้อมกับพิจมองไปด้วยรู้สึกถึงความคุ้น“เฮ้ย แกจะทำอะไร”เสียงดังของใครคนหนึ่งตวาดขึ้น เจ้าสุนัขกระโจนเข้าหาอกหญิงสาวทันทีเธอจึงอุ้มมันเอาไว้พร้อมหันไปมองคนมาใหม่ เขาไม่ใช่คนบนภูหมอก“คุณเป็นใคร”ร่างบางลุกขึ้นก้าวถอยหลัง เพราะอีกฝ่ายยังไม่ตอบคำถาม เอาแต่มองหน้าเธอเหมือนไม่เคยเห็น แต่ก็ไม่เคยเห็นจริงๆ นั่นแหละ“คุณเป็นใครคะ มาที่นี่ได้ยังไง”“ผม...”“อ้ายหนุ่ม”สโนสาวน้อยที่เป็นลูกมือคนหนึ่งของเพ็ญเรียกพร้อมกับวิ่งมาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ พอเห็นกัญญานันก็ยิ้มหวานให้แล้วหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้น“พี่เพ็ญเปิ้นหื้อมาตามอ้าย เปิ้นบอกหื้ออ้ายอาบน้ำอาบท่า สักกำจะได้กินข้าว เตียมตั๋ว เผื่อนายมินทร์เฮียกใจ๊”“อืม”ผู้ชายที่สโนเรียกว่าหนุ่มพย
กัญญานันมองอ่างแก้วกับผ้าที่วางบนถาดแล้วก็รู้ว่าเป็นหน้าที่ของตัวเอง หญิงสาวตัดสินใจดื่มนมจนหมดแก้ว จากนั้นร่างบางก็ค่อยๆ เดินไปใกล้คนที่เอาแต่นอนนิ่ง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทว่าในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยปากเรียกก่อน“คุณมินทร์ คุณมินทร์คะ”ชายหนุ่มยังนิ่งอยู่เธอจึงค่อยๆ ยื่นมือไปวางบนท่อนแขนกำยำเบาๆ พร้อมเอ่ยเรียกอีกครั้ง ได้ยินเขาครางรับเสียงแหบพร่าแผ่วเบา รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยจึงพูดต่อ“คุณมินทร์ขยับตัวหน่อยนะคะ จะได้นอนสบายขึ้น”เธอเห็นเขาเหมือนจะพยักหน้านิดๆ แต่กลับไม่ขยับ จนผ่านไปชั่วอึดใจร่างสูงก็พยายามยันกายขึ้นแต่กลับเอียงเกือบจะล้มลงไปกัญญานันจึงรีบถลาเข้าไปพยุงแม้จะช่วยไม่ได้มากนัก เพราะชายหนุ่มพาตัวเองมานอนกลางเตียงเองเสียมากกว่า เขาเอียงตัวคว้าหมอนข้างมากอดแล้วปิดตาที่ปรือของตนลงอีกครั้งทันที ปล่อยให้คนร่างบางได้แต่มองอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อนึกได้ว่าต้องเช็ดตัวกัญญานันก็ผละออกมาเอาผ้าชุบน้ำกลับมานั่งบนเตียงข้างชายหนุ่มแล้วเรียกอีกครั้ง“คุณมินทร์คะ เช็ดตัวหน่อยนะคะ”“อืม ก็ทำไปสิ”เสียงแหบแห้งตอบเบาจนแทบไม่ได้ยิน ทว่ากลับไม่ขยับตัวนอนให้เธอเช็ดตัวได้อย่างสะดวก กัญญานันถอนหายใจ
สองอาทิตย์แห่งความโศกเศร้าผ่านไปอย่างเชื่องช้า หลังจากเกิดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นภายในไร่ภูศรีจันทุกอย่างในไร่ก็ดูเหมือนจะเฉาลงไปถนัดตา มองไปทางไหนก็เจอแต่ความหมองหม่น แม้แต่ไร่กุหลาบที่แสนสวยงามหลากหลายสียังไม่รู้สึกสดชื่นเวลาที่มองเห็น ใบหน้าของคนงานแต่ละคนก็หมองเศร้าจนไม่อยากมองหน้ากันเองด้วยซ้ำ ทว่าที่ดูแย่ที่สุดและราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนก็คือนายคนใหม่ของไร่ภูศรีจันอย่างเปรมินทร์ แม้ชายหนุ่มไม่อยากขึ้นมายืนบนจุดนี้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะไร่ขาดร่มโพธิ์ร่มไทรที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกันถึงสองคนชายหนุ่มเงียบขรึมไปมากจนหลายคนไม่กล้าสู้หน้าในระหว่างงานพิธี แม้กระทั่งผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาเองก็ตาม กัญญานันอยู่ในที่ของตนเอง ช่วยหยิบจับดูแลความเรียบร้อยเท่าที่พอจะทำได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยเพิ่งแต่งงานทำให้หญิงสาวไม่กล้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายมากนัก ยิ่งเห็นเปรมินทร์เฉย หน้าเศร้า เงียบขรึม เธอยิ่งทำตัวไม่ถูก อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นพรากความสูญเสียไปจากชายหนุ่มเพียงฝ่ายเดียว ส่วนคุณชายพงศกรกับคุณรุจีรัตน์พ่อกับแม่ของเธอปลอดภัย มีอาการบาดเจ็บ ทว่าก็ไม่รุนแรงมากถึงขั้นวิกฤต แต่ไม่สามารถออกจา
เกือบสิบนาทีต่อมามนตรีก็พารถโฟร์วีลคันโตของเปรมินทร์มาจอดเทียบหน้าบ้านพักหลังใหญ่ของเจ้าปัทมาดารา ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านส่วนตัวของเปรมินทร์ประมาณห้าร้อยเมตร ร่างสูงเพรียวพุ่งพรวดขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างร้อนใจ“ไปเลย”คำสั่งห้วนๆ ของเจ้านายทำให้มนตรีไม่กล้าทักท้วงขอให้เปรมินทร์ไปนั่งด้านหลัง เมื่อรถวกเลี้ยวโค้งกำลังจะออกไปจากลานกรวดด้านหน้าก็ต้องเบรกกะทันหันเพราะร่างหนึ่งโผล่ออกมาขวาง รถยังไม่ทันหยุดนิ่งด้วยซ้ำคนที่ขวางก็วิ่งมาด้านข้างแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะหลัง เนื่องจากไฟในรถทำให้เธอเห็นว่าที่นั่งด้านหน้าเต็มแล้ว“คุณมาได้ยังไง”เปรมินทร์ถามขึ้นขณะร่างบางเข้ามานั่งในรถ“ออกรถเลยค่ะ”หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถาม แต่บอกคนขับทั้งที่ตนเองยังไม่ทันจะปิดประตูด้วยซ้ำ เสียงของเธอดูหอบสะท้านทว่ายังไม่มีใครทันสังเกต“เร็วสิคะ”เมื่อเสียงใสเจือลมหายใจหอบน้อยๆ เร่งขึ้นมนตรีจึงเหลือบตามองหน้าเจ้านายซึ่งตอนนี้หน้าหล่อเหลาดูเคร่งเครียดและดุอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ในที่สุดเปรมินทร์ก็ยอมพยักหน้าให้ออกรถ มนตรีจึงทำตามคำสั่ง จากนั้นในรถก็เข้าสู่ความเงียบมีเพียงเสียงหายใจหนักๆ ของคนร่างบางซึ่งอยู่เบาะหลัง
ความเย็นเยียบกระทบผิวกายนวลลออทันทีที่ร่างบางอรชรโผล่พ้นจากน้ำ กัญญานันล้างเนื้อล้างตัวด้วยน้ำอุ่นจากฝักบัวแล้วจึงรีบเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาคลุมร่าง ปากอิ่มสั่นจนฟันกระทบเข้าหากัน เมื่อซับน้ำจากร่างจนหมดแล้วก็แข็งใจดึงผ้าออกสวมชุดนอนแขนยาวขายาวตามด้วยเสื้อคลุมทับไปอีกชั้น หากก็ยังไม่ช่วยให้อบอุ่นเพียงพอหญิงสาวจึงรีบเอาผ้าขนหนูไปตาก เมื่อเห็นผ้าผืนใหญ่ตากอยู่ส่วนบนแล้วเหลือส่วนล่างที่เป็นของเธอก็รู้สึกแปลกๆ จะขัดเขินก็ไม่ใช่ อุ่นใจก็ไม่เชิง แต่ด้วยความหนาวกัญญานันจึงรีบทำทุกอย่างให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ออกไปจากห้องน้ำที่เย็นฉ่ำนี้เสีย โดยลืมไปสนิทว่าเมื่อออกไปแล้วอะไรกำลังรอตนเองอยู่เท้าเล็กก้าวออกมาจากห้องน้ำแล้วปิดประตูลง มือกำลังจะแกะผ้าขนหนูที่ห่อผมอยู่เพื่อซับให้หมาดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองไม่ได้อยู่ในห้องเพียงคนเดียว ดวงตากลมโตกวาดมองไปโดยรอบอย่างหวั่นใจ กระทั่งเจอร่างสูงเพรียวใส่กางเกงยีนเรียบร้อยยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้ากำลังสวมเสื้อยืดแขนสั้นแล้วหันมาทางเธอ คงเพราะได้ยินเสียงประตูนั่นเองกัญญานันมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงสัยแต่ไม่รู้จะเอ่ยถามว่าอะไร ส่วนชายหนุ่มก็มองเธอแวบเดียวแล้วหันไ
“อะ เอ่อ...”“คุณสวยจนผมอดใจไม่อยู่ ขอโทษที อย่าเพิ่งขัดใจผมเลย สัญญาว่าจะรอคุณอาบน้ำเสร็จก่อนแน่ แต่ว่าตอนนี้...ขอชื่นใจสักนิดเถอะนะ"ทั้งที่ร่างบางเกิดอาการหวั่นเกรงอย่างเห็นได้ชัดแต่เปรมินทร์ก็ยังเดินหน้า เมื่อเอ่ยปากขออย่างหมดเหลี่ยมแล้ว เขาก็สอดประสานมือข้างซ้ายของหญิงสาวกับตนเอง เหมือนเชื่อมความรู้สึกให้ส่งผ่านถึงกันและกัน แล้วเลื่อนลงให้เธอโอบกอดเอวบางพร้อมกับเขา ส่วนมืออีกข้างเลื่อนมาเชยคางมนให้แหงนเงยมารับจุมพิตร้อนรุ่มจากเขาปากได้รูปประทับแนบสนิทกับปากอิ่มสวยก่อนจะขยับไล้กลีบปากนุ่มแผ่วผิว อึดใจต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเบียดไล้มากขึ้นจนปลายลิ้นอุ่นซ่านถูกส่งออกมาสัมผัสกับความนุ่มนิ่มดั่งกลีบกุหลาบแรกแย้มถ้วนทั่ว ไม่นานหญิงสาวก็ยินยอมเผยอรับลิ้นอุ่นเข้ามาพัวพันกับตนเองโดยไม่รู้ตัว เปรมินทร์เป็นผู้นำพาให้เธอหลงวนไปกับความหอมหวานจากจูบแรกในชีวิตจนแทบไม่อยากถอยห่าง กระทั่งความอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรง จากไล้เลียพันรัดก็กลับเป็นดูดดึงรุนแรง นั่นเองที่ทำให้กัญญานันผวาหายใจหายคอไม่ทัน อกอวบอิ่มสะท้อนแรงขึ้น ลมหายใจแทบจะไม่มีหลงเหลือราวถูกสูบวิญญาณ แล้วก็ต้องส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเปรมิ
“ทำหน้าแบบนั้น อยากพูดอะไร อยู่กับผมคุณไม่ต้องสงบปากสงบคำนักก็ได้ คุณไม่ได้อยู่กับผู้ใหญ่สักหน่อย แล้วผมก็ไม่ใช่พวกบ้าอำนาจที่เมียต้องฟังผัวอย่างเดียว ไม่มีสิทธิ์เอ่ยปาก”หญิงสาวหน้าแดงเรื่อขึ้นเพราะคำพูดโต้งๆ ของอีกฝ่ายแล้วก็ก้มลงหลบตาเขาเช่นเคยก่อนจะพึมพำเสียงเบา“ไม่มีอะไร...”ยังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยคก็รู้สึกถึงร่างสูงกำยำที่โน้มลงมาหา กัญญานันเอนกายไปด้านหลังเอียงหน้าหลบเต็มที่ พอจะดันมือกับเตียงเพื่อถอยก็ปรากฏว่าไปเจอเข้ากับมือหนาทั้งสองข้างที่วางข้างกายเธอสองด้านเหมือนกักกันกลายๆ ทำให้เธอไม่อาจขยับไปไหนได้ ขณะที่ใบหน้าคมหล่อเหลาเคลื่อนมาชิดหน้าเธอทั้งยังเอียงทำมุมจนสามารถมองตากันได้อย่างชัดเจน ด้วยความตกใจกลัวการคุกคามอย่างกะทันหันของชายหนุ่มกัญญานันจึงผงะ หลับตาปี๋ สองมือตั้งใจจะผลักอกแกร่งแต่กลับกลายเป็นถูกรั้งเข้าไปกอดไว้“เดี๋ยวก็ล้มลงไปหรอก”เขายังดุเบาๆ“คุณมินทร์”“หืม”แม้จะขานรับหญิงสาวไปแต่ตอนนี้เปรมินทร์กำลังให้ความสนใจกับมือนุ่มนิ่มที่แตะบนแผงอกเขากับใบหน้าหวานด้านข้าง ที่วันนี้ผมยาวสลวยของกัญญานันถูกรวบขึ้นมวยสูงเผยแก้มผ่องใส ดวงหน้างดงามแจ่มกระจ่างตา ความสวยลออตาก่