แชร์

บทที่ 3

            “ราม.....รามลูกแม่ รามกลับมาแล้วหรือลูก”

เสียงหอบโหยของคุณหญิงดังขึ้นทันทีที่บุตรชายคนโตมาถึงหน้าห้อง ไอ.ซี.ยู. ที่ตนเองนั่งรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ หญิงวัยกลางคนอยู่ในชุดคาฟทานสีสด แม้อายุจะมากแล้วแต่ผิวพรรณก็ยังผุดผ่องอยู่บนเรือนร่างที่ยังบอบบาง ใบหน้าที่มีริ้วรอยแต่ยังคงมีเค้าความงามหลงเหลืออยู่ ผมดำขลับถูกรวบเป็นมวยสูงประดับด้วยปิ่นเพชรอันน้อย คุณหญิงรีบถลาเข้าสู่อ้อมแขนของบุตรชายราวกับว่านี่เป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย

            “รามลูกแม่....ตาราช...ตาราช....”

หญิงวัยกลางคนสะอื้นไห้ตัวโยนพูดพลางสะอื้นฮักก่อนจะใช้นิ้วเรียวที่ประดับด้วยแหวนเพชรเม็ดใหญ่หลายวงประคองใบหน้าบุตรชายไว้คล้ายกลัวว่าสิ่งมีค่านี้จะหลุดหายไป

            “รามกลับมาอยู่กับแม่นะลูก รามไม่ต้องกลับเชียงใหม่แล้ว ถ้าตาราชเป็นอะไรไปแม่จะอยู่กับใคร”

            “ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณแม่อย่ากังวล ราชจะปลอดภัย ผมอยู่ที่นี่แล้ว ผมจะอยู่กับคุณแม่” ชายหนุ่มปลอบประโลมมารดา สักครู่จึงเห็นว่ามีใครอีกคนยืนอยู่ด้านหลังคุณหญิงปารมี

            “สวัสดีครับ.......คุณราม”

เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันในชุดสูทผ้าไหมสีเทาเอ่ยทักทายอย่างอ่อนน้อม ใบหน้าเรียวและดูสะอาดสะอ้านเจือรอยยิ้มละมัย

            “ผมเทวาครับ เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของคุณหญิงปารมี”

รามก้มศีรษะลงพร้อมยิ้มให้เป็นการตอบรับ

            “เทวาเป็นหลานแม่ปีบ แม่ส่งให้เขาเรียนจนจบกฎหมาย ตอนนี้เขาเลยกลับมาช่วยงานแม่ ตอนพาตาราชมาส่งโรงพยาบาลเขาก็เป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง”

            “เกิดอะไรขึ้นครับแม่ ทำไมราชมันทำอย่างนี้”สิ้นคำถามคุณหญิงจึงเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย ในแววตานั้นมีแววขึ้งเคียดและเจ็บปวด

            “ผู้หญิงคนนั้น...ราม....ผู้หญิงคนนั้นทำให้น้องคิดฆ่าตัวตาย ผู้หญิงที่ชื่อลักษมี...ลักษมี เศรษฐกร เขาทำร้ายตาราช ผู้หญิงที่ร้ายกาจ เห็นแก่ตัว แม่เกลียดเขาลูก!....แม่เกลียดเขา!”

เสียงที่ขาดเป็นห้วงๆ เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นเสมือนเหล็กแหลมทิ่มทะลุเข้าไปถึงก้นบึ้งความรู้สึกของชายหนุ่ม ดวงตาคู่นั้นวาวโรจน์ด้วยความอาฆาตพยาบาทจนเจ้าตัวแทบไม่รู้สึกว่าริมฝีปากถูกขบจนห้อเลือด เพียงชั่วครู่ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก นายแพทย์ในชุดเสื้อกาวน์สีขาวก้าวออกมาพร้อมกับนางพยาบาลผู้ช่วย

            “ขอโทษครับไม่ทราบว่าใครเป็นญาติผู้ป่วยครับ”นายแพทย์สูงวัยร่างสูงโปร่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

            “ดิฉันค่ะคุณหมอ......ดิฉันเป็นแม่ของเขาค่ะ เขาเป็นไงบ้างคะคุณหมอ เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”

            “ใจเย็นครับ ผู้ป่วยพ้นขีดอันตรายแล้ว.....”

ประโยคนั้นเหมือนยังไม่สิ้นสุด บนใบหน้าของนายแพทย์เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้รามรู้สึกกังขา

            “คุณหมอครับ ผมเป็นพี่ชายของเขา คุณหมอมีอะไรจะบอกเราหรือเปล่า”

            “คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วก็จริง แต่ตอนที่พวกคุณพาเขามาที่นี่....ดูเหมือนจะช้าไปสักนิดเพราะพวกคุณอาจเพิ่งไปพบเขา ผมเกรงว่าพิษของยานอนหลับอาจมีผลข้างเคียงต่อระบบประสาท...ไม่มากก็น้อย หลังจากนี้คงต้องคอยดูอาการคนไข้ต่อไปอีกหน่อย ผมจะจัดให้นางพยาบาลคอยดูแลอาการเขาอย่างใกล้ชิด”

สิ้นเสียงนายแพทย์คุณหญิงปารมีคล้ายทรงตัวไม่อยู่ ร่างนั้นอ่อนยวบจนบุตรชายต้องประคองให้นั่งลงบนเก้าอี้

            “คุณแม่......ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ราชมันไม่ตายแล้ว”

            “เวรกรรมอะไรกัน.....ถึงราชไม่ตาย แต่ลูกชายแม่ก็ไม่เป็นผู้เป็นคนเสียแล้ว”

ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งซีดหนักเข้าไปอีก หยาดน้ำถั่งออกมาจากดวงตาหยดแล้วหยดเล่า รามกอดร่างนั้นไว้แนบอกในขณะเดียวกันความเคียดแค้นชิงชังฉาดฉายอยู่ในแววตาคู่นั้นชัดเจน

ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาปกคลุมท้องฟ้าจนไม่นานก็เห็นแสงเดือนแสงดาวและแสงไฟที่สาดส่องสว่างอยู่รอบๆ เรือนไม้หลังเล็กโอบล้อมด้วยรั้วอิฐเต็มไปด้วยไม้เลื้อยไม้ดอกแน่นขนัด เสียงกอกแกกดังอยู่ที่รั้วก่อนที่บานประตูจะอ้าออก ร่างบางระหงในชุดผ้าป่านมัสลินสีน้ำเงินเข้มก้าวเข้ามาอย่างเงียบๆ จนเมื่อลงกลอนแล้วจึงได้ยินเสียงใครคนหนึ่งดังมาจากในตัวบ้าน

            “มีมี่....กลับมาแล้วหรือลูก”

            “ค่ะแม่”ลักษมีตอบกลับไปอย่างเนือยๆ เมื่อผลักประตูบ้านเข้าไปจึงเห็นมารดาในชุดนอนในมือมีหนังสือเล่มหนึ่งนั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก

            “วันนี้ไปสมัครงานที่ไหนมา ลูกดูเหนื่อยๆ นะ”

หญิงสาวก้มลงถอดรองเท้าก่อนจะก้าวเข้าไปแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มารดา

            “หนูไปสมัครงานที่รีสอร์ทกำลังจะเปิดใหม่ค่ะ...ชื่อ...อชันตารีสอร์ท เขาเปิดรับพนักงานหลายตำแหน่ง ก็คงต้องคอยสักพักเขาถึงจะเรียกไปสัมภาษณ์ แม่ล่ะคะ แม่ยังไออยู่รึเปล่าวันนี้หยุดไปสอนแล้วค่อยยังชั่วมั๊ยคะแม่”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status