มิ่งขวัญยิ้มรับแทนคำตอบ ดวงตากลมบนใบหน้าเรียวเล็กจ้องมองบุตรสาวอย่างเลื่อนลอย มีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ในแววตาแสนเศร้าของหญิงวัยกลางคน นางถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมบุตรสาว “แม่ขอโทษลูก แม่ทำให้ลูกต้องลำบาก ชีวิตของแม่มีลูกอยู่คนเดียว แต่แม่ก็ไม่อาจจะทำให้ลูกของแม่มีความสุขได้ แม่ขอโทษ”
“ไม่ค่ะแม่ แม่อย่าโทษตัวเองเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากความสมัครใจของหนูเอง ดีแล้วค่ะแม่ ถ้าแม่ไม่เตือนหนู หนูก็คงอยู่ในโลกแห่งความฝัน ไม่ยอมตื่นขึ้นมารับรู้โลกแห่งความจริงเสียที”
“โลกแห่งความจริงที่มันโหดร้าย....”
“แต่หนูก็ต้องยอมรับมันอยู่ดี...อย่าคิดถึงมันอีกเลยค่ะแม่ แม่ไม่สบายอยู่ แม่พักผ่อนมากๆ นะคะ เดี๋ยวหนูจะไปอาบน้ำก่อน อ้อ...แม่ทานยารึยัง”
มิ่งขวัญพยักหน้ารับ คล้อยหลังที่บุตรสาวเดินเข้าห้องนางก้มลงมองผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยในมือที่ค่อยๆ คลายออกหลังจากกำไว้แน่น บนเนื้อผ้าบางสีขาวมีรอยเลือดสีแดงสดหยดเล็กๆ ติดอยู่ น้ำหยดหนึ่งไหลลงมาตามร่องแก้มที่มีริ้วรอยของการผ่านช่วงชีวิตมานาน มิ่งขวัญหลับตาลงหัวใจล่องลอยไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่ครูจนๆ อย่างมิ่งขวัญได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแต่ฐานะสูงส่งและร่ำรวยล้นฟ้า
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณมิ่งขวัญ เศรษฐกรใช่มั๊ยคะ”
ผู้หญิงคนนั้นสร้างความฉงนฉงายให้แก่ใครหลายๆ คน ด้วยการไปพบถึงห้องพักครูในโรงเรียนที่มิ่งขวัญทำงานอยู่ เบื้องหลังกรอบแว่นสีดำอันโตเป็นใบหน้าของหญิงวัยกลางคนที่ยังคงความงามด้วยมิต้องกรำงานหนัก ริมฝีปากเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเลือดนก จมูกโด่งแม้อายุมากแล้วแต่แก้มก็ยังเรื่อด้วยบลัชออนสีชมพูกุหลาบ
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเองค่ะ มิ่งขวัญ ไม่ทราบว่า.......”
“ดิฉัน....คุณหญิงปารมี วิเศษณ์ธาดา เป็นเจ้าของดิย่ารีสอร์ท”
อีกฝ่ายชิงตัดบทก่อนจะกรีดนิ้วประดับแหวนพลอยบุษราคัมเม็ดเขื่องไปบนแว่นตาก่อนจะดึงออกเผยให้เห็นดวงตาคมทว่าเจือด้วยแววเย็นชาในที ร่างบางในชุดผ้าไหมราคาแพงระยับนั่งลงบนเก้าอี้อีกฝั่งหนึ่งที่โต๊ะทำงานของมิ่งขวัญซึ่งอยู่ในชุดข้าราชครู บรรยากาศรอบๆ เงียบงัน ไม่มีใครอยู่เพราะเป็นเวลาพักเที่ยง แม้จะอยู่กันแค่สองคนในห้องกว้าง แต่มิ่งขวัญกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“ดิฉันจะไม่พูดอ้อมค้อมให้เสียเวลา จะรบกวนเวลาคุณเพียงเล็กน้อย เรื่องลูกสาวของคุณ”
“ลูกสาวของดิฉัน....มีมี่ทำอะไรผิดหรือคะ เขาทำงานที่รีสอร์ทของคุณใช่ไหมคะ เขาทำอะไรผิดรึเปล่า....รึว่า.....”
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน แต่มันเกี่ยวกับลูกชายของฉัน ฉันรู้มาว่าเขาสองคนคบกัน ดิฉันต้องขอพูดตามตรงนะคะ ในฐานะของคนเป็นแม่ก็ย่อมอยากเห็นอนาคตที่ดีของลูก ดิฉันมีลูกชายอยู่สองคน ราชเป็นคนสุดท้อง พี่ชายเขาก็ไปทำรีสอร์ทอยู่เชียงใหม่ ฉะนั้นความหวังเดียวของดิฉันตอนนี้อยู่ที่ตาราช คุณคงเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ด้วยกัน คุณก็รักลูกของคุณเหมือนอย่างที่ฉันรัก อยากเห็นอนาคตที่สวยงามของลูก อยากเห็นเขาอยู่กับคนที่เหมาะสม เหมาะควร”
ความเงียบล่องลอยอยู่รอบๆ คนทั้งสอง แต่ในหัวใจของคนเป็นแม่อย่างมิ่งขวัญอื้ออึงด้วยเสียงแห่งความไม่เข้าใจ ทว่ามันก็เป็นเสียงที่ดังอยู่ภายในเท่านั้น”
“คุณหญิงกำลังจะบอกว่า เขาทั้งสองไม่มีอะไรที่เหมาะสมหรือคู่ควรกัน อย่างนั้นใช่ไหมคะ”
ลำคอระหงของคุณหญิงปารมีตั้งตรงบนไหล่ที่ผึ่งผายราวจะแสดงให้อีกฝ่ายทำความเข้าใจกับความสูงส่งที่ตนมี คางนั้นเชิดอยู่เป็นนิจแสดงถึงความทะนงตนว่าอยู่เหนือผู้ใดเสมอมา มิ่งขวัญรู้สึกเหมือนตัวเองหดเล็กลงเมื่อเทียบกับผู้หญิงเจ้ายศเจ้าอย่างคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า
“ดิฉันไม่เคยทราบเลยค่ะ ว่าผู้ชายที่ลูกสาวของดิฉันคบหาอยู่ด้วยเป็นลูกของคุณหญิง แต่ดิฉันก็แน่ใจอย่างหนึ่งว่าลักษมีลูกสาวของดิฉันไม่เคยมีความคิดที่จะจับผู้ชายรวยๆ ถึงดิฉันจะเป็นครูเงินเดือนน้อย แต่ก็ไม่เคยสอนลูกให้ประพฤติตัวเยี่ยงนั้น”
ริมฝีปากสีแดงเข้มเหยียดออกอย่างเยียบเย็น สักครู่จึงก้มลงควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าหนังสีงาช้าง ก่อนจะดึงกระดาษแผ่นเล็กๆ ขึ้นมาวางบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยกองสมุดหลายกองวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ มิ่งขวัญก้มลงมองกระดาษแผ่นนั้นพลางหยิบขึ้นมาดูอย่างเพ่งพินิจ
“เช็คเงินสดหนึ่งล้านบาท มากกว่าเงินเดือนที่คุณได้รับทั้งปีไม่รู้กี่เท่า คุณอยากได้อะไรคุณก็จะได้ แค่คุณรับปากกว่า จะไม่ให้ลูกสาวของคุณมายุ่งเกี่ยวกับตาราชอีก อ้อ....ตอนนี้คุณไม่สบายอยู่ไม่ใช่หรือ อาจจะเอาเงินนี่ไปรักษาตัวให้หาย จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูกคุณต่อไปอีกนานๆ”
มิ่งขวัญเม้มริมฝีปากแน่น มือที่จับกระดาษแผ่นนั้นสั่นเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้สืบเรื่องของเธอและลูกด้วยเช่นนั้นหรือ โอ้...นี่หรือคนมีเงิน เมื่อปรารถนาสิ่งใดก็ใช้สิ่งนี้แลกมาได้ง่ายดาย ไม่เว้นแม้แต่วิญญาณของความเป็นคน “ขอบคุณในความเมตตา แต่คุณกรุณาเอาเช็คนี่กลับไปเถิดค่ะ”คำพูดของมิ่งขวัญมีพลังพอที่จะทำให้ดวงตาของผู้ยื่นข้อเสนอวาวโรจน์และยิ่งเมื่อกระดาษแผ่นน้อยถูกวางกลับคืนที่เดิมอย่างไม่ใยดียิ่งทำให้คุณหญิงแทบเต้น “นี่เธอ!....อ้อ...ใช่สิ ฉันลืมไป ตัวลูกชายของฉันคงจะมีค่ามากกว่าเงินหนึ่งล้านนี่เป็นแน่แท้ พวกเธอมันก็นักธุรกิจเหมือนกันนี่ คนต่อเงิน เธอก็คิดได้เหมือนกันรึ ฉันคิดว่าคนเป็นครูให้ความรู้เด็กจะไม่รู้จักคิดเรื่องการต่อรอง ฉันประมาณพวกเธอผิดไปมาก” มิ่งขวัญกลืนน้ำลายลงคอที่เหมือนตีบตันมากขึ้นทุกขณะ ผู้หญิงคนนี้มองเธอเป็นอะไร เอาเงินมาใช้เป็นเครื่องต่อรอง พอถูกปฏิเสธกลับพูดจาหมิ่นแคลนราวกับคนที่ตนกำลังสนทนาอยู่ด้วยไม่มีเลือดเนื้อความเป็นมนุษย์ หญิงวัยกลางคนพยายามเก็บความเจ็บปวดนั้นให้อยู่ลึกลงไปใต้จิตสำนึก ยังไว้แต่ความเข้มแข็งเป็นเกราะป้องกันตนเองแม้มันจะเปราะ
ท่ามกลางความแออัดจอแจของการจราจรและผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา หญิงสาวในชุดแซกยาวกรอมเท้าผ้าป่านมัสลินสีน้ำเงินเข้มพาร่างแบบบางเดินไปตามทางเท้าอย่างเชื่องช้า ผมยาวดำขลับถูกรวบเป็นหางม้าอวดใบหน้าเนียนทว่าซีดราวกระดาษ ดวงตากลมโตคู่นั้นแลไปเบื้องหน้าแต่เหมือนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของเส้นทาง ริมฝีปากมีร่องรอยของลิปสติกสีอ่อนทอประกายเจือจาง นิ้วเรียวกุมสายสะพายกระเป๋าไว้แน่น “มีมี่.....คุณพูดอะไรออกมา....เรา...เราเป็นแฟนกันนะ” เสียงทุ้มต่ำนั้นดังขึ้นในความคิด ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานชัดเจนอยู่ในภวังค์ของลักษมียิ่งนัก “แล้วมันจะสำคัญตรงไหนราช มีมี่จะบอกอะไรให้ จริงๆ แล้วมีมี่ไม่ได้ปลื้มผู้ชายช่างฝันอย่างคุณ เราไม่มีอะไรเหมาะสมกันสักนิด” “คุณไม่เคยเป็นแบบนี้นะมีมี่ เกิดอะไรขึ้น คุณกำลังจะบอกอะไรผม” “ฉันแค่อยากจะบอกว่า ฉันเบื่อคุณ ฉันไม่ได้รักคุณอีกแล้ว ฟังนะราช ฉันแค่อยากลองคบกับคุณ แล้วฉันก็พบคำตอบว่าคุณไม่ใช่....แบบที่ฉันคาดหวัง” “แล้วคุณต้องเจอใครอีกสักกี่คนถึงจะเจออย่างที่คุณต้องการ” “ราช การที่เร
“แม่ปีบ....ผมเพิ่งกลับมาถึงเมื่อครู่นี้เอง โอ๊ย...แม่ปีบอย่ากอดผมแน่น ผมก็ดีใจที่เจอแม่ปีบเป็นคนแรก” รามกอดตอบหญิงวัยกลางคนอย่างรักใคร่พลางชะเง้อหน้ามองเลยเข้าไปหลังรั้วอัลลอยด์ “นี่แม่ปีบดีใจมากจนใจคอจะให้คนไกลยืนตากแดดคอยตรงนี้หรือไง แล้วคนอื่นล่ะ คุณแม่....เจ้าราช.....” ทันทีที่แม่ปีบเงยหน้าขึ้นจากอ้อมอกของชายหนุ่ม เขาต้องชะงักไปชั่วขณะด้วยใบหน้าอวบอูมนั้นนองไปด้วยน้ำตา “แม่ปีบเป็นอะไร.....ร้องไห้ทำไม มีอะไรบอกผมสิครับ”อีกฝ่ายถอนสะอื้นก่อนจะเอ่ย “คุณราชค่ะ คุณราชกินยานอนหลับเกินขนาด ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล คุณหญิงท่านเป็นลมไปหลายรอบแล้ว คุณรามรีบตามไปดูก่อนเถิดค่ะ คุณพระคุณเจ้า...ขออย่าให้คุณราชเป็นอะไรไปเลย”ใบหน้าของรามเปลี่ยนไปทันที ชายหนุ่มขบกรามแน่นสีหน้าเครียดเข้ม “ว่าไงวะราม.....มีอะไรรึเปล่า?” พีรพลตะโกนถามมาจากในรถ รามละล้าละลังมองแม่ปีบซึ่งเป็นแม่นมที่เคยเลี้ยงดูมาแต่เล็กอย่างชั่งใจ “คุณรามไปโรงพยาบาลนะคะ ไม่ต้องห่วงปีบ รีบไปดูแลคุณหญิง” แม่ปีบสะอื้นไห้พลางละล่ำละลักให้รามรีบไป ชายหนุ่มผละจากหญิงวัยกลางคนกลับเข้า
“ราม.....รามลูกแม่ รามกลับมาแล้วหรือลูก”เสียงหอบโหยของคุณหญิงดังขึ้นทันทีที่บุตรชายคนโตมาถึงหน้าห้อง ไอ.ซี.ยู. ที่ตนเองนั่งรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ หญิงวัยกลางคนอยู่ในชุดคาฟทานสีสด แม้อายุจะมากแล้วแต่ผิวพรรณก็ยังผุดผ่องอยู่บนเรือนร่างที่ยังบอบบาง ใบหน้าที่มีริ้วรอยแต่ยังคงมีเค้าความงามหลงเหลืออยู่ ผมดำขลับถูกรวบเป็นมวยสูงประดับด้วยปิ่นเพชรอันน้อย คุณหญิงรีบถลาเข้าสู่อ้อมแขนของบุตรชายราวกับว่านี่เป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย “รามลูกแม่....ตาราช...ตาราช....”หญิงวัยกลางคนสะอื้นไห้ตัวโยนพูดพลางสะอื้นฮักก่อนจะใช้นิ้วเรียวที่ประดับด้วยแหวนเพชรเม็ดใหญ่หลายวงประคองใบหน้าบุตรชายไว้คล้ายกลัวว่าสิ่งมีค่านี้จะหลุดหายไป “รามกลับมาอยู่กับแม่นะลูก รามไม่ต้องกลับเชียงใหม่แล้ว ถ้าตาราชเป็นอะไรไปแม่จะอยู่กับใคร” “ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณแม่อย่ากังวล ราชจะปลอดภัย ผมอยู่ที่นี่แล้ว ผมจะอยู่กับคุณแม่” ชายหนุ่มปลอบประโลมมารดา สักครู่จึงเห็นว่ามีใครอีกคนยืนอยู่ด้านหลังคุณหญิงปารมี “สวัสดีครับ.......คุณราม”เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันในชุดสูทผ้