“ทำหน้าแบบนั้น อยากพูดอะไร อยู่กับผมคุณไม่ต้องสงบปากสงบคำนักก็ได้ คุณไม่ได้อยู่กับผู้ใหญ่สักหน่อย แล้วผมก็ไม่ใช่พวกบ้าอำนาจที่เมียต้องฟังผัวอย่างเดียว ไม่มีสิทธิ์เอ่ยปาก”
หญิงสาวหน้าแดงเรื่อขึ้นเพราะคำพูดโต้งๆ ของอีกฝ่ายแล้วก็ก้มลงหลบตาเขาเช่นเคยก่อนจะพึมพำเสียงเบา
“ไม่มีอะไร...”
ยังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยคก็รู้สึกถึงร่างสูงกำยำที่โน้มลงมาหา กัญญานันเอนกายไปด้านหลังเอียงหน้าหลบเต็มที่ พอจะดันมือกับเตียงเพื่อถอยก็ปรากฏว่าไปเจอเข้ากับมือหนาทั้งสองข้างที่วางข้างกายเธอสองด้านเหมือนกักกันกลายๆ ทำให้เธอไม่อาจขยับไปไหนได้ ขณะที่ใบหน้าคมหล่อเหลาเคลื่อนมาชิดหน้าเธอทั้งยังเอียงทำมุมจนสามารถมองตากันได้อย่างชัดเจน ด้วยความตกใจกลัวการคุกคามอย่างกะทันหันของชายหนุ่มกัญญานันจึงผงะ หลับตาปี๋ สองมือตั้งใจจะผลักอกแกร่งแต่กลับกลายเป็นถูกรั้งเข้าไปกอดไว้
“เดี๋ยวก็ล้มลงไปหรอก”
เขายังดุเบาๆ
“คุณมินทร์”
“หืม”
แม้จะขานรับหญิงสาวไปแต่ตอนนี้เปรมินทร์กำลังให้ความสนใจกับมือนุ่มนิ่มที่แตะบนแผงอกเขากับใบหน้าหวานด้านข้าง ที่วันนี้ผมยาวสลวยของกัญญานันถูกรวบขึ้นมวยสูงเผยแก้มผ่องใส ดวงหน้างดงามแจ่มกระจ่างตา ความสวยลออตาก่อกวนความรู้สึกนึกคิดเขามาทั้งวัน อยากสัมผัสแนบชิดครอบครองเป็นเจ้าของดั่งภมรเห็นดอกไม้ล่อตาล่อใจชวนหลงใหลจนยากจะหักห้ามใจไม่ให้แตะต้องได้
ทั้งที่ปกติเขาค่อนข้างใจเย็น เก็บอารมณ์ความรู้สึกเก่ง แต่กับกัญญานันแล้วบางอย่างที่ทำลงไปเขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ตาคมมองแก้มใสไล่สูงขึ้นมาข้างขมับซึ่งเริ่มจะมีเหงื่อซึมขึ้นมาทั้งที่ร่างบางหอมกรุ่นที่เขากอดตัวสั่นเย็นเฉียบ ทำเอาความอดทนของเขาโดนทลายลงจนแทบไม่มีเหลือ เมื่อสุดจะห้ามใจได้ใบหน้าคมจึงเคลื่อนลงไปคลอเคลียแตะไล้จมูกโด่งเป็นสันแนบขมับและข้างแก้มนวลสูดดมเอาความชื่นใจเข้าปอด
“เอ่อ คือฉันยังไม่...”
กัญญานันย่นคอพร้อมเอียงหน้าหลบ อยากเอ่ยห้ามแต่ก็พูดไม่ออกเช่นกัน ด้วยเขามีสิทธิ์แตะต้องเธออย่างเต็มที่ ทว่าความรู้สึกติดขัดในใจที่ว่าตนเองและชายหนุ่มไม่ได้ร่วมหอกันด้วยความรักทำให้เธอยังไม่อาจตกลงปลงใจกับ
อีกฝ่ายได้
“อืม...จริงสิ คุณยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
เขาเอ่ยเหมือนเพิ่งนึกได้
เมื่อเสียงทุ้มกระซิบชิดใบหูเล็กกัญญานันจึงรีบพยักหน้าโดยเร็วทั้งที่ไม่ใช่ความตั้งใจที่จะพูดก็ตาม ขอเวลาห่างเขาไปสักพัก ได้เตรียมคำพูดเพื่อคุยกับเขาก่อนก็ยังดี
“ก็ได้ คุณจะได้สบายตัวขึ้นด้วย”
เปรมินทร์เริ่มถอนความคิดของตัวเองออกมาจากร่างในอ้อมกอดได้จึงบอกก่อนจะเลื่อนมือมาจับปลายคางมนเชยขึ้น ไม่ต้องการให้เธอเอียงหน้าหลบเขา
“แล้วก็...ต่อไปพูดกับผมต้องมองตาผม อย่าทำเหมือนคนไม่จริงใจไม่กล้าสบตาเวลาพูด คนเราเมื่อได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันก็ต้องจริงใจต่อกัน ไม่อย่างนั้นชีวิตคู่ของเราจะไม่ยั่งยืน ผมไม่ต้องการให้เราเป็นแบบนั้น”
ชายหนุ่มบอกอย่างจริงจังพร้อมกับมองตาเธอนิ่ง ในดวงตาคู่คมนั้นกัญญานันมองเห็นความมุ่งมั่น มั่นคงอยู่เต็มเปี่ยม ราวกับเธอสามารถเชื่อมั่นไว้วางใจในตัวเขาได้ ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำหวั่นไหว รู้สึกถึงความปลอดภัยจากไออุ่นที่แผ่ล้อมรอบกายจากอ้อมกอดแข็งแกร่ง เปรมินทร์ทำให้เธอแทบจะวางหัวใจและชีวิตทั้งชีวิตเอาไว้ในมือของเขาด้วยพลังแห่งการปกป้องคุ้มครองที่
ชายหนุ่มมีอยู่ในตัวเพียงคำพูดคำเดียวและการกระทำเล็กน้อย
“ค่ะ”
หญิงสาวตอบรับไปตามแรงดึงดูดจากแววตาและภาษากายของอีกฝ่ายที่มีอิทธิพลและความน่าเชื่อถือล้นเหลือ แล้วเธอก็ได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนคืนกลับมา ตามด้วยสัมผัสหนักๆ ด้วยการประทับจูบข้างแก้ม ทำเอาใบหน้าสวยหวานเห่อร้อนทันควัน
เปรมินทร์มองแก้มระเรื่อแดงใสของคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู ปลายนิ้วแกร่งเกลี่ยไล้แผ่วเบาอย่างหยอกล้อพร้อมยิ้มที่ระบายบนมุมปากได้รูปสวย
“คุณเขินน่ารักออกอย่างนี้ ผมอยากเปลี่ยนใจใหม่ซะแล้วสิ ได้ไหม”
เขาเอ่ยถามกับคนขี้อายที่ตอนนี้ไม่หลบตาเขาแล้ว แต่เธอก็รีบส่ายหน้าหวือทันที จนชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ แววตาในดวงตาคมลึกนั้นมีประกายเจ้าเล่ห์วาบขึ้นมาขณะที่พูดกับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“โอเค ตามใจคุณ”
อ้อมแขนแข็งแกร่งปล่อยออกช้าๆ อย่างอ้อยอิ่งจนกัญญานันรู้สึกได้ แต่เมื่อสายตาของเธอปะทะเข้ากับแผงอกกว้างและหน้าท้องเป็นลอนแข็งแกร่งเพราะช่องว่างระหว่างร่างสองร่างเธอก็รีบขยับกายเบี่ยงเลี่ยงออกห่าง แล้วลงจากเตียงไป
เท้าเล็กก้าวไปทางตู้เสื้อผ้าเปิดออกก็พบแต่เสื้อผ้าของชายหนุ่มเต็มไปหมดจนต้องรีบปิดลงด้วยความขัดเขิน ตอนเขาเปิดตู้เธอไม่ได้สังเกตให้ดีจึงไม่รู้ว่าเสื้อผ้าตนเองอยู่ตู้ไหน จากนั้นหญิงสาวจึงขยับไปเปิดอีกตู้แทน ในนั้นมีเสื้อผ้าของเธอจัดไว้อย่างเรียบร้อย เด็กของไร่ภูศรีจันคงจัดการเอาไว้ตามคำสั่งของเจ้าปัทมาดารา เพราะคุณแม่ของเธอเป็นธุระส่งมาให้ก่อนแต่งงานพักหนึ่งแล้ว
กัญญานันนึกได้ว่าเธอยังไม่ได้แกะผมและถอดเครื่องประดับใดๆ ทั้งสิ้น หญิงสาวจึงหอบเสื้อผ้าทุกชิ้นรวมทั้งเสื้อคลุมไปทางกระจกบานใหญ่มุมหนึ่ง โดยไม่ได้ปรายตาไปที่เตียงเพราะรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา
เธอค่อยๆ แกะปิ่นกับเครื่องประดับบนผมอย่างช้าๆ เพราะไม่ค่อยถนัด แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นร่างสูงก้าวมายืนซ้อนหลังกุมมือเธอพร้อมกับบอก
“ผมช่วยนะ”
เปรมินทร์บอกแล้วก็พยายามหาทางเอาปิ่นออกให้หญิงสาวอย่างเบามือ ส่วนกัญญานันก็สบตาชายหนุ่มเพียงเล็กน้อย ไม่ได้ปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา ส่วนตนเองถอดต่างหู สร้อย และกำไลแทน เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ในเมื่อเขาให้ความเชื่อมั่นกับเธอ และได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว กัญญานันก็คิดว่าตนเองคงต้องปรับตัวปรับใจ
ขณะที่กำลังคิดเพลินอยู่นั้นลมหายใจร้อนพร้อมสัมผัสนุ่มอุ่นก็แนบลงมาบนลำคอด้านข้าง กัญญานันสะดุ้งหลุดจากภวังค์สายตาโฟกัสในกระจกเห็นชายหนุ่มประทับจูบที่คอเธอ ก่อนจะเงยขึ้นมองตอบเธอ ผ้าสไบถูกเขาถอดออกไปเมื่อไรเธอไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่งแล้วคนร่างสูงกว่าก็ขยับเข้ามาแนบชิดมากขึ้น พร้อมมือหนาข้างซ้ายไล้ตามลำแขนเรียวเสลาลงไปกุมประคองมือบาง มืออีกข้างโอบเข้ารอบเอวคอด ใบหน้าคมเลื่อนมาแนบแก้มเธอจนรู้สึกได้ถึงความสากระคายของหนวดเครา มองเห็นความคุกรุ่นจากแววตาและร่างกายร้อนรุ่มของอีกฝ่าย แต่กัญญานันก็ขยับไปไหนไม่ได้ทั้งที่อยากหนีเข้าห้องน้ำก็ตาม ทำได้แค่มองตามสายตาคู่คมของเขาที่สำรวจเธอในกระจกเพียงเท่านั้น
มืออบอุ่นพามือเธอให้แนบเข้ากับริมฝีปากได้รูปสีสวย รอยประทับที่นาบลงมาบนผิวทำให้กัญญานันทั้งร้อนทั้งแปลบปลาบระคนกัน เหมือนร่างกายโดนสะกดด้วยสายตาและจุมพิตของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง ดวงตากลมโตมองปากได้รูปที่พรมจูบไล้บนมือของตนอย่างเผลอไผล เขาจูบลงบนแหวนที่ฝังเพชรลงไปในตัวเรือนแทบจะเป็นเนื้อเดียวที่เพิ่งสวมให้เธอเมื่อเช้า แล้วระเรื่อยมาหาข้อมือก่อนจะพลิกจูบลงบนแอ่งชีพจรเล่นเอากัญญานันสะดุ้งทั้งตัว ดวงตาเบิกโพลงขึ้นเห็นเขาเงยขึ้นมามองเธออย่างลึกซึ้ง จนหญิงสาวถึงกับเผยอปากสั่นเอ่ยอะไรไม่ออก
=====
“อะ เอ่อ...”“คุณสวยจนผมอดใจไม่อยู่ ขอโทษที อย่าเพิ่งขัดใจผมเลย สัญญาว่าจะรอคุณอาบน้ำเสร็จก่อนแน่ แต่ว่าตอนนี้...ขอชื่นใจสักนิดเถอะนะ"ทั้งที่ร่างบางเกิดอาการหวั่นเกรงอย่างเห็นได้ชัดแต่เปรมินทร์ก็ยังเดินหน้า เมื่อเอ่ยปากขออย่างหมดเหลี่ยมแล้ว เขาก็สอดประสานมือข้างซ้ายของหญิงสาวกับตนเอง เหมือนเชื่อมความรู้สึกให้ส่งผ่านถึงกันและกัน แล้วเลื่อนลงให้เธอโอบกอดเอวบางพร้อมกับเขา ส่วนมืออีกข้างเลื่อนมาเชยคางมนให้แหงนเงยมารับจุมพิตร้อนรุ่มจากเขาปากได้รูปประทับแนบสนิทกับปากอิ่มสวยก่อนจะขยับไล้กลีบปากนุ่มแผ่วผิว อึดใจต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเบียดไล้มากขึ้นจนปลายลิ้นอุ่นซ่านถูกส่งออกมาสัมผัสกับความนุ่มนิ่มดั่งกลีบกุหลาบแรกแย้มถ้วนทั่ว ไม่นานหญิงสาวก็ยินยอมเผยอรับลิ้นอุ่นเข้ามาพัวพันกับตนเองโดยไม่รู้ตัว เปรมินทร์เป็นผู้นำพาให้เธอหลงวนไปกับความหอมหวานจากจูบแรกในชีวิตจนแทบไม่อยากถอยห่าง กระทั่งความอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรง จากไล้เลียพันรัดก็กลับเป็นดูดดึงรุนแรง นั่นเองที่ทำให้กัญญานันผวาหายใจหายคอไม่ทัน อกอวบอิ่มสะท้อนแรงขึ้น ลมหายใจแทบจะไม่มีหลงเหลือราวถูกสูบวิญญาณ แล้วก็ต้องส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเปรมิ
ความเย็นเยียบกระทบผิวกายนวลลออทันทีที่ร่างบางอรชรโผล่พ้นจากน้ำ กัญญานันล้างเนื้อล้างตัวด้วยน้ำอุ่นจากฝักบัวแล้วจึงรีบเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาคลุมร่าง ปากอิ่มสั่นจนฟันกระทบเข้าหากัน เมื่อซับน้ำจากร่างจนหมดแล้วก็แข็งใจดึงผ้าออกสวมชุดนอนแขนยาวขายาวตามด้วยเสื้อคลุมทับไปอีกชั้น หากก็ยังไม่ช่วยให้อบอุ่นเพียงพอหญิงสาวจึงรีบเอาผ้าขนหนูไปตาก เมื่อเห็นผ้าผืนใหญ่ตากอยู่ส่วนบนแล้วเหลือส่วนล่างที่เป็นของเธอก็รู้สึกแปลกๆ จะขัดเขินก็ไม่ใช่ อุ่นใจก็ไม่เชิง แต่ด้วยความหนาวกัญญานันจึงรีบทำทุกอย่างให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ออกไปจากห้องน้ำที่เย็นฉ่ำนี้เสีย โดยลืมไปสนิทว่าเมื่อออกไปแล้วอะไรกำลังรอตนเองอยู่เท้าเล็กก้าวออกมาจากห้องน้ำแล้วปิดประตูลง มือกำลังจะแกะผ้าขนหนูที่ห่อผมอยู่เพื่อซับให้หมาดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองไม่ได้อยู่ในห้องเพียงคนเดียว ดวงตากลมโตกวาดมองไปโดยรอบอย่างหวั่นใจ กระทั่งเจอร่างสูงเพรียวใส่กางเกงยีนเรียบร้อยยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้ากำลังสวมเสื้อยืดแขนสั้นแล้วหันมาทางเธอ คงเพราะได้ยินเสียงประตูนั่นเองกัญญานันมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงสัยแต่ไม่รู้จะเอ่ยถามว่าอะไร ส่วนชายหนุ่มก็มองเธอแวบเดียวแล้วหันไ
เกือบสิบนาทีต่อมามนตรีก็พารถโฟร์วีลคันโตของเปรมินทร์มาจอดเทียบหน้าบ้านพักหลังใหญ่ของเจ้าปัทมาดารา ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านส่วนตัวของเปรมินทร์ประมาณห้าร้อยเมตร ร่างสูงเพรียวพุ่งพรวดขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างร้อนใจ“ไปเลย”คำสั่งห้วนๆ ของเจ้านายทำให้มนตรีไม่กล้าทักท้วงขอให้เปรมินทร์ไปนั่งด้านหลัง เมื่อรถวกเลี้ยวโค้งกำลังจะออกไปจากลานกรวดด้านหน้าก็ต้องเบรกกะทันหันเพราะร่างหนึ่งโผล่ออกมาขวาง รถยังไม่ทันหยุดนิ่งด้วยซ้ำคนที่ขวางก็วิ่งมาด้านข้างแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะหลัง เนื่องจากไฟในรถทำให้เธอเห็นว่าที่นั่งด้านหน้าเต็มแล้ว“คุณมาได้ยังไง”เปรมินทร์ถามขึ้นขณะร่างบางเข้ามานั่งในรถ“ออกรถเลยค่ะ”หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถาม แต่บอกคนขับทั้งที่ตนเองยังไม่ทันจะปิดประตูด้วยซ้ำ เสียงของเธอดูหอบสะท้านทว่ายังไม่มีใครทันสังเกต“เร็วสิคะ”เมื่อเสียงใสเจือลมหายใจหอบน้อยๆ เร่งขึ้นมนตรีจึงเหลือบตามองหน้าเจ้านายซึ่งตอนนี้หน้าหล่อเหลาดูเคร่งเครียดและดุอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ในที่สุดเปรมินทร์ก็ยอมพยักหน้าให้ออกรถ มนตรีจึงทำตามคำสั่ง จากนั้นในรถก็เข้าสู่ความเงียบมีเพียงเสียงหายใจหนักๆ ของคนร่างบางซึ่งอยู่เบาะหลัง
สองอาทิตย์แห่งความโศกเศร้าผ่านไปอย่างเชื่องช้า หลังจากเกิดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นภายในไร่ภูศรีจันทุกอย่างในไร่ก็ดูเหมือนจะเฉาลงไปถนัดตา มองไปทางไหนก็เจอแต่ความหมองหม่น แม้แต่ไร่กุหลาบที่แสนสวยงามหลากหลายสียังไม่รู้สึกสดชื่นเวลาที่มองเห็น ใบหน้าของคนงานแต่ละคนก็หมองเศร้าจนไม่อยากมองหน้ากันเองด้วยซ้ำ ทว่าที่ดูแย่ที่สุดและราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนก็คือนายคนใหม่ของไร่ภูศรีจันอย่างเปรมินทร์ แม้ชายหนุ่มไม่อยากขึ้นมายืนบนจุดนี้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะไร่ขาดร่มโพธิ์ร่มไทรที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกันถึงสองคนชายหนุ่มเงียบขรึมไปมากจนหลายคนไม่กล้าสู้หน้าในระหว่างงานพิธี แม้กระทั่งผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาเองก็ตาม กัญญานันอยู่ในที่ของตนเอง ช่วยหยิบจับดูแลความเรียบร้อยเท่าที่พอจะทำได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยเพิ่งแต่งงานทำให้หญิงสาวไม่กล้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายมากนัก ยิ่งเห็นเปรมินทร์เฉย หน้าเศร้า เงียบขรึม เธอยิ่งทำตัวไม่ถูก อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นพรากความสูญเสียไปจากชายหนุ่มเพียงฝ่ายเดียว ส่วนคุณชายพงศกรกับคุณรุจีรัตน์พ่อกับแม่ของเธอปลอดภัย มีอาการบาดเจ็บ ทว่าก็ไม่รุนแรงมากถึงขั้นวิกฤต แต่ไม่สามารถออกจา
กัญญานันมองอ่างแก้วกับผ้าที่วางบนถาดแล้วก็รู้ว่าเป็นหน้าที่ของตัวเอง หญิงสาวตัดสินใจดื่มนมจนหมดแก้ว จากนั้นร่างบางก็ค่อยๆ เดินไปใกล้คนที่เอาแต่นอนนิ่ง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทว่าในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยปากเรียกก่อน“คุณมินทร์ คุณมินทร์คะ”ชายหนุ่มยังนิ่งอยู่เธอจึงค่อยๆ ยื่นมือไปวางบนท่อนแขนกำยำเบาๆ พร้อมเอ่ยเรียกอีกครั้ง ได้ยินเขาครางรับเสียงแหบพร่าแผ่วเบา รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยจึงพูดต่อ“คุณมินทร์ขยับตัวหน่อยนะคะ จะได้นอนสบายขึ้น”เธอเห็นเขาเหมือนจะพยักหน้านิดๆ แต่กลับไม่ขยับ จนผ่านไปชั่วอึดใจร่างสูงก็พยายามยันกายขึ้นแต่กลับเอียงเกือบจะล้มลงไปกัญญานันจึงรีบถลาเข้าไปพยุงแม้จะช่วยไม่ได้มากนัก เพราะชายหนุ่มพาตัวเองมานอนกลางเตียงเองเสียมากกว่า เขาเอียงตัวคว้าหมอนข้างมากอดแล้วปิดตาที่ปรือของตนลงอีกครั้งทันที ปล่อยให้คนร่างบางได้แต่มองอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อนึกได้ว่าต้องเช็ดตัวกัญญานันก็ผละออกมาเอาผ้าชุบน้ำกลับมานั่งบนเตียงข้างชายหนุ่มแล้วเรียกอีกครั้ง“คุณมินทร์คะ เช็ดตัวหน่อยนะคะ”“อืม ก็ทำไปสิ”เสียงแหบแห้งตอบเบาจนแทบไม่ได้ยิน ทว่ากลับไม่ขยับตัวนอนให้เธอเช็ดตัวได้อย่างสะดวก กัญญานันถอนหายใจ
โฮ่งๆกัญญานันชะงักเดินผ่านแปลงดอกไม้นานาชนิดท่ามกลางความหนาวของอากาศในตอนเช้าหันมองตามเสียงแล้วดวงตากลมโตก็เบิกโพลงเจ้าตัวที่ทำเสียงดังไม่ได้มีท่าทางเหมือนจะทำร้ายหญิงสาว มันวิ่งพรวดออกมาหากระดิกหางพร้อมกับเห่าไม่หยุด ตัวมันค่อนข้างเตี้ย กัญญานันยิ้มให้มันแล้วคุกเข่าลงกับพื้นหญ้า ยื่นมือไปหามันก็ถูไถหน้าย่นแหลมกับมือเธอ ทั้งยังเลียไม่หยุดจนหญิงสาวหัวเราะเบาๆ พร้อมกับพิจมองไปด้วยรู้สึกถึงความคุ้น“เฮ้ย แกจะทำอะไร”เสียงดังของใครคนหนึ่งตวาดขึ้น เจ้าสุนัขกระโจนเข้าหาอกหญิงสาวทันทีเธอจึงอุ้มมันเอาไว้พร้อมหันไปมองคนมาใหม่ เขาไม่ใช่คนบนภูหมอก“คุณเป็นใคร”ร่างบางลุกขึ้นก้าวถอยหลัง เพราะอีกฝ่ายยังไม่ตอบคำถาม เอาแต่มองหน้าเธอเหมือนไม่เคยเห็น แต่ก็ไม่เคยเห็นจริงๆ นั่นแหละ“คุณเป็นใครคะ มาที่นี่ได้ยังไง”“ผม...”“อ้ายหนุ่ม”สโนสาวน้อยที่เป็นลูกมือคนหนึ่งของเพ็ญเรียกพร้อมกับวิ่งมาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ พอเห็นกัญญานันก็ยิ้มหวานให้แล้วหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้น“พี่เพ็ญเปิ้นหื้อมาตามอ้าย เปิ้นบอกหื้ออ้ายอาบน้ำอาบท่า สักกำจะได้กินข้าว เตียมตั๋ว เผื่อนายมินทร์เฮียกใจ๊”“อืม”ผู้ชายที่สโนเรียกว่าหนุ่มพย
ร่างบางเดินออกจากห้องน้ำพร้อมของในมือก็เห็นเปรมินทร์ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ทว่าทีวีเปิดขึ้นมาแล้ว เมื่อสบตากันเธอก็มองเห็นเพียงแววนิ่งสุดจะหยั่งได้จากนัยน์ตาอีกฝ่าย หญิงสาวเสียบปลั๊กไดร์เป่าผม แล้วขยับมายืนใกล้ร่างสูง หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาถือในมือแต่ยังไม่ทันทำอะไรก็ถูกชายหนุ่มตวัดเอวบางเข้าไปหาเขา“เอ่อ...”“ผมรู้สึกเหมือนเริ่มจะหนักหัวอีกแล้ว”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ ราวกับอ้อนก่อนที่หญิงสาวจะพูดอะไร แถมยังดึงร่างเล็กให้เข้าไปยืนตรงกลางระหว่างขาของตัวเอง รั้งเอวบางขยับใกล้เขาอีกนิดเพื่อที่เธอจะได้เช็ดผมให้เขาสะดวกขึ้นกัญญานันไม่กล้าฝืนจึงจำยอมยืนนิ่งอยู่ในอกคนร่างใหญ่แล้วใช้ผ้าเช็ดผมสั้นของอีกฝ่ายอย่างเบามือ พยายามมองเพียงแค่สิ่งที่ตนเองทำ ไม่คิดว่าใกล้ชิดกันแค่ไหน แต่ดูเหมือนคนที่พยายามไม่คิดอะไรมีเพียงเธอ เพราะรู้สึกได้ว่ามือหนาของอีกฝ่ายลูบไล้ไปมาอยู่ที่ช่วงเอวด้านหลัง หญิงสาวจึงหาเรื่องมาพูดคุยเพื่อลดความอึดอัด“เมื่อกี้ฉันไปเจอหมาตัวหนึ่งค่ะ น่ารักดี เห็นสโนบอกว่าคุณเลี้ยงไว้ที่ออฟฟิศ เพิ่งพามันมาที่นี่แล้วฝากไว้กับหนุ่ม”“อืม...เมื่อวานยังไม่ทันได้บอกคุณ หนุ่มเป็นคนขับรถคนใหม่ ผมเพิ่ง
“แต่...แต่ว่า...นี่มันตอนเช้า เอ่อ...”คำท้วงหวานใสหยุดลงเพราะนิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มวางลงบนปากอิ่ม“ปากของคุณทั้งสวยทั้งหวานจนผมอยากจูบแล้วจูบอีก แก้มคุณก็นิ่มจนผมอยากหอมไม่หยุด คอก็ขาวผ่อง แล้ว...”ขณะที่พูดปลายนิ้วเขาก็ลากไล้ไปตามจุดต่างๆ ที่เอ่ยถึงบนเรือนร่างสวยพร้อมไปด้วย ทำเอาร่างบางสะท้านตาม กระทั่งปลายนิ้วแข็งแรงไล้ไปบนเนินเนื้ออวบเขาก็ชะงักเพราะกัญญานันจับมือเอาไว้ ชายหนุ่มจึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจับมือบางมาจุมพิตแผ่วเบาจนถ้วนทั่ว“ผิวคุณเนียนนุ่ม หอมทั้งเนื้อทั้งตัว คุณไม่รู้หรอกว่าผมอยากรักคุณทุกครั้งเวลาอยู่ใกล้ ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น”กัญญานันฟังคนที่พึมพำบอกเสียงแผ่วนิ่งเขินจนทำตัวไม่ถูก ได้แต่มองการกระทำของอีกฝ่ายด้วยใจไหวระทึก แทบลืมไปแล้วว่าตัวเองมีปากที่จะห้าม ด้วยถูกเหนี่ยวสติสัมปชัญญะทั้งหมดไป ไม่ว่าชายหนุ่มจะจูบจะหอมเธอก็สะท้านไปทั้งร่าง ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนลงมาหาแก้มนวลใส สูดดมความหอมชื่นใจเต็มที่ก่อนจะจูบไซ้แผ่วผิวระเรื่อยไปหาใบหูอ่อนนุ่ม ทำเอากัญญานันหอบแรงขึ้นมาทันใด มือบางที่ถูกฝ่ามือหนาทาบทับให้แนบแก้มเขานั้นชื้นไปด้วยเหงื่อ แม้จะเกร็งและสมองเตือนใ
“ไม่รู้สิคะ รู้แต่ว่าเธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดคุณ ไม่เคยมองคุณในแง่ร้าย แต่เธอเจ็บปวดที่รู้ว่าคุณทำให้เธอเสียใจ”นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนที่เปรมินทร์จะค่อยๆ คลี่ยิ้มที่มุมปากแล้วบอก“นางฟ้าคนนั้นรักผมเข้าให้แล้วล่ะ”กัญญานันก้มหน้างุดลงอย่างขัดเขิน เมื่อเห็นแววตาคู่คมวาววับราวกับล้อเลียน ทั้งที่ยังอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าแท้ๆ แต่ก็เข้าใจว่าเปรมินทร์คงอยากให้เธอสบายใจขึ้น“เฮ้อ...ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวผมก็ห้ามใจไม่ไหวอีกนะ”อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา แล้วก็จูบประทับหนักหน่วงเนิ่นนานบนกลีบปากสวยจนเธออ่อนระทวยอีกครั้ง ทว่าหญิงสาวยังไม่ลืมว่าชายหนุ่มพามาดูอะไร เมื่อปรือตาขึ้นมาพร้อมกับที่ใบหน้าคมคายผละออกไป เธอก็เงยหน้าขึ้นไปด้านบน แสงบางอย่างที่ร่วงลงอยู่ท่วมกลางท้องฟ้ามืดมิดดึงความสนใจของเธอให้หันมอง ร่างบอบบางถลันออกไปชะเง้อคอมองนอกเต็นท์“ฝนดาวตก”ดาวหลายดวงทยอยตกจากท้องฟ้าที่มุมหนึ่ง ทำให้กัญญานันตาวาว พูดโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ขยับมานั่งกอดซ้อนหลังเธอ“นี่ใช่ไหมคะที่คุณพาก้อยมาดู”“อืม”เปรมินทร์ตอบรับด้วยอารมณ์เซ็งๆ“แต่ผมชักอยากรักคุณมากกว่าดูฝนดาวตกนี่แล้ว”ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะวางคางของตนบ
ทั้งสองเซ่นไหว้ตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุของเจ้าปัทมาดากับคุณเฮนรี่ ก่อนจะย้อนกลับขึ้นมา เดินลึกเข้าไปด้านในยังจุดที่เกิดเรื่อง และกัญญานันก็วางฟ้ามุ่ยสีขาวไว้ตรงพื้นที่ที่เปรมินทร์บอกว่าฝังมอมแมมเอาไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็ขอไปตรวจเอกสารที่ออฟฟิศกับดูงานที่ไร่โดยพากัญญานันออกไปในไร่กับตนเองด้วย แม้ว่าตอนแรกเขาจะห้ามเพราะกลัวเธอจะเจ็บขามากขึ้น แต่หญิงสาวบอกว่าเธอยังไม่เคยเห็นไร่ภูศรีจันอย่างแท้จริงเลยสักครั้ง ชายหนุ่มจึงต้องพาหัวหน้าฝ่ายบัญชีกับเลขาไปด้วยเพื่อให้ดูแลและเป็นเพื่อนเธอ รวมทั้งคอยอธิบายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ตอนที่เขาตรวจงานในไร่ ทั้งคู่อยู่ที่ไร่กระทั่งเย็นจึงกลับขึ้นภู“ทำไมคุณถึงให้ลุงมั่นกางเต็นท์ให้เราล่ะคะ”กัญญานันพูดเสียงสั่นด้วยความหนาวหลังจากถูกคะยั้นคะยอให้ออกมายังจุดชมวิวด้านนอก เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะเข้านอน“ผมอยากให้คุณดูอะไรบางอย่างด้วยกันหน่อยน่ะ”ชายหนุ่มบอกแล้วรูดซิปเต็นท์ให้หญิงสาวเข้าไปด้านในก่อน แม้ด้านนอกจะมีกองไฟที่ให้คนขับรถคนใหม่จุดไว้แต่ก็ไม่ช่วยไล่ความหนาวเหน็บได้ ดีหน่อยที่พอไล่ยุ่งได้บ้าง“ดูข้างในไม่ได้เหรอคะ”“เราต้องดูบนท้องฟ้า”เมื่อท
“ผมรักก้อย”เสียงทุ้มพึมพำซ้ำแนบขมับชื้นเหงื่อของเธอ ตามมาด้วยรอยจูบหนักๆ“ที่สำคัญ...ผมรักหัวใจของคุณ หัวใจที่ดีงามเหมาะสมอย่างที่เจ้าแม่ผมเคยพูดเอาไว้ ท่านเคยบอกว่าผมจะรักคุณ แล้วผมก็รักจริงๆ แถมยังหลงด้วย หลงมากกก”พร้อมคำพูดเปรมินทร์ก็อุ้มร่างอรชรมานอนทับบนร่างแกร่ง ผิวเนื้อนุ่ม อกอวบอิ่ม ร่างสาวบดเบียดลงมาหาชายหนุ่มอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ กัญญานันเหมือนถูกดูดพลังงานไปจนหมด ไม่หลงเหลือแรงขัดขืนเขาด้วยซ้ำ“หลง แต่ชอบทำร้าย ชอบแกล้งเนี่ยนะคะ”มือบางตีอกกว้างเบาๆ เนื้อตัวเธอรู้สึกถึงมัดกล้ามเต็มแน่นช่วงหน้าท้องแกร่งและทั่วทั้งตัวของคนใต้ร่างเลยทีเดียว ใบหน้าหวานจึงออกอาการเขินอายเมื่อเห็นตาคมจ้องมาด้วยแววชอบอกชอบใจ“นี่เขาเรียกทำรักต่างหาก”เปรมินทร์ไม่บอกเปล่า แถมมือหนายังกดสะโพกเธอเข้าหาตัวเองซ้ำอีกจนกัญญานันต้องห้ามเสียงสั่น“อื้อ...ไม่เอาแล้วนะคะ”“เถอะน่า อีกครั้งหนึ่ง”“พอเถอะค่ะ ก้อยเหนื่อย”กัญญานันส่งสายตาขอร้องเต็มที่ เธอเพลียอยากนอนจะแย่อยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับมันเขี้ยวอยากฟัดคนตัวเล็กมากกว่าจะอยากหยุด เพราะไม่ว่าหญิงสาวจะมองแบบไหนเปรมินทร์ก็รู้สึกเหมือนเธอกำลังเชิญชวนเขาทุกท
คนถูกฉุดรั้งชะงักด้วยความงุนงงกับอารมณ์ร้อนแรงของตน และคำพูดกำกวมของอีกฝ่าย ร่างอรชรหอบหายใจระรัว เพิ่งรู้ว่าเธอเหนื่อยหนักขนาดนี้ ทว่าก่อนจะถามอะไรชายหนุ่มก็พลิกกายให้เธอลงไปนอนใต้ร่างขณะมือก็ปลดเสื้อนอนเธอออกไปพร้อมกัน ไม่ลืมที่จะดึงปิ่นออกจากผมสลวยจนสยายแผ่บนที่นอนอย่างน่าหลงใหล“ผมอยากบอกรักคุณก่อน”“คะ?”ดวงหน้าหวานเหลอหลาด้วยความแปลกใจกับคำรักที่ออกมาจากปากเขาแสนง่าย หากแรงพิศวาสที่โหมอยู่ยังไม่ถูกปลดปล่อย สมองเธอจึงทำงานช้า ความสนใจอยู่ที่มัดกล้ามแน่นตึงบนเรือนกายกำยำที่ค่อยๆ อวดต่อสายตา เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เธอกล้ามองเขาตรงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเพราะอะไรผู้หญิงต่างก็หลงใหลได้ปลื้มสามีตนเองขณะเดียวกันร่างสูงที่ผละไปถอดเสื้อผ้าของตนก็จับจ้องผิวขาวนวลผ่องที่เผยพร้อมเรือนกายงามสล้างไม่วาง ตาคมคู่ดุกวาดมองขึ้นลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างครึ้มใจที่ตนเองได้เป็นเจ้าของความงามลออตาตรงหน้า ความภาคภูมิใจปะปนความรักหลงอัดแน่นอยู่ในอก เพราะได้ครอบครองทั้งเรือนร่างสวยกับหัวใจที่ดีงามของกัญญานัน“ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ ทั้งดวงตา แก้ม ริมฝีปาก...”หลังจากทั้งร่างเปล่าเปลือยใบหน้าคมก็เลื่อนลงกระซิบพร้อม
กัญญานันไปส่งครอบครัวพร้อมกับเปรมินทร์และพี่ชายที่เชียงใหม่ แม้เธอจะบอกให้อีกฝ่ายพักผ่อนหลังจากทำแผลแล้ว แต่สุดท้ายเปรมินทร์ก็ยังเกาะติดภรรยาของตนไม่ยอมห่าง ส่วนทางด้านเพ็ญลงไปพักกับพ่อแม่ของตนในไร่ชั่วคราว กำลังอยู่ในช่วงคิดและพักใจ บนภูจึงมีสองสาวน้อยและคนขับรถซึ่งค่อนข้างมีอายุหน่อยของไร่กับภรรยาขึ้นมาอยู่แทน หากเพ็ญกลับมาก็ไม่มีปัญหาอะไร นอกจากมีแม่บ้านดูแลเพิ่มขึ้น เปรมินทร์ยินดีรับคนขับรถที่แต่งงานแล้วและมีอายุหน่อยมากกว่าคนโสด“ทานยาหรือยัง ข้อเท้าคุณเจ็บมากขึ้นอีกหรือเปล่า”เปรมินทร์ถามเมื่ออาบน้ำออกมาเห็นคนตัวเล็กกำลังนวดข้อเท้าอยู่“ทานแล้วค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย ไม่เท่าตอนที่เกิดเรื่องหรอกค่ะ”หมอในไร่ตรวจข้อเท้าให้หญิงสาวเพิ่มเติมหลังทำแผลให้ชายหนุ่ม แม้จะบอกว่าไม่ได้กระทบกระเทือนมากนัก“ผมนวดให้นะ”ร่างสูงใหญ่ขยับไปนั่งที่เตียงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเข้าไปใกล้คนตัวหอม แต่กัญญานันกลับส่ายหน้า“ได้ยังไงคะ มือคุณมีแผลอยู่”“ผมใช้มือซ้ายนวดให้”อีกฝ่ายยังพยายามจนเธอระอา แต่ก็ยังไม่ยอมอยู่ดี“ฉันนวดเองได้ค่ะ ว่าแต่คุณน่ะ ให้แผลโดนน้ำหรือเปล่าคะ มาให้ก้อยดูหน่อย”“คุณพูดว่าก้อยกับผมก็
“คุณพ่อกับคุณแม่จะกลับกรุงเทพฯ แล้วน่ะ แต่อยากขึ้นมาบนภู แล้วก็มาหาเราก่อนกลับด้วย”กิตติกรเป็นฝ่ายบอกเมื่อพบหน้าน้องสาว หญิงสาวเชิญทุกคนไปยังโต๊ะอาหาร ขณะที่เปรมินทร์เองก็มาถึงพอดี เขากำลังจะก้าวเข้าห้องอาหารขณะได้ยินประโยคคำพูดของคุณรุจีรัตน์“แม่กับคุณชายอยากมาไหว้เจ้ากับคุณเฮนรี่ ตรงที่ที่เกิดอุบัติเหตุด้วยน่ะ เห็นว่าเราเกิดเรื่องใกล้ๆ แถวนั้น คงเพราะเจ้าช่วยคุ้มครองเราถึงรอดมาได้ แม่อยากขอบคุณเจ้า”เปรมินทร์หน้าตึงขึ้น แต่ก็พยายามทำใจให้เย็นเข้าไว้ พยายามทำตัวให้เป็นคนมีเหตุผล ยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง และไม่วายปรายตามองลัลนาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปโอบไหล่บางของภรรยา หอมแก้มนวลแล้วยิ้มให้เมื่อเธอหันมาทำตาดุใส่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ“งั้นเดี๋ยวก้อยจัดเครื่องเซ่นไหว้ให้นะคะ”“ไม่เป็นไรลูก แม่เตรียมทุกอย่างแล้วก็แวะไหว้เรียบร้อยแล้วจ้ะ”“อย่างนั้นเหรอคะ”กัญญานันหน้าจ๋อยไป เปรมินทร์จึงหันไปโอบไหล่พร้อมบอกเบาๆ“ถ้าคุณอยากขอบคุณเจ้าแม่ เดี๋ยวผมพาไปใหม่ก็ได้”“ใช่จ้ะลูก เดี๋ยวหนูไปอีกครั้งกับคุณมินทร์ก็ได้ แม่กับคุณชายแล้วก็น้องนางจะกลับกันวันนี้ ไฟลต์เที่ยงน่ะจ้ะ แม่เลยรีบจัดการทุกอย่างให
“ฉันไม่ต้องการให้คุณมาช่วย มาดูแล ปล่อยนะ ฉันไม่กลับ ฉันจะเป็นยังไงก็ช่าง ปล่อยฉันให้ตายเหมือนที่ปล่อยมอมแมมไปเลย”หนทางของคนที่จนมุมคือหันไปทุบตีต่อว่าอีกฝ่าย ขณะที่เขาพาเธอลงไปด้านล่างด้วยความรวดเร็ว น้ำเสียงสั่นเครือกับตากลมโตวาววับที่แดงเรื่อทำให้เปรมินทร์จับได้ว่าภรรยาโกรธตัวเองด้วยเรื่องอะไร เขาปรายตาไปทางเพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่ตรงส่วนรับแขก“นายขับรถนะ”เปรมินทร์บอกกิตติกรแล้วพาร่างบอบบางเดินออกไปทันที ไม่สนใจเพื่อนสาวของเธอสองคนที่ได้ยินเสียงโวยวายแล้ววิ่งตามลงมา“ก้อย”สองสาวเรียกพร้อมกันแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้กิตติกรมองสองสาวแล้วยักไหล่ ก่อนจะวิ่งตามเพื่อนออกไปร่างสูงใหญ่พากัญญานันมาถึงรถ กดรีโมตก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งด้านหลังทั้งที่ยังอุ้มร่างบอบบางอยู่ วางเธอบนตักแกร่ง โอบเอาไว้ไม่ยอมปล่อย“ก้อยงอนผมเรื่องนี้?”เขาก้มลงถาม แล้วเมื่อเห็นเพื่อนขึ้นไปนั่งหน้าพวงมาลัยก็โยนกุญแจรถให้“ฉันไม่ได้งอน”กัญญานันเถียงกลับขณะหันไปสบตาพี่ชายอย่างร้องขอ“ขึ้นภู”เปรมินทร์บอกเพื่อนสั้นๆ ทำให้หญิงสาวในอ้อมกอดหันมามองเขาอย่างไม่พอใจ พร้อมผลักเขาพัลวัน เท้าก็ขยับดิ้นจนข้างที่เจ็บไปโดนที่นั่
เด็กๆ ทยอยกันกลับบ้านโดยมีผู้ปกครองมารับหลังจากหมดชั่วโมงสุดท้ายของช่วงบ่ายซึ่งสอนหลังเลิกเรียน สองหนุ่มลงจากรถแล้วเดินลิ่วสวนทางเข้าไป ด้านหน้าถัดจากประตูมีเคานเตอร์ต้อนรับอยู่ พนักงานกำลังยืนส่งผู้ปกครองกับเด็กๆ เมื่อเห็นสองหนุ่มก็ทำหน้างุนงง แต่เปรมินทร์ชิงพูดขึ้นก่อน“ก้อยมาที่นี่ใช่ไหม อยู่ไหน”“เอ่อ...”สาวพนักงานอึกอัก ทำให้เปรมินทร์ยิ่งหงุดหงิด รู้ว่าเธอไม่รู้จักเขา เพราะหลังจากวันทำบุญเขาก็ไม่ได้มาที่นี่อีก“ผมเป็นพี่สาวน้องก้อย กัญญานันน่ะ แล้วนี่สามีเขา น้องก้อยอยู่ที่นี่ใช่ไหมครับ”กิตติกรที่ใจเย็นกว่าอธิบาย ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ เธอเพิ่งเคยได้พบคุณกัญญานันหุ้นส่วนอีกคนของที่นี่วันนี้เอง และไม่เคยเจอสามีหรือพี่น้องเจ้านายมาก่อน“ใช่ค่ะ”“แล้วอยู่ไหน”เปรมินทร์ย้ำเสียงดุ“คุณสองกับคุณปรางลงมาส่งเด็กๆ เพิ่งขึ้นไปเมื่อสักครู่น่ะค่ะ คุณกัญญาไม่ได้ลงมาด้วย ฉันคิดว่าอาจจะกำลังพักผ่อนอยู่ชั้นสาม เพราะขาเธอยังเจ็บอยู่”แม้ว่าพนักงานสาวจะพูดจนจบประโยคทว่าเปรมินทร์ไม่ได้รอฟัง เขาพุ่งตัวเข้าไปด้านในตั้งแต่ได้ยินว่าชั้นสามแล้ว กิตติกรเอ่ยขอบคุณ ยิ้มให้อีกฝ่ายขำๆ แล้วก้าวตามไป สองห
“หึ...เสียหาย คุณเสียอะไรยังไง ช่วยแจงมาให้ฟังหน่อยสิ”คนถูกสวนหน้าชา เธอคิดว่าเปรมินทร์จะไม่กล้าพูด แต่เขากลับมาท้าเธอให้พูดแทน“ผมไม่อยากพูดถึงให้มันเสียปาก เพราะยังไงคุณก็เป็นพี่สาวเมียผม อยากจะใส่ไคล้ยังไงก็เชิญ แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า...”ในห้องยังคงมีแต่ความเงียบครอบคลุม เปรมินทร์หันไปยื่นข้อเสนอกับคุณชายพงศกรด้วยท่าทางที่แสนมั่นใจว่าตนเองอยู่เหนือกว่า“ถ้าคิดจะให้ผมเลิกกับก้อย ผมจะถอนหุ้นออกจากร้านที่ไอ้กลางจะมาเปิดสาขาที่เชียงใหม่ แล้วก็ยกเลิกสัญญาคู่ค้า ต้องจ่ายค่าเสียหายเท่าไรก็ได้ ผมยอม แต่ไปลองคิดดูดีๆ นะครับ ว่าผลกระทบที่ตามมาของใครจะมากกว่ากัน การขาดทุนระยะยาวที่พวกคุณพยายามแก้ปัญหาอยู่จะเป็นยังไง”ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืน จ้องมองใบหน้าของลัลนาชั่วแวบก่อนจะเมินไปทางอื่น“เอาล่ะ วันนี้ผมว่าเชิญทุกคนไปพักที่โรงแรมดีกว่าครับ เพราะดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจคนไข้สักเท่าไร กลาง...นายพาคุณน้าทั้งสองคุณกับน้องนายกลับไปก่อนเถอะ ฉันจัดการเรื่องห้องพักให้เรียบร้อยแล้ว”เมื่อเอ่ยเชิญอย่างเสียมารยาทแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องพักของผู้ป่วย ทิ้งให้คุณชายพงศกรถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ลัลนากัดฟันแน่